00:00:06 → 00:00:09 ข้อเสียของการมีแฟนหรือการเป็นโสดการมี
00:00:09 → 00:00:11 แฟนเนี่ยข้อสำคัญเลยก็คือทำให้ไม่เหงา
00:00:11 → 00:00:14 แล้วก็มีที่ปรึกษาไว้ใกล้ตัวนะคะที่จะพูด
00:00:14 → 00:00:17 คุยเปิดเผยได้ทุกเรื่องแล้วก็ยังสามารถ
00:00:17 → 00:00:20 ตอบสนองความต้องการทางเพศได้ด้วยส่วนในคน
00:00:20 → 00:00:23 ที่เป็นโสดก็คือใช้ชีวิตได้ตามใจอย่าง
00:00:23 → 00:00:27 เต็มที่ไม่ห่วงไม่ต้องสนใจใครจะไปไหนก็ทำ
00:00:27 → 00:00:30 อะไรก็ไม่ต้องมานั่งขออนุญาตใครถ้าคนโสด
00:00:30 → 00:00:33 นั้นรู้จักจัดการและบริหารความเหงาของตัว
00:00:33 → 00:00:34 เองให้เป็น
00:00:34 → 00:00:35 เลิศค่ะ
00:00:35 → 00:00:37 [เพลง]
00:00:37 → 00:00:40 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัพเดททุกโรคภัยฟังราย
00:00:40 → 00:00:46 การโรงหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:46 → 00:00:49 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:49 → 00:00:53 การโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast พบกัน
00:00:53 → 00:00:56 เช่นเคยเรื่องวันนี้นะคะน่าจะเป็นการตอบ
00:00:56 → 00:00:59 โจทย์ของใครหลายๆคนอีกเหมือนกันนะเป็นคำ
00:00:59 → 00:01:04 ถามที่ถามนะในสังคมยุคนี้นะอาจจะมีหลาก
00:01:04 → 00:01:09 หลายนะคะกับเรื่องของการโสดก็มีแฟนแบบไหน
00:01:09 → 00:01:14 ดีกว่ากันเออไม่รู้แหละนะคะจะแบบไหนดี
00:01:14 → 00:01:17 กว่ากันต้องมาฟังกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร
00:01:17 → 00:01:19 จันวิภาดิลกสัมพันธ์ผู้ทรงคุณวุฒิ
00:01:19 → 00:01:23 มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้
00:01:23 → 00:01:25 เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัวค่ะ
00:01:25 → 00:01:27 สวัสดีค่ะอาจารย์ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:27 → 00:01:31 ท่านผู้ฟังค่ะวันนี้เป็นหัวข้อแบบเอ๊ะจะ
00:01:31 → 00:01:35 เชิงแบบเบาๆเป็นคำถามเอ๊ะยังไงดีนะโสดจะ
00:01:35 → 00:01:38 มีแฟนถามคุณสุรีย์พรก่อนแล้วกันว่าในฐานะ
00:01:38 → 00:01:42 ที่ผ่านมาและนะคะทั้งโสดทั้งมีแฟนเนี่ยนะ
00:01:42 → 00:01:46 ฮะอ่ะลองบอกข้อดีหรือว่าเป็นโสดเนี่ยมัน
00:01:46 → 00:01:49 มีข้อปีข้อเสียยังไงบ้างตามความคิดของคุณ
00:01:49 → 00:01:50 ศิริพรแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาสรุปทั้งหมดกัน
00:01:51 → 00:01:54 อาจารย์ผู้ฟังได้ฟังนะคะ
00:01:54 → 00:01:57 คุณผู้ฟังลองนึกคำตอบตามตามมาดูก็ได้นะ
00:01:57 → 00:02:00 คิดคนละข้อคิดคนละข้อนะคะถ้าในมุมของคำ
00:02:00 → 00:02:03 ว่าโสดๆคือแบบหนึ่งไม่ต้องเพราะว่าพะวง
00:02:03 → 00:02:05 ไม่ต้องเครียดกับว่าเราจะไปทำอะไรที่ไหน
00:02:05 → 00:02:08 ยังไงมีคำถามเยอะไม่ต้องมีคำถามเยอะอ่ะ
00:02:08 → 00:02:12 แต่เราแบบเราใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้
00:02:12 → 00:02:16 ไม่ต้องเครียดประมาณนี้แล้วข้อเสียของการ
00:02:16 → 00:02:19 เป็นโสดบางทีเหนื่อยๆมาก็อยากมีไหล่ให้
00:02:19 → 00:02:19 พักพิง
00:02:19 → 00:02:22 [เสียงหัวเราะ]
00:02:22 → 00:02:23 เอ่อโอเคตอนนี้มันไม่ได้เป็นฟิลลิ่งแบบ
00:02:23 → 00:02:26 อายุขนาดนี้ไม่เป็นฟิลลิ่งแบบแฟนจ๊ะจ๋า
00:02:27 → 00:02:29 เกี่ยวนี้ก้อยเดินตามจริงใจหาแล้วนะคะ
00:02:29 → 00:02:32 อาจารย์ต้องการเป็นคนที่มาช่วยเขาเรียก
00:02:32 → 00:02:35 ว่าคู่ชีวิต
00:02:35 → 00:02:39 อยู่ข้างๆกันนะฮะอ่ะแล้วคนมีแฟนล่ะคะข้อ
00:02:39 → 00:02:43 ดีแฟนสวัสดีข้อเสียเป็นไงข้อดีของคนมีแฟน
00:02:43 → 00:02:46 เอ้าในแถวนั้นที่เคยมีก็รู้สึกว่ามันก็จะ
00:02:46 → 00:02:49 แบบมันมีอะไรให้เรารู้สึกว่าเราได้นึกถึง
00:02:49 → 00:03:10 เราทำแล้วมันแบบเออ
00:03:10 → 00:03:52 [เพลง]
00:03:52 → 00:03:55 ที่จะพูดคุยเปิดเผยได้ทุกเรื่องนะคะระบาย
00:03:55 → 00:03:58 หรือปรึกษาปัญหาการเงินปัญหาการงานนะคะ
00:03:58 → 00:04:02 ยามเจ็บป่วยก็มีคนมาเยี่ยมไข้ดูแลพาไปโรง
00:04:02 → 00:04:05 พยาบาลอะไรต่างๆเหล่านี้นะคะแล้วก็ยัง
00:04:05 → 00:04:08 สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศได้ด้วยนะ
00:04:08 → 00:04:12 คะถ้าเราชอบหรือมีความต้องการมากน้อยพอๆ
00:04:12 → 00:04:14 กันมันก็ไม่เป็นปัญหานะคะก็อยู่กันได้รอด
00:04:14 → 00:04:17 อะไรอย่างนี้เป็นต้นนะคะซึ่งตรงนี้เนี่ย
00:04:17 → 00:04:20 ในเรื่องของเล่นละเอียดนิดนึงเกี่ยวกับ
00:04:20 → 00:04:22 เรื่องของการมีเซ็กส์แทรกไว้ก่อนนะคะก็
00:04:22 → 00:04:24 คือการมีเซ็กซ์เนี่ยมันจะมีตั้งแต่ระยะ
00:04:24 → 00:04:29 ของการแลกพบนะเอ่อระยะที่สานสัมพันธ์ระยะ
00:04:29 → 00:04:32 ที่ผูกพันระยะที่ตักตวงตักเติมความสุขให้
00:04:32 → 00:04:35 กันและกันนะฮะแล้วก็ช่วงที่เรียนรู้ไป
00:04:35 → 00:04:38 ด้วยกันของคนมีแฟนเนี่ยนะทุกระยะเนี่ยมัน
00:04:38 → 00:04:40 จะมีผลของฮอร์โมนแต่ละตัวแต่ละตัวแต่ละ
00:04:40 → 00:04:44 ตัวนะคะซึ่งมันจะมีผลต่อร่างกายโดยเฉพาะ
00:04:44 → 00:04:47 กลุ่มที่จะทำให้มีความสุขอ่ะเช่นจะเป็น
00:04:47 → 00:04:50 endor Field นะคะเป็นเอ่ออ๊อกซี่โตซิน
00:04:50 → 00:04:53 เป็นอะไรต่างๆคราวนี้นะคะอันนั้นคือราย
00:04:53 → 00:04:56 ละเอียดเดี๋ยวถ้าสงสัยแล้วมาพูดกันใหม่
00:04:56 → 00:04:59 ความขยายความแต่พูดให้ฟังว่าอันนี้คือใน
00:04:59 → 00:05:01 แง่ของ sex นะคะส่วน
00:05:01 → 00:05:04 ถ้ามีคู่ที่ดีก็จะช่วยส่งเสริมกันอันนี้
00:05:04 → 00:05:07 เราเน้นผู้ที่ดีนะคะนะคะเพราะว่าถ้าไม่ดี
00:05:07 → 00:05:09 มันก็นำทุกข์มาให้ใช่ไหมจะช่วยสนับสนุน
00:05:09 → 00:05:12 ทางการงานการเงินทำให้ชีวิตดีขึ้นช่วย
00:05:12 → 00:05:16 เกื้อหนุนกันและกันนะฮะแต่ถ้าไม่มีคู่ที่
00:05:16 → 00:05:18 ไม่ดีก็ผลลัพธ์ก็ทางตรงกันข้ามนั่นแหละนะ
00:05:18 → 00:05:22 คะและถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบ
00:05:22 → 00:05:25 จริงใจแล้วก็สม่ำเสมอแล้วเนี่ยนะคะก็หวัง
00:05:25 → 00:05:28 ที่จะอยู่ต่อไปกันนานๆอันนี้ก็คือในฝ่าย
00:05:28 → 00:05:32 ของคนที่มีแฟนนะคะเอ่อส่วนในฝ่ายของคนที่
00:05:32 → 00:05:36 เป็นโสดก็คือใช้ชีวิตได้ตามใจอย่างเต็ม
00:05:36 → 00:05:40 ที่นะคะเอ่อไม่ห่วงไม่ต้องสนใจใครอ่า
00:05:40 → 00:05:43 เหมือนที่คุณศิริพรบอกจะไปไหนก็ทำอะไรก็
00:05:43 → 00:05:46 ไม่ต้องมานั่งขออนุญาตใครนะคะไม่ต้องแคร์
00:05:46 → 00:05:49 ใครไม่ต้องง้อใครมีอิสระเต็มที่สนุกได้
00:05:49 → 00:05:52 สุดเหวี่ยงเอางี้ละกันนะคะแล้วก็เราใช้
00:05:52 → 00:05:55 เงินมาใช้เงินที่ตัวเราหามาได้เต็มที่เลย
00:05:55 → 00:05:58 ไม่ต้องแบ่งใครไม่ต้องหาร 2 ไม่ต้องเผื่อ
00:05:58 → 00:06:01 ใครรู้อยู่สบายชอบของแพงเที่ยวเมืองนอก
00:06:01 → 00:06:04 ได้หมดนะคะเพราะว่าไม่ต้องเผื่อที่จะคิด
00:06:04 → 00:06:07 ถึงใครเอางี้ละกันทำตามใจตัวเองแต่ข้อ
00:06:07 → 00:06:10 เสียสุดๆเลยเนี่ยค่ะของคนที่เป็นโสดก็คือ
00:06:10 → 00:06:14 ความเหงานะฮะเพราะฉะนั้นความเหงาบางทีมัน
00:06:14 → 00:06:17 เจ็บปวดรุนแรงนะนะแล้วมันก็เป็นอะไรที่
00:06:17 → 00:06:21 สาหัสทีเดียวแต่นะฮะถ้าคนโสดนั้นรู้จัก
00:06:21 → 00:06:24 จัดการและบริหารความเหงาของตัวเองให้เป็น
00:06:24 → 00:06:28 เลิศค่ะเลิศค่ะนะคะเพราะฉะนั้นก็ต้องชั่ง
00:06:28 → 00:06:32 น้ำหนักดูนะฮะว่าเราจะเอาแบบไหนเราจะชอบ
00:06:32 → 00:06:35 หรือไม่ชอบยังไงแต่ถ้าถามว่าทุกคนอยากมี
00:06:35 → 00:06:39 แฟนมั้ยคุณจรีพรตัวอย่างมีธรรมชาติของทุก
00:06:39 → 00:06:41 คนเลยอยากมีแฟนอยู่อ่ะแต่มันไม่ได้ไปกด
00:06:41 → 00:06:43 ได้ตามตู้อัตโนมัติเลยเนาะโหถ้าเลือกได้
00:06:43 → 00:06:45 นี่
00:06:45 → 00:06:49 แต่มันมีข้อจำกัดบางอย่างน่ะแล้วคนส่วน
00:06:49 → 00:06:52 ใหญ่ก็เลยทำให้ข้อจำกัดเหล่านั้นเช่นอะไร
00:06:52 → 00:06:55 คะชอบชอบอยู่คนเดียวบางคนในโลกส่วนตัวสูง
00:06:55 → 00:06:58 ใช่ไหมหรือเคยชินกับการอยู่คนเดียวมานาน
00:06:58 → 00:07:01 หรือว่ายังหาสเปคที่ถูกใจไม่ได้มันไม่
00:07:01 → 00:07:04 คลิกกันน่ะนะฮะเพราะฉะนั้นอยากมีไหมอยาก
00:07:04 → 00:07:06 แต่มันเป็นอย่างเงี้ยเพราะถ้าคนส่วนใจ
00:07:06 → 00:07:09 ส่วนใหญ่ก็เลยเลือกที่จะเป็นโสดมากกว่าใน
00:07:09 → 00:07:12 ยุคปัจจุบันนะคะอาจารย์มันจะมีไหมคะคนที่
00:07:12 → 00:07:15 เป็นโสดเอ่อคือไม่อยากโสดเพราะขี้เกียจ
00:07:15 → 00:07:19 ตอบคำถามค่ะก็มีเหมือนกันค่ะนะฮะไม่มีแฟน
00:07:19 → 00:07:21 ทำไมไม่มีแฟนอยู่อย่างเงี้ยนะคะเพราะว่า
00:07:21 → 00:07:25 บางทีก็แต่งจากสังคมไงแต่งจากคนรอบข้าง
00:07:25 → 00:07:28 นะฮะบางคนก็แต่งจากความเหมาะสมเช่นวัยถึง
00:07:28 → 00:07:32 แล้วอะไรแล้วแล้วก็มีคนแนะนำมาให้กึ่งคุม
00:07:32 → 00:07:35 ถึงชนไก่ๆอ่ะค่ะก็ไม่ถึงกับคลุมมิดเนาะ
00:07:35 → 00:07:38 แต่ว่าอ่านไม่ญาติแนะนำมาคนนี้ประวัติดี
00:07:38 → 00:07:41 โปรไฟล์ดีนะเหมาะกับเราเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:07:41 → 00:07:45 พ่อแม่กับรู้จักกันอะไรอ่ะแต่งก็แต่งอะไร
00:07:45 → 00:07:48 งี้เดี๋ยวๆๆในยุคนี้เขามันไม่ต้องแบบมัน
00:07:48 → 00:07:51 เน้นเรื่องของความรู้สึกว่าเออรักกันชอบ
00:07:51 → 00:07:54 พอกันถึงแต่งหรออันนี้คือแบบก็เอ้อๆอยู่ๆ
00:07:54 → 00:07:56 ไปเดี๋ยวก็รักกันยังมีอยู่อีกอ่ะค่ะมีค่ะ
00:07:56 → 00:07:59 มีค่ะยังมีอยู่นะเพราะว่ายังเจออยู่หลาย
00:07:59 → 00:08:02 คู่ทีเดียวส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น
00:08:02 → 00:08:05 อะไรล่ะตามใจพ่อแม่หรือว่าเขาก็ดุดูตัว
00:08:05 → 00:08:08 กันแล้วล่ะแล้วเขาก็รู้สึกว่าเออไปได้ชอบ
00:08:08 → 00:08:12 ใจมีค่ะเช่นมีฟังประวัติมาแล้วว่าคนนี้ดี
00:08:12 → 00:08:15 นะอะไรอย่างเงี้ยก็ไปดูตัวอุ๊ยชอบๆๆๆอะไร
00:08:15 → 00:08:17 อย่างเงี้ยนะคะนึกออกมั้ยคะ
00:08:17 → 00:08:23 ไม่ได้ว่าไม่ได้ว่าคลุมเต็มที่แต่มีคนแนะ
00:08:23 → 00:08:26 นำกึ่งแม่สื่อแม่ชักนี่แหละนะฮะว่าเออคน
00:08:26 → 00:08:28 นี้ยังว่างอยู่เลยหรือคนนี้เพิ่งเลิกกับ
00:08:28 → 00:08:31 แฟนดี๊ดีเนี่ยไม่จีบเสียดายแย่เลยนะอะไร
00:08:31 → 00:08:33 อย่างเงี้ย
00:08:33 → 00:08:36 แล้วก็ทำให้เรารู้สึกเออพอมาครบแล้วเราก็
00:08:36 → 00:08:39 รู้สึกดีด้วยอะไรด้วยอย่างเงี้ยค่ะแต่ว่า
00:08:39 → 00:08:42 ครบแล้วดีรอดก็มีเนาะอ่าไม่ได้บอกว่ามัน
00:08:42 → 00:08:45 จะไม่ดีตลอดทุกอย่างอ่ะทีนี้ถ้ามาดูในแง่
00:08:45 → 00:08:47 ของสุขภาพบ้างมีคนเขาพูดถึงเรื่องของ
00:08:47 → 00:08:50 สุขภาพเนี่ยนะฮะป้าเค้าบอกว่ามันจะมี
00:08:50 → 00:08:53 เรื่องของความสุขนะเรื่องของสุขภาพเรื่อง
00:08:53 → 00:08:55 ของอะไรในที่เข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับ
00:08:55 → 00:08:57 เรื่องของการมีแฟนกับไม่มีแฟนด้วยเค้าก็
00:08:57 → 00:09:00 พบว่าในเรื่องของสุขภาพเนี่ยนะคะคนโสด
00:09:00 → 00:09:04 เนี่ยอ่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่
00:09:04 → 00:09:07 เกิดจากไลฟ์สไตล์เนี่ยมากกว่าคนคนมีแฟน
00:09:07 → 00:09:10 หรือคนคู่จากไลฟ์สไตล์นี้คืออะไรวิถี
00:09:10 → 00:09:13 ชีวิตอ่ะค่ะเช่นคนโสดมันก็จะทำให้ฟรีใช่
00:09:13 → 00:09:15 ไหมที่จะทำอะไรก็ได้ก็อาจจะไป
00:09:15 → 00:09:19 สูบบุหรี่กินเหล้ากินอาหารพวก jun Food
00:09:19 → 00:09:24 นะฮะอะไรพวกนี้เท่าไหร่เพราะว่าคนที่มี
00:09:24 → 00:09:26 คู่แล้วเนี่ยเขาก็มักจะดูแลตัวเองมากขึ้น
00:09:26 → 00:09:29 หรือว่าถูกกำราบจากอีกฝ่ายหนึ่งจะได้อยู่
00:09:29 → 00:09:32 ด้วยกันอ่าจะได้อยู่กันนานๆอย่าสูบเลย
00:09:32 → 00:09:35 อะไรอย่างเงี้ยนะคะมันก็ทำให้มีตัว
00:09:35 → 00:09:38 คอนโทรลมากขึ้นอะไรอย่างนี้กับกับที่เรา
00:09:38 → 00:09:40 ลัลล้าคือบางคนเนี่ย
00:09:40 → 00:09:43 ลัลล้ามากนะฮะก็คือเย็นปั๊บต้องสังสรรค์
00:09:43 → 00:09:46 กับเพื่อนต้องอะไรอย่างเงี้ยนะคะทั้งหญิง
00:09:46 → 00:09:48 ทั้งชายหนักปาร์ตี้อะไรอย่างเงี้ยมันก็ทำ
00:09:48 → 00:09:52 ให้เป็นที่มาของสุขภาพที่ไม่ดีค่ะทีนี้ใน
00:09:52 → 00:09:55 เรื่องของความสุขเนี่ยก็จะพบว่าความสุข
00:09:55 → 00:09:57 เนี่ยจริงๆมันคือความพอพึงพอใจในการใช้
00:09:57 → 00:09:59 ชีวิตซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน
00:09:59 → 00:10:02 คนนี้อาจจะชอบปาร์ตี้สังสรรค์แต่อีกคนอาจ
00:10:02 → 00:10:04 จะชอบการอยู่คนเดียวกับการอ่านหนังสือ
00:10:04 → 00:10:07 เงียบๆถูกไหมคะเพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยมัน
00:10:07 → 00:10:09 ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติในเรื่องต่างๆนะคะ
00:10:09 → 00:10:13 ที่จะมองในเชิงบวกหรือเชิงลบแต่ว่าคนที่
00:10:13 → 00:10:15 มีความสุขเนี่ยก็ขี้มักจะมองในเชิงบวกมาก
00:10:15 → 00:10:18 กว่าเชิงลบนะคะแล้วก็ขึ้นอยู่กับ
00:10:18 → 00:10:21 ประสบการณ์ในอดีตนะคะการเลี้ยงดูจากพ่อ
00:10:21 → 00:10:25 แม่จากกลุ่มเพื่อนจากโรงเรียนนะฮะหรือคน
00:10:25 → 00:10:27 ที่มีคนรอบข้างช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหนที่
00:10:27 → 00:10:31 จะทำให้การเป็นคนยืดหยุ่นหรือปล่อยวางได้
00:10:31 → 00:10:34 มากน้อยแค่ไหนนะคะเพราะฉะนั้นตรงนี้จะมา
00:10:34 → 00:10:37 บอกว่ามีแฟนแล้วมีความสุขมากกว่าคนโสด
00:10:37 → 00:10:40 หรือคนโสดมีความสุขมากกว่าคนมีแฟนมันบอก
00:10:40 → 00:10:44 ไม่ได้มีแฟนก็บอกว่าอยากโสดคนโสดบอกอยาก
00:10:44 → 00:10:46 มีแฟนเห็นไหมคะเพราะฉะนั้นตรงนี้มันก็คือ
00:10:46 → 00:10:50 คนในอยากออกคนนอกอยากเข้าที่มีแล้วก็รู้
00:10:50 → 00:10:53 ว่าเฮ้ยมันไม่ได้สุขจริงนะมันก็มีทุกข์มา
00:10:53 → 00:10:55 เป็นพวงๆเลยนะอย่างที่ตอนต้นที่คุณ
00:10:55 → 00:10:58 สุรีย์พรพูดว่าพอมีปั๊บก็เริ่มระแวงและ
00:10:58 → 00:11:00 เขาไม่ได้อยู่อยู่กับเราเขาจะไปอยู่กับ
00:11:00 → 00:11:04 ใครมันทำไมโทรไปไม่รับสายอะไรอย่างนี้นะ
00:11:04 → 00:11:07 คะเพราะฉะนั้นความรักที่แท้จริงในโบราณ
00:11:07 → 00:11:10 เขาสอนไว้ว่าความรักที่ดีนะคะไม่ใช่ความ
00:11:10 → 00:11:12 รักที่แท้จริงใช้ข้อความรักที่ดีแล้วกัน
00:11:12 → 00:11:16 มันต้องมีความเป็นมันมีความใช้คำว่าแรง
00:11:16 → 00:11:19 ความสัมพันธ์นะคะแต่ว่าถ้าความรักที่มัน
00:11:19 → 00:11:22 มันไม่โอเคเนี่ยมันจะเป็นพันธนาการ
00:11:23 → 00:11:26 แต่ความรักที่ดีเนี่ยมันจะมีพัฒนาการก็
00:11:26 → 00:11:29 คือจากความรักที่ดีเนี่ยมันจะนำไปสู่การ
00:11:29 → 00:11:33 ทำให้คนสองคนดีขึ้นทั้งคู่นะฮะเคยได้ยิน
00:11:33 → 00:11:36 ที่บอกว่าเอ่อจองแต่งงานกับคนที่เขาทำให้
00:11:36 → 00:11:40 เราดีขึ้นนึกออกไหมคะเพราะฉะนั้นพอแต่ง
00:11:40 → 00:11:42 งานกันไปแล้วอย่างเช่นสมมุติว่าผู้ชายทำ
00:11:42 → 00:11:45 ตัวไม่ดีหรือผู้หญิงมีอะไรที่ไม่ดีเนี่ย
00:11:45 → 00:11:47 แล้วต่างคนต่างพัฒนาเนื่องจากความรักเช่น
00:11:47 → 00:11:49 สมมติว่าผู้หญิงเนี่ยไม่เคยทำกับข้าวเลย
00:11:49 → 00:11:52 แต่มีความรักฉันก็เริ่มที่จะทำอาหารเริ่ม
00:11:52 → 00:11:55 ที่อยากจะดูแลใครอยากจะเทคแคร์ใครผู้ชาย
00:11:55 → 00:11:59 เนี่ยเคยสำเร็จเทาแต่พอมีแฟนปั๊บก็
00:11:59 → 00:12:01 เปลี่ยนคนที่ดีอยากจะเป็นคนที่ดีขึ้น
00:12:01 → 00:12:05 สำหรับผู้หญิงคนนี้นะคะอยากจะเรียนอยากจะ
00:12:05 → 00:12:08 พัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าอันนี้คือความรัก
00:12:08 → 00:12:11 ที่ตามไปสู่พัฒนาการซึ่งอ่าจริงๆนะใน
00:12:11 → 00:12:13 ชีวิตเรา
00:12:13 → 00:12:17 มันนำไปสู่พันธนาการซึ่งถูกมัดกันเป็น
00:12:17 → 00:12:21 เจ้าเข้าเจ้าของคอยหึงคอยหวงตามราวีอัน
00:12:21 → 00:12:24 นี้มันไม่โอเคมันจะนำมาแต่ความทุกข์จริง
00:12:24 → 00:12:26 ไหมคะ
00:12:26 → 00:12:31 กันไปนานแล้วที่เป็นข่าวทุกวันนี้แหละ
00:12:31 → 00:12:34 นะคะเพราะฉะนั้นนี่แหละมันก็เลยเป็นก้ำ
00:12:34 → 00:12:37 กึ่งไงตอนนั้นก็ต้องถามว่าเอ๊ะถ้าอย่าง
00:12:37 → 00:12:41 นั้นแล้วเนี่ยนะคะเราจะเราจะ
00:12:41 → 00:12:45 เป็นอย่างไรนะคุณสุรีย์พรบอกว่าแหมงาน
00:12:45 → 00:12:47 วิจัยอาจารย์มีทุกเรื่องเลยเหรอคะบอกใช่
00:12:47 → 00:12:49 ค่ะนะคะเพราะฉะนั้นตรงนี้ก็มีคนวิจัยอีก
00:12:49 → 00:12:55 ว่าโสดกับมีคู่ในอะไรอะไรดีกว่ากันนะฮะ
00:12:55 → 00:12:59 ผลงานวิจัยที่เก๋มากของอันนี้นะคะเขาก็จะ
00:12:59 → 00:13:01 ก้ำกึ่งก้ำกึ่งอย่างนี้น่าจะบอกว่าอะไรดี
00:13:01 → 00:13:05 กว่ากันแต่เข้างานวิจัยนี้ที่จะไม่พาดึง
00:13:05 → 00:13:07 ออกมาแล้วว่ามันเก๋มากเลยเขาบอกว่าจะโสด
00:13:07 → 00:13:10 หรือมีคู่ก็ตามเนี่ยมันไม่เกี่ยวข้องกับ
00:13:10 → 00:13:13 ความสุขเลยนึกออกไหมคะมันไม่เกี่ยวข้อง
00:13:13 → 00:13:17 กับความสุขเลยของคนๆนั้นนะแต่กลับพบว่า
00:13:17 → 00:13:21 ความรักต่างหากอ่ะความรักคนไหนก็ตามที่จะ
00:13:21 → 00:13:24 ดีน่ะนะคะคือคนนั้นต้องรักตัวเองให้เป็น
00:13:24 → 00:13:27 เข้าใจหรือยังคะเพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าคุณ
00:13:27 → 00:13:30 จะมีการเป็นคู่หรือโสดไม่ใช่เป็นตัว
00:13:30 → 00:13:33 ปัจจัยเข้าใจตรงนี้ยังเขาจะที่จะนำไปสู่
00:13:33 → 00:13:36 ความสุขแต่การรู้จักความรักที่รักตัวเอง
00:13:36 → 00:13:40 ให้เป็นก่อนนั่นแหละคือตัวสำคัญมันเก๋ตรง
00:13:40 → 00:13:43 นี้แหละค่ะงานวิจัยเนี้ยเออเนาะนะคะเพราะ
00:13:43 → 00:13:45 ฉะนั้นเขาเรียกว่าไม่ว่าคุณจะโสดหรือจะมี
00:13:45 → 00:13:49 แฟนคุณต้องรู้จักรักและดูแลตัวเองให้เป็น
00:13:49 → 00:13:52 รักตัวเองให้เป็นนะคะแล้วมันจึงค่อย
00:13:52 → 00:13:55 กระจายความรักเนี่ยหรือความปรารถนาดี
00:13:55 → 00:13:58 เนี่ยไปยังคนรอบข้างอืมนึกออกไหมคะเพราะ
00:13:58 → 00:14:00 ฉะนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับโสดหรือแต่งงาน
00:14:00 → 00:14:04 ยังจะไม่พาไม่ได้มีคู่ค่ะแต่จะไม่พามี
00:14:04 → 00:14:06 ความรักที่เผื่อแผ่ไปให้คนได้เยอะมากเลย
00:14:06 → 00:14:11 ค่ะนะฮะแต่คนมีคู่ซะอีกอาจจะแบบเผื่อให้
00:14:11 → 00:14:13 ใครไม่เป็นเป็นแม้แต่คนที่เป็นคู่ของตัว
00:14:13 → 00:14:14 เอง
00:14:14 → 00:14:17 อะไรอย่างนี้เป็นต้นนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:14:17 → 00:14:19 เขาจึงบอกว่าคนเราต้องรู้จักพื้นฐานของ
00:14:19 → 00:14:23 ความรักให้ดีก่อนนะฮะจึงจะมีความสุขกับ
00:14:23 → 00:14:26 ชีวิตมันจะนำมาซึ่งความสุขมันไม่ได้ขึ้น
00:14:26 → 00:14:29 อยู่กับว่าโสดหรือแต่งงานจริงจะมีความสุข
00:14:29 → 00:14:33 ถ้าเรารักตัวเองเป็นค่ะก็จะรักคนอื่นเป็น
00:14:33 → 00:14:36 ด้วยเหมือนกันคำนี้ได้ยินมาตลอดคือรักตัว
00:14:36 → 00:14:38 เองเป็นในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเห็นแก่ตัว
00:14:38 → 00:14:41 ต้องเข้าใจก่อนนะคะคำว่าเห็นแก่ตัวฉัน
00:14:41 → 00:14:43 ต้องได้ฉันต้องได้ก่อนฉันต้องได้กินก่อน
00:14:43 → 00:14:46 ของที่ฉันต้องมาก่อนเขาก็รักตัวเองไม่ใช่
00:14:46 → 00:14:49 นี่คือเห็นแก่ตัวรักตัวเองเนี่ยคืออยาก
00:14:49 → 00:14:51 ให้ตัวเองก้าวหน้าอยากเห็นตัวเองพัฒนา
00:14:51 → 00:14:54 อยากเห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
00:14:54 → 00:14:57 นะคะเราก็พัฒนาตัวเองแล้วเราจึงจะเผื่อ
00:14:57 → 00:15:00 แผ่ความรักตรงเนี้ยไปยังคนอื่นได้ก็คือ
00:15:00 → 00:15:03 ปรารถนาให้คนอื่นดีด้วยอยากให้คนอื่นมี
00:15:03 → 00:15:06 ความสุขอยากให้คนอื่นมีพัฒนาการด้วยค่ะ
00:15:06 → 00:15:08 เพราะฉะนั้นความรักไม่ใช่การกักตัวแต่
00:15:08 → 00:15:12 เป็นการเผื่อแผ่นะคะคนสองคนรักกันเนี่ย
00:15:12 → 00:15:14 ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองว่าฉันจะเอาฉันจะ
00:15:14 → 00:15:17 เอาฉันจะเอานั่นคือตัณหาราคะนั่นคือความ
00:15:17 → 00:15:22 ใคร่แต่ถ้าเราเผื่อแผ่ให้กับคนเราฉันสุข
00:15:22 → 00:15:25 ฉันอยากให้เธอสุขด้วยเพราะฉะนั้นมันก็จะ
00:15:25 → 00:15:27 ยอมลดลายสิ่งที่เรา
00:15:27 → 00:15:31 อย่างเรารู้ว่าแฟนเราไม่ชอบแต่ฉันชอบฉัน
00:15:31 → 00:15:32 จะทำ
00:15:32 → 00:15:35 นึกออกไหมคะแต่ถ้าเรารักเขาจริงเนี่ยให้
00:15:35 → 00:15:38 เรารู้ว่าเขาไม่ชอบเราก็ต้องเลิกอ่ะเพื่อ
00:15:38 → 00:15:42 เขาอ่ะในสิ่งที่เขาไม่ชอบอ่ะนึกออกไหมคะ
00:15:42 → 00:15:45 อย่างนี้ค่ะมันจะเป็นการเผื่อแผ่แล้วยิ่ง
00:15:45 → 00:15:46 ถ้าเกิดอย่างที่อาจารย์ยกตัวอย่างมาอย่าง
00:15:46 → 00:15:48 นี้ค่ะเกิดความ Balance คือหมายความว่า
00:15:48 → 00:15:52 เขาไม่ชอบแต่เราก็อ่ะไม่ทำเขาก็ไม่ทำใน
00:15:52 → 00:15:55 สิ่งที่เราไม่ชอบเห็นไหมคะแล้วมันไม่มี
00:15:55 → 00:15:58 อะไร 50 50 สำหรับคนรักกันที่ถูกต้องอ่ะ
00:15:58 → 00:16:02 นะฮะบางเรื่องเราอาจจะ 30 เค้าอาจจะ 70
00:16:02 → 00:16:05 บางเรื่องเขาอาจจะ 70 เราอาจจะ 30 หรือ
00:16:05 → 00:16:07 อะไรอย่างเงี้ยอ๋อมันยืดหยุ่นได้ยืดหยุ่น
00:16:07 → 00:16:11 ได้ตลอดก็ต้องครึ่งๆไม่ใช่ไม่ใช่การแชร์
00:16:11 → 00:16:13 American Share แบบหาร 2 ไม่ใช่นะถ้า
00:16:13 → 00:16:17 ความรักแบบหาร 2 ไม่โอเคหรอคะแต่ถามว่าคน
00:16:17 → 00:16:20 ที่คนนึงได้ 70 คนนึงได้ 30 แต่คนที่ได้
00:16:20 → 00:16:24 30 เขาแฮปปี้ที่เขาจะ 30 อ่าถูกมั้ยฮะ
00:16:24 → 00:16:27 เค้า Happy ที่เขาแจกเสียสละให้หรือยอมลด
00:16:27 → 00:16:32 ยอมผ่อนให้อืมเค้าก็แฮปปี้อ่ะใช่ได้ทุก
00:16:32 → 00:16:35 อย่างเลยค่ะใช่เพราะว่าแบบสมมุติว่าในบาง
00:16:35 → 00:16:37 มุมที่อาจจะลงทะเลาะกันอย่างเงี้ยเราก็
00:16:37 → 00:16:41 อ่ะเบาลงก่อนก็ได้มันไม่ได้แบบก็ทำไมล่ะ
00:16:41 → 00:16:44 เวลาที่คนทะเลาะกันน่ะหลายคนไม่ใช่ฝ่าย
00:16:44 → 00:16:47 ผิดอ่ะสมมุติจะมักจะเป็นฝ่ายสามี
00:16:47 → 00:16:50 อันนี้ต้องยอมรับกฎกติกาทั้งหมดอย่างนี้
00:16:50 → 00:16:52 ก็
00:16:52 → 00:16:56 เมียว่าผิดก็ยอมผิดก่อนแล้วก็ฝ่ายใดกล่าว
00:16:56 → 00:16:59 ขอโทษก่อนเนี่ยอีกฝ่ายก็ว่าพอขอโทษไปอีก
00:16:59 → 00:17:01 ฝ่ายบอกจริงๆหนูก็ผิดเหมือนกันแหละอะไร
00:17:01 → 00:17:04 อย่างเงี้ยต่างคนต่างขอโทษกันแต่ถ้าจะเอา
00:17:04 → 00:17:07 ชนะกันในต่างคนก็ต่างไม่ยอมถูกไหมคะเออ
00:17:07 → 00:17:12 เขาบอกว่าคนที่จะๆเป็นเขาเรียกอะไรดีต่อ
00:17:12 → 00:17:15 กันหรือหรือการที่จะอยู่ด้วยกันแล้วนำพา
00:17:15 → 00:17:18 กันไปเนี่ยได้ยินคำนี้มาเสมอเลยค่ะ
00:17:18 → 00:17:19 อาจารย์ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหมกับคำว่า
00:17:19 → 00:17:22 ศีลเสมอกัน
00:17:22 → 00:17:25 เขาบอกว่าสามีภรรยาที่จะอยู่กันได้ยั่ง
00:17:25 → 00:17:28 ยืนแต่ต้องศีลเสมอกันมันจะไปในทางเดียว
00:17:28 → 00:17:32 กันความคิดมันจะไปด้วยกันนะคะก็หมายความ
00:17:32 → 00:17:35 ว่าอย่างเช่นคำว่าศีลเสมอกันนี่ก็คือถ้า
00:17:35 → 00:17:38 ฝ่ายนึงเนี่ยเอ่อคิดว่าการบำเพ็ญประโยชน์
00:17:38 → 00:17:41 หรือการเสียสละเป็นเรื่องดีนะคะเพราะ
00:17:41 → 00:17:43 ฉะนั้นเวลาที่เขาเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
00:17:43 → 00:17:46 อย่างเงี้ยเขายอมอ่ะอย่างเช่นเอาๆบนท้อง
00:17:46 → 00:17:47 ถนนเนี่ย
00:17:47 → 00:17:51 พอถึงทางที่จะไปอ่ะถ้าคนนึงยอมนะฮะให้อีก
00:17:51 → 00:17:53 ฝ่ายให้รถอีกคันไปก่อน
00:17:53 → 00:17:55 นะคะแต่อีกคนแบบไม่ได้อย่าไม่ยอมมันนะไม่
00:17:55 → 00:17:59 ได้เราต้องไปก่อนนึกออกมั้ยฮะอ่าอย่าง
00:17:59 → 00:18:01 เงี้ยมันก็จะทำให้ขัดแย้งกันและใน
00:18:01 → 00:18:04 ครอบครัวนะฮะเพราะฉะนั้นถ้าศีลเสมอกันอ่ะ
00:18:04 → 00:18:06 เข้าไปอยากไปก่อนให้เขาไปก่อนเถอะเขาอาจ
00:18:06 → 00:18:08 จะรีบก็ได้จะพาลูกเข้าไปโรงพยาบาลหรือ
00:18:08 → 00:18:11 อะไรอย่างเงี้ยคิดอย่างเงี้ยดีนะคะไม่ใช่
00:18:11 → 00:18:14 ว่าไม่ได้อย่าไปยอมมันนะเราทางเอกเราต้อง
00:18:14 → 00:18:15 ไป
00:18:15 → 00:18:19 นะคะถ้าไปเจอไปเจอแบบนี้ด้วยกันทั้งทั้ง
00:18:19 → 00:18:21 สามีภรรยาหรือทั้งเป็นแฟนกันเนี่ยมันก็ไป
00:18:21 → 00:18:24 ด้วยกันได้เห็นไหมคะแต่ถ้าคนนึงเนี่ยยอม
00:18:24 → 00:18:27 แต่อีกคนนึงเนี่ยเอ่อไม่ยอมเนี่ยมันก็
00:18:27 → 00:18:30 อยู่กันได้ไม่นานหรอกค่ะเอ่อที่แบบว่าจะ
00:18:30 → 00:18:33 ทะเลาะเบาะแว้งมันก็ตรงนี้ด้วยส่วนหนึ่ง
00:18:33 → 00:18:35 ใช่ไหมคะถ้าจริงใช้คำว่าศีลเสมอกันว่าคุณ
00:18:35 → 00:18:40 เนี่ยยึดศีล 5 ข้อเนี่ยเท่ากันไหม
00:18:40 → 00:18:44 คะระดับของการการยึดถือเนี่ยเท่ากันไหมคะ
00:18:45 → 00:18:47 อาจจะแบบต่างกัน 2-3 ข้อก็ไม่เป็นไรแต่
00:18:47 → 00:18:51 มันยังมีอ่ะกลับกันไหมล่ะนะฮะอีตอนรักกัน
00:18:51 → 00:18:53 น่ะมันบอกทนได้หมดอ่ะค่ะคุณศิริพรแต่ถ้า
00:18:53 → 00:18:56 เราอยากจะอยู่อย่างถือไม้เท้ายอดทอง
00:18:56 → 00:18:59 กระบองยอดเพชรอยู่จนเป็นลมหายใจของกันและ
00:18:59 → 00:19:00 กันเนี่ย
00:19:00 → 00:19:02 มันต้องศีลเสมอกันมันจึงจะอยู่กันยืดอืม
00:19:02 → 00:19:07 นะฮะก็ไปเปรียบกับคู่อื่นก็ไม่ได้นะปูไข่
00:19:07 → 00:19:10 คู่มันอย่าไปเปรียบกับคู่ของคนอื่นหรือจะ
00:19:10 → 00:19:14 บอกว่าเนี่ยดูบ้านนู้นสิไม่ได้สามีเค้า
00:19:14 → 00:19:16 อย่างนู้นอย่างนี้อุ้ยมีภรรยาเขาอย่าง
00:19:16 → 00:19:18 นู้นอย่างนี้
00:19:18 → 00:19:21 มีน้อยน้อยอกน้อยใจนะว่าเพราะฉะนั้นมัน
00:19:21 → 00:19:24 เลยเป็นเหมือนสำนวนไงคะไม่ว่าจะนับถือ
00:19:24 → 00:19:26 ศาสนาไหนก็ตามไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นพุทธ
00:19:26 → 00:19:30 เท่านั้นคำว่าศีลเสมอกันก็คือมีทัศนคติมี
00:19:30 → 00:19:33 ความคิดนะฮะในเรื่องของคุณธรรมในเรื่อง
00:19:33 → 00:19:34 ของอะไรอย่างเงี้ย
00:19:34 → 00:19:38 เท่าๆกันไหมมันถึงจะไปด้วยกันไปด้วยได้
00:19:38 → 00:19:42 ยาวคือถ้าอย่างน้องๆที่อายุยังน้อยๆอาจจะ
00:19:42 → 00:19:46 ยังแบบไม่เข้าใจในการคำนี้แต่พอวันนึงอ่ะ
00:19:46 → 00:19:49 โตขึ้นไปจะเข้าใจเองเลยว่าคำว่าศีลเสมอ
00:19:49 → 00:19:54 กันค่ะมันคืออะไรแล้วมันดียังไงค่ะใช่ไหม
00:19:54 → 00:19:57 คะเพราะว่าประสบการณ์อาจจะยังรู้สึกว่าคน
00:19:57 → 00:19:59 หล่อคนสวย
00:19:59 → 00:20:05 อันนี้สายเปย์โอเคก็สเปคก็ในแนวแบบพื้นๆ
00:20:05 → 00:20:07 แต่พอเริ่มแบบนี้ล่ะค่ะก็จะเริ่ม
00:20:07 → 00:20:09 มองอะไรพวกนี้แล้ว
00:20:09 → 00:20:12 นะคะนี่ก็แสดงว่าอาจารย์คะการที่จะโสด
00:20:12 → 00:20:16 หรือการจะมีแฟนเนี่ยค่ะมันก็ขึ้นอยู่กับ
00:20:16 → 00:20:20 ตัวเราว่าเรารู้สึกว่าเราโอเคค่ะกับสิ่ง
00:20:20 → 00:20:23 เนี้ยคือถ้ามีแฟนแล้วดีมันโอเคไงแต่ถ้ามี
00:20:23 → 00:20:27 แล้วไม่ดีไม่มีดีกว่าจริงไหมอ่าเนี่ยแหละ
00:20:27 → 00:20:31 นางบุษบายังบอกเลยในวรรณคดีว่าแม้แผ่นดิน
00:20:31 → 00:20:35 สิ้นชายที่พึงเชยอย่ามีคู่เส้นเลยจะดี
00:20:35 → 00:20:39 กว่าโอ้โหตัดพร้อมตัดรอนเหลือเกินวันดีๆ
00:20:39 → 00:20:42 ยังมีอยู่ใช่ไหมเออ
00:20:42 → 00:20:45 นะคะเขาก็เลยเน้นย้ำว่าความสุขของคนเรา
00:20:45 → 00:20:47 เนี่ยไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเป็นโสด
00:20:47 → 00:20:51 หรือการเป็นคนคู่นะคะแต่ขึ้นกับหลาย
00:20:51 → 00:20:53 ปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องมากกว่าเพราะฉะนั้น
00:20:53 → 00:20:56 ถ้าคนเราคิดถึงความสุขเนี่ยนะคะไม่ได้
00:20:56 → 00:21:00 จำเป็นว่าตัวนี้เป็นปัจจัย
00:21:00 → 00:21:03 ไปรับกันไม่ได้นะผู้คนขี้ไม่เกี่ยวอยู่
00:21:03 → 00:21:05 ที่ว่าเราจะทำให้ตัวเรามีความสุขได้มาก
00:21:05 → 00:21:06 น้อยแค่ไหน
00:21:06 → 00:21:10 นะคนก็เป็นเรื่องที่จะเป็นโสดมาก
00:21:10 → 00:21:14 กว่าเพราะว่าอาจจะเคยมีคู่แล้วมาแบบไม่
00:21:14 → 00:21:16 โอเคเป็นโสดดีกว่า
00:21:16 → 00:21:19 บางคนบอกเป็นโสดบอกว่าพอมีคู่ดีปุ๊บรู้
00:21:19 → 00:21:23 งี้มีตั้งนานแล้วค่ะใช่ไหมคะใช่ๆ
00:21:23 → 00:21:26 ได้ยินมาก็หลากหลายหลากหลายมุมมองหลาก
00:21:26 → 00:21:29 หลายความคิดใช่ค่ะหน้าที่เราไม่ได้ฟันธง
00:21:29 → 00:21:31 แต่ขึ้นกับประสบการณ์โดยที่ผ่านมาของแต่
00:21:31 → 00:21:33 ละคนนะคะ
00:21:33 → 00:21:36 จนบัตรเนี้ยอาจารย์วิภาจะ 70 แล้วเนี่ยก็
00:21:36 → 00:21:39 ไม่เคยปิดกั้นตัวเองนะคะที่จะบอกว่าชาติ
00:21:39 → 00:21:42 นี้ฉันจะได้แต่งงานหรืออะไรก็ตามนะแต่มัน
00:21:42 → 00:21:43 ไม่เจอไง
00:21:43 → 00:21:45 มันนึกออกมั้ยฮะมันไม่เจอแต่เราก็บริหาร
00:21:45 → 00:21:49 ความโสดของความเหงาของเราเนี่ยได้ดีนึก
00:21:49 → 00:21:51 ออกไหมคะเราบริหารจัดการกับความเหงาของ
00:21:51 → 00:21:54 เราได้เพราะฉะนั้นถามว่าอารมณ์เหงามัน
00:21:54 → 00:21:57 เกิดขึ้นไหมมันเกิดขึ้นแต่มันไม่ได้ทำให้
00:21:57 → 00:22:00 เราทุกข์แอบถามอาจารย์ได้ไหมหรือแอบถาม
00:22:00 → 00:22:02 มันดังกันทุกที
00:22:02 → 00:22:07 เลยนะคะอาจารย์ตอนที่อาจารย์อยู่ในวงล้อม
00:22:07 → 00:22:09 ของคนที่แบบเพื่อนเอาไปมีแฟนแล้วไปมี
00:22:09 → 00:22:10 ครอบครัวแล้ว
00:22:10 → 00:22:14 พี่สาวอะไรอย่างนี้ก็มีครอบครัวกันแล้ว
00:22:14 → 00:22:16 หรืออะไรอย่างเงี้ยแล้วเราอยู่คนเดียว
00:22:16 → 00:22:19 เงี้ยค่ะอาจารย์ในตอนนู้นเนี่ยค่ะกว่าจะ
00:22:19 → 00:22:23 มาเป็นตอนนี้อาจารย์เฉยๆตอนนู้นเนี่ยตอน
00:22:23 → 00:22:26 นู้นเนี่ยจับคู่กับงานค่ะอ๋อหาความสุข
00:22:26 → 00:22:30 ด้วยกันทำงานนะคะเหงาเลยไม่รู้สึกไม่มีคำ
00:22:30 → 00:22:32 ตอนช่วงก่อนเกษียณเนี่ยไม่มีคำว่าเหงาเลย
00:22:32 → 00:22:36 นะคะเพราะว่าอยู่กับเด็กๆแล้วก็จะนิพพาน
00:22:36 → 00:22:39 เนี่ยเคยมีความคิดตอนนู้นนะคะสมัยสาวๆนี่
00:22:39 → 00:22:41 ว่าการแต่งงานก็งั้นๆน่ะเพราะว่าอย่างนึง
00:22:41 → 00:22:45 เนี่ยเราไม่ได้เจอใครที่เรารักมากพอนึก
00:22:45 → 00:22:48 ออกมั้ยคะป้าชอบน่ารักมากรักมากพอคือเคย
00:22:48 → 00:22:50 มีความรักเคยอะไรอย่างนี้แต่ไม่ได้รักมาก
00:22:50 → 00:22:53 พอที่จะแต่งงานด้วยนะคะมันเป็นความแปลก
00:22:53 → 00:22:56 แต่เคยคิดว่าถ้าจะแต่งงานด้วยตอนนั้นน่ะ
00:22:56 → 00:22:58 นะคะอย่างที่บอกว่าเรายังไม่เจอคนที่เรา
00:22:58 → 00:23:01 รักมากพอเนี่ยตอนนั้นคิดว่าถ้าจะแต่งงาน
00:23:01 → 00:23:04 เนี่ยเหตุผลเดียวคืออยากมีลูกนะคะอยากมี
00:23:04 → 00:23:07 ลูกเป็นของตัวเองอะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่พอ
00:23:07 → 00:23:10 ต่อมาเนี่ยเมื่อเราคิดว่าเรามีความสุขกับ
00:23:10 → 00:23:12 การชีวิตโสดและอย่างที่บอกอ่ะค่ะถือคติ
00:23:12 → 00:23:15 เดียวกับนางบุษบาคือแม้แผ่นดินสิ้นใจที่
00:23:15 → 00:23:18 พึงเชยอย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่าก็คือหมาย
00:23:18 → 00:23:21 ความว่าถ้าเราไม่เจอคนที่ใช่ก็ไม่แต่งดี
00:23:21 → 00:23:23 กว่านะฮะเพราะเมื่อไม่แต่งดีกว่าเสร็จ
00:23:23 → 00:23:26 แล้วก็เลยมาสนุกกับการเลี้ยงลูกคนอื่นนะ
00:23:26 → 00:23:29 ฮะคือเราไม่ใช่พอเราไม่มีลูกแล้วมันก็
00:23:29 → 00:23:32 ชีวิตจะอับเฉาไม่ใช่เพราะพอดีพอมาทำงานใน
00:23:32 → 00:23:35 มหาวิทยาลัยเนี่ยอยู่ทางด้านกิจการนัก
00:23:35 → 00:23:39 ศึกษามาตลอดค่ะอืมนะคะ 30 40 ปีก็เจอแต่
00:23:39 → 00:23:43 ลูกชาวบ้านก็แก้ปัญหาลูกชาวบ้านค่ะสนุก
00:23:43 → 00:23:47 มากอืมนะฮะแล้วก็หาความสุขจากสิ่งเล็กๆใน
00:23:47 → 00:23:50 ชีวิตได้ตลอดเวลาจากการทำงานนะคะจากการ
00:23:50 → 00:23:54 เพราะฉะนั้นมันไม่มีคำว่าเหงาเลยอ่ะบางที
00:23:54 → 00:23:56 มันเกินเหงาอ่ะมันเกินเหงาเลยบอกว่าให้มี
00:23:56 → 00:24:00 เวลาให้ฉันได้เหงาบ้างนะฮะเพราะตอนนี้พอ
00:24:00 → 00:24:04 หลังเกษียณแล้วก็เลยขอเหงาหน่อย
00:24:04 → 00:24:08 เพราะฉะนั้นมันต้องมีสิ่งที่ทำให้เราเรา
00:24:08 → 00:24:11 มีความสุขไงคะแต่อาจารย์วิภาเนี่ยจับคู่
00:24:11 → 00:24:15 กับงานแล้วก็มายึดถือคติของท่านพระ
00:24:15 → 00:24:18 พุทธทาสด้วยว่าการปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่
00:24:18 → 00:24:21 สุดนั่นคือการปฏิบัติธรรมแล้วเพราะฉะนั้น
00:24:21 → 00:24:23 เมื่ออยู่ในภาวะของการเป็นครูก็เป็นครู
00:24:23 → 00:24:27 ให้ดีที่สุดอยู่สภาวะของการเป็นเป็นพ่อ
00:24:27 → 00:24:29 แม่หรือผู้ปกครองที่สองของเขาเราก็ทำหน้า
00:24:29 → 00:24:32 ที่ให้ดีที่สุดเพราะฉะนั้นคำว่าเด็กๆ
00:24:32 → 00:24:35 เรียกแม่เจี๊ยบเนี่ยมันไม่ได้ได้มาโดย
00:24:35 → 00:24:39 อะไรล่ะตั้งเองตำแหน่งนะคะมันมาจากใจเขา
00:24:39 → 00:24:41 จริงๆเพราะฉะนั้นเวลาที่ใครเข้าไปถาม
00:24:41 → 00:24:44 เนี่ยไปถามดรจันวิภาคคนไหนไม่มีใครรู้จัก
00:24:44 → 00:24:46 หรอกค่ะในมหาวิทยาลัยแต่ถ้าบอกว่าแม่
00:24:46 → 00:24:49 เจี๊ยบเนี่ยทุกคนจะรู้จักหมดก็คือใครนะฮะ
00:24:49 → 00:24:52 เพราะฉะนั้นก็เราได้ความเป็นแม่มาด้วย
00:24:52 → 00:24:56 ความภาคภูมิใจนะคะแล้วก็พอเป็นลูกแล้วก็
00:24:56 → 00:24:58 ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดจนถึงที่สุดแล้ว
00:24:58 → 00:25:01 อะไรอย่างเงี้ยทุกคนบาทเราทำให้เต็มสตีม
00:25:01 → 00:25:05 อืมนะคะเพราะว่าสอนหนังสือเยอะแล้วก็เป็น
00:25:05 → 00:25:08 ผู้บริหารด้วยเป็นรองที่การพอดีด้วยแต่
00:25:08 → 00:25:12 เกรดหรือการเข้าคลาสไม่เคยขาดเกรดส่งตรง
00:25:12 → 00:25:15 เวลาทุกครั้งไม่เคยเลทไม่เคยอะไรเลยเนี่ย
00:25:15 → 00:25:17 คือความภาคภูมิใจแต่สิ่งเหล่าเนี้ยมัน
00:25:17 → 00:25:20 ต้องเสียสละด้วยเวลาของเราที่จะทำให้เต็ม
00:25:20 → 00:25:23 ที่เขาถึงให้อาจารย์ได้อยู่คนเดียวเพราะ
00:25:23 → 00:25:25 ว่าจะได้ทุ่มเท
00:25:25 → 00:25:28 อันนี้ก็เริ่มคิดเหมือนกันค่ะว่าอ๋อให้
00:25:28 → 00:25:31 ฉันทุ่มเททำงานด้วยจะได้ไม่ต้องแบบเดี๋ยว
00:25:31 → 00:25:32 ก็ต้องกลับไปบ้านน่ะเดี๋ยวต้องดูแล
00:25:33 → 00:25:34 ครอบครัว
00:25:34 → 00:25:37 แสดงว่าเขากำหนดมาแล้วใช่ไหมมีอะไรถึงให้
00:25:37 → 00:25:40 แบบใช่ค่ะอยู่อย่างนี้ไปนะทุกคนมีกรรม
00:25:40 → 00:25:45 เป็นตัวกำหนดนะ
00:25:45 → 00:25:49 โสดหรือมีแฟนแบบไหนดี
00:25:49 → 00:25:54 บอกว่ามันขึ้นกว่าจังหวะด้วยนะคะ
00:25:54 → 00:25:57 มีความรู้สึกว่าเราอยากจะอยู่กับเขาไป
00:25:57 → 00:26:01 ตลอดชีวิตเฮ้ยวันนี้ได้ได้สนุกสนานกันนะ
00:26:01 → 00:26:04 คะเบาๆกันไปนะขอบคุณอาจารย์วิภาค่ะยินดี
00:26:04 → 00:26:07 ค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลา
00:26:07 → 00:26:10 แล้วนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรง
00:26:10 → 00:26:11 หมอทาง Thai PBS podcast สำหรับวันนี้
00:26:12 → 00:26:15 หมดเวลาแล้วลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This
00:26:15 → 00:26:18 Is Thai PBS จริงๆแล้วมนุษย์สามารถมี
00:26:18 → 00:26:21 อายุยืนยาวได้กี่ปีส่วนคนไทยในปัจจุบันมี
00:26:21 → 00:26:23 อายุเฉลี่ยกี่ปีผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร
00:26:23 → 00:26:26 เอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
00:26:26 → 00:26:29 จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตมาเล่าให้ฟัง
00:26:29 → 00:26:29 ครับ
00:26:29 → 00:26:33 ตอนนี้เรื่องของ Concept การมีอายุยืนยาว
00:26:33 → 00:26:37 เนี่ยนะทางการแพทย์เขาเรียกลองจิจูดเป็น
00:26:37 → 00:26:40 การแพทย์เพื่อทำให้มีอายุที่ยืนยาวแต่เรา
00:26:40 → 00:26:43 ต้องยืนยาวแบบคุณภาพดีด้วยนะไม่ใช่ว่า
00:26:43 → 00:26:47 โอ๊ยอายุยืนเป็นปีแล้วนอนพะงาบๆเป็นผัก
00:26:47 → 00:26:49 เหี่ยวอยู่บนเตียงก็ไม่ได้เราต้องอายุยืน
00:26:49 → 00:26:52 ยาวอย่างมีคุณภาพไม่ใช่นอนผงะๆอยู่บน
00:26:52 → 00:26:54 เตียงนะเพราะฉะนั้น 100 ปีที่อย่างนั้นก็
00:26:54 → 00:26:57 ไม่ไหวนะครับซึ่งการที่จะมีอายุยืนยาว
00:26:57 → 00:26:59 เนี่ยตอนนี้ควรจะพูดถึงกันมากเมื่อก่อน
00:26:59 → 00:27:03 เนี่ยเราพูดถึงไลฟ์แพนอายุที่ยืนยาวนะ
00:27:03 → 00:27:05 จริงๆแล้วเนี่ยตอนนี้มีศัพท์ใหม่ที่เขา
00:27:05 → 00:27:08 เรียกว่าหิว Pan คืออายุที่ยืนยาวอย่างมี
00:27:08 → 00:27:11 สุขภาพดีด้วยพูดง่ายๆเหมือนสุขภาพดีจน
00:27:11 → 00:27:13 วินาทีสุดท้ายอ่ะของชีวิตนะครับซึ่งการ
00:27:13 → 00:27:16 ที่มีอายุยืนยาวเนี่ยโอ้โหเราจะเห็นเลย
00:27:16 → 00:27:19 เวลาเราดูหนังจีนเนี่ยฮ่องเต้อ่ะฮ่องเต้
00:27:19 → 00:27:23 เสด็จแล้วอย่างเงี้ยพวกคุณนางบอกเลยขอพระ
00:27:23 → 00:27:26 องค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปีโอ้โห
00:27:26 → 00:27:31 ยาวมั้ยเค้าพยายามหาของมาบำรุงเนาะอ่าหุง
00:27:31 → 00:27:33 อาหารอะไรทั้งหลายแหล่เนี่ยมาบำรุงให้
00:27:33 → 00:27:36 อายุยืนยาวเพราะเขาให้ความสำคัญของการที่
00:27:36 → 00:27:40 มีอายุยืนยาวล่าสุดนี่อาจารย์ไปเจอข่าว
00:27:40 → 00:27:42 เผยแพร่เลยผลวิจัยจากบริษัทเทคโนโลยี
00:27:42 → 00:27:44 ชีวภาพ
00:27:44 → 00:27:47 นะครับบริษัทนึงเขาไปศึกษาวิจัยโดย
00:27:47 → 00:27:49 วิเคราะห์เม็ดเลือดของกลุ่มตัวอย่างเนี่ย
00:27:49 → 00:27:52 5,000 คนเขาพบว่ามนุษย์เนี่ยอายุยืนยาว
00:27:52 → 00:27:55 เนี่ยสามารถอายุยืนยาวได้สูงสุดถึง 150
00:27:55 → 00:27:58 ปีนะครับสถิติที่เก็บได้เนี่ยคือชาว
00:27:58 → 00:28:03 ฝรั่งเศสนะครับเป็นผู้หญิงอายุยืนถึง 122
00:28:03 → 00:28:06 ปีอันเนี้ยซุปเปอร์เซ็นเทอเรียและ 100 ปี
00:28:06 → 00:28:09 เราเรียก sentenallian 110 ปี 120 ปี
00:28:09 → 00:28:12 เนี่ยคือเป็น Super sentenerate อายุยืน
00:28:12 → 00:28:16 ยาวมากฉะนั้นแล้วเนี่ยคนที่อายุยืนยาว
00:28:16 → 00:28:18 ส่วนใหญ่ก็จะไปดูพฤติกรรมเขาเป็นยังไง
00:28:18 → 00:28:22 อาจารย์เคยทำการศึกษาวิจัยนะร่วมกับนัก
00:28:22 → 00:28:25 ศึกษาแอนไทยเอจิ้งนี่แหละไปศึกษาคนที่
00:28:25 → 00:28:29 อายุยืนยาวทั่วประเทศเลยนะครับมีทั้ง
00:28:29 → 00:28:32 เนื้ออีสานกลางใต้ตกทั้งหลายแล้วว่า
00:28:32 → 00:28:35 พฤติกรรมการบริโภคเขาเนี่ยเป็นอย่างไรว่า
00:28:35 → 00:28:38 มันเป็นรูปแบบการรับประทานอาหารเขาเป็น
00:28:38 → 00:28:41 อย่างไรก็เป็นที่ที่น่าสนใจนะครับว่าอายุ
00:28:41 → 00:28:43 ไขเฉลี่ยเนี่ยของคนเนี่ยจริงๆแล้วต้องบอก
00:28:43 → 00:28:45 ก่อนนะว่าทั่วโลกเนี่ยคืออายุขัยเฉลี่ย
00:28:45 → 00:28:48 ของคุณเนี่ยเพิ่มมากขึ้นถ้าเป็นประเทศไทย
00:28:48 → 00:28:51 เรานะครับประเทศไทยเราเนี่ยจากข้อมูลการ
00:28:51 → 00:28:54 ศึกษาเนี่ยเขาพบว่าอายุขัยเฉลี่ยของคนไทย
00:28:54 → 00:28:57 เราเนี่ยอยู่ที่ 77 ปีตอนนี้เออฉะนั้น
00:28:57 → 00:29:01 แล้วอายุยืนต้องสุขภาพดีเพราะอะไรเค้าถึง
00:29:01 → 00:29:03 บอกว่าเฮ้ยสุขภาพดีอ่ะคือความมั่งคั่งของ
00:29:03 → 00:29:07 ชีวิตและ
00:29:07 → 00:29:11 This is
00:29:12 → 00:29:14 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:29:14 → 00:29:16 ของไทย
00:29:16 → 00:29:29 spotify Google
00:29:29 → 00:29:34 [เพลง]