00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับทุกคนเกิดมาเนี่ยก็คงจะรู้จัก
00:00:03 → 00:00:06 กับความกลัวไม่มากก็น้อยใช่มั้ครับบางคน
00:00:06 → 00:00:08 มีสิ่งที่กลัวแบบเฉพาะเจาะจงเลยเช่นกลัว
00:00:08 → 00:00:13 ที่แคบกลัวที่สูงกลัวสัตว์บางอย่างกลัวรู
00:00:13 → 00:00:16 หรือกลัวลูกโป่งอย่างนี้เป็นต้นส่วนบางคน
00:00:16 → 00:00:19 เนี่ยก็ไม่มีสิ่งที่กลัวแบบเฉพาะเจาะจงนะ
00:00:19 → 00:00:22 ครับแต่ว่าเขากลัวแบบมีเหตุผลนะครับเช่น
00:00:22 → 00:00:25 อาจจะกลัวสอบไม่ผ่านกลัวจะสูญเสียคนรักไป
00:00:26 → 00:00:28 นะครับกลัวว่าเวลาไปเดินในที่เปลี่ยวที่
00:00:28 → 00:00:30 มืดเนี่ยจะโดนปล้น
00:00:30 → 00:00:34 แล้วผมแน่ใจเลยนะครับว่าเฮ้ยถ้าเราไม่
00:00:34 → 00:00:37 กลัวล่ะจะเกิดอะไรขึ้นเพราะหลายคนก็พูด
00:00:37 → 00:00:39 กันถึงเรื่องของความกล้าเราจะต้องเอาชนะ
00:00:39 → 00:00:44 ความกลัวแต่มันเคยมีคนบางคนมยที่ไม่มี
00:00:44 → 00:00:46 ความกลัวเลยเกิดมาชีวิตนี้วันเนี้ยเดี๋ยว
00:00:46 → 00:00:48 ผมจะเล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:48 → 00:00:50 แพทย์ธนีธนียวัณเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:50 → 00:00:53 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:53 → 00:00:56 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับความกลัว
00:00:56 → 00:01:00 ของเราเนี่ยนะครับมันก็สามารถเกิดขึ้นได้
00:01:00 → 00:01:02 จาก 2 อย่างนะครับอย่างแรกเนี่ยมันเป็น
00:01:02 → 00:01:05 สิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดนะครับ
00:01:05 → 00:01:09 เพื่อให้เรามีชีวิตรอดอยู่ได้และแบบที่ 2
00:01:09 → 00:01:11 ก็คือว่าสิ่งที่เป็นความกลัวนั้นเรา
00:01:11 → 00:01:15 มาเรียนรู้เอาทีหลังเช่นสมมุติว่าเราเจอ
00:01:15 → 00:01:17 กองไฟกองนึงตอนเราเกิดมาเราอาจจะไม่รู้
00:01:17 → 00:01:19 หรอกว่ามันอันตรายแต่พอเราเข้าใกล้เราเอา
00:01:19 → 00:01:22 มือไปใกล้ๆเนี่ยมันร้อนเรารีบชักมือกลับ
00:01:22 → 00:01:24 หลังจากนั้นเนี่ยเราจะเรียนรู้ว่าอ่าไฟ
00:01:24 → 00:01:27 เนี้ยอันตรายเราก็จะกลัวมันเราก็จะไม่
00:01:27 → 00:01:31 กล้าเข้าใกล้มันนะครับแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:01:31 → 00:01:33 เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นขั้นสูงกว่านั้น
00:01:33 → 00:01:36 ไม่ใช่สัตว์ธรรมดาเนี่ยเราก็จะรู้ว่าโอเค
00:01:36 → 00:01:38 ไฟมันอันตรายแต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมัน
00:01:38 → 00:01:40 เราสามารถใช้มันได้ให้เป็นประโยชน์นะครับ
00:01:40 → 00:01:43 นี่คือความกลัวที่เกิดขึ้นแล้วก็เราเรียน
00:01:43 → 00:01:46 รู้ที่จะอยู่กับมันได้อย่างถูกต้องแต่ถ้า
00:01:46 → 00:01:49 เกิดความกลัวที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันมากจน
00:01:49 → 00:01:52 เกินไปแล้วทำให้เราทำอะไรไม่ได้เลยนะครับ
00:01:52 → 00:01:57 เช่นบางคนเนี่ยกลัวที่แคบแล้วพอจะต้องไป
00:01:57 → 00:01:59 ตรวจการสแกนสมองเนี่ยทำไม่ได้เลยทีเดียว
00:01:59 → 00:02:02 เพราะเข้าไปแล้วตกใจแพนิคนะครับไม่สามารถ
00:02:02 → 00:02:05 ทำการตรวจได้เลยอันเนี้ยก็คือเป็นความ
00:02:05 → 00:02:09 กลัวที่มันมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นนะครับ
00:02:09 → 00:02:11 และต้องบอกครับว่าความกลัวพวกเนี้ยมัน
00:02:11 → 00:02:15 เกิดขึ้นได้ยังไงเออนะครับความกลัวนี่นะ
00:02:15 → 00:02:18 ครับอันแรกขออันที่มันเกิดขึ้นโดย
00:02:18 → 00:02:20 สัญชาตญาณของเราก่อนนะครับก็ถ้าเราตกจาก
00:02:20 → 00:02:23 ที่สูงอแน่นอนทุกคนกลัวตายนะครับมันเป็น
00:02:23 → 00:02:26 สิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เรากำเนิดมาแล้ว
00:02:26 → 00:02:30 นะครับพวกนี้เนี่ยพอสมองเรามันได้รับรู้
00:02:30 → 00:02:33 ข้อมูลพวกนี้นะครับข้อมูลเหล่าเนี้ยก็คือ
00:02:33 → 00:02:36 เป็นข้อมูลที่มาจากข้างนอกนะครับหรือเรา
00:02:36 → 00:02:38 เรียกว่า external information นะครับ
00:02:38 → 00:02:42 เช่นถ้าเรามองเห็นอะไรที่น่ากลัวเราเห็น
00:02:42 → 00:02:46 แสงสีหรือภาพที่น่ากลัวนะครับหรือเรามี
00:02:46 → 00:02:48 ความรู้สึกโดนกดดันหรืออะไรที่เรากลัว
00:02:48 → 00:02:50 เนี่ยมันก็จะส่งสัญญาณตรงนี้ไปบริเวณ
00:02:50 → 00:02:53 หนึ่งในสมองเรียกว่า amdalla นะครับแล้ว
00:02:53 → 00:02:56 ตัวนี้แหละครับที่มันจะประมวลผลว่าเราควร
00:02:56 → 00:02:59 จะกลัวหรือหรือไม่ถ้ามันอันตรายมันจะบอก
00:02:59 → 00:03:02 ว่าเฮ้ยอันนี้เราควรกลัวต้องมีการส่ง
00:03:02 → 00:03:06 สัญญาณไปที่สมองส่วนไฮโปทาลามัสจากนั้นก็
00:03:07 → 00:03:09 จะมีการส่งฮอร์โมนต่างๆออกมานะครับ
00:03:09 → 00:03:11 กระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าแล้วบอกว่า
00:03:11 → 00:03:15 เฮ้ยอันเนี้ยควรกลัวนะมันก็จะไปกระตุ้น
00:03:15 → 00:03:17 ต่อมหมวกไตอีกทีนึงให้หลั่งฮอร์โมน
00:03:17 → 00:03:20 คอร์ติซอลออกมาหลั่งฮอร์โมนอดรนาลีนออกมา
00:03:21 → 00:03:23 แล้วพวกนี้นะครับที่จะทำให้เราเนี่ยเกิด
00:03:23 → 00:03:26 ความกลัวนะครับเกิดความกลัวเกิดความตื่น
00:03:26 → 00:03:30 เต้นพร้อมที่จะสู้หรือหนีนะครับ fight อด
00:03:30 → 00:03:32 flight นะครับก็เกิดพวกนี้ขึ้นมาช่วง
00:03:32 → 00:03:34 นั้นเนี่ยเราจะมีความดันโลหิตที่สูงขึ้น
00:03:34 → 00:03:37 หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นนะครับแล้วก็น้ำตาลใน
00:03:37 → 00:03:40 เลือดก็จะสูงขึ้นด้วยนะครับมันเป็นกลไก
00:03:40 → 00:03:45 ที่จะทำให้เราอยู่รอดได้แต่ทีนี้ครับมัน
00:03:45 → 00:03:51 มีคนที่กลไกตรงเนี้ยเสียนะครับอันนึงซึ่ง
00:03:51 → 00:03:55 เราเจอกันในทางการแพทย์อยู่เรื่อยๆก็คือ
00:03:55 → 00:03:57 คนไข้ที่เป็นโรคที่เรียกว่า cushing
00:03:57 → 00:04:00 syndrome นะครับโรคนี้เนี่ยมันจะมีปัญหา
00:04:00 → 00:04:03 ได้หลายที่นะครับยกตัวอย่างเช่นที่ต่อม
00:04:03 → 00:04:05 หมวกไตของคนบางคนที่เป็นโรคนี้มันอาจจะ
00:04:05 → 00:04:08 สร้างฮอร์โมนที่ว่าจนเกินไปทำให้คนเหล่า
00:04:08 → 00:04:12 เนี้ยมีความวิตกกังวลวิตกจริตมากเกินกว่า
00:04:12 → 00:04:15 เหตุแล้วบางทีก็กลัวมากเกินกว่าเหตุแล้ว
00:04:15 → 00:04:19 คนเหล่าเนี้ยบางคนอาจจะต้องมีการตัดต่อ
00:04:19 → 00:04:22 หมวกไตออกแล้วมันมีคนที่โดนตักต่อหมวกไต
00:04:23 → 00:04:27 ไปแล้วนะครับอ่าเคสที่ได้ยินมาบ่อยๆนะ
00:04:27 → 00:04:30 ครับมีคนนึงชื่อ Jordy Cิ Jordy CNIC
00:04:30 → 00:04:32 เนี่ยเขาเป็นคนอังกฤษนะครับแล้วเขาก็เป็น
00:04:32 → 00:04:36 โรคนี้เค้าเนี่ยตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่า
00:04:36 → 00:04:39 เป็นโรคอะไรแต่ว่าวิตกกังวลบ่อยมากเลย
00:04:39 → 00:04:41 แล้วมันทำอะไรไม่ได้ไปเจออะไรนิดนึงก็ตก
00:04:41 → 00:04:45 ใจแพนิคคือไม่สามารถที่จะมีชีวิตปกติสุข
00:04:45 → 00:04:48 ได้จนหมอเไปตรวจเจอว่าเป็นcชing syndrome
00:04:48 → 00:04:50 แล้วบอกว่าเฮ้ยของคุณเนี่ยน่าจะต้องตัด
00:04:50 → 00:04:54 ต่อหมวกไตออกและพอเขาตัดต่อหมวกไตออกนะ
00:04:54 → 00:04:57 ครับอาการพวกนั้นหายหมดเลยและไม่เพียงแค่
00:04:57 → 00:05:02 นั้นครับเค้าเนี่ยดูหนังผีไม่รู้สึกกลัว
00:05:02 → 00:05:07 ไปเล่นรถไฟเหาะเฉยๆไปกระโดดบัญญี้จัำไม่
00:05:07 → 00:05:09 รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไปความกลัวพวกเนี้ย
00:05:09 → 00:05:13 หายเกลี้ยงเลยแต่สิ่งที่เขา้าเรียนรู้มา
00:05:13 → 00:05:17 นะครับเรียกว่า conditioned fear นะครับ
00:05:17 → 00:05:19 condition ก็คือการที่เราเรียนรู้อะไร
00:05:19 → 00:05:22 ซักอย่างแล้วเรากลัวเช่นสมมุติว่าถ้าหนู
00:05:22 → 00:05:25 เนี่ยเรามาฝึกให้เค้ากลัวเนี่ยเราเอาภาพ
00:05:25 → 00:05:28 ภาพนึงให้เค้าดูนะครับแล้วถ้าเค้าเห็นภาพ
00:05:28 → 00:05:32 เนี่ยเขาจะโดนไฟช็อตต่อไปเนี่ยเห็นแค่ภาพ
00:05:32 → 00:05:34 หนูมันก็กลัวและยังไม่ทันมีไฟช็อตเลยนะ
00:05:34 → 00:05:37 ครับนี่คือเรียกว่าเรียนรู้ได้หรือ
00:05:37 → 00:05:41 condition นะครับ fear คนนี้ครับเนี่ย
00:05:41 → 00:05:45 เขาก็เป็นแบบนั้นคืออะไรที่เกิดการเรียน
00:05:45 → 00:05:47 รู้มาก่อนที่เขาจะโดนตัดต่อหมวกไตออกไป
00:05:47 → 00:05:51 เนี่ยเขารู้ว่ามันอันตรายเช่นเจอของแหลม
00:05:51 → 00:05:54 เขาจะไม่เข้าใกล้เจองูพิษเขาจะไม่ไปยุ่ง
00:05:54 → 00:05:58 กับเพราะว่ามันอันตรายนะครับแต่มันมีโรค
00:05:58 → 00:06:02 โรคนึงครับที่คนเป็นโรคเนี้ยจะไม่มีความ
00:06:02 → 00:06:06 กลัวตั้งแต่เกิดเลยเออไม่มีความกลัวตั้ง
00:06:07 → 00:06:11 แต่เกิดนะครับมันชื่อว่าโรค with disease
00:06:11 → 00:06:15 นะครับ with เนี่ยมันเป็นการถ่ายทอดทาง
00:06:15 → 00:06:19 โครโมโซมแบบอ่ายีนด้อยนะครับอยู่ที่
00:06:19 → 00:06:21 โครโมโซมคู่ที่ 1 นะครับตรงนั้นเนี่ยมัน
00:06:21 → 00:06:24 จะมียีนตัวนึงชื่อว่า ECM1 หรือ
00:06:24 → 00:06:27 Extraellular matrix 1 นะครับถ้าตัว
00:06:27 → 00:06:29 นี้ทำงานเสียไปเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:06:29 → 00:06:32 ว่าร่างกายมันจะมีปัญหาเรื่องของแคลเซียม
00:06:32 → 00:06:36 แล้วก็คอลลาเจนที่มันจะสะสมแบบผิดปกตินะ
00:06:36 → 00:06:38 ครับคนที่เป็นโรคนี้เนี่ยจะมีอาการหลาก
00:06:38 → 00:06:41 หลายโดยเฉพาะอาการทางสมองสมองบางส่วน
00:06:41 → 00:06:44 เนี่ยมันจะเสียไปทำให้เกิดโรคลมชักได้
00:06:44 → 00:06:47 แล้วก็ไอ้ตัวอมิกดาที่เป็นตัวกำเนิด
00:06:47 → 00:06:49 เรื่องของความกลัวตัวควบคุมความกลัวเนี่ย
00:06:49 → 00:06:52 มันจะเสียนะครับอาจจะมีแคลเซียมไปก่อน
00:06:52 → 00:06:54 แล้วมันก็ทำงานไม่ได้เซลล์ในนั้นมันก็ตาย
00:06:54 → 00:06:57 ไปนะครับนอกเหนือจากนี้เนี่ยอาจจะมีปัญหา
00:06:58 → 00:07:00 เรื่องของผิวหนังซึ่งมันย่นนะครับมีตุ่ม
00:07:00 → 00:07:03 อยู่ที่หนังตาแล้วก็ตรงเสียงสายเสียงของ
00:07:03 → 00:07:06 เขาค้าเนี่ยมันจะหนาและบวมทำให้เสียงของ
00:07:06 → 00:07:09 คนพวกเนี้ยแหกแต่ทั้งหมดทั้งมวลเนี่ยนะ
00:07:09 → 00:07:12 ครับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้ก็คือ
00:07:12 → 00:07:15 เขาจะไม่มีความกลัวเลยตั้งแต่เกิดเพราะ
00:07:15 → 00:07:19 อมิกdล่ามันไม่ทำงานเคยมีคนเอาคนๆคนที่
00:07:20 → 00:07:22 เป็นโรคเนี้ยมาศึกษานะครับต้องบอกว่าคน
00:07:22 → 00:07:25 เหล่าเนี้ยมีน้อยมากโอกาสจะเป็นโรคเนี้ย
00:07:25 → 00:07:28 อยู่ที่คือทั้งโลกเท่าที่มีรายงานมามี
00:07:28 → 00:07:32 ประมาณสัก 400 เคสนะครับแล้วรายงานเคสนึง
00:07:32 → 00:07:36 ซึ่งเป็นที่หลายคนเนี่ยเคยรู้จักนะครับใน
00:07:36 → 00:07:40 วงการทางการแพทย์เค้าใช้ชื่อย่อของคนไข้
00:07:40 → 00:07:44 คนเนี้ยว่า SM นะครับได้รับการศึกษา
00:07:44 → 00:07:47 เรื่องเนี้ยเป็นพิเศษที่มหาวิทยาลัยไอโอA
00:07:47 → 00:07:50 นะครับที่อเมริกาเค้าไปศึกษาคนเนี้ยว่า
00:07:50 → 00:07:52 เฮ้ยมันจะไม่มีอะไรสักอย่างในโลกนี้เลย
00:07:52 → 00:07:55 เหรอที่ทำให้คนเนี่ยกลัวได้เค้าก็ลองทุก
00:07:55 → 00:07:57 อย่างแหละครับอ่ะเอาหนังผีทุกเรื่องอ่ะ
00:07:57 → 00:08:03 ที่มันน่าจะน่ากลัวมาฉายให้ดูเฉยมากความ
00:08:03 → 00:08:05 กลัวไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่มีปฏิกิริยา
00:08:05 → 00:08:09 แม้กระทั่งการที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นนะครับ
00:08:09 → 00:08:11 หรือความดันที่เปลี่ยนแปลงไม่มีเลยเค้า
00:08:11 → 00:08:14 นั่งแล้วเฉยมากนะครับมีการเอาของแหลมมา
00:08:14 → 00:08:18 จี้ตาเฉยมากไม่เกิดอะไรขึ้นเลยด้วยซ้ำไป
00:08:18 → 00:08:23 นะครับหรือลองให้เอาคนแปลกหน้ามาหาเขาคือ
00:08:23 → 00:08:27 คนเราเนี่ยปกติมันจะมีบริเวณที่เรียกว่า
00:08:27 → 00:08:30 personal space นะครับที่เราเนี่ยจะรู้
00:08:30 → 00:08:33 สึกไม่โอเคถ้าเกิดมีคนแปลกหน้าเข้ามานะ
00:08:33 → 00:08:38 ครับเช่นสมมุติว่าคุณมีใครก็ไม่รู้อ่ะ
00:08:38 → 00:08:41 เดินเข้าใกล้คุณแล้วก็มายืนจ้องอยู่ข้าง
00:08:41 → 00:08:43 หน้าคุณอย่างเงี้ยคุณจะรู้สึกว่าไอ้นี้
00:08:43 → 00:08:47 ไม่โอเคและนะครับแต่คุณ SM เนี่ยเค้าบอก
00:08:47 → 00:08:49 ว่าระยะที่เขารู้สึกว่าโอเคไม่มีปัญหา
00:08:49 → 00:08:53 อะไรก็คือคนแปลกหน้าใครก็ได้เลยสามารถ
00:08:53 → 00:08:56 เข้าใกล้เค้าได้ถึงระยะฟุตนึงคือยืน
00:08:56 → 00:08:58 ประจันหน้ากันเนี้ยน่าจะชนกันอยู่แล้ว
00:08:58 → 00:09:00 เค้ายังเฉยๆไม่รู้สึกกลัวไม่รู้สึกอะไร
00:09:00 → 00:09:05 เลยนะครับเจองูพิษตะขาบแมงป่องแมงมุมเฉย
00:09:05 → 00:09:08 หมดเลยไม่กลัวอะไรสักเรื่องนึงเลยนะครับ
00:09:08 → 00:09:10 แล้วก็มีหลายครั้งนะครับที่เขา้าเนี่ย
00:09:10 → 00:09:13 เกือบจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่มันอันตราย
00:09:13 → 00:09:17 ต่อชีวิตได้เช่นเค้าเคยโดนปล้นนะครับมี
00:09:17 → 00:09:21 เอาเอาปืนมาเนี่ยจ่ออย่างี้เค้าก็เฉยหรือ
00:09:21 → 00:09:25 เจอคนแปลกหน้าเดินเข้าไปทักเฉยๆเลยนะครับ
00:09:25 → 00:09:28 เดินเข้าไปคุยเหมือนกับไม่ได้มีอะไรนะฮะ
00:09:28 → 00:09:31 สมมุติว่าถ้าเราไปเมืองที่มันมีซอมบี้
00:09:31 → 00:09:33 เยอะๆเนี่ยเราเดินเข้าไปหาเฉยเนี่ยเค้า
00:09:33 → 00:09:37 เป็นแบบนั้นนะครับหรือบางกรณีก็เห็นสัตว์
00:09:37 → 00:09:41 มีพิษจะเข้าไปเล่นด้วยเห็นถ้ามีเสือหลุด
00:09:41 → 00:09:45 ออกมาก็รู้สึกเออธรรมดาเนอะเฉยๆมีหมีก็
00:09:45 → 00:09:49 เฉยๆกับหมีไม่รู้สึกกลัวอะไรเลยนะครับ
00:09:49 → 00:09:52 นักวิจัยเนี่ยพยายามทุกวิถีทางเพื่อหา
00:09:52 → 00:09:56 สิ่งที่กลัวให้เจอหาไม่ได้นะครับแล้วคน
00:09:56 → 00:09:59 พวกเนี้ยก็ต้องบอกว่าเค้าจะไม่สามารถ
00:09:59 → 00:10:03 เรียนรู้ความกลัวได้นะครับไม่สามารถเรียน
00:10:03 → 00:10:06 รู้ได้อย่างเช่นเมื่อกี้ผมบอกว่าเค้าคน
00:10:06 → 00:10:08 ธรรมดาเนี่ยเรียนรู้ว่าไฟมันอันตรายได้ก็
00:10:08 → 00:10:10 ต่อเมื่อเอามือเข้าไปอ่าร้อนและอันตราย
00:10:10 → 00:10:13 ใช่มั้ยแต่คนพวกเนี้ยจะไม่สามารถเรียนรู้
00:10:13 → 00:10:17 ความกลัวแบบนั้นได้เค้าเนี่ยจะต้องเรียน
00:10:17 → 00:10:21 รู้เป็นสถานการณ์เช่นบอกว่าไฟอันนี้นะถ้า
00:10:21 → 00:10:24 คุณเข้าไปใกล้นะครับไม่ดีอย่าเข้าใกล้
00:10:24 → 00:10:27 เค้าจะรู้แค่นี้เลยเค้าจะไม่สามารถบอกได้
00:10:27 → 00:10:30 ว่าไฟมันอันตรายไม่อันตรายถ้าเค้าเจ็บ
00:10:30 → 00:10:33 เค้าก็จะเฉยๆเค้าอื้อก็เจ็บเนาะไม่มีอะไร
00:10:33 → 00:10:36 เนี่ยคือความกลัวที่มันไม่มีทางเกิดขึ้น
00:10:36 → 00:10:39 ในคนพวกนี้แล้วคนพวกเนี้ยใช้ชีวิตลำบาก
00:10:39 → 00:10:43 มากนะเพราะว่าเค้าจะต้องมาคอยดูซิว่า
00:10:43 → 00:10:45 สถานการณ์อะไรบ้างที่เค้าควรจะหลีกเลี่ยง
00:10:45 → 00:10:49 มิฉะนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
00:10:49 → 00:10:51 เช่นเดินไปในซอยซอยเปลี่ยวๆกลางคืนเขาอาจ
00:10:51 → 00:10:54 จะโดนดักทำร้ายซึ่งคนพวกเนี้ยเค้าก็ไม่
00:10:54 → 00:10:57 รู้หรอกอ่ะดักทำร้ายแล้วยังไงแล้วแล้วยัง
00:10:57 → 00:11:02 ไงไม่มีอะไรก็จะไม่กลัวนะครับแต่คิดในแง่
00:11:02 → 00:11:05 อีกแง่นึงก็คือคนพวกเนี้ยจะไม่มีทางวิตก
00:11:05 → 00:11:07 กังวลอะไรเลยอ่ะเพราะมันจะไม่กลัวอ่ะสอบ
00:11:07 → 00:11:10 ตกอ่ะแล้วไงเพื่อนร่วมงานไม่ชอบขี้หน้า
00:11:10 → 00:11:13 แล้วไงอ่ะหรือคนข้างนอกมองเค้าไม่ดีแล้ว
00:11:13 → 00:11:15 ไงเค้าไม่วิตกกังวลไม่กลัวไม่อะไรทั้ง
00:11:15 → 00:11:19 สิ้นเลยนะครับเนี่ยมันเป็นส่วนที่เอาไว้
00:11:19 → 00:11:22 ป้องกันตัวเองถ้าอะไรจะมาทำร้ายไม่ว่าจะ
00:11:22 → 00:11:25 เป็นทางด้านจิตใจหรือร่างกายมันจะส่ง
00:11:25 → 00:11:27 สัญญาณอันตรายออกมาให้ร่างกายตอบสนองทัน
00:11:27 → 00:11:30 ทีแต่ถ้าเกิดอิกล่ามันตายไปแล้วอย่างกรณี
00:11:30 → 00:11:33 ของคุณ SM นะครับที่เป็นแบบ with disease
00:11:33 → 00:11:39 เนี่ยมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นครับเขาจะเฉยๆ
00:11:39 → 00:11:42 แต่สุดท้ายต้องบอกอย่างงี้ครับว่านัก
00:11:42 → 00:11:48 วิจัยสามารถหาสิ่งที่เค้ากลัวได้ 1 อย่าง
00:11:48 → 00:11:51 อืมอืมอันเนี้ยผมว่าทุกคนไม่มีทางทายถูก
00:11:51 → 00:11:56 ได้แน่นอนนะครับมันคือคาร์บอนไดออกไซด์
00:11:56 → 00:11:58 ครับ
00:11:58 → 00:12:01 อ่างงล่ะสิเมื่อกี้ผมบอกแล้วใช่มั้ยครับ
00:12:01 → 00:12:05 ว่ามันจะมีความกลัวบางอย่างที่เกิดขึ้นมา
00:12:05 → 00:12:08 กับร่างกายตั้งแต่เกิดเพราะมันเป็นสิ่ง
00:12:08 → 00:12:11 ที่เอาไว้ป้องกันไม่ให้ชีวิตของเค้าเนี่ย
00:12:11 → 00:12:14 ต้องตายไปนะครับแล้วคาร์บอนไดออกไซด์
00:12:14 → 00:12:15 เนี่ยปกติเวลาที่เราหายใจ
00:12:15 → 00:12:18 คาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเฉยๆเนี่ยคนธรรมดา
00:12:18 → 00:12:21 ตาจะรู้สึกว่าขาดอากาศคนเราต้องหายใจ
00:12:21 → 00:12:23 ออกซิเจนเข้าไปไม่ใช่คาร์บอนไดออกไซด์นะ
00:12:23 → 00:12:25 ครับเพราะฉะนั้นถ้าหายใจเอา
00:12:25 → 00:12:27 คาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเนี่ยร่างกายเรา
00:12:27 → 00:12:30 รู้สึกว่าไม่ได้แล้วนี่คือเดี๋ยวจะขาด
00:12:30 → 00:12:34 อากาศจะแย่นะครับแต่ว่าเราก็จะรู้ว่าอ๋อ
00:12:34 → 00:12:36 ขาดอากาศจะแย่ใช่มั้ยเรายังพออดทนได้ไม่
00:12:36 → 00:12:39 มีปัญหานะครับเรากลัวแหละกลัวจะขาดอากาศ
00:12:39 → 00:12:45 แต่เราควบคุมความกลัวได้แต่พอคุณ SM เค้า
00:12:45 → 00:12:48 ไปเจอคำไอรักษานะสิ่งที่เขาเกิดขึ้นก็คือ
00:12:48 → 00:12:51 เค้ากลัวมากกลัวที่สุดในชีวิตนะครับกลัว
00:12:51 → 00:12:54 อย่างที่ไม่เคยเกิดปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อน
00:12:54 → 00:12:56 แพนิคอ่ะแพนิคนี่คือถ้าใครไม่รู้จักนะ
00:12:56 → 00:13:01 ครับเวลาเกิดอาการขึ้นมาเนี่ยมันจะใจสั่น
00:13:01 → 00:13:04 มือสั่นภาพทั้งหมดเนี่ยมันจะเหมือนมืดลง
00:13:04 → 00:13:06 นะครับบริเวณที่มองเห็นมันจะเหมือนแคบลง
00:13:06 → 00:13:10 นะครับแล้วจะรู้สึกมันจะตายเหมือนจะไม่มี
00:13:10 → 00:13:12 ชีวิตอยู่เหมือนจะทุกอย่างมันแย่ไปหมดนะ
00:13:12 → 00:13:17 ครับใจสั่นมือสั่นปากชามือเท้าชานะครับมี
00:13:17 → 00:13:19 จีบเกร็ง
00:13:19 → 00:13:22 แย่ขนาดนั้นเลยแล้วอาการเนี้ยมันเกิดขึ้น
00:13:22 → 00:13:25 กับคุณ SM แบบเต็มขั้น
00:13:25 → 00:13:27 คนทั่วไปอ่ะที่เจอคาร์บอนไดออกไซด์จะไม่
00:13:27 → 00:13:32 เกิดแบบนี้แต่ของคุณ SM มันเกิดแบบมาก
00:13:32 → 00:13:35 ด้วยเค้าก็เลยสงสัยว่าเฮ้ยทำไมอ่ะถึงเป็น
00:13:35 → 00:13:40 มากขนาดนี้ทำไมไม่เหมือนคนทั่วไปอ่ะและ
00:13:40 → 00:13:43 เขาก็เจอความลับนึงครับว่าสิ่งที่เกิด
00:13:43 → 00:13:46 ขึ้นเนี่ยคือamิกทำงานไม่ได้แล้วamิก่ามี
00:13:46 → 00:13:49 อีกหน้าที่หนึ่งนอกเหนือจากส่งสัญญาณให้
00:13:49 → 00:13:54 ร่างกายกลัวสิ่งเร้าภายนอกที่จะเอามาทำ
00:13:54 → 00:13:57 ร้ายร่างกายแล้วมันยังมีหน้าที่ควบคุม
00:13:57 → 00:14:01 ความกลัวจากภายในด้วยนะครับถ้าความกลัว
00:14:01 → 00:14:04 จากภายในก็คือปกติเวลาเราได้คำไดอาไซ์มา
00:14:04 → 00:14:06 ในร่างกายของเราเนี่ยคำไออกไซด์พวกเนี้ย
00:14:06 → 00:14:09 มันเข้าทางปอดเข้าสู่กระแสเลือดของเรา
00:14:09 → 00:14:11 แล้วกระแสเลือดตัวเนี้ยมันจะต้องไปที่
00:14:11 → 00:14:15 ก้านสมองนะครับมันก็จะบอกว่าเฮ้ยคำหน้าซา
00:14:15 → 00:14:18 เยอะไปแล้วเราควรจะรีบหายใจเอามันออกไปซะ
00:14:18 → 00:14:21 นะครับแล้วพอมันไปกระตุ้นตรงเนี้ยโดยทั่ว
00:14:21 → 00:14:25 ไปเราก็จะพยายามหายใจเข้าไปให้ได้แต่เรา
00:14:25 → 00:14:28 ก็จะสามารถควบคุมตัวเองได้เพียงแต่ว่าใน
00:14:28 → 00:14:33 กรณีของคุณ SM เนี่ยไอ้คำไดตัวเนี้ยปกติ
00:14:33 → 00:14:35 มันจะต้องส่งสัญญาณคุยกับส่วนต่างๆของ
00:14:35 → 00:14:40 สมองแล้วamดาลเป็นตัวคอยกำหนดว่าเฮ้ย
00:14:40 → 00:14:43 กลัวได้แต่อย่าไปมากนะครับมันจะกลัวก็ต่อ
00:14:43 → 00:14:45 เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์มันเต็มข้างปอดเต็ม
00:14:45 → 00:14:48 ไปหมดนั่นก็คือเหมือนกับคุณจมน้ำนานๆคุณ
00:14:48 → 00:14:51 จะแบบไม่ไหวแล้วอ่าอันนั้นน่ะอidิล่ามัน
00:14:51 → 00:14:53 ถึงปล่อยให้คุณทำงานได้เต็มที่คุณกลัวได้
00:14:53 → 00:14:56 เต็มที่แต่ได้หายใจเข้าไปใหม่ๆก็นิดเดียว
00:14:56 → 00:14:58 เงี้ยมันไม่ควรเกิดเรื่องแต่ในเมื่อ
00:14:58 → 00:15:02 amิก่ามันเสียไปแล้วอ่ะมันก็จะไม่สามารถ
00:15:02 → 00:15:05 ทำให้ร่างกายควบคุมความกลัวได้อีกต่อไป
00:15:05 → 00:15:07 ซึ่งอันเนี้ยเป็นสิ่งที่เขาค้นพบอันใหม่
00:15:07 → 00:15:10 เลยนะบอกว่าamิานอกเหนือจากช่วยการตอบ
00:15:10 → 00:15:13 สนองความกลัวจากภายนอกแล้วมันยังช่วยควบ
00:15:13 → 00:15:16 คุมความกลัวที่เกิดจากภายในอีกต่างฮะทำ
00:15:16 → 00:15:18 ให้ทางการแพทย์เนี่ยสามารถแยกความกลัว
00:15:18 → 00:15:21 หรือ fear ออกเป็น external fear กับ
00:15:21 → 00:15:25 internal fear ได้อ่าซึ่งตรงเาค้ากำลัง
00:15:25 → 00:15:26 ศึกษากันอยู่ว่าเฮ้ยแล้ว internal fear
00:15:26 → 00:15:29 มันทำงานยังไงนะครับจากสิ่งเร้าภายในจาก
00:15:29 → 00:15:31 พวกสารเคมีที่เข้าไปในร่างกายแล้วทำให้
00:15:31 → 00:15:35 เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้นะครับก็ยังคง
00:15:35 → 00:15:37 เป็นที่ศึกษากันอยู่ดังนั้นแล้วเนี่ยผม
00:15:37 → 00:15:40 ต้องบอกนะครับว่าความกลัวเนี่ยมันก็มี
00:15:40 → 00:15:43 ประโยชน์เพราะถ้าเกิดคุณขืนไม่กลัวเลย
00:15:43 → 00:15:46 เหมือน 2 คนเนี้ยนะครับเหมือน Jordi CIC
00:15:46 → 00:15:51 กับคุณ SM ในที่นี้นะที่เป็นที่เป็นโรค
00:15:51 → 00:15:54 with disease เนี่ยนะครับก็ไม่น่าจะดี
00:15:54 → 00:15:56 นะครับเพราะมันจะทำให้คุณชิลไปกับทุก
00:15:56 → 00:15:59 อย่างเหมือนตัวคาบาร่านะครับที่มันจะชิล
00:15:59 → 00:16:03 เกินไปเกิดมีสัตว์มาทำร้ายเนี่ยคงจะคงจะ
00:16:03 → 00:16:06 เออแล้วยังไงนะก็ทำร้ายฉันก็ได้ไม่ว่า
00:16:06 → 00:16:09 อะไรนะครับอันนั้นก็คงจะน่ากลัวจนเกินไป
00:16:09 → 00:16:12 ไม่น่าจะดีนะครับยังไงก็ตามนะครับทีนี้
00:16:12 → 00:16:15 เรารู้ว่าเรามีความกลัวกลัวเกิดขึ้นมา
00:16:15 → 00:16:18 เพราะอะไรแล้วขั้นต่อไปก็คือเราจะต้อง
00:16:18 → 00:16:21 ศึกษาเรียนรู้และควบคุมความกลัวไม่ให้มัน
00:16:21 → 00:16:25 มาอยู่เหนือเราได้เราเนี่ยสต่างจากสัตว์
00:16:25 → 00:16:28 ทั่วไปตรงที่ว่าเราเนี่ยมีปัญญาสูงกว่า
00:16:28 → 00:16:31 พวกนั้นอีกขั้นหนึ่งสัตว์เนี่ยจะสังเกต
00:16:31 → 00:16:35 ว่ามันกลัวไฟใช่มั้เรียนรู้ยังไงมันก็ยัง
00:16:35 → 00:16:38 กลัวไฟอยู่ดีอ่ะถ้าไปในป่าอย่างเงี้ยเค้า
00:16:38 → 00:16:41 ก่อกองไฟไว้สัตว์ก็จะไม่กล้าเข้าใกล้นะ
00:16:41 → 00:16:44 ครับแต่คนเนี่ยไม่ฮะคนเรียนรู้ที่อยู่กับ
00:16:44 → 00:16:47 ไฟได้มันก็จะไม่กลัวนะครับดังนั้นเนี่ย
00:16:47 → 00:16:51 ถ้าเราเรียนรู้เข้าใจตรรกะจริงๆว่าเฮ้ย
00:16:51 → 00:16:54 เรากลัวทำไมนะแล้วเราค่อยๆแก้ไขเราก็แก้
00:16:54 → 00:16:57 ไขความกลัวได้หรือบางคนที่กลัวบางสิ่งบาง
00:16:57 → 00:16:59 อย่างแบบเฉพาะเจาะจงมากเช่นกลัวแมลงสาบ
00:16:59 → 00:17:03 กลัวที่แคบเนี่ยมันก็สามารถที่จะแก้ไขได้
00:17:03 → 00:17:05 ไม่ใช่ความกลัวนั้นมันจะอยู่กับเราตลอด
00:17:05 → 00:17:08 ชาตินะครับถ้าไปหาจิตแพทย์เนี่ยเค้าก็จะ
00:17:08 → 00:17:11 มีวิธีที่ค่อยๆทำให้เราลดความกลัวในสิ่ง
00:17:11 → 00:17:13 เหล่านี้ได้โดยค่อยๆให้เราได้เจอเจอกับ
00:17:13 → 00:17:15 สิ่งที่เรากลัวทีละนิดทีละนิดไปเรื่อยๆจน
00:17:15 → 00:17:18 กระทั่งสุดท้ายเนี่ยเราหายกลัวมันได้ครับ
00:17:18 → 00:17:21 อ่าดังนั้นผมหวังว่าเรื่องนี้จะมีอะไรที่
00:17:21 → 00:17:24 น่าสนใจให้หลายคนเข้าใจความกลัวของตัวเอง
00:17:24 → 00:17:26 นะครับจริงๆเรามีความกลัวเนี่ยดีแล้วครับ
00:17:26 → 00:17:30 มันทำให้เรามีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่ตกไปเป็น
00:17:30 → 00:17:33 เหยื่อของสัตว์หรือเอ่อคนที่เขา้าไม่หวัง
00:17:33 → 00:17:35 ดีกับเราเรามีความกลัวไว้บ้างก็ดีนะครับ
00:17:35 → 00:17:37 แต่ว่าเราก็ต้องควบคุมความกลัวให้มัน
00:17:37 → 00:17:40 เหมาะสมถ้าความกลัวอันนั้นมันมากจนเกินไป
00:17:40 → 00:17:43 เราทำยังไงเราก็ไม่หายกลัวแล้วรู้สึกว่า
00:17:43 → 00:17:45 มันมีผลต่อชีวิตประจำวันของเรามากนะครับ
00:17:45 → 00:17:48 อันนี้ผมแนะนำว่าลองปรึกษาจิตแพทย์ดู
00:17:48 → 00:17:50 เพราะว่าเค้าเนี่ยมีวิธีที่จะช่วยทำให้
00:17:50 → 00:17:53 คุณหายกลัวหรืออย่างน้อยก็กลัวลดลงแล้วก็
00:17:53 → 00:17:56 สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข
00:17:56 → 00:18:01 นะครับอ้ออีกอย่างนึงซึ่งผมอยากจะเล่า
00:18:01 → 00:18:04 ประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังก็คือในเรื่องของ
00:18:04 → 00:18:08 ผีนะฮะหลายคนก็คงจะกลัวผีถูกมั้ยครับเด็ก
00:18:08 → 00:18:10 ๆผมก็เหมือนคนทุกคนน่ะครับกลัวผีแต่มี
00:18:10 → 00:18:13 อยู่วันนึงผมคิดขึ้นมาได้ว่าเอ๊ะแล้วผมจะ
00:18:13 → 00:18:16 กลัวทำไมนะผีเนี่ย
00:18:16 → 00:18:19 ในเมื่อบางคนกลัวผีเพราะว่ามันมืดใช่มั้ย
00:18:19 → 00:18:22 ผมก็เดินอยู่ที่บ้านสมัยก่อนบ้านผมมันมี
00:18:22 → 00:18:25 สวนเนี่ยเราก็เห็นว่าตอนกลางวันไม่เห็นมี
00:18:25 → 00:18:27 อะไรน่ากลัวทำไมตอนกลางคืนทุกคนกลัวขึ้น
00:18:27 → 00:18:29 มาเฉยๆเลยไอ้ตรงนั้นไม่มีใครอยากจะไปมี
00:18:29 → 00:18:31 อยู่วันนึงครับผมก็เลยเดินไปที่สวนตรง
00:18:31 → 00:18:35 นั้นแล้วก็อ่ายืนอยู่สักพักนึงตอนกลางคืน
00:18:35 → 00:18:38 ตอนมืดๆนี่แหละแล้วก็อยากรู้ว่ามีอะไรที่
00:18:38 → 00:18:42 ทำให้เรากลัวไหมนะครับยืนอยู่สักพักก็ไม่
00:18:42 → 00:18:45 เห็นมันมีอะไรเลยนี่นาแล้วผมก็เลยพูดขึ้น
00:18:45 → 00:18:48 มาว่าเฮ้ยมันมีอะไรที่น่ากลัวตรงเนี้ยมี
00:18:48 → 00:18:50 ผีมีตัวอะไรมั้ยออกมาซะเราจะได้ถ้ามัน
00:18:50 → 00:18:54 เห็นน่ะเราจะได้กลัวไม่มีนะครับมีแต่ยุง
00:18:54 → 00:18:57 ซึ่งตอนนั้นโชคดีที่ผมอ่าฉีดยากันยุงไป
00:18:57 → 00:19:00 เพื่อให้ยุงไม่กัดนะครับก็ไม่มีอะไรแล้ว
00:19:00 → 00:19:03 ผมก็บอกว่าเอ้ยถ้าไม่มีอะไรออกมาเนี่ยเรา
00:19:03 → 00:19:05 จะไปแล้วนะก็เดินออกจากจะเดินออกจากสวน
00:19:05 → 00:19:09 แล้วนะหันมาอีกครั้งนึงถามไม่มีไม่มีเรา
00:19:10 → 00:19:14 ก็เดินๆออกมาก็บอกอืสวนอย่างเดียวอ่ะมัน
00:19:14 → 00:19:16 อาจจะเป็นแค่ที่ที่เดียวก็ได้นะบังเอิญผี
00:19:16 → 00:19:19 เค้าอาจจะไม่ได้มาทำงานวันนี้เราก็เลยไป
00:19:19 → 00:19:21 อีกที่นึงแล้วกันแต่ก่อนบ้านผมเนี่ยมัน
00:19:21 → 00:19:24 เป็นแฟลชแล้วมันก็จะมีห้องที่เป็นห้อง
00:19:24 → 00:19:27 แทงค์น้ำนะครับห้องแทงค์น้ำเนี่ยถ้าเด็กๆ
00:19:27 → 00:19:29 ไปนะก็ไม่มีใครที่อยากจะเข้าไปข้างใน
00:19:29 → 00:19:33 เพราะมันจะมีเสียงแทงค์น้ำเสียงแรงดัน
00:19:33 → 00:19:35 เสียงอัดอากาศแล้วมันจะแบบดูน่ากลัวนะ
00:19:35 → 00:19:37 ครับผมก็รู้สึกว่าเนี่ยในห้องเนี้ยมัน
00:19:37 → 00:19:40 เป็นอีกห้องนึงซึ่งมันน่าจะมีอะไรน่ากลัว
00:19:40 → 00:19:42 เราเราก็เลยเดินเข้าไปเลยครับห้องนั้นจะ
00:19:42 → 00:19:44 ไม่มีไฟผมก็เอาไฟฉายไปส่องๆแล้วก็เดิน
00:19:44 → 00:19:47 เข้าไปแล้วก็ยืนอยู่ในนั้นน่ะแล้วก็พูด
00:19:47 → 00:19:49 เหมือนเดิมอ่ะมีอะไรออกมามั้ยมีอะไรที่
00:19:49 → 00:19:53 น่ากลัวออกมามั้มีผีมีอะไรมั้ยไม่มีไม่มี
00:19:53 → 00:19:56 แน่ๆนะก็เงียบหลังจากนั้นเราบอกว่าเฮ้ย
00:19:56 → 00:19:58 เราจะไปแล้วนะไม่ไม่ออกมานี่คือไม่กลัว
00:19:58 → 00:20:02 แล้วนะก็ไม่มีก็เดินออกมา
00:20:02 → 00:20:04 หลังจากวันนั้นครับผมก็เลิกกลัวอะไรไปเลย
00:20:04 → 00:20:07 นะครับไม่กลัวอีกเลยว่าเฮ้ยผีอะไรจะมา
00:20:07 → 00:20:10 วุ่นวายอะไรกับเราไม่กลัวนะครับแต่ก็มี
00:20:10 → 00:20:13 ตอนไปต่างจังหวัดเหมือนกันที่ไปนอนโรงแรม
00:20:13 → 00:20:15 แล้วก็บอกว่าเออเนี่ยห้องเนี้ยเราอยู่ของ
00:20:15 → 00:20:18 เราคนเดียวซึ่งเราก็จะได้ยินคนที่เค้าแนะ
00:20:18 → 00:20:21 นำบอกว่าเออถ้าได้ยินเสียงข้างนอกเสียงมี
00:20:21 → 00:20:24 อะไรหล่นใส่หลังคาเราก็อย่าไปทักนะถ้ามี
00:20:24 → 00:20:26 เสียงอยู่ข้างนอกประตูอ่ะก็ระมัดระวังไม่
00:20:26 → 00:20:31 ต้องออกไปไม่ต้องพูดอะไรนะถ้ามีก๊อกน้ำไฟ
00:20:31 → 00:20:35 ติดดับเราก็เราก็เฉยๆไว้อย่าไปทักเค้าผม
00:20:35 → 00:20:38 เนี่ยทำตรงหมดทุกอย่างเลยฮะมีเสียงลนลงมา
00:20:38 → 00:20:40 บนหลังคาเฮ้ยเสียงอะไรวะวะอะไรอย่างเงี้ย
00:20:40 → 00:20:43 นะครับหรือมีเสียงอยู่ข้างนอกหน้าประตูผม
00:20:43 → 00:20:46 ก็ออกไปเลยครับแต่ว่าถือพวกร่มเผื่อเป็น
00:20:47 → 00:20:49 อาวุธว่าเอ้ยคนนั้นเกิดมันเป็นโจรเราจะ
00:20:49 → 00:20:52 ได้จัดการได้เดินออกไปไม่เจออะไรก็เข้ามา
00:20:52 → 00:20:54 ในห้องเข้ามาในห้องเนี่ยก็มีเหมือนที่
00:20:55 → 00:20:58 หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ถ้าไปพักโรง
00:20:58 → 00:21:00 แรมพวกนี้ก็คืออ่ะเดี๋ยวก๊อกน้ำอ่ะเดี๋ยว
00:21:00 → 00:21:03 น้ำหยุดน้ำไหลไฟติดไฟดับแล้วก็เดินเข้าไป
00:21:03 → 00:21:06 ในห้องน้ำไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นะครับสุด
00:21:06 → 00:21:08 ท้ายแล้วก็กลับมานอนแล้วก็แล้วก็ผมก็
00:21:08 → 00:21:11 เคารพสถาสถานที่ก็เออก็เหมือนกับไหว้พระ
00:21:11 → 00:21:13 ธรรมดาเออเราจะนอนและนะครับเราจะนอนนี่
00:21:13 → 00:21:16 แหละแล้วอ่ะทีวีเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับอะไร
00:21:16 → 00:21:18 ของมันก็ไม่รู้ผมก็เลยบอกอย่างงี้ว่า
00:21:18 → 00:21:21 เนี่ยถ้าสมมุติว่าผีเนี่ยมันมีจริงๆผี
00:21:21 → 00:21:24 ต้องการอะไรจากเราก็ต้องส่วนบุญผมก็บอก
00:21:24 → 00:21:27 เค้าเลยว่าเฮ้ยถ้าเกิดตอนคุณยังมีชีวิต
00:21:27 → 00:21:30 อยู่เนี่ยสมมุติคุณสอบตกคุณไปหาอาจารย์
00:21:30 → 00:21:35 เพื่อขอแก้ตัวขอสอบซ่อมแล้วคุณเนี่ยปิด
00:21:35 → 00:21:38 ประตูปึ้งปั้งๆพออาจารย์มาก็วิ่งหนีใช่
00:21:38 → 00:21:40 มั้อาจารย์เข้าไปนั่งในห้องก็ปิดไฟเดี๋ก็
00:21:40 → 00:21:42 เปิดไฟคุณคิดว่าอาจารย์น่ะเค้าจะให้คุณ
00:21:42 → 00:21:46 สอบผ่านมั้ยก็คงไม่มีทางถูกมั้ยเพราะ
00:21:46 → 00:21:49 ฉะนั้นมาดีๆครับมาด้วยมารยาทและอีกอย่าง
00:21:49 → 00:21:50 นึงคือ
00:21:51 → 00:21:54 เวลาคนเราเนี่ยมีชีวิตอยู่ผมก็บอกเค้าเลย
00:21:54 → 00:21:58 ว่าเอ่อเราเนี่ยอยากหน้าตาดีผู้ชายอยาก
00:21:58 → 00:22:00 หน้าตาดีผู้หญิงอยากหน้าตาสวยเราแต่งตัว
00:22:00 → 00:22:03 เราออกไปไหนเราอยากจะแต่งตัวดีๆแต่ทำไม
00:22:03 → 00:22:05 เป็นผีแล้วต้องปล่อยตัวให้หน้าตาน่า
00:22:05 → 00:22:08 เกลียดคุณมีปัญหาอะไรเหรอนะครับผมก็พูดมา
00:22:09 → 00:22:11 อย่างี้เลยในห้องบอกว่าโอเคคุณจะมาหามา
00:22:11 → 00:22:15 เลยขอให้คุณมีมารยาทไม่ใช่ว่าผมจะนอนแล้ว
00:22:15 → 00:22:18 ก็เดี๋ยวทำทีวีให้มันเปิดปิดเปิดปิด
00:22:18 → 00:22:20 เดี๋ยวไฟติดไฟดับเสียงมันน่ารำคาญเราจะ
00:22:20 → 00:22:23 นอนนะครับแล้วแบบเนี้ยผมจะไม่ให้บุญคุณ
00:22:23 → 00:22:25 ด้วยเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะให้เพราะว่าคุณมา
00:22:25 → 00:22:28 สร้างความรำคาญให้ผมแล้วถ้าเกิดคุณจะมา
00:22:28 → 00:22:31 พูดกับผมก็มาดีๆนะครับจะมานั่งทำไมปลาย
00:22:31 → 00:22:33 เตียงก็มาปลุกแล้วก็เออมานั่งคุยกันแล้ว
00:22:33 → 00:22:38 ก็เออแต่งตัวให้มันดีๆนะครับทำไมผีต้องมี
00:22:38 → 00:22:40 แฟชั่นอยู่อย่างเดียวคือใส่เสื้อเก่าๆขาด
00:22:40 → 00:22:43 ๆมีเลือดปนแล้วก็หน้าเละๆหน้าแบบนั้นน่ะ
00:22:43 → 00:22:46 ผมว่าคุณเห็นตัวเองคุณยังรับไม่ได้เลยถ้า
00:22:46 → 00:22:49 อย่างงั้นน่ะทำให้หน้าตามดีๆแต่งตัวโอเค
00:22:49 → 00:22:52 นะครับผมเข้าใจว่าคุณอาจจะมีบางสิ่งบาง
00:22:52 → 00:22:55 อย่างที่ทำให้คุณไปผุดไปเกิดไม่ได้เพราะ
00:22:55 → 00:22:57 ว่ามันยึดกับอะไรสักอย่างนึงนะครับเช่น
00:22:58 → 00:23:02 อ่าเสียชีวิตไปแล้วแต่ว่าในหัวยังคงเป็น
00:23:02 → 00:23:05 ห่วงของอย่างนึงมันก็จะคิดโฟกัสแต่ของ
00:23:05 → 00:23:08 อย่างเนี้ยทำให้ไม่ดูแลตัวเองเลยอ่ะฟัน
00:23:08 → 00:23:11 ไม่แปลงน้ำไม่อาบผมเผ้ารุงรังเสื้อผ้าก็
00:23:11 → 00:23:14 เละๆเทะๆนะครับผมก็เลยชี้ทางสว่างให้
00:23:14 → 00:23:19 เขา้าบอกว่าเฮ้ยของเนี่ยมันก็ 1 อย่างนะ
00:23:19 → 00:23:22 แต่ชีวิตไม่ว่าจะตายไปแล้วหรือยังไม่ตาย
00:23:22 → 00:23:24 มันมีอีกหลากหลายมิติดังนั้นเนี่ยหันมาดู
00:23:25 → 00:23:28 แลตัวเองบ้างเออแล้วเราจะได้มาคุยกันก็
00:23:28 → 00:23:30 หลังจากที่ผมพูดอย่างงั้นป่ะทุกอย่างก็
00:23:30 → 00:23:33 สงบเงียบเลยไม่มีไม่มีน้ำไหลไม่มีไฟติดๆ
00:23:33 → 00:23:35 ระดับเสียงข้างนอกก็เงียบทุกอย่างเงียบ
00:23:35 → 00:23:37 หมดนอนหลับสบายทั้งคืนไม่เห็นจะมีอะไรมา
00:23:38 → 00:23:41 เลยแล้วผมก็รู้สึกว่าอืมอย่างี้แสดงว่า
00:23:41 → 00:23:44 เค้าอาจจะมีมารยาทเข้าใจเราเราก็เลยสวด
00:23:44 → 00:23:47 มนต์แล้วก็ทำบุญไปให้เขาแต่ใครก็ไม่รู้นะ
00:23:47 → 00:23:50 ผมก็ทำไปแบบนี้นะฮะแล้วผมก็ไม่เคยเจออะไร
00:23:50 → 00:23:53 ที่มันน่ากลัวอะไรอีกเลยนะวันนี้ก็เล่า
00:23:53 → 00:23:56 ให้ฟังเล่นๆนะครับถ้าใครมีประสบการณ์
00:23:56 → 00:23:58 เรื่องของความกลัวอะไรแล้วเอาชนะมันได้
00:23:58 → 00:24:00 ยังไงก็ลองมาเล่าให้กันฟังนะครับขอบคุณ
00:24:00 → 00:24:04 มากครับสวัสดีครับ