00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับในขณะนี้หลายคนมีความกังวล
00:00:03 → 00:00:05 เกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้ไมโครเวฟใน
00:00:05 → 00:00:08 การอุ่นอาหารนะครับเพราะว่าไปฟังมาแล้ว
00:00:08 → 00:00:11 ตามแหล่งต่างๆเนี่ยเขาบอกว่าไมโครเวฟเวลา
00:00:11 → 00:00:14 เอาไปอุ่นอาหารมันจะทำให้เกิดสารก่อ
00:00:14 → 00:00:17 มะเร็งได้ถ้าเอาไปอุ่นน้ำโมเลกุลของน้ำก็
00:00:17 → 00:00:19 จะกลายเป็นเป็นพิษเอาไปรดต้นไม้ต้นไม้ก็
00:00:19 → 00:00:22 ตายนะครับมันยังสามารถลดคุณค่าทาง
00:00:22 → 00:00:25 โภชนาการของสารอาหารได้และซ้ำร้ายไปกว่า
00:00:26 → 00:00:30 นั้นครับบางประเทศแบนการใช้ไมโครเวฟไป
00:00:30 → 00:00:32 แล้วหลายปีเรื่องเหล่านี้เนี่ยมันจะมี
00:00:32 → 00:00:35 ความจริงความเท็จอย่างไรบ้างนะครับแล้ว
00:00:35 → 00:00:38 ไมโครเวฟคืออะไรมันอันตรายยังไงมันปลอด
00:00:38 → 00:00:41 ภัยหรือเปล่าเวลาที่เราจะใช้วันนี้เดี๋ยว
00:00:41 → 00:00:43 ผมจะเล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:43 → 00:00:45 แพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:45 → 00:00:47 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:47 → 00:00:51 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับก่อนอื่น
00:00:51 → 00:00:53 นะครับผมขอชี้แจงอย่างนึงคือไอ้จุดม่วงๆ
00:00:53 → 00:00:56 ที่ท่านเห็นบนจอนี่นะครับมันเป็นเพราะว่า
00:00:56 → 00:00:58 กล้องผมมันไปโดนเลเซอร์นะครับมันก็เลย
00:00:58 → 00:01:00 เป็นพิกเซลที่เสียแบบนี้นะนั้นไม่ต้องไป
00:01:00 → 00:01:03 สนใจมันมากนะครับผมยังไม่คิดที่จะไปซ่อม
00:01:03 → 00:01:04 แซมหรือเปลี่ยนกล้องเปลี่ยนโทรศัพท์แต่
00:01:05 → 00:01:07 อย่างใดนะครับก็คงจะต้องรอแล้วก็ปล่อย
00:01:07 → 00:01:09 อย่างนี้ไปก่อนนะครับอ่ะเรามาเข้าเรื่อง
00:01:09 → 00:01:12 กันเลยนะครับกระแสต่อต้านไมโครเวฟเนี่ย
00:01:12 → 00:01:15 ต้องบอกว่ามันไม่ได้มีแค่ประเทศไทยครับ
00:01:15 → 00:01:18 ที่อเมริกาก็มีที่ต่างประเทศประเทศอื่นๆ
00:01:18 → 00:01:20 ก็มีครับแล้วก็ไม่ได้พิ่งมามีนะครับมันมี
00:01:20 → 00:01:24 มานานแล้วนะครับอย่างต้องบอกว่าประเทศไทย
00:01:24 → 00:01:26 เนี่ยนะครับคนที่เา้าออกมาต่อต้าน
00:01:26 → 00:01:29 ไมโครเวฟเนี่ยนะครับที่ผมเจอเลยนะก็จะ
00:01:29 → 00:01:32 เป็นเป็นคนที่เชื่อในศาสตร์ธรรมชาตินะ
00:01:32 → 00:01:36 ครับอ่ามีความเกี่ยวข้องกับการใช้สมุนไพร
00:01:36 → 00:01:38 นะครับแล้วก็ที่สำคัญตอนนี้กลายมาเป็นคน
00:01:38 → 00:01:41 ต่อต้านวัคซีนตัวยงเลยนะครับนอกเหนือจาก
00:01:41 → 00:01:43 นี้เนี่ยก็ยังมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้าน
00:01:43 → 00:01:46 ศาสตร์ชลอวัยบางท่านนะครับก็มีความเห็น
00:01:46 → 00:01:49 ว่าไมโครเวฟเนี่ยมันไม่ดีนะครับแล้วผม
00:01:49 → 00:01:52 ต้องขอบอกอย่างนี้ว่าเหตุผลที่คนออกมาต่อ
00:01:52 → 00:01:55 ต้านไมโครเวฟไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆไม่
00:01:55 → 00:01:59 ว่าจะเป็นใครใช้เหตุผลเดียวกันหมดทุกคนนะ
00:01:59 → 00:02:02 ครับซึ่งต้องบอกไว้เลยครับว่าส่วนใหญ่
00:02:02 → 00:02:05 แล้วไม่จริงสักเรื่องนึงนะครับมันไม่จริง
00:02:05 → 00:02:07 ยังไงเดี๋ยวต้องอธิบายให้ฟังก่อนขอเริ่ม
00:02:07 → 00:02:12 จากการอธิบายทุกคนรู้ก่อนว่าไมโครเวฟคือ
00:02:12 → 00:02:16 อะไรนะครับทุกคนเนี่ยมองเห็นสีต่างๆใช่
00:02:16 → 00:02:20 มั้ยครับสีเหล่าเนี้ยแสงเหล่าเนี้ยนะครับ
00:02:20 → 00:02:23 มันคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรืออกม netic
00:02:23 → 00:02:27 Wave นะครับไมโครเวฟก็เช่นกันแต่ว่า
00:02:27 → 00:02:30 ไมโครเวฟเนี่ยมันจะอยู่ในช่วงคลื่นที่เรา
00:02:30 → 00:02:33 ไม่สามารถมองเห็นได้นะครับสีต่างๆที่เรา
00:02:33 → 00:02:36 มองเห็นเนี่ยเราคงเคยท่องตอนเด็กๆนะครับ
00:02:36 → 00:02:39 ของสีรุ้งเช่นม่วงครามน้ำงึงเขียวเหลือง
00:02:39 → 00:02:42 แสดแดงถูกมั้ยครับถ้ามันค่อนไปทางม่วง
00:02:42 → 00:02:46 เนี่ยความยาวคลื่นมันจะสั้นนะครับพลังงาน
00:02:46 → 00:02:49 สูงไม่ค่อยทะลุทะลวงนะครับแต่ถ้ามันค่อน
00:02:49 → 00:02:54 มาทางสีแดงเนี่ยความยาวคลื่นมันจะยาวพลัง
00:02:54 → 00:02:58 งานต่ำแล้วก็ทะลุทะลวงได้สูงนะครับมันจะ
00:02:58 → 00:03:02 เป็นแบบนี้แหละนะครับถ้าเกิดว่าใต้สีแดง
00:03:02 → 00:03:03 ไปอีกก็จะเป็น
00:03:03 → 00:03:06 อินดการที่เราโดนแสงแล้วเราร้อนเนี่ยก็
00:03:06 → 00:03:09 เพราะว่าอินฟราเรดต่ำ
00:03:09 → 00:03:13 กว่าสีแดงลงไปต่ำกว่าอิเดลงไปไมโครเวฟ
00:03:13 → 00:03:17 ครับไมโครเวฟพลังงานต่ำกว่าอินฟาเรดอีกนะ
00:03:17 → 00:03:22 ครับแล้วผมให้ทุกคนลองทายดูอะไรที่มัน
00:03:22 → 00:03:25 อยู่เหนือสีม่วงขึ้นไปครับผมคิดว่าทุกคน
00:03:25 → 00:03:29 รู้จักและเคยได้ยินมันก็คือ ultraviolet
00:03:29 → 00:03:32 หรือรังสี UV นั่นเองนะครับแล้วเมื่อ
00:03:33 → 00:03:38 เทียบรังสี UV กับไมโครเวฟนะครับรังสี UV
00:03:38 → 00:03:43 เนี่ยพลังงานสูงกว่านะครับความยาวคลื่น
00:03:44 → 00:03:44 สั้น
00:03:44 → 00:03:48 กว่านะครับแล้วก็ไม่ค่อยทะลุทะลวงเท่ากับ
00:03:48 → 00:03:52 ไมโครเวฟทีนี้เนี่ยตรงนี้สำคัญยังไงต้อง
00:03:52 → 00:03:55 บอกว่าไมโครเวฟเนี่ยพลังงานของเค้าต่ำ
00:03:56 → 00:03:59 กว่ารังสี UV เป็น 1000 เท่าเลยทีเดียวนะ
00:03:59 → 00:04:02 ครับครับการที่พลังงานมันต่ำขนาดนี้เนี่ย
00:04:02 → 00:04:05 มันจึงเรียกว่า
00:04:05 → 00:04:10 เป็นสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้โมเลกุล
00:04:10 → 00:04:13 เปลี่ยนแปลงได้นะครับเราจะเรียกว่า non
00:04:13 → 00:04:17 ionizing radiation หมายความว่ามันไม่
00:04:17 → 00:04:21 สามารถไปทำลายพันธะระหว่างโมเลกุลได้มัน
00:04:21 → 00:04:24 ไม่สามารถขโมยอิเล็กตรอนหรือไปเตะ
00:04:24 → 00:04:26 อิเล็กตรอนออกไปจากอะตอมได้อันเนี้ยคือ
00:04:26 → 00:04:28 เรียกว่า non ionizing
00:04:28 → 00:04:32 radiation ดังนั้นแล้วมันจึงไม่สามารถ
00:04:32 → 00:04:35 เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารอาหารอะไรได้
00:04:35 → 00:04:38 เลยแม้แต่อย่างเดียวจึงไม่สามารถทำให้
00:04:38 → 00:04:41 เกิดสารก่อมะเร็งขึ้นมาได้ครับดังนั้นคำ
00:04:41 → 00:04:44 กล่าวที่ว่ามันทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้
00:04:44 → 00:04:49 จึงเป็นเรื่องเท็จครับนะฮะแล้วอีกอย่าง
00:04:49 → 00:04:52 นึงซึ่งเกี่ยวข้องกันก็คือเรื่องนี้เนี่ย
00:04:52 → 00:04:56 ที่เคยมีคนบอกว่ามีการทดลองเอาน้ำเนี่ยไป
00:04:56 → 00:04:59 เข้าไมโครเวฟนะครับแล้วเอาน้ำที่ได้ออก
00:04:59 → 00:05:02 จากไมโครเวฟเนี่ยไปรดต้นไม้ปรากฏว่าต้น
00:05:02 → 00:05:06 ไม้ตายเออต้นไม้ตายต้องบอกก่อนนะครับว่า
00:05:06 → 00:05:09 คนที่เอามากล่าวเรื่องนี้เนี่ยนะครับไม่
00:05:09 → 00:05:12 เคยเช็คข้อมูลให้ดีเพราะว่าเรื่องเนี้ย
00:05:12 → 00:05:15 เป็นเรื่องโกหกนะครับเป็นเรื่องโกหกระดับ
00:05:15 → 00:05:18 อินเตอร์เน็ตทั่วโลกเลยนะครับซึ่งถ้าทุก
00:05:18 → 00:05:21 คนไปค้นดูต้นตอเนี่ยก็จะพบว่าไม่มีหลัก
00:05:21 → 00:05:23 ฐานอะไรทั้งสิ้นมีแต่คำกล่าวทั้งนั้นเลย
00:05:23 → 00:05:25 นะครับดังนั้นไอ้เรื่องเนี้ยคือเรื่อง
00:05:25 → 00:05:28 โกหกแล้วไม่มีความจริงมันไม่สามารถที่จะ
00:05:28 → 00:05:31 เปลี่ยนแปลงโมเลกุลของน้ำได้นะครับรังสี
00:05:31 → 00:05:34 ที่มันเป็นของไมโครเวฟเนี่ยมันไม่มีกำลัง
00:05:34 → 00:05:37 มากเพียงพอที่จะทำลายโมเลกุลของน้ำหรือ
00:05:37 → 00:05:39 เปลี่ยนให้มันเป็นโมเลกุลที่เป็นพิษแต่
00:05:39 → 00:05:42 อย่างใดนะครับถ้าเกิดว่ายังมีหมอท่านไหน
00:05:42 → 00:05:45 หรือกูรูท่านไหนสุขภาพท่านไหนที่บอกว่า
00:05:45 → 00:05:48 น้ำที่มาจากไมโครเวฟมันเป็นพิษไปรดต้นไม้
00:05:48 → 00:05:52 แล้วต้นไม้มันตายนะครับผมคิดว่าท่านอาจจะ
00:05:52 → 00:05:55 เช็คข้อมูลไม่ดีแล้วแหละอันเนี้ยต้องไป
00:05:55 → 00:05:57 ต้องไปดูด้วยตัวเองนะครับว่าข้อมูลเหล่า
00:05:57 → 00:06:01 นี้มาจากไหนนะครับต้องอย่าหลงลืมกฎของหมอ
00:06:01 → 00:06:04 ที่เราจำเป็นจะต้องพิสูจน์ให้เข้าใจทุก
00:06:04 → 00:06:06 อย่างก่อนไม่ใช่ว่าเราฟังมาเราไปอ่านมา
00:06:06 → 00:06:08 เราเห็นอเมริกาพูดแล้วเราต้องเชื่อนะครับ
00:06:08 → 00:06:10 เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกที่ทั้งโลกเ้ารู้
00:06:10 → 00:06:13 กันแล้วนะครับอ่ะแต่ถามว่าเอาไปลดต้นไม้
00:06:13 → 00:06:14 แล้วต้นไม้ตายได้ยัง
00:06:14 → 00:06:18 ไงถ้ามันร้อนมากๆอะไรก็ตายทั้งนั้นละครับ
00:06:18 → 00:06:21 ถูกมั้ยมีมดเดินผ่านมาตัวนึงเอาน้ำใน
00:06:21 → 00:06:23 ไมโครเวฟที่เพิ่งทำออกมาเสร็จใหม่ๆร้อน
00:06:23 → 00:06:27 เดือดเทลงไปในมดมดตายมั้ยล่ะครับก็ตายถู
00:06:27 → 00:06:30 มั้ยฮะแต่มันไม่ได้ตายเพราะว่าโมเลกุลของ
00:06:30 → 00:06:33 น้ำถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษครับนะงั้น 2 ข้อ
00:06:33 → 00:06:35 นี้เคลียร์แล้วนะครับมันไม่ได้ทำให้เกิด
00:06:35 → 00:06:37 สารกล่องมะเร็งแต่อย่างใดคุณกินอาหารนั้น
00:06:37 → 00:06:39 เข้าไปคุณก็ไม่ได้เป็นมะเร็งนะครับดื่ม
00:06:39 → 00:06:42 น้ำเข้าไปน้ำนั่นก็ไม่ได้เป็นพิษนะฮะอ่ะ
00:06:42 → 00:06:45 เครื่องไมโครเวฟเนี่ยมันมีตัวที่กำเนิด
00:06:45 → 00:06:49 ไมโครเวฟชื่อว่าแมกนีตรอนอ่าหลายคนอาจจะ
00:06:49 → 00:06:52 สงสัยเอ๊ะแมกนีตรอนมันเกี่ยวอะไรกับแกนิต
00:06:52 → 00:06:54 ไม่ใช่ครับไม่เกี่ยวอะไรกันเลยครับแกนิต
00:06:54 → 00:06:56 เป็นตัวละครนะครับแล้วก็ไม่ใช่เมททรอน
00:06:56 → 00:07:00 ด้วยครับมันไม่ใช่เรื่องท
00:07:00 → 00:07:03 นะครับแต่ว่ามันชื่อแนอนนะครับอ่าชื่อ
00:07:03 → 00:07:08 แมกนีตรอนตัวนี้เนี่ยมันจะกำเนิดไมโครเวฟ
00:07:08 → 00:07:11 ออกมานะครับไมโครเวฟเนี่ยเาศึกษามาดีแล้ว
00:07:11 → 00:07:14 ว่ามันมีช่วงคลื่นอยู่อันนึงที่เหมาะสม
00:07:14 → 00:07:17 ที่สุดในการทำอาหารนะครับปกติไมโครเวฟ
00:07:17 → 00:07:19 เนี่ยมันไม่ได้มีแค่ช่วงคลื่นเดียวนะครับ
00:07:19 → 00:07:21 มันมีหลายช่วงคลื่นแต่ช่วงคลื่นที่เหมาะ
00:07:21 → 00:07:24 สมที่สุดสำหรับการทำอาหารก็คือประมาณ 12
00:07:24 → 00:07:28 ซมนะครับด้วยความถี่ที่ค่อนข้างสูงก็คือ
00:07:28 → 00:07:32 ประมาณ 2.4 45 ghz นะครับตัวนี้เนี่ย
00:07:32 → 00:07:35 เป็นสิ่งที่เขาวิจัยมาแล้วว่าโมเลกุลของ
00:07:35 → 00:07:39 น้ำนะครับของไขมันแล้วก็ของน้ำตาลซึ่งมัก
00:07:39 → 00:07:41 จะมีอยู่ในอาหารมันดูดซึมเข้าไปได้ดีที่
00:07:41 → 00:07:46 สุดนะครับและไมโครเวฟเนี่ยมันไปทำให้ไอ้
00:07:46 → 00:07:49 โมเลกุลพวกนี้เนี่ยมีการสั่นอย่างรุนแรง
00:07:49 → 00:07:51 นะครับหมุนสั่นเลยการที่มันสั่นเนี่ยมัน
00:07:51 → 00:07:54 ก็จะเกิดแรงเสียดสีกับบริเวณข้างเคียงก่อ
00:07:54 → 00:07:57 ให้เกิดความร้อนนะครับและความร้อนที่เกิด
00:07:57 → 00:07:59 ขึ้นจะเป็นความร้อนที่เกิดจากภายในของ
00:07:59 → 00:08:02 อาหารนั้นไม่ได้เกิดความร้อนที่ผิวนะครับ
00:08:02 → 00:08:07 นะจะแตกต่างจากการใช้กระทะการใช้ไฟเผา
00:08:07 → 00:08:09 หรือปิ้งนะครับซึ่งอันนั้นจะเป็นความร้อน
00:08:09 → 00:08:12 ที่ผิวหรือ Surface heating นะครับแต่
00:08:12 → 00:08:16 ไมโครเวฟเนี่ยจะสร้างความร้อนจากภายในออก
00:08:16 → 00:08:19 มาสู่ข้างนอกนะครับอ่าข้อเสียของไมโครเวฟ
00:08:19 → 00:08:22 ก็คือความร้อนมันจะไม่ค่อยสม่ำเสมอนะครับ
00:08:22 → 00:08:25 เราจะสังเกตได้ว่าในไมโครเวฟเนี่ยมันจะมี
00:08:25 → 00:08:28 พัดลมที่คอยเป่าให้ความร้อนมันสม่ำเสมอ
00:08:28 → 00:08:30 เท่ากันนะครับอ่าอันเนี้ยก็เป็นสิ่งนึง
00:08:30 → 00:08:33 ซึ่งไมโครเวฟเพัฒนาขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้
00:08:33 → 00:08:35 ความร้อนมันทั่วถึงมากที่สุดเท่าที่จะ
00:08:35 → 00:08:39 เป็นไปได้นะครับคลื่นไมโครเวฟเนี่ยจะไม่
00:08:39 → 00:08:43 สามารถทะลุพวกตัวเหล็กได้จะไม่สามารถทะลุ
00:08:43 → 00:08:46 ไอ้ตัวฝาปิดนะครับประตูที่ปิดของเครื่อง
00:08:46 → 00:08:49 ได้ดังนั้นถ้าท่านไปยืนอยู่ข้างไมโครเวฟ
00:08:49 → 00:08:51 ไม่ต้องกลัวครับท่านไม่โดนรังสีอะไรทั้ง
00:08:51 → 00:08:53 สิ้นมันไม่สามารถทำให้ท่านเป็นหมได้มัน
00:08:53 → 00:08:55 ไม่ทำให้เป็นไทรรอยด์มันไม่ทำให้เป็น
00:08:55 → 00:08:58 มะเร็งอะไรแต่อย่างใดนะครับดังนั้นไม่มี
00:08:58 → 00:09:00 ความจำเป็นจะต้องกลุกลัวอะไรแต่อย่างใดนะ
00:09:00 → 00:09:03 ครับอ่านี่คือเป็นสิ่งที่อยากจะเล่าให้
00:09:03 → 00:09:06 ฟังเกี่ยวข้องกับตัวเรื่องของ micr Wave
00:09:06 → 00:09:11 ที่มันออกมานะฮะทีนี้มันก็มีคนบอกอีกว่า
00:09:11 → 00:09:14 ไมโครเวฟเนี่ยมันสามารถที่จะลดคุณค่าทาง
00:09:14 → 00:09:17 โภชนาการของอาหารได้นะครับอ่าอันเนี้ยไม่
00:09:17 → 00:09:21 เถียงแล้วมันจริงด้วยนะครับคือวิตามินซี
00:09:21 → 00:09:23 เนี่ยมันเป็นตัวที่ไวต่อความร้อนมากดัง
00:09:23 → 00:09:25 นั้นถ้าเราไปเข้าไมโครเวฟเนี่ยมันสูญสลาย
00:09:25 → 00:09:30 ไปก่อนแต่มีแต่ครับไม่ว่าท่านจะทำอาหาร
00:09:30 → 00:09:32 ด้วยเครื่องให้ความร้อนประเภทไหนก็ตาม
00:09:33 → 00:09:35 วิตามินซีมันก็สลายครับไม่เฉพาะไมโครเวฟ
00:09:35 → 00:09:39 ครับอย่างเช่นเอาไปต้มเอาไปปิ้งเอาไปย่าง
00:09:39 → 00:09:43 เอาไปผัดวิตามินซีนี่แหละมันสูญเสียได้
00:09:43 → 00:09:47 เร็วที่สุดครับไม่ใช่เฉพาะไมโครเวฟและคุณ
00:09:47 → 00:09:50 รู้เลยมครับไมโครเวฟนี่แหละมันเก็บ
00:09:50 → 00:09:53 วิตามินซีไว้ได้ดีกว่าวิธีอื่นเลยถามว่า
00:09:53 → 00:09:57 ทำไมเพราะว่าการที่วิตามินซีมันจะสูญสลาย
00:09:57 → 00:10:00 เนี่ยนอกเหนือจากความร้อนแล้วยังมีเรื่อง
00:10:00 → 00:10:05 ของระยะเวลานะครับคุณไม่สามารถต้มในเวลา 1
00:10:05 → 00:10:08 นาทีได้คุณไม่สามารถทอดในเวลา 2 นาทีได้
00:10:08 → 00:10:10 แต่เวลาคุณเข้าไมโครเวฟเนี่ยปกติเข้ากัน
00:10:10 → 00:10:14 กี่นาทีนะครับอย่างมากก็ 4-5 นาทีถูก
00:10:14 → 00:10:17 มั้ยแต่ว่าเราเวลาเราต้มเราทอดเราผัด
00:10:17 → 00:10:19 เนี่ยมันนานกว่านั้นอยู่แล้วครับดังนั้น
00:10:19 → 00:10:23 โอกาสที่วิตามินซีมันจะสูญสลายไปเพราะ
00:10:23 → 00:10:25 ความร้อนจากไมโครเวฟเนี่ยมันน้อยกว่าเวที
00:10:25 → 00:10:27 อื่นๆครับส่วนใหญ่จะน้อยกว่าเวทีอื่นด้วย
00:10:27 → 00:10:30 ซ้ำไปนะฮะดังนั้นเรื่องของการสูญเสีย
00:10:30 → 00:10:33 คุณค่าทางโภชนาการเนี่ยเผลอๆไมโครเวฟ
00:10:33 → 00:10:35 เนี่ยมันจะสูญเสียน้อยกว่าวิธีอื่นๆเสีย
00:10:35 → 00:10:38 อีกนะครับอันเนี้ยอยากจะให้ทุกคนเข้าใจ
00:10:38 → 00:10:41 ไว้หน่อยนะครับแต่แน่นอนว่ามันก็ต้องสูญ
00:10:41 → 00:10:45 เสียไปมากกว่าการกินแบบดิบๆนะครับอ่าสูญ
00:10:45 → 00:10:48 เสียไปมากกว่าแน่ๆนะครับถ้ามีผักดิบหรือ
00:10:48 → 00:10:51 ผลไม้ดิบเนี่ยเอาไปเข้าไมโครเวฟปุ๊บอ่า
00:10:51 → 00:10:54 โอเคมันสูญเสียไปมากกว่าการกินแบบดิบแล้ว
00:10:54 → 00:10:58 กันนะครับอีกอย่างนึงซึ่งผมได้ยินบ่อยๆ
00:10:58 → 00:11:01 แล้วก็อ้างกันเรื่อยๆโดยไม่เช็คข้อความใน
00:11:01 → 00:11:03 ข่าวเลยก็คือเรื่องของการที่บอกว่า
00:11:03 → 00:11:07 รัสเซียนะครับหรือสหภาพโซเวียตและก็
00:11:07 → 00:11:11 ญี่ปุ่นได้ทำการแบนไมโครเวฟเป็นระยะเวลา
00:11:11 → 00:11:15 นานแล้วไม่จริงเลยครับรัสเซียยังมี
00:11:15 → 00:11:18 ไมโครเวฟอยู่เลยใครมีเพื่อนอยู่รัสเซียไป
00:11:18 → 00:11:21 ดูได้ครับใครเคยไปเที่ยวรัสเซียไปดูได้
00:11:21 → 00:11:23 ครับใครอยู่ญี่ปุ่นหรือใครมีเพื่อนที่
00:11:23 → 00:11:25 ญี่ปุ่นไปดูได้ครับไมโครเวฟยังอยู่ที่
00:11:26 → 00:11:29 นั่นแล้วก็ยังมีวางขายอยู่เลยครับหรือไม่
00:11:29 → 00:11:32 จริงอ่าถ้าไม่จริงคุณลองไปเที่ยวญี่ปุ่น
00:11:32 → 00:11:34 แล้วไปดูสิครับว่ามันยังมีไมโครเวฟอยู่
00:11:34 → 00:11:37 หรือไม่ถ้าคนไทยคนไหนอยู่ญี่ปุ่นก็ลอง
00:11:37 → 00:11:39 คอมเมนต์มาหน่อยนะครับว่าญี่ปุ่นมี
00:11:39 → 00:11:42 ไมโครเวฟหรือเปล่ารัสเซียมีไมโครเวฟหรือ
00:11:42 → 00:11:44 เปล่านะครับมีแน่ๆอยู่แล้วล่ะครับมันยัง
00:11:45 → 00:11:47 มีอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละครับอ่าทีนี้มา
00:11:48 → 00:11:51 ถึงเรื่องเด็ดที่กลุ่มต่อต้านไมโครเวฟ
00:11:51 → 00:11:56 เนี่ยชอบออกมาพูดซะเหลือเกินเ้าบอกว่ามี
00:11:56 → 00:11:59 เคสเคสหนึงนะครับ
00:11:59 → 00:12:02 ผ่าตัดอยู่แล้วต้องให้เลือดปรากฏว่า
00:12:02 → 00:12:05 พยาบาลเนี่ยเอาเลือดไปอุ่นในไมโครเวฟแล้ว
00:12:05 → 00:12:11 เอาไปให้คนไข้คนนี้แล้วคนไข้ตายเออแล้วคน
00:12:11 → 00:12:14 ไข้ตายมีการฟ้องร้องกันด้วยนะครับแล้วเอา
00:12:14 → 00:12:16 เนี่ยมาเป็นเหตุผลของการที่บอกว่า
00:12:16 → 00:12:20 ไมโครเวฟทำให้เลือดมันเป็นพิษแล้วพอให้
00:12:20 → 00:12:24 เข้าไปในคนไข้ปุ๊บเนี่ยคนไข้ก็เลยเสีย
00:12:24 → 00:12:28 ชีวิตแต่ลืมอะไรไปอย่างนมั้ยครับผมเชื่อ
00:12:28 → 00:12:31 เลยนะครับไม่มีใครไปอ่านเคสนี้และผมไป
00:12:31 → 00:12:36 อ่านครับผมจะทิ้งลิงก์ของคำพิพากษาของศาล
00:12:36 → 00:12:39 ไว้ให้ทุกคนสามารถไปอ่านได้เองเคสนี้นะ
00:12:39 → 00:12:43 ครับเป็นเคสของ norma levis นะครับ norma
00:12:43 → 00:12:46 leves เนี่ยเาไปที่โรงพยาบาลเพื่อผ่าตัด
00:12:46 → 00:12:49 สะโพกครับขณะที่เขาผ่าตัดเนี่ยเผ่าตัด
00:12:49 → 00:12:52 ผ่านไปได้ด้วยดีแต่หลังจากนั้นนะครับมี
00:12:52 → 00:12:54 การให้เลือดและอันนี้ต้องบอกว่าเา้าเอา
00:12:54 → 00:12:57 เลือดไปอุ่นในไมโครเวฟจริงๆซึ่งถือว่าผิด
00:12:57 → 00:13:01 หลักในทางการแพทย์ถือว่าผิดนะตรงนี้ผิด
00:13:01 → 00:13:03 เหตุผลที่มันผิดแล้วเราไม่ให้เอาเลือดไป
00:13:03 → 00:13:05 อุ่นในไมโครเวฟก็เพราะว่าเนื่องจาก
00:13:05 → 00:13:08 ไมโครเวฟเนี่ยมันให้ความร้อนที่ไม่สม่ำ
00:13:08 → 00:13:12 เสมอนะครับการที่มันไม่สม่ำเสมอและมันไม่
00:13:12 → 00:13:15 สามารถควบคุมความร้อนได้มันจึงมีโอกาสทำ
00:13:15 → 00:13:17 ให้เม็ดเลือดแดงที่อยู่ในนั้นเนี่ยแตก
00:13:17 → 00:13:20 เพราะความร้อนพอมันแตกปุ๊บสิ่งที่อยู่ใน
00:13:20 → 00:13:22 เม็ดเลือดแดงเนี่ยแล้วทำให้เป็นอันตราย
00:13:22 → 00:13:23 ได้ก็คือ
00:13:23 → 00:13:27 โพแทสเซียมเวลาโพแทสเซียมมันสูงเนี่ยถ้า
00:13:27 → 00:13:29 เข้าไปในร่างกายจะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
00:13:29 → 00:13:32 ได้อันเนี้ยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ
00:13:32 → 00:13:35 ครับแล้วในปัจจุบันนี้เราก็ไม่มีใครเอา
00:13:35 → 00:13:38 เลือดไปอุ่นในไมโครเวฟอีกแล้วมันมี
00:13:38 → 00:13:40 เครื่องอุ่นโดยเฉพาะนะครับจะไม่มีใครเอา
00:13:40 → 00:13:43 ไปอุ่นในไมโครเวฟนะครับอันเนี้ยเป็น
00:13:43 → 00:13:46 เรื่องที่ถูกต้องนะที่ที่ทางเ้าฟ้องเนี่ย
00:13:46 → 00:13:49 เอ้ยมันไปอุ๋ไฟแล้วทำให้คนตายแต่สาเหตุ
00:13:49 → 00:13:53 ที่ตายไม่ใช่ครับสาเหตุที่ตายคือในคน
00:13:53 → 00:13:57 เนี้ยเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันในปอดเกิดลิ่ม
00:13:57 → 00:13:59 เลือดไปอุดตันในปอดซึ่งการผ่าตัดข้อสะโพก
00:13:59 → 00:14:01 โดยเฉพาะข้อสะโพกที่มันหักเนี่ยมีโอกาส
00:14:01 → 00:14:04 เกิดแบบนี้ได้อยู่แล้วนะครับอ่ามีโอกาส
00:14:04 → 00:14:06 เกิดแบบนี้ได้อยู่
00:14:06 → 00:14:11 แล้วทีนี้ปกตินะครับการผ่าตัดสะโพกเนี่ย
00:14:11 → 00:14:14 นะฮะเดี๋ยวเนี้ยเราจึงมีการให้ยาป้องกัน
00:14:14 → 00:14:17 การเกิดลิ่มเลือดในร่างกายนะมีการให้ไว้
00:14:17 → 00:14:21 เลยนะฮะแต่ในอดีตเขาอาจจะไม่ได้ให้เพราะ
00:14:21 → 00:14:23 ว่าไอ้เคสเนี้ยค่อนข้างเก่าแล้วในปีเกิด
00:14:23 → 00:14:26 ในปี 1995 นะครับแล้วรู้อะไรมั้ยครับว่า
00:14:26 → 00:14:29 เคสเนี้ยฟ้องร้องแล้วเกิดอะไรขึ้น
00:14:29 → 00:14:33 อ่าคนที่เขาบอกว่าไมโครเวฟไม่ดีแล้วยกเคส
00:14:33 → 00:14:35 นี้ขึ้นมาคงไม่ได้ไปอ่านว่าเคสนี้เี่คน
00:14:35 → 00:14:40 แพ้คือคนฟ้องครับอ่าผมจะบอกให้เคสนี้นะ
00:14:40 → 00:14:44 ครับคนที่ยื่นฟ้องนะครับในนามของ norma
00:14:44 → 00:14:47 leav เนี่ยชื่อว่า Elizabeth warner นะ
00:14:47 → 00:14:51 ครับเคสชื่อว่า warner verus hest
00:14:51 → 00:14:53 medical Center นะครับ H crest
00:14:53 → 00:14:55 medical Center คือเป็นที่ที่ Normal
00:14:55 → 00:14:59 levis เขาไปผ่าตัดนะครับแล้วทนายของฝั่ง
00:14:59 → 00:15:04 ผู้ฟ้องเนี่ยชื่อิ wilkinson นะครับสุด
00:15:04 → 00:15:10 ท้ายเคสนี้จบลงด้วยศาลเข้าใจว่าเคสเนี้ย
00:15:10 → 00:15:13 เสียชีวิตเพราะว่าลิมเลือดอุดตันนะครับ
00:15:13 → 00:15:17 แล้วการฟ้องร้องเนี่ยไม่เป็นผลนะครับทนาย
00:15:17 → 00:15:21 ิ wilkinson ที่ฟ้องนะครับถูกปรับเป็น
00:15:21 → 00:15:25 เงิน 200,000 เหรียญ US ดอลลารครับอ่า
00:15:25 → 00:15:29 ปรับในฐานะอะไรปรับในฐานะที่บอกว่า
00:15:29 → 00:15:33 เค้าเนี่ยฟ้องไปทั่วฟ้องโดยไม่มีมูลความ
00:15:33 → 00:15:37 จริงนะครับอ่าบอกว่า improper keeping
00:15:37 → 00:15:39 certain defendant in the Case
00:15:39 → 00:15:43 without A legal basis คือฟ้องดะแล้ว
00:15:43 → 00:15:48 ไม่มีเหตุผลในทางกฎหมายที่ชัดเจนครับทนาย
00:15:48 → 00:15:54 ฟ้องมั่วโดนศาลท่านสั่งปรับ 200,000
00:15:54 → 00:15:58 เหรียญ US ดอลลารเลยครับเป็นไงล่ะครับ
00:15:58 → 00:16:01 เวลาที่เราได้ข้อมูลมาจากแหล่งต่างๆเนี่ย
00:16:01 → 00:16:04 อย่าเพิ่งเชื่อครับโดยเฉพาะเนี้ยถ้าเราไป
00:16:04 → 00:16:07 ฟังคนที่ต่อต้านไมโครเวฟเนี่ยนะครับแล้วเ
00:16:07 → 00:16:11 พูดอย่างนี้มาเนี่ยหลายคนเชื่อหลายคน
00:16:12 → 00:16:14 เชื่อเวลาได้ยินคำว่าเฮ้ยเนี่ยเค้าให้
00:16:14 → 00:16:17 เลือดแล้วเค้าตายแล้วเคฟ้องร้องแต่ท่าน
00:16:17 → 00:16:20 ไม่เคยไปอ่านเลยว่าตกลงฟ้องรจบยังไงเนี่ย
00:16:20 → 00:16:23 ผมอ่านมาให้ะนะครับถ้ายังไม่แน่ใจนะครับ
00:16:23 → 00:16:26 สามารถไปดูที่เว็บไซต์ที่ผมจะทิ้งไว้ให้
00:16:26 → 00:16:28 ได้นะครับเพราะว่าในนั้นมีหลักฐานเหตุผล
00:16:28 → 00:16:32 ไว้ชัดเจนนะครับอ่ะแต่อย่างไรก็ตามนะครับ
00:16:32 → 00:16:36 การใช้ไมโครเวฟเนี่ยสิ่งสำคัญก็คือาชนะ
00:16:36 → 00:16:39 ที่เอาเข้าไปใส่ถ้าเป็นไปได้เนี่ยควรจะ
00:16:39 → 00:16:42 เป็นแก้วหรือกระเบื้องที่มันสามารถทนความ
00:16:42 → 00:16:45 ร้อนได้อันนี้คือดีที่สุดนะครับถ้าเป็น
00:16:45 → 00:16:48 พลาสติกก็ควรจะเลือกพลาสติกที่สามารถเข้า
00:16:48 → 00:16:51 ไมโครเวฟได้นะครับก็จะมีพวกพลาสติกเบอร์ 5
00:16:51 → 00:16:53 เนี่ยที่มันจะเข้าไมโครเวฟได้หรือว่า
00:16:53 → 00:16:55 เบอร์ 2 ที่มันมีเครื่องหมายเหมือนเป็น
00:16:55 → 00:16:57 เครื่องหมายรีไซเคิอันนั้นแปลว่าเอาเข้า
00:16:57 → 00:17:00 ไปในไมโครเวฟได้แต่ถ้าพลาสติกอะไรที่แบบ
00:17:00 → 00:17:03 ใช้แล้วทิ้งเนี่ยอ่าไม่ควรเอาเข้าไปนะ
00:17:03 → 00:17:07 ครับอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นพลาสติกชนิด
00:17:07 → 00:17:09 ไหนไม่ว่าพลาสติกชนิดนั้นจะปลอดภัยกับ
00:17:09 → 00:17:14 ความร้อนหรือไม่ก็ตามมันสามารถที่จะละลาย
00:17:14 → 00:17:19 ออกมาเป็นนาโนพลาสติกได้ครับนาโนพลาสติก
00:17:19 → 00:17:21 หรือไมโครพลาสติกนาโนก็คือเล็กจิ๋วเ
00:17:21 → 00:17:23 ไมโครพลาสติกอาจจะใหญ่ขึ้นมานิดนึงพวก
00:17:23 → 00:17:27 เนี้ยละลายออกมาจากพลาสติกได้ทุกชนิดนะ
00:17:27 → 00:17:30 ครับดังนั้นถ้าเป็นเป็นไปได้เนี่ยควรจะ
00:17:30 → 00:17:33 เอามันไปอุ่นในภาชนะที่เป็นแก้วหรือ
00:17:33 → 00:17:40 กระเบื้องดีที่สุดนะครับดีที่สุดนะถามว่า
00:17:40 → 00:17:43 นอกเหนือจากไมโครพลาสติกแล้วอ่ะไอ้อย่าง
00:17:43 → 00:17:46 อื่นที่มันออกมาจากตัวพลาสติกพวกเนี้ยมัน
00:17:46 → 00:17:48 มีอะไรได้บ้างนะครับถ้าสมมุติว่าเป็น
00:17:48 → 00:17:52 พลาสติกชนิดที่เราสามารถให้เข้าไมโครเวฟ
00:17:52 → 00:17:54 ได้นะคือพวกเบอร์ 5 หรือเบอร์อื่นๆที่
00:17:54 → 00:17:57 เขาคเขียนไว้ชัดเจนว่าเข้าได้เนี่ยอ่า
00:17:57 → 00:17:59 อย่างเช่นเบอร์ 5 เนี่ยเ่าโพลีโพรพิลีน
00:17:59 → 00:18:02 ตัวนี้เข้าได้นะครับแล้วก็ตัวเพชรนะครับ
00:18:02 → 00:18:06 โพลีเอธิลีนเ่อเทตนะครับตัวนี้เนี่ยก็
00:18:06 → 00:18:08 เป็นเบอร์ 1 นะอันเนี้ยเข้าได้เหมือนกัน
00:18:08 → 00:18:11 นะครับแต่อย่างไรก็ตามต้องดูด้วยนะครับ
00:18:11 → 00:18:13 ว่ามันเขียนว่าเข้าได้เพราะบางครั้งต่อ
00:18:13 → 00:18:15 ให้เป็นเบอร์ 1 มันก็เข้าไม่ได้ครับเพราะ
00:18:15 → 00:18:18 บางครั้งมันคือชนิดแบบใช้แล้วทิ้งดังนั้น
00:18:18 → 00:18:20 เนี่ยต้องดูสัญลักษณ์ให้ชัดเจนว่าสามารถ
00:18:20 → 00:18:23 เข้าไมโครเวฟได้หรือไม่ได้ไม่ใช่จำแค่
00:18:23 → 00:18:26 เบลอพวกนี้นะครับแต่ว่าถ้ามันเป็นอย่าง
00:18:26 → 00:18:30 อื่นเช่นสไตโรโฟมอย่างเงี้ยไอ้โฟมที่เรา
00:18:30 → 00:18:32 ใช้นี่แหละมันเข้าไมโครเวฟไม่ได้ครับ
00:18:32 → 00:18:35 เพราะว่ามันจะมีสารสไตรีนออกมาแล้วไอ้สาร
00:18:35 → 00:18:38 พวกเนี้ยมันเป็นสารก่อมะเร็งนะครับอ่าตัว
00:18:38 → 00:18:40 เเป็นสารกร่อมะเร็งจริงๆนะโดนความร้อน
00:18:40 → 00:18:43 ปุ๊บปล่อยสารก่อมะเร็งออกมาทันทีหรือสาร
00:18:43 → 00:18:46 ตัวอื่นๆนะครับเช่นอ่าสาริ phenol นะครับ
00:18:46 → 00:18:48 bis phenol a bpa เนี่ยนะครับบางคน
00:18:49 → 00:18:51 ที่เคยได้ยินอ่า bis phenol a bis
00:18:51 → 00:18:54 phenol s bis phenol f พวกเนี้ยพวก
00:18:54 → 00:18:59 นี้นะครับมันเป็นพลาสติกชนิดที่ออกฤทธิ์
00:18:59 → 00:19:01 คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
00:19:01 → 00:19:04 เอสโตรเจนแล้วนี่แหละครับมันจะเป็นสิ่ง
00:19:04 → 00:19:07 ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของเรานะ
00:19:07 → 00:19:09 ครับมันเรียกว่าฮอร์โมน disrupt เพราะว่า
00:19:09 → 00:19:11 มันทำหน้าที่ใ้เอสโตรเจนมันจะไปวุ่นวาย
00:19:11 → 00:19:13 กับระบบสืบพันธุ์ของเราแล้วก็บางคนมี
00:19:13 → 00:19:16 ปัญหาเรื่องพวกนี้ด้วยไปมีปัญหาเกี่ยว
00:19:16 → 00:19:18 ข้องกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนด้วยฮอร์โมน
00:19:18 → 00:19:21 เอสโตรเจนเยอะก็เกี่ยวมีความเสี่ยงต่อ
00:19:21 → 00:19:24 มะเร็งเต้านมเป็นต้นนะครับอ่าพวกเนี้ยก็
00:19:24 → 00:19:26 ต้องระมัดระวังดังนั้นถ้าเราจะใช้พลาสติก
00:19:27 → 00:19:28 ที่มันเข้าเนี่ยก็ต้องดูด้วยว่าพลาสติกน
00:19:28 → 00:19:31 นั้นสามารถเข้าได้ถ้าเกิดว่าเป็นพลาสติก
00:19:31 → 00:19:33 ที่เราใช้ซ้ำอยู่เรื่อยๆแล้วเราไปขัดซะจน
00:19:33 → 00:19:35 มันมันเริ่มลอกอันเนี้ยต้องโยนทิ้งเพราะ
00:19:35 → 00:19:38 ว่าเวลามันลอกมันจะเข้าไปในไมโครเวฟแล้ว
00:19:38 → 00:19:41 เกิดปัญหาขึ้นมาได้อีกนะครับส่วนนาโน
00:19:41 → 00:19:43 พลาสติกหรือไมโครพลาสติกเนี่ยออกมาจาก
00:19:43 → 00:19:46 พลาสติกได้ทุกชนิดแม้พลาสติกชนิดนั้นจะ
00:19:46 → 00:19:49 เป็นพลาสติกที่บอกว่ามันสามารถมีความปลอด
00:19:49 → 00:19:52 ภัยในการเข้าไมโครเวฟได้ก็ตามนะครับการ
00:19:52 → 00:19:55 ที่นาโนพลาสติกจะออกมามากหรือน้อยนอก
00:19:55 → 00:19:57 เหนือจากความร้อนแล้วยังขึ้นกับชนิดของ
00:19:57 → 00:20:00 อาหารที่อยู่ข้างในถ้าเป็นอาหารมันๆอาหาร
00:20:00 → 00:20:03 ที่มีความเป็นกรดสูงพวกเนี้ยมันจะออกมา
00:20:03 → 00:20:07 ได้เยอะกว่าปกติครับนะงั้นรคือสิ่งที่ควร
00:20:07 → 00:20:10 รู้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเอาอาหาร
00:20:10 → 00:20:12 เข้าไปอุ่นนะฮะแต่แน่นอนครับนอกเหนือจาก
00:20:12 → 00:20:15 นั้นก็ยังมีถ้าเอาโลหะเข้าไปก็ไม่ควรครับ
00:20:15 → 00:20:18 เดี๋ยวมันจะไปติดไฟขึ้นมานะครับถ้าเราเอา
00:20:18 → 00:20:20 องุ่นเข้าไปก็ไม่ดีครับมันติดไฟได้เหมือน
00:20:20 → 00:20:23 กันนะฮะอย่าไปเล่นพิเนเอาองุ่นเข้าไปไว้
00:20:23 → 00:20:27 ในช่องไมโครเวฟนะครับนะงั้นวันนี้ผมก็
00:20:27 → 00:20:30 หวังว่าสิ่งที่ผมพูดในวันนี้นะครับคงจะไข
00:20:30 → 00:20:33 ข้อกระจ่างให้กับหลายๆคนนะครับไมโครเวฟ
00:20:33 → 00:20:35 เนี่ยมีความปลอดภัยนะครับมันไม่ได้ทำให้
00:20:35 → 00:20:37 เราเป็นมะเร็งแต่อย่างใดไม่สามารถทำให้
00:20:37 → 00:20:40 อาหารที่มันอุ่นเนี่ยแปลงร่างกลายไปเป็น
00:20:40 → 00:20:42 สารก่อมะเร็งไม่ได้ทำให้โมเลกุลของน้ำ
00:20:42 → 00:20:45 กลายเป็นพิษเพราะว่ามันเป็น non ionizing
00:20:45 → 00:20:48 radiation ไม่สามารถไปทำลายพันธะเคมีไม่
00:20:48 → 00:20:51 สามารถไปเตะอิเล็กตรอนจากอะตอมอะไรออกได้
00:20:51 → 00:20:53 เลยแม้แต่น้อยดังนั้นจึงไม่สามารถก่อให้
00:20:53 → 00:20:56 เกิดสารก่อมะเร็งได้เลยแม้แต่นิดเดียวนะ
00:20:56 → 00:21:00 ครับแล้วถึงแม้ว่ามันจะสามารถลดคุณค่าทาง
00:21:00 → 00:21:05 โภชนาการได้จริงแต่มันใช้เวลาสั้นมากดัง
00:21:05 → 00:21:07 นั้นโภชนาการเนี่ยมันมักจะยังคงอยู่เมื่อ
00:21:08 → 00:21:11 เทียบกับการไปทำวิธีอื่นการที่วิตามิน
00:21:11 → 00:21:14 เสียไปนะครับเสียเพราะความร้อนการทำวิธี
00:21:14 → 00:21:16 อื่นๆเนี่ยเสียหมดทุกอย่างแหละครับไม่ว่า
00:21:16 → 00:21:19 จะเป็นต้นผัดทอดย่างก็เสียเหมือนกันนะ
00:21:19 → 00:21:22 ครับอ่านี้คือสิ่งที่อยากให้ทราบไว้ไม่มี
00:21:22 → 00:21:25 ประเทศไหนที่มันแบดการใช้ไมโครเวฟนะครับ
00:21:25 → 00:21:27 ถ้าใครไปฟังมาแล้วบอกว่ามีเนี่ยก็ลองไปดู
00:21:27 → 00:21:29 สิครับว่าประเทศที่ที่เขาคกล่าวอ้างมัน
00:21:29 → 00:21:31 ยังมีอยู่หรือเปล่านะครับสุดท้ายเคสที่
00:21:31 → 00:21:34 เขายกมา Normal levis นะครับเคสนี้คน
00:21:34 → 00:21:37 ฟ้องแพ้นะครับแล้ว Normal leav เสีย
00:21:37 → 00:21:40 ชีวิตจากการที่มีี่มลือดไอุตันไม่ได้เกิด
00:21:40 → 00:21:42 จากภาวะโพแทสเซียมเกินครับเรื่องนี้ได้
00:21:42 → 00:21:44 รับการพิสูจน์เรียบร้อยแล้วในชั้นศาลนะ
00:21:44 → 00:21:46 ครับโอเควันนี้ก็เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้
00:21:47 → 00:21:49 นะครับถ้าใครยังสงสัยอะไรก็สอบถามมานะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับกลุ่มที่ต่อต้านเรื่องของไมโครเวฟ
00:21:51 → 00:21:53 เนี่ยผมคิดว่าจะต้องหาข้อมูลเพิ่มมากกว่า
00:21:53 → 00:21:55 นี้นิดนึงนะครับแล้วก็คงจะต้องไปดูราย
00:21:55 → 00:21:59 ละเอียดว่าอะไรกันแน่ที่ท่านเข้าใจไม่ถูก
00:21:59 → 00:22:02 ต้องแล้วก็ถูกหลอกนะครับส่วนคนทั่วไปที่
00:22:02 → 00:22:04 ไปฟังแล้วตกใจนะครับไม่ต้องตกใจครับ
00:22:04 → 00:22:07 ไมโครเวฟยังคงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
00:22:07 → 00:22:10 ถ้าท่านเข้าใจวิธีในการใช้แล้วก็รู้ว่าภา
00:22:10 → 00:22:13 ชนะอะไรที่สามารถใส่เข้าไปข้างในไมโครเวฟ
00:22:13 → 00:22:15 อย่างที่ผมเล่าให้ฟังไปได้นะครับโอเควัน
00:22:15 → 00:22:20 นี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ