00:00:00 → 00:00:02 ครับก็อาการชาจริงเกิดจากความผิดของผิด
00:00:02 → 00:00:04 ปติของระบบประสาทนะครับซึ่งก็เกิดได้ตั้ง
00:00:04 → 00:00:08 แต่เป็นปัญหารอยโรคที่ในสมองในไขสันหลัง
00:00:08 → 00:00:11 หรือในเส้นประสาทเองนะครับซึ่งอในแต่ละ
00:00:11 → 00:00:13 ตำแหน่งก็จะมีความรู้สึกเอ่อมีมีลักษณะ
00:00:13 → 00:00:16 รูปแบบของการชาที่มันแตกต่างกันไปนะครับ
00:00:16 → 00:00:18 อันดับแรกต้องคุยถึงเรื่องอาการชาก่อนคำ
00:00:18 → 00:00:20 ว่าชาหมายถึงอะไรหมาย
00:00:20 → 00:00:24 ถึงทั่วไปเราก็จะพูดถ้าในความภาษาไทยเรา
00:00:24 → 00:00:26 มันก็จะรวมถึงความรู้สึกที่มันผิดปกติ
00:00:26 → 00:00:28 หลายๆอย่างนะครับนะทั้งเน็ตทั้งชาอะไร
00:00:28 → 00:00:30 ประมาณนี้นะครับนะแต่ว่าถ้าเป็นทางการ
00:00:30 → 00:00:35 แพทย์ก็คือความรู้สึกลดน้อยลงนะครับเช่น
00:00:35 → 00:00:37 จากเดิมสัมผัสรู้สึกดีกลายเป็นรูปสัมผัส
00:00:37 → 00:00:39 รู้สึกนานๆหรไม่รู้สึกเหมือนเราฉีดชาๆ
00:00:40 → 00:00:43 อะไรประมาณเนะครับนั้นคือเป็นอาการชาทาง
00:00:43 → 00:00:48 การแพทย์น่ะนะครับค่ะอือครับถ้าเป็นเอ่อ
00:00:48 → 00:00:51 ซึ่งถ้ามีอาการชาจริงก็ต้องมาดูว่าอ่า
00:00:51 → 00:00:53 ลักษณะอาการชามันเป็นในรูปแบบไหนซึ่งมัน
00:00:53 → 00:00:56 ก็จะพอบอกตำแหน่งของรอยโรคได้เช่นถ้าเป็น
00:00:56 → 00:00:59 แบบเอ่อรอยโรคที่อยู่ในสมองเช่นพวกเส้น
00:00:59 → 00:01:01 สมองตีเสมองแปลกส่วนใหญคุแคก็จะมาด้วย
00:01:01 → 00:01:05 อาการชาครึ่งซีกนะครับอเช่นชาหน้าซีกนึง
00:01:05 → 00:01:08 ชาแขนขาลำตัวซีกนึงอะไรพวทั้งซีกเลยแต่
00:01:08 → 00:01:11 มันจะไม่ใช่ชาเป็นหย่อมๆเช่นชาเฉพาะแก้ม
00:01:11 → 00:01:13 แต่ว่าตรงตำนนอื่นไม่ชาอะไรประมาณนี้ไม่
00:01:13 → 00:01:16 ใช่นะจะชาตั้งแทมนะครับแขนก็เป็นทั้งแถบ
00:01:16 → 00:01:19 เลยจะไม่ใช่ชาแค่เฉพาะนิ้วโป้งนิ้วก้อย
00:01:19 → 00:01:21 ไม่ชาอะไรประมาณนี้นะครับจะชาทั้งแขทั้ง
00:01:21 → 00:01:24 ขานะครับอันนี้ก็เป็นลักษณะของอาการชาที่
00:01:24 → 00:01:26 เกิดจากรอยโล่งในสมองนะครับถ้าเกิดว่า
00:01:26 → 00:01:30 เป็นตำแหน่งที่มีรอยโรกในไข่สลักหลังนะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับก็อาจจะมีอาการคาคีกได้นะครับนะแต่
00:01:33 → 00:01:36 ว่าจะไม่ค่อยโดนที่ใบหน้านะครับหรือว่า
00:01:36 → 00:01:38 ถ้าเกิดว่ารอยโรคนี่มันโดนที่ไข่สลังทั้ง
00:01:38 → 00:01:43 2 ข้างอาจจะมีอาการชาชาชาเรียกชาตั้งแต่
00:01:43 → 00:01:46 เช่นรอยโลกอยู่ตรงตรงหน้าอกนะครับก็จะมี
00:01:46 → 00:01:49 อาการาตั้งแต่หน้าอกลงไปจนถึงปลายเท้านะ
00:01:49 → 00:01:51 ครับอือฮึเหมือนเป็นเหมือนมีเหมือนมี
00:01:51 → 00:01:55 ระดับที่ปกติกับระดับที่ผิดปกตินะครับแต่
00:01:55 → 00:01:57 ถ้าเกิดอาจารย์ชาที่เกิดจากเส้นประสาทก็
00:01:57 → 00:02:00 เอ่อถ้าเป็นโรคทั่วๆไปอย่างเช่นเบาหวาน
00:02:00 → 00:02:02 อะไรพวกนี้นะครับที่มันโดนเส้นประสาทใน
00:02:02 → 00:02:04 ร่างกายก็จะมีอาการชาเป็นแบบปลายมือปลาย
00:02:04 → 00:02:08 เท้า 2 ข้างพอๆกันนะครับนะแต่ที่เราเจอ
00:02:08 → 00:02:10 ได้บ่อยสุดก็คืออาการชาที่เกิดจากเอ่อ
00:02:11 → 00:02:13 พฤติกรรมของเรานะครับเหมือนกับพวก Office
00:02:13 → 00:02:15 syndrome ี้นะครับเช่นใช้งานข้อมือเยอะๆ
00:02:15 → 00:02:16 อย่างเช่น
00:02:16 → 00:02:20 เอ่อทางผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือ
00:02:20 → 00:02:22 carpal tal Syndrome อะไรพวกนี้นะครับ
00:02:22 → 00:02:25 เราก็จะมีอาการชายชเฉพาะเฉพาะที่เอ่อ
00:02:25 → 00:02:27 บริเวณปลายนิ้วมือเช่นปลายนิ้วโป้งนิ้ว
00:02:27 → 00:02:30 ชี้นิ้วกลางซึ่งเลี้ยงด้วยเส้นประสาทนะ
00:02:30 → 00:02:33 ครับซึ่งโรคนี้จะเกิดในคนที่เอ่อในคนที่
00:02:33 → 00:02:35 อาชีพที่ต้องใช้งานข้อมือเยอะๆนะครับจะทำ
00:02:35 → 00:02:38 ให้พังผืดที่ข้อมือมันหนาตัวขึ้นแล้วกด
00:02:38 → 00:02:40 ทับเส้นประสาทนะครับหือบางคนชอบนั่งไขว
00:02:40 → 00:02:44 ห้างเี้ครับก็ก็จะมีการกดทับของเส้น
00:02:44 → 00:02:47 ประสาทที่ที่ตรงบริเวณป้นขานะครับตรงเตรง
00:02:47 → 00:02:50 หน้าแข้งนะครับก็ทำให้มีอารฉาปายเท้าได้
00:02:50 → 00:02:53 นะครับซึ่งซึ่งพวกเนี้ยมันก็จะพอช่วยบอก
00:02:53 → 00:02:56 ลอยโรคได้นะครับส่วนในอาการชาไปเป็นแหหาย
00:02:56 → 00:02:59 ที่ที่ทางคุณพิธีกรพูดถึงเนี่ยนะครับเช่น
00:02:59 → 00:03:00 ว่า
00:03:00 → 00:03:03 หายไปส่วนใหญ่พวนี้เป็นจากพฤติกรรมมาก
00:03:03 → 00:03:06 กว่าเช่นอาจจะชอบเท้าศอกนั่งไขวห้างหรือ
00:03:06 → 00:03:09 นั่งคล้ายๆนั่งพับเพียบอาจจะเคยเคยเคย
00:03:09 → 00:03:13 เวลาไปเข้าเข้าวัดไหว้พระนเอนั่งพับเพียบ
00:03:13 → 00:03:16 นานๆก็จะมีการกดทับเส้นประสาทนะครับซึ่ง
00:03:16 → 00:03:18 อันนี้มันก็เกิดความบาดเจ็บชั่วคราวพอเรา
00:03:18 → 00:03:21 เปลี่ยนท่าเปลี่ยนเปลี่ยน Position แล้ว
00:03:21 → 00:03:23 เนี่ยนะครับพอเส้นประสาทมันไม่ถูกกดทับ
00:03:23 → 00:03:28 อาการช้าก็จะดีขึ้นนะครับอค่ะรอยโรคคำว่า
00:03:28 → 00:03:30 รอยโรคอย่างที่คุณหมอบอกเเครับในแต่ละจุด
00:03:30 → 00:03:34 ในแต่ละจุดรอยโรคนี้คืออะไรอ่ะครับรอยโรค
00:03:34 → 00:03:37 คือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอะครับเช่นเอ่อ
00:03:37 → 00:03:39 รอยโรคในสมองนะครับอย่างเช่นมาชาได้ชา
00:03:39 → 00:03:42 ครึ่งซีกอนะครับก็สาเหตุก็มีได้หลาย
00:03:42 → 00:03:44 สาเหตุนะครับคำว่ารอยโลกนี่หมายถึงแบบ
00:03:44 → 00:03:47 ระบุตำแหน่งเฉยๆนะครับแต่สาของโลกอาจจะ
00:03:47 → 00:03:48 เป็นจากเส้นเลือดตีบเส้นเลือดแตกอาจจะ
00:03:49 → 00:03:51 เป็นจากเนื้องอกอะไรพวกนี้ก็ได้นะครับนะ
00:03:51 → 00:03:56 ครับอืค่ะแล้วเวลาอาการชาถ้าสมมุติเกิด
00:03:56 → 00:04:00 จากรอยโรคในสมองเงี้ยค่ะเจะมีสัยานเตือน
00:04:00 → 00:04:04 ก่อนมั้ยคะว่าเอ่อจึ๊ดๆแล้วก็หายไปแล้วก็
00:04:04 → 00:04:06 กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแต่ว่าพอมัน
00:04:06 → 00:04:10 บ่อยๆขึ้นแค่ไหนมันถึงจะเอ่อเป็นเวอแบบ
00:04:10 → 00:04:13 อ่าอัปเกรดเวอร์ชั่นที่แบบแรงขึ้นอาจจะ
00:04:13 → 00:04:15 เป็นเส้นเลือดในสมองตีบอะไรเงี้ยค่ะคุณ
00:04:15 → 00:04:18 หมอขึ้นขึ้นอยู่กับสาเหตุอ่ะครับอย่าง
00:04:18 → 00:04:20 เช่นถ้าเป็นพวกเนื้องอกเนี่ยมันก็จะอาจจะ
00:04:20 → 00:04:22 เลิมจากชาน้อยๆก่อนแล้วค่อยเป็นมากขึ้น
00:04:22 → 00:04:24 เรื่อยๆนะครับเพราะธรรมชาติเนื้องอกคๆโต
00:04:24 → 00:04:27 ใช่มั้ยฮะแต่บางอย่างมันก็ไม่มีอาการเตือ
00:04:27 → 00:04:29 อย่างเช่นพวกเซตดสมองตีเป็นเซตดสมองแตก
00:04:29 → 00:04:31 เลยอะไรพวกนี้นะครับอยู่วิสก็เกิดอาการ
00:04:31 → 00:04:33 ขึ้นมาทันทีเลยอะไรพวกเนะครับเช่นตื่น
00:04:33 → 00:04:35 เช้ามาก็มีอาการเป็นอัมพฤษอัมพาอะไรพวกเ
00:04:35 → 00:04:38 โดยที่ไม่มีอาการเตือนมาก่อนนะครับเพราะ
00:04:38 → 00:04:40 ฉะนั้นพวกนี้ก็จะเห็นว่าจริงๆสิ่งที่
00:04:40 → 00:04:43 สำคัญคือการป้องกันนะครับในกรณีที่มีความ
00:04:43 → 00:04:45 เสี่ยงนะครับเพราะว่าเมื่อไหร่ที่มันเกิด
00:04:45 → 00:04:48 รอยโรคแล้วเนี่ยเกิดเกิดอาการของโรคแล้ว
00:04:48 → 00:04:50 เนี่ยบางทีมันอาจจะรักษาไม่ทันหรือรักษา
00:04:51 → 00:04:55 ได้ได้ไม่ดีนะครับคพวกเส้นสมองตีบก็อย่าง
00:04:55 → 00:04:56 ที่เราทราบกันดีอยู่แล้วนะครับก็พวกเบา
00:04:56 → 00:05:00 หวานความดันไขมันสูงสูบบุหรี่น้ำหนักเกิน
00:05:00 → 00:05:02 อะไรพวกเยนะครับถ้ามีพวกนี้ต้องรีรักษา
00:05:02 → 00:05:04 อย่าปล่อยทิ้งไว้นะครับอเพราะพวกนี้จะ
00:05:04 → 00:05:06 เห็นว่ามันไม่มีอาการเตือนนะครับนะเป็น
00:05:06 → 00:05:11 แล้วเป็นเลยนะครับอืค่ะพวกอาการชานี้มัน
00:05:11 → 00:05:13 สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายมยคะคุณหมอ
00:05:13 → 00:05:17 กับทุกอวัยวะหรือเปล่าหรือว่าเฉพาะแบบ
00:05:17 → 00:05:20 ปลายมือปลายเท้าช่วงหน้าอกไปถึงปลายเท้า
00:05:20 → 00:05:22 อะไรอย่างเงี้ยค่ะมันเกิดเกิดได้ทุกส่วน
00:05:22 → 00:05:24 ครับเกิดได้ทุกส่วนของร่างกายครับข้นอยู่
00:05:25 → 00:05:27 กับว่าตำแหน่งของรอยโลกมันอยู่ที่ตรงนะ
00:05:27 → 00:05:31 ครับถ้าถ้าเป็นที่สบนี่ก็ตั้งแต่หน้าแขน
00:05:31 → 00:05:35 ขาลำตัวซิ่งนึงไปเลยนะครับค่ะถ้าเป็นไขส
00:05:35 → 00:05:37 หลังบริเวณคอนี่ก็อาจจะเป็นตั้งแต่ระดับ
00:05:37 → 00:05:40 คอลงไปจนถึงปลายเท้านะครับแต่ถ้าเป็นโรค
00:05:40 → 00:05:43 ที่เส้นประสาทนะครับนะอาจจะเป็นแบบปลาย
00:05:43 → 00:05:45 มือปลายเท้าได้นะครับหรือว่าถ้าเป็นแบบ
00:05:45 → 00:05:47 เส้นประาถูกกดทับอาจจะมาเช่นมือข้างเดียว
00:05:47 → 00:05:51 หรือขาข้างเดียวก็ได้นะครับอือมันจะมาได้
00:05:51 → 00:05:56 หลายรูปแบบนะครับค่ะอโอถ้ามันเกิดอาการชา
00:05:56 → 00:05:59 แล้วถ้าเราไม่ไปโรงพยาบาลเนี่ยมันมันมัน
00:05:59 → 00:06:02 เอาอวัยวะไหนที่แบบเป็นรอยโรคที่แบบน่า
00:06:02 → 00:06:05 กังวลแล้วแบบมันมันไม่ควรเพิกเฉยเลยอ่ะคะ
00:06:05 → 00:06:07 คุณหมอผมว่าที่ซีเรียสสุดก็คงจะเป็น
00:06:07 → 00:06:09 เรื่องของตัวสตกอนะครับเพราะว่าพวกนี้
00:06:09 → 00:06:12 รักษาตีอันใดนะครับก็ถ้ามีอาการชาแบบ
00:06:12 → 00:06:15 ครึ่งซีกนะครับนะร่วมกับมีอาจจะมีอาการ
00:06:15 → 00:06:17 อื่นเช่นแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วยมีปากเบี้ย
00:06:17 → 00:06:19 พุ้นประชัดร่วมด้วยมีภาพซ้อนร่วมด้วยก็
00:06:19 → 00:06:23 ต้องรีบไปโรงพยาบาลนะครับออืค่ะแต่อันดับ
00:06:23 → 00:06:25 แรกเราก็เทสได้ง่ายๆก่อนว่าจจริงเราชาริง
00:06:25 → 00:06:28 หรือเปล่านะครับเพราะว่าชาภาษาไทยมันเป็น
00:06:28 → 00:06:30 คำรวมนะครับเราก็อาจจะใช้วิธีเช่นถ้าเรา
00:06:30 → 00:06:33 รู้สึกว่าเอ่อชาด้านซ้ายนะครับเราอาจจะ
00:06:33 → 00:06:37 ใช้มือหรือมาจิ้มฟันน่ะจิ้มที่แขนขาด้าน
00:06:37 → 00:06:39 ด้านขวาเทียบกับแขนขาด้านซ้ายดูว่าความ
00:06:39 → 00:06:41 รู้สึกมันแตกต่างกันไปนะครับถ้าถ้าข้าง
00:06:42 → 00:06:44 ขวารู้สึกแหลมๆใช่มั้ยฮะแต่ถ้าข้างซ้าย
00:06:44 → 00:06:46 รู้สึกหนาๆหรือไม่รู้สึกเลยนี่คืออาการ
00:06:46 → 00:06:49 ช้านะครับส่วนใหญ่ถ้ามันแบบพวกกดทับมันก็
00:06:49 → 00:06:52 จะเป็นแล้วก็ดีขึ้นชั่วาอ่าเป็นแล้วก็หาย
00:06:52 → 00:06:54 นะครับอย่างเช่นเรานั่งปับเปี่พเราลุก
00:06:54 → 00:06:56 เปลี่ยนท่ามันก็จะดีขึ้นพวกนี้ส่วนใหญ่ก็
00:06:56 → 00:07:00 เป็นจากการขดทับมากกว่าครับนะครับอือแสดง
00:07:00 → 00:07:04 ว่าการชาอาการจากการชาจากพฤติกรรมการกด
00:07:04 → 00:07:07 ทับเนี่ยไม่ได้เป็นอะไรอันตรายกับร่างกาย
00:07:07 → 00:07:11 ใช่มั้ยคะเอ่อถ้าถ้าเรายังมีพฤติกรรมอ่า
00:07:11 → 00:07:13 เ้าเรียกว่าไงถ้ามันเป็นแค่บางครั้งบาง
00:07:13 → 00:07:16 คราวมันก็จะไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติอะไร
00:07:16 → 00:07:19 นะครับแต่ถ้าเรายังทำพฤติกรรมเดิมๆซ้ำๆ
00:07:20 → 00:07:22 อะไรพวกนี้นะครับนะมันก็อาจจะทำให้เกิด
00:07:22 → 00:07:25 ความปฏิถาวรได้เช่นจากเดิมเช่นพอเราขยับ
00:07:25 → 00:07:29 เปลี่ยนท่าแล้วมันดีขึ้นนะหายเป็นปกติต่อ
00:07:29 → 00:07:32 ไปอาจจะหายเป็นไม่ปกติมันอาจจะมีอาการชา
00:07:32 → 00:07:35 หลงเหลืออยู่ก็ได้อย่างเช่นพวกโรคค tal
00:07:35 → 00:07:37 Syndrome ที่เป็นทางผืทางเส้นประสาทที่
00:07:37 → 00:07:40 ข้อมือนะครับพวกนี้ยิ่งเราใช้งานมันเยอะๆ
00:07:40 → 00:07:42 หรือว่าเราอายุมากขึ้นนะครับพางผืนมันหนา
00:07:42 → 00:07:44 ตัวมากขึ้นมันก็กดทับเส้นประสาทมากขึ้นนะ
00:07:44 → 00:07:47 ครับพวกนี้ในรายที่รุนแรงอาจจะมีอาการชา
00:07:47 → 00:07:50 ถาวรหรืออาจจะมีอาการเอ่อริ้วมืออ่อนแรง
00:07:50 → 00:07:55 ในกล้ามเนื้อรีบได้นะครับอโอเอฟังแล้วดู
00:07:55 → 00:07:57 น่ากังวลเหมือนกันนะคะคุณหมออันนี้คือ
00:07:57 → 00:08:00 อาการชาจากการใช้ข้อมือเยอะๆเนี่ยอย่างคน
00:08:00 → 00:08:03 ที่เป็นเอ่อสาวออฟฟิศหรือคนที่ทำงานใน
00:08:03 → 00:08:06 ออฟฟิศที่ต้องนั่งกดเมาส์เนี่ยมันมันใช่
00:08:06 → 00:08:09 ใช่มั้ยคะอาจารย์หอกใช่ครับส่วนใหญ่คนไข้
00:08:09 → 00:08:11 เป็นคนที่ใช้งานข้อมือนะครับอย่างเช่นคน
00:08:11 → 00:08:13 ที่ใช้คอมพิวเตอร์เยอะๆคนที่เขียนหนังสือ
00:08:13 → 00:08:16 เยอะๆหรือว่าอาชีพอย่างเช่นเ่อแม่ครัวที่
00:08:16 → 00:08:19 ต้องเ่อเ้าเรียกว่าไงสิที่ต้องจับตะหลิว
00:08:19 → 00:08:20 จับ
00:08:20 → 00:08:24 เ่าท้าตลอดเวลาใช่ครับหรือว่าพวกค่อมที่
00:08:24 → 00:08:28 ต้องใช้แบบพวกเอ่อสว่านพวกสกรูที่มันมี
00:08:28 → 00:08:30 การสั่นสะเทือนที่ต้องใช้คมืออะไรนะครับ
00:08:30 → 00:08:33 ก็ก็จะมีอาการได้ค่อนข้างเยอะเป็นที่ที่
00:08:33 → 00:08:36 มีความเสี่ยงนะครับแต่แต่ก็แต่ก็ไม่ได้
00:08:36 → 00:08:39 ไม่ได้หมายถึงว่ามันมันผิดปกปกติมากนัก
00:08:39 → 00:08:42 ใช่มยฮะใชครับต้องพยายามหลีกเลี่ยงอ่ะ
00:08:42 → 00:08:44 ครับอย่างเช่นเดี๋ยวนี้เราชอบเล่นมือถือ
00:08:44 → 00:08:46 กันมันก็จะอยู่ในท่าที่แบบประมาณมือนึง
00:08:46 → 00:08:49 จับมือถือใช่มั้ยฮะท่าก็จะอยู่ในลักษณะ
00:08:49 → 00:08:52 ประมาณข้อมือจะงอแล้วก็อีกมือนึงก็จิ้ม
00:08:52 → 00:08:55 อะไรงี้นะครับมันก็จะก็จะมีการแบบนี้ได้
00:08:55 → 00:08:58 เหมือนกันนะครับก็ต้องพยายามอีเียบครับอื
00:08:58 → 00:09:02 ค่ะอันนี้เราพูดถึงในส่วนของข้อมือแต่ถ้า
00:09:02 → 00:09:04 อย่างหลายๆคนเดี๋ยวเนี้ยฝันเห็นชอบเ่อ
00:09:05 → 00:09:07 ทั้งผู้หญิงผู้ชายชอบนั่งไขวห้างอ่ะค่ะ
00:09:07 → 00:09:10 ถ้าคนที่นั่งไขวห้างเนี่ยเอ่อมันจะเกิด
00:09:10 → 00:09:14 เอ่ออาการชาได้จุดไหนยังไงบ้างคะคุณหมออ
00:09:14 → 00:09:17 ก็ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาการชาที่บริเวณปลาย
00:09:17 → 00:09:20 เท้านะครับแล้วก็แล้วแล้วก็หน้าแข้งด้าน
00:09:20 → 00:09:24 นอกนะครับเพราะว่าตรงๆงตรงตรงต้นขาเราตรง
00:09:24 → 00:09:27 ตรงตรงแข้งเราอ่ะนะครับเอ่อมันเป็นส่วน
00:09:27 → 00:09:29 ที่มีไขมันน้อยนะครับแล้วก็เส้นประสาทมัน
00:09:29 → 00:09:32 อยู่วางอยู่บนเหนือเหนือกระดูกพอดีนะครับ
00:09:32 → 00:09:34 พอเรานั่งไขวห้างเนี่ยโอกาสที่มันจะไปกด
00:09:35 → 00:09:38 ทับเส้นประสาทเอ่อที่อยู่ตรงรงตรงหน้า
00:09:38 → 00:09:41 แท่งเนี่ยมันจะจะเจอได้บ่อยนะครับก็จะการ
00:09:41 → 00:09:46 ชาที่เป็นปลายเท้าได้นะครับอือืค่ะแล้ว
00:09:46 → 00:09:49 ถ้าเกิดอาการชาบริเวณปลายเท้ามันจะส่งผล
00:09:49 → 00:09:52 ให้เอ่อเกิดอาการยังไงกับร่างกายได้บ้าง
00:09:52 → 00:09:56 คือในระยะยาวอ่ะคะเอ่อส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบบ
00:09:56 → 00:09:58 แค่พฤติกรรมซ้ำๆพอเรารู้สึกว่ามันเหน็ดชา
00:09:58 → 00:10:00 เราก็จะเปลี่ยนท่าไปนะครับแต่บางคนที่
00:10:00 → 00:10:02 เป็นเยอะๆก็อาจจะมี
00:10:02 → 00:10:07 เอ่อส่วนใหญ่จะเป็นคนที่แบบอาจจะนอนหลับ
00:10:07 → 00:10:09 หรือปิดท่าไปอะไรพวกนี้นะครับที่มันกดทับ
00:10:09 → 00:10:12 นานๆก็อาจจะมีแบบข้อเท้าตกได้นะครับแบบ
00:10:12 → 00:10:14 เอ่อเดินแล้วกระดกข้อเท้าไม่ขึ้นอะไรพวก
00:10:14 → 00:10:17 นี้นะครับอือฮึออค่ะมันถึงขั้นนั้นได้เลย
00:10:18 → 00:10:20 ลกระดกปลายเท้าไม่ขึ้นเออส่วนใหญ่จะเป็น
00:10:20 → 00:10:23 ต้องเป็นต้องเป็นแบบเช่นแบบอาจจะอาจจะ
00:10:24 → 00:10:26 เป็นคนที่แบบนอนหลับอยู่ท่าเดิมนานๆอะไร
00:10:26 → 00:10:28 พวเี้นะครับเพราะส่วนใหญ่ถ้าเราถ้าเรา
00:10:28 → 00:10:31 นั่งถ้าเรานั่งทำงานเเราเรา
00:10:31 → 00:10:34 ไวเราเริ่มเหน็บเราก็จะเริ่มขยับเปลี่ยน
00:10:34 → 00:10:36 ท่าแล้วเราจะไม่อยู่ท่าท่านั้นะส่วนใหญ่
00:10:37 → 00:10:39 ที่มีปัญหาว่าจะเป็นคนที่ไข้ที่แบบอาจจะ
00:10:39 → 00:10:42 ทานพวกทานแอลกอฮอล์เยอะนะครับนะแล้วหลับ
00:10:42 → 00:10:45 ไปหรือว่าทานยานอนหลับหรือยาที่มีฤทธิ์
00:10:45 → 00:10:47 กรอบประสาทแล้วหลับอยู่ในท่าเดิมโดยไม่
00:10:47 → 00:10:51 ขยับอะไรเลยนะ้ามาก็จะมีอาการผิดปกติ
00:10:51 → 00:10:54 ประมาณนั้นครับอือก็เกี่ยวกับพฤติกรรม
00:10:54 → 00:10:57 ส่วนตัวด้วยใช่ครับในในตอนที่เรารู้สึก
00:10:57 → 00:10:59 ตัวดีมันจะไม่ค่อยมีปัญหาเพราะว่ามันมี
00:10:59 → 00:11:01 อาการเหน็บอาการชามาเตือนเราะเราจะเราจะ
00:11:01 → 00:11:03 รู้ตัวเองแล้วว่าเราต้องขยับเปลี่ยนท่า
00:11:03 → 00:11:07 อะไรพวกนี้นะครับออืแต่ค่ะแต่ถ้ามีอาการ
00:11:07 → 00:11:11 แบบอาจจะอ่อนเพลียหรือว่าดื่มหนักไปหน่อย
00:11:11 → 00:11:14 ก็มีความเสี่ยงที่จะนอนท่าเดิมไปตลอดทั้ง
00:11:15 → 00:11:17 คืนแล้วก็ตื่นมาเนี่ยขยับไม่ได้ใช่มั้ย
00:11:17 → 00:11:21 คุณหมอเหน็บชากินใช่ครับก็จะมีท่าที่คน
00:11:21 → 00:11:25 กินเหล้าแล้วชอบนอนหลับก็จะนอนฟุบกับโต๊ะ
00:11:25 → 00:11:28 แขนพาดกับขอบโต๊ะเหมือนเหมือนเหมือนไม่
00:11:28 → 00:11:30 อยู่แล้ว
00:11:30 → 00:11:32 เหมือนเคยพูดถึงไปแล้วเรื่อง S paly
00:11:32 → 00:11:36 อะไรประมาณเนี้นะครับเอค่ะโอแล้วข้อมือตก
00:11:37 → 00:11:40 ขยับข้อมือไม่ได้อะไรพวเนะครับอครับอืมัน
00:11:40 → 00:11:43 หลับสนิทหลายๆคนพอเกิดอาการชาอุ๊ยขาด
00:11:43 → 00:11:46 วิตามินแน่เลยอันนี้มันเกี่ยวข้องกันมั้ย
00:11:46 → 00:11:50 คะคุณหมอเตาชายเอก็มีมีส่วนครับในคนที่ใน
00:11:50 → 00:11:55 คนที่ไขในคนไข้ที่อาจจะเป็นคนไข้ที่กินเจ
00:11:55 → 00:11:57 หรือกินบังซาวรัตที่ไม่ค่อยทานเนื้อสัตว์
00:11:57 → 00:11:58 หรือปิพันทางสัตว์อะไรพวเยนะครับเพราะว่า
00:11:58 → 00:11:59 วิตามิ
00:11:59 → 00:12:04 ามันจะอยู่ในในเนื้อสัตว์แล้วก็ผลิตภัณฑ์
00:12:04 → 00:12:06 จากสัตว์นะครับเช่นนมไข่ชีสอะไรพวกเนะ
00:12:06 → 00:12:09 ครับนะซึ่งแต่ถ้าเรากินอาหารครบ 5 หมู่
00:12:09 → 00:12:11 โดยปกติเราก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องขา
00:12:11 → 00:12:13 วิตามินอยู่แล้วนะครับอแต่ว่าก็จะมีคนไข้
00:12:13 → 00:12:15 บางกลุ่มที่เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องการดูด
00:12:15 → 00:12:17 ซึ้มก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการขายวิตามินบี
00:12:17 → 00:12:21 การขายวิตามินได้นะครับอแล้วก็กนเสียงที่
00:12:21 → 00:12:25 เป็นพวกที่ที่ขาดวิตามินก็จะเป็นพวกอย่าง
00:12:25 → 00:12:30 เช่นอ่าคนคนคนที่กินเหล้าเยอเยอะเก็จะกิน
00:12:30 → 00:12:32 แต่เหล้าแล้วก็ไม่ค่อยกินกับข้าวไม่ค่อย
00:12:32 → 00:12:34 กินอาหารอะไรพวกนี้นะครับพวกนี้ก็จะขาย
00:12:34 → 00:12:36 วิตามินได้นะครับหรืออาจจะเป็นพวกกลุ่ม
00:12:36 → 00:12:39 ที่อาชีพที่ต้องอย่างเช่นชาวประมงที่ต้อง
00:12:39 → 00:12:42 ออกเรือไปนานๆอะไรพวกนี้นะครับก็จะมีอ่า
00:12:42 → 00:12:46 อาจจะมีขาดสารอาหารไม่้วนน่ะนะครับใช่
00:12:46 → 00:12:49 ครับค่ะเวลาอยู่ในทะเลอาหารอาจจะจำกัดอาจ
00:12:49 → 00:12:51 จะเป็นอาหารกระป๋องอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะ
00:12:51 → 00:12:53 ใช่ครับเพราะว่ามันจะมีทั้งวิตามิน B1
00:12:53 → 00:12:56 แล้วก็ B12 นะครับ B12 จะมีในเนื้อสัตว์
00:12:56 → 00:12:59 แต่ B1 จะมีอยู่ในพวกอาหารพวกข้าวกล้อง
00:12:59 → 00:13:02 พวกธัญญพืชอะไรพวกเยนะครับปกติเรากินข้าว
00:13:02 → 00:13:04 ขาวเ่อช่วงหลังเรากินแต่ข้าวขาวกันนะครับ
00:13:04 → 00:13:06 ไม่ค่อยได้กินธัญพืชไม่ค่อยกินพวกนี้ก็
00:13:06 → 00:13:10 อาจจะขาวิตมินพวกนี้พวกบี1ึได้นะครับอืก็
00:13:10 → 00:13:14 พวกข้าวกล้องข้าวขัดไม่ขัดสีทั้งหลายใช่
00:13:14 → 00:13:16 ครับล้วนมี
00:13:16 → 00:13:18 ประโยชน์
00:13:18 → 00:13:22 อืซึซึ่งถ้าการรับประทานอาหารพวกนี้เสริม
00:13:22 → 00:13:25 เข้าไปเอ่อเป็นประจำดีกว่าเป็นประจำส่าเ
00:13:25 → 00:13:29 สัปดาห์ละครั้งละ 2-3 ครั้งอะไรอย่าเงี้ย
00:13:29 → 00:13:31 มันก็จะพอบรรเทาหรือว่าลดความเสี่ยงในการ
00:13:31 → 00:13:35 ที่จะเราจะเกิดเ่ออาการเหน็บชาหรือว่า
00:13:35 → 00:13:38 หรือว่ามีอาการชาได้ลดน้อยลงอย่างนี้มั้
00:13:38 → 00:13:42 ครับเอ่อจริงๆจริงๆอย่างอย่างที่เรียนนะ
00:13:42 → 00:13:44 ครับถ้าเราทานอาหารครบ 5 หมู่สมเสมอทุก
00:13:44 → 00:13:46 วันอะไรพวกนี้นะครับจิร่างกายเราก็ไม่ไม่
00:13:46 → 00:13:49 ได้มีความขาดวิตามินอ่ะนะครับนะเอการที่
00:13:49 → 00:13:52 กินวิตามินบีเสริมไปก็อาจจะไม่ไม่ไม่ได้
00:13:52 → 00:13:56 ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักนะครับอือนะครับมัน
00:13:56 → 00:13:59 จะมีประโยชน์โดยเฉะโดยเฉพาะคนที่ที่เขาด
00:13:59 → 00:14:03 วิตามินจริงๆกนี้ก็จะช่วยครับออ่ะถ้าถ้า
00:14:03 → 00:14:06 ในกรณีคนที่แบบก็ไม่แน่ใจหรอกว่าตัวเอง
00:14:06 → 00:14:09 ขาดวิตามินดีหรือเปล่าแต่ว่ากินเสริมไป
00:14:09 → 00:14:10 ก่อนแล้วกันอะไรอย่าเงี้ยค่ะมันเป็น
00:14:10 → 00:14:14 อันตรายกับร่างกายมั้ยคะกรณีที่แบบว่าเ
00:14:14 → 00:14:16 อาจจะพอแล้วแหละอะไรเงี้ยก็กินในปริมาณ
00:14:16 → 00:14:21 ที่เหมาะสมนะครับนะก็ถ้าเป็น b b16 12
00:14:21 → 00:14:26 ทั่วๆไปหรือ B Complex ทั่วๆไปก็ก็ก็ก็
00:14:26 → 00:14:29 พบไม่ได้มีไม่ได้มีอันตรายอะไรถ้ากินตาม
00:14:29 → 00:14:33 ขนาดตามโดสที่เขาแนะนำนะครับแต่บางครั้ง
00:14:33 → 00:14:35 ต้องระวังเรื่องของวิตามิน High โดสนะ
00:14:35 → 00:14:38 ครับเพราะว่าเราคิดว่ากินปกติเราจะคิดว่า
00:14:38 → 00:14:40 กินวิตามินแล้วมันจะไม่มีผลข้างเคียงอะไร
00:14:40 → 00:14:42 ถูกเแต่จริงๆแล้วมันก็จะมีบางครั้งถ้ากิน
00:14:42 → 00:14:45 วิตามินบีที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้มี
00:14:45 → 00:14:48 อาการความปิดติทางบบประสาทได้เหมือนกันนะ
00:14:48 → 00:14:50 ครับอย่างเช่นที่ต้องระวังคือเรื่องของ
00:14:50 → 00:14:53 วิตามิน b6 นะครับค่ะอมันเป็นยังไงได้
00:14:53 → 00:14:56 บ้างคะคุณหมอแบบมีอาการยังไงอันเนี้ยก็จะ
00:14:56 → 00:14:59 มาได้ชาเหมือนกันเลยครับใชครับก็จะมา้วย
00:14:59 → 00:15:02 การชาที่ผิดปกิได้เหมือนกันนะครับถ้าเรา
00:15:02 → 00:15:05 ไปเสิร์ชดูใน Google ก็จะมีคำว่าวิตามิน
00:15:05 → 00:15:08 b6 intoxication นะครับก็แปลว่ากินเยอะ
00:15:08 → 00:15:10 เกินไปก็อาจจะมีผลได้แต่ส่วนใหญ่พวกนี้
00:15:10 → 00:15:12 มันจะเป็นแบบไม่ได้กินแค่ช่วงสั้นๆจะกิน
00:15:12 → 00:15:16 ต้องกินระยะเวลาต่อเนื่องนานๆนะครับแต่
00:15:16 → 00:15:19 ไอ้คำว่านนาเนี่ยมันก็แล้วแต่คนบางคนก็
00:15:19 → 00:15:22 เดือนนึงบางคนก็ 3 เดือนบางคนก็ปี 2 ปี
00:15:22 → 00:15:25 อันนี้แล้วแต่คนนะครับถึงจะมีอาการนะครับ
00:15:25 → 00:15:29 อค่ะเพราะฉะนั้นก็แนะนำว่าก็ให้้านะครับ
00:15:29 → 00:15:32 นะก็กินอาหารครบ 5 หมู่ตามธรรมชาติก็จะดี
00:15:32 → 00:15:35 สุดถ้าจะเสิรฟก็เสิร์ฟแต่พอดีอย่าไปอย่า
00:15:35 → 00:15:37 ไปเอ่อถึงขั้นจะต้องคายโดสอะไรมากมาย
00:15:37 → 00:15:40 เพราะว่าเอ่อบางครั้งก็การกินเยอะเกินไป
00:15:40 → 00:15:44 ก็อาจจะมีโทษได้เหมือนกันครับอือค่ะแน่
00:15:44 → 00:15:47 นอนเรื่องของการกินยาเกินแบบเยอะเกินไป
00:15:47 → 00:15:51 อ่ะคุณหมอหลายๆท่านก็ก็แนะนำนะมันมันมัน
00:15:51 → 00:15:55 ไม่ได้ส่งผลดีสักักเท่าไหร่ตลครับเสียง
00:15:55 → 00:15:57 ค่อนข้างเบานิดนึงนะครับโทษทีครับอ่าครับ
00:15:58 → 00:16:02 คุณหมอก็ก็เอ่อการการกินยามากเกินที่
00:16:02 → 00:16:04 กำหนดจากแพทย์เองหรือเพียสัตว์เองเนี่ย
00:16:05 → 00:16:08 มันมันไม่ได้ส่งผลทำให้เอ่อหลายคนอาจจะ
00:16:08 → 00:16:10 ยังเข้าใจผิดนะบางคนดีกว่าบางคนน้อยคน
00:16:10 → 00:16:13 แล้วล่ะเ่อที่บอกว่าเอ้ยกินกินกันไว้ก่อน
00:16:13 → 00:16:15 กินเผื่อเอ้ยเป็นอย่างงี้กินเอาไว้
00:16:15 → 00:16:18 อันเนี้ยเ่อไม่ไม่แนะนำเลยใช่มั้ยคุณหมอ
00:16:18 → 00:16:22 ฮะจริงๆแนะนำให้ให้ให้ให้ปรึกษาแพทย์ดูดู
00:16:22 → 00:16:24 ก่อนดีกว่านะครับว่าว่ามีความจำเป็นต้อง
00:16:24 → 00:16:28 ทานมั้ยอะไรอย่างงี้นะครับครับๆพวกวิตาม
00:16:28 → 00:16:31 จริงๆถ้าในต่างประเทศก็เป็นแบบเหมือนยา
00:16:31 → 00:16:34 ขายเหมือนกับตามร้านขายยาทั่วๆไปนะครับนะ
00:16:34 → 00:16:38 จริงๆก็เอ่อมันก็คงเป็นเสริมอ่ะนะครับแต่
00:16:38 → 00:16:41 อย่างที่เรียนก็คือบอกว่าก็เอาแต่พอพอ
00:16:41 → 00:16:44 เหมาะพอควรนะครับประมาณนั้นครับครับอือื
00:16:44 → 00:16:48 ค่ะคุณมอคะขอความรู้นิดนึงค่ะว่าถ้าเรา
00:16:48 → 00:16:53 รู้สึกชาบริเวณไหนแบบมันมันบ่อยแล้วแหละ
00:16:53 → 00:16:56 อย่างน้อยคือเกิดแบบสัปดาห์ละกี่ครั้งมัน
00:16:56 → 00:16:59 ควรจะแบบมันต้องตั้งข้อสสังเกตว่าต้อง
00:16:59 → 00:17:02 เดินหน้าไปหาโรงพยาบาลละอันเนี้ยประมาณ
00:17:02 → 00:17:05 อาการประมาณไหนมันควรจะต้องไปพบแพทย์แล้ว
00:17:05 → 00:17:09 อ่ะค่ะครับก็มันคงไม่ได้มีตัวเลขกลายตัว
00:17:09 → 00:17:11 หรอกครับว่าว่าต้องเป็นยังไงนะครับแต่ว่า
00:17:11 → 00:17:14 อันดับแรกก็ดูว่าว่าว่าตำแหน่งที่เป็น
00:17:14 → 00:17:17 เป็นแบบไหนนะครับถ้ามันเป็นชาครึ่งซีกนะ
00:17:17 → 00:17:20 ครับชาสมมุติว่าเป็นใบหน้าซีกซ้ายแขนขาลำ
00:17:21 → 00:17:24 ตัวซีกซ้ายแบบเป็นแบบทันดีทันใดนะครับนะ
00:17:24 → 00:17:26 ซึ่งอาจจะมีร่วมกับอาการอย่างอื่นเช่นแขน
00:17:26 → 00:17:30 ขาซ้ายอ่อนแรงปากเบี้ยวพไม่ชัดนะครับนะ
00:17:30 → 00:17:32 อันนี้ก็ต้องระวังเรื่องของพวกเส้นสมอง
00:17:32 → 00:17:35 ตีกว่าควรจะต้องไปหาหมอทันทีนะครับอค่ะ 2
00:17:35 → 00:17:39 ก็คือเวลาเรามีความรู้สึกผิดปกติเช่นเรา
00:17:39 → 00:17:41 รู้สึกว่าเราเอ๊ะเป็นชาหรือเปล่าอันดับ
00:17:41 → 00:17:43 แรกเทสสวว่ามันชาจริงมั้ยอะไรอย่าเงี้นะ
00:17:43 → 00:17:45 ครับบางอย่างบางทีเราไปเค้าเรียกว่าอะไร
00:17:45 → 00:17:48 ไปออกกำลังกายไปยกของหนักมีอาการปวด
00:17:48 → 00:17:51 เมื่อยกล้ามเนื้อก็รู้สึกแบบตึงๆชาๆอะไร
00:17:51 → 00:17:54 ประมาณเในิอาจจะเป็นแค่อาการอาการปวด
00:17:54 → 00:17:57 กล้ามเนื้อระบมอะไรนี้ก็ได้นะครับเราก็
00:17:57 → 00:17:59 เทสดูด้วยตัวเองก่อนว่าเราเรามีอาการชา
00:17:59 → 00:18:02 จริงมซึ่งอย่างที่บอกคำว่าชาทางการแพร่
00:18:02 → 00:18:04 คืออย่างน้อยต้องมีความรู้สึกที่มันลด
00:18:04 → 00:18:06 น้อยลงนะครับเราจะรู้ได้ไงว่าลดน้อยลงเรา
00:18:06 → 00:18:08 ก็เทียบกับข้างที่มันปกติเช่นเรารู้สึก
00:18:08 → 00:18:12 ว่าชามือขวาเงี้ยฮะเราก็เอาไมิฟันจิ้ม
00:18:12 → 00:18:15 จิ้มมือซ้ายกับมือขวาเรานะครับด้วน้ำหนัก
00:18:15 → 00:18:17 ที่ใกล้เคียงกันนะครับความรู้สึกมันแตก
00:18:17 → 00:18:20 ต่างกันมนะครับหรือถ้าไม่มีอุปกรณ์ก็เอา
00:18:20 → 00:18:22 มือรูบก็ได้ครับรูปมือซ้ายมือขวาดูว่าแตก
00:18:22 → 00:18:26 ต่างกันมยนะครับอครับนะฮะถ้าชาจริงก็แปล
00:18:26 → 00:18:28 ว่ามันมีความผิดติดลอันนี้ก็ต้องควรมาคบ
00:18:28 → 00:18:30 แพทยะนะครับ
00:18:30 → 00:18:34 ออือการพบแพทย์พอเราไปพบแพทย์แล้วเนี่ย
00:18:34 → 00:18:38 แพทย์จะวินิจฉัยขนาดไหนครับต้องต้องตรวจ
00:18:38 → 00:18:41 กันยุ่งยากมใช่ตวัตรวจร่างกายครับก็จะ
00:18:41 → 00:18:45 แพทเทิร์นก็จะคล้ายๆกันก็จะเอ่อก็จะถามใน
00:18:45 → 00:18:47 ลักษณะที่ว่า 1 อาการชามันเป็นมานานหรือ
00:18:47 → 00:18:51 ยังอะไรพวกนี้นะครับ 2 มันเป็นสม่ำเสมอ
00:18:51 → 00:18:55 ครับเป็นตลอดเลยหรือเป็นๆหายๆนะครับนะ 3
00:18:55 → 00:18:57 ก็จะดูว่าไอ้ตำแหน่งที่ชาเนี่ยเป็น
00:18:57 → 00:19:01 ตำแหน่งไหนบ้างนะครับนะแล้วก็สีก็คือจะดู
00:19:01 → 00:19:05 ว่าสร่างกายดูตรงนมีอาการชาหรือมีความรู้
00:19:05 → 00:19:07 สึกลดน้อยลงจริงมยนะครับตรงนี้นะครับหัง
00:19:08 → 00:19:11 ฉะนั้นแพก็จะดูว่ามันอ่าสาเหตุของรอยของ
00:19:11 → 00:19:14 ของอาการชามันน่าจะเกิดจากอะไรเช่นอ่ะมัน
00:19:14 → 00:19:18 อาจจะเกิดจากความผิดติที่ในสมองในไข่สัน
00:19:18 → 00:19:21 หลังในรากประสานหรือเส้นประสานคุณหมอก็จะ
00:19:21 → 00:19:25 ทำการถ้าดูรับมีความผิดจริงนะครับนะก็จะ
00:19:25 → 00:19:28 ทำการส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุต่อไป
00:19:28 → 00:19:31 จะเห็นว่าจริแล้วสาเหตุของอาการชานี่มัน
00:19:31 → 00:19:34 ครอบจักรวาลมากนะครับแล้วก็สในแต่ละ
00:19:34 → 00:19:39 ตำแหน่งมันก็ไม่เหมือนกันนะครับค่ะพอคุณ
00:19:39 → 00:19:42 หมอบอกว่าสาเหตุของอาการชามันครอบจักรวาล
00:19:42 → 00:19:47 มากในฐานะคนป่วยเ่อเราสามารถจดบันทึกอะไร
00:19:47 → 00:19:49 หรือว่ามีข้อแนะนำอะไรสำหรับคนที่กำลัง
00:19:49 → 00:19:54 ฟังอยู่ถ้าเริ่มเกิดอาการชาจดบันทึกอะไร
00:19:54 → 00:19:56 ได้บ้างเพื่อเป็นประโยชน์กับคุณคุณหมอใน
00:19:56 → 00:19:59 การวินิจฉัยตอนที่ไปพบแพทย์มั้ยคะก็
00:19:59 → 00:20:03 สังเกตว่าสังเกตว่ามันมีตำแหน่งที่บริเวณ
00:20:03 → 00:20:07 ชาเนี่ยคือตำแหน่งไหนนะครับอืค่ะอ่าเ่อ
00:20:07 → 00:20:11 เป็นที่บอกว่าชามือซ้ายนะครับนะสมมติว่า
00:20:11 → 00:20:14 สมมติว่าชามือซ้ายก็ต้องชาดูอชาที่ที่
00:20:14 → 00:20:17 ปลายนิ้วมืออย่างเดียวเลยหรือเปล่าหรือชา
00:20:17 → 00:20:21 ที่ต้นแขนหรือว่าตรงตรงแขนด้วยนะครับนะ
00:20:21 → 00:20:24 ตรงไม่ใจเเรียกว่าอะไรเอ่อตรงไรหรือว่า
00:20:24 → 00:20:28 ตรงตรงท่อนแขนนะครับหรือตรงมือือฝ่ามือ
00:20:28 → 00:20:30 ร่วมด้วยหรือเปล่าหรือแค่เฉพาะปลายนิ้ว
00:20:30 → 00:20:32 มืออย่างเดียวอะไรพวกนี้นะครับนะค่ะแล้ว
00:20:32 → 00:20:34 ก็ถ้าสมมุติว่าชาปลายนิ้วมืออย่างเดียวก็
00:20:34 → 00:20:37 ต้องสังเกตดูว่าเอ๊ะมันชาเอ่อที่ปลายนิ้ว
00:20:37 → 00:20:39 มือด้านไหนเป็นพิเศษเช่นนิ้วโป้งนิ้วชี้
00:20:40 → 00:20:42 นิ้วกลางหรือว่าเป็นนิ้วนางกับนิ้วก้อยนะ
00:20:42 → 00:20:46 ครับนะมันชาทางด้านฝามือเลยมยหรือชาชาแค่
00:20:46 → 00:20:49 ด้านหลังมือด้วยหรือเปล่าอะไรพวกเยนะครับ
00:20:49 → 00:20:53 นะแล้วก็อค่ะนอกจากชาที่บริเวณที่เขาเล่า
00:20:53 → 00:20:55 ให้ฟังะมันมีอาการชาที่ตำแหน่งอื่นมั้ย
00:20:55 → 00:20:59 ที่ขาด้วยมั้ยขาหรือว่าที่ใหน้าที่รับตัว
00:20:59 → 00:21:02 ได้หรือเปล่าอะไรพวกนี้นะครับอก็คือ 1 ก็
00:21:02 → 00:21:04 คือสังเกตว่าตำแหน่งมันเป็นที่ตำแหน่งไหน
00:21:04 → 00:21:07 บ้างนะครับ 2 ก็อาการมันเป็นตลอดหรือมัน
00:21:07 → 00:21:10 เป็นเป็นหายๆถ้ามันเป็นหายๆักจะเป็นเวลา
00:21:10 → 00:21:13 ไหนอะไรพวกเนะครับนะค่ะ 3 ก็คือมีอาการ
00:21:13 → 00:21:15 ร่วมอย่างอื่นด้วยมเช่นมีอาการอ่อนแรง
00:21:15 → 00:21:19 หรือเปล่านะครับนะเช่นถ้ามือเราสังเกตได้
00:21:19 → 00:21:21 ไงเราสังเกตว่าเราใช้งานมือได้ผิดปกติม
00:21:21 → 00:21:24 เช่นจับปากกาเขียนหนังสือได้ปกติหรือ
00:21:24 → 00:21:28 เปล่าติดกระดุมได้ปกติมยเปิดขวดได้ปกติ
00:21:28 → 00:21:31 หรือเปล่าหรือว่าเราอ่อนแรงที่ต้นแขนมั้
00:21:31 → 00:21:33 ก็สังเกตจากการที่เราสามารถยกมือขึ้นมา
00:21:33 → 00:21:36 แปงฟันผมหรือถอดเสื้อได้หรือเปล่าอะไร
00:21:36 → 00:21:40 ประมาณนี้นะครับอต้องต้องเป็นอาการเป็น
00:21:40 → 00:21:42 อาการประกอบเพราะว่าคุณหมอก็ต้องใช้ใช้
00:21:42 → 00:21:45 อาการหลายๆอย่างมามาประกอบร่วมกันในการ
00:21:45 → 00:21:49 วินิจฉัยนะครับอืค่ะก็ถือว่าการจดบันทึก
00:21:49 → 00:21:51 รายละเอียดเหล่าเนี้ยเป็นประโยชน์มากกับ
00:21:51 → 00:21:55 การวินิจฉัยเพราะว่าเวลาไปเจอคุณหมอเนี่ย
00:21:55 → 00:21:57 อย่างตัวขวัญเองเวลาเจอคุณหมอเนี่ยจะมี
00:21:57 → 00:22:02 อาการสตันว่าเกิดขึ้นเอ๊ะอาการนี้อะไรยัง
00:22:02 → 00:22:05 ไงกี่นาทีนิ้วไหนอะไรยังไงอย่างเงี้ย
00:22:05 → 00:22:08 อันเนี้ยจริงๆแล้วคือถ้าคุณผู้ฟังแบบ
00:22:08 → 00:22:11 สามารถเอ่อพอเป็นแล้วก็จดบันทึกได้เลย
00:22:11 → 00:22:15 เนี่ยถือว่าเป็นประโยชน์มากเลยสำหรับการ
00:22:15 → 00:22:18 วินิจฉัยโรคซึ่งตรงนี้เนี่ยเอ่อเขาคควรจด
00:22:18 → 00:22:22 บันทึกยาวนานแค่ไหนสำหรับอาการที่คุณหมอ
00:22:22 → 00:22:26 กล่าวมาเมื่อสักครู่เพื่อที่แบอ่ะมันมัน
00:22:26 → 00:22:28 มันเริ่มละต้องไปหาหมอละ 1 สัปดาห์พอมั้ย
00:22:29 → 00:22:33 คะอืจริงๆถ้าคนไข้ถ้าคนไข้คิดว่ามันเป็น
00:22:33 → 00:22:36 แบบเอ่อเป็นแบบผิดปติชัดเจนก็ก็ควรไปพบ
00:22:36 → 00:22:38 แพทย์เลยอนะครับนะมันคงไม่ได้มีระยะเวลา
00:22:38 → 00:22:41 ชัดเจนหรอกครับว่าต้องว่าต้องนานแค่ไหนนะ
00:22:41 → 00:22:45 ครับอือครับอันดับแรกคือคือเช็คก่อนว่า
00:22:45 → 00:22:47 ที่ที่ผมพยายามเน้นคือเช็คก่อนว่ามันมัน
00:22:47 → 00:22:49 ใช่อาการชาจริงหรือเปล่ามันไม่ใช่แบบว่า
00:22:49 → 00:22:52 เราไปเอ่อยกของแบบบางคนไปออกกำลังกายงๆ
00:22:52 → 00:22:56 เกิดพฤติกรรตตึงอะไรพวกนี้ใช่ครับตึงๆปวด
00:22:56 → 00:22:58 เมื่อยเพึ่งอาจจะไม่ใช่อาการช้าก็ได้
00:22:58 → 00:23:00 อย่างงี้นะครับอันดับแรกเราต้องเคลียร์
00:23:00 → 00:23:02 ก่อนว่ามันใช่อาการชาหรือเปล่าอือนะครับ
00:23:02 → 00:23:05 เพราะว่าชาภาษาไทยมันมันเป็นคำเหมือนครอบ
00:23:05 → 00:23:08 จักรวาลเลยคือรู้สึกอะไรผิดปกติก็รู้สึก
00:23:08 → 00:23:10 ก็ชาแล้วยุ๊บๆๆๆตามอยู่นก็ชาอะไรประมาณ
00:23:10 → 00:23:17 เนี้ยนะครับนะชครับอืก็ก็ต้องคือติต่าง
00:23:17 → 00:23:19 เองไม่ได้อย่าไปติต่างเองเพราะว่าเดี๋ยว
00:23:19 → 00:23:22 จะไปกันใหญ่ใช่มั้ยคุณหมอเพราะว่าเพราะ
00:23:22 → 00:23:24 ว่าต้องเข้าใจก่อนว่าอาการชาเนี่ยมันเป็น
00:23:24 → 00:23:27 สิ่งที่คนไข้คนไข้คนไข้เอ่อเค้าเรียกว่า
00:23:27 → 00:23:30 ไงเป็นสิ่งที่มันจับต้องไม่ได้เนาะเวลา
00:23:30 → 00:23:33 เวลาเวลามาตรวจอะไรพวกเนะครับเป็นสิ่งที่
00:23:33 → 00:23:36 คนไข้อเป็นคนประเมินแล้วก็เล่าให้เราฟัง
00:23:36 → 00:23:40 งั้นถ้าเราได้แบบความชัดเจนได้รูปแบบ
00:23:40 → 00:23:42 ตำแหน่งอะไรเงี้ยก็ช่วยในการวินิจฉัยได้
00:23:42 → 00:23:45 ดีขึ้นนะครับอคือคือถ้าถ้ามันผิดปกติ
00:23:45 → 00:23:48 อย่างเช่นอ่าอย่างเช่นถ้าเราสงสัยพวกสตก
00:23:48 → 00:23:52 เงี้ยก็ควรต้องมาเลยนะครับนะอออฮึครับ
00:23:52 → 00:23:55 เนาะแต่ถ้ามันแบบเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป
00:23:55 → 00:23:57 ค่อยๆเป็นมากขึ้นเรื่อยๆอันนี้ก็อาจจะไม่
00:23:57 → 00:24:00 ไม่ได้รีบรอนมากถูกมั้ยครับอือแต่ถ้าเกิด
00:24:00 → 00:24:02 เช่นว่าเมื่อวานยังปกติอยู่เลยแล้ววันนี้
00:24:02 → 00:24:04 ตื่นเช้ามาแล้วมันชาซึ่งซีกเลยอย่างเงี้ย
00:24:04 → 00:24:07 อันนี้ก็ต้องรีบมาเลยนะครับนอกจากอาหาร
00:24:08 → 00:24:10 กลุ่มที่คุณหมอบอกว่าเป็นพวกข้าวไม่ขัดสี
00:24:11 → 00:24:14 หรืออาหารธัญพืชต่างๆเนี่ยงวิตามินบีนี่
00:24:14 → 00:24:17 มันอยู่ในเ่ออาหารกลุ่มอื่นๆอีกมั้ยคะก็
00:24:17 → 00:24:20 จะมีในพวกเนื้อสัตว์นะครับผลิตภัณฑ์จาก
00:24:20 → 00:24:23 สัตว์นะครับทั้งไข่ทั้งนมชีสอะไรเนะครับ
00:24:23 → 00:24:26 ก็ก็ก็อยู่ก็มีวิตามิน B 122 หมดเลยนะ
00:24:26 → 00:24:29 ครับเนื้อหมูเนื้อไก่เนื้อปลาอะไรพนี้นะ
00:24:29 → 00:24:34 ครับค่ะอ๋อถ้าครบ 5 หมู่ก็ไม่น่ากวใช่
00:24:34 → 00:24:37 ครับใช่ครับถ้ากบที่มีความเสียงนจะเป็น
00:24:37 → 00:24:40 กลุ่มที่ผู้สูงอายุที่เอ่ออาจจะมีการกิน
00:24:40 → 00:24:43 เจหรือกินมังสวิรัตเลยอะไรพวกนี้นะครับ
00:24:43 → 00:24:46 หรือว่ากลุ่มที่เ่อผู้สูงอายุที่มีปัญหา
00:24:46 → 00:24:50 เรื่องฟันที่เค้าเค้าเรียกไงดีฟันเาไม่ดี
00:24:50 → 00:24:53 เนาะก็เคี้ยวอาหารไม่เคี้ยวเนื้อสัตว์
00:24:53 → 00:24:55 ลำบากอะไรพวกนี้นะครับก็ทานเนื้อสัตว์
00:24:55 → 00:24:57 น้อยลงก็อาจจะมีโอกาสที่ขาดวิตามินบีได้
00:24:57 → 00:25:01 มากกลุ่มทั่วๆไปนะครับอืค่ะเพราะว่ากลุ่ม
00:25:01 → 00:25:04 ผู้สูงอายุหลายท่านอาจจะแบบเบื่อการ
00:25:04 → 00:25:06 เคี้ยวอาหารอะไรอย่าเงี้ยค่ะเพราะว่าเอ่อ
00:25:06 → 00:25:09 พอเหมือนไม่มีความสุขกับการรับประทานอาจ
00:25:09 → 00:25:11 จะต้องแบบอาจจะทานอาหารอ่อนอะไรอย่าง
00:25:11 → 00:25:14 เงี้ยก็เลยแบบครับไม่ไม่มีความหลากหลาย
00:25:14 → 00:25:17 ของอาหารมากนักใช่มั้ยคะอาจต้องใช้วิธี
00:25:17 → 00:25:19 ว่าเพราะส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาเรื่องฟันใช่
00:25:19 → 00:25:22 มั้ยฮะแบบฟันไม่ดีไม่แล้วก็เคี้ยวเนื้อ
00:25:22 → 00:25:25 ไม่ได้ต้องใช้วิธีว่าสับสับหรือสัตวอ๋อ
00:25:25 → 00:25:27 สับให้ละเอียดสับให้ละเอียดแทนเพื่อให้เ
00:25:27 → 00:25:30 สามารถทาได้เลยแล้วก็ย่อยลงย่อยได้นะครับ
00:25:30 → 00:25:33 โดยที่ไม่ต้องเคี้ยวนะครับเขาบอกตอนนี้
00:25:33 → 00:25:36 น้ำหนักตัวขึ้นเยอะและปวดชาร้าวลงขามาก
00:25:36 → 00:25:43 ขึ้นควรเอ่อเขาควรลด bcx ลงยเอ่อเขาบอก
00:25:43 → 00:25:46 ใช้ประสิทธิ์ประกันสังคมหมอเลยไม่ค่อยสน
00:25:46 → 00:25:49 ใจเลยเลยไม่อยากไปหาหมอแล้วเอ่อแนะนำยัง
00:25:49 → 00:25:53 ไงดีครับคุณหมอก็จริงๆจริงๆคุณหมอก็คงให้
00:25:53 → 00:25:56 ให้เพื่อเสริมๆไว้อ่ะนะครับพูดพูดกันตาม
00:25:56 → 00:25:59 ตรงแต่จถ้าจริงๆอาการมันสาเหตุมันเกิดจาก
00:25:59 → 00:26:01 หนอนรองกระดูกท้เส้นประสานนะครับมันไม่
00:26:01 → 00:26:03 ได้เกิดจากการาดสารอาหารเพนั้นการให้
00:26:03 → 00:26:06 วิตามินมันก็อาจจะไม่ได้ช่วยไปช่วยอะไร
00:26:06 → 00:26:08 มากนักอือแต่ว่าการรักษาจริงๆก็คงต้องไป
00:26:08 → 00:26:11 ดูเรื่องของการผ่าตัดว่าจะสามารถผ่าตัด
00:26:11 → 00:26:14 ไอ้ตัวหมอนกระดุกที่กดตัดได้หรือเปล่านะ
00:26:14 → 00:26:19 ครับอืกอาการชาเวลาเหมือนกรณีที่เอ่อหมอน
00:26:19 → 00:26:24 รองกระดูกทับเส้นประสาทเนี่ยเราคือมัน
00:26:24 → 00:26:28 เป็นบ่อยแล้วถ้ามันไม่หายเนี่ยคือคนไข้จะ
00:26:28 → 00:26:32 มีสัญญาณอันตรายจุดไหนที่ต้องต้องแบบมัน
00:26:32 → 00:26:35 ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วคะคุณหมอคืออย่างอย่าง
00:26:35 → 00:26:39 ที่ของคนไข้ที่ที่ที่คุณผู้ฟังทางบ้านเขา
00:26:39 → 00:26:42 ส่งส่งส่งข้อความมานะครับอันอันอารเขได้
00:26:42 → 00:26:44 กับหมอรกระดูกทับเส้นประสาทนะครับก็พวก
00:26:45 → 00:26:48 นี้ก็จะมีอาการแบบปวดเอวล้าลงขานะครับนะ
00:26:48 → 00:26:51 อาจจะมีอาการชาร่วมด้วยอาจจะมีอาการอ่อน
00:26:51 → 00:26:53 แรงร่วมด้วยนะครับถ้ามันเป็นไม่มากก็จะ
00:26:53 → 00:26:56 เป็นเป็นเหายนะครับแล้วก็ส่วนใหญ่พรุ่ง
00:26:56 → 00:26:59 นี้ก็จะเป็นเยอะเวลาแบบยืนนานๆหรือว่า
00:26:59 → 00:27:02 เดินนานๆพอนั่งพักสักพักก็จะดีขึ้นนะครับ
00:27:02 → 00:27:05 แล้วพอไปยืนไปเดินใหม่ก็จะมีอาการใหม่นะ
00:27:05 → 00:27:07 ครับอันนี้ก็ต้องไปตรวจลนะครับเพราะมันมี
00:27:07 → 00:27:10 อาการปวดะนะครับก็ต้องไปดูว่ามันมี
00:27:10 → 00:27:14 ความความผิดปติถาวรมั้ยใชชมีอาการชามยรือ
00:27:14 → 00:27:17 มีการอ่อแรงร่วมด้วยมั้ยนะครับอือทีนี้
00:27:17 → 00:27:20 ถ้าเกิดว่ามันมีความรุนแรงมากนะครับนะมัน
00:27:20 → 00:27:23 ก็จริงๆการรักษาก็ตรงไปตรงมาก็คือต้องผ่า
00:27:23 → 00:27:26 ตัดอ่ะนะครับแต่ว่าอือค่ะต้องยอมรับว่า
00:27:26 → 00:27:30 การผ่าตัดมันก็มีมีหลายปัจจัยเนาะว่าอายุ
00:27:30 → 00:27:35 อะไรพวกเนี้ยโรคประจำตัวนะครับอืในรายที่
00:27:35 → 00:27:38 มีความเสี่ยงสูงคุณหมอเอาจจะไม่ได้ผ่าตัด
00:27:38 → 00:27:41 เาจะเลือกใช้วิธีว่าให้ทานยาแก้ปวดหรือ
00:27:41 → 00:27:45 ว่าทำกายภาพไปอะไรพวกนี้นะครับอนะฮค่ะอัน
00:27:45 → 00:27:47 นี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่คุณหมอเคเ
00:27:48 → 00:27:50 อาจจะไม่ได้ผ่าอะไรเงี้ยนะครับอันนี้ต้อง
00:27:50 → 00:27:52 ต้องต้องให้ให้คุณหมอเประมืออีกทีนึงว่า
00:27:52 → 00:27:55 ความรุนแรงมันมากพอหรือยังเพราะการผ่าตัด
00:27:55 → 00:27:57 ก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะครับอันนี้อัน
00:27:57 → 00:28:00 นี้อันนี้ผมพูดกว้างๆไปก่อนแล้วกันนะครับ
00:28:00 → 00:28:04 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าถ้าคนไข้เอ่อได้รับ
00:28:04 → 00:28:07 การรักษาแบบประคับประคองมาแล้วเช่นเอ่อทำ
00:28:07 → 00:28:12 กายภาพมาแล้วทานยาแก้ปวดแล้วอาจจะใส่ตัว
00:28:12 → 00:28:15 แซพอีกเหมือนกับตัวเข็มขัดที่ซัพพอร์ตตรง
00:28:15 → 00:28:18 เอวตรงหลังแล้วนะครับนะอไม่ดีขึ้นยังมี
00:28:18 → 00:28:21 อาการปวดอยู่ยังมีอาการชาอยู่หรือว่ายัง
00:28:21 → 00:28:24 มีอาการอ่อนแรงร่มด้วยก็ต้องมาคุยเรื่อง
00:28:24 → 00:28:27 ผ่าตัดหรือเปล่านะครับซึ่งซึ่งการผ่าตัด
00:28:27 → 00:28:30 ก็คุณหมอก็ต้องมาประเมินโลคประจำตัวว่า
00:28:30 → 00:28:33 อายุขนาดไหนมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนจะ
00:28:33 → 00:28:36 รับการผ่าตัดไหวมนี้ต้องคุยกันเพราะว่า
00:28:36 → 00:28:39 มันมีการผ่าตัดมันก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย
00:28:39 → 00:28:42 100% ก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะครับตรง
00:28:42 → 00:28:45 นี้นะครับอค่ะครับการทานวิตามินก็อย่าง
00:28:45 → 00:28:48 ที่ที่เรียนนะครับก็เป็นแค่ตัวเสริมอนะ
00:28:48 → 00:28:50 ครับแต่มันไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่ตรงจุด
00:28:50 → 00:28:54 สาเหตุมันเกิดจากการกดทับใช่มั้ยฮะเพรา
00:28:54 → 00:28:57 งั้นถึงทานวิตามินก็คงจะไม่ได้ไม่ได้ไม่
00:28:57 → 00:29:02 ได้ทำให้อาการอาการมันดีขึ้นมันดีขึ้นใช่
00:29:02 → 00:29:04 ครับแต่ไอเดียของการทานวิตามินก็เหมือน
00:29:04 → 00:29:07 กับคนเราถ้าเกิดว่ามีเค้าเรียกว่าอะไรดี
00:29:07 → 00:29:10 มีสุขภาพแข็งแรงไม่ไม่ขาดสารอาหารมันก็
00:29:11 → 00:29:16 ฟื้นตัวดีกว่าคนที่ที่ที่ที่เอ่อที่ไม่
00:29:16 → 00:29:19 ได้มีสารอาหารครบถ้วนใช่่มั้ยคะใช่กับคน
00:29:19 → 00:29:21 ที่ขาดสารอาหารครบถ้วนประมาณนั้นใช่ครับ
00:29:21 → 00:29:23 แต่อย่างที่บอกมันก็จะมีประโยชน์เฉพาะใน
00:29:23 → 00:29:25 คนที่ขาดสารอาหารเท่านั้นเองเพราะอย่าง
00:29:25 → 00:29:28 ที่ผมพยายามเรียนถ้าเรากินอาหารครบ 50,000
00:29:28 → 00:29:30 แล้วแนวโน้มเราไม่ได้ขาดสารอาหารอะไราการ
00:29:30 → 00:29:33 ทางวินามินก็อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักนะ
00:29:33 → 00:29:36 ครับครับแต่ก็เสริมได้แต่ว่าก็อย่างที่
00:29:36 → 00:29:39 บอกก็ปริมาณที่เน้นยำเสมอก็พอเหพอควรจะ
00:29:39 → 00:29:42 เยอะเกินไปประมาณนี้