00:00:10 → 00:00:12 สวัสดีครับผมรองศาสตราจารย์นายแพทย์
00:00:12 → 00:00:15 สุรศักดิ์กันตชเวสิริประธานเครือข่ายรบ
00:00:15 → 00:00:18 บริโภคเค็มวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องรถ
00:00:18 → 00:00:22 เค็มรสโรคเดี๋ยวมีอะไรติดตามเลยนะครับ
00:00:22 → 00:00:25 สถิติการบริโภคโซเดียมของคนไทยในปัจจุบัน
00:00:25 → 00:00:28 เป็นอย่างไรบ้างคะอาจารย์ครับคนไทยบริโภค
00:00:28 → 00:00:31 เค็มเกินความต้องการเนี่ย 1.8 เท่านะครับ
00:00:31 → 00:00:35 ประมาณ 3,6 36 มกรองค์การน้มโลกแนะนำกิน
00:00:35 → 00:00:38 เค็มแค่ 2,000 มิลกรัมต่อวันโซเดียมไม่
00:00:38 → 00:00:40 เกิน 2,000 นะครับโซเดียม 2,000
00:00:40 → 00:00:42 มิลลิกรัมเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชาหรือน้ำ
00:00:42 → 00:00:45 ปลา 4 ช้อนชานะครับอย่างใดอย่างหนึ่งนะ
00:00:45 → 00:00:49 ครับแต่ถ้ากินมากกว่า 1 อย่างก็ต้องลดไป
00:00:49 → 00:00:51 ตามลำดับนั่นนะครับทั้งเครื่องปรุง้าว่า
00:00:51 → 00:00:55 จะเป็นไม่ว่าจะเป็นเกลือน้ำปลาสีอิ๊วผง
00:00:55 → 00:00:57 ชูรสซุปก้อนผงปรุงรสล้วนแต่มีสวยเรทั้ง
00:00:57 → 00:01:01 สิ้นเพราะฉะนั้นก็ทานถ้าทันหลายอย่างก็
00:01:01 → 00:01:03 ต้องลดปริมาณตามลำดับไปนะ
00:01:03 → 00:01:07 ครับการกินเค็มอันตรายอย่างไรและทำให้
00:01:07 → 00:01:11 เกิดโรคอะไรได้บ้างคะการกินเค็มในระยะ
00:01:11 → 00:01:13 สั้นนะครับมันก็จะมีผลนะครับโดยเฉพาะคน
00:01:13 → 00:01:15 ที่มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นความดาโลหิต
00:01:15 → 00:01:18 สูงโรคไตโรคหัวใจอัมพาตนะครับเพราะว่าจะ
00:01:18 → 00:01:21 ทำให้เกิดอาการบวมน้ำน้ำเข้าไปในปอดเกิด
00:01:21 → 00:01:23 ภาวะน้ำท่วมปอดจะมีหายอาการหายใจหอบ
00:01:23 → 00:01:26 เหนื่อยนะครับน้ำท่วมปอดนอนลาบไม่ได้นะ
00:01:26 → 00:01:28 ครับแต่้าระยะยาวก็จะเริ่มความดันโลหิต
00:01:28 → 00:01:30 สูงนะครับหลังจาก 1 อาทิตย์ความนันจะขึ้น
00:01:30 → 00:01:32 และถ้าคนที่ไม่มีโรคประจำตัวเนี่ยอาจจะ
00:01:32 → 00:01:35 ต้องสะสมหน่อยอาจจะ 5 ปี 10 ปีจะเริ่มมี
00:01:35 → 00:01:38 ความดำโลหิตสูงนะครับมีน้ำหนักเกินคนที่
00:01:38 → 00:01:40 กินเค็มมักจะกินหวานมักจะน้ำหนักเกินด้วย
00:01:40 → 00:01:43 นักจะอ้วนด้วยนะครับรวมทั้งจะมีความดัน
00:01:43 → 00:01:46 โลหิตสูงนำไปสู่โรคไตโรคหัวใจอัมพฤก
00:01:46 → 00:01:48 อัมพาตในอรย 5 ปี 10 ปีต่อไปนะครับเพราะ
00:01:48 → 00:01:50 ฉะนั้นเนี่ยถ้าเราอยากจะดูแลสุขภาพดีเรา
00:01:50 → 00:01:54 ต้องป้องกันแต่วันนี้นะครับโดยเฉพาะคนที่
00:01:54 → 00:01:56 ทำอาหารกินเองนะครับเราสามารถปรุงอาหาร
00:01:56 → 00:01:59 ที่เหมาะสมได้พ่อแม่ปู่ญาติตายายก็กิน
00:01:59 → 00:02:01 อาหารดีก็ก็จะโอกาสที่เกิดโรค ncd โรคไม่
00:02:01 → 00:02:04 ติดต่อก็จะน้อยลงครับอาหารที่มีส่วนผสม
00:02:04 → 00:02:07 ของโซเดียมเป็นจำนวนมากและควรหลีกเลี่ยง
00:02:07 → 00:02:11 มีอาหารประเภทใดอาหารที่มีโซเดียมสูงนะ
00:02:11 → 00:02:13 ครับอาหารที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นมาจาก
00:02:13 → 00:02:15 เครื่องปรุงรสนะครับไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา
00:02:15 → 00:02:18 ซีอิ๊วเกลือผงชวรสซุปก้อนผงปรุงรสน้ำพริก
00:02:18 → 00:02:21 กะปิปลาร้าต่างๆพวกนี้ก็จะเป็น้วนล้วนแต่
00:02:21 → 00:02:24 มีโซเดียมทั้งสิ้นนะครับแล้วก็อาหารแปร
00:02:24 → 00:02:26 รูปรูปแล้วเป็นไส้กรอกแฮมเบคอนหมูยอแหนม
00:02:26 → 00:02:28 กุนเชียงหมูหยองหมูแผ่นเนื้อเค็มปลาเค็ม
00:02:28 → 00:02:30 ต่างๆเหล่านี้มักจะมีโซเดียมสูงนะครับก็
00:02:30 → 00:02:33 ต้องระมัดระวังรวมทั้งน้ำแกงด้วยเพราะว่า
00:02:33 → 00:02:36 เกลือละลาอยู่ในน้ำก๋วยเตี๋ยวชามนึงจะมี
00:02:36 → 00:02:38 เกลือโซเดียมละลอยู่ในน้ำ 60% นะครับอยู่
00:02:38 → 00:02:41 ที่เส้นอยู่ที่เนื้อสัตว์เหรือผักแค่ 40%
00:02:41 → 00:02:44 นะครับมีข้อสงสัยว่าอาหารที่มีโซเดียมไม่
00:02:44 → 00:02:49 มีรสเค็มจะไม่อร่อยอันนี้จริงหรือไม่คะรส
00:02:49 → 00:02:51 ชาติที่บอกว่าความอร่อยเนี่ยมันมัน
00:02:51 → 00:02:54 โปรแกรมมาตั้งแต่เด็กนะครับคือว่าถ้าพ่อ
00:02:54 → 00:02:56 แม่กินเค็มลูกก็มักจะกินเค็มเพราะฉะนั้น
00:02:56 → 00:02:59 ก็คือว่าปกติในช่วงปีแรกเราไม่ได้ให้ไม่
00:02:59 → 00:03:00 ได้เติมกือเรือไม่ได้เติมเครื่องปรุงรส
00:03:01 → 00:03:02 สำหรับเด็กทารกอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเด็กก็
00:03:02 → 00:03:04 ไม่เคยรู้ถึงความอร่อยจากการกินเค็มแต่
00:03:04 → 00:03:06 ถ้าเกิดพ่อแม่ให้กินเค็มเมื่อไหร่ว่าพ่อ
00:03:06 → 00:03:08 แม่เติมโดยใช้ลิ้นตัวเองเป็นมาตรฐานนะ
00:03:08 → 00:03:11 ครับลูกก็จะกินเค็มตามพ่อแม่นะครับความ
00:03:11 → 00:03:13 อร่อยก็ถูกโปรแกรมในสมองที่ลิ้นว่าจะต้อง
00:03:13 → 00:03:15 กินเค็มเท่าคุณแม่นะครับซึ่งตอนนี้คุณแม่
00:03:16 → 00:03:18 ส่วนใหญ่แล้วโดยเฉลี่ยความความเค็มจะเกิน
00:03:18 → 00:03:19 มาตรฐานไปเกือบ 2 เท่าเลยนะครับเพราะ
00:03:19 → 00:03:22 ฉะนั้นถ้าเราอยากจะให้ลูกเรากินอาหารดีๆ
00:03:22 → 00:03:25 เราปรุงอาหารให้รสชาติอ่อนลงกว่าที่ที่
00:03:25 → 00:03:27 เราเคยกินลูกเราจะได้ไม่ติดเค็มนะครับ
00:03:27 → 00:03:29 แล้วพอเค้าไม่กินเค็มในตอนเด็กพอโตขึ้น
00:03:30 → 00:03:32 เขาก็จะมาตรฐานในการที่จะกินอาหารที่ความ
00:03:32 → 00:03:35 อร่อยในสมองก็จะโปรแกรมว่ากินอาหารที่
00:03:35 → 00:03:38 เค็มน้อยก็อร่อยแล้วนะครับคนที่ติดเค็ม
00:03:38 → 00:03:40 ถามว่าลดได้มั้ยลดได้แต่ค่อยๆลดประมาณ 5
00:03:40 → 00:03:43 -10% ลิ้นเราจะจับไม่ได้ก็ทำให้เอ่อเรา
00:03:43 → 00:03:46 ก็จะเคยชินกับความเค็มที่น้อยลงแล้วต่อ
00:03:46 → 00:03:49 ระยะเวลาสัก 3 สัปดาห์เราก็ลดเค็มลงอีก 5
00:03:49 → 00:03:51 -10% นะครับภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
00:03:51 → 00:03:54 จะลดได้ถึง 30% แล้วก็ยังจะมีความสุขใน
00:03:54 → 00:03:56 การกินเหมือนเดิมเพราะฉะนั้นก็ลดค่อยๆลด
00:03:56 → 00:04:00 ลดทีละน้อยก็จะสามารถลดได้นะครับอาหารที่
00:04:00 → 00:04:04 ควรทานคืออาหารประเภทใดคะอาหารที่ควรจะ
00:04:04 → 00:04:07 กินนะครับในคนที่ดูแลสุขภาพนะครับคือ
00:04:07 → 00:04:09 อาหารที่เค็มน้อยนะครับปรุงแต่งน้อยก็กิน
00:04:09 → 00:04:12 อาหารธรรมชาติธรรมชาติแพทย์บางคนก็เรียก
00:04:12 → 00:04:14 อาหารคลีนน่ะนะครับก็คืออาหารที่ปรุงแต่ง
00:04:14 → 00:04:16 ไม่มากเกลือน้ำปลาซีอิวขาวเนี่ยลดลงสัก
00:04:16 → 00:04:19 ครึ่งนึงผมว่ากำลังจะดีเพราะว่าคนไทยกิน
00:04:19 → 00:04:21 เค็ม 2 เท่าก็ลดลงครึ่งนึงแล้วก็หลีก
00:04:21 → 00:04:24 เลี่ยงพวกเครื่องปรุงรสที่อาจจะไม่จำเป็น
00:04:24 → 00:04:27 อย่างเช่นผงชรสซุปก้อนต่างๆกินน้ำต้มผัก
00:04:27 → 00:04:29 น้ำต้มกระดูกอันนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ที่
00:04:29 → 00:04:32 ปลอดภัยนะครับถ้าเราปรุงอาหารเองเรา
00:04:32 → 00:04:35 สามารถปรุงอาหารตามที่เหมาะสมเค็มน้อย
00:04:35 → 00:04:37 แล้วก็ไม่ใส่เครื่องปรุงรสมากนักไม่ใส่ผง
00:04:37 → 00:04:40 ชูรสมากนักครับเราควรกินเกลือในปริมาณ
00:04:40 → 00:04:44 เท่าไหร่ต่อวันคะคนปกติแนะนำประมาณ 2,000
00:04:44 → 00:04:47 มิลกรัมหรือเกลือเท่ากับ 1 ช้อนชานะครับ
00:04:47 → 00:04:50 เกลือ 1 ช้อนชาจะมีโซเดียม 2,000
00:04:50 → 00:04:52 มิลลิกรัมซึ่งเป็นโซเดียมที่พอเหมาะ
00:04:52 → 00:04:54 สำหรับความต้องการของร่างกายถ้ามากกว่า
00:04:54 → 00:04:56 นั้นก็จะเป็นส่วนเกลือนซึ่งต้องให้ไตทำ
00:04:56 → 00:04:58 งานหนักขึ้นในการขับเกลือส่วนเกลือนออกไป
00:04:58 → 00:05:00 นะครับก็ในระยะยาวก็อาจจะมีผลเสียต่อ
00:05:01 → 00:05:03 สุขภาพต่อการทำงานของไตนะครับเพราะฉะนั้น
00:05:03 → 00:05:06 ถ้าเราดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ก็มีสุขภาพ
00:05:06 → 00:05:09 ดีในวันข้างหน้าแล้วก็เอ่อเราจะสามารถมี
00:05:09 → 00:05:12 อายุยืนยาวเป็นค้นปกติโดยห่างไกลจากโรกไต
00:05:12 → 00:05:14 ไม่ต้องไปล้างไตไม่ต้องเป็นอัมพาตไม่ต้อง
00:05:14 → 00:05:17 ติดเตียงนะครับไม่ต้องเป็นโรคหัวใจวายนะ
00:05:17 → 00:05:19 ครับมีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับในการกิน
00:05:19 → 00:05:22 อาหารที่ดีรสเค็มขณะเดียวกันถ้ารสหวาน
00:05:22 → 00:05:24 ด้วยก็จะดีเพราะรสเค็มอย่างเดียวเนี่ยรส
00:05:24 → 00:05:26 หวานมันจะโดดเพราะอาหารไทยมักจะมีหวานกับ
00:05:26 → 00:05:29 เค็มผสมผสมกันอยู่ถ้าเราลดความเค็มลงความ
00:05:29 → 00:05:32 หวานก็จะจะโดดเด่นขึ้นเพราะฉะนั้นถ้ารถรส
00:05:32 → 00:05:34 เคมรดหวานด้วยก็จะทำให้รรสอาหารกลมกล่อม
00:05:34 → 00:05:37 เหมือนเดิมนะครับไม่ให้หวานโดดเนโดดจน
00:05:37 → 00:05:42 เกินไปครับคำว่าเกลือแฝงคืออะไรเกลือแฝง
00:05:42 → 00:05:44 คือปกติโซเดียมมักจะอยู่ในเกลือที่มีความ
00:05:44 → 00:05:46 เค็มเครื่องปรุงรสที่มีความเค็มน้ำปลา
00:05:46 → 00:05:50 ซีอิ๊วน้ำพริกกะปิปลาร้าต่างๆแต่มีเกลือ
00:05:50 → 00:05:52 บางชนิดที่เป็นโซเดียมที่ไม่มีความเค็ม
00:05:52 → 00:05:54 เขาเรียกว่าเกลือแฝงหรือว่าบางทีเรียก
00:05:54 → 00:05:57 เกลือหวานเช่นผงชูรสก็เป็นโมโนโซเดียม
00:05:57 → 00:06:01 กลูตาเมตนะครับสสารกันบูดนะครับก็จะมีมี
00:06:01 → 00:06:03 โซเดียมเป็นส่วนประกอบเหมือนกันผงฟูนะ
00:06:03 → 00:06:05 ครับที่ใส่ในขนมปังเบเกอรี่นะครับก็เป็น
00:06:05 → 00:06:07 โซเดียมไบคาร์บอเนตพวกนี้ก็เป็นส่วนของ
00:06:07 → 00:06:10 โซเดียมเพราะฉะนั้นเบเกอรี่ที่จริงๆแล้ว
00:06:10 → 00:06:13 คิดว่าเป็นหวานเป็นองค์ประกอบหลักนะจริงๆ
00:06:13 → 00:06:15 แล้วมีความเค็มด้วยนะครับมีโซเดียมด้วยนะ
00:06:15 → 00:06:17 ครับมีทั้งผงฟูแล้วก็บางทีก็ใส่เกลือด้วย
00:06:17 → 00:06:19 นะครับเพราะฉะนั้นถ้าหลีกเลี่ยงหรือทาน
00:06:19 → 00:06:21 เบเกอรี่ให้น้อยลงก็จะดีต่อสุขภาพนะครับ
00:06:21 → 00:06:23 รวมทั้งพวกเครื่องปรุงรสที่ไม่จำเป็นไม่
00:06:23 → 00:06:26 ว่าจะเป็นเ่อซุปก้อนผงปรุงรสหรือว่าเป็น
00:06:26 → 00:06:28 ผงชูรสต่างๆนะครับใส่เท่าที่จำเป็นเท่า
00:06:28 → 00:06:30 นั้นเองครับ
00:06:30 → 00:06:33 วิธีลดเค็มง่ายๆทำได้อย่างไรบ้างคะ
00:06:33 → 00:06:36 อาจารย์การลดเค็มง่ายๆนะครับอันที่ 1
00:06:36 → 00:06:39 อย่าปรุงเพิ่มบนโต๊ะอาหารนะครับปรุงมาจาก
00:06:39 → 00:06:41 ในครัวแบบใดก็กินแบบนั้นนะครับเพราะแม่
00:06:41 → 00:06:44 ครัวมักจะปรุงอาหารให้รสชาติกลมกล่อมอยู่
00:06:44 → 00:06:48 แล้วนะครับโดยเฉพาะบางทีเติมด้วยความเคย
00:06:48 → 00:06:52 ชินนะครับเช่นพริกน้ำปลาน้ำปลาวางอยู่บน
00:06:52 → 00:06:54 โต๊ะก็ยังไม่ทันชิมมก็เติมก่อนนั้นก็ที่ 1
00:06:54 → 00:06:57 ก็อย่าอย่าปรุงเพิ่มถ้าไม่จำเป็นนะครับ
00:06:57 → 00:07:01 อันที่ 2 คือหลีกเลืยงการซดเพราะว่าน้ำ
00:07:01 → 00:07:05 แกงน้ำก๋วยเตี๋ยวน้ำยำน้ำแกงเขียวหวานน้ำ
00:07:05 → 00:07:10 แกงเผ็ดแกงไตปลาแกงเทโพคำว่ามีน้ำทั้ง
00:07:10 → 00:07:12 หลายทั้งสิ้นนะครับจะมีโซเดียมสูงเพราะ
00:07:12 → 00:07:15 เกลือละลายอยู่ในน้ำนะครับกินส้มตำกิน
00:07:15 → 00:07:18 มะละกอกินผักได้นะแต่น้ำส้มตำอย่าเอาข้าว
00:07:18 → 00:07:20 เหนียวไปจิ้มแล้วมากินนะครับเพราะว่าจะมี
00:07:20 → 00:07:23 โซเดียมค่อนข้างสูงนะครับแล้วก็น้ำแกงเรา
00:07:23 → 00:07:26 ก็ซดน้อยๆนะครับถ้าลดซดน้ำแกงจะอาจจะลด
00:07:26 → 00:07:30 เกลือได้ถึง 30 40% แล้วที่ลดการบริโภค
00:07:30 → 00:07:32 น้ำแกงนะครับหรือถ้าไม่กินเลยจะลดึงได้
00:07:32 → 00:07:35 ถึง 50 60% กินเฉพาะเส้นกินผักกินเนื้อ
00:07:35 → 00:07:37 สัตว์เท่านั้นก็จบเลยนะครับรวมทั้งเวลา
00:07:37 → 00:07:39 กินอาหารนอกบ้านก็ต้องบอกแม่ค้านิดนึง
00:07:39 → 00:07:41 เพราะว่าถ้าไม่ไม่บอกเจะจัดเต็มนะครับไม่
00:07:41 → 00:07:43 ใส่เครื่องปรุงทุกชนิดเพราะฉะนั้นก็ต้อง
00:07:43 → 00:07:45 บอกว่ารถเค็มเ่อเค็มน้อยแล้วก็ไม่ใส่พง
00:07:45 → 00:07:48 ชูรสนะครับอันนั้นก็จะช่วยในการที่จะลด
00:07:48 → 00:07:50 การบริโภคเค็มรวมทั้งเวลาไปซื้ออาหารแล้ว
00:07:50 → 00:07:52 ก็ดูปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารก็จะมี
00:07:53 → 00:07:55 เขียนฉลากหน้าซองผลิตภัณฑ์นะว่าโซเดียม
00:07:55 → 00:07:57 กี่มิลิกรัมมันจะเป็นตารางตารางสุดท้าย
00:07:57 → 00:08:00 ของเ่อหน้าผลิตภันจะมีเขียนว่าโซเดียมกี่
00:08:00 → 00:08:02 มิลลิกรัมและมีเปอร์เซ็นต์ด้วยเป็นร้อยละ
00:08:02 → 00:08:04 ของความต้องการของแต่ละวันนะครับถ้าเป็น
00:08:04 → 00:08:07 อาหารจานหลักก็ไม่ควรเกิน 30% ของความ
00:08:07 → 00:08:09 ต้องการของแต่ละวันเพราะเป็น 1 มือเท่า
00:08:09 → 00:08:12 กับ 30% ถ้าเป็นขนมกุบกรอบก็ไม่ควรจะเกิน
00:08:12 → 00:08:15 ประมาณสัก 10% นะครับก็คือว่าไม่เกินสัก
00:08:15 → 00:08:18 150 มิลลิกรัมหรก็ถ้ามี 1 ซองแบ่งกันกิน
00:08:18 → 00:08:20 2 คนก็จะทำให้ได้รับโซเดียมน้อยลงไปซึ่ง
00:08:20 → 00:08:23 ก็จะดีต่อสุขภาพนะครับการรณรงคเพื่อ
00:08:24 → 00:08:27 กระตุ้นให้ประชาชนลดบริโภคเค็มในช่วงที่
00:08:27 → 00:08:29 ผ่านมาประสบความสำเร็จมากน้อยแค่แไหนคะ
00:08:29 → 00:08:33 อาจารย์ครับการดำรงลดการบริโภคโซเดียมลด
00:08:33 → 00:08:35 บริโภคเค็มนะครับ 10 ปีที่ผ่านมาแลได้รับ
00:08:35 → 00:08:37 ความร่วมมืออย่างดีจากสสสองค์การอนามัย
00:08:37 → 00:08:41 โรคกระทรวงสาธารณสุขแล้วก็ภาครัฐภาคเอกชน
00:08:41 → 00:08:43 นะครับรวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆนะครับใน
00:08:43 → 00:08:45 การที่จะให้ประชาชนตื่นตัวในการรดบริโภค
00:08:45 → 00:08:48 เรือโซเดียมก็พบว่าคนไทยกินเค็มน้อยลง
00:08:48 → 00:08:50 กว่าเดิมนะฮะประมาณ 15% ในระยะ 10 ปีที่
00:08:50 → 00:08:53 ผ่านมาครับเราได้รับความร่วมมือจากทุกภาค
00:08:53 → 00:08:55 ส่วนนะครับภาคผู้ผลิตก็มีการผลิตเครื่อง
00:08:55 → 00:08:58 ปรุงรถโซเดียมออกมาขายเลตลาดมากมายไม่ว่า
00:08:58 → 00:09:00 จะเป็นน้ำปลารถโซเดียมสิวขาวรสโซเดียม
00:09:00 → 00:09:03 เกลือรสโซเดียมรวมทั้งอาหารต่างๆไม่ว่าจะ
00:09:03 → 00:09:06 เป็นบหมี่กืสำเร็จโจ๊กอะไรต่างๆพวกนี้ก็
00:09:06 → 00:09:08 มีการปรับสูตมีสูตรลดโซเดียมสำหรับให้
00:09:08 → 00:09:11 เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคนะครับรวม
00:09:11 → 00:09:13 ทั้งผมคิดว่าประชาชนก็ตื่นตัวมากขึ้นนะ
00:09:13 → 00:09:16 ครับคนก็เริ่มกินเค็มน้อยลงคนไทยบางคนก็เ
00:09:16 → 00:09:18 เริ่มเริ่มปรุงน้อยลงและนะครับแล้วก็ไป
00:09:18 → 00:09:20 สั่งอาหารบอกขอเค็มน้อยนะครับอันนี้ก็
00:09:20 → 00:09:22 เป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นนะครับเพราะว่าคนไทย
00:09:22 → 00:09:25 ก็ถ้ากินเคมมากๆก็จะมีโรคไตตอนนี้ก็เป็น
00:09:25 → 00:09:28 โรคไตเป็นอหาหลักของประเทศนะครับมีคนที่
00:09:28 → 00:09:30 ป่วยเป็นโรคไตต้องล้างไตเสียค่าใช้จ่าย
00:09:30 → 00:09:33 มากมายปีนึงอย่างต่ำ 2-3 หมื่ล้านนะครับ
00:09:33 → 00:09:35 เป็นค่าล้างไตอย่างเดียวซึ่งก็คิดว่าเป็น
00:09:35 → 00:09:39 อันที่เป็นภาระที่สำคัญทางงบประมาณนนะ
00:09:39 → 00:09:41 ครับถ้าไม่เป็นจะดีซะกว่าป้องกันจะดีกว่า
00:09:41 → 00:09:44 รักษานะครับอยากให้อาจารย์ฝากเตือนประชา
00:09:44 → 00:09:48 ชนในเรื่องของการลดบริโภคเค็มค่ะคือก็ฝาก
00:09:48 → 00:09:52 ถึงประชาชนนะครับคือเรากินอะไรเราก็ได้
00:09:52 → 00:09:53 แบบนั้นเหลือ ur what you eat นะครับ
00:09:53 → 00:09:57 เพราะฉะนั้นถ้าเรากินอาหารดีดีต่อสุขภาพ
00:09:57 → 00:09:59 อนาคตเราก็ไม่ป่วยเราก็ไม่ไม่ต้องไปโรง
00:09:59 → 00:10:02 พยาบาลเราก็ไม่ต้องไปกินยาแพงๆรักษาความ
00:10:02 → 00:10:05 ดันเบาหวานไม่ต้องไปล้างไตค่าใช้จ่ายมาก
00:10:05 → 00:10:09 มายนะครับถ้าเราดูแลตัวเองก็ดีต่อตัวเอง
00:10:09 → 00:10:12 แล้วก็ดีต่อครอบครัวด้วยโดยเฉพาะแม่แม่
00:10:12 → 00:10:17 บ้านถ้าทำอาหารดีลูกบ้านก็สุขภาพดีพ่อแม่
00:10:17 → 00:10:19 ก็สุขภาพดีตัวเองก็สุขภาพดีสามีก็สุขภาพ
00:10:19 → 00:10:24 ดีนะครับคนที่ทำอาหารก็ถ้าเราทำอาหารดี
00:10:24 → 00:10:27 ลูกค้าเราก็ไม่ป่วยก็มีชีวิตยืนยาวก็เป็น
00:10:27 → 00:10:29 ลูกค้าเราได้นานๆนะครับธุรกิจอาหารอก็
00:10:29 → 00:10:33 เหมือนกันถ้าทำอาหารดีคนที่เป็นลูกค้าก็
00:10:33 → 00:10:35 จะสุขภาพดีด้วยแล้วก็ดีต่อชื่อเสียงแล้ว
00:10:35 → 00:10:38 เราก็ได้ทำบุญด้วยนะครับเพราะฉะนั้นผมคิด
00:10:38 → 00:10:40 ว่าก็เป็นอันที่เราอยากให้ประชาชนทุกคนมี
00:10:40 → 00:10:45 สุขภาพดีนะครับก็มาร่วมงานอ่อ 10 ปีผลงาน
00:10:45 → 00:10:47 ของเครือข่ายรถบริโภคเค็มนะครับซึ่งเป็น
00:10:47 → 00:10:49 ผลงานของทุกๆคนทุกๆภาคส่วนนะครับมาที่
00:10:49 → 00:10:51 เซ็นทรัล World วันที่ 4 56 ธันวาคมนะ
00:10:51 → 00:10:54 ครับก็จะมีกิจกรรมมากมายกิจกรรมให้ความ
00:10:54 → 00:10:57 รู้นะครับผลงานต่างๆนิทัศการต่างๆกิจกรรม
00:10:57 → 00:11:01 บนเวทีนะครับโดยศิลปินต่างๆผู้มีชื่อ
00:11:01 → 00:11:03 เสียงเชฟผู้มีชื่อเสียงในการทำอาหารที่
00:11:03 → 00:11:06 เค็มน้อยและอร่อยด้วยนะครับซึ่งอันนี้
00:11:06 → 00:11:08 ต้องมีเทคนิคค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะใช้
00:11:08 → 00:11:11 สมุนไพรไม่ว่าจะเทคนิคต่างๆนะครับรวมทั้ง
00:11:11 → 00:11:15 มีเกมให้เด็กๆเยาวชนได้เล่นด้วยนะครับ
00:11:15 → 00:11:18 ลิ้นคุณเค็มแค่ไหนอ่าความความสามารถในการ
00:11:18 → 00:11:21 รับรถของความเค็มของลิ้นคุณเป็นอย่างไรนะ
00:11:21 → 00:11:24 ครับมีเกมให้เล่นด้วยสนุกๆนะครับมีการ
00:11:24 → 00:11:27 ประกวดกิจกรรมศิลปะนะครับรณรงค์รถเค็ม
00:11:28 → 00:11:32 สำหรับทั้งคนเด็กเยาวชนนักเรียนนักศึกษา
00:11:32 → 00:11:35 นะครับไปประกวดศิลปะแล้วก็มาดูศิลปะสวยๆ
00:11:35 → 00:11:38 งามๆนะครับของผลงานของเยาวชนของคนไทยใน
00:11:38 → 00:11:41 การที่จะรณรงค์การลดการกินเค็มลดบริโภค
00:11:41 → 00:11:45 โซเดียมนะครับลดเค็มลดโรคนะครับลดซดอัน
00:11:45 → 00:11:47 นี้ก็จะทำให้สุขภาพดีแล้วก็อยากให้ประชา
00:11:47 → 00:11:50 ชนคนไทยนสุขภาพดีทุกๆคนนะครับเริ่มตั้ง
00:11:50 → 00:11:53 แต่วันนี้นะครับเพื่อจะเป็นสุขภาพที่ดีใน
00:11:53 → 00:11:56 อนาคตทั้งตัวเองและครอบครัวแล้วก็สังคม
00:11:56 → 00:11:57 ไทย
00:11:57 → 00:12:01 ครับ
00:12:01 → 00:12:05 tn and Health เราจะรวบรวมความรู้ทาง
00:12:05 → 00:12:08 ด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
00:12:08 → 00:12:11 พร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็น
00:12:11 → 00:12:15 สุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของ
00:12:15 → 00:12:17 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้าน
00:12:17 → 00:12:21 ต่างๆ tn and Health เข้าถึงทุกสาระ
00:12:21 → 00:12:25 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:12:25 → 00:12:27 [เพลง]
00:12:27 → 00:12:29 โรค
00:12:29 → 00:12:56 [เพลง]