00:00:09 → 00:00:25 [เพลง]
00:00:25 → 00:00:26 ก็สวัสดีครับบ้านนะครับวันนี้จะมาคุยเรื่องฮอร์โมนเพศหญิงที่ผู้หญิงทุกคนควรจะต้องรู้จักโดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องของเช่นมีชีสที่หน้าอกมีก้อนเนื้อที่มดลูกกวนจะต้องฟังเพราะว่าซิสหน้าอกหรือว่าเนื้องอกต่างๆของมดลูกนะบางทีมันเกิดจากภาวะฮอร์โมนที่มันไม่สมดุลกันนะครับมาที่พื้นฐานก่อนปกติแล้วเนี่ยฮอร์โมนเพศหญิงพื้นฐานของผู้หญิงนะก็คือจะมีอยู่
00:00:26 → 00:00:28
00:00:28 → 00:00:29 ตัวก็คือจะมีเอสโตรเจนแล้วก็โปรเจสเตอโรน
00:00:29 → 00:00:43
00:00:43 → 00:00:44 ตัวนี้เป็นสิ่งที่เป็นฮอร์โมนหลักของผู้หญิงเอสโตรเจนเนี่ยเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิงแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงคือการที่เอามีหน้าอกมีสะโพกผิวพรรณเนียนอารมณ์ก็จะกูอย่างปี๊ดขึ้นลงได้ง่ายจากเอช
00:00:44 → 00:00:48
00:00:48 → 00:00:49 เอ็นทีนี้พอเจอโซโลเนี่ยเป็นฮอร์โมนที่คอยเบรคฮอร์โมนเอสโตรเจนถ้าเรามี
00:00:49 → 00:00:57
00:00:57 → 00:00:58 ตัวเนี่ยสมดุลก็จะดีทีนี้ก็ชุดสโลนทำอะไรเพื่อจะโชว์เนี่ยเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิงเนี่ยสงบไม่เหวี่ยงวีนแมะสู้เช่นเดียวเอียงวิ่ง
00:00:58 → 00:01:00 Project slow เนี่ยจะช่วยเบรก Asus
00:01:00 → 00:01:06 ถ้าเปิดจะ slow
00:01:06 → 00:01:07 นเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิงเนี่ยสงบลงก็จะโชว์เนี่ยถ้าดีๆหน่อยจะทำให้นอนหลับได้ดีสงบแต่ว่าการมีฮอร์โมน
00:01:07 → 00:01:21
00:01:21 → 00:01:22 ตัวนี้สมดุลกันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่นี้ในเคสที่หมอพูดถึงว่ามีชีสหน้าอกมีอะไรเหล่านี้มักจะเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มันเด่นเกินไปมันเลยกระตุ้นความเป็นผู้หญิงกระตุ้นหน้าอกกระตุ้นมดลูกเราได้อันนี้จะเกิดขึ้นได้ใน
00:01:22 → 00:01:24
00:01:24 → 00:01:25 กรณีหนึ่งคือคือเนี้ยสู้เช่นเยอะจริงๆหรือ
00:01:25 → 00:01:55 2 Essence
00:01:55 → 00:01:56 ไม่ได้เยอะหรอกแต่ว่ามีโปรโซโลเนี่ยที่มันน้อยลงไม่พอก็แสดงออกถึงการเลี้ยงเช่นเด่นได้เหมือนกันซึ่งการแสดงออกเนี่ยจะมาได้หลายแบบอย่างเช่นสมมติว่าถ้าในพวกวัยรุ่นอายุไม่เยอะบางทีในบางคนอาจจะมีเหมือนชุดเล่นเยอะจริงๆทำให้ชุดเล่นเด่นบางทีพวกนี้อาจจะมาด้วยของการมีเลือดประจำเดือนออกเยอะหรือออกกระปิดกระปอยทั้งเดือนแต่ว่าที่เราเจอปัญหาพวกซี้หรือว่าเนื้องอกมดลูกเนี่ยเรามักเจอในคนใกล้หมดประจำเดือนทำไมถึงเจอนะครับปกติแล้วเนี่ยเราจะหมดประจำเดือนกันอยู่ในช่วงซัก
00:01:56 → 00:01:58 40 ไปปลายถึง 50
00:01:58 → 00:02:05 ต้นๆแต่อาจจะมีช่วงสักแบบพอ 40
00:02:05 → 00:02:06 นี้เนี่ยข้อมูลมันเริ่มไม่สมดุลเริ่มลดลงโดยทั่วไปแล้วพอเจอสโลนจะลดลงก่อนพระที่มันลดลง
00:02:06 → 00:02:10 Essence
00:02:10 → 00:02:11 ไม่ได้เยอะขึ้นหรอกแต่ว่าพอชนมันลดลงเนี่ยมันเลยมีเอสโตรเจนเด่นเพราะ
00:02:11 → 00:02:43 Agent
00:02:43 → 00:02:44 เด่นปุ๊บเนี่ยมันเลยเกิดการกระตุ้นหน้าอกกระตุ้นมดลูกต่างๆเยอะเกินไปก็เลยทำให้เกิดเหมือนแบบมีซีสขึ้นมาได้ที่มดลูกจะมีเหมือนแบบเนื้องอกของมดลูกขึ้นมาได้ส่วนนึงเนี่ยก็เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้แล้วเราจะแก้ไขยังไงล่ะอะเวลาที่ฮอร์โมนมันไม่สมดุลหรือว่าผิดเพี้ยนไปก่อนจะไปถึงการแก้ไขบอกจะแนะนำให้มีการตรวจเช็คออร์โมนก่อนการตรวจเช็คข้อมูลของผู้หญิงเนี่ยทำยากกว่าผู้ชายเยอะเพราะว่าเวลาตรวจฮอร์โมนเพศชายตรวจวันไหนตอนไหนก็ได้แต่ว่าของผู้หญิงเนี่ยจะต้องนับวันในการมาตรวจเพราะว่าใน
00:02:44 → 00:02:49 1 เดือนเนี่ยข้อมูล Asus
00:02:49 → 00:02:50 เช่นกับโอโซนของผู้หญิงเนี่ยจะขึ้นลงไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นเนี่ยใน
00:02:50 → 00:02:50
00:02:50 → 00:03:09 เดือนผู้หญิงจะตรวจทั้งหมดได้แต่แค่วันเดียวเท่านั้นที่นี่ในวันไหนก็อยากให้เป็นความรู้กันคือถ้าเราไปตรวจฮอร์โมนในผับต่างวันกันเนี่ยมันจะให้ค่า
00:03:09 → 00:03:10 มาเล่นจะโซนที่มันผิดเพี้ยนไปเช่นในช่วงต้นของรอบเดือนเนี่ยสมมติว่าช่วงมีรอบเดือนไปได้ชุดเช่นจะสูงโอโซนจะยังไม่มีถ้าเราไปจอดตัวนะวันนั้นเนี่ยเราก็ถือว่าเป็นคนที่
00:03:10 → 00:03:14 Asus
00:03:14 → 00:03:15 เด่นเด่นนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาตรวจจะต้องนับวันเพื่อให้ได้ค่า
00:03:15 → 00:03:20 SJ
00:03:20 → 00:03:21 รับโอโซนที่มันพอๆกันถึงเวลานับวันนับยังไงสมมติว่าเอารอบเดือนหนึ่งคือประมาณสัก
00:03:21 → 00:03:22
00:03:22 → 00:03:27 วันละกันหมอนับยังไงรอบเดือน 1 30
00:03:27 → 00:03:28 วันนับอย่างนี้สมุดว่าวันแรกที่ประจำเดือนมานับเป็นวันที่
00:03:28 → 00:03:29 1 สำหรับประจำเดือนมาอยู่ 3
00:03:29 → 00:03:32 วันหน้าวันที่ 1 2 3
00:03:32 → 00:03:36 แล้วเสร็จปุ๊บว่าเอาเป็นเดือนที่มี 30
00:03:36 → 00:03:37 วันแล้วกันเดือนมิถุนายนสมมติว่าประจำเดือนมาวันแรกวันที่
00:03:37 → 00:03:40 1 มิถุนายนมี 3
00:03:40 → 00:03:41 วันแล้วก็จบไปเสร็จแล้วเนี่ยไปมีประจำอยู่ในที่
00:03:41 → 00:03:44 1 วันที่ 1
00:03:44 → 00:03:45 กรกฎาคมหมายความว่าเนี่ยรอบเดือนนึงหมอติว่าคือ
00:03:45 → 00:03:51
00:03:51 → 00:03:52 วันก็คือจากประจำเดือนวันแรกเนี่ยจนไปถึงมีประจำเดือนอีกครั้งหนึ่งอย่างเงี้ยนับเป็นหนึ่งรอบรอบนี้คือตั้งแต่วันที่
00:03:52 → 00:03:54
00:03:54 → 00:03:55 มิถุนายนแม่มีประจำเดือนมาวันแรกยาวไปจนถึงวันที่
00:03:55 → 00:03:57 30 มิถุนายนนี้คือครบ 1
00:03:57 → 00:03:58 รอบเดือนแล้วก็พอวันที่ 1
00:03:58 → 00:04:01 กรกฎาคมเราเริ่ม
00:04:01 → 00:04:02 ผมเรียนวิธีหนึ่งเพราะใช้เนี่ยรอบเดือนหนึ่งของเราเนี่ยคือ
00:04:02 → 00:04:06
00:04:06 → 00:04:07 วันซึ่งรอบเดือนของผู้หญิงแต่ละคนไม่เท่ากันบางคนมีรอบนึง
00:04:07 → 00:04:09
00:04:09 → 00:04:13 บางคนรอบหนึ่งสามสิบบางคน 32-35
00:04:13 → 00:04:28 มีได้หมดบางคนประจำเดือนมาสั้นหน่อย 25
00:04:28 → 00:04:29 วันก็มีแต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับรอบเดือนของผู้หญิงแต่ละคนช่วงรอบนึงอาจจะไม่เท่ากันแต่ช่วงวันที่ตบไข่จนถึงมีประจำเดือนอีกครั้งหนึ่งจะเท่ากันเสมอในทุกคนคือ
00:04:29 → 00:04:32
00:04:32 → 00:04:33 วันเป็นอย่างนี้นะครับสมมุติว่ารอบเดือน
00:04:33 → 00:04:39 30 วัน 14
00:04:39 → 00:04:40 วันก่อนที่จะมีประจำเดือนครั้งถัดไปจะเป็นวันที่ไข่ตกสมรอบเดือนนึง
00:04:40 → 00:04:44 30 วันหักออกไป 16 วันจะเหลือ 14
00:04:44 → 00:04:47 วันข้างหลังเพราะฉะนั้นเนี่ยในวันที่ 17
00:04:47 → 00:04:48 จะเป็นวันที่ไข่ตกเพราะฉันพอ 17
00:04:48 → 00:04:51 เนี่ยนับไปถึง 30 ณวันที่ 17 ด้วยนะ 17
00:04:51 → 00:04:54 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27
00:04:54 → 00:04:58 28 29 30 14
00:04:58 → 00:05:00 วันพอดีช่วงนี้จะเท่ากันเสมอและพอ 30 ฤ
00:05:00 → 00:05:08 แต่วันที่ 1
00:05:08 → 00:05:09 จะมีประจำเดือนมาอันเนี้ยจะบอกว่าช่วงนี้ของทุกคนจะเท่ากันเสมอลองดูใหม่ถ้าในคนที่มีประจำเดือนรอบนึงคือ
00:05:09 → 00:05:10
00:05:10 → 00:05:13 วันตัวประจำเดือนมาวันที่ 1
00:05:13 → 00:05:14 มิถุนายนเหมือนกันแล้วมาครั้งถัดไปคือวันที่
00:05:15 → 00:05:21 29 มิถุนายนหมายความว่า 14
00:05:21 → 00:05:22 วันหลังจะเป็นวันที่ไข่ตกเพราะฉะนั้นเนี่ยใครจะตกวันที่
00:05:22 → 00:05:28 15 นะไปเลย 15 ไปจนถึง 28
00:05:28 → 00:05:29 เนี่ยก็คือตั้งแต่วันที่ไข่ตกนับด้วยยาวไปจะมีแล้วหลังเนี้ย
00:05:29 → 00:05:32
00:05:32 → 00:05:33 วันเพราะหลังจากนั้นวันต่อไปจะมีประจำเดือนมาลองดู
00:05:33 → 00:05:37 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24
00:05:38 → 00:05:41 25 26 27 28 6
00:05:41 → 00:05:48 และสิวันเพราะฉันวันที่ 29
00:05:48 → 00:05:49 ประจำเดือนจะมาอีกรอบนึงหมายความว่านับจากวันที่ตกไข่ที่ใครต่อป่ะไปทั้งหมด
00:05:49 → 00:05:49
00:05:49 → 00:06:01 วันแล้วก็วันอัดไปจะมีประจำเดือนมาช่วงนี้ของผู้หญิงทุกคนจะเท่ากันเสมอลองนับกันได้แล้วกันว่าจะตกไข่วันไหนที่นี่แล้วเราจะเจาะด้วยกันวันไหน
00:06:01 → 00:06:02 ถ้าเราจะนั้นอย่างนี้นับจากวันที่ตกไข่ไปอีก
00:06:02 → 00:06:06
00:06:06 → 00:06:07 วันให้เจาะนะวันนั้นวันนั้นเนี่ยจะเป็นวันที่มีเอสโตรเจนกับจะโซโลเนี่ย
00:06:07 → 00:06:19 Balance
00:06:19 → 00:06:20 กันที่สุดการเช็ควันนั้นจะได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำมาให้สุดที่นี้ถ้าเกิดใครที่อยากรู้แบบเป๊ะจริงๆกูอับวันตกไข่มันเลื่อนสมอใช่มันคนบอกว่าเฮ้ยรอบเดือนฉันมาไม่สม่ำเสมอบางที
00:06:20 → 00:06:30 28 บ้าง 30
00:06:30 → 00:06:31 บ้างทำยังไงถ้าอยากได้เป๊ะจริงๆเราต้องซื้อเทสที่ตรวจสำหรับการตกไข่ก็คือพอเรารู้แล้วว่านับวันเข้าข้าวแล้วน่าจะวันนี้นะวันที่
00:06:31 → 00:06:32 16-17
00:06:32 → 00:06:40 นี่แหละเราก็ตรวจก่อนสัก 3
00:06:40 → 00:06:41 วันก็ได้มันจะมีเทสการตรวจว่าไข่ตกหรือเปล่าก็ซื้อมาตรวจปัสสาวะนี่แหละดูว่าอันไหนตกสกุลชนะไป
00:06:41 → 00:06:51
00:06:51 → 00:06:52 วันแล้วก็ตัวเลือกกันวันนั้นที่นี้ถ้าเกิดอยากจะประหยัดกว่านั้นทำยังไงอาจจะใช้ปรอทก็ได้คือโดยปกติแล้วพอไข่ตกจะทำให้ผู้หญิงเนี่ยมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นประมาณสัก
00:06:52 → 00:06:53 0.2 0.5
00:06:53 → 00:07:36 องศาเซลเซียสเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็สามารถวัดปรอทเช็คเลขเหมือนกันว่าใครตบควรไหนแต่ว่าหมอว่าควรจะ
00:07:36 → 00:07:37 ขอวัดก่อนที่ไข่จะตกประมาณสักอาทิตย์นึงเราจะได้พอรู้ว่าเบสลายของอุณหภูมิเเล้วเนี่ยมันอยู่ประมาณเท่าไหร่วิธีทำคือให้เช็คตลอดในช่วงตอนเช้าถึงว่าตอนเช้าเนี่ยตื่นมานอนอยู่บนเตียงเลยยังไม่ต้องรุกนะเพราะว่าเวลาที่เรารู้ไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินกลับมาใหม่บางทีอุณหภูมิมันเปลี่ยนยังไม่ต้องแปลงฟันได้ทั้งสิ้นพอลุกรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเนี่ยความปรอทมาองค์เลยผมทันทียังไม่ต้องแปลงฟันไม่ต้องอะไรเลยผมไว้แล้วก็เช็คดูแล้วเราก็จดอุณหภูมิเพราะเวลาที่เราเช็คมาเรื่อยๆก่อนใครตกสักอาทิตย์นึงนะคุณภูมิมันจะไม่ได้เท่ากันทุกวันหรอกแต่มันจะมีขยับได้บ้างแต่พอตั้งแต่ใครตกไปแล้วเนี่ยอุณหภูมิจะเด้งสูงขึ้นเบสทรายมันจะสูงขึ้นประมาณ
00:07:37 → 00:07:43 0.2 0.5
00:07:43 → 00:07:44 องศาเซลเซียสแล้วก็ดูหรอกวันที่เริ่มมีอุณหภูมิดิคือเป็นวันที่ถ่ายเราตกเราก็นับไป
00:07:44 → 00:07:46
00:07:46 → 00:07:47 วันแล้วเราก็เจาะถามว่ามันจะเป็นน้ำเจาะเป๊ะ
00:07:47 → 00:07:49
00:07:49 → 00:07:50 เลยไหมจริงๆมันขยับได้นิดหน่อยเพราะว่าช่วงนั้นอ่ะ
00:07:50 → 00:07:51
00:07:51 → 00:08:19 วันหลังจะใครตกเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเนี่ยค่อนข้างจะสมดุลกันเวลาตรวจเนี่ยก็จะแนะนำให้ตรวจในช่วงนั้นๆที่นี้ประโยชน์เนี่ยนอกจากเรื่องของ
00:08:19 → 00:08:20 ถ้าเรานับวันแบบนี้เราจะสามารถตรวจข้อมูลได้เที่ยงตรงแล้วจริงๆแล้วเนี่ยเราสามารถมาปรับใช้ในการคุมกำเนิดก็ได้มีผลให้ของหมอบางคนเนี่ยเรามาขอคำแนะนำอย่างนี้โบราณอาจจะเคยได้ยินว่าการจะมีเพศสัมพันธ์โดยเหมือนไม่คุมกำเนิดเหมือนแบบไม่ได้ทานยาคุมไม่ได้ใช้ถุงยางเนี่ยบางคนก็นับถือว่าหน้า
00:08:20 → 00:08:22 7 หลัง 7 ก็จะมีประจำเดือน 7
00:08:22 → 00:08:27 วันหลังมีประจำเดือน 7
00:08:27 → 00:08:28 วันเหตุผลมันก็เพราะว่าช่วงที่สมุดว่ามีจำเดือนแล้วหลังจะมีประจำเดือน
00:08:28 → 00:08:31
00:08:31 → 00:08:32 วันช่วงนั้นอ่ะไข่มันยังไม่ตกหรอกหมอพูดถึงรอบเดือนนึง
00:08:32 → 00:08:35
00:08:35 → 00:08:36 วันแล้วกันนะจะได้คุยกันเข้าใจง่ายเช่นมีประจำเดือนวันที่
00:08:36 → 00:08:38 1 2 3
00:08:38 → 00:08:40 ถูกนะแล้วก็หมดหลังจะประจำเดือนแล้ว 7
00:08:40 → 00:08:41 วันก็คือตกเป็นประมาณสักถึงวันที่ 10
00:08:41 → 00:08:46 ในช่วง 7
00:08:46 → 00:08:47 วันนั้นเนี่ยการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ก็จะปลอดภัยเพราะว่าใครจะตกนู่นมันวันที่
00:08:47 → 00:08:51 17 ปีนี้ก่อนมีประจำเดือน 7
00:08:51 → 00:08:52 วันคือวันไหนล่ะก็คือคือบอกว่าเป็นจำนวนเป็นรางวัลที่
00:08:52 → 00:08:54
00:08:54 → 00:08:55 ของเดือนกรกฎาคมไปของแม่ก็คือตั้งแต่ 23
00:08:56 → 00:08:57 ไปถึง 30
00:08:57 → 00:09:00 ช่วงนั้นก็จะเสียเพราะว่าใครมันตกไปตั้งแต่ชั่ว
00:09:00 → 00:09:37 4 27 แหละเพราะฉะนั้นเนี่ยก่อน 7 หลัง 7
00:09:37 → 00:09:38 มันก็มาต่างนี่แหละที่เนี้ยถ้าเกิดเราอยากได้เป๊ะได้ชัวร์กว่านั้นก็คือว่าสิ่งที่แนะนำนะคุณผู้หญิงจะต้องเป็นคนที่จดประจำเดือนสมองเสมอคือจริงแล้วหมอแนะนำให้ทุกคนจบนะไม่เกี่ยวกับว่าเราจะมีสามีไม่มีสามีแต่คุมกำเนิดหรือเปล่าที่จะผู้หญิงควรจดอยู่แล้วจดว่าประจำเดือนมาวันไหนจดสม่ำเสมอเนี่ยเวลาที่ถ้ามีปัญหาฮอร์โมนแล้วเราจะเจาะตรวจฮอร์โมนกันมันจะได้สามารถนับวันกันได้ง่ายเพราะว่าบางทีเวลาเราถามย้อนไปมันดีเราจำไม่ได้หรอกให้จดไว้ที่นี่อีกเรื่องนึงครับว่าถ้าเราจะใช้วิธีนี้คุมกำเนิดเราเราจะต้องตรวจก่อนที่จะตกไข่นะเจอหมอบอกว่าใครจะตกวันที่
00:09:38 → 00:09:40
00:09:40 → 00:09:50 ก็ต้องตรวจก่อนเราต้องตรวจก่อน 3 4
00:09:50 → 00:09:51 วันและช่วงนี้ช่วงใกล้ที่จะตกใครเนี้ยไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้นะเพราะว่าจริงๆแล้วอสุจิเนี่ยสามารถจะค้างอยู่ในช่องคลอดอยู่ในมดลูกได้นานประมาณ
00:09:51 → 00:09:55
00:09:55 → 00:09:56 วันกว่าจะตายอ้ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเช่นถ้าเราบอกว่าเราตรวจแล้วเราเนี่ยเดี๋ยวมีวันที่
00:09:56 → 00:09:59 17 ถ้าเรามีแค่สัมพันธ์ในวันที่ 15 16
00:09:59 → 00:10:04 เนี่ยอสุจิ
00:10:04 → 00:10:05 อามาค้างอยู่ข้างไหนได้ถ้ามีใครตกลงมาสามารถผสมกันได้นะครับเพราะฉะนั้นไม่ต้องเว้นห่างประมาณสัก
00:10:05 → 00:10:09 3-4
00:10:09 → 00:10:10 วันสมมติว่าจะเว้นห่างไปแล้วเราตรวจแล้วเจอละโอเคใครตกแน่ๆแล้ววันที่
00:10:10 → 00:10:25 17 เพราะฉันข้อ 17
00:10:25 → 00:10:26 แล้วเนี่ยก็ควรจะเว้นแบบสามสี่วันขึ้นไปถึงจะเป็นช่วงที่ปลอดภัยเพราะฉะนั้นเนี้ยเอามาปรับใช้ได้แต่ว่าแนะนำว่าควรจะจดรอบประจำเดือนให้แม่นควรเทสวันตกไข่ให้ดีแล้วก็อยากมีใกล้วันตกไข่ขอเป็น
00:10:26 → 00:10:27
00:10:27 → 00:10:46 วันละกันสิวันก่อนตกไข่แล้วก็ 4
00:10:46 → 00:10:47 วันหลังตกไข่ช่วงที่เหลือเนี่ยโอกาสที่จะตั้งท้องเนี่ยก็จะยากและแล้วก็วิธีเนี้ยสามารถเอามาใช้กับคนที่มีบุตรยากได้ด้วยก็คือว่าภาวะราเรารู้และว่าตกไข่ประมาณนี้ในช่วงที่ใกล้วันตกไข่เนี่ยก็คือให้มีเพศสัมพันธ์กันในช่วงนั้นจะมีวันเว้นวันถ้ารู้แล้วว่าจะตบไข่วันที่
00:10:47 → 00:10:49
00:10:49 → 00:10:51 ก็คืออาจจะมีได้แต่ภายในวันที่ 15 17 19
00:10:51 → 00:11:37 เหล่านี้ไปก็จะช่วยให้มีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้นแต่ว่าในคนที่มีบุตรยากนะอย่าลืม
00:11:37 → 00:11:38 ขอเช็คข้อมูลในตัวนึงคือไทรอยด์ให้ลอยเนี่ยเป็นฮอร์โมนที่ช่วยทำให้สามารถมีบุตรได้ง่ายขึ้นมีคนไข้หลายคนเหมือนกันที่มีปัญหาเรื่องของไทรอยด์ต่ำหรือว่าฮอร์โมนไทรอยด์มันไม่พอก็จะตั้งครรภ์ยากเพราะว่าเสริมฮอร์โมนไทรอยด์ได้ระดับที่ดีแล้วเนี่ยสามารถตั้งครรภ์ได้เลยว่ามีบางเคสที่เป็นแบบนี้แต่ว่าคือมันไม่ใช่ทุกคนนะว่าไอ้เพราะว่ามีบุตรยากแล้วมาแก้ไขรอยแล้วจะเอาอะไรทุกคนแต่ว่ามันเป็นปัญหาหนึ่งที่แกล้งๆนะครับต่อมานี่คือสอนเรื่องกันนับวันแล้วรู้แล้วว่าต้องตรวจข้อมูลณวันนั้นก็พอตรวจข้อมูลแล้วเนี่ยเราก็มาดูผลกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นอะไรมันเด่นไปเราก็จะเสริมเสริมด้วย
00:11:38 → 00:11:45 Hormone
00:11:45 → 00:11:46 ที่เป็นเอามาธรรมชาติโดยมากแล้วเนี่ยฮอร์โมนธรรมชาติหรือที่เรียกว่าไบโอไอเด็นติเข้าฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่หมอแนะนำให้ใช้มากที่สุด
00:11:46 → 00:11:58 Bio medical
00:11:58 → 00:11:59 โมเนี่ยเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่เหมือนของร่างกายของเรามันจะไม่เหมือนฮอร์โมนสังเคราะห์เช่นสมมติว่าพูดถึงฮอร์โมนสังเคราะห์เช่นชิวจักหรือคือยาคุมยาคุมทั่วไปเนี่ย
00:11:59 → 00:12:01 1 เม็ดมันมีทั้ง Essence แล้วก็เปิด
00:12:01 → 00:12:25 Alone
00:12:25 → 00:12:26 ผสมกันในสัดส่วนที่ไม่เท่ากันในแต่ละเม็ดเวลาเราทานยาคุมเนี่ยเราต้องพาเรียงไปว่าโอเคเริ่มวันนี้แล้วก็ทานบนไปเพราะว่าปริมาณเอสโตเจนกับโอโซนจากไม่เท่ากันเพราะว่าฮอร์โมนผู้หญิงบอกแล้วว่ามันจะมีขึ้นลงช่วงแรกและเช่นจะเด่นและช่วงหลังเนี่ยจะเป็นพลเจริญที่มันเด่นข้อมูลเหล่านี้ที่เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์นะบางทีมันสังเคราะห์มาจากข้อมูลของสัตว์เช่นบางทีนี้เอามาจากทั้งหมดของมาร์ชซึ่งมันมีความแรงของคนบางทีเป็น
00:12:26 → 00:12:29
00:12:29 → 00:12:30 เท่าเลยเพราะเวลาเราได้ฮอร์โมนที่มันแรงของเราเนี่ยเป็น
00:12:30 → 00:12:30
00:12:30 → 00:13:28 เท่านั้นเกิดอะไรมันก็เกิดการกระตุ้นที่มันเยอะการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์เนี่ยหลายคนคงเคยได้ยินแหละจะทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูงขึ้นจริงๆแล้วคนที่ใช้ยาคุมยาคุมกินนั่นแหละจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งสูงขึ้นเพราะว่าพ่อมูลสังเคราะห์เหล่านี้มันกระตุ้นหน้าอกกระตุ้นพวกต่อมทางเพศของเราเนี่ยเยอะเพื่อทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเอานมมะเร็งมดลูกเล็งตั้งเนี่ยมีสูงขึ้นมันเป็นแบบนี้นะครับคืออย่างเช่นที่เต้านมเราเนี่ยผมว่ามันจะมีตัวรับฮอร์โมนสมว่ามี
00:13:28 → 00:13:29 มีติดตัวปกติเนี่ยผมว่าถ้าเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนตามปกติของเรามันก็จะจับแล้วก็กระตุ้นตามปกติแต่สมมติว่าถ้าเราใช้ฮอร์โมนเสริมข้างนอกเช่นพอโมนที่บอกว่าเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มาจากสัตว์และมันแรงอย่างเงี้ยมันก็จะกระตุ้นตัวรับที่ต้องลงแล้วนะแรงกระตุ้นให้มันโตๆอย่างไม่ว่าเวลาเหมือนบัญชีในช่วงที่เราทานยาคุมหน้าอกเราจะโตขึ้นอันนี้เหมือนกันเพราะว่าเราโดนกระตุ้นบ่อยๆในการ์ตูนให้มันโตไวๆเนี่ยมันก็มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งขึ้นมาได้เหมือนกันแต่ที่นี้เวลาที่เราใช้
00:13:29 → 00:13:30 Bio medical
00:13:30 → 00:14:22 ข้อมูลคือข้อมูลตามธรรมชาติที่เหมือนของร่างกายเราเนี่ยมันก็จะเป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติมันก็จะไม่ได้กระตุ้นให้มันแรงก็จะกระตุ้นแบบปกติแล้วก็ถ้าเรามีเอสโตรเจนแล้วก็เปิดโชว์ที่เราใช้เสริมเนี่ยให้มันสมดุลกันเพราะคนผู้ว่าเวลาที่เรายิ่งใช้โปรเจสเตอโรนร่วมด้วยเนี่ยกลับทำให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งน้อยลงเพราะว่าจำได้แม่ตั้งแต่แรกเลยบอกว่าไอ้เด่นเป็นตัวเร่งแต่กลัวจะโดนเป็นตัวแปรหลายคนเนี่ยก็เวลาที่สมมติว่าหมดประจำเดือนไปแล้วไปใช้ฮอร์โมนเสริมแล้วใช้เพียงแค่ตัวเดียว
00:14:22 → 00:14:23 และก็เช่นอย่างเดียวนะมันไม่มีตัวเบรคความเสี่ยงในการเกิดพวกก็เนื้อเกิดมะเร็งก็จะมีเยอะขึ้นแต่ว่าถ้าเราใช้คู่กันทั้งสองตัวเป็นฮอร์โมนธรรมชาติทั้งสองตัวมีตัวจุดเด่นแล้วก็มีตัวประชาชนคอยเบรคกับพบว่าการเกิดมะเร็งนั้นลดลงป้องกันมะเร็งได้ที่นี่ไม่มีรายละเอียดลึกลงไปอีกต้องบอกก่อนว่าฮอร์โมนเหล่านี้เป็นรูปแบบข้อมูลครีมทาไม่ใช่กินไม่ใช่ฉีดถ้าเกิดเป็นรูปแบบทานเนี่ยเป็นฮอร์โมน
00:14:23 → 00:14:30 Bio
00:14:30 → 00:14:31 ในข้อมูลแน่นอนที่นี่มันจะมีลึกไปมากกว่านั้นอีกนะครับสำหรับคนที่กลัวและกังวลเนี่ยจะบอกก่อนเลยว่าเอสโตรเจนเนี่ยของเรานะมี
00:14:31 → 00:14:33
00:14:33 → 00:14:35 ฟอร์มมีวันอีทูอี Three หรือเป็นที่ 1 ตี
00:14:35 → 00:14:43 2 ตี 3 ก็ได้ถ้าเรียกง่ายๆดี 2
00:14:43 → 00:14:44 เนี่ยเป็นตัวที่มีความแรงสูงสุดถ้าปริมาณสูงมากๆตัวนี้เป็นตัวต่อมะเร็งได้แต่ว่า
00:14:44 → 00:14:45 e3
00:14:45 → 00:14:48 เนี่ยเป็นตัวที่ป้องกันมะเร็งเราจะมี DC
00:14:48 → 00:14:49 ในช่วงที่เราตั้งครรภ์มันสร้างมาจากรกที่
00:14:49 → 00:14:52
00:14:52 → 00:14:53 เนี่ยเป็นตัวที่สามารถป้องกันมะเร็งได้เพราะลายเพราะว่าตัว
00:14:53 → 00:14:57 E 3 เนี่ยมันอ่อนกว่าตัว E 2
00:14:57 → 00:14:58 เยอะเลยนะครับตอนก็ตีสองเนี่ยเกือบ 10
00:14:58 → 00:15:00 เท่านั้นเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:15:00 → 00:15:03 ว่ามันจะมีฮอร์โมน Bio
00:15:03 → 00:15:04 นำฮอร์โมนเนี่ยเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่มีการผสม
00:15:04 → 00:15:11 E2 e3
00:15:11 → 00:15:12 ร่วมกันที่เกิดอะไรขึ้นสมมุติว่าที่หมอเคยบอกว่าเวลาเรามีช่องตัวรับของฮอร์โมนเอสโตรเจนเนี่ยถ้าเกิดเรามีสองอย่างเดียวเลยละ
00:15:12 → 00:15:15
00:15:15 → 00:15:16 ไปจากหมดกระตุ้นหมดความเสี่ยงก็จะมากขึ้นแต่ถ้าเรามีทั้งสองทั้ง
00:15:16 → 00:15:17
00:15:17 → 00:15:20 ผสมกันสมมุติว่าเรามีอีอี 3
00:15:20 → 00:15:22 เนี่ยผสมเข้าไปส่วนผสมเข้าไปสัก 20
00:15:22 → 00:15:23 เปอร์เซ็นต์หมายความว่ามันก็จะมี 2
00:15:23 → 00:15:30 ตัวรับเนี่ยที่โดน e3 จำอีก 8 ช่องเป็น E2
00:15:30 → 00:15:31 จับเพราะฉะนั้นเนี่ยความเสี่ยงในการกระตุ้นเต้านมก็น้อยลงลดลงและก็ตัว
00:15:31 → 00:15:38 e3
00:15:38 → 00:15:39 เองเนี่ยยังมีฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็งด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยการใช้ของวงแบบนี้ก็จะทำให้เราปลอดภัยเพราะว่ามีหนัง
00:15:39 → 00:15:52 E2 แล้วก็ e3
00:15:52 → 00:15:53 ผสมกันเพราะหมดเหล่านี้เป็นรูปแบบครีมเวลาที่เราใช้ฮอร์โมนเหล่านี้โดยมากแล้วต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เวลาใช้เนี่ยเราก็จะใช้เรียนแบบธรรมชาติของร่างกายเลยก็คือว่าช่วงไหนเนี่ยเช่นก็คือใช้ช่วงครึ่งเดือนหลังที่จะมี
00:15:53 → 00:15:57 protozoan
00:15:57 → 00:15:58 ก็มาใช้ปเจริญในช่วงครึ่งเดือนหลังเท่านั้นการหาเหล่านี้จะมี
00:15:58 → 00:16:11 2 แบบคือจะใช้ให้เป็น
00:16:11 → 00:16:12 ก็เหมือนอย่างธรรมชาติทั่วไปก็ได้หรือใช้เหมือนเท่ากันทั้งหมดเท่ากันตลอดเดือนเลยก็ได้แต่ว่ามันจะมีข้อต่างตรงที่ว่าในคนที่หมดประจำเดือนไปแล้วนะแล้วถ้าใช้แบบเป็นรอบเหมือนว่าเช่นครึ่งแรกเป็น
00:16:12 → 00:16:30 Agent
00:16:30 → 00:16:31 ครึ่งหลังเป็นโพลชโลเด่นแบบนี้จะทำให้เรากลับมามีประจำเดือนอีกครั้งนึงแต่ว่าใช้แบบเท่ากันตลอดเนี่ยจะไม่ได้ทำให้เรากลับมามีประจำเดือนอีกครั้งที่นี่มีอะไรเพิ่มเติมอีกหมอจะขอพูดไปถึงการป้องกันความเสี่ยงมะเร็งไปด้วยละกันที่เนี่ยสมมติเวลาที่เราจะใช้ฮอร์โมนนะก็คือว่าควรจะมีทั้ง
00:16:31 → 00:16:37 S เช่นแล้ว processor
00:16:37 → 00:16:38 โลต้าลึกกันเองไม่ให้ทรุดได้มันเด่นเกินไปส่วนในข้อที่สองก็คือเราจะใช้แบบที่มีทั้ง
00:16:38 → 00:16:40 E2 แล้วก็ e3
00:16:40 → 00:16:43 ผสมกันเพื่อให้มีฤทธิ์ของ e3
00:16:43 → 00:16:45 ในการป้องกันมะเร็งอย่าคิดว่าอี 2
00:16:45 → 00:16:46 มันเป็นตัวร้ายอย่างเดียวนะประโยชน์ของ E
00:16:46 → 00:16:52
00:16:52 → 00:16:53 มีมากมายเลยประโยชน์ที่หมอเคยพูดถึงว่ามันปกป้องคุ้มครองหัวใจคุ้มครองสมองอะไรต่างๆสิ่งเหล่าเนี้ยมี
00:16:53 → 00:16:55
00:16:55 → 00:16:57 ทำไม่ได้ทำได้เฉพาะดี 2 เท่านั้น E2
00:16:57 → 00:17:00 จะมีประสิทธิภาพในการปกป้องสิ่งเหล่านี้
00:17:00 → 00:17:08 อาหารเนี่ยแต่ถูอย่างนั้นใช้ e3
00:17:08 → 00:17:09 อย่างเดียวเลยได้ไหมไม่ได้ไม่ใช้ผสมกันถึงจะทำให้เรามีสุขภาพดียกเว้นในคนที่เป็นมะเร็งไปแล้วเป็นมะเร็งไปแล้วเนี่ยอ้ะจะให้ใช้
00:17:09 → 00:17:25 e3
00:17:25 → 00:17:26 อย่างเดียวแล้วเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ที่นี้ขอพูดต่อเรื่องของการป้องกันมะเร็งของผู้หญิงเลยละกันและสดเช่นเหล่าเนี้ยพอเวลาที่ผลิตออกมาเรียบร้อยแล้วเราได้เข้าไปแล้วเนี่ยมันจะต้องโดนร่างกายเนี่ยเมตาบอไลท์แล้วก็ขับออกเพราะว่าที่ขับออกมันจะสามารถขับออกได้เป็น
00:17:26 → 00:17:27
00:17:27 → 00:17:30 ฟอร์มเอาง่ายมันจะขับออกเป็นฟอร์ม 2 46
00:17:30 → 00:17:33 ตัวเลขและกันที่ไม่ได้ 2 OST
00:17:33 → 00:17:37 วันอะไรเงี้ยไม่เป็นไรก็คือเอาเป็น 2 46
00:17:37 → 00:17:40 ซึ่งถ้าเกิดมันขับออกมาเป็นฟอร์มที่เป็น 2
00:17:40 → 00:17:41 อันนี้จะลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งแต่ถ้าเป็นซีกะ
00:17:41 → 00:17:52 16 เปลี่ยนรูปเป็นสี่เกิด 16
00:17:52 → 00:17:53 เยอะจะทำให้ความเสี่ยงมะเร็งเยอะขึ้นที่เนี่ยถามว่าเราจะทำยังไงล่ะในการจะลดความเสี่ยงตรงนี้ก็คือมันจะมีสารที่ช่วยบล็อกบล็อกไม่ให้
00:17:53 → 00:17:54 Essence
00:17:54 → 00:17:56 เนี่ยเปลี่ยนไปเป็นตัว 4 และ 16
00:17:56 → 00:17:57 ให้มันไปเป็นตัว 2
00:17:57 → 00:18:06 เท่านั้นให้ช่วยป้องกันมะเร็งสารเหล่านี้คือสาร
00:18:06 → 00:18:07 ว่าพวกบอกคะลีเพราะฉะนั้นเนี่ยการหาพวกบล็อคเคอรี่หรือว่าพวกกะหล่ำดอกกะหล่ำพวกเนี้ยจะช่วยป้องกันไม่ให้
00:18:07 → 00:18:17 Agent มันเปลี่ยนไปเป็น s
00:18:17 → 00:18:18 เล่นที่ร้ายกาจและมาก่อเกิดเพลงกับเราเพราะฉะนั้นเนี่ยในผู้หญิงนะก็พออายุเยอะขึ้นแนะนำให้ทานพวกบ๊อกเคอรี่หรือว่าพวกกำลังเพื่อให้
00:18:18 → 00:18:25 S
00:18:25 → 00:18:26 เช่นที่มันเลวร้ายเนี่ยมีลดลงซึ่งถ้าใครแบบซีเรียสถึงปริมาณจริงๆมันก็สามารถตรวจได้นะว่าเรามีตัว
00:18:26 → 00:18:34 S ตัวเล็กเป็น 2 46
00:18:34 → 00:18:35 ในสัดส่วนเท่าไหร่มันก็สามารถตรวจได้ว่าความเสี่ยงมะเร็งตรงนี้เรามีหรือเปล่าอันนี้ก็คือพูดถึงเรื่องของฮอร์โมนเพศหญิงเนาะก็คือได้รู้แล้วว่าฮอร์โมน
00:18:35 → 00:18:35
00:18:35 → 00:18:41 ตัวนี้ทำให้ที่ยังไงบ้างนับวันตกไข่และนับวันตรวจข้อมูลตรวจกันยังไงแล้วก็การที่เราแก้ไขรักษาเพื่อให้ข้อมูลสมดุลเนี่ยเราใช้ฮอร์โมนตามธรรมชาติหรือที่เรียกว่าไบโอเน็ตข้อมูลซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้เป็นฟอร์มที่เป็นรูปแบบถามเป็นครีมและก็ต่อเนื่องด้วยพูดถึงว่าฟอร์มไหนที่จะเหมือนป้องกันมะเร็งลดความเสี่ยงมะเร็งแล้วก็สุดท้ายคือมีพูดถึงว่า
00:18:41 → 00:19:00 [เพลง]
00:19:00 → 00:19:17 ว่าเค้าจะบล็อควงจรที่ไปกระตุ้นให้เกิดโอกาสเกิดมะเร็งได้มากขึ้นก็คือเราควรจะต้องทานพวกรี่หรือว่าดอกกะหล่ำเยอะๆก็จะช่วยกลุ่มตรงนี้ได้ก็หวังว่าจะได้ประโยชน์กันในวันนี้นะครับสุดท้ายฝากไว้เหมือนเดิมอย่าฝากชีวิตไว้กับหมอนะครับอ่ะ
00:19:17 → 00:19:18 โน้ท
00:19:18 → 00:19:23 [เพลง]
00:19:23 → 00:19:25 โน้ท