00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell ัง for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:31 เราสวัสดีสค่ะต้อนรับคุณผู้ฟังทุกท่าน
00:00:31 → 00:00:34 เข้าสู่ฟัง for He podcast นะคะอีก
00:00:34 → 00:00:36 หนึ่งรายการดีๆจากคณะแพทยศาสตร์
00:00:36 → 00:00:39 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะวันนีู้ฟังอยู่
00:00:39 → 00:00:42 กับทิปสมัชญานอ่านักประชาสัมพันธ์จากงาน
00:00:42 → 00:00:45 ประชาสัมพันธ์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:00:45 → 00:00:47 เชียงใหม่เช่นเคยนะคะช่วงนี้คุณผู้ฟัง
00:00:47 → 00:00:50 หลายท่านน่าจะเคยได้ยินคำว่า water
00:00:50 → 00:00:53 fasting หรือว่าการลดน้ำหนักโดยการดื่ม
00:00:53 → 00:00:56 เพียงน้ำเปล่าอย่างเดียวนะคะซึ่งต้องบอก
00:00:56 → 00:00:58 ว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงจริงๆแล้ว
00:00:58 → 00:01:00 Water fasting เราได้ยินมาช่วงนึงแล้ว
00:01:01 → 00:01:03 นะคะแต่ว่าช่วงนี้อาจจะฮิตกันสักนิดนึงนะ
00:01:03 → 00:01:05 คะเดี๋ยววันนี้ค่ะจะมาพูดคุยกันกับ
00:01:05 → 00:01:08 อาจารย์หมอว่าจริงๆแล้ว Water fasting
00:01:08 → 00:01:11 มันทำให้เราลดน้ำหนักได้จริงยแล้วผลข้าง
00:01:11 → 00:01:14 เคียงผลกระทบมันจะมีอย่างไรบ้างต่อร่าง
00:01:14 → 00:01:17 กายของเรานะคะต้อนรับอาจารย์หมอ 1 ท่าน
00:01:17 → 00:01:20 ค่ะที่จะมาให้ความรู้แล้วก็พูดคุยกับเรา
00:01:20 → 00:01:23 ในรายการรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงนลินี
00:01:23 → 00:01:26 ยิ่งชาญกุลอาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์
00:01:26 → 00:01:28 ครอบครัวคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:01:28 → 00:01:32 เชียงใหม่สวัสดีค่ะอาจารย์สวัสดีค่ะพูด
00:01:32 → 00:01:35 ถึงเรื่องของ Water fasting จริงๆคำนี้
00:01:35 → 00:01:38 หลายคนก็เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้วค่ะมี
00:01:38 → 00:01:41 มานานมากแล้วค่ะถ้าสำหรับ Water fasting
00:01:41 → 00:01:44 นะคะก็จะเป็นการอดอาหารในรูปแบบนึงค่ะ
00:01:44 → 00:01:47 อย่างที่เราพูดถึงฟาติกันบ่อยๆนะคะก็รูป
00:01:47 → 00:01:49 แบบนี้ก็จะเป็นการอดอาหารโดยทานแต่น้ำ
00:01:49 → 00:01:52 เปล่าเพียงอย่างเดียวค่ะก็คือไม่ทานอย่าง
00:01:52 → 00:01:54 อื่นเลยใช่ค่ะไม่ทานอย่างอื่นเลยไม่ทาน
00:01:55 → 00:01:57 อาหารที่มีพลังงานเลยจริงๆก็คล้ายๆกับการ
00:01:57 → 00:02:00 ที่ทำ If เราควรจะทำประมาณกี่วันถึงจะ
00:02:01 → 00:02:03 เห็นผลกับร่างกายเราคะอาจารย์จริงๆแล้ว
00:02:03 → 00:02:05 ถ้าก่อนที่เราจะทำนะคะเราต้องเข้าใจ
00:02:05 → 00:02:09 กระบวนการในการที่ร่างกายเกิดการภาวะขาด
00:02:09 → 00:02:12 สารอาหารก่อนหรือขาดอาหารพลังงานเนาะก็
00:02:12 → 00:02:15 กระบวนการของร่างกายตามหลักสรีรวิทยานะคะ
00:02:15 → 00:02:17 เวลาที่ร่างกายเราขาดอาหารหรือว่าขาดพลัง
00:02:17 → 00:02:20 งานเนี่ยร่างกายก็จะพยายามเฟ้นหาอะไรก็
00:02:20 → 00:02:22 ตามที่จะมาให้พลังงานเพื่อไม่ให้เราเสีย
00:02:22 → 00:02:24 ชีวิตอ่ากระบวนการเนี้ยเขาเรียกว่าเราตก
00:02:25 → 00:02:27 อยู่ในภาวะ starvation ก็คือภาวะขาดอาหาร
00:02:27 → 00:02:30 นะคะสิ่งที่จะเกิดขึ้นในร่างกายก็จะแบ่ง
00:02:30 → 00:02:33 ออกทั้งหมด 3 เฟสถ้าให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ
00:02:33 → 00:02:35 ก็แบ่งเป็นวันที่ 1 2 3 แล้วกันเนาะวัน
00:02:35 → 00:02:38 อ่า 3 วันก็คือวันที่ 1 เนี่ยร่างกายหรือ
00:02:38 → 00:02:40 ว่าเฟสที่ 1 นะคะร่างกายจะเอาพลังงานมา
00:02:40 → 00:02:44 จากน้ำตาลก่อนที่เรากัดเก็บเข้าไปจะอยู่
00:02:44 → 00:02:46 ในไหนคาร์โบไฮเดรตที่เราเก็บก็จะอยู่ใน
00:02:46 → 00:02:50 ตับในรูปของไกลโคเจนเนาะไกลโคเจนมีอีกที่
00:02:50 → 00:02:52 ในร่างกายก็คือในกล้ามเนื้อค่ะเพราะ
00:02:52 → 00:02:55 ฉะนั้นถ้าใครที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่อ่ามี
00:02:55 → 00:02:57 การสะสมไกลโคเจนเยอะอันนี้ก็จะมีพลังงาน
00:02:57 → 00:03:01 สะสมค่อนข้างเยอะอยู่นานหน่อยนานหน่อยใช่
00:03:01 → 00:03:03 นะคะส่วนเฟสที่ 2 นะคะอันนี้ถ้าถ้าพูด
00:03:03 → 00:03:05 ง่ายๆถ้าตามคนที่แบบไม่ได้ร่างกายเล็ก
00:03:06 → 00:03:08 หรือใหญ่เกินไปนะคะก็จะตกประมาณ DAY 2
00:03:08 → 00:03:11 หรือวันที่ 2 ที่เราอดอาหารก็จะเป็นภาวะ
00:03:11 → 00:03:14 ที่คาร์โบไฮเดรตเริ่มหมดละไกลโคเจนหมด
00:03:14 → 00:03:17 ผลิตกลูโคสเองไม่ค่อยได้ละดังนั้นก็ต้อง
00:03:17 → 00:03:20 เอาอย่างอื่นมาผลิตกลูโคสแทนนะคะก็จะต้อง
00:03:20 → 00:03:24 เป็นการสลายแฟตหรือว่าเซลล์ไขมันของพวก
00:03:24 → 00:03:27 เราออ่าดังนั้นถ้าใครมีไขมันเยอะก็จะมี
00:03:28 → 00:03:31 แต้มต่อตรงนี้ว่าเราจะอยู่ในภาวะที่อยู่
00:03:31 → 00:03:35 ได้นานหน่อยค่ะนะคะแต่ว่าภาวะเนี้ยก็
00:03:35 → 00:03:37 อย่างบางคนอาจจะรู้จักคำว่าคีโตนใช่มั้ย
00:03:38 → 00:03:59 คะเคยกินคีตนิพนธ์
00:03:59 → 00:04:02 พลังงานเพื่อไม่ให้เราเสียชีวิตนะคะเอ้อ
00:04:02 → 00:04:06 ก็สเต็ปต่อไปเราก็จะสลายโปรตีนซึ่งโปรตีน
00:04:06 → 00:04:08 เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในร่างกายเราเป็น
00:04:08 → 00:04:11 เนื้อเยื่อต่างๆของพวกเราเนาะก็จะเป็น
00:04:11 → 00:04:14 ขั้นตอนนี้นะคะที่จะสลายโปรตีนมันก็มี
00:04:14 → 00:04:17 ทั้งข้อดีข้อเสียค่ะคุณทิปก็คือข้อดี
00:04:17 → 00:04:20 เนี่ยเขาบอกว่ามันจะเกิดกระบวนการ autopy
00:04:20 → 00:04:23 นะคะกระบวนการนี้ก็จะเป็นกระบวนการที่
00:04:23 → 00:04:25 ร่างกายเนี่ยสลายโปรตีนที่เป็นเซลล์เก่า
00:04:26 → 00:04:29 เซลล์ตายไปแล้วเอาตัวนั้นน่ะมารีไซเคิล
00:04:29 → 00:04:32 เพื่อเป็นพลังงานให้กับเราค่ะค่ะแต่ว่า
00:04:32 → 00:04:34 ข้อเสียมันก็มีในขั้นตอนนี้ก็อย่างที่บอก
00:04:34 → 00:04:37 มันเป็นการสลโปรตีนดังนั้นกล้ามเนื้อของ
00:04:37 → 00:04:39 เราเนี่ยมันก็จะสลายไปด้วยดังนั้นน้ำหนัก
00:04:39 → 00:04:43 ที่หายไปเนี่ยบางคนเข้าใจว่าเราผอมลงแต่
00:04:43 → 00:04:46 จริงๆเนี่ยกล้ามเนื้อเราสลายนะคะการที่
00:04:46 → 00:04:48 กล้ามเนื้อสลายเป็นอะไรที่ไม่ดีแต่มันจะ
00:04:48 → 00:04:50 สลายช่วงวันที่ 3 เพราะฉะนั้นนั่นหมาย
00:04:50 → 00:04:52 ความว่าเราจะทำอย่างน้อย 3 วันหรอคะ
00:04:52 → 00:04:55 อาจารย์ปกติที่เขาเริ่มอยากจะให้มี atopy
00:04:55 → 00:04:57 เยอะๆนะคะกระบวนการเนี้ยจะเกิดขึ้นเริ่ม
00:04:57 → 00:05:01 ต้นประมาณ 24 ชมงค่ะอือืบางคนก็อาจจะเร็ว
00:05:01 → 00:05:04 หน่อยนะคะถ้าสมมติว่ามีไกลโคเจนน้อยเนาะ
00:05:04 → 00:05:06 แต่ถ้ามีไกลโคเจนพอประมาณเนี่ยจะตกประมาณ
00:05:06 → 00:05:09 1 วันจี้จะอยู่ประมาณ 1 วันแล้วจะไปพีค
00:05:09 → 00:05:13 ประมาณ 48 ช่มแต่หลังนั้นเนี่ยก็คือเขาจะ
00:05:13 → 00:05:15 ค่อยๆขึ้นน่ะเนาะเราไปพีคประมาณ 48 ชั่ม
00:05:15 → 00:05:18 หลังนั้นเขาก็จะค่อยๆลดนะคะไม่ได้แปลว่า
00:05:18 → 00:05:21 เปิดสวิตช์แล้วติดเลยแล้วก็พอปิดก็ปิดเลย
00:05:21 → 00:05:24 ก็คือเขาค่อยๆขึ้นแล้วก็เผ่าผ่าไปเรื่อยๆ
00:05:24 → 00:05:26 แล้วก็เก็บกินเซลล์เก่าไปเรื่อยๆแต่หลัง
00:05:26 → 00:05:29 นั้นพอมันลดลงมันก็จะกินน้อยลงน้อยลงแต่
00:05:29 → 00:05:32 ก็ยังกินอยู่นะคะดังนั้นส่วนใหญ่เวลาที่
00:05:32 → 00:05:34 เขานิยมทำ Water fasting กันเขาก็เลยจะ
00:05:34 → 00:05:38 ทำประมาณ 72 ช่มคือต้องเป็น 72 ชมงต่อ
00:05:38 → 00:05:41 เนื่องกันคือจะทำช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง
00:05:41 → 00:05:44 ไม่ได้ถูกต้องมยคะอาจารย์ค่ะก็คือเราจะ
00:05:44 → 00:05:47 ต้องหาเวลาที่เราแบบสามารถอดได้จริงๆ
00:05:47 → 00:05:50 ประมาณอย่างต่ำคือ 3 วันจะค่อนข้างโหดหิน
00:05:50 → 00:05:52 อยู่เหมือนกันทรมานตัวเองพอสมควรค่ะวิธี
00:05:52 → 00:05:56 นี้นะอยู่ดีๆจะให้มาอดอดข้าวอดทุกอย่าง
00:05:56 → 00:05:57 แล้วกินแต่น้ำมันก็ลำบากเหมือนกันนะคะ
00:05:57 → 00:05:59 อาจารย์แต่ก็ต้องบอกว่าวิธีนี้นี้เป็น
00:06:00 → 00:06:03 วิธีที่หลายคนนก็ให้ความสนใจเหมือนกัน
00:06:03 → 00:06:05 ยิ่งในช่วงนี้ย้าใครติดตามข่าวสารหรือว่า
00:06:05 → 00:06:08 รายการต่างๆคนดังคนบันเทิงดารานักแสดง
00:06:08 → 00:06:11 หลายท่านก็อ่ามีการลดน้ำหนักหรือว่ารักษา
00:06:11 → 00:06:14 ตัวด้วยด้วยวิธีนี้เหมือนกันอเออจริงๆ
00:06:14 → 00:06:16 แล้ววิธีการทำ Water fasting เนี่ยมัน
00:06:16 → 00:06:20 สามารถรักษาโรคต่างๆได้ด้วยมคะอาจารย์อื
00:06:20 → 00:06:23 จริงๆแล้วถ้าพูดถึงวิธีนี้นะคะก็เป็นวิธี
00:06:23 → 00:06:26 ที่ค่อนข้าง extrem หรือว่าแบบสุดต่งมากๆ
00:06:26 → 00:06:29 นะคะก็คืออยู่ที่ร่างกายว่าเราทนไหวหรือ
00:06:29 → 00:06:31 เปล่าเ่าก่อนก่อนที่จะไปสู่ถึงขั้นตอนการ
00:06:31 → 00:06:34 รักษาเนาะถ้าทนไม่ไหวก็จริงๆอันเนี้ยไม่
00:06:34 → 00:06:36 ได้แนะนำเพราะว่ามันจะเป็นการทรมานร่าง
00:06:36 → 00:06:39 กายค่อนข้างเยอะร่างกายจะเกิดสสค่อนข้าง
00:06:39 → 00:06:42 เยอะแล้วก็จะทำให้เกิดพวกี Radical จริงๆ
00:06:42 → 00:06:46 อ่ะทำให้เราแบบแบบเหมือนเซลล์เสื่อมเร็ว
00:06:46 → 00:06:49 ถ้าบางคนที่ไม่ได้ Healthy จริงๆนะคะอ่า
00:06:49 → 00:06:51 ส่วนในเรื่องของว่าช่วยในเรื่องการรักษา
00:06:51 → 00:06:53 ไหมอันนี้ยังไม่ได้มีหลักฐานยืนยันที่ชัด
00:06:53 → 00:06:56 เจนนะคะจริงๆมันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่อาจ
00:06:56 → 00:07:00 จะทำให้ลดน้ำหนักหรือว่าลดเรื่องของไขมัน
00:07:00 → 00:07:03 ต่างๆในร่างกายได้แหละแต่ก็ต้องต้องรู้
00:07:03 → 00:07:05 ด้วยว่ามันจะต้องทำยังไงให้มันปลอดภัยนะ
00:07:05 → 00:07:08 คะทีนี้อย่างที่อาจารย์บอกว่าผ่านไป 3
00:07:08 → 00:07:11 วันแล้วแน่นอนมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
00:07:11 → 00:07:14 ข้อเสียหรือว่าผลข้างเคียงที่มันจะเกิด
00:07:14 → 00:07:16 ขึ้นกับร่างกายของเราหลังจากที่ผ่านไป 3
00:07:16 → 00:07:19 วันแล้วมีอะไรบ้างคะอาจารย์อันดับแรกเลย
00:07:19 → 00:07:22 ทั้งหมดนะคะเวลาที่เราฟาสติ้งหรืออดอาหาร
00:07:22 → 00:07:24 ทุกๆกระบวนการเลยไม่ไม่ใช่เฉพาะ Water
00:07:24 → 00:07:27 fasting If ก็เช่นกันก็คือพอเราไม่ได้
00:07:27 → 00:07:30 รับพลังงานร่างกายเราจะลดเ metabolism
00:07:30 → 00:07:33 หรือว่าลดการเผาผ่านลงดังนั้นมีโอกาสที่
00:07:33 → 00:07:36 จะทำให้การเผาผ่านเราลดลงเนาะแล้วก็
00:07:36 → 00:07:39 ไทรอยด์เราทำงานต่ำลงนะคะอันเนี้ยพอเกิด
00:07:39 → 00:07:42 ขึ้นแบบนี้มีโอกาสจะเป็นอะไรต่อมาในระยะ
00:07:42 → 00:07:45 ยาวอาจจะอ้วนขึ้นได้ถ้าเรากลับมาทานอาหาร
00:07:45 → 00:07:48 ที่มีพลังงานสูงอจะอ้วนขึ้นได้เร็วกว่า
00:07:48 → 00:07:51 ตอนที่เรามี activity ค่ะเนาะอันนี้คือ
00:07:51 → 00:07:54 ทั่วๆไปนะคะแต่ถ้ามา specific เรื่อง
00:07:54 → 00:07:56 Water fasting แบบเมื่อกี้ในวันแรกนะคะ
00:07:56 → 00:07:58 ที่เราใช้สารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตหรือว่า
00:07:58 → 00:08:01 ไกโคเส้นเนาะก็แน่นอนร่างกายพยายามที่จะ
00:08:02 → 00:08:05 ผลิตน้ำตาลอ่าด้วยสารที่มีสะสมอยู่ในตัว
00:08:05 → 00:08:07 อันแรกที่จะเกิดขึ้นคือน้ำตาลต่ำเพราะไม่
00:08:07 → 00:08:10 มีพลังงานนะคะดังนั้นก็อาจจะเกิดอาการแบบ
00:08:10 → 00:08:14 เวียนหัวมึนงงรู้สึกอ่อนเพลียได้แต่ถ้า
00:08:14 → 00:08:16 เป็นแบบรุนแรงนะคะบางคนก็อาจจะเป็นลมได้
00:08:16 → 00:08:19 จากภาวะน้ำตาลต่ำส่วนวันที่ 2 นะคะเมื่อ
00:08:19 → 00:08:22 ร่างกายอยู่ในภาวะคีโตสิสก็คือใช้พลังงาน
00:08:22 → 00:08:25 มาจากคีโตนนะคะอ่าในขั้นตอนเยร่างกายจะ
00:08:25 → 00:08:28 ไม่ได้อยากน้ำตาลละดังนั้นก็จะมีภาวะตื่น
00:08:28 → 00:08:32 ตัวขึ้นบางคนอาจรู้สึแสดชื่นขึ้นมีพลัง
00:08:32 → 00:08:35 เยอะจังเงี้ค่ะเพราะว่ามันเป็นการเผาผาไข
00:08:35 → 00:08:38 มันออกมาใช้พลังงานแล้วก็เลี้ยงหลักก็คือ
00:08:38 → 00:08:40 สมองกับหัวใจอ่าแต่ว่าที่อื่นก็เป็นส่วน
00:08:40 → 00:08:43 ที่ไม่ได้สำคัญในร่างกายเขาก็จะแบบไม่ได้
00:08:43 → 00:08:45 ไปตรงนั้นเยอะเอร่างกายเราก็เลยรู้สึก
00:08:45 → 00:08:48 เฟรชเพราะว่ามันไปที่สมองเยอะเงี้ยค่ะอื
00:08:48 → 00:08:51 แต่ว่าภาวะเนี้ยสิ่งที่ต้องระวังก็คือ
00:08:51 → 00:08:54 ต้องกินน้ำให้เพียงพอเนาะเพราะว่าถ้าเกิด
00:08:54 → 00:08:56 ภาวะขาดน้ำปุ๊บเนี่ยไอ้ตัวคีโตนเนี่ยจริง
00:08:56 → 00:09:00 ๆมันต้องขับออกทางไตค่ะคุณทิอือ่าแล้วก็
00:09:00 → 00:09:03 สำหรับของเสียต่างๆที่ต้องขับออกทางไต
00:09:03 → 00:09:05 เหมือนกันมันก็จะแย่งกันออกอ่าถ้าเรากิน
00:09:05 → 00:09:08 น้ำไม่เพียงพอไตทำงานได้ไม่ดีขั้นตอน
00:09:08 → 00:09:11 เนี้ยมีโอกาสจะเกิดไตวายได้เอ่าเกิดภาวะ
00:09:11 → 00:09:14 ที่อยู่อิกสูงขึ้นได้อาจจะเก๊ากำเลิกได้
00:09:14 → 00:09:17 ส่วนวันที่ 3 นะคะเราก็ยังสดชื่นอยู่นะคะ
00:09:17 → 00:09:19 อ่าร่างกายในวันที่ 3 ก็จะเป็นการสลาย
00:09:19 → 00:09:22 โปรตีนละยังรู้สึกสดชื่นเหมือนเดิมแต่ว่า
00:09:22 → 00:09:25 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือบางทีถ้าใช้ในการ
00:09:25 → 00:09:27 เผาผ่านมากเกินไปเราอาจจะไปเผาผ่านพวก
00:09:27 → 00:09:29 กล้ามเนื้อค่ะ
00:09:29 → 00:09:32 ปุ๊กลเนื้อเราถูกสลายเราก็จะมีอาการปวด
00:09:32 → 00:09:35 เมื่อยกล้ามเนื้อหรือว่าอ่อนอ่อนแรงขึ้น
00:09:35 → 00:09:38 อย่างเงี้ค่ะดังนั้นถ้าให้ปลอดภัยนะคะก็
00:09:39 → 00:09:42 จริงๆน่ะถ้าทำด้วยตัวเองไม่ควรเกิน 2 วัน
00:09:42 → 00:09:44 ค่ะถ้าในวันที่ 3 ขึ้นไปเขาจะเรียกว่า
00:09:44 → 00:09:47 extend ละก็คือเป็นแบบยาวละอันนี้ต้อง
00:09:47 → 00:09:49 อยู่ในความควบคุมของแพทย์จะปลอดภัยกว่า
00:09:49 → 00:09:51 วันเดียวนี้ได้มคะอาจารย์ถ้าวันเดียว
00:09:51 → 00:09:54 เนี่ยได้เลยเพราะว่ามันแค่รดขาบมันจะเห็น
00:09:54 → 00:09:57 ผลมคะแต่ว่ามันยังไม่ถึงขั้นตอนคีโตสิสก็
00:09:57 → 00:10:00 คือยังไม่ได้สลายไขมันเนาะอ
00:10:00 → 00:10:02 โเก็คือช่ยเพราฉะนั้นต้องอดทนให้ถึงวัน
00:10:02 → 00:10:05 ที่ 2 ี่แล้วคะอ่าใช่ก็ดูร่างกายตัวเอง
00:10:05 → 00:10:08 เป็นหลักนะคะบางคนถ้าเกิน 3 วันอาจจะต้อง
00:10:08 → 00:10:10 แบบเข้าไป admit เลยอย่างที่บอกว่าบางคน
00:10:10 → 00:10:12 อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่กระบวน
00:10:12 → 00:10:16 การ V fasting จริงๆแต่ถ้าใครที่คนปกติ
00:10:16 → 00:10:18 เลยอยากจะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้อาจจะต้อง
00:10:18 → 00:10:21 ศึกษาเพิ่มเติมสักนิดนึงว่ามันจะต้องทำ
00:10:21 → 00:10:24 ยังไงให้ให้มันส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อย
00:10:24 → 00:10:26 ที่สุดอย่างที่บอกว่าหัวข้อเราก็คือ Water
00:10:26 → 00:10:29 fasting ก็คือการลดน้ำหนักด้วยการกินกิน
00:10:29 → 00:10:32 น้ำอย่างเดียวเลยน้ำใน 1 วันเราต้องทาน
00:10:32 → 00:10:35 ปริมาณมากน้อยขนาดไหนคะอาจารย์ถึงจะอยู่
00:10:35 → 00:10:39 ในปริมาณที่พอเหมาะกับการทำ Water
00:10:39 → 00:10:41 fasting เนี่ยค่ะจริงๆแล้วปริมาณน้ำที่
00:10:41 → 00:10:44 ร่างกายต้องการต่อวันนะคะก็โดยเฉลี่ยอยู่
00:10:44 → 00:10:47 ประมาณ 2-3 ลิตรอืเนาะถ้าคิดง่ายๆก็คือ
00:10:47 → 00:10:50 น้ำหนักตัวเท่าไหร่คูณ 30 เข้าไปอันนั้น
00:10:50 → 00:10:53 จะเป็นปริมาณคร่าวๆที่ร่างกายต้องการ
00:10:53 → 00:10:56 น้อยอยที่สุดต่อวันเนาะค่ะอืคูณ 30 นี่
00:10:56 → 00:11:00 คือปริมาณน้อยที่สุดใช่ค่ะต่อวันที่จะทำ
00:11:00 → 00:11:03 ให้ไม่เกิดภาวะขัดน้ำฟังหลายท่านฟังอยู่
00:11:03 → 00:11:06 แล้วสนใจอยากจะเริ่มต้นบางท่านอาจจะอ่ะขอ
00:11:06 → 00:11:09 เริ่มวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยเราจะต้อง
00:11:09 → 00:11:11 เตรียมตัวยังไงบ้างคะอาจารย์ก่อนจะทำ al
00:11:11 → 00:11:14 fasting เนี่ยค่ะก่อนที่จะทำนะคะก่อน
00:11:14 → 00:11:17 อื่นนะคะที่ที่จะขอเตือนก่อนเนาะก็คือ
00:11:17 → 00:11:19 ต้องเช็คก่อนว่าตัวเองอ่ะมีโรคประจำตัว
00:11:19 → 00:11:23 หรือเปล่า Healthy สุขภาพดีมถ้าไม่แข็ง
00:11:23 → 00:11:26 แรงพอไม่อึดพออันนี้ไม่แนะนำนะคะเพราะว่า
00:11:26 → 00:11:30 จะเกิดอันตรายมากกว่าผลดีเนาะ
00:11:30 → 00:11:35 ถไม่โประำตัวอันตรายไม่ค่อยมีนะคะก็อยจะ
00:11:35 → 00:11:38 ให้คิดอีกอย่างว่าทำไปเพื่อต้องการอะไรนะ
00:11:38 → 00:11:41 คะเพราะว่ากระบวนการ ay ที่จะเกิดขึ้น
00:11:41 → 00:11:43 เนี่ยบางคนก็อยากจะเพื่อที่จะดีทอกใช่ไห
00:11:43 → 00:11:46 คะอยากเอาของเสียออกไปเซลล์เสื่อมออกไป
00:11:46 → 00:11:49 หรือบางคนอยากจะได้แค่เรื่องของการที่มี
00:11:50 → 00:11:53 พลังเยอะขึ้นเนาหรือโฟกัสได้ดีขึ้นอะไร
00:11:53 → 00:11:56 เงี้ยค่ะหรือบางคนอยากจะลดน้ำหนักหรือว่า
00:11:56 → 00:11:58 ช่วยในเรื่องการย่อยอาหารอะไรอย่างเงี้ย
00:11:58 → 00:12:00 ก็ต้องดูว่าเราต้องการเพราะ
00:12:00 → 00:12:03 อะไรจุดประสงค์ใช่เพราะว่ามันจะได้บอกว่า
00:12:03 → 00:12:06 จริงๆแล้วเราเหมาะกับวิธีนี้หรือไม่เรา
00:12:06 → 00:12:09 ต้องทำระยะเวลานานเท่าไหร่ค่ะค่ะเนาะส่วน
00:12:09 → 00:12:12 ถ้าสมมุติว่าเราพิจารณาละอ่ะโอเคมันคุ้ม
00:12:12 → 00:12:15 เนาะเราปลอดภัยเราไม่ได้เราไม่ได้แบบเป็น
00:12:15 → 00:12:17 คนมีโรคประจำตัวไม่อันตรายไม่ได้กินยา
00:12:17 → 00:12:20 อะไรอยู่ก่อนทำก็ต้องฝึกนะคะไม่ใช่อยู่ดี
00:12:20 → 00:12:22 ๆไปเข้า Water fasting เลยอันนี้เป็นลม
00:12:22 → 00:12:25 แน่นอนพุ่งนี้ตื่นเช้ามาแล้วฟิเลย
00:12:25 → 00:12:28 อันเนี้ยอันตรายมากนะคะดังนั้นเราต้องมี
00:12:28 → 00:12:31 เฟสก่อนที่จะเข้า Water fasting ก่อนทำ
00:12:31 → 00:12:34 เนี่ยอันดับ 1 ก็คือต้องลดแคลอรีที่กิน
00:12:34 → 00:12:36 ถ้าเป็นคนที่เคยกินบุฟเฟ่ต์กินอาหารเยอะๆ
00:12:36 → 00:12:39 ก็ต้องลดจำกัดแคลอรีเท่าที่ร่างกาย
00:12:39 → 00:12:43 ต้องการก่อนอเนาะอืแล้วก็อีกอันนึงเวลา
00:12:43 → 00:12:45 ที่ลดแคลอรีแล้วเราต้องกิน Healthy Food
00:12:45 → 00:12:47 ด้วยค่ะเนื่องจากว่าช่วงที่เราฟาสเราไม่
00:12:47 → 00:12:50 มีวิตามินเกลือแร่อะไรเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ
00:12:50 → 00:12:52 แปลว่าเราต้องสะสมวิตามินเกลือแร่ในร่าง
00:12:52 → 00:12:54 กายให้เพียงพอไม่งั้นร่างกายจะเกิดเอ่อ
00:12:54 → 00:12:57 ภาวะที่อิเล็กโตรไลต์หรือว่าสารเกือแร่ใน
00:12:57 → 00:13:00 ร่างกายผิดปกติอันนี้อันตรายเช่นกันค่ะ
00:13:00 → 00:13:03 ถัดมาถ้าเรากินได้น้อยแล้วนะคะอันที่ทุก
00:13:03 → 00:13:06 คนติดกันเยอะก็คือคาเฟอีนใช่มั้ยคะค่ะอ่า
00:13:06 → 00:13:08 อันเนี้ยต้องงดก่อนที่จะเข้า Water
00:13:08 → 00:13:13 fasting นะคะต้องงดคาเฟอีนงดนมงดน้ำตาล
00:13:13 → 00:13:17 ที่เป็นน้ำตาลเสริมให้ได้กาแฟนี่ก็ไม่จัด
00:13:17 → 00:13:19 ว่าอยู่ใน Water fasting หรอคะอาจารยไม่
00:13:19 → 00:13:23 อยู่ค่ะจริงๆบางคนในเทรน์ If เาก็บอกว่า
00:13:23 → 00:13:26 กินกาแฟได้ใช่มั้ยคะกาแฟดำแต่จริงๆ Water
00:13:27 → 00:13:29 fasting เนี่ยเรากินแคลอรี่น้อยมากอทำ
00:13:29 → 00:13:32 ให้แบบเราไม่ได้ต้องการเบมากขนาดนั้นกาแฟ
00:13:32 → 00:13:36 เนี่ยมันทำให้เราแบบมีเจด้วยหลังรนีด้วย
00:13:36 → 00:13:39 นะคะเอ่าบางทีมันมันเผาผันมากเกินไปค่ะ
00:13:39 → 00:13:42 เนาะก็จะทำให้เราใจสั่นได้ที่แนะนำให้งด
00:13:42 → 00:13:45 ก่อนเนื่องจากอะไรเพราะว่าคาเฟอีนนมน้ำ
00:13:45 → 00:13:49 ตาลพวกนี้มีภาวะแิหรือว่ามีภาวะติดได้อ
00:13:49 → 00:13:52 อ่าเหมือนเราติดอะไรสักอย่างเนาะเวลาเรา
00:13:52 → 00:13:54 ถอนมันน่ะค่ะเวลาที่มันไม่มีอ่ะมันจะรู้
00:13:54 → 00:13:59 สึกลงแดงถูกต้องแปลว่ามันจะไม่สำเร็จตอน
00:13:59 → 00:14:01 ที่งดตอนแรกแล้วค่ะอถ้าเรางดไม่สำเร็จ
00:14:01 → 00:14:04 Water fing ก็จะไม่สำเร็จอ่าอันนี้ก็
00:14:04 → 00:14:06 เลยต้องบอกว่าต้องงดให้ได้ก่อนโดยปกติ
00:14:06 → 00:14:09 เวลาเรางดกาแฟใช้เวลาประมาณ 7 วันถ้าเรา
00:14:09 → 00:14:11 งดได้ถึง 7 วันโดยไม่กินคาเฟอีนเลยหลัง
00:14:11 → 00:14:14 นั้นน่ะเราก็จะไม่นิดมันใช่ค่ะแต่ว่าถ้า
00:14:14 → 00:14:16 สมมุติว่าเรายังงดไม่ได้เนี่ยเวลาเรางดไป
00:14:16 → 00:14:19 เราอาจจะมีภาวะแบบขึ้นไส้อาเจียนปวดหัว
00:14:19 → 00:14:23 อะไรได้พอเราได้ละลดแคลอรี่ได้ลดสารที่
00:14:23 → 00:14:25 เราติดได้นะคะถัดมาต้องฝึกเข้าสู่ภาวะ
00:14:26 → 00:14:28 คีโตซิสบ่อยๆก่อนอย่าเพิ่งไปเริ่มที 3
00:14:28 → 00:14:29 วัน
00:14:29 → 00:14:31 ตอนแรกอ่ะเริ่มที่ 1 วันก่อน 1 วันได้ไป
00:14:31 → 00:14:35 วันที่ 2 พอวันที่ 2 เข้าคีโตนบ่อยๆอ่า
00:14:35 → 00:14:38 เข้าคีโตสิสบ่อยๆให้ร่างกายแบบเคยชินน่ะ
00:14:38 → 00:14:41 ค่ะอืแล้วไม่เกิดภาวะคีโตฟลูอะไรเงี้ย
00:14:41 → 00:14:43 อันเนี้ยถึงจะมาสป up เป็นวันที่ 3 หลาย
00:14:43 → 00:14:46 คนอาจจะคิดว่าพอเราอยากจะเริ่มพรุ่งนี้
00:14:46 → 00:14:48 เริ่มได้เลยจริงๆไม่ใช่ถ้าทำได้เหล่านี้
00:14:48 → 00:14:50 นะคะอันนี้เป็นเฟสที่ก่อนเข้า Water
00:14:50 → 00:14:52 fasting นะคะถ้าทำได้สำเร็จละก็มาเข้า
00:14:52 → 00:14:55 สู่กระบวนการตอนที่ทำนะคะตอนที่ทำ Water
00:14:55 → 00:14:58 fasting เนี่ยเขาบอกว่ากินแต่น้ำเปล่า
00:14:58 → 00:15:00 แต่จริงๆถ้าถ้าเรากินน้้ำเปล่าเฉยๆนะคะ
00:15:00 → 00:15:03 ร่างกายอาจจะทำให้เกลือแร่เสียสมดุลได้
00:15:04 → 00:15:07 อ่าเขาก็จะบอกว่าให้ใส่เกลือลงไปสักนิด
00:15:07 → 00:15:10 นึงถ้าฝรั่งก็บอกว่าประมาณ 1 หยิบมืออื
00:15:10 → 00:15:13 ถ้าเทียบช้อนชาก็ประมาณ 1/4 ช้อนชาจริงๆ
00:15:13 → 00:15:16 หลักการตรงเเราอยากได้โซเดียมเพราะถ้าเรา
00:15:16 → 00:15:18 ไม่ได้รับโซเดียมแล้วเรากินแต่น้ำเปล่า
00:15:18 → 00:15:21 โซเดียมเราจะเจือจางทำให้เราเกิดอาการซึม
00:15:21 → 00:15:26 ชักได้เนาะแต่ว่าถ้าเรากินพวกแบบใส่เกลือ
00:15:26 → 00:15:28 ลงไปหน่อยมันจะทำให้ร่างกายเรายังได้รับ
00:15:28 → 00:15:31 พวกสั่นเกลือแร่บางคนก็อาจจะบอกว่าให้ใส่
00:15:31 → 00:15:33 เกลือสีชมพูอะไรเงี้ยนะคะเพราะว่าเนื่อง
00:15:33 → 00:15:36 จากเชื่อว่ามันมีสารอาหารอีกหลายอย่างนอก
00:15:36 → 00:15:38 จากโซเดียมอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็ได้เช่น
00:15:38 → 00:15:41 กันอ่าแต่ว่าบางคนถ้าขี้เกียจปรุงเองก็
00:15:41 → 00:15:44 อาจจะดื่มน้ำแร่ก็ช่วยได้น้ำแร่ก็จะมีแร่
00:15:44 → 00:15:46 ธาตุหลายอย่างเนาะที่ร่างกายสามารถนำไป
00:15:46 → 00:15:49 ใช้ได้แล้วก็เวลาที่ทานน้ำนะคะเราจะไม่
00:15:49 → 00:15:53 ได้ทานทีเดียวเยอะๆเราจะจิบไปเรื่อยๆร่าง
00:15:53 → 00:15:56 กายรู้สึกหิวน้ำเราก็กินเข้าไปวันนึงให้
00:15:56 → 00:15:59 อยู่ประมาณ 2-3 ลิตรนะคะเพราะว่าถ้าบางคน
00:15:59 → 00:16:02 เนี่ยบอกว่าฟากินแต่น้ำเข้าไปกลายเป็นว่า
00:16:02 → 00:16:06 เกิดภาวะน้ำเป็นพิษใช่จุขนาดนั้นเนี่ย
00:16:06 → 00:16:08 เดี๋ยวบางทีอ่าร่างกายเนี่ยเกือแร่เจือ
00:16:08 → 00:16:11 จังงเกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ด้วยถัดมาก็คือ
00:16:11 → 00:16:14 เวลาตอนที่ทำเนี่ยค่ะส่วนใหญ่ก็จะแนะนำ
00:16:14 → 00:16:17 ว่าให้มีกิจกรรมที่เบาๆมากๆอเพราะว่าโดย
00:16:17 → 00:16:20 เฉพาะวันที่ 1 เนาะที่ว่าจะมีโอกาสที่จะ
00:16:20 → 00:16:23 อ่อนเพียเป็นลมมึนหัวได้เนี่ยนะคะก็จะ
00:16:23 → 00:16:26 ห้ามออกกำลังกายหนักบางคนอยากลดน้ำหนัก
00:16:26 → 00:16:32 ออกกำลังกายหนักด้วยไม่กินอาหาร
00:16:32 → 00:16:36 คะพูดถึงตอนที่ทำนะคะหลังทำก็ความสำคญนะ
00:16:36 → 00:16:39 คะตอนที่หลังทำนะคะไม่ใช่เราออกจากฟาแล้ว
00:16:39 → 00:16:42 เรากินได้ทุกอย่างอ่าเนื่องจากเราอดอาหาร
00:16:42 → 00:16:44 มานานร่างกายก็มีการปรับตัวอย่างเช่น
00:16:44 → 00:16:47 กระเพาะหดลงเนาะสมดุลเรื่องเกือล่งเกือ
00:16:47 → 00:16:50 แร่อะไรก็จะถูกเปลี่ยนไปจากภาวะปกติที่
00:16:50 → 00:16:52 เรากินอาหารนะคะดังนั้นเวลาที่ออกฟาสก็
00:16:52 → 00:16:56 ต้องค่อยๆสปอ di นะคะเริ่มจากอาหารเหลว
00:16:56 → 00:16:58 ก่อนแล้วค่อยเป็นอาหารอ่อนแล้วก็อาหาร
00:16:58 → 00:17:01 แข็งอืค่อยๆทานน้อยๆนะคะเนื่องจากว่าถ้า
00:17:02 → 00:17:04 เราอดอาหารมานานแล้วไปทานลวดเดียวเลยบาง
00:17:04 → 00:17:06 ทีเกิดภาวะของ refeeding Syndrome
00:17:06 → 00:17:10 อันเนี้ยเสียชีวิตได้โออันตรายมากรุนแรง
00:17:10 → 00:17:12 ขนาดนั้นเลยเหรอคะใช่ค่ะมันจะทำให้พวก
00:17:12 → 00:17:15 เกลือแร่ในร่างกายเสียสมดุลเราได้รู้กัน
00:17:15 → 00:17:18 ไปแล้วว่าก่อนที่จะทำ Water fasting จะ
00:17:18 → 00:17:21 ต้องมีการเตรียมตัวยังไงบ้างแล้วหลังทำจะ
00:17:21 → 00:17:23 เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายแล้วเราควรจะทาน
00:17:23 → 00:17:26 อะไรยังไงบ้างนะคะทีนี้กลุ่มไหนบ้างคะ
00:17:27 → 00:17:30 อาจารย์ที่ไม่เหมาะเลยกับการที่จะมาทำ
00:17:30 → 00:17:32 Water fasting เนี่ยค่ะหลักๆก็จะเป็น
00:17:32 → 00:17:35 กลุ่มที่ต้องการการเจริญเติบโตอยู่เนาะ
00:17:35 → 00:17:37 ง่ายๆก็คือเป็นหญิงตั้งครรภใช่มยคะต้อง
00:17:37 → 00:17:40 เอาสารอาหารไปเลี้ยงลูกในท้องนะคะหญิงให้
00:17:41 → 00:17:44 นมบุตรใช่มั้ยคะก็ต้องการสารอาหารไป
00:17:44 → 00:17:46 เลี้ยงบุตรนะคะกับเด็กที่ต้องเติบโตอยู่
00:17:47 → 00:17:50 เด็กอายุน้อยๆนะคะโดยปกติกลไกความเสื่อม
00:17:50 → 00:17:53 เนี่ยค่ะจะอยู่ประมาณอายุ 25 ขึ้นไปที่
00:17:53 → 00:17:55 เราจะไม่ค่อยสร้างอะไรแล้วเนาะแล้วเราจะ
00:17:55 → 00:17:57 เป็นภาวะที่ร่างกายเนี่ยเสื่อมสลายเรื่อย
00:17:57 → 00:18:00 ๆดังนั้นเนี่ยก่อน 25 เนี่ยอาจารย์ก็ไม่
00:18:00 → 00:18:02 ค่อยแนะนำนะคะเนื่องจากว่าร่างกายต้องการ
00:18:02 → 00:18:05 การเจริญเติบโตอยู่อีกกลุ่มนึงก็อย่าง
00:18:05 → 00:18:07 เช่นเป็นกลุ่มที่มีภาวะการกินผิดปกติหรือ
00:18:07 → 00:18:10 เราเรียก eating disorder นะคะอย่างเช่น
00:18:10 → 00:18:12 ที่เรารู้จักกันเรื่องอนรกเซียใช่ไมมคะ
00:18:12 → 00:18:16 โนเกียที่แบบคลั่งผอมใช่่มยไม่กินอะไรเลย
00:18:16 → 00:18:19 หรือว่าบูรีเมียที่ทานแล้วต้องไปหาทางออก
00:18:19 → 00:18:23 ไปไปล้วงคออาเจียนหรือว่าไปทานยาระบาย
00:18:23 → 00:18:26 อะไรเงี้ยนะคะพวกเนี้ยเวลาทำฟาสติ่งมี
00:18:26 → 00:18:29 โอกาสที่จะทำให้โรคพวกนี้กำเริมได้อือืม
00:18:29 → 00:18:31 จะเป็นภาวะทางจิตอย่างนึงเนาะดังนั้นก็
00:18:31 → 00:18:33 ต้องรู้ว่าตัวเองมีภาวะเหล่านี้มถ้ามีก็
00:18:33 → 00:18:37 ไม่ควรนะคะอ่าถัดมาก็จะเป็นโรคภายในของ
00:18:37 → 00:18:40 แต่ละคนเนาะอย่างเช่นมีโรคตับโรคไตโรค
00:18:40 → 00:18:42 เก๊าดังที่บอกไปเมื่อกี้เนาะว่าจะมีผล
00:18:42 → 00:18:45 กระทบต่อตับได้ในวันแรกที่ต้องเอา
00:18:45 → 00:18:48 ไกลโคเจนมาสลายเนาะเรื่องของไตต้องมีการ
00:18:48 → 00:18:51 ขับคีโตนใช่มั้ยคะดังนั้นถ้าเรามีภาวะโรค
00:18:51 → 00:18:55 ไตก็ไม่ควรทำไายเราอาจจะวายง่ายขึ้นนะคะ
00:18:55 → 00:18:58 เรื่องของเก๊าเก๊าอาจจะกำเเลือบได้แล้วก็
00:18:58 → 00:19:00 โรคกระเพาะที่เป็นกันเยอะแยะนะคะก็ต้องดู
00:19:00 → 00:19:03 แลตัวเองอ่ะค่ะถ้าสมมติว่าฟาปุ๊บโรค
00:19:03 → 00:19:05 กระเพาะกำเริบอันนี้อยู่ทันทีนะคะไม่งั้น
00:19:05 → 00:19:07 เดี๋ยวต้องมารักษาใช่ต้องมารักษาโรค
00:19:07 → 00:19:10 กระเพาะต่อถัดมาก็จะเป็นเรื่องของคนที่
00:19:10 → 00:19:12 ผอมมากๆหรือว่าขาดสารอาหารเดิมอยู่แล้ว
00:19:12 → 00:19:15 ค่ะเนื่องจากว่าถ้าสมมุติว่าขาดสารอาหาร
00:19:15 → 00:19:18 เดิมผอมมากภาวะกล้ามเนื้อมีน้อยอยู่แล้ว
00:19:18 → 00:19:20 แล้วเมื่อกี้ที่เราบอกว่าจะมีการสลาย
00:19:20 → 00:19:23 กล้ามเนื้อด้วยเนาะเขาอาจจะแบบป่วยง่าย
00:19:23 → 00:19:26 ขึ้นเออหรือว่าขัดสารอาหารมากขึ้นได้อีก
00:19:26 → 00:19:28 อันก็จะเป็นอันนี้ยังเป็นข้อสงสัยอยู่
00:19:28 → 00:19:31 อยู่แต่ก็พิจารณาตามความเหมาะสมแล้วกันนะ
00:19:31 → 00:19:33 คะอย่างเช่นโรคเรื้อรังต่างๆอย่างเช่นโรค
00:19:33 → 00:19:36 หัวใจโรคเบาหวานโรคอะไรเงี้ยค่ะถ้าสมมุติ
00:19:36 → 00:19:40 ว่าเป็นโรคที่คุ้มไม่ค่อยได้มีอาการกำ
00:19:40 → 00:19:43 เลิบเยอะใช้ยาอยู่แบบขนาดสูงอันนี้ก็ต้อง
00:19:43 → 00:19:46 ปรึกษาคุณหมอเนาะดังนั้นถ้าใครมียาอะไร
00:19:46 → 00:19:48 ที่ทานอยู่เป็นประจำปรึกษาแพทย์ก่อนอย่า
00:19:48 → 00:19:51 เพิ่งไป Water Fast ด้วยตัวเองนะคะเออ
00:19:51 → 00:19:53 บางอันต้องการการปรับยาหรือการติดตามใกล้
00:19:53 → 00:19:57 ชิดท้ายสุดอาจารย์มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่
00:19:57 → 00:19:59 สนใจผผู้ฟังหลายท่านฟังรายการวันนี้ก็อาจ
00:20:00 → 00:20:03 จะสนใจอยากจะลองไปฝึกฝนแล้วก็ลองทำ Water
00:20:03 → 00:20:06 fasting ดูอาจารย์มีคำแนะนำให้เพิ่มเติม
00:20:06 → 00:20:09 มคะสำหรับคำแนะนำนะคะแบ่งเป็น 5 ข้อให้
00:20:09 → 00:20:12 เลยะกันค่ะจะได้จำง่ายเนาะข้อที่ 1 นะคะ
00:20:12 → 00:20:15 ก็คืออยากให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน
00:20:15 → 00:20:17 เนื่องจากมันมีทั้งข้อดีข้อเสียเราต้อง
00:20:17 → 00:20:20 พิจารณาว่าวิธีเนี้เหมาะกับเราหรือเปล่า
00:20:20 → 00:20:22 นะคะเนื่องจากบางคนอาจจะอย่างเช่นมีโรค
00:20:22 → 00:20:25 กระเพาะทำไม่ไหวกระเพาะกำเริบนะคะแล้วก็
00:20:25 → 00:20:28 ต้องดูว่าเหมาะกับเราไนะคะแล้วก็เซตเป้า
00:20:28 → 00:20:30 หมายดีๆว่าทำไปเพื่ออะไรเอาให้ชัดเจน
00:20:30 → 00:20:33 เพราะว่ามันมันมีวิธีทำแล้วก็ได้ประโยชน์
00:20:33 → 00:20:36 ในหลายทางอืแต่ว่าส่วนใหญ่เนี่ยจะทำเพื่อ
00:20:37 → 00:20:40 ทางใดทางหนึ่งอันที่ 2 ไม่ควรทำระยะยาวนะ
00:20:40 → 00:20:43 คะถ้าเราทำเกิน 3 วันขึ้นไปหรือทำบ่อยมาก
00:20:43 → 00:20:46 บางคนอาจจะเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ถ้าใคร
00:20:46 → 00:20:49 ที่อยากทำนะคะเพื่อที่จะแบบร่างกายรีเซต
00:20:49 → 00:20:51 ร่างกายเนาะเพื่อแบบขับของเสียออกอะไร
00:20:51 → 00:20:54 เงี้ยค่ะก็ทำประมาณสักปีละครั้ง 2 ครั้ง
00:20:54 → 00:20:58 ก็พอแล้วนะคะไม่ต้องทำบ่อยอืข้อควรระวัง
00:20:58 → 00:21:01 ก็คืออย่างเช่นคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีอัน
00:21:01 → 00:21:04 นี้ไม่แนะนำเลยเนาะหรือว่าถ้าเราสุขภาพดี
00:21:04 → 00:21:06 แต่เกิดเราเป็นผู้หญิงแล้วมีประจำเดือน
00:21:06 → 00:21:09 ช่วงนั้นร่างกายอ่อนเพลียเราก็ไม่ควรทำ
00:21:09 → 00:21:11 เนาะจริงๆเราก็ไม่ได้ Healthy ในช่วงนั้น
00:21:11 → 00:21:14 ค่ะถัดมาข้อที่ 3 นะคะถ้าใครมีโรคประจำ
00:21:14 → 00:21:16 ตัวต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะอันนี้ไม่ควร
00:21:16 → 00:21:19 ทำเองนะคะอันตรายมากอันที่ 4 ถ้าเรา
00:21:19 → 00:21:23 พิจารณาแล้วอ่าเราแข็งแรงดีคิดว่าจะทำลอง
00:21:23 → 00:21:26 ทำดูทำได้นะคะก็อยากจะให้ใจเย็นๆอย่างที่
00:21:26 → 00:21:29 บอกมันต้องฝึกฝนก่อนไม่ควรใจร้อนนะคะอ่า
00:21:29 → 00:21:32 ฝึกฝนจนร่างกายเคยชินแล้วก็ค่อยๆเพิ่ม
00:21:32 → 00:21:35 เวลาขึ้นเรื่อยๆอค่ะส่วนข้อสุดท้ายนะคะ
00:21:35 → 00:21:37 เวลาที่ทำอยากให้ฟังเสียงร่างกายตัวเอง
00:21:37 → 00:21:39 ด้วยอันเนี้ยก็จะเลยบอกว่าบางคนเป็นการ
00:21:39 → 00:21:43 ฝึกสมาธิฝึกโฟกัสหรือว่าเป็นการสำรวจร่าง
00:21:43 → 00:21:46 กายแล้วก็ตอนที่ออกฟาเนี่ยก็ต้องค่อยๆคุม
00:21:46 → 00:21:49 อาหารอย่ารีบกินนะคะไม่งั้นจะเกิดภาวะที่
00:21:49 → 00:21:52 อันตรายได้แล้วก็ถ้าเราไม่อยากกลับมาอ้วน
00:21:52 → 00:21:54 ซ้ำใช่่ไหมมคะตอนที่ออกฟาสนอกจากคุมอาหาร
00:21:54 → 00:21:57 แล้วเราต้องเพิ่มความแรงในการออกกำลังกาย
00:21:57 → 00:22:01 ทีละหน่อยที่ละหน่อยออ่าเนื่องจากว่าภาวะ
00:22:01 → 00:22:03 เผาผลาญของเรามันลดลงตอนที่เราอดอาหารใช่
00:22:03 → 00:22:06 มั้คะถ้าเรากลับไปกินยังไงน้ำหนักขึ้นแน่
00:22:06 → 00:22:09 นอนอ่าดังนั้นถ้าเราหวังว่าจะลดน้ำหนัก
00:22:09 → 00:22:12 ด้วยวิธีนี้แล้วตอนออกฟัเรากินปกติยังไง
00:22:12 → 00:22:15 เราก็มีโยเอฟเฟคเพราะฉะนั้นนะคะ 5 ข้อที่
00:22:15 → 00:22:18 อาจารย์หมอฝากเอาไว้สำหรับใครที่อยากจะทด
00:22:18 → 00:22:21 ลองทำ Water fasting แต่ทั้งหมดทั้งมวล
00:22:21 → 00:22:24 ที่กล่าวมาก็คืออยู่ที่ร่างกายของแต่ละคน
00:22:24 → 00:22:26 ไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นควรจะเรียนรู้มี
00:22:26 → 00:22:29 การศึกษาข้อมูลเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมาก
00:22:29 → 00:22:32 ที่สุดด้วยนะคะวันนี้ขอบพระคุณอาจารย์หมอ
00:22:32 → 00:22:34 มากๆนะคะที่มาให้ความรู้แล้วก็พูดคุยกัน
00:22:35 → 00:22:37 เกี่ยวกับเรื่องของการทำ Water fasting
00:22:37 → 00:22:41 นะคะขอบคุณค่ะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ cmu
00:22:41 → 00:22:44 podcast Fun for help เพราะสุขภาพที่
00:22:44 → 00:22:49 ดีเริ่มได้จากตัวเรา