00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world By The
00:00:05 → 00:00:08 Voice tma AO คุณหมอโรคหัวใจบางท่าน
00:00:08 → 00:00:11 เรียกว่าทีมาภาษาทางการแพทย์คือไอเกอร์
00:00:11 → 00:00:14 หรือตัวชี้วัดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัว
00:00:14 → 00:00:17 ใจและหลอดเลือดเริ่มมีการศึกษาวิจัยเพิ่ม
00:00:17 → 00:00:20 มากขึ้นและว่ามันไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการ
00:00:20 → 00:00:23 เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเนี่ยได้ถึง 2.5
00:00:23 → 00:00:27 เท่ามันเกิดขึ้นจากอาหารในกลุ่มของพวก
00:00:27 → 00:00:31 เนื้อแดงยังมีอีก 1 แดงไข่แดงถ้ากินเกิน 2
00:00:31 → 00:00:34 ฟองขึ้นไปเขามีการวิจัยทางคลินิกเขาพบว่า
00:00:34 → 00:00:37 เ้ย 2 ฟองขึ้นไปต่อวันเนี่ยไอ้ศา tma
00:00:37 → 00:00:40 เนี่ยมันจะเกิดเพิ่มขึ้นมากขึ้นที่ลำไส้
00:00:40 → 00:00:42 ของเราทั้งๆที่มีประโยชน์นะพวกนี้มี
00:00:42 → 00:00:46 ประโยชน์ช่วยในเรื่องของสมองแต่เยอะ
00:00:46 → 00:00:50 เกินฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:50 → 00:00:54 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:54 → 00:00:57 ค่ะ This Is tha PBS podcast วันนี้
00:00:57 → 00:01:00 ค่ะคุณผู้ฟังคะเราจะคุยกันถึงถึงเรื่อง
00:01:00 → 00:01:03 นึงอ่าจริงๆเราอาจจะไม่ค่อยได้คุ้นเคยนะ
00:01:03 → 00:01:05 คะแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากถึง
00:01:05 → 00:01:09 เรื่องของปัจจัยเสี่ยงเส้นเลือดตีบนะคะ t
00:01:09 → 00:01:14 m a o เอ๊ะคืออะไรเป็นเอ่อตัวย่ออะไร
00:01:14 → 00:01:16 ที่เป็นสัญลักษณ์หรือเป็นทนอะไรบอกอะไร
00:01:16 → 00:01:18 เลยเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพอาหารการกิน
00:01:18 → 00:01:20 เราหรือเปล่านะคะเดี๋ยวคุยกับผู้ช่วย
00:01:20 → 00:01:23 ศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจากวิทยาลัย
00:01:23 → 00:01:25 การแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
00:01:25 → 00:01:29 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีครับวันนี้มา
00:01:29 → 00:01:32 เอ๊ะอาจารย์ผิดแนวหรือเปล่าคะเกี่ยวกับ
00:01:32 → 00:01:34 เรื่องของปัจจัยเสี่ยงเส้นเลือดตีบเกี่ยว
00:01:34 → 00:01:38 กับเรื่องของอาหารแล้วตัวย่อเนี่ย T M
00:01:38 → 00:01:42 AO ตัวนี้ครับผมเอ่อไม่รู้ว่ามันเป็น
00:01:42 → 00:01:45 อะไรที่จะสื่อถึงความหมายอะไรไปเกี่ยวกับ
00:01:45 → 00:01:47 เส้นเลือดตีบอะไรอย่างงี้ด้วยมั้ยคะอ่า
00:01:48 → 00:01:54 เจ้า tmao เนาะชื่อเต็มๆก็คือไมิเอมีนเอ
00:01:54 → 00:01:58 ออกไซดอ่าคุณผู้ฟังอาจจะตกกระใจเลยโอ้โห
00:01:58 → 00:02:02 อะไรชื่อวิทยาสายาวนะอาจารย์ก็เลยเรียก
00:02:02 → 00:02:05 สั้นๆว่า tmao หรือคุณหมอโรคหัวใจบางท่าน
00:02:05 → 00:02:10 เรียกว่า T เมา T เมาอ่า t แล้วก็ Mao ก็
00:02:10 → 00:02:14 คือเมาอ่านว่าเมานะทีเมาเมานะจริงๆแล้ว
00:02:14 → 00:02:16 คือก็นี่แหละจะเรียกใดๆก็ตามแต่เนาะแต่
00:02:16 → 00:02:20 มันเป็นตัวเาเรียกว่าภาษาทางการแพทย์คือ
00:02:20 → 00:02:24 ไอเกอร์หรือตัวชี้วัดความเสี่ยงนะต่อการ
00:02:24 → 00:02:28 เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นตัวใหม่
00:02:28 → 00:02:31 หลายๆคนคุณผู้ฟังหลายๆคนอาจจะแบบเออไป
00:02:31 → 00:02:34 เจาะเลือดก็ดูแต่คอเลสเตอรอลใช่มั้ยครับ
00:02:34 → 00:02:40 มีไขมัน ldl hdl ไตกีซอลนะหรือไปตรวจ
00:02:40 → 00:02:44 เอ่อบางแลบก็อ่ะไปตรวจค่าน้ำตาลน้ำตาล
00:02:44 → 00:02:47 สะสมนะอันนั้นเกี่ยวกับเบาหวานนะบางคนก็
00:02:47 → 00:02:50 ไปตรวจการอักเสบอืนะครับแต่ตัวเนี้ยเป็น
00:02:50 → 00:02:54 อีกหนึ่งปัจจัยที่เริ่มมีการศึกษาวิจัย
00:02:54 → 00:02:57 เพิ่มมากขึ้นและว่ามันไปเพิ่มความเสี่ยง
00:02:57 → 00:03:00 ต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเนี่ยได้
00:03:00 → 00:03:05 ถึง 2.5 เท่าถ้าระดับที่สูงอืน่ามันก็จะ
00:03:05 → 00:03:08 มีเกณฑ์มีค่าระดับนะครับแต่ไอ้เจ้า tmao
00:03:08 → 00:03:11 เนี้ยมันเกิดขึ้นจากอะไรมันเกิดขึ้นจาก
00:03:11 → 00:03:16 ตัวอาหารนี่อาหารอะไรฟังให้ดีนะคุณรีค่ะ
00:03:17 → 00:03:20 อาหารในกลุ่มของพวกเนื้อ
00:03:20 → 00:03:26 แดงเนื้อสัตว์เนื้อแดงอนะครับที่มันเข้า
00:03:26 → 00:03:28 สู่ร่างกายของเราแล้วมันไปอยู่ที่กระเพาะ
00:03:28 → 00:03:31 อาหารทางโดยอาหารไปสู่ลำไส้ใช่มั้ยครับ
00:03:31 → 00:03:33 มันก็จะมีกลุ่มจุลินทรีย์ในลำไส้นี่แหละ
00:03:33 → 00:03:38 ครับที่มาทำปฏิกิริยากับไอ้เจ้าพวกสารใน
00:03:38 → 00:03:43 เนื้อแดงอืนะอ่าแล้วผลิตสาร tmao ขึ้นมา
00:03:44 → 00:03:46 นะครับซึ่งมันยังไม่ได้ผลิต tmao ขึ้นมา
00:03:46 → 00:03:50 เลยนะมันจะผลิตสารที่ชื่อว่า tma มาก่อน
00:03:50 → 00:03:53 แล้ว tma ที่เกิดขึ้นเนี่ยเวลาบางคนกิน
00:03:53 → 00:03:56 เนื้อแดงเยอะๆชอบกินเนื้อแดงเยอะๆนะ
00:03:56 → 00:03:58 อาจารย์บอกเลยนอกจากเนื้อแดงเนี่ยยังมี
00:03:58 → 00:04:03 อีก 1 แดงไข่แดงถ้ากินนเกิน 2 ฟองขึ้นไป
00:04:03 → 00:04:06 ไข่แดงนะหมายถึงต่อต่อวันหรือต่อวันครับ
00:04:06 → 00:04:09 เ้ามีการวิจัยทางคลินิกเลยให้กินไข่แดง 1
00:04:09 → 00:04:12 ฟอง 2 ฟอง 3 ฟองเ้าพบว่าเฮ้ย 2 ฟองขึ้นไป
00:04:12 → 00:04:15 ต่อวันเนี่ยไอ้สาร tma เนี่ยมันจะเกิด
00:04:15 → 00:04:18 เพิ่มขึ้นมากขึ้นที่ลำไส้ของเราอืนะเนื้อ
00:04:19 → 00:04:22 แดงไข่แดงนะเพราะไข่แดงมีพวกโคลีเลซิติน
00:04:22 → 00:04:25 อะไรพวกนี้ทั้งๆที่มีประโยชน์นะพวกเมี
00:04:25 → 00:04:28 ประโยชน์ช่วยในเรื่องของสมองแต่เยอะเกิน
00:04:28 → 00:04:31 นัเห็นมั้ยครับครับงั้นแล้วเนี่ยเรื่อง
00:04:31 → 00:04:33 ของเรื่องนะไอ้สารเนี่ยมันเกิดขึ้นเนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 เพราะจุลินทรีย์ที่ไม่ดีที่อยู่ที่ลำไส้
00:04:36 → 00:04:40 ของเรามันไปเปลี่ยนพวกสารที่อยู่ในเนื้อ
00:04:40 → 00:04:43 แดงและไข่แดงเหล่าเนี้ยอืให้กลายเป็นสาร
00:04:43 → 00:04:46 ที่ไม่ดีชื่อว่า tma อยู่ที่ลำไส้นะครับ
00:04:46 → 00:04:49 ค่ะอ่าอยู่ที่ลำไส้แล้ว tma มันจะถูกดูด
00:04:49 → 00:04:53 ซึมผ่านลำไส้ของเราเข้าสู่กระแสเลือดไอ้
00:04:53 → 00:04:56 tma เนี้ยมันจะเดินทางไปที่ตับแล้วตับจะ
00:04:56 → 00:04:58 มีเอนไซม์ในการเปลี่ยนไปเป็นสารที่ชื่อ
00:04:58 → 00:05:02 ว่า tmao แล้วทำให้เกิดการอักเสบของหลอด
00:05:02 → 00:05:05 เลือดอทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:05:05 → 00:05:08 หัวใจและหลอดเลือดอ่ามันไม่ใช่ว่าเฮ้ยมัน
00:05:09 → 00:05:12 เกิดขึ้นมาแบบที่ลำไส้ของเราแล้วมันอยู่ๆ
00:05:12 → 00:05:14 ไปเพิ่มความเสี่ยงกับการเกิดโรคหัวใจเลย
00:05:14 → 00:05:18 ไม่มันทีละสเต็ปสเต็ปที่ลำไส้เนี่ยผลิต
00:05:18 → 00:05:20 tma แล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเดินทาง
00:05:20 → 00:05:24 ไปที่ตับตับก็จะมีเอนไซม์ในการเปลี่ยน tma
00:05:24 → 00:05:27 ให้กลายเป็น O เหมือนเติม O เข้ามาอ่า
00:05:27 → 00:05:30 แล้วไอ้ tma O เนี้ยมันก็ทำให้เกิดการ
00:05:30 → 00:05:34 อักเสบของหลอดเลือดทำให้เกิดอการ
00:05:34 → 00:05:38 เอ่อสิ่งที่เขาเรียกว่าทอมซีนะหลอดเลือด
00:05:38 → 00:05:43 เนี่ยมันก็จะเกิดเป็นแข็งตัวเกิดเป็น
00:05:43 → 00:05:46 ตะกันอนะครับเกิดการอุดตันของหลอดเลือด
00:05:46 → 00:05:51 ได้ง่ายขึ้นอ่าแทสก็จะเกิดการเกราะกลุ่ม
00:05:51 → 00:05:53 ของหลอดเลือดเอ้ยของเกล็ดเลือดนะแล้วก็
00:05:53 → 00:05:56 หลอดเลือดก็จะอุดตันง่ายขึ้นนะจากสารที่
00:05:56 → 00:05:58 ชื่อ tmao นี่แหละแล้วเราจะเห็นเลยว่า
00:05:58 → 00:06:01 เอ้ยถ้าถ้าเราจะไปยับยั้งไอ้สารร้ายตัว
00:06:01 → 00:06:06 เนี้ยมันก็ต้องถ้าเอาตั้งแต่ต้นทางคุณก็
00:06:06 → 00:06:10 ต้องกินเนื้อแดงให้น้อยอออ่าตาม Who
00:06:10 → 00:06:12 recom คือไม่ควรเกิน 400 กรัมเต็มที่
00:06:12 → 00:06:17 ครึ่งกิโลกต่อสัปดาห์โอ๊ยอ่าบางทีมื้อนึง
00:06:17 → 00:06:19 เกินแล้วครึ่งกิลต่อสัปดาห์ไม่ควรเกินนะ
00:06:20 → 00:06:23 ถ้าคุณรีไปกินหมูย่างเกาหลีหมูกระทะนะไป
00:06:23 → 00:06:26 กินบุฟเฟ่ต์อันนี้เกินเกินแล้วอ่าั้นแล้ว
00:06:26 → 00:06:30 ถ้ากินเยอะมันก็จะเสี่ยงอืมีงานวิจัยเอ้ย
00:06:30 → 00:06:33 ทำไมเค้าพบทางระบาดวิทยานะพบความสัมพันธ์
00:06:33 → 00:06:35 ติดตามคนที่กินเนื้อแดงเยอะๆอ่ะเฮ้ยทำไม
00:06:35 → 00:06:38 เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจแลเหล่อเลือด
00:06:38 → 00:06:40 เพิ่มขึ้นน่ะค่ะทำไมเสี่ยงกับการเกิด
00:06:40 → 00:06:43 มะเร็งเพิ่มขึ้นน่ะอ้าอาจารย์แต่สารเนื้อ
00:06:43 → 00:06:47 แดงอ่ะคือหมายความว่าสารที่ใช้สารเร่ง
00:06:47 → 00:06:51 เนื้อแดงไม่ใช่ครับไม่ใช่จาตัวสารที่อยู่
00:06:51 → 00:06:53 ในพวกเนื้อแดงเนี่ยเนื้อแดงก็คือ
00:06:54 → 00:06:55 แอลคานีทีน
00:06:55 → 00:06:58 เคยได้ยินใช่มั้ยครับที่มาเป็นอาหารเสริม
00:06:58 → 00:07:00 ลดความอ้วนน่ะเออเเคมว่าลดกอ้วจริงๆแล้ว
00:07:00 → 00:07:02 มันลดไม่ได้นะถ้ากินแล้วนั่งๆนอนๆเฉยๆ
00:07:02 → 00:07:04 เนี่ยไม่ได้ออกกำลังก็ไม่ได้ลดได้ไอ้
00:07:04 → 00:07:09 แอลคีนเนี่ยมันเป็นตัวพาไขมันเข้าไปอยู่
00:07:09 → 00:07:14 ในเอ่อเผาผลาญตัวพาไขมันเผาผลาซึ่งกระบวน
00:07:14 → 00:07:15 การเผาผลาในร่างกายเนี่ยมันจะเกิดการเผา
00:07:16 → 00:07:18 ผลเยอะใช้พลังงานเยอะอยู่ที่เซลล์ไหนครับ
00:07:18 → 00:07:21 กล้ามเนื้ออืถูกมครับเพราะกล้ามเนื้อเรา
00:07:21 → 00:07:24 ต้องใช้พลังงานเยอะไงแล้วถ้าเราอยากที่จะ
00:07:24 → 00:07:27 ได้รับแอลคานิทีนเยอะๆเราก็ต้องไปกิน
00:07:27 → 00:07:31 อาหารประเภทเนื้อสัตว์อืโปรตีนไงถูกต้อง
00:07:31 → 00:07:33 แล้วในเนื้อสัตว์มันก็จะมีพวกแอลคานีทีน
00:07:33 → 00:07:36 เนี่ยเยอะมีอยู่แล้วโดยธรรมชาติมีอยู่
00:07:36 → 00:07:38 แล้วครับโดยธรรมชาติอยู่แล้วไม่ใช่กิน
00:07:38 → 00:07:40 เป็นเม็ดๆเสริมนะั้นแล้วถ้ากินเนื้อแดง
00:07:41 → 00:07:44 เยอะๆเราก็ได้แอลคานีทีนเยอะออถ้าเรากิน
00:07:44 → 00:07:48 ไข่แดงเยอะๆมันมีโคลีนอยู่สูงอืในไข่แดง
00:07:48 → 00:07:50 เอ้านะครับมันก็จะไอ้จุลินทรีย์ที่ไม่ดี
00:07:50 → 00:07:54 ครับกินเยอะนะแต่ถ้าคุณไม่กินเลยคุณก็จะ
00:07:54 → 00:07:58 ไม่ได้ประโยชน์ก็เสี่ยงถูกมั้ยครับคุณก็
00:07:58 → 00:08:03 จะเสี่ยงอแล้วเนี่ยมันคือสมดุลออแต่เค้า
00:08:03 → 00:08:06 ก็มีปริมามันคือสมดุลไม่ใช่ว่าคุณกินไม่
00:08:06 → 00:08:08 ใช่ว่าคุณกินไม่อ่ะคุณไม่กินโอ้ฉันกลัว
00:08:08 → 00:08:11 ไข่แดงเดี๋ยวเกิด tmao ไม่ใช่ก็คุณกินได้
00:08:11 → 00:08:13 นี่วันละฟองอ่ะเต็มที่ไม่เกิน 2 ฟองอ่ะ
00:08:13 → 00:08:16 เพราะมีงานวิจัยว่าคุณกิน 2 ฟองแล้วเนี่ย
00:08:16 → 00:08:18 มันจะผลิตสารเนี่ยเพิ่มมากขึ้นอาจารย์
00:08:18 → 00:08:21 แล้วถ้าเกิดเป็นไข่นกกระทาที่เวลาขายเไม่
00:08:21 → 00:08:24 เหมือนกันครับจะไข่อะไรก็ตามแต่เขายกินที
00:08:24 → 00:08:26 นึงมันก็หลายฟองนะเพราะว่ามันฟองเลอ่าอัน
00:08:26 → 00:08:28 นั้นก็คุณก็จะเพิ่มความเสี่ยงเยอะขึ้นแต่
00:08:28 → 00:08:30 ช่างน้ำหนักแล้วมันขึ้นอยู่กับว่าไอ้ไข่
00:08:30 → 00:08:33 นกกระทาเนี่ยอาจจะรวมไข่แดงจากไข่นกกระทา
00:08:33 → 00:08:36 3 ฟองเท่ากับไข่ไก่ 1 ฟองอือ่าอย่าง
00:08:37 → 00:08:41 เงี้ยครับงั้นแล้วเนี่ยถ้าเราตั้งต้นเรา
00:08:41 → 00:08:44 ลดได้มันคุณรีจะเห็นเลยว่าไอ้สเต็ปสารที่
00:08:44 → 00:08:47 ก่อให้เกิดโรคเนี้ยนะไอ้ tmao ที่เสี่ยง
00:08:47 → 00:08:50 ต่อการเกิดโรคหัวใจเนี่ยคือมันมีสเต็ป
00:08:50 → 00:08:52 ตั้งแต่คุณกินเนื้อแดงเยอะคุณกินไขแดงมาก
00:08:52 → 00:08:56 ค่ะอ่ามากมันก็มีปริมาณนะจากการวิจัยว่า
00:08:56 → 00:08:59 อุ้ยเนื้อแดงเอ่อสัปดาห์ไม่เกินครึ่ง
00:08:59 → 00:09:00 กิโลก
00:09:00 → 00:09:05 ต่อสัปดาห์ค่ะนะไข่แดงไม่เกินวันละ 2 ฟอง
00:09:05 → 00:09:08 นะถ้าสวยๆเลยเซฟๆเลยคือวันละฟองอ่าอ่า
00:09:08 → 00:09:11 เพราะไม่งั้นเนี่ยคุณจะมีสารที่ชื่อว่า
00:09:11 → 00:09:15 แอลคานิทีนและโคลีนเยอะแล้วสารนี้จะถูก
00:09:15 → 00:09:18 จุลินทรีย์ที่ไม่ดีเปลี่ยนไปเป็น tma ไป
00:09:18 → 00:09:22 เป็นพวกมันซะแล้ว tma เนี่ยมันมันเป็นพิษ
00:09:22 → 00:09:26 และแต่ว่ามันก็ยังไม่ยังไม่ร้ายกาดมัน
00:09:26 → 00:09:29 เดินทางถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอไปที่
00:09:29 → 00:09:31 ตับแล้วก็เปลี่ยนเป็น tmao ที่เป็นตัว
00:09:31 → 00:09:35 ร้ายบอสหรือเปล่าคะใช่ฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:09:35 → 00:09:38 คุณลีต้องไปตั้งแต่ตั้งต้นเลยว่าถ้าคุณ
00:09:38 → 00:09:42 กินเนื้อแดงเยอะอือมันก็เป็นโทษในการที่
00:09:42 → 00:09:47 จะมีสารตั้งต้น tma อยู่สูงค่ะอ่าแล้วก็
00:09:47 → 00:09:49 ต้องบล็อกตั้งแต่ตั้งต้นเฮ้ยกินเนื้อแดง
00:09:49 → 00:09:53 น้อยอ่าไข่แดงวันละ 1 ฟองเต็มที่ไม่เกิน 2
00:09:53 → 00:09:55 ฟองนะ
00:09:55 → 00:10:01 และอีกหนึ่งกลไกที่สำคัญเลยคือเรารู้ว่า
00:10:01 → 00:10:05 ถ้าเรากินได้เอ่อถ้าไม่ได้ไปรดตรงนั้นมาก
00:10:05 → 00:10:10 ได้มากเราก็ต้องปรับจุลินทรีย์ที่ลำไส้
00:10:10 → 00:10:14 ของเราอ่ะให้มีตัวร้ายให้น้อยอืก็คือกิน
00:10:14 → 00:10:16 ผักเข้าไปเยอะๆค่ะสมมุติว่าโอหคุณลีกิน
00:10:16 → 00:10:19 สเต็กเนื้อกินหมูย่างเกาหลีนะในมื้อนั้น
00:10:19 → 00:10:23 เยอะๆคุณลีก็โหลดพวกสารตั้งต้นที่ก่อให้
00:10:23 → 00:10:27 เกิด tma ที่เป็นสารพิษเขกับหลอดเลือดของ
00:10:27 → 00:10:30 เราเยอะถูกมั้ยครับคุบุลีก็ต้องแก้เกมโดย
00:10:30 → 00:10:35 การเพิ่มสัดส่วนอาหารจานผักเข้าไปค่ะอ่า
00:10:35 → 00:10:38 กินผักให้เพิ่มขึ้นอืนวันนึงเี่ตีรวมทั้ง
00:10:38 → 00:10:41 วันเลยอ่ะให้ได้อย่างน้อย 6 ทัพพีเพราะ
00:10:41 → 00:10:44 มันมีงานวิจัยว่ามันช่วยลด tmao ได้ก็
00:10:45 → 00:10:48 มื้อละแค่ 2 ทัพพีอาจารย์ที่อาจารย์พูดมา
00:10:48 → 00:10:51 เนี่ยไม่ถึงสักอย่างเลยเนื้อแดงก็ไม่ถึง
00:10:51 → 00:10:53 ผักก็ไม่ถึงเอาดีแล้วไงคเนื้อแดงไม่ถึง
00:10:53 → 00:10:57 เป็นประโยชน์นะเน้นกินเนื้อขาวจากปลาอก
00:10:57 → 00:11:01 ไก่ไข่ขาวอออ่าอ่าไปมันก็จะไม่ได้มีมันก็
00:11:01 → 00:11:04 ไม่ได้แบบเฮ้ยมีสารในกลุ่มเหล่าเเยอะค่ะ
00:11:04 → 00:11:08 อ่าฉะนั้นแล้วเนี่ยเราก็ต้องปรับว่าเฮ้ย
00:11:08 → 00:11:13 ถ้าเราลดเนื้อแดงลงได้อเราลดไข่แดงลงได้
00:11:13 → 00:11:17 ไม่เกินวันละ 2 ฟองฉะนั้นแล้วเนี่ยเออ
00:11:17 → 00:11:20 tmao มันก็มีโอกาสเกิดน้อยในขณะเดียวกัน
00:11:20 → 00:11:22 ถ้ามื้อไหนเรากินเรารู้แล้วเดี๋ยวมันจะ
00:11:22 → 00:11:26 ผลิตขึ้นเยอะอ่ะฉันกินผักเข้าไปนะหรือฉัน
00:11:26 → 00:11:28 กินผักเป็นประจำอยู่แล้วนะแล้วรูปแบบของ
00:11:28 → 00:11:31 อาหารแลชนาการเนี่ยที่เรากินผักเข้าไปไอ้
00:11:31 → 00:11:34 ผักนั้นส่วนใหญ่ก็จะมีพวกพรีไบโอติกที่
00:11:34 → 00:11:37 เป็นอาหารของโปรไบโอติกโปรไบโอติกก็เจริญ
00:11:37 → 00:11:40 เติบโตล้าลาไอ้เชื้อร้ายที่มันจะไปสร้าง
00:11:40 → 00:11:43 tmao เนี่ยมันก็เกิดขึ้นน้อยอืมันก็มี
00:11:43 → 00:11:46 อยู่น้อยอย่างเงี้ยงั้นแล้วเนี่ยเราก็
00:11:46 → 00:11:50 ต้องพยายามที่จะลดทุกกระบวนการอ่ะมันมี
00:11:50 → 00:11:53 กลไกตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอ่ะถ้าคุณลี
00:11:53 → 00:11:56 สามารถลดได้ตั้งแต่ต้นเลยแหล่งของมันคือ
00:11:56 → 00:12:00 กินเนื้อแดงให้ลดลงนะกินไข่แดงแดงแต่พอดี
00:12:00 → 00:12:03 มันก็โอกาสเกิด tml ก็น้อยค่ะอ่าแต่ถ้า
00:12:03 → 00:12:06 เกิดกินเยอะหน่อยความสุขของคุณรีคือการ
00:12:07 → 00:12:09 กินก็ต้องเพิ่มผักเข้าไปค่ะอ่าถ้ากิน
00:12:10 → 00:12:12 เนื้อแดงกินสเต็กกินอะไรคุณรีก็ต้องเพิ่ม
00:12:12 → 00:12:15 ผักเข้าไปโอหนึกถึงคนที่ไม่ชอบกินผักขึ้น
00:12:15 → 00:12:19 มาเลยค่ะอาจารย์นี่แหละมันก็เลยเกิดตรง
00:12:19 → 00:12:22 เนี้ยที่มีโอกาสเกิด tma AO เพิ่มขึ้น
00:12:22 → 00:12:24 มากแล้วคนที่ชอบกินหวานกินคาร์โบไฮเดรต
00:12:24 → 00:12:27 เยอะๆครับ High ขาบ intake เนี่ยเป็น
00:12:27 → 00:12:30 ปัจจัยเร่งการเพิ่มของจุลินทรีย์ที่ไม่ดี
00:12:30 → 00:12:35 ทำให้เกิดการผลิต tma มากขึ้นค่ะนะแล้ว
00:12:35 → 00:12:38 ถ้าเกิดว่าคุณกินเนื้อแดงมากคุณกินไข่แดง
00:12:38 → 00:12:41 สูงแล้วกินน้ำตาลเยอะค่ะคาร์โบไฮเดรตมาก
00:12:41 → 00:12:45 ไอ้นี่เพิ่มหมดเลยสารตั้งต้นฉันก็ไปเพิ่ม
00:12:45 → 00:12:48 ถูกมยอเพิ่มทั้งเนื้อแดงไข่แดงฟาดเข้าไป
00:12:48 → 00:12:51 เยอะเต็มที่ในขณะเดียวกันผักฉันก็ไม่ค่อย
00:12:51 → 00:12:54 กินแล้วฉันกินกับอะไรกินกับน้ำหวานน้ำอัด
00:12:54 → 00:12:58 ลมเงี้ยสั่งปิ้งย่างมาผักไม่กินนะแล้วก็
00:12:58 → 00:13:01 ฟีดเข้าไปสารตั้งต้นของ tma ถูกมั้ยแล้ว
00:13:01 → 00:13:06 ก็แถมยังมีเอ่อผักก็ไม่ใส่อ่าแล้วน้ำตาล
00:13:06 → 00:13:08 ก็ใส่เข้าไปอีกก็สาด tma ขึ้นเพิ่มขึ้นไป
00:13:08 → 00:13:11 อีกเอ้าแต่ปิ้งย่างมันต้องกินกับน้ำอันลม
00:13:11 → 00:13:14 นะอาจารย์ถึงจะเข้านี่แหละนี่แหละมันก็
00:13:14 → 00:13:16 เลยเป็นปัจจัยที่เป็นอาจารย์เรียกว่าผี
00:13:16 → 00:13:21 ซ้ำด้ามพลอยนึกออกมั้ยเป็นแบบวงจรเลยยิ่ง
00:13:21 → 00:13:25 ยิ่งแบบศาตั้งต้นคุณกินเข้าไปเยอะค่ะอ่า
00:13:25 → 00:13:29 มันก็ทำให้มีพวกสารตั้งต้นเนี่ยเนี่ยมา
00:13:29 → 00:13:31 เยอะแล้วเตรียมและแล้วในขณะเดียวกันไอ้
00:13:31 → 00:13:34 จุลินทรีย์ที่แทนที่อ่ะสมมุติคุณกินสาร
00:13:34 → 00:13:36 ตั้งต้นเข้าไปเยอะนะเนื้อแดงเยอะไข่แดง
00:13:36 → 00:13:41 เยอะแต่คุณยังกินผักไอ้จุลินทรีย์ที่อยู่
00:13:41 → 00:13:45 ในผักอ่าจุลินทรีย์ที่ดีอ่ะครับอ่ามันก็
00:13:45 → 00:13:48 จะมีเยอะกว่าไม่ดีมันก็ควบคุมไอ้ไม่ดีไม่
00:13:48 → 00:13:52 ให้มาเปลี่ยนไอ้เนื้อแดงไข่แดงให้กลาย
00:13:52 → 00:13:55 เป็นสาร cma ที่เป็นพิษอืนึกออกมั้ยครับ
00:13:55 → 00:13:57 มันมีหลายกระบวนการเงี้ยถึงบอกว่าอาหาร
00:13:57 → 00:14:00 การกินโภชนาการเป็นสารและศีนว่าเฮ้ยถ้า
00:14:00 → 00:14:04 คุณกินเนื้อแดงเยอะๆคอือคุณก็ต้องกินผัก
00:14:04 → 00:14:08 เข้าไปด้วยเพื่อไปลดการผลิต tma ค่ะอ่า
00:14:08 → 00:14:12 แต่ถ้าคุณไม่กินผักนะแล้วคุณซ้ำเติมด้วย
00:14:12 → 00:14:15 การกินน้ำตาลกินคาร์โบไฮเดรตเยอะมันก็มี
00:14:15 → 00:14:18 ผลทำให้ tma สูงขึ้นแล้ว tma สูงขึ้นปุ๊บ
00:14:18 → 00:14:23 มันถูกดูซึ้มเข้าไปไปที่ตับอือ่าซึ่งคุณ
00:14:23 → 00:14:25 จะไปบล็อกที่ตับก็ได้แต่อาจารย์บอกเลยว่า
00:14:25 → 00:14:29 ควรจะยับยั้งตั้งแต่ตั้งแต่ต้นทางอ่าที่
00:14:29 → 00:14:33 ตับเองเนี่ยมันก็จะมีเอ่อการศึกษาวิจัย
00:14:33 → 00:14:36 สารพฤกษ์สักดิ์เคมีที่อยู่ในผลไม้เห็น
00:14:36 → 00:14:41 มั้ยผักผลไม้อีกและนะเช่น
00:14:41 → 00:14:45 เอ่อในกลุ่มพวกส้มนะมีพวกสารที่ชื่อว่า
00:14:45 → 00:14:49 นารินจินพวกนี้จะยับยั้งการเปลี่ยน tma
00:14:49 → 00:14:53 ให้กลายเป็น tmao เห็นมั้ยมันก็ไม่ได้ทำ
00:14:53 → 00:14:57 ให้เกิดพิษขึ้นมาฮแล้วคุณลีพอจะมองเห็น
00:14:57 → 00:15:02 ภาพใช่มั้ยครับตั้งแต่ต้นน้ำเลยเนื้อแดง
00:15:02 → 00:15:06 ที่กินเยอะๆค่ะไข่แดงที่กินมากๆอื
00:15:06 → 00:15:10 อ่ามันจะถูกเปลี่ยนเป็น tma เอา tma ก่อน
00:15:10 → 00:15:13 นะจากไอ้เนี่ยไอ้สารตั้งต้นเนี่ยที่เนื้อ
00:15:13 → 00:15:16 แดงไข่แดงมีโลรีมีแอคินเยอะเปลี่ยนเป็น
00:15:16 → 00:15:18 tma แล้วไอ้ tma เนี่ยที่ถูกเปลี่ยน
00:15:18 → 00:15:22 เนี่ยมันเปลี่ยนเพราะเชื้อร้ายค่ะงั้น
00:15:22 → 00:15:24 แล้วถ้าเราไม่ใส่สารตั้งต้นเข้าไป
00:15:24 → 00:15:29 เยอะมันก็จบอือก็ตงแต่ต้นทางไต้นทางบล็อก
00:15:29 → 00:15:31 ตั้งแต่ต้นทางกินน้อยตั้งแต่ต้นทางเนา
00:15:31 → 00:15:34 หรือกินให้มันพอดีตั้งแต่ต้นทางแต่ถ้าเรา
00:15:34 → 00:15:37 ใส่เข้าไปคุณก็จะต้องมาทำให้จุลินทรีย์
00:15:37 → 00:15:40 ที่ดีอ่ะมันปกมันเยอะและเพราะไม่งั้น
00:15:40 → 00:15:42 จุลินทรีย์เลวมันจะเปลี่ยนผลิเป็น tma อ
00:15:43 → 00:15:45 ค่ะอ่ามันก็ต้องมีเล็ดรอดเปลี่ยนไปแหละ
00:15:45 → 00:15:47 เป็นปกติแต่พอเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่า
00:15:47 → 00:15:49 เปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อยแล้วมันก็เดินทาง
00:15:49 → 00:15:52 ต่อไปที่ตับทีนี้ประการสุดท้ายของเราแล้ว
00:15:52 → 00:15:57 แหละตเออตับก็ทำงานหนักแล้วนะเนี่ยฉะนั้น
00:15:57 → 00:15:59 แล้วตับเองอ่ะก็จะเป็นตัวแบบเฮ้ยจะผลิต
00:15:59 → 00:16:02 มากน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับนี่แหละอาหารการ
00:16:02 → 00:16:05 กินของเราซึ่งมันมีงานวิจัยที่พบว่าพวก
00:16:05 → 00:16:07 สารที่อยู่ในพวการพฤกษะเคมีอยู่ในพืชผัก
00:16:07 → 00:16:11 ผลไม้หลายตัวนะเช่นที่อาจารย์บอกนารินจิน
00:16:11 → 00:16:15 ที่อยู่ในส้มนะครับีิเจนินที่อยู่ในขึน
00:16:15 → 00:16:19 ช่ายผักชีฝรั่งอย่างเงี้ยอ่าหรือเลอที่
00:16:19 → 00:16:25 อยู่ในพวกอองุ่นแดงนะอยู่ในพวกเอ่อถั่ว
00:16:25 → 00:16:29 ลายเสือไอ้พวกเนี้ยมันยับยั้งการผลิต tmao
00:16:30 → 00:16:34 ได้เห็นมยเราบางทีเราแบบเฮ้ยเราอาจจะต้อง
00:16:34 → 00:16:37 อาศัยหลายๆกลไกประสานเพราะมันไม่ได้แบบ
00:16:37 → 00:16:39 ยับยั้งได้หมดทั้งร้อยอ่ะทุกอันอ่ะอแล้ว
00:16:39 → 00:16:41 แล้วถ้าทางที่ดีที่สุดถ้าเราไล่เลี้ยง
00:16:41 → 00:16:43 ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเนี่ยเราก็จะเห็น
00:16:43 → 00:16:48 เลยว่าเฮ้ยถ้าฉันกินเนื้อแดงแต่พอดีอ่า
00:16:48 → 00:16:51 สัปดาห์นึงไม่ควรเกินครึ่งกิโลฉันกินไข่
00:16:51 → 00:16:54 แดงวันละฟองเฮ้ยมันก็ยังโอเคแต่ถามว่ามัน
00:16:54 → 00:16:57 มีผลิตมั้ยผลิตแต่นิดๆหน่อยๆนะไม่กี่
00:16:57 → 00:17:01 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สูงออือแล้วฉันกินผัก
00:17:01 → 00:17:03 เป็นประจำกินพรีไบโอติกเป็นประจำ
00:17:03 → 00:17:06 โปรไบโอติกฉันมีอยู่เยอะอ่าเพราะมันมีงาน
00:17:06 → 00:17:08 วิจัยถึงขั้นที่ว่าเฮ้ยโปรไบโอติกเนี่ย
00:17:08 → 00:17:12 บางสายพันธุ์มันช่วยไปลดการผลิตไอ้เจ้า
00:17:12 → 00:17:14 tma ได้ไอ้พวกแลคโตบาซิลัส
00:17:14 → 00:17:16 ไบฟิโดแบคทีเรียมเพราะโปรไบโอติกมันเป็น
00:17:16 → 00:17:23 ตัวดีมันมันจะชั้นปกครองไว้ไอ้ตัวร้ายไม่
00:17:23 → 00:17:26 มีพื้นที่ให้ยึดอือไม่มีพื้นที่ให้อยู่
00:17:26 → 00:17:29 เพราะถ้าเกิดเรามีตัวดีมีน้อยตัวร้ายมี
00:17:29 → 00:17:31 เยอะไอ้ตัวร้ายเนี่ยมันจะ
00:17:32 → 00:17:35 เปลี่ยนสารตั้งต้นนั้นเนี่ยเหล่านั้น
00:17:35 → 00:17:39 เนี่ยให้กลายไปเป็น tma อ่าแล้ว tma เข้า
00:17:39 → 00:17:42 ไปปุ๊บอ้าวเปลี่ยนไปเป็น tmao อีกแล้วคน
00:17:42 → 00:17:45 ที่ไม่กินพืชผักเป็นไงครับโอกาสที่จะผลิต
00:17:45 → 00:17:49 สารเนี้ยสูงอ่ะอย่างงี้แสดงว่าเราก็ต้อง
00:17:49 → 00:17:53 เอิ่มกินเค้าเรียกว่ากินผักผลไม้เนี่ยให้
00:17:53 → 00:17:57 แบบเป็นประจำเป็นโดยโดยปกติเยอะๆไว้เยอะ
00:17:57 → 00:18:00 ใชแต่ก็ต้องเลือกที่มันหวานน้อยนะเพราะ
00:18:00 → 00:18:02 มันหวานเยอะอีกมันก็อาจจะไปแบบเป็นปัจจัย
00:18:02 → 00:18:05 เร่งให้จุลินทรีย์ที่ไม่ดีเพิ่มขึ้นไอ้
00:18:05 → 00:18:07 จุลินทรีย์ไม่ดีเพิ่มมันก็ปลิต tma มาก
00:18:07 → 00:18:10 ขึ้นอืคือบางคนฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่าโห
00:18:10 → 00:18:12 อาจารย์อย่างงี้ก็ไม่ต้องกินอะไรแล้วอ่ะ
00:18:12 → 00:18:15 ดิแล้วแบบกินได้อยู่นะกินได้กินได้หมดเลย
00:18:15 → 00:18:18 ไม่ได้แบบห้ามกินอันนี้อันนี้เ้าเนื้อแดง
00:18:18 → 00:18:21 คุณก็กินได้สัปดาห์ไม่เกินครึ่งกิโลกไข่
00:18:21 → 00:18:24 แดงคุณกินได้ทุกวันวันละฟองค่ะผักคุณกิน
00:18:24 → 00:18:26 พอคุณกินปุ๊บคุณรู้ว่าเฮ้ยเดี๋ยวมันจะ
00:18:26 → 00:18:29 ผลิต tma เว้ยอเราต้องกินโปรไบโอติกเรา
00:18:29 → 00:18:32 ต้องกินพรีไบโอติกกินผักเข้าไปอ่าเพื่อลด
00:18:32 → 00:18:36 การผลิต tma แล้วอี tma เนี่ยที่มันก็ลด
00:18:36 → 00:18:40 ไม่ได้ทั้งร้อยหรอกมันเล็ดรอดไปที่ตับ
00:18:40 → 00:18:44 เฮ้ยฉันก็ยังมีพวกสารพฤกษะเคมีอ่าที่มัน
00:18:44 → 00:18:49 ช่วยในการบล็อก tmao พูดง่ายๆว่าเราไปลด
00:18:49 → 00:18:52 สารตั้งต้นหรือไปควบคุมสารตั้งต้นขณะ
00:18:52 → 00:18:58 เดียวกันเราก็พยายามลดไอ้ปฏิกิริยาที่
00:18:58 → 00:19:02 เกิดขึ้นเป็นสารตัวกลางและสารตัวท้ายอื
00:19:02 → 00:19:04 งั้นแล้วความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจก็
00:19:04 → 00:19:08 จะลดน้อยลงอือ่าบางคนแบบเ้ยคอเลสเตอรอล
00:19:08 → 00:19:11 ปกติไขมันปกติน้ำตาลปกตินี่คนปกติเลยนะ
00:19:11 → 00:19:14 อ่าฮะแล้วเขมีงานวิจัยว่าอ้าตรวจไอ้ค่า
00:19:14 → 00:19:18 tma เนี่ยซึ่งมันมีแลบในการตรวจได้ด้วย
00:19:18 → 00:19:22 นะครับในปัจจุบันเนี่ยว่าค่า tmao เอง
00:19:22 → 00:19:25 เนี่ยอืนะในกระแสเลือดเนี่ยของคนที่ปกติ
00:19:25 → 00:19:28 เนี่ยจะอยู่ไม่เกิน 5
00:19:28 → 00:19:32 ถ้าใครเกิน 5 เนี่ยอันเนี้ยจะมีปัญหาหลอด
00:19:32 → 00:19:38 เลือดตีบนะเส้นเลือดเอ่อสมองตีบเส้นเลือด
00:19:38 → 00:19:41 อุดตันนะเสี่ยงต่อการเกิดสตกซึ่งตอนนี้
00:19:41 → 00:19:45 ประเทศไทยมีแลบแล้วอืที่จะตรวจไอ้ค่า tmao
00:19:45 → 00:19:49 นี่แหละนะซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่
00:19:49 → 00:19:52 สำคัญเพราะบางคนแบบเฮ้ยคอเลสเตอรอลชั้น
00:19:52 → 00:19:56 ไม่สูง ldl ฉันไม่สูงน้ำตาลปกตินะแต่ไม่
00:19:56 → 00:19:59 แน่คุณรู้ได้ไงคุณอาจจะมี
00:19:59 → 00:20:02 tmao ที่สูงนะถ้าคุณกินสูงปุ๊บอย่าง
00:20:02 → 00:20:04 เงี้ยสมมุติว่าพฤติกรรมของคุณกินแต่เนื้อ
00:20:04 → 00:20:05 สัตว์เนื้อสัตว์เนื้อสัตว์อย่างเดียว
00:20:06 → 00:20:09 อย่างเงี้ยนะแล้วจุลินทรีย์ที่ดีมันก็มัน
00:20:09 → 00:20:12 ก็ต้องอาศัยพรีไบโอติกจากผักอ่ะอือ่า
00:20:12 → 00:20:15 เพราะว่าเดี๋ยวนี้เท่าที่เคยเอ่อจากเห็น
00:20:15 → 00:20:18 ข่าวหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยจะมีเรื่องของ
00:20:18 → 00:20:21 สตกเนี่ยบ่อยมากนะคะที่แบใช่ครับดูคนแข็ง
00:20:21 → 00:20:25 แรงแข็งแรงบางทีก็อ้าก็เป็นเป็นง่ายๆก็มี
00:20:26 → 00:20:28 งงเหมือนกันว่าเดี๋ยวเดี๋ยคนเป็นเยอะมาก
00:20:28 → 00:20:30 เลยนะนะคะยิ่งอายุน้อยๆก็เป็นกันได้อ่ะ
00:20:30 → 00:20:33 ตอนเนี้ยถูต้องใช่ๆครับอืเพราะฉะนั้นก็
00:20:33 → 00:20:36 อยู่ที่เรื่องของการที่จะกินตั้งแต่ต้น
00:20:36 → 00:20:40 ทางอาจารย์ย้ำมาตลอดว่าถูกเออก็กินเนื้อ
00:20:40 → 00:20:42 ได้นั่นแหละเไม่ได้ว่าแต่ก็ไม่ใช่แบบ
00:20:43 → 00:20:47 โอ้โหไปกินเนื้อเกินครึ่งกิลใช่กินวันละ
00:20:47 → 00:20:50 ครึ่งกลกอย่างเงี้ยก็ไม่ไหวนะอืหมูกระทะ
00:20:50 → 00:20:54 อะไรชาบงชาบูว่าไปเออเนื้อเก็ต้องกิน
00:20:54 → 00:20:56 เนื้อให้มันแบบคุ้มๆไงอาจารย์มันเป็น
00:20:56 → 00:20:59 บุฟเฟ่อยู่แล้วไงเขกินได้หมดอาจารย์
00:20:59 → 00:21:01 เอกราชบอกเลยไม่เคยห้ามที่มาพูดเนี่ยโอ๊
00:21:01 → 00:21:03 เดี๋ยวอาจารย์อันนี้ก็กินไม่ได้อันนัก็
00:21:03 → 00:21:05 กินไม่ได้ชีวิตตายเลยกันพอดีไม่ต้องกิน
00:21:05 → 00:21:08 อะไรเลยไม่ใช่แต่มันกินได้แบบมีศิลปะมีสา
00:21:08 → 00:21:10 และสีลว่าอุ้ยถ้ามื้อไหนที่คุณกินเนื้อ
00:21:10 → 00:21:14 สัตว์อืคุณก็กินผักเพิ่มเข้าไปเพราะผัก
00:21:14 → 00:21:18 เองเนี่ยมันช่วยชะลอเอ่อมันมีไฟเบอร์ใช่
00:21:18 → 00:21:21 มั้ครับไฟเบอร์เนี่ยเวลามันเจอน้ำที่ทาง
00:21:21 → 00:21:24 เดินอาหารเนี่ยที่เรากินๆเไปเนี่ยระหว่าง
00:21:24 → 00:21:28 มือเนี่ยมันก็จะไปทำให้ค่ะเอ่อใยอาหาร
00:21:28 → 00:21:29 เนี้ย
00:21:29 → 00:21:34 ไปเคลือบผนังลำไส้อืไฟเบอร์จากผักเนี่ย
00:21:34 → 00:21:38 มันจะไปเคลือบผนังลำไส้ลดการสัมผัสและดูด
00:21:38 → 00:21:40 ซึมของสารกร่อมะเร็งค่ะที่เรากินกินปิ้ง
00:21:40 → 00:21:42 ย่างเนี่ยสารกร่อมะเร็งทั้งนั้นเลยนะถูก
00:21:42 → 00:21:45 มั้ยดำๆเนี่ยเพราะความร้อนมันทำกยากับ
00:21:45 → 00:21:48 โปรตีนความร้อนทำกยากับไขมันแล้วไอ้พวก
00:21:48 → 00:21:51 ไหม้ๆเกรียมๆเนี่ยก่อมะเร็งหมดเลยเออแล้ว
00:21:51 → 00:21:53 แต่เรากินปุ๊บเราไม่ใช่ว่าโอกินเสร็จปุ๊บ
00:21:53 → 00:21:55 ไม่เห็นเป็นไรเลยตื่นเช้ามาไม่ใช่น้ำลาย
00:21:55 → 00:21:59 ฟูมปากแล้วก็แบบโอโอไปเลยอืไปวัดเลยมัน
00:21:59 → 00:22:03 ไม่ใช่ไงสะของพวกนี้มันสะสมไงครับเออมัน
00:22:03 → 00:22:06 เป็นมันเป็นอะไรที่มันเป็นสะสมชื่อโลกมัน
00:22:06 → 00:22:08 ยังบอกเลยโลกเรื้อรังคือเป็นแล้วก็เป็น
00:22:08 → 00:22:10 เรื้อรังแล้วก่อนที่จะเป็นเนี่ยมันก็มี
00:22:10 → 00:22:13 พฤติกรรมเรื้อรังถูกมั้ยเหมือนความอ้วน
00:22:13 → 00:22:15 อย่างเงี้ยอยู่ๆเราไม่ใช่อ้วนเลยนะเกิดมา
00:22:15 → 00:22:19 แบบนึกออกมั้มันไม่ใช่พันธุกรรมเงี้ยนะ
00:22:19 → 00:22:22 ส่วนใหญ่ก็จะแบบเฮ้ยค่อยๆสะสมจากพฤติกรรม
00:22:22 → 00:22:25 ของเราอืนะพอท้ายที่สุดปุ๊บเนี่ยอ้าวมัน
00:22:25 → 00:22:28 ก็มันก็ส่งผลทำให้เราเกิดโรคเรื้อรังขึ้น
00:22:28 → 00:22:31 มาจากพฤติกรรมที่เราแบบเรื้อรังเช่น
00:22:31 → 00:22:36 เอ่อชอบกินอาหารหวานเรื้อรังชอบนอนดึก
00:22:36 → 00:22:40 เรื้อรังเรื้อรังอ่าไม่ออกกำลังกายเรื้อ
00:22:40 → 00:22:45 รังนะทุกอย่างเครียดสะสมเรื้อรังค่ะแล้ว
00:22:45 → 00:22:48 องค์ประกอบเหล่าเนี้ยล้วนแล้วแต่มีผลหมด
00:22:48 → 00:22:51 เลยที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังเหล่านี้ค่ะนะ
00:22:52 → 00:22:53 ครับมาแล้วเนี่ยที่อาจารย์บอกวันเนี้ย
00:22:54 → 00:22:57 จริงๆแล้วเนี่ยสารตัวเนี้ยโหมันมีมานาน
00:22:57 → 00:22:59 แล้วแหละแต่เขาเพิ่งค้นพบพบพึ่งวิจัยพบอื
00:23:00 → 00:23:02 แล้วมันน่าสนใจะแล้วเนี่ยเราเองในฐานะ
00:23:03 → 00:23:06 เนาะประชาชนคนทั่วไปบางทีก็แบบอ้าแล้วจะ
00:23:06 → 00:23:09 ทำไงได้อ่ะอาจารย์เช้ามาก็กินข้าวเหนียว
00:23:09 → 00:23:12 หมูปิ้งแล้วอ่ะอ่ามามาลเออนึกออกเอออย่าง
00:23:12 → 00:23:16 เงี้ยก็หาผักผลไม้เข้าไปหน่อยอือใน
00:23:16 → 00:23:18 ระหว่างวันก็ก็ได้ใช่มั้ยคะอใช่เติมผัก
00:23:18 → 00:23:20 เติมอะไรเข้าไปในวันนั้นให้มันเพียงพอ
00:23:21 → 00:23:23 เพื่อสมดุลจุลินทรีย์ที่ลำไส้ของคุณเนี่ย
00:23:23 → 00:23:26 เอ้ยมันจะได้ดีมีโปรไบโอติกอยู่เยอะอืมัน
00:23:27 → 00:23:29 ก็จะได้ผลิตไอ้สาร TM a ได้น้อยแล้วพืช
00:23:30 → 00:23:33 ผักผลไม้บางอย่างเนี่ยมันช่วยในการยับ
00:23:33 → 00:23:37 ยั้งการผลิตสาร tmao ได้ที่ตับค่ะงั้น
00:23:37 → 00:23:39 แล้วเนี่ยเราก็รู้แล้วว่าเฮ้ยถ้าฉันลดไม่
00:23:39 → 00:23:42 ได้หรือมื้อไหนที่ฉันกินฉันก็กินไว้แก้
00:23:42 → 00:23:46 กันอย่างเงี้ยเหมือนเรากินอาหารเอ่อน้ำ
00:23:46 → 00:23:48 ตาลสูงเราก็พยายามกินผักเข้ามาเพื่อชะลอ
00:23:48 → 00:23:51 การดูดซึมน้ำตาลแล้วเรากินเนื้อสัตว์เยอะ
00:23:51 → 00:23:55 ๆเราก็ต้องกินผักเข้าไปเพราะจุลินทรีย์
00:23:55 → 00:23:58 ที่ลำไส้นี่แหละที่เป็นตัวควบคุมสารเรา
00:23:58 → 00:24:02 เ่านี้อือจะมีเยอะก็ในคื่นช่ายใช่ครับผม
00:24:02 → 00:24:06 ผักชีฝรั่งอ่าแล้วก็ในพืชตระกูลส้มเนี่ย
00:24:06 → 00:24:09 มันมีไอ้ใยส้มเนี่ยมีพวกนินจินฮิสเพิน
00:24:09 → 00:24:13 อะไรพวกนี้อยู่โอ๊ยบางคนแกะออกนะน่ะกากใย
00:24:13 → 00:24:16 อ่ะไม่ได้กากใยกินกินกินไปเป็นประโยชน์
00:24:16 → 00:24:19 กว่าครับกินไปเป็นประโยชน์กว่าอหรือเอ
00:24:19 → 00:24:22 เรียกแบบคันน้ำส้มดื่มได้มั้ยคะอาจารย์โอ
00:24:23 → 00:24:27 ไม่แนะนำควรจะกินทั้งผลเลยเพื่อกินสดๆเลย
00:24:27 → 00:24:31 อ่ากากใหญ่เลยแต่แกะเปลือกนะมันไม่ได้กิน
00:24:31 → 00:24:33 นะแล้วก็แช่ทำความสะอาดให้ดีเพราะส้มก็
00:24:33 → 00:24:37 เป็นพืชผลไม้ที่ติดท็อปพิษยาฆ่าแมลงตก
00:24:37 → 00:24:41 ค้างสูงหุยเนี่ยแหละบางคนก็บอกว่าก็ฟังนะ
00:24:41 → 00:24:45 ก็เข้าใจนะเรื่อง tmao อ่ะแต่พอเเอ้ยผัก
00:24:45 → 00:24:48 ผลไม้มันก็ล้างไม่สะอาดก็มะเร็งนะมันก็
00:24:48 → 00:24:51 มะเร็งเหมือนกันอ่าถูกต้องเราก็ต้องแบบ
00:24:51 → 00:24:53 นี่แหละคือถ้ามองปุ๊บเนี่ยเราก็ทุกอย่าง
00:24:53 → 00:24:56 เราพยายามลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด
00:24:56 → 00:24:59 แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพราะปัจจัย
00:24:59 → 00:25:03 ที่ทำให้คนเรามีชีวิตที่ยืนยาวที่สุดเลย
00:25:03 → 00:25:06 หรือ longevity index เลยที่สำคัญเลยคือ
00:25:07 → 00:25:11 ความสุขค่ะในการใช้ชีวิตอืต่อให้คุณมีโรค
00:25:11 → 00:25:15 เรื้อรังอยู่แต่ถ้าคุณมีความสุขบอกเลยชนะ
00:25:15 → 00:25:19 ทุกสิ่งอือ่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมาก
00:25:20 → 00:25:23 ที่สุดที่จะทำให้เราเนี่ยสุขภาพดีทีวียืน
00:25:23 → 00:25:26 ยาวอย่างมีคุณภาพออันนี้เห็นด้วยเห็นด้วย
00:25:26 → 00:25:29 ก็ใช้ชีวิตให้มีความสุขสุขค่ะสุขเล็กๆสุข
00:25:29 → 00:25:33 ใหญ่ๆสุขมากๆก็ว่าไปนะคะก็ช่วยทำให้โรค
00:25:33 → 00:25:37 พวกนี้มันกลัวคนที่มีความสุขครับผมกินให้
00:25:37 → 00:25:41 ดีให้แบบพอดีชีวิตแข็งแรงเอ่อสุขภาพแข็ง
00:25:41 → 00:25:43 แรงแล้วก็ชีวิตมีความสุขด้วยนั่นเองนะคะ
00:25:43 → 00:25:47 ขอบคุณอาจารย์เอกราชค่ะสวัสดีค่ะครับ
00:25:47 → 00:25:50 สวัสดีครับเอาล่ะค่ะคุยเพินๆแป๊บเดียวหมด
00:25:50 → 00:25:51 เวลาแล้วนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการ
00:25:52 → 00:25:54 โรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไป
00:25:55 → 00:25:59 ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Thai PBS
00:25:59 → 00:26:01 กระดูกหลุดและเคลื่อนมักเกิดขึ้นบริเวณใด
00:26:01 → 00:26:04 เป็นบ่อยอันตรายหรือไม่แล้วจะต้องรักษา
00:26:04 → 00:26:07 อย่างไรดรนายแพทย์จตุพลคงถาวรสกุลแพทย์
00:26:07 → 00:26:10 ผู้เชี่ยวชาญสูนย์กล้ามเนื้อกระดูกและข้อ
00:26:10 → 00:26:14 มาเล่าให้ฟังครับปกติกระดูกคนเราเนี่ยมัน
00:26:14 → 00:26:16 ถ้าเคลื่อนเนี่ยนะก็จะใช้คำเนี้ยกับ
00:26:16 → 00:26:18 กระดูกข้อต่อใช่มั้ยฮะข้อต่อคนเราเี่มัน
00:26:18 → 00:26:21 ก็มีเยอะเนาะข้อเข่าข้อไหล่ข้อนิ้วส่วน
00:26:21 → 00:26:24 ใหญ่กระดูกเคลื่อนเนี่ยคนทั่วๆไปเนี่ยจะ
00:26:24 → 00:26:26 คิดว่าเอ๊ะเรานอนทับแล้วมันเคลื่อนได้มย
00:26:26 → 00:26:28 หรือเราแบบเดินๆอยู่สะดงสะดุดอะไรแล้วมัน
00:26:28 → 00:26:31 เคลื่อนได้มั้ยจริงๆพวกนี้เนี่ยโอกาสที่
00:26:31 → 00:26:34 จะหลุดเองจากการที่ไม่มีอุบัติเหตุเนี่ย
00:26:34 → 00:26:38 ค่อนข้างยากมีอยู่แค่บางกรณีเท่านั้นเช่น
00:26:38 → 00:26:40 สมมุติว่าคนไข้เนี่ยเคยหลุดซ้ำๆซากๆมา
00:26:40 → 00:26:43 ก่อนแล้วเอื้อมไปหยิบของหรือทำท่าทางอะไร
00:26:44 → 00:26:46 บางอย่างที่ผิดท่าเนี่ยมันก็อาจจะหลุดออก
00:26:46 → 00:26:49 มาได้นะฮะแต่ว่าอันนี้เนี่ยก็จะเป็นกลุ่ม
00:26:49 → 00:26:53 เฉพาะนะครับทีนี้ในกลุ่มที่อหลุดเพราะว่า
00:26:53 → 00:26:55 มีโอกาสหลุดเรื้อรังอยู่แล้วเนี่ยอาการ
00:26:55 → 00:26:59 พวกนี้ส่วนใหญ่บางคนอาจจะอารน้อยเพราะว่า
00:26:59 → 00:27:03 พอเค้าหลุดปุ๊บเนี่ยเค้าก็จะสามารถดึง
00:27:03 → 00:27:06 กลับหรือมันอาจจะหลุดปุ๊บแล้วก็เข้าที่
00:27:06 → 00:27:09 ทันทีได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่เพราะว่าใน
00:27:09 → 00:27:11 กรณีที่หลุดเรื้อรังเนี่ยอ่ะสมมุติยกตัว
00:27:11 → 00:27:13 อย่างหัวไหล่ก็แล้วกันสมมุติหัวไหล่หลุด
00:27:13 → 00:27:15 เรื้อรังเนี่ยบางคนพอเอี้ยวไปหยิบของผิด
00:27:15 → 00:27:17 ท่าปุ๊บมันก็กึ๊กมันก็หลุดออกมาเมื่อหลุด
00:27:17 → 00:27:20 ออกมาปุ๊บเนี่ยเพราะว่าเส้นเอ็นที่มัน
00:27:20 → 00:27:22 หุ้มตัวไหล่เนี่ยนะฮะมันเกิดการฉี่ขาดไป
00:27:22 → 00:27:26 นานละอือ่าแล้วมันมีการซ่อมแซมที่ไม่
00:27:26 → 00:27:29 เหมาะสมหรือการที่ไม่เกิดการซ่อมแซมเลย
00:27:29 → 00:27:31 จึงทำให้มันเหมือนเป็นประตูเหมือนเปิด
00:27:31 → 00:27:33 ตลอดเวลานะเมื่อประตูเปิดตลอดเวลาไหล่มี
00:27:33 → 00:27:36 โอกาสที่จะออกมาจากประตูได้ตลอดเวลานะฮะ
00:27:36 → 00:27:39 แล้วพอมันออกมาปุ๊บเนี่ยมันก็มีเทรนด์ที่
00:27:39 → 00:27:41 จะเด้งกลับเข้าไปได้เองเพราะว่าเนื้อ
00:27:41 → 00:27:44 เยื่อรอบๆเนี่ยมันก็จะมีความอ่อนแอไปละ
00:27:44 → 00:27:47 เริ่มจะทนต่อการที่มันมีความหลุดเข้าหลุด
00:27:47 → 00:27:49 ออกหลุดเข้าหลุดออกเพราะฉะนั้นพวกนี้
00:27:49 → 00:27:51 เนี่ยบางคนอาการก็อาจจะไม่มีแต่สำหรับคน
00:27:51 → 00:27:55 ที่มีอาการเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาการที่
00:27:55 → 00:27:58 ขยับไม่ได้กระดูกกระดิกอะไรไม่ได้เลย
00:27:58 → 00:28:01 เมื่อขยับปุ๊บเจ็บทันทีเพราะว่าตรงบริเวณ
00:28:01 → 00:28:04 ที่อยู่รอบๆกระดูกที่มันหลุดออกมาเนี่ย
00:28:04 → 00:28:07 มันคือเยื่อหุ้มกระดูกใช่มั้ยฮะพอเวลามัน
00:28:07 → 00:28:10 หลุดออกมามันจะไปกดกันเมื่อมันกดเนี่ย
00:28:10 → 00:28:12 อาการเจ็บก็จะเกิดขึ้นคือคนเราเนี่ยอาการ
00:28:12 → 00:28:14 เจ็บที่เกิดจากกระดูกเนี่ยมันเกิดเพราะ
00:28:15 → 00:28:16 ว่าเยื่อหุ้มกระดูกเนี่ยมันไปโดนอะไร
00:28:16 → 00:28:19 เพราะเส้นประสาทมันอยู่ตรงนั้นคนจะเจ็บ
00:28:19 → 00:28:21 ได้ต้องไปกระตุ้นเส้นประสาทใช่มั้ยฮะเส้น
00:28:21 → 00:28:24 ประสาทอยู่ตรงไหนอยู่ตรงบริเวณเยื่อหุ้ม
00:28:24 → 00:28:26 กระดูกเพราะฉะนั้นเมื่อเยื่อหุ้มกระดูกไป
00:28:26 → 00:28:28 กดตรงไหนมันก็จะเจ็บตรงนั้นเพราะฉะนั้น
00:28:28 → 00:28:31 อาการก็จะมีเจ็บเสียวๆข้างในแต่กระดุก
00:28:31 → 00:28:32 กระดิกอะไรไม่ได้ขยับอะไรไม่ได้เพราะว่า
00:28:32 → 00:28:35 มันล็อคอ๋ออ่าแต่บางกรณีถ้าอย่างที่บอกไป
00:28:35 → 00:28:39 แล้วคือพวกหลุดแต่ว่าสามารถเอาเข้าออกได้
00:28:39 → 00:28:42 เองพวกนี้เนี่ยบางคนอาจจะแบบเดือนนึงปี
00:28:42 → 00:28:44 นึงเนี่ยหลุดประมาณสัก 10 รอบเป็นสิ่งที่
00:28:44 → 00:28:48 เกิดขึ้นได้ทีนี้เราจะต้องทำยังไงถ้า
00:28:48 → 00:28:50 สมมุติว่าเราหหลุดเรื้อรังใช่มั้ยฮะส่วน
00:28:50 → 00:28:52 ใหญ่ถ้าอย่างข้อที่หลุดเรื้อรังบ่อยๆก็จะ
00:28:52 → 00:28:57 มีอ่าข้อไหล่นะฮะข้อสะโพกแต่สะโพกนี่ก็จะ
00:28:57 → 00:28:59 ยากหน่อยนะฮะแต่ว่ามันขึ้นอยู่กับท่าทาง
00:28:59 → 00:29:02 จริงๆดีที่สุดอ่ะนะฮะก็คงต้องไปโรงพยาบาล
00:29:02 → 00:29:04 แหละทำอะไรไม่ได้มีบางรายนะมาโรงพยาบาลก็
00:29:05 → 00:29:08 คือเข้าไปแล้วก็คือพอเขาคหาท่าบางท่าปุ๊บ
00:29:08 → 00:29:10 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นไหล่หรือเป็นนิ้วนะหรือ
00:29:10 → 00:29:13 เป็นนิ้วเท้าอะไรเงี้ยบางคนเคขยับๆปุ๊บ
00:29:13 → 00:29:15 เอ้ยมันเข้าเองแล้วเขาคก็จะมาโรงพยาบาล
00:29:15 → 00:29:18 จริงๆมาหน่อยก็ดีฮะเพื่อ xray ดูว่าไอ้
00:29:18 → 00:29:20 ที่มันหลุดอ่ะมันเข้าจริงๆหรือยังเพราะ
00:29:20 → 00:29:23 บางคนเนี่ยขยับขยับได้ก็จริงแต่ว่ามันยัง
00:29:23 → 00:29:25 เกือบๆจะเข้าอยู่มันยังไม่เข้าดีเพราะ
00:29:25 → 00:29:29 ฉะนั้นพวกนี้เนี่ยก็ควรจะต้องมา xray
00:29:29 → 00:29:31 [เพลง]
00:29:31 → 00:29:34 This Is tha PBS
00:29:34 → 00:29:37 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:37 → 00:29:39 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:39 → 00:29:54 www.thaipbs.or.th
00:29:54 → 00:29:57 [เพลง]
00:29:58 → 00:30:01 อ