00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:22 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:22 → 00:00:26 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:27 → 00:00:29 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:29 → 00:00:33 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:33 → 00:00:37 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:38 → 00:00:39 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:40 → 00:00:44 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:44 → 00:00:47 [เสียงดนตรี]
00:00:47 → 00:00:52 สวัสดีค่ะ หมอเอ๋นะคะ แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:52 → 00:00:55 ตอนนี้ Mahidol Channel ก็มีรายการ Podcast
00:00:55 → 00:00:58 ชื่อว่า Mahidol Channel Podcast
00:00:58 → 00:01:01 วันนี้เราจะคุยกันในเรื่องของอาหาร สำหรับคนไข้เบาหวานค่ะ
00:01:01 → 00:01:05 อันแรกเรามารู้จักกันก่อนนะคะ ว่าเบาหวานคืออะไร
00:01:05 → 00:01:07 เบาหวานนี่ เวลาที่เราไปตรวจใช่ไหมคะ
00:01:07 → 00:01:09 เราก็จะดูระดับน้ำตาลในเลือด
00:01:09 → 00:01:11 แล้วก็จะเห็นว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง
00:01:11 → 00:01:13 คุณหมอก็จะบอกว่าเป็นเบาหวาน
00:01:13 → 00:01:16 ถ้ามันสูงแล้ว ถ้าอย่างนั้นนี่ปกติมันคือเท่าไหร่
00:01:16 → 00:01:19 ถ้าสมมุติทุกท่านงดน้ำงดอาหารแล้วนะคะ
00:01:19 → 00:01:21 แล้วก็ไปเจาะเลือด
00:01:21 → 00:01:25 งดน้ำงดอาหารอย่างน้อยประมาณ 8-12 ชั่วโมง ไปเจาะเลือดตอนเช้า
00:01:25 → 00:01:28 แล้วปรากฏว่าน้ำตาลในเลือดมันสูงเกิน 100
00:01:28 → 00:01:30 อันนี้เราบอกว่าผิดปกตินะคะ
00:01:30 → 00:01:35 แต่ถ้าจะเรียกว่าเบาหวาน คือมันจะต้อง มากกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
00:01:35 → 00:01:37 อันนี้เราก็จะเรียกว่าเบาหวาน
00:01:37 → 00:01:41 หรือว่าบางคนจะไปเจาะ เขาเรียกว่าเป็นน้ำตาลสะสม
00:01:41 → 00:01:44 น้ำตาลสะสมหรือว่า HbA1c ถ้ามากกว่า 6.5
00:01:44 → 00:01:45 อันนี้ก็จะเรียกว่าเป็นเบาหวาน
00:01:45 → 00:01:48 ทีนี้พอเป็นเบาหวานแล้วนี่ เบาหวานมีกี่แบบ
00:01:48 → 00:01:52 เราก็เคยได้ยินกัน บางคนก็ใช้อินซูลิน บางคนก็ไม่ใช้อินซูลิน
00:01:52 → 00:01:53 มียาฉีด ไม่มียาฉีด
00:01:53 → 00:01:57 หลัก ๆ มันก็จะมีชนิดที่ 1 กับชนิดที่ 2 นะคะ
00:01:57 → 00:02:00 ชนิดแรกคือไม่มีอินซูลิน อันนี้ต้องใช้ยาฉีดแล้ว
00:02:00 → 00:02:01 ชนิดที่ 2 นี่
00:02:01 → 00:02:05 มันก็จะเกิดจากการที่ร่างกายเรา เรียกว่ามีภาวะที่เรียกว่าดื้ออินซูลิน
00:02:05 → 00:02:08 อันที่ 3 ภาวะอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น
00:02:08 → 00:02:11 เป็นเบาหวานที่เกิดจาก การที่มีปัญหาที่ตับอ่อน
00:02:11 → 00:02:15 หรือว่าเป็นภาวะเบาหวาน ที่เกิดในระหว่างการตั้งครรภ์
00:02:15 → 00:02:17 อันนี้ก็จะเจอไม่ค่อยบ่อยมาก
00:02:17 → 00:02:20 ที่เจอเยอะที่สุด ก็น่าจะเป็นชนิดที่ 2 นะคะ
00:02:20 → 00:02:25 ชนิดที่ 2 เกิดจากอะไร ก็ต้องบอกว่า เกิดจากการที่มีภาวะดื้ออินซูลินเป็นหลัก
00:02:25 → 00:02:27 ทำไมเราถึงดื้ออินซูลิน
00:02:27 → 00:02:29 อันแรกอาจจะเป็นกรรมพันธุ์นะคะ
00:02:29 → 00:02:32 อันที่ 2 อาจจะเป็นเพราะว่าพฤติกรรมเรา
00:02:32 → 00:02:37 คนอ้วนนี่ล่ะค่ะ จะเป็นสาเหตุหลัก ๆ เลย ที่ทำให้ดื้ออินซูลิน
00:02:37 → 00:02:39 อันที่ 3 ก็คืออาหารที่เรากิน
00:02:39 → 00:02:41 ถ้าเรากินเข้าไปเยอะ ร่างกายเราจัดการไม่ทัน
00:02:41 → 00:02:45 อันนี้ก็จะทำให้เกิด เรื่องของเบาหวานขึ้นมาได้ค่ะ
00:02:45 → 00:02:50 หลังจากที่เรารู้กันไปแล้วนะคะ ว่าเบาหวานเราวินิจฉัยอย่างไร
00:02:50 → 00:02:53 หรือว่าเราตรวจอย่างไร เราถึงจะรู้ว่าเป็นเบาหวาน
00:02:53 → 00:02:54 เอ๊ะ ถ้าเรายังไม่ได้ตรวจเลือด
00:02:54 → 00:02:57 เราจะรู้ได้อย่างไรนะว่า เราเริ่มมีอาการที่จะเป็นเบาหวานแล้ว
00:02:57 → 00:03:00 หรือว่าเราควรจะสงสัยว่าเราจะเป็นเบาหวาน
00:03:00 → 00:03:01 อันแรกเลยนะคะ
00:03:01 → 00:03:04 ถ้าในคนที่มีประวัติกรรมพันธุ์เบาหวาน
00:03:04 → 00:03:07 คุณพ่อคุณแม่เป็นเบาหวาน หรือว่าตัวเองอ้วนนะคะ
00:03:07 → 00:03:09 อันนี้น่าสงสัยไว้ก่อนเลยเนอะ
00:03:09 → 00:03:11 อันที่ 2 ค่ะสำหรับอาการนะคะ
00:03:11 → 00:03:13 คนที่มีปัญหาเรื่องของปัสสาวะบ่อย
00:03:13 → 00:03:17 ในกรณีที่เราปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะปัสสาวะตอนกลางคืนนะคะ
00:03:17 → 00:03:20 เกิน 3 ครั้ง อันนี้น่าสนใจแล้วว่ามีความผิดปกติ
00:03:20 → 00:03:22 ควรจะรีบไปตรวจนะคะ
00:03:22 → 00:03:24 เมื่อเรากินน้ำบ่อย
00:03:24 → 00:03:25 เราปัสสาวะบ่อยนะคะ
00:03:25 → 00:03:28 สิ่งที่เกิดขึ้นนี่ก็จะทำให้น้ำหนักลดลง
00:03:28 → 00:03:31 ซึ่งในกรณีที่น้ำหนักลดลง สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานนี่
00:03:31 → 00:03:33 ไม่ใช่เพราะผอมนะคะ
00:03:33 → 00:03:35 แต่เป็นเพราะว่าร่างกายจะเสียน้ำ
00:03:35 → 00:03:38 ปัสสาวะที่ออกไปนี่ เมื่อน้ำตาลในเลือดมันสูงขึ้น
00:03:38 → 00:03:40 น้ำตาลก็จะปนไปในปัสสาวะ
00:03:40 → 00:03:42 ถ้าสมมุติว่าเราทิ้งเอาไว้ในกระโถนนะคะ
00:03:42 → 00:03:44 แล้วมีมดขึ้น
00:03:44 → 00:03:46 อันนี้ก็จะยิ่งสงสัยใหญ่เลยว่า
00:03:46 → 00:03:48 ในปัสสาวะเรานี่มีน้ำตาลปนออกมา
00:03:48 → 00:03:52 แล้วนั่นก็คือที่มาของการเรียกชื่อโรคนี้ ว่าเป็นเบาหวาน
00:03:52 → 00:03:56 เพราะว่าเบาหวานในที่นี้ “เบา” ในที่นี้ก็คือปัสสาวะนั่นเองค่ะ
00:03:56 → 00:03:58 ทีนี้พอเรารู้จักโรคเบาหวานกันแล้วนี่
00:03:58 → 00:04:02 เราก็จะมาดูว่าเราจะกินอย่างไรดี สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานนะคะ
00:04:02 → 00:04:06 อาหารที่เหมาะกับเบาหวานนี่ ต้องบอกว่า เป็นอาหารสุขภาพ เป็นอาหารที่ดีที่สุดเลยนะคะ
00:04:06 → 00:04:08 สำหรับอาหารของคนที่เป็นเบาหวานนะคะ
00:04:09 → 00:04:12 เราจำเป็นที่จะต้องมีการ ปรับรูปแบบของอาหารเพื่อให้เหมาะ
00:04:12 → 00:04:16 ในที่นี้ก็คือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด มันเป็นปกติมากที่สุด
00:04:16 → 00:04:21 เราก็เริ่มจากข้อแรกเลยก็คือ ปริมาณของอาหารจะต้องไม่มากเกินไป
00:04:21 → 00:04:24 เพราะว่าถ้าเรากินอาหารเยอะเกินไป แล้วอ้วนขึ้นนี่
00:04:24 → 00:04:26 อันนี้มันจะทำให้ภาวะดื้ออินซูลินนี่ มันมากขึ้น
00:04:26 → 00:04:28 แล้วคนไข้จะคุมน้ำตาลไม่ได้
00:04:28 → 00:04:31 อันที่สองก็คือในสัดส่วนของรูปแบบอาหารที่กิน
00:04:32 → 00:04:34 เช่น กลุ่มที่เป็นข้าว แป้ง น้ำตาล
00:04:34 → 00:04:35 พวกนี้ถ้าเรากินเยอะนะคะ
00:04:35 → 00:04:38 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น
00:04:38 → 00:04:40 ก็จะทำให้คุมอาหารไม่ได้อีกอยู่ดี
00:04:40 → 00:04:42 แล้วก็สุดท้ายก็จะเป็นกลุ่มของไขมัน
00:04:42 → 00:04:45 กลุ่มของไขมันนี่ ในคนไข้ที่เป็นเบาหวาน
00:04:45 → 00:04:48 มักจะมีเรื่องของไขมันในเลือดสูงด้วยนะคะ
00:04:48 → 00:04:52 ดังนั้น เราจะต้องควบคุม เรื่องของระดับไขมันในเลือดร่วมด้วย
00:04:52 → 00:04:56 รูปแบบที่เราแนะนำนะคะ สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานนี่
00:04:56 → 00:04:57 เราก็จะบอกว่า
00:04:57 → 00:05:00 เราควรจะแนะนำให้เป็น อาหารที่มีทุก ๆ อย่างครบถ้วน
00:05:00 → 00:05:02 ในปริมาณที่เหมาะสม
00:05:02 → 00:05:06 เพื่อจะให้ควบคุมระดับของ น้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
00:05:06 → 00:05:09 สำหรับน้ำตาลสะสมนะคะ ก็คือเราดูน้ำตาลเฉลี่ยนะคะ
00:05:09 → 00:05:14 จริง ๆ แล้ววิธีการวัดนี่ เราจะวัดปริมาณน้ำตาลที่ผิวของเม็ดเลือดแดง
00:05:14 → 00:05:17 เพราะฉะนั้น ระยะเวลาของเม็ดเลือดแดง ที่อยู่ในร่างกายเรานี่
00:05:17 → 00:05:19 มันก็จะประมาณ 3 เดือน
00:05:19 → 00:05:22 ดังนั้น เม็ดเลือดแดงมันลอยอยู่ในเลือดเรา
00:05:22 → 00:05:24 เขาเก็บน้ำตาลได้เท่าไหร่ มันจะบอกถึงว่า
00:05:24 → 00:05:29 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา น้ำตาลในเลือดเรา สูงหรือว่าต่ำแค่ไหนนะคะ
00:05:29 → 00:05:31 ถ้าสมมุติเราเจาะเลือดตอนเช้าที่เราเห็นนี่
00:05:31 → 00:05:33 มันจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือดที่จะบอกว่า
00:05:33 → 00:05:35 ช่วงสั้น ๆ นี้เกิดอะไรขึ้น
00:05:36 → 00:05:40 สมมุติจะให้เปรียบเทียบนะคะ อย่างเช่น เราทำเป็นแบบเหมือนมะม่วงแช่อิ่มอย่างนี้
00:05:40 → 00:05:45 ถ้าสมมุติว่าเราทิ้งมะม่วงเอาไว้ในโถ ประมาณ 3 เดือน แล้วเราเอามะม่วงขึ้น
00:05:45 → 00:05:47 เวลาที่เราวัดน้ำตาลในโถ
00:05:47 → 00:05:49 อันนี้คือน้ำตาลตอนเช้าที่เราวัด
00:05:49 → 00:05:53 แต่ถ้าเราวัดความหวานที่ตัวมะม่วง อันนี้ก็คือน้ำตาลสะสม
00:05:53 → 00:05:55 ดังนั้น น้ำตาลสะสม
00:05:55 → 00:05:57 มันจะไม่สามารถหลอกได้ด้วยการที่บอกว่า
00:05:57 → 00:06:02 เอ๊ะ กินอาหารวันนี้น้ำตาลขึ้น เมื่อวานไปกินอันนั้นเยอะอันนี้เยอะ
00:06:02 → 00:06:05 น้ำตาลสะสมจะบอกเราว่า ใน 3 เดือนที่ผ่านมานี่
00:06:05 → 00:06:07 เราคุมน้ำตาลได้ดีแค่ไหน
00:06:07 → 00:06:09 แล้วมันมีความสำคัญอย่างไร
00:06:09 → 00:06:12 มันสำคัญค่ะ เพราะว่าน้ำตาลสะสมที่ดีนี่
00:06:12 → 00:06:14 มันจะบอกว่าในอนาคตนี่
00:06:14 → 00:06:16 เรา เส้นเลือดของเรา
00:06:16 → 00:06:17 แล้วความเสี่ยงกับสุขภาพ
00:06:17 → 00:06:20 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคหัวใจและหลอดเลือด จะเป็นอย่างไร
00:06:20 → 00:06:24 ในการคุมน้ำตาลในเลือดนี่ มันไม่ใช่คุมแค่ ตัวน้ำตาลตอนเช้าอย่างเดียว
00:06:25 → 00:06:26 แต่ถ้าน้ำตาลสะสมดี
00:06:26 → 00:06:29 ดีในที่นี้ก็คือต่ำกว่าเลข 7
00:06:29 → 00:06:31 หรือดีมาก ๆ ต่ำกว่า 6.5
00:06:31 → 00:06:32 สำหรับ HbA1c
00:06:32 → 00:06:35 อันนี้จะบ่งบอกว่าในอนาคตนี่
00:06:35 → 00:06:38 เราจะมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเบาหวานน้อยลง
00:06:38 → 00:06:41 จากที่เห็นว่าน้ำตาลสะสม มันส่งผลกับสุขภาพเรา
00:06:41 → 00:06:43 ดังนั้น มันจะไม่ได้หมายความว่า
00:06:43 → 00:06:46 เรากินอาหารแค่วันนี้พรุ่งนี้
00:06:46 → 00:06:48 แต่มันจะบอกถึงระยะยาว
00:06:48 → 00:06:51 เราก็ต้องมาดูว่าเวลาที่เราจะคุมเบาหวานนี่
00:06:51 → 00:06:54 เราจะไม่ได้คุมสำหรับน้ำตาลวันนี้ แต่เราจะคุมระยะยาวเนอะ
00:06:54 → 00:06:59 เพราะฉะนั้นในแง่ของแพทเทิร์น หรือรูปแบบการกินอาหารก็มีความสำคัญ
00:06:59 → 00:07:00 เดี๋ยวเรามาดูกันว่า
00:07:00 → 00:07:03 ในกรณีของคนที่เป็นเบาหวานนี่
00:07:03 → 00:07:07 เราจะคุมอาหารอย่างไรดี เพื่อจะทำให้น้ำตาลมันดีขึ้น
00:07:07 → 00:07:09 มันไม่ใช่แค่น้ำตาลตอนเช้า
00:07:09 → 00:07:11 แต่หลังจากที่เรากินน้ำตาลไม่สูงนี่
00:07:11 → 00:07:14 มันก็จะช่วยลดเรื่องของน้ำตาลสะสมด้วย
00:07:14 → 00:07:17 ดังนั้น ปริมาณอาหารที่กิน ชนิดของอาหารที่กิน
00:07:17 → 00:07:20 โดยเฉพาะอาหารพวกของข้าว แป้ง น้ำตาลค่ะ
00:07:20 → 00:07:24 ยิ่งเรากินไปเยอะ น้ำตาลหลังจากที่กิน มันก็จะสูงขึ้น
00:07:24 → 00:07:26 เราต้องคุมตัวนี้ให้เป็นเรื่องหลัก
00:07:26 → 00:07:32 [เสียงดนตรี]
00:07:32 → 00:07:36 ถ้าเรากินอาหารที่มันมีข้าว แป้ง น้ำตาล ปริมาณที่ลดลง
00:07:36 → 00:07:41 หรือเรากินข้าว แป้ง น้ำตาล ร่วมกับพวกของใยอาหารหรือไฟเบอร์นี่
00:07:41 → 00:07:43 การดูดซึมน้ำตาลมันจะช้าลง
00:07:44 → 00:07:46 น้ำตาลในเลือดมันก็จะไม่ค่อยสูง
00:07:46 → 00:07:50 อันนี้ค่ะ ก็จะส่งผลทำให้ น้ำตาลสะสมในระยะยาวของเรานี่
00:07:50 → 00:07:51 มันต่ำลงนะคะ
00:07:51 → 00:07:55 และอันนี้คือหลักง่าย ๆ สำหรับในกรณีของการเลือก
00:07:55 → 00:07:57 อันแรกจะเป็นเรื่องของปริมาณนะคะ
00:07:57 → 00:07:59 กินไม่เยอะจนเกินไป
00:07:59 → 00:08:02 ปริมาณอาหารในที่นี้คือปริมาณทั้งหมด คือแคลอรี ห้ามอ้วน
00:08:02 → 00:08:04 เพราะถ้าอ้วนขึ้น เป็นไงคะ
00:08:04 → 00:08:05 จะดื้ออินซูลิน
00:08:05 → 00:08:07 ดังนั้นนี่ เอาง่าย ๆ ก่อนเนอะ
00:08:07 → 00:08:11 เวลาที่เรามีการอาหาร 1 จาน เราจะใช้สูตรที่เป็น 2-1-1 นะคะ
00:08:11 → 00:08:15 ก็คือจะแบ่งครึ่งจาน อันนี้จะต้องเป็นผักและผลไม้
00:08:15 → 00:08:18 อีก 1 ใน 4 ควรจะเป็นกลุ่มของข้าว แป้ง
00:08:18 → 00:08:22 อีก 1 ใน 4 ก็ควรจะเป็น ส่วนที่เป็นโปรตีนหรือเป็นเนื้อสัตว์ค่ะ
00:08:22 → 00:08:24 สำหรับวันนี้นะคะเราก็จะนำเสนอ
00:08:24 → 00:08:28 10 เทคนิคสำหรับการเลือกอาหาร ของคนไข้ที่เป็นเบาหวานนะคะ
00:08:28 → 00:08:32 อันแรกเรามาดูกันก่อนในเรื่องของข้าว แป้ง
00:08:32 → 00:08:35 การเลือกข้าว แป้งนี่ เราควรจะเลือกอย่างไร
00:08:35 → 00:08:39 เราจะคุยกันที่ 2 อย่างก็คือ ปริมาณและคุณภาพ
00:08:39 → 00:08:42 ปริมาณก็คือเราจะไม่กินเยอะจนเกินไป
00:08:42 → 00:08:44 ถามว่า แค่ไหนมากเกินไป น้อยเกินไป
00:08:44 → 00:08:48 จริง ๆ มันก็ขึ้นกับว่า คน ๆ นั้นมีกิจกรรมเยอะไหมนะคะ
00:08:48 → 00:08:51 ยกตัวอย่างนะคะ ใครออกแรงเยอะ เล่นกีฬาเยอะ
00:08:51 → 00:08:54 อันนี้ก็อาจจะต้องใช้เยอะขึ้น
00:08:54 → 00:08:56 แต่ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้ออกแรงเยอะ
00:08:56 → 00:08:58 ใช้ชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป
00:08:58 → 00:09:02 ถ้าสมมุติมีจานข้าว เราก็ใช้ประมาณ 1 ใน 4 ของจาน
00:09:02 → 00:09:05 อันนี้ก็ควรจะเป็นปริมาณของข้าวแป้ง ที่เราจะเลือก
00:09:05 → 00:09:08 อันที่ 2 เราจะดูในส่วนของชนิดของข้าวแป้ง
00:09:08 → 00:09:11 คุณภาพที่ดีเป็นอย่างไรนะคะ
00:09:11 → 00:09:14 ในกลุ่มของข้าวขาวกับข้าวกล้อง
00:09:14 → 00:09:17 เราก็จะแนะนำเป็นกลุ่มของข้าวกล้องมากกว่า
00:09:17 → 00:09:19 เพราะว่าในข้าวกล้องนี่
00:09:19 → 00:09:21 น้ำตาลในเลือดมันจะขึ้นช้ากว่า
00:09:21 → 00:09:23 หรือเราเรียกว่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
00:09:23 → 00:09:25 เวลาที่เรากินข้าวขาวกับข้าวกล้องนี่
00:09:25 → 00:09:27 ข้าวกล้องเองนี่ มันจะมีไฟเบอร์อยู่
00:09:27 → 00:09:30 มันก็จะทำให้เราอิ่มมากขึ้นนะคะ
00:09:30 → 00:09:32 การที่มีใยอาหารหรือมีไฟเบอร์อยู่นี่
00:09:32 → 00:09:35 มันก็จะช่วยชะลอเรื่องของการดูดซึมน้ำตาล
00:09:35 → 00:09:38 มันก็จะทำให้น้ำตาลที่เรากินเข้าไปนี่
00:09:38 → 00:09:39 มันไม่สูงมากนัก
00:09:39 → 00:09:43 แล้วก็ส่งผลทำให้ น้ำตาลสะสมลดลงได้ด้วยค่ะ
00:09:43 → 00:09:44 ถ้าสมมุติกินเป็นขนมปัง
00:09:44 → 00:09:49 เราก็อาจจะเลือกกินขนมปังที่มีโฮลวีต หรือเป็นธัญพืชผสมอยู่
00:09:49 → 00:09:50 อย่างนี้เป็นต้นนะคะ
00:09:50 → 00:09:53 อันที่ 2 นะคะก็จะไปด้วยกันกับ กลุ่มของข้าวแป้ง
00:09:53 → 00:09:56 คนเรากินข้าว แล้วก็จะชอบกินผลไม้ใช่ไหมคะ
00:09:56 → 00:09:59 ผลไม้เราไม่ได้ห้ามนะคะสำหรับคนไข้เบาหวาน
00:09:59 → 00:10:03 ไม่ได้บอกว่าคนไข้เบาหวาน จะงดหรือหยุดกินผลไม้
00:10:03 → 00:10:05 เราให้ทานได้นะคะ แต่ว่าเราต้องเลือก
00:10:05 → 00:10:11 ผลไม้นี่จะมีกลุ่มที่เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ค่อนข้างหวานมาก
00:10:11 → 00:10:14 หรือว่าผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำหน่อย
00:10:14 → 00:10:16 อย่างนี้ถ้าสมมุติเราไปดูเราก็จะบอกว่า
00:10:16 → 00:10:19 ผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ จะเป็นของที่เราแนะนำ
00:10:19 → 00:10:22 เอ๊ะ เราจะเลือกได้อย่างไร อันแรกดูรสชาติก่อน
00:10:22 → 00:10:25 เลือกผลไม้ที่รสชาติออกจะจืด ๆ
00:10:25 → 00:10:28 หรือรสชาติที่จะไม่จัดจ้าน ใช้คำว่าไม่จัดจ้านเนอะ
00:10:29 → 00:10:30 ยกตัวอย่างเช่น
00:10:30 → 00:10:34 ผลไม้ที่มีรสชาติจัดจ้านนี่ บางทีก็จะมีน้ำตาลปนอยู่เยอะนะคะ
00:10:34 → 00:10:36 อันนี้คือการเลือกชนิด
00:10:36 → 00:10:38 อันที่ 2 ระดับของน้ำตาลในผลไม้นี่
00:10:38 → 00:10:42 ถ้าหากว่าเป็นผลไม้สุกกับผลไม้ดิบ
00:10:42 → 00:10:46 เราแนะนำให้กินผลไม้ดิบ เพราะว่าอันนี้น้ำตาลจะน้อยกว่า
00:10:46 → 00:10:49 อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติว่ากินผลไม้ดิบ
00:10:49 → 00:10:52 ไม่ใช่เราจะต้องไปเติมน้ำจิ้ม หรือว่าไปเติมพวกน้ำปลาหวานนะคะ
00:10:52 → 00:10:54 อันนี้น้ำตาลก็จะสูงขึ้น
00:10:54 → 00:10:56 แล้วสุดท้ายก็คือส่วนของปริมาณ
00:10:56 → 00:11:00 เวลาที่เราคุยกันทุกอย่าง มันจะเป็นที่ปริมาณและคุณภาพ
00:11:00 → 00:11:03 ปริมาณของผลไม้ที่เราควรจะทานนะคะ
00:11:03 → 00:11:06 สมมุติว่าเป็นผลไม้ที่มีขนาดเท่ากำปั้น
00:11:06 → 00:11:10 อันนี้เรายอมได้วันนึงไม่เกิน 3 กำปั้น อันนี้เต็มที่แล้วนะคะ
00:11:10 → 00:11:15 แต่ถ้าสมมุติว่ามันเป็นผลไม้ที่ปอก หรือว่าหั่นเรียบร้อยนะคะ
00:11:15 → 00:11:16 ลองนึกถึงภาพของจาน
00:11:16 → 00:11:18 เป็นจานรองแก้วกาแฟเล็ก ๆ
00:11:18 → 00:11:21 ถ้าเราหั่นผลไม้ แล้วเราวางลงไปบนจาน
00:11:21 → 00:11:23 ประมาณ 6-8 ชิ้นพอดีคำ
00:11:23 → 00:11:25 หรือวางในจานได้ชั้นเดียวนะคะ
00:11:25 → 00:11:29 เพราะฉะนั้น ถ้าเราวางบนจาน ที่เป็นจานรองแก้วกาแฟแค่ชั้นเดียว
00:11:29 → 00:11:31 อันนี้ก็เท่ากับ 1 ส่วน
00:11:31 → 00:11:35 วันหนึ่งเรากินผลไม้แบบนี้ ได้ประมาณ 3 ส่วน เต็มที่แล้วค่ะ
00:11:35 → 00:11:37 แล้วก็จะมาถึงเทคนิคที่ 3 นะคะ
00:11:37 → 00:11:39 สำหรับผักผลไม้นี่
00:11:39 → 00:11:41 เวลาที่จะทานนี่บอกว่า ถ้าเกิดว่าไม่ชอบนี่
00:11:41 → 00:11:45 ขอเป็นน้ำผักปั่น น้ำผลไม้ปั่นได้ไหมอะไรอย่างนี้
00:11:45 → 00:11:50 ก็บอกว่าจริง ๆ แล้วนี่ เราจะแนะนำว่า ถ้าเป็นคนไข้เบาหวานหรือทั่วไป
00:11:50 → 00:11:53 เราจะแนะนำให้กินทั้งลูก กินทั้งผลนะคะ
00:11:53 → 00:11:55 เพื่อจะได้มีกากใย
00:11:55 → 00:11:57 ลองนึกภาพนะคะ เวลาที่เราจะกินผลไม้นี่
00:11:57 → 00:12:00 ถ้าสมมุติว่าเราไปซื้อน้ำส้มคั้น แล้วก็เป็นน้ำส้มคั้นสด
00:12:00 → 00:12:03 กว่าจะคั้นได้สักแก้วหนึ่ง ใช้ส้มกี่ลูก
00:12:03 → 00:12:05 บางคนบอกว่า 5 ลูก บางคนบอกว่า 8 ลูก
00:12:05 → 00:12:09 เรากินน้ำส้มคั้นแค่แก้วเดียว หรือว่า 5 ลูก 8 ลูกนี่
00:12:09 → 00:12:10 เราไม่รู้สึกอิ่มเลยนะคะ
00:12:10 → 00:12:14 แต่ถ้าเราต้องมานั่งปอกผลไม้ทีละลูก ๆ กินนี่
00:12:14 → 00:12:16 กว่าจะกินส้มครบ 8 ลูกนี่
00:12:16 → 00:12:18 คือมันอิ่มแล้ว
00:12:18 → 00:12:22 ร่างกายเราต้องใช้เวลานิดนึง กว่าที่เราจะกินอาหารลงไป
00:12:22 → 00:12:24 แล้วจะทำให้รู้สึกว่าอิ่ม
00:12:24 → 00:12:28 เพราะฉะนั้นนี่ กว่าเราจะเคี้ยว กว่าเราจะกิน มีกากใย
00:12:28 → 00:12:29 มันก็จะช่วยให้เราอิ่มขึ้น
00:12:29 → 00:12:32 ในขณะเดียวกัน ถ้าสมมุติว่าเราคั้นหมดนะคะ
00:12:32 → 00:12:34 แล้วกลายเป็นน้ำ แล้วดื่มลงไปนี่
00:12:35 → 00:12:38 เวลาดื่มลงไปปุ๊บแก้วเดียว มันจะไม่มีความรู้สึกว่าอิ่ม
00:12:38 → 00:12:41 สอง สิ่งที่เราได้จะได้แค่น้ำตาล
00:12:41 → 00:12:43 ไม่มีกากใยเลย
00:12:43 → 00:12:46 สาม บอกว่าในส่วนของวิตามินและเกลือแร่
00:12:46 → 00:12:49 จริง ๆ นี่ เวลาที่เราคั้นแล้วทิ้งเอาไว้ค่ะ
00:12:49 → 00:12:53 วิตามินซีที่เราอยากได้นี่ จริง ๆ มันก็หายไปแล้วนะคะ
00:12:53 → 00:12:56 เทคนิคที่ 4 ก็คือพยายามที่จะลดน้ำตาลนะคะ
00:12:56 → 00:12:59 หลายคนก็จะถามว่า เอ๊ะ จะกินน้ำตาลได้ไหม
00:12:59 → 00:13:01 จะกินพวกสารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ไหม
00:13:01 → 00:13:06 จริง ๆ นี่จะบอกว่าสำหรับคนไข้เบาหวาน ควรที่จะลดน้ำตาล
00:13:06 → 00:13:10 เพื่อจะให้ร่างกายชินกับความรู้สึกว่า กินแบบไม่หวาน
00:13:10 → 00:13:13 ถ้าเรากินแบบหวานน้อยไปเรื่อย ๆ ค่ะ
00:13:13 → 00:13:15 สิ่งที่เกิดขึ้น เดี๋ยวเราก็จะชินกับมัน
00:13:15 → 00:13:18 แล้วเราก็จะลดความหวานในอาหารทั้งหมดได้
00:13:18 → 00:13:21 แต่ถ้าสมมุติใครที่ยังชินกับความหวานอยู่นะคะ
00:13:21 → 00:13:25 ก็สามารถที่จะเลือกใช้ สารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้นะคะ
00:13:25 → 00:13:27 มีข้อควรระวังนิดเดียวค่ะ
00:13:27 → 00:13:32 หลายคนก็จะเลือกที่จะใช้เครื่องดื่ม ที่บอกว่าไม่มีพลังงานมากินแทนใช่ไหมคะ
00:13:32 → 00:13:34 เพราะว่ายังได้ความหวานอยู่
00:13:34 → 00:13:37 แล้วก็บอกว่า ถ้ากินอย่างนี้ ก็น่าจะผอม
00:13:37 → 00:13:38 หลาย ๆ ทีก็ไม่ผอมนะคะ
00:13:38 → 00:13:41 เหตุผลเพราะว่า เวลาที่เรากินเครื่องดื่มพวกนี้
00:13:41 → 00:13:44 มันมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็จริงนะคะ
00:13:44 → 00:13:46 มันให้ความรู้สึกหวาน ให้ซ่า
00:13:46 → 00:13:50 แต่ว่ามันจะไม่รู้สึกสดชื่นเหมือนกับ เวลาที่เรากินน้ำตาลจริง ๆ
00:13:50 → 00:13:52 ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:13:52 → 00:13:55 ร่างกายเราก็ยังรู้สึกว่า เรายังอยากกินน้ำตาลอยู่
00:13:55 → 00:13:59 ของอย่างอื่นในอาหารแต่ละมื้อนี่ เราก็จะกินน้ำตาลเพิ่มขึ้น
00:13:59 → 00:14:02 แล้วระยะยาวเราก็ยังคงติดหวานอยู่
00:14:02 → 00:14:03 เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วนี่ต้องบอกว่า
00:14:03 → 00:14:07 สารให้ความหวานแทนน้ำตาลสามารถใช้ได้นะคะ
00:14:07 → 00:14:11 แต่ว่าโดยทั่วไปเราก็จะบอกว่าขอให้ลดลง
00:14:11 → 00:14:13 กินหวานให้น้อยลง อันนี้จะดีกว่า
00:14:13 → 00:14:14 เทคนิคที่ 5 นะคะ
00:14:14 → 00:14:15 จริง ๆ แล้วเราต้องบอกว่า
00:14:15 → 00:14:21 คนไข้เบาหวานควรจะต้องหลีกเลี่ยง อาหารที่มันเป็นหวานจัด มันจัดนะคะ
00:14:21 → 00:14:23 หรือแม้กระทั่งพวกเนื้อสัตว์ติดมัน
00:14:23 → 00:14:24 เมื่อกี้หวานเราไปแล้วเนอะ
00:14:24 → 00:14:27 ทีนี้เราก็จะมาดูนิดนึงในส่วนของของมันนะคะ
00:14:27 → 00:14:29 เนื่องจากว่าในคนไข้เบาหวานเองนี่
00:14:29 → 00:14:32 ก็จะมีปัญหากับเรื่องของ ไขมันในเลือดได้เหมือนกันนะคะ
00:14:33 → 00:14:35 ส่วนใหญ่เวลาเราคุมน้ำตาลไม่ดี
00:14:35 → 00:14:37 ไขมันในเลือดที่สูงจะชื่อไตรกลีเซอไรด์
00:14:38 → 00:14:41 แล้วเวลาที่เราจะลดไตรกลีเซอไรด์ เราก็ต้องลดพวกของมันด้วย
00:14:41 → 00:14:43 ลดพวกของหวานด้วย
00:14:43 → 00:14:45 แล้วก็ลดพลังงานหรือว่าลดน้ำหนักไปด้วย
00:14:45 → 00:14:47 ดังนั้น ในคนไข้ที่เป็นเบาหวานนี่
00:14:47 → 00:14:51 ควรจะต้องลดอาหารที่เป็นหวานจัด มันจัด
00:14:51 → 00:14:53 หรือว่ากลุ่มของเนื้อสัตว์ติดมัน
00:14:53 → 00:14:57 เพราะว่าพวกนี้จะมีไขมันที่เราเรียกว่า ไขมันอิ่มตัวอยู่ด้วยนะคะ
00:14:57 → 00:15:01 แล้วก็เทคนิคที่ 6 นะคะ เวลาที่เราจะเลือกชนิดของอาหาร
00:15:01 → 00:15:03 เมื่อกี้เราบอกแล้วว่า เวลาที่เราเลือกเนื้อสัตว์นี่
00:15:03 → 00:15:05 เราเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน
00:15:05 → 00:15:09 หลังจากนั้นเวลาที่เราจะกินนี่ เราก็ต้องเอามาปรุงใช่ไหมคะ
00:15:09 → 00:15:12 ถ้าเกิดว่าการปรุงของเรานี่ ยังมีการเติมน้ำมันอีก
00:15:12 → 00:15:17 อันนี้มันก็จะทำให้คนคนนั้น ได้น้ำมันเยอะขึ้น ได้พลังงานเยอะขึ้น
00:15:17 → 00:15:20 เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปเราก็จะบอกว่า หนึ่ง เลือกเนื้อสัตว์ที่ดี
00:15:20 → 00:15:22 เลือกวิธีการปรุงที่ดีนะคะ
00:15:22 → 00:15:24 ไม่มีการเติมน้ำมันเพิ่มขึ้น
00:15:24 → 00:15:27 ก็เรียกพวกของผัดแล้วก็ทอดนะคะ
00:15:27 → 00:15:34 มาเลือกเป็นต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง ยำ อบ ตุ๋น หรืออะไรอย่างนี้เป็นต้น
00:15:34 → 00:15:36 ในส่วนของของทอดหรือว่าของผัด
00:15:36 → 00:15:38 จะบอกว่าให้เลี่ยงเลยก็คงยาก
00:15:38 → 00:15:41 เพราะว่าทุกคนไปซื้อกินนี่ มันก็จะต้องมีพวกผัดแล้วก็ทอด
00:15:41 → 00:15:45 อันที่ห้ามนะคะ ก็จะเป็นพวก ชุบแป้งทอดหรือว่าชุบไข่ทอด
00:15:45 → 00:15:47 เหตุผลเพราะว่าพวกนี้มันจะอมน้ำมัน
00:15:48 → 00:15:50 ในส่วนของพวกที่มันเป็นอาหารที่มันเป็นผัดนี่
00:15:50 → 00:15:52 จริง ๆ น้ำมัน มันจะอยู่เยอะที่ไหนคะ
00:15:52 → 00:15:54 อยู่ในน้ำราด
00:15:54 → 00:15:56 เพราะฉะนั้นนี่ เราก็ตักแต่เนื้อ ๆ กินเนอะ
00:15:56 → 00:15:59 แล้วเราก็ไม่ต้องกินน้ำที่มันราดเยอะ ๆ
00:15:59 → 00:16:02 อันนี้ก็จะเป็นวิธีการเลี่ยง พวกของน้ำมันได้พอสมควรค่ะ
00:16:02 → 00:16:04 สำหรับเทคนิคที่ 7 นะคะ
00:16:04 → 00:16:06 ก็จะเป็นเรื่องของการเลือกน้ำมันแล้ว
00:16:06 → 00:16:09 ในเมื่อเราเลี่ยงไม่ได้ว่าเราจะต้อง กินพวกของทอดแล้วก็ของผัด
00:16:10 → 00:16:11 เราจะแบ่งง่าย ๆ ก่อนนะคะ
00:16:11 → 00:16:14 เพื่อที่จะไม่ให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงเนอะ
00:16:14 → 00:16:17 น้ำมันนี่ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันอะไรก็ตาม
00:16:17 → 00:16:18 ให้ความอ้วนเท่ากัน
00:16:18 → 00:16:24 แต่ว่าน้ำมันนี่ ถ้าน้ำมันที่มันมี เขาเรียกว่าไขมันอิ่มตัวหรือว่าไขมันทรานส์
00:16:24 → 00:16:27 พวกนี้จะทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดมันสูงได้
00:16:27 → 00:16:30 คอเลสเตอรอลในเลือดสูงก็ไม่ดีกับหัวใจ
00:16:30 → 00:16:32 เบาหวานก็ไม่ดีกับหัวใจ เราก็จะต้องเลี่ยงเนอะ
00:16:33 → 00:16:38 เรามาดูกันว่าน้ำมันที่เรียกว่าไขมันทรานส์ หรือว่าไขมันอิ่มตัวนี่อยู่ในกลุ่มไหน
00:16:38 → 00:16:41 ง่าย ๆ เลยก็คือ เอาน้ำมันนี้ค่ะมาวางเอาไว้
00:16:41 → 00:16:44 แล้วถ้ามันเกิดเป็นไขหรือไปแช่ตู้เย็น
00:16:44 → 00:16:46 มันเป็นไข เป็นก้อนขึ้นมา
00:16:46 → 00:16:49 อันนี้แสดงว่าในน้ำมันอันนั้นค่ะ มีไขมันทรานส์อยู่
00:16:49 → 00:16:53 เทคนิคที่ 8 นะคะสำหรับการเลือกพวกนม หรือว่าผลิตภัณฑ์ของนม
00:16:53 → 00:16:54 มันไม่ใช่แค่นมเนอะ
00:16:54 → 00:16:58 แต่ว่าจะเป็นพวกของกลุ่มโยเกิร์ต พวกชีส พวกอะไรอย่างนี้เหมือนกันนะคะ
00:16:59 → 00:17:01 ทีนี้เวลาที่เราเห็นผลิตภัณฑ์ของนมนี่
00:17:01 → 00:17:03 เราจะเห็นว่า อันที่หนึ่งนี่มีอะไรบ้าง
00:17:03 → 00:17:09 อันแรกตั้งแต่บอกว่าเป็นนมวัว ที่เป็นไขมันเต็มส่วนหรือว่า whole milk
00:17:09 → 00:17:13 อันที่สองก็จะเป็นไขมันต่ำหรือว่าไร้ไขมัน
00:17:13 → 00:17:16 หรือแม้กระทั่งนมอื่น ๆ ที่ไม่ได้ทำมาจากนมวัว
00:17:16 → 00:17:19 เช่น นมอัลมอนด์ นมข้าวโพดนะคะ
00:17:19 → 00:17:22 ทีนี้ถ้ามันเป็นนมวัวล่ะ ถ้าเราจะกินนมวัวนี่จะเลือกอย่างไร
00:17:22 → 00:17:24 ความต่างของ 3 อัน
00:17:24 → 00:17:27 ไม่ว่าจะเป็นไขมันเต็มส่วนหรือว่าพวก low fat
00:17:27 → 00:17:29 หรือแม้กระทั่งไร้ไขมัน
00:17:29 → 00:17:32 ก็คือการสกัดเอาส่วนของไขมันนมนี่ออกไป
00:17:32 → 00:17:34 จะทำให้พลังงานลดลงนะคะ
00:17:34 → 00:17:36 แล้วก็ส่วนของไขมันนี่ลดลง
00:17:36 → 00:17:39 คนที่ต้องการที่จะควบคุมน้ำหนักนะคะ
00:17:39 → 00:17:43 หรือว่าคนที่ต้องการที่จะควบคุม เรื่องของคอเลสเตอรอลหรือไขมัน
00:17:43 → 00:17:45 ก็ควรจะเลือกทาน low fat
00:17:45 → 00:17:47 หรือว่าไร้ไขมันได้ค่ะ
00:17:47 → 00:17:48 เทคนิคที่ 9 นะคะ
00:17:48 → 00:17:50 จริง ๆ แล้วนี่ ถ้าสมมุติว่าในปัจจุบันนี้
00:17:50 → 00:17:53 เวลาที่เราไปเลือกซื้ออาหาร ตามซูเปอร์มาร์เก็ตนี่
00:17:53 → 00:17:56 แนะนำให้ทุกท่าน ให้คุณผู้ฟังทุกท่านนี่
00:17:56 → 00:17:58 เลือกอ่านฉลากโภชนาการ
00:17:58 → 00:18:02 เวลาที่เราหยิบค่ะ เราควรจะหันมามองที่ฉลากนิดนึง
00:18:02 → 00:18:05 แล้วมันก็จะมีส่วนที่เรียกว่า ฉลากโภชนาการอยู่ด้วย
00:18:05 → 00:18:07 ทีนี้ในส่วนของคนไข้เบาหวานนะคะ
00:18:07 → 00:18:09 สำหรับการเลือกดูฉลากโภชนาการนี่
00:18:09 → 00:18:12 นอกเหนือจากเราจะดูว่า มีพลังงานเท่าไหร่นะคะ
00:18:12 → 00:18:13 เราจะดูว่ามีไขมันอะไรบ้าง
00:18:13 → 00:18:17 แล้วก็ควรจะหลีกเลี่ยง ส่วนที่เราเรียกว่าเป็นไขมันอิ่มตัวนะคะ
00:18:17 → 00:18:21 ดูปริมาณคอเลสเตอรอล แล้วก็ดูปริมาณของน้ำตาลใช่ไหมคะ
00:18:21 → 00:18:25 จริง ๆ แล้ว น้ำตาลที่มีนี่ ถ้าเกิดว่ามันไม่เยอะมากเกินไปนี่
00:18:25 → 00:18:27 เราก็ยังสามารถทานได้ เราทุกคนกินน้ำตาลได้เนอะ
00:18:27 → 00:18:29 แต่ว่าถ้าน้ำตาลมากเกินไปนี่
00:18:29 → 00:18:32 ก็อาจจะมีผลกับเรื่องของระดับน้ำตาลในเลือด
00:18:32 → 00:18:34 อีกอันนึงตอนนี้เวลาที่เราจะไปเลือกนี่
00:18:34 → 00:18:35 มันจะมีสูตรอาหาร
00:18:35 → 00:18:41 หรือว่าผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่างที่เขียนคำว่า Sugar-free หรือว่าไม่มีน้ำตาล
00:18:41 → 00:18:43 ทีนี้เวลาที่เราจะขึ้นทะเบียนอาหาร
00:18:43 → 00:18:46 แล้วเราจะบอกว่าเป็น Sugar-free หรือว่าไม่มีน้ำตาลนี่ค่ะ
00:18:46 → 00:18:50 หมายความว่า ในอาหาร 1 ส่วน หมายความว่ากินได้ 1 ครั้งนะคะ
00:18:51 → 00:18:54 มีปริมาณน้ำตาลที่น้อยกว่า 4 แคลอรี
00:18:54 → 00:18:56 อันนี้เราก็จะบอกว่า โอเค อันนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว
00:18:56 → 00:19:00 คือสามารถจะเขียนไปได้เลยว่า มันเป็น Sugar-free
00:19:00 → 00:19:02 เพราะฉะนั้นในอาหารบางอย่างนี่ค่ะ
00:19:02 → 00:19:06 การที่เขาเขียนว่า Sugar-free ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีน้ำตาลเลย
00:19:06 → 00:19:08 แต่มีในปริมาณน้อยที่เรายอมรับ
00:19:08 → 00:19:11 ซึ่งถ้าเรากินแค่นิดเดียว ก็คงจะไม่มีผลอะไรมาก
00:19:11 → 00:19:14 ถ้าสมมุติเรากินเยอะล่ะคะ กินเป็นปริมาณมาก
00:19:14 → 00:19:17 อันนี้ก็อาจจะทำให้เราได้รับน้ำตาล มากขึ้นเหมือนกัน
00:19:17 → 00:19:21 ดังนั้น ควรที่จะเลือกดู ฉลากโภชนาการทุกครั้งนะคะ
00:19:21 → 00:19:23 ก่อนที่จะเลือกซื้อหรือว่าเลือกกินอาหาร
00:19:23 → 00:19:26 แลัวก็เทคนิคสุดท้ายคือเทคนิคที่ 10 นะคะ
00:19:27 → 00:19:29 ในคนไข้เบาหวานนี่ บางคนอาจจะต้องใช้ยา
00:19:29 → 00:19:32 บางคนอาจจะต้องมีทั้งยากินแล้วก็ยาฉีด
00:19:32 → 00:19:37 ดังนั้น เราควรจะรับประทานอาหารในแต่ละวันนี่ ให้มันพอ ๆ กัน
00:19:37 → 00:19:40 ไม่ใช่ว่ากินมื้อใดมื้อหนึ่งมันหนักเกินไป
00:19:40 → 00:19:44 เพราะว่าถ้ามื้อนี้ สมมุตินะคะ เรากินมื้อเช้าน้อย แต่เรากินยา
00:19:44 → 00:19:46 มันมีโอกาสจะทำให้เราน้ำตาลต่ำ
00:19:46 → 00:19:49 พอน้ำตาลต่ำหรือว่าน้ำตาลตกปุ๊บ เราก็จะหิว
00:19:49 → 00:19:52 แล้วมันก็จะทำให้เรากินมื้อต่อไปเยอะขึ้น
00:19:52 → 00:19:55 ในขณะเดียวกัน ถ้ามื้อเย็นเรากินเยอะ
00:19:55 → 00:19:56 แต่ว่ายาเรานิดเดียว
00:19:56 → 00:19:58 มันก็จะคุมน้ำตาลไม่อยู่
00:19:58 → 00:20:02 ตอนเช้าอีกวันนึง น้ำตาลมันก็จะยังไม่ลง ก็จะยังสูงอยู่ดี
00:20:03 → 00:20:07 ดังนั้น คนที่เป็นเบาหวาน ควรจะกระจายการกินเป็นมื้อ ๆ
00:20:07 → 00:20:09 ให้ครบ 3 มื้อนะคะ
00:20:09 → 00:20:11 ถ้าหิวมาก เป็นมื้อน้อย ๆ แล้วนี่
00:20:11 → 00:20:13 อาจจะมีอาหารว่างเล็ก ๆ อยู่ระหว่างมื้อ
00:20:13 → 00:20:16 เพื่อจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด ไม่สูงจนเกินไปค่ะ
00:20:16 → 00:20:22 [เสียงดนตรี]
00:20:22 → 00:20:27 สำหรับปัญหาหลัก ๆ เลยสำหรับคนไข้ ที่คุมเบาหวานแล้วคุมน้ำตาลไม่ได้นะคะ
00:20:27 → 00:20:28 อันแรกที่เราจะต้องดูก่อนก็คือ
00:20:28 → 00:20:31 เขาคุมหรือว่าเขาดูแล เรื่องของอาหารเป็นอย่างไร
00:20:31 → 00:20:33 กับอันที่สองก็คือเรื่องของยา
00:20:33 → 00:20:37 หลายคนก็จะกลัวว่า กินยาแล้วจะอันตราย ก็จะหยุดกินยา
00:20:37 → 00:20:39 อันที่สอง ในส่วนของอาหารที่กินนี่ค่ะ
00:20:39 → 00:20:42 หลายครั้งคือเราไม่รู้ค่ะ ว่าอันนี้มันมีน้ำตาลอยู่
00:20:42 → 00:20:44 หรือเราคิดว่ามันไม่เยอะ
00:20:44 → 00:20:46 เราคิดว่าเรากินน้อย
00:20:46 → 00:20:50 อันนี้ก็จะเป็นปัญหาหลัก ๆ สำหรับ คนไข้เบาหวานที่จะทำให้คุมน้ำตาลไม่ได้
00:20:50 → 00:20:54 อีกอันนึงที่เจอบ่อย ๆ ก็คือว่าเราพยายามจะคุม
00:20:54 → 00:20:56 พอเรากินยาเยอะปั๊บนี่ แล้วเราคุมอาหาร
00:20:56 → 00:20:58 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำตาลต่ำค่ะ
00:20:59 → 00:21:02 พอน้ำตาลต่ำปุ๊บนี่ มันไม่สามารถที่จะไปยับยั้งชั่งใจได้แล้ว
00:21:02 → 00:21:04 เราจะกลัวมากเมื่อน้ำตาลต่ำ
00:21:04 → 00:21:06 เราก็จะรีบไปกิน
00:21:06 → 00:21:08 เพื่อจะทำให้น้ำตาลในเลือดมันเพิ่มขึ้น
00:21:08 → 00:21:12 แล้วตรงนี้จะทำให้เรากินเยอะขึ้น น้ำตาลในเลือดก็จะยังคุมไม่ได้สักที
00:21:12 → 00:21:14 ดังนั้นนี่การกระจายอาหารทั้งวัน
00:21:14 → 00:21:16 การกินยาที่เหมาะสม
00:21:16 → 00:21:20 อันนี้ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่จะทำให้ คุมเรื่องของน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นค่ะ
00:21:20 → 00:21:22 อีกอันหนึ่งที่เราเจอกันบ่อยนะคะ
00:21:22 → 00:21:24 ในทีวีก็จะพูดถึงเรื่องของอาหารเสริม
00:21:25 → 00:21:27 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือแม้กระทั่งสมุนไพร
00:21:27 → 00:21:31 แล้วก็พูดว่ามันสามารถที่จะ ช่วยลดน้ำตาลโน่นนี่นั่นได้
00:21:31 → 00:21:34 เอาเป็นว่าตอนนี้ค่ะ มันยังไม่มีข้อมูลนะคะ
00:21:34 → 00:21:37 ไม่มีงานวิจัยใด ๆ ที่รองรับว่า
00:21:37 → 00:21:42 สมุนไพรใด ๆ สามารถที่จะช่วยรักษา หรือป้องกันเรื่องเบาหวานได้เลย
00:21:42 → 00:21:44 อาจจะมีบางอย่างเท่านั้นเองที่บอกว่า
00:21:44 → 00:21:47 จะทำให้มีข้อมูลว่าน้ำตาลในเลือดลดลง
00:21:47 → 00:21:51 แต่ว่าเราไม่รู้เลยค่ะว่า เราควรจะต้องกินมากแค่ไหน
00:21:51 → 00:21:55 ดังนั้นไม่แนะนำนะคะที่จะให้ไปกิน เรื่องของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
00:21:55 → 00:21:57 หรือว่าสมุนไพร
00:21:57 → 00:22:00 ถ้าจะใช้ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอที่ดูแลอยู่ก่อน
00:22:00 → 00:22:03 เพื่อจะได้ดูว่ามันจะมียาตีกันหรือเปล่า
00:22:04 → 00:22:07 ไม่งั้นยาที่เรากินอยู่ แล้วเรายังไปได้สมุนไพรบางอย่างอีกนี่
00:22:07 → 00:22:09 มันอาจจะเกิดผลเสียกับทุกท่านได้ค่ะ
00:22:09 → 00:22:14 สำหรับกลุ่มเสี่ยงเบาหวานนะคะ หรือว่าใครบ้างที่ควรจะต้องไปตรวจเบาหวาน
00:22:14 → 00:22:18 อันแรกเลยก็คือ คนที่มีประวัติครอบครัวที่เป็นเบาหวาน
00:22:18 → 00:22:20 อันที่ 2 คนที่อ้วนนะคะ
00:22:20 → 00:22:25 อันที่ 3 คนที่เคยมีเรื่องของ เบาหวานขณะตั้งครรภ์นะคะ
00:22:25 → 00:22:28 อันที่ 4 คนที่มีอาการของโรคเบาหวาน ที่เราว่ามาแล้วนะคะ
00:22:28 → 00:22:32 ถ้าเป็นแบบนี้ ควรจะต้องไปตรวจเบาหวานนะคะ
00:22:32 → 00:22:34 ในกรณีที่เราทราบแล้วว่าเราเป็นเบาหวานนะคะ
00:22:34 → 00:22:36 เราก็ควรจะต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
00:22:36 → 00:22:39 เบาหวานเป็นอะไรที่เราจะต้อง รักษากันไปตลอดค่ะ
00:22:39 → 00:22:41 ถามว่าเบาหวานหายไหม
00:22:41 → 00:22:45 ตอบว่า บางคนจะเรียกว่าหาย แต่จริง ๆ แล้วเบาหวานไม่หายนะคะ
00:22:46 → 00:22:49 แต่ในบางราย ถ้าเขาคุมหรือว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีนี่
00:22:49 → 00:22:50 เขาอาจจะไม่ต้องใช้ยา
00:22:51 → 00:22:56 เรายังเป็นเบาหวานอยู่ แต่เราสามารถจะ ดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาก็ได้
00:22:56 → 00:23:00 เพราะฉะนั้นเวลาที่เป็นเบาหวานแล้ว ต้องดูแลตัวเองตลอดไป
00:23:00 → 00:23:04 คุมเรื่องของอาหาร ถ้ามียา ก็กินยาให้สม่ำเสมอนะคะ
00:23:04 → 00:23:06 ติดตามการรักษานะคะ
00:23:06 → 00:23:09 ดูแลเรื่องของน้ำหนักตัว แล้วก็ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
00:23:09 → 00:23:11 หยุดสูบบุหรี่นะคะ
00:23:11 → 00:23:13 แล้วก็ควบคุมเรื่องของความเครียดด้วยค่ะ
00:23:13 → 00:23:16 แล้วสุดท้ายนะคะ ในกรณีของคนที่เป็นเบาหวานเองนี่
00:23:16 → 00:23:20 เราอาจจะต้องมีการติดตามดูว่า จะมีภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานหรือเปล่า
00:23:20 → 00:23:23 การติดตามว่า
00:23:23 → 00:23:25 ไม่ใช่แค่เจาะน้ำตาลอย่างเดียว
00:23:25 → 00:23:29 แต่ว่าควรจะต้องตรวจดูเรื่องของสุขภาพตา แล้วก็ตรวจเท้าด้วยนะคะ
00:23:29 → 00:23:31 เพื่อจะดูว่ามีเบาหวานขึ้นตาแล้วหรือยัง
00:23:31 → 00:23:33 หรือว่ามันจะมีเรื่องของเส้นประสาทเสื่อม
00:23:33 → 00:23:36 แล้วทำให้เรามีเรื่องของ เบาหวานที่เท้าหรือเปล่า
00:23:36 → 00:23:39 ก็จะเห็นว่าอาหารเองก็มีส่วนสำคัญนะคะ
00:23:39 → 00:23:42 แล้วก็จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะควบคุมโรค
00:23:42 → 00:23:44 หรือว่าควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
00:23:44 → 00:23:50 แล้วก็ส่งผลถึงเรื่องของการลดภาวะแทรกซ้อน ในอนาคตสำหรับคนไข้เบาหวานอีกด้วยนะคะ
00:23:50 → 00:23:52 ขอเชิญชวนท่านผู้ฟังทุกท่านนะคะ
00:23:52 → 00:23:55 ติดตาม Mahidol Channel Podcast นะคะ
00:23:55 → 00:23:57 กด Like กด Share ให้เราด้วยนะคะ
00:23:57 → 00:24:01 สำหรับคนที่สนใจนะคะ ด้านล่างเราก็จะมีการรวบรวมคลิปนะคะ
00:24:01 → 00:24:05 หรือว่า Link ทั้งหลายที่เกี่ยวกับ เรื่องของอาหารทางสุขภาพ
00:24:05 → 00:24:07 หรือว่าอาหารที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานไว้ด้วย
00:24:07 → 00:24:12 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:24:12 → 00:24:14 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:24:14 → 00:24:16 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:16 → 00:24:19 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:19 → 00:24:20 YouTube Mahidol Channel
00:24:21 → 00:24:22 Apple Podcasts
00:24:22 → 00:24:23 Spotify
00:24:23 → 00:24:24 Anchor
00:24:24 → 00:24:25 Blockdit
00:24:25 → 00:24:30 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:24:30 → 00:24:33 [เสียงดนตรี]
00:24:33 → 00:24:37 Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้