00:00:00 → 00:00:02 วันนี้ก็มาคุยกันในเรื่องของปัญหาคุณผู้
00:00:02 → 00:00:05 หญิงนะครับ
00:00:05 → 00:00:07 ครับอย่างหัวข้อที่เมื่อสักครู่เกริ่นกัน
00:00:07 → 00:00:10 มาเนี่ยก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผ่าตัด
00:00:10 → 00:00:11 คลอดนะครับ
00:00:11 → 00:00:14 คิดว่าคุณผู้ฟังทุกๆท่านคงจะนึกออกนะครับ
00:00:14 → 00:00:16 วิธีในการคลอดบุตรในปัจจุบันเนี่ยนะครับ
00:00:16 → 00:00:19 เราก็จะแบ่งเป็นหลักๆก็จะมี 2 วิธีนะครับ
00:00:19 → 00:00:23 ก็คือคลอดผ่านทางช่องคลอดหรือว่าข้อโดย
00:00:24 → 00:00:26 การผ่าตัดแล้วให้ลูกออกมาทางผนังหน้าท้อง
00:00:26 → 00:00:30 หรือว่าผ่าตัดคลอดนะครับในส่วนของการคลอด
00:00:30 → 00:00:33 ทางช่องคลอดเนี่ยแล้วเราก็รู้หลายๆคนเขา
00:00:33 → 00:00:35 เรียกว่าเป็นการคลอดธรรมชาติคลอดปกติอะไร
00:00:35 → 00:00:37 อย่างนี้นะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยในราย
00:00:37 → 00:00:40 ละเอียดเรื่องของการการคลอดเอ่อทางช่อง
00:00:40 → 00:00:44 คลอดเนี่ยก็จะยังมีการครอบด้วยวิธีอื่นๆ
00:00:44 → 00:00:46 ด้วยนะครับแต่ว่าแต่ว่าลูกออกมาทางช่อง
00:00:46 → 00:00:49 คลอดเหมือนกันนะครับนั่นก็คือหลายๆท่าน
00:00:49 → 00:00:51 อาจจะไม่ได้นึกถึงก็คือการคลอดทางช่อง
00:00:51 → 00:00:54 คลอดเนี่ยบางครั้งมีการติดขัดนะครับก็จะ
00:00:54 → 00:00:57 มีการใช้อุปกรณ์ช่วยคลอดเช่นที่เราเรียก
00:00:57 → 00:01:01 ว่าหัวดูดสูญญากาศช่วยดึงหัวลูกออกมานะ
00:01:01 → 00:01:04 ครับหรือว่าเอ่ออีกประเภทนึงก็คือการใช้
00:01:04 → 00:01:06 เหมือนกับครีมช่วยคลอดจะเป็นลักษณะของ
00:01:06 → 00:01:09 โลหะที่ที่เหมือนกับไปครอบบริเวณศีรษะของ
00:01:09 → 00:01:11 ลูกเพื่อจะได้เป็นเป็นเหมือนกับตัวส่งให้
00:01:11 → 00:01:14 ศีรษะของลุงกับเคลื่อนผ่านลงมานะครับ
00:01:14 → 00:01:16 เพราะฉะนั้นการคลอดทางช่องคลอดเนี่ยนอก
00:01:16 → 00:01:20 จากคลอดปกติแล้วก็ยังมีการคลอดที่ใช้หัว
00:01:20 → 00:01:22 ดูดสูญญากาศหรือการใช้คีมช่วยคลอดอันนี้
00:01:22 → 00:01:25 เราเรียกว่าเป็นการผ่าตัดทางการทอดการทอด
00:01:25 → 00:01:27 ทางช่องคลอดทั้งหมดแต่ที่เราคุยกันวันนี้
00:01:27 → 00:01:30 ในเรื่องของการผ่าตัดคลอดก็คือตัวลูก
00:01:30 → 00:01:31 เนี่ยจะไม่ได้เคลื่อนมาทางช่องคลอดแล้ว
00:01:31 → 00:01:35 แต่ก็จะออกมาทางหน้าท้องเองโดยวิธีการก็
00:01:35 → 00:01:39 คือเอ่อจะมีการเปิดแผลนะครับในบริเวณเอ่อ
00:01:39 → 00:01:42 หน้าท้องส่วนล่างนะครับก็คือ
00:01:42 → 00:01:45 อ่าสมัยก่อนเนี่ยอาจจะมีการผ่าตัดผ่านใน
00:01:45 → 00:01:47 แนวตั้งเราเคยเห็นแผลผ่าตัดสมัยก่อนเนี่ย
00:01:47 → 00:01:50 เป็นแนวตั้งคือจากใต้สะดือลงมาตรงๆเลย
00:01:50 → 00:01:52 ครับตรงเส้นตรงกลางท้องนั่นแหละลงไปที่
00:01:52 → 00:01:55 หัวหนามนะครับแต่ปัจจุบันเนี้ยมักจะไม่
00:01:55 → 00:01:58 ค่อยนิยมแล้วเพราะว่าการผ่าตัดคลอดเนี่ย
00:01:58 → 00:02:00 นะครับตั้งเนี่ยคืออันที่ 1 สำหรับคุณผู้
00:02:00 → 00:02:02 หญิงแล้วเนี่ยเรื่องการเป็นแผลเป็นอะไร
00:02:02 → 00:02:07 มันมันกระทบกระเทือนจิตใจและผู้หญิง
00:02:07 → 00:02:10 มันจะเป็นแผลที่ค่อนข้างใหญ่แล้วก็เห็น
00:02:10 → 00:02:14 ได้ชัดแล้วก็แพ้แนวตั้งเนี่ยมันจะขวางกับ
00:02:14 → 00:02:16 แนวของกล้ามเนื้อของเราเพราะฉะนั้นทำให้
00:02:16 → 00:02:20 แผลนี่มีลักษณะของการเกิดแรงดึงแรงสูงแพ้
00:02:20 → 00:02:22 ในไหนที่มีการดึงรั้งสูงเนี่ยนะครับมัน
00:02:22 → 00:02:25 หมายความว่ามันมีมันมีแนวที่จะดึงให้แผล
00:02:25 → 00:02:29 แยกออกจากกันได้สูงเนี่ยเวลาทิ้งแผลไว้
00:02:29 → 00:02:31 นานๆเนี่ยไอ้ตัวแผลนั้นมีโอกาสจะเกิดเป็น
00:02:31 → 00:02:33 แผลเป็นแผลเป็นนูนที่เราเรียกว่าคีลอยด์
00:02:33 → 00:02:36 เนี่ยได้เยอะกว่านั้นตัวแผลในแนวตั้งนี่
00:02:36 → 00:02:39 ก็จะน่าเกลียดกว่านะครับแต่ว่าการผ่าตัด
00:02:39 → 00:02:41 คลอดในปัจจุบันเนี่ยเราจะมีการลงแผลที่
00:02:41 → 00:02:45 ผิวหนังเนี่ยในลักษณะเป็นแนวนอนก็ที่เรา
00:02:45 → 00:02:47 เรียกกันผิดฝั่งก็เป็นแนวบิกินี่อย่าง
00:02:47 → 00:02:49 เงี้ยนะครับก็คือเอ่อก็เป็นแนวนอนเหมือน
00:02:49 → 00:02:52 กับเหมือนกับขอบของกางเกงในเหล่านี้ของ
00:02:52 → 00:02:55 ของชั้นบนของกางเกงในเรานั่นเองนะครับ
00:02:55 → 00:02:58 อันเนี้ยก็จะเป็นการลงแผนตามแนวขวางซึ่ง
00:02:58 → 00:03:01 ก็ก็ความสั้นยาวของแผลเนี่ยก็จะประเมิน
00:03:01 → 00:03:03 จากตัวของลูกนะครับแต่โดยทั่วไปก็คือให้
00:03:03 → 00:03:06 กว้างพอที่จะสามารถว่าตัวลูกเขาออกมาได้
00:03:06 → 00:03:09 นะครับแล้วก็มาลงแผนที่หน้าท้องลงไปเสร็จ
00:03:09 → 00:03:12 ปุ๊บนะครับแน่นอนเราก็จะผ่านผ่านชั้นของ
00:03:12 → 00:03:15 ไขมันใต้ผิวหนังนะครับผ่านชั้นของกล้าม
00:03:15 → 00:03:17 เนื้อซึ่งตรงชั้นกล้ามเนื้อเนี่ยเราจะไม่
00:03:17 → 00:03:20 ได้ลงแผลแล้วแต่ว่าใช้วิธีการแหวกให้ฉัน
00:03:20 → 00:03:21 กล้ามเนื้อเนี่ยมันเปิดออกจากกันนะครับ
00:03:21 → 00:03:26 เสร็จแล้วก็เราจะลงไปถึงชั้นของเยื่อหุ้ม
00:03:26 → 00:03:28 ช่องท้องนะครับไอ้เยื่อหุ้มช่องท้องเนี่ย
00:03:28 → 00:03:31 เราจะเหมือนกับลงมีดเล็กๆนะครับเปิดแผล
00:03:31 → 00:03:35 ให้กว้างแล้วก็เป็นไปในแนวทางที่จะทำให้
00:03:35 → 00:03:37 เราสามารถผ่านเข้าไปในช่องท้องแล้วก็ไป
00:03:37 → 00:03:40 ถึงตัวมดลูกได้นะครับแล้วก็พอถึงตัวมดลูก
00:03:40 → 00:03:43 เนี่ยนะครับเราจะลงแผนในแนวเดียวกับแนว
00:03:43 → 00:03:46 บิกินี่แหละก็คือแผลที่แผลที่ผิวหนังภาย
00:03:46 → 00:03:48 นอกเนี่ยอาจจะเป็นแนวตั้งอย่างที่หมอบอก
00:03:48 → 00:03:50 ตอนแรกหรือเป็นแผลแนวนอนอย่างบิกินี่นะ
00:03:50 → 00:03:52 ครับแต่แผลเป็นตัวมดลูกเนี่ยมักจะนิยมลง
00:03:52 → 00:03:55 ในแนวบิกินี่ทั้งหมดก็คือเป็นแนวนอนทาง
00:03:55 → 00:03:57 ด้านล่างเพราะว่าเป็นตำแหน่งที่เราจะลงไป
00:03:57 → 00:04:00 หาหัวลูกได้ง่ายที่สุดเราก็จะได้แบบดึง
00:04:00 → 00:04:02 ของลุงออกมาแผลงๆอะไรง่ายๆที่สุดนะครับ
00:04:03 → 00:04:07 แล้วก็เวลาที่จะเข้าสู่ระยะคลอดเนี่ยนะ
00:04:07 → 00:04:10 ครับตัวมดลูกของเราเนี่ยเรานึกถึงง่ายๆ
00:04:10 → 00:04:12 มดลูกในปกติตอนที่ไม่ได้ตั้งครรภ์เนี่ยนะ
00:04:12 → 00:04:14 ครับจะมีขนาดเท่าๆกับกำปั้นมือเราเท่า
00:04:14 → 00:04:16 นั้นเองแต่เวลาที่ตั้งครรภ์ครบกำหนดเนี่ย
00:04:16 → 00:04:19 นะครับจะคลอดลูกแล้วเนี่ยมันต้องจะใหญ่
00:04:19 → 00:04:22 ขึ้นมาจนกระทั่งยอดของมดลูกเนี่ยมาสูงถึง
00:04:22 → 00:04:25 สูงถึงกระบังลมถึงลิ้นปี่เอาเลยอ่ะครับ
00:04:25 → 00:04:27 เรียกว่าถ้าบางคุณแม่ก็แค่ข้อมูลหายใจไม่
00:04:27 → 00:04:30 ค่อยสะดวกเพราะมันแน่นไปหมดเนี่ยเพราะ
00:04:30 → 00:04:32 ฉะนั้นมดลูกที่มันยืดขยายอย่างเงี้ยเรา
00:04:32 → 00:04:35 นึกถึงกล้ามเนื้อของเอ่อตัวมดลูกเนี่ยมัน
00:04:35 → 00:04:37 ก็เรานึกถึงมันเราดึงหนังสติ๊กฮะนะครับ
00:04:37 → 00:04:41 มันก็จะมีความยืดอ่าให้ให้ยาวขึ้นมาแล้ว
00:04:41 → 00:04:44 ก็เอ่อมันจะมีความพิเศษอย่างนึงก็คือส่วน
00:04:44 → 00:04:46 ล่างของตัวมดลูกเนี่ยนะครับก็คือส่วนที่
00:04:46 → 00:04:49 เป็นตามแนวแผลบิกินี่เนี่ยมันจะมีการยืด
00:04:49 → 00:04:52 และบางตัวของของพื้นที่ตรงนี้มากกว่า
00:04:52 → 00:04:55 บริเวณอื่นนะครับเพราะฉะนั้นเหตุที่เราลง
00:04:55 → 00:04:59 แผลในแนวในแนวนอนนะครับบนผนังของตัวมดลูก
00:04:59 → 00:05:02 ก็เพราะว่าตรงเนี้ยเป็นตำแหน่งที่มันบาง
00:05:02 → 00:05:04 กับบริเวณอื่นดังนั้นเมื่อเราลงแผลผ่าลง
00:05:04 → 00:05:06 ไปเนี่ยมันจะไม่ต้องผ่านชั้นกล้ามเนื้อ
00:05:06 → 00:05:09 ที่หนามากทำให้ลงแผลลงไปได้ง่ายขึ้นแล้ว
00:05:09 → 00:05:12 ก็พอเราลงแผลจากชั้นนี้ลงไปเนี่ยเราจะไป
00:05:12 → 00:05:15 ถึงลูกละก็จะไปถึงตัวถุงน้ำคร่ำนะครับเรา
00:05:15 → 00:05:17 ก็มักจะเจาะให้ถุงน้ำคร่ำแตกออกแล้วก็
00:05:17 → 00:05:21 ค่อยๆคลอดลูกออกมานะครับว่าส่วนส่วนที่
00:05:21 → 00:05:23 เราค้ำเจอเป็นมักจะเป็นศรีษะแล้วก็ดึง
00:05:23 → 00:05:26 ศีรษะออกมาแล้วก็คลอดลูกออกมาผ่านทางแผล
00:05:26 → 00:05:29 ตรงตรงบริเวณผนังมดลูกแล้วก็ลูกก็ออกมา
00:05:29 → 00:05:31 ทางหน้าท้องของคุณแม่นะครับอันนี้ก็คือ
00:05:31 → 00:05:34 ความหมายโดยรวมของเรื่องของการผ่าตัดคลอด
00:05:34 → 00:05:36 เพราะฉะนั้น
00:05:36 → 00:05:39 ในหัวข้อของเราเนี่ยที่เราเคยได้ยินกัน
00:05:39 → 00:05:42 ว่าผ่าตัดคลอดเนี่ยไม่ควรจะผ่าเกิน 2
00:05:42 → 00:05:44 ครั้งหรือ 3 ครั้งเนี่ยอันนี้จริงไหมนะ
00:05:44 → 00:05:47 ครับตรงนี้ให้นึกตามที่หมอพยายามอธิบายไป
00:05:47 → 00:05:51 เมื่อสักครู่ว่าตัวการตั้งครรภ์ตัวมดลูก
00:05:51 → 00:05:53 เราจะขนาดเล็กๆเท่ากำปั้นมือเนี่ยเขาจะมี
00:05:53 → 00:05:56 การยืดขยายจนกระทั่งบรรจุลูกไว้ได้คน
00:05:56 → 00:05:59 หนึ่งไงนะครับหรือบางทีเป็นแฝดก็ยิ่งใหญ่
00:05:59 → 00:06:00 ขึ้นไปกว่านั้นอีกใช่ไหมครับเพราะฉะนั้น
00:06:00 → 00:06:04 บริเวณแถวนี้มันต้องการความตึงแรงดึงแรง
00:06:04 → 00:06:07 ยืดตัวอะไรของกล้ามเนื้อของตัวมดลูกค่อน
00:06:07 → 00:06:11 ข้างมากนะครับถ้าเราคลอดแบบปกติทางช่อง
00:06:11 → 00:06:14 คลอดเนี่ยนะครับมันก็ไม่มีการที่เราจะ
00:06:14 → 00:06:17 ต้องไปลงแผลหรืออะไรที่ตัดผ่านชั้นกล้าม
00:06:17 → 00:06:19 เนื้อของมดลูกเพราะว่าลูกเนี่ยคลอดออกไป
00:06:19 → 00:06:22 ทางช่องคลอดโดยโดยมันกับตัวมดลูกนะครับ
00:06:22 → 00:06:24 เวลาคลอดปกติ
00:06:24 → 00:06:27 รัดตัวที่เราเรียกว่าเจ็บท้องคลอดเนี่ยนะ
00:06:27 → 00:06:30 ครับเพื่อส่งมันเป็นแรงส่งให้ตัวลูกเนี่ย
00:06:30 → 00:06:32 เคลื่อนผ่านออกมาข้างล่างแล้วปากมดลูกก็
00:06:32 → 00:06:35 จะขึ้นเหมือนปากถุงถ้าเราเปิดออกจน
00:06:35 → 00:07:37 กระทั่งตัวลูกเนี่ยคลอดออกมาได้นะครับ
00:07:37 → 00:07:40 แผลไปแล้วเนี่ยนะครับเวลาเขามาสมานตัวของ
00:07:40 → 00:07:43 แผลเนี่ยแน่นอนเราจะไปหวังให้ความแข็งแรง
00:07:43 → 00:07:45 ของบริเวณตรงนั้นเนี่ยมันกลับมาแข็งแรง
00:07:45 → 00:07:47 เหมือนเดิมเลยเหมือนกับตอนคนที่ไม่มีแผล
00:07:47 → 00:07:50 เลยเนี่ยอันนี้ย่อมย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะ
00:07:50 → 00:07:53 ว่ามันเหมือนกับพื้นที่ตรงนั้นมันมีแผลไป
00:07:53 → 00:07:55 แล้วเวลามันมาเชื่อมมาสมานแผลกันเนี่ย
00:07:55 → 00:07:58 ความแข็งแรงมันจะน้อยกว่าความแข็งแรงโดย
00:07:58 → 00:08:02 ธรรมชาติเพราะฉะนั้นเราจึงเรียกได้ว่า
00:08:02 → 00:08:04 ผนังมดลูกเนี่ยเมื่อผ่านการผ่าตัดคลอดมา
00:08:04 → 00:08:07 ครั้งนึงเนี่ยบริเวณที่เป็นแนวแผลเนี่ยจะ
00:08:07 → 00:08:09 เป็นจุดที่บอบบางความแข็งแรงมันจะน้อย
00:08:09 → 00:08:13 กว่านะครับเพราะฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้
00:08:13 → 00:08:16 เนี่ยนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเอ่อถ้า
00:08:16 → 00:08:20 หากมีการตั้งครรภ์ซ้ำครั้งต่อไปก็เหมือน
00:08:20 → 00:08:21 เดิมครับเมื่อเราคลอดลูกเสร็จใช่ไหมครับ
00:08:21 → 00:08:24 มดลูกมันหดรัดตัวลงนะครับผ่านใช้เวลาผ่าน
00:08:24 → 00:08:28 ไปประมาณสัก 6-8 สัปดาห์นะครับ 6-8
00:08:28 → 00:08:32 สัปดาห์เนี่ยเอ่อเราก็จะมุดๆจะกลับมาคืน
00:08:32 → 00:08:36 สภาพเหมือนเดิมที่เราเรียกว่ามดลูกเข้านะ
00:08:36 → 00:08:38 ครับ
00:08:38 → 00:08:42 อย่างเอ่อยังที่เราบอกและจากขนาดที่ใหญ่ๆ
00:08:42 → 00:08:45 ขึ้นมาถึงลิ้นปี่เนี่ยก็จะหดตัวสั้นลงไป
00:08:45 → 00:08:48 จนกระทั่งไปเป็นขนาดเท่ากำบ้านเมือง
00:08:48 → 00:08:51 อ่านะครับคราวนี้เมื่อเป็นอย่างนี้นะครับ
00:08:51 → 00:08:54 พอเราจะตั้งครรภ์ครั้งใหม่เนี่ยเมื่อมี
00:08:54 → 00:08:57 ลูกเข้าไปอยู่ข้างในปุ๊บมดลูกก็จะถูกยืด
00:08:57 → 00:09:01 ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนะครับคราวนี้การยื่น
00:09:01 → 00:09:03 ในครั้งนี้มันจะเหมือนกับว่าผนังกล้าม
00:09:03 → 00:09:05 เนื้อที่มันมีแผลอยู่แล้วเนี่ยบริเวณตรง
00:09:05 → 00:09:07 นี้จะเป็นจุดบอบบางที่เวลาเขายืดเนี่ยตรง
00:09:07 → 00:09:10 นั้นอาจจะมีโอกาสที่จะแตกหรือว่าปีกขาด
00:09:10 → 00:09:13 ได้เรานึกถึงสมมุติหนังสติ๊กที่เรายืด
00:09:13 → 00:09:16 สมมุติบางจุดมันเคยแบบใช้ซ้ำๆแล้วมันตรง
00:09:16 → 00:09:18 นั้นเป็นจุดที่มันเป็นแผลเป็นเป็นจุดบอบ
00:09:18 → 00:09:21 บางเราจะรู้สึกว่าบางทีเราดึงหนังสติ๊กๆ
00:09:21 → 00:09:23 เนี่ยบางถ้าเราส่องไฟฟ้าเราจะมองเห็นเลย
00:09:23 → 00:09:26 ว่าบางส่วนมันจะบางกับบริเวณอื่นพร้อมจะ
00:09:26 → 00:09:29 ขาดอะไรเงี้ยฮะนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:09:29 → 00:09:31 เรากังวลกันในในเรื่องของเอ่อการผ่าตัด
00:09:31 → 00:09:33 คลอดก็คือตอนที่มาตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
00:09:33 → 00:09:36 แล้วมดลูกต้องยืดอีกครั้งนึงเนี่ยมันมี
00:09:36 → 00:09:39 ความเสี่ยงที่บริเวณเอ่อที่เป็นแนวแผล
00:09:39 → 00:09:41 เดิมนะครับอันนี้เราหมายถึงในกล้ามเนื้อ
00:09:42 → 00:09:44 มดลูกอ่ะนะครับมันมีโอกาสจะเปลี่ยนแปลง
00:09:44 → 00:09:46 ได้ซึ่งถ้าเกิดกรณีอย่างนั้นขึ้นน่ะโห
00:09:46 → 00:09:48 อันตรายมากครับอันตรายถึงชีวิตคุณแม่
00:09:48 → 00:09:51 เพราะว่าอาจจะมีมะม่วงมันแตกออกมดลูกจะ
00:09:51 → 00:09:53 เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่มาเลี้ยงลูกตอน
00:09:53 → 00:09:56 นั้นก็จะมีการตกเลือดเสียเลือดจำนวนมากนะ
00:09:56 → 00:09:59 ครับแล้วมันจะไม่ได้เสียแค่แค่ให้เกิด
00:09:59 → 00:10:01 อันตรายก็คือพอเลือดออกอย่างเงี้ยนะครับ
00:10:01 → 00:10:04 อาจจะเสียรูปได้แล้วก็อาจจะอันตรายเสี่ยง
00:10:04 → 00:10:06 ถึงคุณแม่ครับเสียชีวิตได้เหมือนกันนะ
00:10:06 → 00:10:08 ครับดังนั้น
00:10:08 → 00:10:11 ตั้งแต่เรามีวิวัฒนาการในเรื่องการผ่าตัด
00:10:11 → 00:10:12 คลอดบุตรเนี่ยเราก็มีความระมัดระวังตรง
00:10:12 → 00:10:15 นี้มาโดยตลอดนะครับโดยทั่วไปเราก็มักจะ
00:10:15 → 00:10:18 สมมุติจะตั้งครรภ์ครั้งต่อไปนะครับถ้า
00:10:18 → 00:10:21 เป็นคนที่คลอดโดยคลอดทางช่องคลอดซึ่งตัว
00:10:21 → 00:10:24 มดลูกไม่เคยมีแผลเนี่ยนะครับบางทีเราให้
00:10:24 → 00:10:26 รอประมาณ 6 เดือนเนี่ยสามารถเริ่มตั้ง
00:10:26 → 00:10:27 ครรภ์ครั้งต่อไปได้แล้วพอมดลูกจะถือว่า
00:10:27 → 00:10:30 มันกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแหละแต่ถ้า
00:10:30 → 00:10:33 เป็นกรณีของการเคยผ่าตัดคลอดมาเนี่ยเราจะ
00:10:33 → 00:10:35 มาตั้งครรภ์ครั้งต่อไปเนี่ยนะครับเรามัก
00:10:35 → 00:10:39 จะต้องคอยให้เว้นระยะนานขึ้นอาจจะเว้น
00:10:39 → 00:10:41 ประมาณ 1 ปีขึ้นไปทั้งนี้เพื่อหวังว่าให้
00:10:41 → 00:10:44 เอ่อบริเวณความแข็งแรงของแผลเนี่ยกลับมา
00:10:44 → 00:10:47 คงสภาพดีก่อนนะครับและหลังจากที่เราทำมา
00:10:48 → 00:10:50 เรื่อยๆอย่างนี้เป็นประวัติศาสน์เนี่ยเรา
00:10:50 → 00:10:52 ก็พบว่าโอเคเมื่อผ่าเมื่อผ่าตัดคลอดจะแบบ
00:10:52 → 00:10:55 เนี่ยถ้าสมมุติตั้งครรภ์ซ้ำใหม่ครั้งที่ 2
00:10:55 → 00:10:59 เนี่ยก็มักที่ยังเป็นปกติครับให้โอกาสที่
00:10:59 → 00:11:01 มดลูกจะไปแปลกอะไรเงี้ยมักจะไม่ค่อยเป็น
00:11:01 → 00:11:04 ครับเพียงแต่ว่าเราก็ได้ข้อสังเกตเหมือน
00:11:04 → 00:11:06 กันว่าพอหลังจากเราที่ผ่าเข้าไปครั้งที่ 2
00:11:06 → 00:11:09 เนี่ยก่อนที่คลอดบุตรคนที่ 2 เนี่ยเราจะ
00:11:09 → 00:11:12 พบว่าแนวแผลตรงที่เราลงเป็นแนวขวาง
00:11:12 → 00:11:15 บิกินี่ที่อยู่บนผนังของกล้ามเนื้อมดลูก
00:11:15 → 00:11:18 ข้างในนะครับเวลาเราเข้าไปมองดูเนี่ยคุณ
00:11:18 → 00:11:20 หมอหลายๆท่านก็เก็บข้อมูลกันมาทั่วโลก
00:11:20 → 00:11:23 เนี่ยเราจะพบเลยว่าบริเวณแนวแผลเก่าเดิม
00:11:23 → 00:11:26 เนี่ยมันจะบางกว่าบางกว่าตอนที่เราเห็น
00:11:26 → 00:11:29 เขาครั้งแรกก็แสดงว่ายิ่งเคยผ่าตัดเท่า
00:11:29 → 00:11:32 ไหร่ไอ้แผลเป็นที่มันสมานกันที่มันกลับมา
00:11:32 → 00:11:35 อ่าตรงบริเวณที่เราผ่าตรงมดลูกไว้แล้ว
00:11:35 → 00:11:38 เย็บกลับคืนเนี่ยมันจะมีความบางลงเรื่อยๆ
00:11:38 → 00:11:39 อ่ะ
00:11:39 → 00:11:41 เพราะฉะนั้นตรงนั้นก็จะมีจุดบอบบางอย่าง
00:11:41 → 00:11:43 ที่เรากลัวว่าจะมีความเสี่ยงต่อการเกิด
00:11:43 → 00:11:46 การแตกหรือฉีกขาดของแผลนะครับอันนี้ก็จะ
00:11:46 → 00:11:49 มีความเสี่ยงสูงมากขึ้นซึ่งความเสี่ยงนี้
00:11:49 → 00:11:52 ไม่ได้เกิดจากตอนที่ตอนที่ตอนที่ยืดขยาย
00:11:52 → 00:11:55 อย่างเดียวจนกระทั่งตั้งครรภ์ครบกำหนดอัน
00:11:55 → 00:11:57 นี้อาจจะยังไม่เท่าไหร่แต่ว่าตอนที่ถ้า
00:11:57 → 00:12:00 เรามาเก็บท้องคลอดเนี่ยมันจะทำให้เกิดการ
00:12:00 → 00:12:02 บีบตัวอย่างรุนแรงของมดลูกและพอบีบตัว
00:12:02 → 00:12:04 บ่อยๆเนี่ยให้ตรงแผลเนี่ยมันจะเป็นรอยปี
00:12:04 → 00:12:06 แยกได้ง่ายกว่าก็จะเกิดความเสี่ยงที่
00:12:06 → 00:12:08 มดลูกแตกได้มากขึ้นแล้วเราก็เก็บข้อมูล
00:12:08 → 00:12:12 กันมาต่อก็มีบางท่านที่เอ่อผ่าตัดคลอด
00:12:12 → 00:12:15 เป็น 2 ครั้งแล้วนะครับกลับมาบังเอิญมา
00:12:15 → 00:12:19 ข้อตั้งครั้งที่ 3 อีกแล้วเราผ่าลงไปอีก
00:12:19 → 00:12:22 เราก็เจอมันบางลงไปเรื่อยๆอีกเพราะฉะนั้น
00:12:22 → 00:12:26 เป็นเป็นข้อสรุปที่ค่อนข้างจะตรงกันนะ
00:12:26 → 00:12:28 ครับจากการเก็บข้อมูลทั่วไปและทั่วโลกเลย
00:12:28 → 00:12:34 ว่าเอ่อที่เราเคยกังวลใจว่าแผลที่เราลง
00:12:34 → 00:12:37 มีดไปบนตัวมดกล้ามเนื้อมดลูกเนี่ยจะทำให้
00:12:37 → 00:12:40 เกิดเอ่อเวลามันสมานแผลกลับมาเนี่ยมันน่า
00:12:40 → 00:12:42 จะแข็งแรงเท่าเดิมอันนี้เป็นข้อพิสูจน์
00:12:42 → 00:12:44 ที่จริงเพราะว่าพอเราตามดูจากข้อมูลอย่าง
00:12:44 → 00:12:47 ที่หมอเล่าให้ฟังคือยิ่งถามมากครั้งขึ้น
00:12:47 → 00:12:49 นะครับเราพบเลยว่าความหนาในบริเวณแนวแผล
00:12:49 → 00:12:53 เดิมยิ่งบางลงบางลงบางลงเรื่อยๆนะครับบาง
00:12:53 → 00:12:56 ครั้งเนี่ยครั้งที่ 3 เนี่ยพอเราเปิดชั้น
00:12:56 → 00:12:59 ของหน้าท้องอะไรเนี่ยพอถึงชั้นของมดลูก
00:12:59 → 00:13:01 เนี่ยบางทีเราเห็นบางจนกระทั่งเราเห็น
00:13:01 → 00:13:03 เป็นเหมือนกับตัวลูกใสๆอยู่ใต้กล้ามเนื้อ
00:13:03 → 00:13:05 แล้วอ่ะคือเหมือนมองเห็นแล้วอันนั้นก็มี
00:13:05 → 00:13:08 นะอันนั้นก็เรียกว่าเสียงต่อการที่มารู้
00:13:08 → 00:13:11 จักแต่แปลกหรือฉีกขาดได้มากเลยนะครับก็
00:13:11 → 00:13:13 เลยข้อมูลตรงเนี้ยก็เลยเป็นสิ่งที่ย้อน
00:13:13 → 00:13:16 กลับมาทำให้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ทั่วๆ
00:13:16 → 00:13:19 ไปว่าสำหรับผู้ที่เคยคลอดหมดในการผ่าตัด
00:13:19 → 00:13:22 คลอดมาแล้วเนี่ยนะครับหากจะคลอดบุตรครั้ง
00:13:22 → 00:13:24 ต่อๆไปซึ่งๆส่วนใหญ่แล้วมักจะผ่าคลอดอีก
00:13:24 → 00:13:28 เนี่ยนะครับเอ่อก็ควรให้น้อยครั้งที่สุด
00:13:28 → 00:13:31 นะครับแนะนำทั่วๆไปคือประมาณสมมุติถ้า
00:13:31 → 00:13:34 เป็นอย่างเงี้ยก็ผ่า 2 ครั้งเนี่ยเรายัง
00:13:34 → 00:13:36 ไม่ค่อยเจอภาวะมดลูกแตกแต่ทำไมเริ่มครั้ง
00:13:36 → 00:13:38 ที่ 3 ครั้งที่ 4 เนี่ยจะเริ่มมีความ
00:13:38 → 00:13:40 เสี่ยงตรงนี้มากขึ้น
00:13:40 → 00:13:44 เพราะฉะนั้นในหัวข้อของเราที่บอกว่าไม่
00:13:44 → 00:13:46 ควรจะผ่าเกิน 2 หรือ 3 ครั้งเนี่ยจริงไหม
00:13:46 → 00:13:49 ก็จริงครับถ้าใช้คำว่าไม่ควรก็คือว่าเรา
00:13:49 → 00:13:51 ไม่ค่อยแนะนำให้เป็นอย่างนั้นแต่ถามว่า
00:13:51 → 00:13:53 แล้วถ้ามันบังเอิญพลาดแล้วตั้งครรภ์ขึ้น
00:13:54 → 00:13:56 มาบางคนตั้งครรภ์มา 4 ครั้งหมอก็เคยเจอ
00:13:57 → 00:13:58 ท่านหนึ่งจะตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 5
00:13:58 → 00:14:01 เนี่ยผ่าทุกครั้งก็มีแต่ว่าก็ต้องยอมรับ
00:14:01 → 00:14:04 ว่าเราดูแลการดำเนินการไปด้วยความความ
00:14:04 → 00:14:06 เสี่ยงเหมือนกันเพราะว่าเราก็กลัวจะเกิด
00:14:06 → 00:14:09 ภาวะมดลูกแตกอย่างที่บอกนะครับยิ่งไปกว่า
00:14:09 → 00:14:11 นั้นการผ่าตัดคลอดในแต่ละครั้งเนี่ยนะ
00:14:11 → 00:14:14 ครับจริงๆไม่ใช่ผ่าตัดข้อหรอกผ่าตัดอะไร
00:14:14 → 00:14:16 ก็ตามที่เราผ่าเข้าไปในช่องท้องเนี่ย
00:14:16 → 00:14:19 เมื่อเราผ่าตัดเนี่ยมันย่อมต้องมีเอ่อ
00:14:19 → 00:14:23 โอเคมีเลือดออกข้างในช่องท้องบ้างมีมีพวก
00:14:23 → 00:14:26 สารน้ำต่างๆที่มันไหลลงไปยังกรณีของการ
00:14:26 → 00:14:29 ผ่าคลอดมันก็จะเป็นเรื่องของเอ่อน้ำค่ำ
00:14:29 → 00:14:32 ต่างๆพออย่างที่เราบอกอ่ะพอลงไปถึงตัว
00:14:32 → 00:14:34 ชั้นของลูกเราก็เจาะให้ถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
00:14:34 → 00:14:39 ก็เราจะได้พาลูกออกมาได้ใช่ไหมครับไอ้เศษ
00:14:39 → 00:14:41 ของเนื้อเยื่อต่างๆเสร็จของน้ำข้ามเศษของ
00:14:41 → 00:14:44 เลือดต่างๆที่มันจะไหลลงไปในช่องท้องเรา
00:14:44 → 00:14:46 อ่ะช่องท้องเรามันก็มีซอกอื่นเยอะแยะไป
00:14:46 → 00:14:49 หมดนะครับเพราะมันรอบๆรอบๆตัวมดลูกก็จะ
00:14:49 → 00:14:53 เป็นพวกลำไส้ทั้งลำไส้ใหญ่ไส้เล็ก
00:14:53 → 00:14:56 สารละลายพวกนี้นะครับไม่ว่าจะเป็นอย่าง
00:14:56 → 00:14:58 ที่หมอบอกน้ำคร่ำหรือว่าเป็นเลือดอะไร
00:14:58 → 00:15:00 ต่างๆที่น็อตทองอยู่ในช่องท้องเนี่ยนะ
00:15:00 → 00:15:04 ครับมันจะทำให้มีโอกาสทำให้เกิดพังผืดนะ
00:15:04 → 00:15:07 ครับพังผืดน่าจะเป็นเยื่อบางๆที่มันยึด
00:15:07 → 00:15:09 ติดระหว่างอวัยวะโดยเขายิ่งอวัยวะในช่อง
00:15:09 → 00:15:12 ท้องก็จะทำให้ตัวมดลูกเนี่ยบางทีก็ผนัง
00:15:12 → 00:15:14 มดลูกเองเนี่ยเกิดพังผืดก็ไปยึดติดกับ
00:15:14 → 00:15:17 ผนังช่องท้องหรือไปเกาะติดกับลำไส้นะครับ
00:15:17 → 00:15:22 ยิ่งทำให้เมื่อเราจะผ่าตัดครั้งต่อไปลงไป
00:15:22 → 00:15:24 เนี่ยก็จะมีโอกาสที่เสี่ยงที่จะไปเจอ
00:15:24 → 00:15:26 พังผืดได้มากครั้งขึ้นยิ่งพาหลายครั้ง
00:15:26 → 00:15:29 ซึ่งก็จะมีพังผืดเยอะขึ้นถ้าพังผืดเนี่ย
00:15:29 → 00:15:32 ครับมีข้อเสียก็คือเขาจะดึงรั้งให้อวัยวะ
00:15:32 → 00:15:36 ต่างๆเนี่ยมาอยู่ติดกันทำให้หลายๆทีเนี่ย
00:15:36 → 00:15:39 อวัยวะอยู่ผิดที่เช่นลำไส้มันจะอยู่ด้าน
00:15:39 → 00:15:41 หลังของมดลูกไม่มาบังข้างหน้าบางทีโดน
00:15:41 → 00:15:43 พังผืดดึงล้างจนกระทั่งลำไส้เนี่ยดันมา
00:15:43 → 00:15:46 ลอยอยู่ข้างหน้าถ้าเราลงมีดผ่านผิวหนังลง
00:15:46 → 00:15:48 ไปเนี่ยเราอาจจะไปลงมีดแล้วไปทะลุเข้าลำ
00:15:48 → 00:15:52 ไส้ภาวะแทรกซ้อนต่างๆเพราะฉะนั้นความเห็น
00:15:52 → 00:15:54 ในเรื่องการผ่าตัดคลอดที่เกิดซ้ำหลายๆ
00:15:54 → 00:15:56 ครั้งครั้งที่ 2 ครั้งครั้งที่ 3 ครั้ง
00:15:56 → 00:15:58 ที่ 4 ไปเรื่อยๆเนี่ยนอกจากเสี่ยงต่อ
00:15:58 → 00:16:00 เรื่องความบางของตัวมดลูกแล้วมันยัง
00:16:00 → 00:16:02 เสี่ยงต่อการที่จะไปบาดเจ็บตัวหรือว่า
00:16:02 → 00:16:04 ข้างเคียงได้มากขึ้นเพราะว่ายิ่งเราผ่า
00:16:04 → 00:16:07 ตัดมากครั้งขึ้นเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสที่จะ
00:16:07 → 00:16:08 เกิดพังผืดในช่องท้องได้มากขึ้นเท่านั้น
00:16:08 → 00:16:12 นะครับเวลาเราพูดอย่างนี้
00:16:12 → 00:16:14 อาจจะไม่ได้หมายความรวมแค่เรื่องเกี่ยว
00:16:14 → 00:16:16 กับการผ่าตัดคลอดเพียงอย่างเดียวนะครับ
00:16:16 → 00:16:19 คุณแม่บางท่านเนี่ยก่อนจะมาตั้งครรภ์
00:16:19 → 00:16:21 เนี่ยอาจจะมีโรคบางอย่างเช่นเราเป็นเนื้อ
00:16:21 → 00:16:23 งอกมดลูกบางทีต้องไปตักเนื้อข้างนอกมัน
00:16:23 → 00:16:26 รู้ออกถ้าเรามีหัตถการอะไรที่เกิดต้องไป
00:16:26 → 00:16:28 ลงมีดบนตัวกล้ามเนื้อมดลูกเนี่ยแน่นอน
00:16:28 → 00:16:31 ครับทุกจุดที่เราลงนี่แหละจะเป็นจุดบอบ
00:16:31 → 00:16:33 บางของมดลูกหลังจากที่เขาหายเพราะฉะนั้น
00:16:33 → 00:16:36 คุณแม่ที่เคยผ่าตัดเนื้องอกผ่าตัดอะไรบาง
00:16:36 → 00:16:38 ตัวไปก่อนก็จะมีความเสี่ยงคล้ายกับคนที่
00:16:38 → 00:16:41 เคยผ่าตัดคลอดมาแล้วถ้าจะตั้งครรภ์เนี่ย
00:16:41 → 00:16:44 ก็ต้องระมัดระวังว่าจะมีความบางตรงบริเวณ
00:16:44 → 00:16:46 แผลมีความเสี่ยงสมมุติลูกแตกหรือว่าผ่า
00:16:46 → 00:16:48 ตัดอื่นๆในอดีตนั้นก็อาจจะทำให้เกิด
00:16:48 → 00:16:52 พังผืดเพราะฉะนั้นโดยรวมแล้วเนี่ย
00:16:52 → 00:16:54 สั่งหลายๆปัจจัยเนี่ยมันจึงทำให้เอ่อถึง
00:16:54 → 00:16:56 เป็นคำแนะนำที่ออกมาเป็นของเรื่องเราวัน
00:16:56 → 00:16:59 นี้ว่าทำไมคุณหมอจึงมักจะแนะนำว่าเอ่อถ้า
00:16:59 → 00:17:01 จะผ่าตัดคลอดเนี่ยโอ้ไม่ควรจะผ่าตัดเกิน 2
00:17:01 → 00:17:05 ครั้งถึง 3 ครั้งเนี่ยก็มากแล้วนะครับก็
00:17:05 → 00:17:07 จะเป็นคำเตือนว่าถ้ามากกว่านั้นเนี่ยไม่
00:17:07 → 00:17:09 ควรจะตั้งครรภ์อีกแล้วด้วยความที่เรา
00:17:09 → 00:17:12 ระวังตรงนี้ให้เราปวดอันตรายเท่านั้นเอง
00:17:12 → 00:17:13 นะครับ
00:17:13 → 00:17:16 คุณหมอคะมันมีโอกาสไหมคะสมมุติว่าครั้ง
00:17:16 → 00:17:20 แรกเนี่ยผ่าตัดจำเป็นต้องผ่าตัดคลอดแต่
00:17:20 → 00:17:22 ว่าพอท้องที่ 2 มันจะมีความเป็นไปได้ใน
00:17:22 → 00:17:24 การที่จะคลอดได้เองไหมคะหรือว่าถ้าผ่าตัด
00:17:24 → 00:17:26 ครั้งแรกและครั้งต่อไปก็ต้องผ่านไปตลอด
00:17:26 → 00:17:28 อย่างนี้หรือเปล่าคะอันนี้เป็นเรื่องที่
00:17:28 → 00:17:31 ต้องเรียนทำความเข้าใจหลายๆท่านจะเข้าใจ
00:17:31 → 00:17:34 อย่างนี้ครับว่าผ่าตัดข้อมูลมาแล้วครั้ง
00:17:34 → 00:17:37 นึงเนี่ยจำเป็นต้องผ่าตัดคลอดเสมอไปจริงๆ
00:17:37 → 00:17:40 แล้วเนี่ยเราต้องมาพิจารณาก่อนครับว่า
00:17:40 → 00:17:43 เหตุผลในการผ่าตัดคลอดของครั้งที่แล้ว
00:17:43 → 00:17:46 เนี่ยเราผ่านด้วยเหตุผลอะไรนะครับอย่างยก
00:17:46 → 00:17:50 ตัวอย่างนะครับเอ่อกรณีจริงๆเหตุผลในการ
00:17:50 → 00:17:53 ผ่าตัดคลอดตรงนี้หลายอย่างยกตัวอย่างเช่น
00:17:53 → 00:17:55 นะครับอ่าเหตุผลหรือข้อบ่งชี้อันที่ 1 ก็
00:17:55 → 00:17:59 คือถ้าทารกเนี่ยปกติเนี่ยนะครับลูกเค้า
00:17:59 → 00:18:01 อยู่ข้างในช่องท้องเนี่ยเขาก็สามารถหมุน
00:18:01 → 00:18:04 ไปลอยไปลอยมาได้ใช่ไหมครับบางทีก็เอาหัว
00:18:04 → 00:18:06 ขึ้นเอาหัวลงอะไรไปตามด้วยตำราจนกระทั่ง
00:18:06 → 00:18:09 เมื่อเขามีขนาดใหญ่ขึ้นโดยทั่วไปเนี่ยนะ
00:18:09 → 00:18:11 ครับการตั้งครรภ์ครบกำหนดของเราคือ 40
00:18:11 → 00:18:13 สัปดาห์เหมือนกันทั้งคันเพราะลูกใหญ่เกิน
00:18:13 → 00:18:16 กว่า 34 สัปดาห์ขึ้นไปเนี่ยตัวลูกมันจะ
00:18:16 → 00:18:17 ใหญ่จนกระทั่งเหมือนกับพื้นที่ที่เหลือ
00:18:17 → 00:18:21 มันไม่พอให้เขาหมุนสวยอีกแล้วเพราะฉะนั้น
00:18:21 → 00:18:24 เราจะมาพิจารณาแต่ว่าส่วนที่อยู่ต่ำสุด
00:18:24 → 00:18:26 คือส่วนที่อยู่ล่างสุดเราเรียกทางการ
00:18:26 → 00:18:28 แพทย์เราเรียกว่าส่วนนำเนี่ยนะครับนะคือ
00:18:28 → 00:18:29 หมอไม่อยากเรียกว่าเอาหัวลงเอาหัวขึ้น
00:18:29 → 00:18:32 อะไรยังเพราะว่าเดี๋ยวคนจะงงแล้วว่าลูก
00:18:32 → 00:18:34 เอาหัวลงแปลว่าแต่ว่าคือลูกเนี่ยเขาจะไม่
00:18:34 → 00:18:36 เอาหัวลงก็เอาหัวขึ้นหรืออาจจะนอนขวาง
00:18:36 → 00:18:39 อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วแต่ว่าถ้าเลยจาก 34
00:18:39 → 00:18:42 สัปดาห์ขึ้นมาเนี่ยถ้าส่วนนำหรือส่วนล่าง
00:18:42 → 00:18:44 สุดเนี่ยเป็นอวัยวะใดเนี่ยลูกมักจะขยับ
00:18:44 → 00:18:46 ไม่ได้อีกและเขามักจะอยู่ในท่านั้นไปจน
00:18:46 → 00:18:47 คลอดเลย
00:18:47 → 00:18:50 คราวนี้การคลอดทางช่องคลอดเนี่ยนะครับ
00:18:50 → 00:18:54 เนื่องจากข้อแตกต่างของการคลอดทางช่อง
00:18:54 → 00:18:56 คลอดกับการผ่าคลอดก็คือการเข้าทางช่อง
00:18:56 → 00:18:58 คลอดเนี่ยหมอเป็นผู้ที่ทำได้เพียงแต่รอ
00:18:58 → 00:19:02 ภายนอกนึกออกไหมฮะคือเราได้แต่รอให้มดลูก
00:19:02 → 00:19:04 เนี่ยบีบตัวแล้วก็ค่อยๆขับเคลื่อนตัวลูก
00:19:04 → 00:19:07 ให้ผ่านออกมาแล้วมือหมอก็รอรับอยู่ที่ปาก
00:19:07 → 00:19:10 ทางของอวัยวะเพศเพราะฉะนั้นเอ่อ
00:19:10 → 00:19:12 ถ้าเราเทียบในร่างกายของลูกทั้งหมดเนี่ย
00:19:12 → 00:19:15 นะครับส่วนที่ใหญ่ที่สุดของลูกเนี่ยคือ
00:19:15 → 00:19:18 กะโหลกศีรษะครับเราสังเกตสัดส่วนเนี่ยนะ
00:19:18 → 00:19:20 ครับนะเวลาเราเห็นเด็กๆเนี่ยเด็กออกมา
00:19:20 → 00:19:22 ส่วนที่ดูจะใหญ่ที่สุดจะเป็นส่วนหัวส่วน
00:19:22 → 00:19:25 ตัวเนี่ยจะดูย่อมลงมากว่าแต่พออายุมาก
00:19:25 → 00:19:27 ขึ้นเพราะโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเราเนี่ยโอเค
00:19:27 → 00:19:29 ส่วนตัวเราถึงจะใหญ่ขึ้น
00:19:29 → 00:19:31 เพราะฉะนั้นส่วนหัวเนี่ยจึงเป็นส่วนที่
00:19:31 → 00:19:33 ถ้าเราคลอดทางช่องคลอดเนี่ยเราต้อง
00:19:33 → 00:19:35 พิจารณามากที่สุดเลยว่าส่วนนี้จะติดหรือ
00:19:35 → 00:19:39 เปล่านะครับดังนั้นถ้าเราคลอดทางช่องคลอด
00:19:39 → 00:19:43 นะครับสมมุติเราคลอดโดยที่ลูกมีส่วนนำ
00:19:43 → 00:19:45 เป็นหัวเนี่ยนะครับอันนี้ไม่มีปัญหาเลย
00:19:45 → 00:19:47 เราคลอดมาถ้าเกิดสมมุติระหว่างที่เรารอ
00:19:47 → 00:19:51 คลอดอยู่นะครับเกิดการคลอดนั้นเกิดมันหัว
00:19:51 → 00:19:53 ติดติดขัดคลอดไม่ได้หรือการคลอดมันเนิ่น
00:19:53 → 00:19:55 นานมากแล้วเนี่ยนะครับเราเห็นแล้วว่าหัว
00:19:55 → 00:19:58 ปิดแน่ๆคลอดไม่ได้แน่ๆข้อต่อชนเลยเราก็
00:19:58 → 00:19:59 ย้ายไปผ่า
00:19:59 → 00:20:02 ถูกไหมครับแต่ว่าถ้าเกิดสมมุติว่ากลับกัน
00:20:02 → 00:20:06 ล่ะเกิดลูกออกก้นลงมาก่อนส่วนของก้นเนี่ย
00:20:06 → 00:20:08 นะครับเนื่องจากส่วนก้นเนี่ยจะเป็นส่วน
00:20:08 → 00:20:09 ที่อย่างที่หมอบอกว่ามันเล็กกว่าส่วนหัว
00:20:09 → 00:20:10 เพราะฉะนั้น
00:20:10 → 00:20:13 ถ้าเกิดลูกจะบางทีหัวใหญ่จนติดเนี่ยแต่
00:20:13 → 00:20:15 ถ้าเขาเอาก้นลงก่อนเนี่ยเวลาคลอดเนี่ยเรา
00:20:15 → 00:20:17 ก็จะดึงขาเข้าดึงก้นเค้าออกมาทั้งตัวก่อน
00:20:18 → 00:20:20 เลยฮะแล้วจะไปติดแค่หัว
00:20:20 → 00:20:22 ซึ่งเขาปิดตรงนี้ปุ๊บสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:20:22 → 00:20:25 คืออุ้ยในเมื่อหัวติดสิ่งที่ทำได้อย่าง
00:20:25 → 00:20:27 เดียวคือเราต้องดันลูกเนี่ยทั้งตัวเนี่ย
00:20:27 → 00:20:30 ให้ย้อนกลับเข้าไปในมดลูกใหม่แล้วไปผ่า
00:20:30 → 00:20:32 คลอดแล้วเอาเขาออกทางทางหน้าท้องเพราะว่า
00:20:32 → 00:20:34 ถือว่าหัวข้อติดกระดูกเชิงกรานลงมาไม่ได้
00:20:34 → 00:20:37 แล้วนะครับเพราะฉะนั้นเหตุผลในการผ่าตัด
00:20:37 → 00:20:39 คลอดนะครับที่เราถือเป็นข้อบ่งชี้ที่
00:20:39 → 00:20:42 สำคัญสำคัญเลยก็คือถ้าทารกไม่ได้อยู่ใน
00:20:42 → 00:20:45 ท่าที่เป็นหัวเป็นส่วนนำเนี่ยนะครับเช่น
00:20:45 → 00:20:48 เอาก้นลงหรือขวางอยู่เนี่ยโอกาสเสี่ยงที่
00:20:48 → 00:20:50 ระหว่างรอคลอดธรรมชาติเนี่ยมันจะติดขัด
00:20:50 → 00:20:52 เนี่ยโอกาสจะสูงขึ้น
00:20:52 → 00:20:54 เพราะฉะนั้น
00:20:54 → 00:20:55 เอ่อสมัยปัจจุบันเนี่ยนะครับเนื่องจากการ
00:20:55 → 00:20:57 ผ่าตัดคลอดเนี่ยก็ทำได้อย่างปลอดภัยละ
00:20:57 → 00:21:00 ครับเราจึงไม่ค่อยนิยมทำคลอดพลาดก้นหรือ
00:21:00 → 00:21:03 ว่าพลาดอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผ้าหัวละเพราะ
00:21:03 → 00:21:05 ฉะนั้นข้อบ่งชี้อันที่ 1 ของการที่เราจะ
00:21:05 → 00:21:07 ต้องไปผ่าตัดคลอดก็คือทารกเนี่ยไม่ได้
00:21:07 → 00:21:10 อยู่ในท่าหัวนะครับก็คือเป็นผ้าเอาก้นลง
00:21:10 → 00:21:12 หรือเอาขวางตัวลงมาอะไรอย่างเงี้ย
00:21:12 → 00:21:15 อันเนี้ยเพื่อลดความเสี่ยงเนี่ยเรามักจะ
00:21:15 → 00:21:17 ไปผ่าตัดข้อเพื่อไม่ให้เกิดการติดขัดว่า
00:21:17 → 00:21:20 ส่วนหัวข้อไม่ได้อะไรอย่างนี้ขึ้นมา
00:21:21 → 00:21:26 อันที่ 2 เนี่ยนะครับนะก็คือถ้าเกิดเอ่อ
00:21:26 → 00:21:30 ตัวทารกกับกระดูกเชิงกรานของคุณแม่เนี่ย
00:21:30 → 00:21:34 มีความไม่สัมพันธ์กันหมายความว่าส่วนของ
00:21:34 → 00:21:36 ตัวทารกเนี่ยมันมีขนาดใหญ่กว่ากระดูกเชิง
00:21:36 → 00:21:39 กรานของคุณแม่นะครับที่เราพูดในแง่ความ
00:21:39 → 00:21:41 สัมพันธ์กันก็คือว่าหมายถึงรูปตัวใหญ่ก็
00:21:42 → 00:21:43 ได้ถึงแม้อาจจะมีกระดูกเชิงกรานที่ปกติ
00:21:43 → 00:21:47 แต่ว่าตัวลูกมีขนาดใหญ่เกินไปนะครับเช่น
00:21:47 → 00:21:50 คุณแม่ทานมากเกินไปหรือว่าลูกมีภาวะแทรก
00:21:50 → 00:21:52 ซ้อนเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ทำให้ตัวใหญ่
00:21:52 → 00:21:55 อะไรอย่างเงี้ยก็นี่แบบนี้ถึงแม้จะเชิง
00:21:55 → 00:21:56 การปกติแต่ตอนคลอดทางช่องคลอดเนี่ยลูก
00:21:57 → 00:21:59 ใหญ่เกินก็จะปิดที่กระดูกเชิงกรานก็ไม่
00:21:59 → 00:22:02 สามารถคลอดออกมาได้นะครับในทางกลับกันนะ
00:22:02 → 00:22:05 ครับไอ้ที่เราบอกว่าความไม่เข้ากันของ
00:22:05 → 00:22:08 ขนาดตัวลูกอาจจะขนาดปกติแต่กระดูกเชิง
00:22:08 → 00:22:12 กรานของแม่น่ะอาจจะเล็กก็ได้นะครับเพราะ
00:22:12 → 00:22:14 ฉะนั้นเหตุผลหลักๆที่เราผ่าตัดคลอดนะครับ
00:22:14 → 00:22:18 อันที่ 1 ก็คือถ้าทารกไม่ได้อยู่ในท่าหัว
00:22:18 → 00:22:21 นะครับโดยข้อยิ่งถ้าเป็นการตั้งครรภ์
00:22:21 → 00:22:23 ครั้งแรกเนี่ยเรามักจะโดนเอียงเป็นแนวทาง
00:22:23 → 00:22:26 การผ่าตัดคลอดเพื่อลดความเสี่ยงของลูก
00:22:26 → 00:22:29 อันที่ 2 ถ้าเราประเมินวินิจฉัยได้ณขณะ
00:22:29 → 00:22:32 ที่ใกล้จะคลอดแล้วเนี่ยเราพบขนาดใหญ่มาก
00:22:32 → 00:22:34 เลยหรือว่ากระดูกเชิงกรานแม่ดูเล็กมากเลย
00:22:34 → 00:22:37 ไม่น่าจะคลอดทารกขณะก็มีได้เนี่ยอันนี้
00:22:37 → 00:22:40 เราถือว่าการข้อนั้นอาจจะติดขัดเพราะ
00:22:40 → 00:22:42 ฉะนั้นเพื่อลดความเสี่ยงเราก็มักจะเลือก
00:22:42 → 00:22:44 ที่จะผ่าคลอดดีกว่าเป็นเสียงคันครอบแล้ว
00:22:44 → 00:22:46 ในที่สุดคลอดไม่ออกแล้วต้องกลายเป็นว่า
00:22:46 → 00:22:48 ต้องดันลูกกลับเข้าไปแล้วไปผ่าคลอดอีกไง
00:22:48 → 00:22:51 ซึ่งมันก็ทำให้คุณแม่มีแผลทั้งทางสีเย็บ
00:22:51 → 00:22:53 ด้วยต้องไปเป็นแผลทางช่องคลอดเอ้ยทางหน้า
00:22:53 → 00:22:56 ท้องด้วย 2 เท่านะครับ
00:22:56 → 00:23:00 ถ้าเป็นจากสาเหตุเอ่อ
00:23:00 → 00:23:03 2 ประการนี้นะครับนะแล้วก็สาเหตุหลักๆ
00:23:03 → 00:23:05 อีกอันนึงก็คือภาวะฉุกเฉินต่างๆที่ทำให้
00:23:05 → 00:23:07 เราจำเป็นจะต้องผ่าตัดคลอดยกตัวอย่างเช่น
00:23:07 → 00:23:10 ระหว่างรอคลอดเราก็รู้แล้วกันการรอคลอด
00:23:10 → 00:23:12 เนี่ยมันต้องรอถูกไหมรอไปเรื่อยๆว่ามดลูก
00:23:12 → 00:23:15 บีบตัวมาจนปากมดลูกเปิดหมดแล้วลูกถึงจะ
00:23:15 → 00:23:16 คลอดออกมาได้ซึ่งบางทีกินเวลาตั้ง 8
00:23:16 → 00:23:18 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงในขณะที่ระหว่างนั้น
00:23:18 → 00:23:21 เกิดมีคำว่าฉุกเฉินขึ้นเช่นหัวใจลูกเต้น
00:23:21 → 00:23:23 ช้าลงอะไรเกิดต่างๆที่เป็นความ
00:23:23 → 00:23:25 ฉุกเฉินเนี่ยนะครับหรือคุณแม่มีภาวะแทรก
00:23:25 → 00:23:27 ซ้อนอะไรต่างๆที่ทำให้ระหว่างข้อที่เกิด
00:23:27 → 00:23:29 อันตรายเนี่ยการผ่าคลอดปุ๊บเนี่ยมันแป๊บ
00:23:29 → 00:23:32 เดียวดึงรั่วออกมาได้แล้วเพราะฉะนั้น
00:23:32 → 00:23:34 เนี่ยเอ่อเหตุผลหลักๆในการผ่าตัดคลอด
00:23:34 → 00:23:36 เนี่ยก็จะเป็นอย่างนี้แหละครับขึ้นอยู่
00:23:36 → 00:23:38 ท่าทางของลูกขึ้นอยู่กับขนาดของลงเมื่อ
00:23:38 → 00:23:40 เทียบกับกระดูกเชิงกรานของแม่แต่มันขึ้น
00:23:40 → 00:23:42 อยู่กับภาวะต่างๆไม่ว่าจะเป็นภาวะแทรก
00:23:42 → 00:23:44 ซ้อนของการตั้งครรภ์นั้นหรือว่าเป็นภาวะ
00:23:44 → 00:23:47 ที่โอเคตั้งครรภ์ปกติมาแต่มันจะหัวใจมา
00:23:47 → 00:23:50 หลอกลงหรืออะไรต่างๆที่เราเห็นแล้วเฮ้ย
00:23:50 → 00:23:52 ต้องรีบเอาลูกออกมาแล้วก็มีแบบนั้นใช่ไหม
00:23:52 → 00:23:55 ครับเพราะฉะนั้นหลักๆของการเหตุผลในการ
00:23:55 → 00:23:57 ผ่าตัดเขาก็มักจะเป็น 2-3 เหตุผลนี้นะ
00:23:57 → 00:24:01 ครับคราวนี้ที่เราถามมันว่าถ้าเราเคยผ่า
00:24:01 → 00:24:03 ตัดข้อในครั้งที่แล้วเนี่ยนะครับแล้ว
00:24:03 → 00:24:06 ครั้งนี้เราจะคลอดเองได้ไหมเราต้องมาต้อง
00:24:06 → 00:24:09 มาดูว่าผ่าตัดคลอดครั้งที่แล้วเนี่ยผ่าน
00:24:09 → 00:24:12 ด้วยเหตุผลอะไรนะครับอย่างยกตัวอย่างถ้า
00:24:12 → 00:24:14 เป็นเหตุผลกรณีแรกคือผ่าเพราะว่าบังเอิญ
00:24:14 → 00:24:18 ลูกเอาพระเอาก้นลงตัวขวาลงแต่พอรอบเนี้ย
00:24:18 → 00:24:21 เขาเป็น 5 หัว
00:24:21 → 00:24:25 ถ้าอย่างนี้เขาก็อาจจะสามารถคลอดทางช่อง
00:24:25 → 00:24:27 คลอดเองได้
00:24:27 → 00:24:29 นะครับเราไปดูถ้าเหตุผลครั้งที่แล้วเนี่ย
00:24:29 → 00:24:32 มันเป็นเพราะถ้าผิดปกติเฉยๆเนี่ยครั้งนี้
00:24:32 → 00:24:34 เรามาดูถ้าเป็นค่าหัวตามปกติแล้วลูกก็ไม่
00:24:34 → 00:24:38 ได้ขนาดใหญ่เนี่ยอันนี้ก็น่าจะถึงเคยผ่า
00:24:38 → 00:24:40 ตัดคลอดมาแล้วก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นข้อทาง
00:24:40 → 00:24:42 ช่องคลอดเองก็ได้ทางการแพทย์เราเรียกว่า
00:24:42 → 00:24:45 วาจาใจเน่าเบิร์ดคือข้อทางช่องคลอด After
00:24:45 → 00:24:48 Serum section ก็คือว่าผ่าคลอดนะครับ
00:24:48 → 00:24:52 แล้วก็ย่อกันว่า vat นะครับอันนี้ก็ก็
00:24:52 → 00:24:56 สามารถทำได้หรือกรณีที่ 2 ก็คือพรรคการ
00:24:56 → 00:24:59 ผ่าตัดคลอดครั้งก่อนเราเราพบกับว่าเอ่อ
00:24:59 → 00:25:01 น้ำหนักลูกเนี่ยนะครับแล้วลูกอาจจะเป็น
00:25:01 → 00:25:04 ตัวใหญ่ผิดปกติแต่ว่าเชิงการแพทย์เขา
00:25:04 → 00:25:06 กว้างดีอยู่นะครับแล้วก็มาตั้งครั้งเนี้ย
00:25:06 → 00:25:09 ลูกเค้าขนาดเล็กลง
00:25:09 → 00:25:11 จนกระทั่งเป็นเด็กขนาดปกติอ่ะไม่มีภาวะ
00:25:11 → 00:25:13 แทรกซ้อนไม่เป็นเบาหวานไม่เป็นอะไรเงี้ย
00:25:13 → 00:25:15 แล้วเราประเมินดูแล้วเนี่ยสามารถคลอดผ่าน
00:25:15 → 00:25:17 ทางช่องคลอดที่อุ้งเชิงกรานคุณแม่เขา
00:25:17 → 00:25:20 กว้างพอเนี่ยเราก็อาจจะรอบที่ 2 เนี่ยมัน
00:25:20 → 00:25:22 ไม่ติดขัดแล้วเนี่ยลูกไม่ได้ใหญ่เกินแล้ว
00:25:22 → 00:25:25 เนี่ยเราก็อาจจะเปลี่ยนจากการผ่าตัดข้อใน
00:25:25 → 00:25:26 ครั้งแรกเข้ามาเป็นข้อเองในครั้งที่ 2
00:25:26 → 00:26:27 ได้
00:26:27 → 00:26:29 ปรากฏว่าคนนี้เป็นประเมินหูใหญ่ทั้ง 3 โล
00:26:29 → 00:26:32 5 3 กก 8 อย่างเงี้ยใหญ่กว่าเดิมอีกมัน
00:26:32 → 00:26:34 ก็ไม่น่าจะคลอดได้ละขนาดคราวที่แล้ว 3 กม
00:26:34 → 00:26:36 ยังคลอดไม่ออกเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:26:36 → 00:26:39 เพราะฉะนั้นถ้าถ้าเป็นกรณีที่ลูกขนาดเล็ก
00:26:39 → 00:26:42 กว่าเดิมนะครับอยู่ในท่าที่เป็นค่าหัว
00:26:42 → 00:26:44 แล้วก็ไม่ได้ถูกวินิจฉัยว่ากระดูกเชิง
00:26:44 → 00:26:48 กรานแม่เล็กเกิดเนี่ยอันนี้สามารถมีโอกาส
00:26:48 → 00:26:50 ที่พระคุณแม่อยากจะเปลี่ยนมาคลอดเองเนี่ย
00:26:50 → 00:26:53 ก็สามารถช่วยดำเนินการคลอดทางช่องคลอดแทน
00:26:53 → 00:26:56 ได้ในการคลอดทั้งหลังจะเห็นว่าก็ต้อง
00:26:56 → 00:26:59 เรียนว่ามันก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการ
00:26:59 → 00:27:02 คลอดปกติโดยทั่วๆไปสำหรับคนที่ไม่เคยผ่า
00:27:02 → 00:27:04 ตัดคลอดมาเลยอ่ะท่านเคยผ่านมาแล้วเนี่ย
00:27:04 → 00:27:06 มันก็ต้องระมัดระวังเรื่องการเสี่ยง
00:27:06 → 00:27:08 เรื่องมดลูกแตกอยู่ดี
00:27:08 → 00:27:12 ชาวบ้านทั่วไปเขามักจะเข้าใจว่าแบบถ้าผ่า
00:27:12 → 00:27:14 ครั้งแรกแล้วครั้งต่อไปจะต้องผ่าเพราะว่า
00:27:14 → 00:27:18 กลัวว่าแบบเขาเรียกอะไรนะคะท้องตรงรอยแผล
00:27:18 → 00:27:20 เดิมมันจะปรี่หรือมดลูกจะปรี่กันอย่าง
00:27:20 → 00:27:22 เงี้ยค่ะคุณหมอนั่นแหละครับก็อย่างที่เรา
00:27:22 → 00:27:24 บอกครับก็ก็ความเสี่ยงเรื่องที่เราพูด
00:27:24 → 00:27:26 ตั้งแต่ต้นต้นหัวเรื่องของวันนี้ก็คือ
00:27:26 → 00:27:28 ความเสี่ยงจากการที่บริเวณที่เคยเป็นแผล
00:27:28 → 00:27:30 เดิมเนี่ยมันจะบอกบางและเสี่ยงต่อการฉีก
00:27:30 → 00:27:33 ขาดหรือแตกของมดลูกได้ยังมีอยู่เพราะ
00:27:33 → 00:27:36 ฉะนั้นถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นข้อข้อทางช่อง
00:27:36 → 00:27:39 คลอดหลังจากที่เราครั้งแรกเคยผ่าตัดคลอด
00:27:39 → 00:27:41 มาแล้วเนี่ยนะครับการดูแลคันจะต้องระมัด
00:27:41 → 00:27:43 ระวังมากๆครับโดยคุณหมอจะต้องติดตามดู
00:27:43 → 00:27:46 ใกล้ชิดว่าระหว่างที่เราคลอดปกติแน่นอนก็
00:27:46 → 00:27:48 ต้องรอให้มดลูกมันเจ็บอ่าให้เราเจ็บท้อง
00:27:48 → 00:27:51 คลอดคือมดลูกมันดีดตัวไปเรื่อยๆจนกว่าปาก
00:27:51 → 00:27:52 ก็ลูกจะเปิดแล้วลูกคลอดออกมาได้ใช่ไหม
00:27:52 → 00:27:55 ครับถ้าเป็นกรณีแบบเนี้ยเราต้องระหว่างรอ
00:27:55 → 00:27:58 ข้อเนี่ยต้องจับตาดูใกล้ชิดเลยว่ามดลูก
00:27:58 → 00:28:00 บีบตัวเนี่ยเขาไม่ให้รุนแรงเกินไปจน
00:28:00 → 00:28:03 กระทั่งเกิดผลเสียต่อไปนะให้มันติดฉีกขาด
00:28:03 → 00:28:06 ได้หรือว่าต้องคอยดูลักษณะครับถ้าเกิดมี
00:28:06 → 00:28:08 ลักษณะแนวโน้มว่าทำท่าจะเสี่ยงต่อการที่
00:28:08 → 00:28:11 ขายแต่ฉีกขาดเนี่ยต้องยุติการพยายามคลอด
00:28:11 → 00:28:13 ทางช่องคลอดแล้วย้ายไปผ่าคลอดทันทีเพื่อ
00:28:13 → 00:28:16 ลดความเสี่ยงนะครับซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า
00:28:16 → 00:28:19 ทำไมเราถึงมักจะได้ยินว่าถ้าท้องเวลาท้อง
00:28:19 → 00:28:22 ครั้งแรกครั้งที่ 2 หมอจะแนะนำให้ผ่า
00:28:22 → 00:28:25 เพราะว่าคุณหมอกังวลแต่ไกลความเสี่ยงตรง
00:28:25 → 00:28:28 นี้แหละวงคนอื่นนะครับ
00:28:28 → 00:28:32 แล้วคุณหมอคะอย่างกรณีอ่ะคะถ้าเกิดอยากหา
00:28:32 → 00:28:36 ซื้อครั้งแรกครั้งที่ 2 ค่ะ Ford และถ้า
00:28:36 → 00:28:40 มีลูกอีกคนนะคะครั้งที่ 3 นี่คือมันนับ
00:28:40 → 00:28:44 นับเป็นครั้งที่ 3 ไหมคะการผ่า
00:28:44 → 00:28:47 อย่างที่เราบอกไปแล้วถ้าเราผ่าอะไรก็ตาม
00:28:47 → 00:28:50 ซึ่งมันมักจะไปเกิดที่หลังไข่นะครับ
00:28:50 → 00:28:53 มันมักจะเป็นตัวเนื้องอกเลยมากกว่านะครับ
00:28:53 → 00:28:55 สมมุติเราผ่านเนื้องอกเป็นมดลูกไปแล้วอ่า
00:28:55 → 00:28:58 มดลูกเกิดแผลไปทีนึงแล้วใช่ไหมฮะเราก็
00:28:58 → 00:29:00 ต้องมาดูว่าเอ่อตำแหน่งของเนื้องอกนั้น
00:29:00 → 00:29:02 น่ะมันอยู่ตรงไหนเหมือนกันนะฮะอย่างที่
00:29:02 → 00:29:04 เราบอกแนวของแผลที่เราผ่าคลอดมักจะเป็น
00:29:04 → 00:29:07 แนวที่เป็นแนวแนวขวางมันบิกินี่ก็คือเป็น
00:29:07 → 00:29:10 แนวขวางตามตามส่วนร่างของมดลูกถูกมั้ย
00:29:10 → 00:29:13 ครับถ้าบังเอิญไอ้ตัวเนื้องอกที่เคยผ่า
00:29:13 → 00:29:16 เนี่ยมันอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่านั้นซึ่ง
00:29:16 → 00:29:19 เป็นตำแหน่งที่ตอนที่เราตั้งครรภ์แล้ว
00:29:19 → 00:29:21 แล้วคบกำหนดคลอดเนี่ยอย่างที่หมอบอกตั้ง
00:29:21 → 00:29:24 คำพูดหัวข้อเนี่ยมักจะเป็นแนวของส่วนล่าง
00:29:24 → 00:29:27 ที่มันบางตัวลงนะครับแต่ส่วนบนๆเนี่ยมัน
00:29:27 → 00:29:29 จะไม่ได้บางส่วนเข้าส่วนล่างเพราะฉะนั้น
00:29:29 → 00:29:33 ถ้าเรามีแผลตัดเนื้องอกในส่วนส่วนสูงๆของ
00:29:33 → 00:29:37 มดลูกไม่ใช่ส่วนล่างนะครับก็อาจจะนับได้
00:29:37 → 00:29:40 ว่ามันไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรเพิ่มเติมนะ
00:29:40 → 00:29:42 ครับต้องคิดอย่างนี้ด้วยเพราะฉะนั้นเรา
00:29:42 → 00:29:45 อาจจะถือว่าไอ้การผ่าตัดเนื้องอกในครั้ง
00:29:45 → 00:29:48 ก่อนเนี่ยไม่นับถือว่ามดลูกนี้ยังไม่มี
00:29:48 → 00:29:50 แผลไม่มีอะไรเพราะว่ามันไม่ได้มีแผลในจุด
00:29:50 → 00:29:52 ที่เป็นจุดบอบบางที่เรากลัวมันจะแตกนะ
00:29:52 → 00:29:55 ครับกรณีที่ 2 ก็คือขนาดของเนื้องอกที่
00:29:55 → 00:29:57 เราผ่าด้วยถ้าของเดิมที่เราผ่าไว้ให้มัน
00:29:57 → 00:30:01 งอกขนาดเล็กนะฮะเช่นเป็นหนึ่งสองเส้นสาม
00:30:01 → 00:30:03 เส้นอะไรเงี้ยบางทีมันไม่ได้ใหญ่มากแต่
00:30:03 → 00:30:05 ถ้าเกิดเคยผ่านเนื้องอกขนาดใหญ่ตั้ง
00:30:05 → 00:30:08 ประมาณ 7 ซมอย่างเงี้ยมันจะมีแผลทั้งที่
00:30:08 → 00:30:10 ยาวมากๆบนตัวมดลูกซึ่งมันก็จะเหมือนกับ
00:30:10 → 00:30:13 เราไปสร้างจุดบอบบางให้บางตัวมันลูกมาก
00:30:13 → 00:30:16 ขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นก็อันนี้ก็คง
00:30:16 → 00:30:22 พิจารณาหลายๆไปนะครับ
00:30:22 → 00:30:24 คือแบบ
00:30:24 → 00:30:27 สีแต่คุณหมอ 15 เซนติเมตรน่ะคือมันใหญ่
00:30:27 → 00:30:30 มากอันนั้นแสดงว่า
00:30:30 → 00:30:34 มันมักจะอยู่ที่รังไข่นะครับคืองี้เรา
00:30:34 → 00:30:36 ต้องแยกก่อนเพราะเราพูดว่าซีสต์เนี่ยชีส
00:30:36 → 00:30:38 คือลักษณะของถุงที่มีของเหลวอยู่ข้างใน
00:30:38 → 00:30:41 อ่ะเราเรียกว่าถุงน้ำของเหลวข้างในจะเป็น
00:30:41 → 00:30:43 น้ำใสๆหรือจะเป็นน้ำเหลืองๆหรือจะเป็นสี
00:30:43 → 00:30:44 ช็อกโกแลตเหมือนที่เราเรียก
00:30:44 → 00:30:47 ช็อกโกแลตซีสต์ก็ได้แต่ฟรีซพวกนี้นะครับ
00:30:47 → 00:30:49 ที่เป็นถุงๆใหญ่ๆเนี่ยมันมักจะไปอยู่บน
00:30:49 → 00:30:53 รังไข่ครับหรือบนหรือบริเวณปีกมดลูกส่วน
00:30:53 → 00:30:55 บนตัวมดลูกที่เป็นกล้ามเนื้อเนี่ยเรามัก
00:30:55 → 00:30:57 จะไม่ค่อยเกิดสีแต่มันจะเจอเป็นลักษณะที่
00:30:57 → 00:30:59 เป็นก้อนเนื้อขึ้นมาเลย
00:30:59 → 00:31:01 อ่าเพราะฉะนั้นผ่าตัดซีสต์ที่ใหญ่ๆเนี่ย
00:31:01 → 00:31:03 อันนี้หมอเข้าใจว่าอาจจะไปซื้อที่บริเวณ
00:31:03 → 00:31:06 รังไข่มากกว่าครับซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น
00:31:06 → 00:31:08 จริงเนี่ยมันจะไม่เกี่ยวกับมดลูกนะครับ
00:31:08 → 00:31:10 มดลูกจะไม่มีแผลอะไรเลย
00:31:10 → 00:31:12 คือรังไข่เนี่ยมันจะอยู่ข้างๆรถลูกไปทาง
00:31:12 → 00:31:15 ซ้ายและขวานะครับใช่แต่ไม่ได้อยู่มันส่ง
00:31:15 → 00:31:18 รูปคือเรากังวลกับการผ่าตัดที่เกิดบนตัว
00:31:18 → 00:31:20 มดลูกเท่านั้นที่มันจะเป็นแผลทำให้พวง
00:31:20 → 00:31:22 มดลูกเป็นจุดบอบบางแล้วก็เวลาตั้งครรภ์
00:31:22 → 00:31:26 แล้วมันขยายแล้วมันแผลมันปริก
00:31:26 → 00:31:28 เออเท่านั้นเองนะครับ
00:31:28 → 00:31:33 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดอย่างท้องคนที่ 2 ที
00:31:33 → 00:31:35 นี้หมอก็ต้องวินิจฉัยกันอีกครั้งนึงว่าจะ
00:31:35 → 00:31:37 ผ่าได้ไหมที่เนี่ยเห็นเหมือนมีประเด็น
00:31:37 → 00:31:40 เหมือนกันนะคะคุณหมอคะในเรื่องของการ
00:31:40 → 00:31:45 เหมือนเป็นข้อเอ่อแชร์กันในโซเชียลหรือ
00:31:45 → 00:31:49 ข้อถกเถียงนะคะว่าอยากเหมือนเหมือนเป็น
00:31:49 → 00:31:52 จดหมายอะไรอย่างนี้ค่ะว่าพิจารณาการผ่า
00:31:52 → 00:31:56 คลอดอะไรอย่างนี้ค่ะคือในกรณีห้องนั้นคือ
00:31:57 → 00:31:59 เหมือนปัจจุบันก็จะมีผ่าตามเลิกผ่าตาม
00:31:59 → 00:32:01 สะดวก
00:32:01 → 00:32:04 เออสะดวกที่คุณแม่อยากขายคุณหมอ
00:32:04 → 00:32:08 จริงๆแล้วเนี่ยนะครับอย่างแค่หัวข้อของ
00:32:08 → 00:32:11 เราวันนี้ถ้าเราบอกว่าถ้างั้นผ่าตัดเรา
00:32:11 → 00:32:13 เคยผ่าคลอดเนี่ยควรจะไม่เกิน 2 ครั้งหรือ
00:32:13 → 00:32:16 ไม่เกิน 3 ครั้งดีหรือว่า 4 ครั้งได้ไหม
00:32:16 → 00:32:18 อะไรอย่างนี้อันนี้นะครับเรียนกันกว้างๆ
00:32:18 → 00:32:21 ให้ว่าอย่างในหัวข้อของเราเนี่ยอันนั้น
00:32:21 → 00:32:23 จริงอยู่ยิ่งผ่าตัดซ้ำหลายๆครั้งเนี่ยนะ
00:32:23 → 00:32:25 ครับความเสี่ยงจากการที่มดลูกจะแตกตรง
00:32:25 → 00:32:27 บริเวณแผลที่มันเกิดแผลซ้ำๆเรื่อยๆเนี่ย
00:32:27 → 00:32:30 มันจะบอกมากับความเสี่ยงของการผ่าตัดเอง
00:32:30 → 00:32:32 ที่มันเกิดพังผืดหลายๆรอบของการผ่าตัด
00:32:32 → 00:32:35 เนี่ยมันทำให้การผ่าตัดอันตรายขึ้นอัน
00:32:35 → 00:32:38 นั้นน่ะจึงเป็นข้อแนะนำว่าสัก 2 หรือไม่
00:32:38 → 00:32:40 ควรเกิน 3 ครั้งเนี่ยสำคัญที่สุดละนะครับ
00:32:40 → 00:32:42 แต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยหมออยากจะเรียนว่า
00:32:42 → 00:32:44 สำหรับแต่ละท่านเนี่ยอันนี้ฟังเป็นความ
00:32:44 → 00:32:47 รู้กว้างๆแต่ในแต่ละรายเนี่ยจะต้องถูก
00:32:47 → 00:32:50 พิจารณาโดยคุณหมอผู้ดูแลคันนะครับก็คือ
00:32:51 → 00:32:53 ต้องเชื่อสิแพทย์ที่เป็นคนดูแลท่านนั้น
00:32:53 → 00:32:55 คุณหมอท่านจะเป็นคนประเมินให้เราเองว่า
00:32:55 → 00:32:58 เอ๊ะแต่จากการผ่าคลอดครั้งก่อนของเรา
00:32:58 → 00:33:01 เนี่ยตรงนั้นมันบางไม่บางแค่ไหนเราเหมาะ
00:33:01 → 00:33:03 สมที่จะตั้งครรภ์ซ้ำไหมแล้วผ่าคลอดครั้ง
00:33:03 → 00:33:05 ต่อไปจะอันตรายไหมหรือว่าบางทีผ่าเข้าไป
00:33:06 → 00:33:08 ครั้งก่อนก็เจอพังผืดเต็มไปหมดแล้วเงี้ย
00:33:08 → 00:33:10 เราก็จะโน๊ตไว้เลยว่าการผ่าตัดครั้งต่อไป
00:33:10 → 00:33:12 จะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:33:12 → 00:33:15 หลักการที่ 1 ก็คือโอเคถึงแม้ข้อความที่
00:33:15 → 00:33:17 เราคุยกันวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้อง
00:33:17 → 00:33:19 ฟังกันไว้ว่าเออไม่อยากให้ผ่าเกินกว่า 2
00:33:19 → 00:33:22 ครั้ง 3 ครั้งอะไรอย่างนี้นะครับแต่ท้าย
00:33:22 → 00:33:24 ที่สุดเนี่ยขึ้นอยู่กับแต่ละคนขึ้นอยู่
00:33:24 → 00:33:26 กับการตั้งครรภ์ในแต่ละครั้งแล้วก็ต้อง
00:33:26 → 00:33:28 ขึ้นอยู่กับที่คุณหมอสูงที่ดูแลเรามาตลอด
00:33:28 → 00:33:31 อ่ะเป็นคนที่พิจารณาให้เพราะฉะนั้นต้อง
00:33:31 → 00:33:33 อยู่ในการดูแลของคุณหมอท่านแต่คราวนี้
00:33:33 → 00:33:36 เนี่ยเมื่อเราพูดกันในแง่คำว่าเดี๋ยวนี้
00:33:36 → 00:33:39 การการคลอดเนี่ยนะครับเอ่อเหตุผลในการผ่า
00:33:39 → 00:33:42 ตัดคลอดอย่างที่บอกอ่ะผ่าตัดคลอดเราทำได้
00:33:42 → 00:33:44 3 เหตุผลหลักๆใช่ไหมหนึ่งคือถ้าลูกไม่
00:33:44 → 00:33:47 ใช่ 5 หัวนะครับเป็นท่าขวางหรือท่าข้น 2
00:33:47 → 00:33:50 คือมีความไม่เข้ากันของขนาดของลูกกับ
00:33:50 → 00:33:52 กระดูกเชิงกรานแม่ทำให้มันคลอดทางช่อง
00:33:52 → 00:33:54 คลอดไม่ได้หรือสามีภาวะฉุกเฉินอะไรต่างๆ
00:33:54 → 00:33:56 ที่บอกเนี่ยหัวใจลูกเจาะจงเรื่องต่างๆก็
00:33:56 → 00:33:59 แล้วแต่ที่ทำให้เราต้องย้ายไปผ่าคลอดทัน
00:33:59 → 00:34:01 ทีเนี่ยถ้านอกเหนือจากนี้แล้วเนี่ย
00:34:01 → 00:34:05 เราไม่ได้ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนแต่
00:34:05 → 00:34:07 ว่ามันจะเป็นเหมือนข้อบ่งชี้ข้างๆเคียงๆ
00:34:07 → 00:34:10 ยกตัวอย่างเช่นที่เราบอกว่าเราต้องบางคน
00:34:10 → 00:34:12 บอกอยากได้ตามเลิกอันนั้นก็จะเป็นในแง่
00:34:12 → 00:34:14 ความเชื่อของเขานะครับซึ่งอันนี้ทางการ
00:34:14 → 00:34:15 แพทย์เราก็ไม่ได้แนะนำเพราะเราก็ไม่ได้
00:34:15 → 00:34:18 ถือว่าเราลองคิดดูง่ายๆครับเราบอกตามเลิก
00:34:18 → 00:34:21 สมมุติเราบอกว่าเลิกตอนนี้เราชอบกันจัง
00:34:21 → 00:34:24 เลย 9 โมง 9 นาทีอย่างนี้นะฮะคำถามเราลอง
00:34:24 → 00:34:26 คิดดูกันนะคิดอยากไปเห็นผลว่าแล้วก็ถ้า
00:34:26 → 00:34:28 ลูกของเราคนเดียวกันเนี่ยข้อตอน 9:10 น
00:34:28 → 00:34:32 มันจะเป็นยังไงมันก็ลูกคนเดียวกันนะเพราะ
00:34:32 → 00:34:33 ฉะนั้นเฮ้ยๆความเชื่อเรื่องๆก็ต้องยอมรับ
00:34:33 → 00:34:36 ว่ามันเป็นแค่ความเชื่อเนี่ยหมอก็ไม่อยาก
00:34:36 → 00:34:38 จะแนะนำให้พวกเราไปยึดติดกันตรงนั้นนะ
00:34:38 → 00:34:41 ครับแต่มันก็ไม่มีเหตุผลความจำเป็นอื่นๆ
00:34:41 → 00:34:44 ในแง่ของเรื่องของทำไมเราถึงอยากจะผ่าวัน
00:34:44 → 00:34:47 นั้นวันนี้อะไรด้วยยกตัวอย่างเช่นบางที
00:34:47 → 00:34:50 เนี่ยบางทีมันมีเหตุผลหลายๆอย่างเช่นบาง
00:34:50 → 00:34:53 ท่านอยู่ในที่ธุรการมากๆนะครับแล้วหรือ
00:34:53 → 00:34:55 สมมุติเราไม่ต้องช่วยกันด่าเนี่ยกรุงเทพฯ
00:34:55 → 00:34:58 อ่ะวันที่แบบฝนตกถล่มทลายมันมีรถติดเนี่ย
00:34:58 → 00:35:01 มาถึงโรงพยาบาลไม่ทันก็ดีถูกมั้ยไปทอดการ
00:35:01 → 00:35:04 ทางแล้วก็มีใช่ไหมฮะเพราะฉะนั้นบางท่าน
00:35:04 → 00:35:06 เนี่ยเขาจึงและกำหนดวันกำหนดเวลาเพื่อ
00:35:06 → 00:35:08 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดในกรณี
00:35:08 → 00:35:10 ฉุกเฉินไม่ได้คาดฝันแล้วมาโรงพยาบาลไม่
00:35:10 → 00:35:13 ทันหรืออะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็เป็นเหตุผล
00:35:13 → 00:35:16 ที่เราพอเข้าใจได้หรือว่าบางทีคุณพ่อหรือ
00:35:16 → 00:35:17 คุณแม่อาจจะคุณพ่อจะอยู่ต่างประเทศก็ได้
00:35:17 → 00:35:22 นะฮะท่านทำงานต่างประเทศแต่ว่าเอ่อแน่นอน
00:35:22 → 00:35:25 จะคลอดอ่ะจะให้คุณแม่เผชิญกับการคลอดอยู่
00:35:25 → 00:35:27 คนเดียวเหรอถูกมั้ยคุณพ่อเองก็ควรจะมา
00:35:27 → 00:35:29 อยู่ข้างๆประจำใจใช่ไหมสมมุติอย่างเงี้ย
00:35:29 → 00:35:32 การผ่าคลอดบางทีมันก็ทำให้เราวางแผนได้
00:35:32 → 00:35:35 ว่าเออเนี่ยเราจะพาวันนี้คุณพ่อจะเดินทาง
00:35:35 → 00:35:38 กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ดูลูกได้
00:35:38 → 00:35:40 พร้อมกันแล้วก็เมื่อเรากำหนดการผ่าคลอด
00:35:40 → 00:35:43 ตามวันเวลาที่เราคาดหมายไว้เดิมเนี่ยครับ
00:35:43 → 00:35:46 จะทำให้การผ่าก็การผ่าตัดคลอดทั้งนั้น
00:35:46 → 00:35:49 เนี่ยมันถูกเตรียมการมาล่วงหน้าเพราะ
00:35:49 → 00:35:51 ฉะนั้นการผ่าตัดที่มีการวางแผนเนี่ยนะ
00:35:51 → 00:35:54 ครับคุณแม่จะถูกแนะนำให้งดน้ำลดอาหาร 6-8
00:35:54 → 00:35:56 ชั่วโมงมาก่อนล่วงหน้านะครับเอ่อเตรียม
00:35:56 → 00:35:58 ความพร้อมของการขับถ่ายข้อคิดแบบคิดอะไร
00:35:58 → 00:36:01 ต่างๆทุกอย่างทีมจะพร้อมหมด
00:36:01 → 00:36:04 เพราะฉะนั้นบางทีการผ่าตัดคลอดเนี่ยมัน
00:36:04 → 00:36:07 แล้วเราได้มีการเตรียมการล่วงหน้าเรารู้
00:36:07 → 00:36:10 วันที่แน่นอนจะทำให้ความพร้อมในการดูแล
00:36:10 → 00:36:13 คุณแม่และลูกเนี่ยมันพร้อมสูงกว่าไม่
00:36:13 → 00:36:15 เหมือนกับบางทีเราเจ็บท้องฉุกเฉินมากลาง
00:36:15 → 00:36:17 คืนปุ๊บที่หมอเวรไม่พร้อมมีเคสคลอดซ้อน
00:36:17 → 00:36:20 กันหลายๆคนอะไรเงี้ยแล้วหมอเขาอยู่คน
00:36:20 → 00:36:22 เดียวอะไรเงี้ยในกรณีแบบนั้นเนี่ยมันจะลด
00:36:22 → 00:36:26 ลงไปนะครับเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยถ้า
00:36:26 → 00:36:28 เราจะเชื่อเรื่องวันเวลาจากแค่ความเชื่อ
00:36:28 → 00:36:29 เนี่ยอันนั้นบอกว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่า
00:36:29 → 00:36:32 ไหร่นะครับแต่ว่าก็เราก็เข้าใจนะในเรื่อง
00:36:32 → 00:36:34 ความนับถือของแต่ละคนเราก็ความเชื่อของ
00:36:34 → 00:36:37 ใครเราก็ไม่อยากจะลบหลู่นะครับเพียงแต่
00:36:37 → 00:36:39 ว่าถ้าเป็นในเหตุผลอื่นๆเนี่ยที่หมอกล่าว
00:36:39 → 00:36:41 มาเช่นเหตุผลในแง่จะมาโรงพยาบาลไม่ทัน
00:36:41 → 00:36:43 อยู่ไกลหรือคุณพ่อจะต้องสะดวกออกมาช่วง
00:36:43 → 00:36:46 นี้หรืออะไรอย่างเงี้ยอันนั้นน่ะก็เป็น
00:36:46 → 00:36:47 เหตุผลลองๆที่เหมือนกับเป็นข้อบ่งชี้ที่
00:36:48 → 00:36:50 เราอาจจะมาพิจารณาร่วมกันได้เพียงแต่ว่า
00:36:50 → 00:36:53 หลักการกว้างๆถ้าหากเราจะใช้การผ่าตัด
00:36:53 → 00:36:55 คลอดโดยที่ไม่ใช่เหตุผล 3 ข้อทางการแพทย์
00:36:55 → 00:36:58 ที่หมอบอกตอนแรกเนี่ยนะครับต้องพิจารณา
00:36:58 → 00:37:00 ไว้ด้วยว่า 1 ต้องมั่นใจว่าลูกเค้ากำหนด
00:37:00 → 00:37:03 แล้วไม่เอาแบบผ่าตามเรื่องลูกยังไม่ครบ
00:37:03 → 00:38:05 กำหนดซึ่งออกมา
00:38:05 → 00:38:09 อย่างทุกวันนี้ค่ะอย่างการไปผ่าคลอดการจะ
00:38:09 → 00:38:11 เลือกคลอดด้วยวิธีการผ่าคลอดหรือคลอด
00:38:11 → 00:38:14 ธรรมชาติทุกวันนี้ถ้าเป็นโรงพยาบาลทั่วไป
00:38:14 → 00:38:16 ที่ไม่ใช่เอกชนเนี่ยคนไข้สามารถที่จะ
00:38:16 → 00:38:19 เลือกเองได้ไหมคะหรือว่าสุดท้ายแล้วก็คือ
00:38:19 → 00:38:22 ถ้าคุณจะเลือกเองได้คุณต้องไปเอกชนอย่าง
00:38:22 → 00:38:25 งี้ป่ะคะจริงๆอย่างนี้ครับลองเรียนว่า
00:38:25 → 00:38:28 ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเรามีคำประกาศสิทธิ
00:38:28 → 00:38:30 ของผู้ป่วยมาตั้งนานแล้วผู้ป่วยมีสิทธิ์
00:38:30 → 00:38:32 ที่จะเลือกถึงแนวทางการรักษาต่างๆนะครับ
00:38:33 → 00:38:34 เอ่อ
00:38:34 → 00:38:37 ได้ด้วยตนเองเพราะนั่นคือร่างกายของเรา
00:38:37 → 00:38:40 ครับจะมีคนมาทำจะคลอดมาทางช่องคลอดหรือจะ
00:38:40 → 00:38:41 มาหาเค้าอันนั้นเป็นสิ่งที่เราจะเลือกได้
00:38:41 → 00:38:44 เพียงแต่ว่าเราก็ต้องยอมรับว่าความรู้ทาง
00:38:45 → 00:38:46 การแพทย์เหตุผลก่อนจะเป็นอย่างที่เราฟัง
00:38:46 → 00:38:49 เนี่ยถ้าได้ฟังหมอพูดเหตุผลในการคลอดมัน
00:38:49 → 00:38:52 สอนอย่างนี้เหตุผลอย่างนี้ไอ้ตรงเนี้ยเรา
00:38:52 → 00:38:55 ไม่มีทางรู้เท่าหรอกคุณหมอหรอกเพราะ
00:38:55 → 00:38:57 ฉะนั้นเมื่อเราเข้าไปสู่สถานพยาบาลไม่ว่า
00:38:57 → 00:38:59 จะเป็นของรัฐเอกชนเนี่ยนะครับนะเราทักถาม
00:38:59 → 00:39:02 คุณหมอขอคำอธิบายท่านนะครับจนเป็นที่เข้า
00:39:02 → 00:39:05 ใจชัดเจนเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้วเรา
00:39:05 → 00:39:08 ตัดสินใจจากตรงนั้นนะครับนะคุณหมอทุกท่าน
00:39:08 → 00:39:10 นะครับสมมุติถ้าเราบอกว่าเราอยากจะหาข้อ
00:39:10 → 00:39:13 จริงๆแล้วคุณหมอได้อธิบายข้อดีข้อเสีย
00:39:13 → 00:39:15 ต่างๆเรียบร้อยแล้วเนี่ยว่าเราคลอดเองก็
00:39:15 → 00:39:17 ได้นะแต่เราก็ยังยืนยันว่าเราจะผ่านข้อ
00:39:17 → 00:39:20 อันนั้นเป็นสิทธิ์ของเรานะครับเพียงแต่
00:39:20 → 00:39:23 ว่าเราก็ต้องลงนามในคำลงนามยินยอมว่าคุณ
00:39:23 → 00:39:25 หมอท่านไปอธิบายข้อดีข้อเสียเทียบมันหมด
00:39:25 → 00:39:28 แล้วเราเข้าใจอย่างถี่ถ้วนแล้วแต่เรายัง
00:39:28 → 00:39:30 มีเจตนาอยากจะผ่าตัดคลอดเพราะอะไรอะไร
00:39:30 → 00:39:33 อย่างนี้ครับก็ก็เราลงมาไว้อันนั้นก็เป็น
00:39:33 → 00:39:35 การยืนยันสิทธิของเราอันนั้นเราสามารถ
00:39:35 → 00:39:37 เลือกได้ไม่ใช่แปลว่าจำเป็นต้องโอ๊ยโรง
00:39:37 → 00:39:39 พยาบาลเอกชนเราจ่ายเงินเยอะๆเราถึงจะ
00:39:39 → 00:39:41 เลือกได้ไม่จริงครับต้องมารับเราก็ขอได้
00:39:41 → 00:39:44 นะครับเพียงแต่ว่าก็ต้องอธิบายเหตุผลกัน
00:39:44 → 00:39:47 ให้ดีก่อนแล้วก็ถ้าคุณหมอท่านติงว่าเอ่อ
00:39:47 → 00:39:50 มันไม่จำเป็นนะครับเอ่อคลอดเองได้เนี่ยก็
00:39:50 → 00:39:54 ให้พิจารณาคำแนะนำท่านไปด้วยนะครับคราว
00:39:54 → 00:39:57 นี้เรายังไงความหรูหรานิดหน่อยหมอจะไป
00:39:57 → 00:39:59 เร็วๆก็คือถ้าอย่างนั้นเนี่ยหมอพูดถึงข้อ
00:39:59 → 00:40:02 ดีของการคลอดเองกับข้อดีของการผ่าตัดข้อ
00:40:02 → 00:40:06 เทียบกันดีกว่านะครับจะได้พอเห็นภาพกันนะ
00:40:06 → 00:40:11 ครับแล้วถ้าหมอพูดข้อดีของการคลอดเองก็
00:40:11 → 00:40:13 แปลว่าถ้าเราไปผ่าตัดคลอดเนี่ยไอ้ข้อตรง
00:40:13 → 00:40:17 นั้นเนี่ยจะด้อยกว่านะครับ
00:40:17 → 00:40:20 แต่ยกตัวอย่างอันที่ 1 นะครับการคลอดเอง
00:40:20 → 00:40:22 เนี่ยข้อทางช่องคลอดเนี่ยฟื้นตัวเร็วกว่า
00:40:22 → 00:40:25 นะครับเร็วกว่าเพราะว่าแผลที่ช่องคลอด
00:40:25 → 00:40:28 เนี่ยมันจะมีขนาดเล็กบริเวณแผลตรงนี้มัน
00:40:28 → 00:40:29 จะมีเลือดมาเลี้ยงเยอะเพราะฉะนั้นแผลมัน
00:40:29 → 00:40:32 จะหายเร็วกว่าเราจะเจ็บแผลน้อยกว่าเรา
00:40:32 → 00:40:33 ฟื้นตัวเร็วกว่าเราสามารถลุกมาเลี้ยงลูก
00:40:33 → 00:40:36 ได้ก็สามารถให้นมลูกอะไรต่างๆดูแลลูกได้
00:40:36 → 00:40:40 นะครับแต่ว่าแล้วก็ข้อดีอันที่ 2 ก็คือ
00:40:40 → 00:40:42 เมื่อแผลมันเล็กก็จะเสียเลือดน้อยกว่านะ
00:40:42 → 00:40:44 ครับเมื่อสีเลือดน้อยกว่าแผลบริเวณนั้นผม
00:40:44 → 00:40:46 แผลที่บริเวณเล็กเนี่ยโอกาสที่จะเสี่ยง
00:40:46 → 00:40:49 ต่อการติดเชื้อก็จะน้อยกว่านะครับ
00:40:49 → 00:40:53 ของการคลอดเองก็คือเราไม่มีแผลเป็นบนหน้า
00:40:53 → 00:40:56 ท้องไงก็เรามีแผลไว้หน้าท้องเราก็โหไปใส่
00:40:56 → 00:40:59 บิกินี่ไปอะไรเราถึงคุณหมอพยายามเย็บแผล
00:40:59 → 00:41:01 อย่างดีกับไอ้เรื่องที่จะเกิดคีย์รอยแผล
00:41:01 → 00:41:03 เป็นมันเดาไม่ได้ครับบางคนดียังไงมัน
00:41:03 → 00:42:04 ก็เกิดกันได้
00:42:04 → 00:42:07 เราต้องดูดน้ำออกแล้วก็ให้ออกจากปอดเพื่อ
00:42:07 → 00:42:10 ให้เขาจะได้หายใจเอาอากาศเข้าไปไอ้การที่
00:42:10 → 00:42:13 ลูกคลอดผ่านช่องคลอดมาเนี่ยการที่ผ่าน
00:42:13 → 00:42:15 ช่องแคบๆมันจะรีดเอาของเหลวออกจากปอดได้
00:42:15 → 00:42:17 ดีกว่าลูกก็จะลดปัญหาความเสี่ยงของการ
00:42:17 → 00:42:20 เกิดภาวะหายใจเร็วหลังคลอดของทารกเมื่อ
00:42:20 → 00:42:22 เทียบกับการผ่าตัดคลอดอันนั้นมันไม่มีไม่
00:42:22 → 00:42:25 มีอะไรมันรีบออกมาเลยนะครับข้อดีประการ
00:42:25 → 00:42:29 ที่ 7 นะครับรัชกาลที่ 6 นะครับของของการ
00:42:29 → 00:42:31 คลอดเองก็คือทารกคลอดผ่านช่องคลอดออกมา
00:42:31 → 00:42:35 เนี่ยเขาจะได้รับพวกแบคทีเรียที่ดีในช่อง
00:42:35 → 00:42:36 คลอดนะครับผ่านเข้าไปซึ่งมันเหมือนกับ
00:42:36 → 00:42:39 เป็นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติเนี่ยทำให้ลูก
00:42:39 → 00:42:41 เนี่ยออกมาเนี่ยมีภูมิคุ้มกันที่ได้รับ
00:42:41 → 00:42:44 จากแม่ผ่านทางช่องคลอดไม่ดีกับการผ่าตัด
00:42:44 → 00:42:49 คลอดนะครับอันที่ 7 นะครับนะเอ่อตัว
00:42:49 → 00:42:51 อย่างที่เราบอกแล้วหัวข้อวันนี้ก็คือ
00:42:51 → 00:42:52 คอร์สเองเนี่ยเราไม่จำกัดจำนวนครั้งไง
00:42:52 → 00:42:55 ครับหลายๆครั้งก็ได้ถูกมั้ยมันไม่ได้ห่วง
00:42:55 → 00:42:58 เรื่องแผลมันดูจะแตกเหมือนกับผ่าคลอดนะ
00:42:58 → 00:43:00 ครับข้อดีอย่างต่อไปก็คือลดความเสี่ยงที่
00:43:00 → 00:43:03 จะต้องดมยาคือเวลาเราผ่าคลอดเนี่ยเราต้อง
00:43:03 → 00:43:06 ดมยาหลายอย่างน้อยก็ต้องบล็อกหลังแล้วมัน
00:43:06 → 00:43:08 มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารดมยาไปรับสาร
00:43:08 → 00:43:10 อะไรต่างๆที่มันถือเป็นสารเคมีเหมือนกัน
00:43:10 → 00:43:13 นะครับแล้วก็ลดความเสี่ยงต่อการเกิด
00:43:13 → 00:43:15 พังผืดในช่องท้องถูกไหมเราไม่ได้ผ่าเข้า
00:43:15 → 00:43:17 ไปในช่องท้องเนี่ยเราก็ไม่ทำให้เกิดความ
00:43:17 → 00:43:20 เสี่ยงเลยเพราะว่าแทรกซ้อนต่างๆเหมือนกับ
00:43:20 → 00:43:25 การที่เราผ่าตัดคลอดนะครับแล้วก็
00:43:25 → 00:43:29 ไม่ต้องไม่ต้องรอนานอ่ะข้อดีอันนึงอย่าง
00:43:29 → 00:43:31 ที่บอกคลอดเองเนี่ยเรา 6 เดือนเราก็ท้อง
00:43:31 → 00:43:34 ใหม่ได้แล้วแต่ผ่าตัดคลอดเนี่ยเราต้องรอ
00:43:34 → 00:43:36 ให้ปีนึงนะครับ
00:43:36 → 00:43:39 ตอนนี้มาดูข้อดีของการผ่าคลอดได้เพราะข้อ
00:43:39 → 00:43:41 ดีต่างหากปล่อยก็คือไม่ต้องรอนาน
00:43:41 → 00:43:43 เราต้องรอเจ็บท้องอยู่ 8 ชั่วโมง 10
00:43:43 → 00:43:46 ชั่วโมงซึ่งทรมานถูกไหมครับแต่เนี่ยถ้า
00:43:46 → 00:43:48 เราผ่าตัดคลอดใช้เวลาไม่เกิน 45 นาทีถึง 1
00:43:48 → 00:43:51 ชั่วโมงเนี่ยก็เสร็จละแล้วก็ไม่ต้องลุ้น
00:43:51 → 00:43:53 ด้วยว่ามันจะเกิดขึ้นวันไหนเราสามารถ
00:43:53 → 00:43:55 กำหนดได้ใช่ไหมครับผ่าตัดคลอดกำหนดวัน
00:43:55 → 00:43:57 เวลาได้อย่างที่บอกนะครับเพราะฉะนั้นทำ
00:43:57 → 00:44:00 ให้มันไม่เกิดภาวะฉุกเฉินก็การผ่าตัดคลอด
00:44:00 → 00:44:02 ก็จะเป็นการเตรียมการที่พร้อมเสมอนะครับ
00:44:02 → 00:44:06 แล้วก็แน่นอนอันที่ 3 ให้คุณแม่ต้องถือ
00:44:06 → 00:44:08 ว่าเป็นข้อดีของการขายก็คือผ่าตัดคลอดไม่
00:44:08 → 00:44:12 มีช่วงที่ต้องรอคลอดแล้วเจ็บท้องไงอืมใช่
00:44:12 → 00:44:14 ไหมครับโอเคเราอาจจะบอกว่าเราเจ็บแผลที่
00:44:14 → 00:44:16 ผ่าตัดคลอดแต่ว่าก็ตอนที่เราผ่าเนี่ยมัน
00:44:16 → 00:44:20 เราเราไม่โดนบล็อกหลังก็ไม่รู้สึกละหรือ
00:44:20 → 00:44:23 ว่าให้ให้ยาดมตลกขนาดเล็กน้อยไปละนะครับ
00:44:23 → 00:44:28 ข้อเสียที่ 4 ก็คือนะครับเอ่อไอ้ภาวะแทรก
00:44:28 → 00:44:30 ซ้อนระหว่างการคลอดเองเนี่ยมันมีข้อเสีย
00:44:30 → 00:44:32 ตรงที่ว่าระหว่างคลอดเองเนี่ยลูกต้องรอ
00:44:32 → 00:44:34 คลอดถึง 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงเลยนะครับ
00:44:34 → 00:44:36 มันเกิดอะไรขึ้นก็ได้แต่คือย้อยลงมาแล้ว
00:44:36 → 00:44:39 หัวลูกไปทับทำให้หัวใจหยุดเต้นอะไรก็ได้
00:44:39 → 00:44:42 เกิดขึ้นแต่เวลาเราผ่าคลอดเนี่ยเราลงมีด
00:44:42 → 00:44:44 ไปถึงตัวลูกเนี่ยไม่เกิน 3-5 นาทีลูกออก
00:44:44 → 00:44:46 มาแล้วเพราะฉะนั้นความเสี่ยงต่อลูกมันก็
00:44:46 → 00:44:50 จะน้อยกว่านะครับแล้วก็เอ่อ
00:44:50 → 00:44:53 การผ่าตัดถือเป็นทางออกที่เราทำเนี่ยใน
00:44:53 → 00:44:56 กรณีที่การคลอดเองเกิดติดขัดหรือมีโรค
00:44:56 → 00:44:58 แทรกซ้อนต่างๆอย่างที่เราบอกฮะคลอดด้วย
00:44:58 → 00:45:01 ท่าต่างๆแล้วมันติดขัดลูกตัวใหญ่รอคลอด
00:45:01 → 00:45:03 นานแล้วคลอดไม่ออกนะครับหรือว่าลูกมีหัว
00:45:03 → 00:45:06 ใจตกลงอะไรต่างๆโดยเพราะยิ่งประโยชน์ของ
00:45:06 → 00:45:08 การคลอดเองเอ้ยกลับมาทำการผ่าตัดคลอดก็
00:45:08 → 00:45:11 คือถ้าเป็นกรณีการคลอดแตกเนี่ยนะครับการ
00:45:11 → 00:45:13 คลอดเองจะมีความเสี่ยงสูงกว่าการผ่าตัด
00:45:13 → 00:45:16 ความสปอร์ตไทยกว่านะครับแล้วก็แน่นอนครับ
00:45:16 → 00:45:19 การผ่าตัดคลอดเนี่ยถึงเราจะมีแผลที่หน้า
00:45:19 → 00:45:20 ท้องแต่ช่องคลอดเราไม่มีแผลเพราะฉะนั้น
00:45:20 → 00:45:22 มันก็จะลดความเสี่ยงที่ช่องคลอดจะหย่อน
00:45:22 → 00:45:26 ยานที่เรากังวลหลายๆคนนะช่องคลอดหย่อน
00:45:26 → 00:45:28 ช่องคลอดเหลืองอะไรเงี้ยที่ต้องมาทำ
00:45:28 → 00:45:30 รีแพร์กันผ่านการเข้ากันยังไม่เกิดกรณี
00:45:30 → 00:45:34 นี้ขึ้นนะครับแล้วก็เอ่อลดความเสี่ยงของ
00:45:34 → 00:45:36 การเกิดสมมุติเราคลอดเองว่าติดขัดเนี่ย
00:45:36 → 00:45:39 เราต้องทำหัตถการต้องเอาเครื่องดูด
00:45:39 → 00:45:41 สูญญากาศมาดูหัวลูกหรือใช้ครีมไอ้ตรงนี้
00:45:41 → 00:45:43 ก็จะหายไปเพราะว่าเราผ่าตัดคลอดลูกก็จะ
00:45:43 → 00:45:45 ไม่ติดขัด
00:45:45 → 00:45:47 อันนี้ก็เป็นข้อดีของทั้ง 2 วิธีก็แต่ละ
00:45:48 → 00:45:51 ท่านฟังแล้วก็ลองเทียบกันดูวันนี้ก็ถือ
00:45:51 → 00:45:53 ว่าได้ความรู้กันแน่นเลยนะคะสำหรับใครที่
00:45:53 → 00:45:56 กำลังจะตัดสินใจหรือว่าอยู่ระหว่างการ
00:45:56 → 00:45:58 พิจารณาว่าจะพาพ่อหรือจะคลอดกันเองนะคะ
00:45:58 → 00:45:59 คุณหมอคะ
00:45:59 → 00:46:02 ถามคุณหมอของท่านนะครับให้ชัดเจนให้กับ
00:46:02 → 00:46:07 เขาจนเราเข้าใจละเอียดมีข้อสงสัย
00:46:07 → 00:46:10 ว่าเป็นสิทธิ์ของเราที่จะเลือกได้นะครับ
00:46:10 → 00:46:13 แต่ว่าหลังจากคุณหมออธิบายแล้วเนี่ยก็ควร
00:46:13 → 00:46:16 จะมีการลงนามแสดงความยินยอมว่าเราได้เข้า
00:46:16 → 00:46:18 ใจกระบวนการที่คุณหมออธิบายแล้วก่อนที่
00:46:18 → 00:46:19 เราจะเลือกว่าเราจะคลอดเองหรือผ่าตัด
00:46:19 → 00:46:22 คอร์ดนะครับสำหรับคืนนี้ต้องขอขอบพระคุณ
00:46:22 → 00:46:25 คุณหมอมากๆเลยค่ะสวัสดีค่ะครับผมสวัสดี
00:46:25 → 00:46:28 ครับ