00:00:00 → 00:00:02 อาหารเสริมโปรไบโอติกพรีไบโอติกมีให้
00:00:03 → 00:00:05 เลือกเยอะมากเลยทำไมเราต้องกินแล้วเรา
00:00:05 → 00:00:08 จำเป็นต้องกินมเอาจริง
00:00:08 → 00:00:13 ๆคือสามีนางไม่ค่อยทานอาหารหลากหลายโดย
00:00:13 → 00:00:16 เฉพาะผักและผลไม้ซึ่งเราก็จะแบบต้องกิน
00:00:16 → 00:00:19 กินให้ลูกดูอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วนางก็จะ
00:00:19 → 00:00:21 บอกว่าไม่เป็นไรกินโปรไบโอติกชงรู้สึกว่า
00:00:21 → 00:00:24 มันค้านกว่าความเชื่อชมอ่ะมันได้หรอคะลำ
00:00:24 → 00:00:29 ไส้ดีสุขภาพจิตดีลำไส้ไม่ดีมีโอกาสเป็น
00:00:29 → 00:00:31 ซึมเศร้าได้คะคุณ
00:00:31 → 00:00:35 หมอการตรวจลำไส้เดี๋ยวเนี้ยบอกได้เลยว่า
00:00:35 → 00:00:37 เรามี potential ที่จะเป็นโรคอะไรเช่น
00:00:37 → 00:00:40 อัลไซเมอร์ขนาดนั้นเลยล่ะคะคุณหมอ
00:00:40 → 00:00:42 ปัจจุบันเอุจจาระนี่เป็นสิ่งที่รำค่าใน
00:00:42 → 00:00:45 อนาคตนะคะผู้นำบางประเทศไม่ถ่ายอุจจาระ
00:00:45 → 00:00:47 นอกประเทศค่ะพี่ชมเพราะกลัวรู้ว่ามีโรค
00:00:47 → 00:00:49 อะไรซ่อนอยู่บ้างเซลล์มนุษย์ร่างกายเหล่า
00:00:49 → 00:00:52 นี้มี 60 ล้านล้านเซลล์แต่ไอ้เจ้า
00:00:52 → 00:00:54 จุลินทรีย์ตัวดีโปรไบโอติกต่างๆเหล่า
00:00:54 → 00:00:57 เนี้ยเมี 100 ล้านล้านเซลล์นั่นแปลว่าค
00:00:57 → 00:01:00 มากกว่าเราตั้ง 10 เท่าค่ะอย่างเงี้แปล
00:01:00 → 00:01:03 ว่าจริงๆอ่ะคนนที่มันเรียกร้องแป้งน้ำตาล
00:01:03 → 00:01:05 จังฟู้ดเฟรนช์ฟรายอาหารแย่ๆเนี่ยคือไม่
00:01:06 → 00:01:08 ใช่เราแต่ว่าเป็นจุลินทรีย์ในตัวเราจะปัด
00:01:08 → 00:01:11 ไปที่เก็ได้ค่ะที่ี่ชมเพะมีตั้งหลายล้าน
00:01:11 → 00:01:14 ล้านเซล์เมีข่าวลือว่าการดื่มกาแฟทำให้
00:01:14 → 00:01:18 อาซูจิน้อยลงแล้วก็กลายร่างจริงมคะถ้าจะ
00:01:18 → 00:01:21 บอกว่ามันไม่ใช่ข่าวลือล่ะคะจริงหรอคะเขา
00:01:21 → 00:01:25 บอกว่าคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนนอนไม่ดีเ
00:01:25 → 00:01:27 สามารถตาบอดได้
00:01:27 → 00:01:31 นอันเนี้ยจริงๆ
00:01:31 → 00:01:33 on the way with ชมวันนี้นะคะเราจะมา
00:01:33 → 00:01:37 คุยกันเรื่องของโปรไบโอติกพรีไบโอติกนะคะ
00:01:37 → 00:01:39 ซึ่งมันเป็นอะไรที่กำลังเป็นกระแสในตอน
00:01:39 → 00:01:42 นี้มากๆเลยในสายของอาหารเสริ์ฟแล้วก็คน
00:01:42 → 00:01:44 ที่รักสุขภาพแต่ทีนี้เนี่ยเรามีความเข้า
00:01:44 → 00:01:47 ใจเกี่ยวกับเรื่องโปรไบโอติกพรีไบโอติก
00:01:48 → 00:01:51 เนี่ยมากน้อยแค่ไหนดียังไงช่วยในเรื่อง
00:01:51 → 00:01:54 การขับถ่ายแค่นั้นหรอไฮไลท์ของเราในวัน
00:01:54 → 00:01:57 นี้นะคะก็จะเกี่ยวกับเรื่องของจักรวาลจูล
00:01:57 → 00:02:00 อินทรีย์นี่แหละค่ะก็คือมีมากกว่าโอติ
00:02:00 → 00:02:03 พรีไบโอติกนะยังมีโพสไบโอติกพาราไบโอติก
00:02:03 → 00:02:05 แล้วก็อย่างอื่นๆอีกมากมายเลยเอาเป็นว่า
00:02:05 → 00:02:07 วันนี้เราจะได้ความรู้มากมายเลยค่ะว่า
00:02:07 → 00:02:10 เรื่องนี้เนี่ยมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพของ
00:02:10 → 00:02:13 เราในมิติไหนบ้างค่ะทุกวันนี้มันเป็น
00:02:13 → 00:02:15 กระแสมากเลยนะในเรื่องของอาหารเสริมที่
00:02:15 → 00:02:18 เป็นเรื่องของส่วนมากจะเป็นโปรไบโอติก
00:02:18 → 00:02:20 พรีไบโอติกอย่างเงี้นะคะความเข้าใจเราใน
00:02:20 → 00:02:23 เรื่องเนี้ยมันก็คือยังค่อนข้างค่อนข้าง
00:02:23 → 00:02:25 น้อยอ่ะนะเอาเท่าที่แบบว่าชมเข้าใจแบบงูๆ
00:02:25 → 00:02:29 ปาปานะก็คือว่าเหมือนเรากินโปรไบโอติก
00:02:29 → 00:02:31 เพื่อที่ที่จะไปเพิ่มจุลินทรีย์หรือว่า
00:02:31 → 00:02:36 สิ่งมีชีวิตที่ดีที่อยู่ในลำไส้เราให้มัน
00:02:36 → 00:02:38 เกิดเป็นระบบนิเวศน์ที่แบบบาลานซ์สมบูรณ์
00:02:38 → 00:02:41 อะไรอย่างนี้ประมาณนี้มั้ยคะคุณหมอหรือัง
00:02:41 → 00:02:43 ชมเข้าใจได้ถูกเลยค่ะหรอคะแต่ชว่ามันเป็น
00:02:43 → 00:02:45 ยังก็ยังเป็นความเข้าใจที่ค่อนข้างตื้น
00:02:45 → 00:02:47 เขินมากเลยอยากให้คุณหมอแบบอธิบายตรงนี้
00:02:47 → 00:02:50 ให้ฟังหน่อยทำไมเราต้องกินแล้วเราจำเป็น
00:02:50 → 00:02:52 ต้องกินมเอาจริงๆเอาจริงๆเราสามารถเติม
00:02:52 → 00:02:54 ด้วยวิธีธรรมชาติก็ได้สำหรับคำว่า
00:02:54 → 00:02:58 โปรไบโอติกโปรไบโอติกคือจุลินทรีย์ตัวดี
00:02:58 → 00:03:01 ถามว่ามีดีก็ต้องมีรักถูกมคะจริงๆข้างใน
00:03:01 → 00:03:03 ตอนมนุษย์เราเนี่ยเกิดมาเนี่ยเราพูดถึง
00:03:03 → 00:03:06 แต่จุรินทรีย์คือตัวร้ายเราต้องกินยาฆ่า
00:03:06 → 00:03:10 เชื้อไปทำร้ายเนะคะแต่ในปี 1900 เป็นต้น
00:03:10 → 00:03:13 มาเนี่ยเขาค้นพบว่าจริงๆจุลินทรีย์ตัวดี
00:03:13 → 00:03:16 ที่มีประโยชน์กับร่างกายส่งผลทุกอย่างกับ
00:03:16 → 00:03:19 ร่างกายของมนุษย์เราแพทย์ชาวรัสเซียที่
00:03:19 → 00:03:22 ได้รางวัลโบลไพสจากการค้นพบจุลินทรีย์ตัว
00:03:22 → 00:03:25 ดีค่ะเขาสังเกตว่านกพิราบที่อยู่ใกล้ๆชุม
00:03:25 → 00:03:28 ชนบัลกาเรียแล้วก็คนที่อยู่ชุมชนนั้น
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยอายุยืนเขก็เลยไปดูว่าอ้าเพราะว่า
00:03:31 → 00:03:33 อะไรเพราะว่ากินนมเปรี้ยวนมเปรี้ยวที่
00:03:33 → 00:03:36 หมักแล้วอายุยืนเขาก็เลยค้นบว่าจริงๆแล้ว
00:03:36 → 00:03:38 จุลินทรีย์ตัวเล็กๆเนี่ยส่งผลกับสุขภาพ
00:03:38 → 00:03:41 ร่างกายจนสมัยปัจจุบันก่อนหน้าเเราจะกิน
00:03:41 → 00:03:44 แต่ยาฆ่าเชื้อแต่ณปัจจุบันเราหันมาเติม
00:03:44 → 00:03:46 จุลินทรีย์ตัวดีหรือว่าโปรไบโอติกนี่แทน
00:03:46 → 00:03:49 ซึ่งจุลินทรีย์ตัวดีหรือว่าโปรไบโอติก
00:03:49 → 00:03:52 เนี่ยถ้าถ้านับในยุคปัจจุบันนะคะเขา
00:03:52 → 00:03:55 เปรียบเสมือนสมองที่ 2 ของร่างกายมนุษย์
00:03:56 → 00:03:58 อือ่านะคะอันนี้คือคำของศาตราจารย์ไมเคิล
00:03:59 → 00:04:01 กชอค่ะได้กล่าวไว้เลยนะคะเป็นเพราะว่า
00:04:01 → 00:04:06 จริงๆแล้วในร่างกายของเราเนี่ยตัวสั่งให้
00:04:06 → 00:04:09 เราคิดให้เราทำอย่างอื่นเนี่ยค่ะคือสมอง
00:04:09 → 00:04:12 แต่จุลินทรีย์ในลำไส้เขาสามารถสร้างสาร
00:04:12 → 00:04:15 สื่อประสาทสมองชื่อซีโรโทนินในลำไส้เนี่ย
00:04:15 → 00:04:17 สร้างสารสื่อประสาทได้เหมือนกับที่สมอง
00:04:18 → 00:04:21 เขาสร้างเพราะฉะนั้นจริงๆจุลินทรีย์ตัวดี
00:04:21 → 00:04:24 ไม่ได้ช่วยควบคุมในเรื่องของอารมณ์อย่าง
00:04:24 → 00:04:26 เดียวอ่าเซโรโทนินคือตัวช่วยในเรื่องของ
00:04:26 → 00:04:29 ความสดชื่นนะคะในเรื่องของความสุขนะคะนะ
00:04:29 → 00:04:32 คะอื่นๆเขาจะช่วยควบคุมในเรื่องของการที่
00:04:32 → 00:04:35 เราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงที่
00:04:35 → 00:04:40 สุดของร่างกายสร้างจากผนังลำไส้เราจะมี
00:04:40 → 00:04:42 ต่อมน้ำเหลืองเล็กๆอ่ะค่ะพี่ชมเวลาที่เรา
00:04:42 → 00:04:44 ตัดขวางภาพออกไปแล้วเนี่ยไอ้ต่อมน้ำ
00:04:44 → 00:04:47 เหลืองนั้นเนี่ยเสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน
00:04:47 → 00:04:50 70% อยู่ที่ผนังลำไส้เพฉะนั้นภูมิคุ้ม
00:04:50 → 00:04:53 กันดีไม่ดีเจ็บป่วยง่ายไม่ง่ายนะคะ
00:04:53 → 00:04:55 วิตามินสร้างดีไม่ดีก็อยู่ที่จุลินทรีย์
00:04:56 → 00:04:59 ในลำไส้เป็นตัวช่วยสร้างวิตามิน B1 b6 B
00:04:59 → 00:05:02 ชองโฟลิวิตามิน K นะคะอันเนี้ยเป็นสมดุล
00:05:03 → 00:05:06 โดยรวมซึ่งลำไส้เราดูแลหมดเลยค่ะเวลาที่
00:05:06 → 00:05:10 เรารับประทานโพรไบโอติกอนะก็คือเพื่อที่
00:05:10 → 00:05:12 จะไปเพิ่มตัวจุลินทรีย์ดีเราขอเรียกเคว่า
00:05:12 → 00:05:15 จุลินทรีย์นิสัยดีแล้วกันอ่าทีนี้เาก็จะ
00:05:15 → 00:05:16 แปลว่ามันก็จะต้องมีคนที่นิสัยไม่ดี
00:05:16 → 00:05:20 เหมือนกันเนาะใช่ค่ะเออซึ่งคนที่มีปัญหา
00:05:20 → 00:05:22 เกี่ยวกับเรื่องความไม่สมดุลในลำไส้ก็คือ
00:05:22 → 00:05:25 ว่ามีตัวที่ไม่ดีถูกต้องเยอะกว่าตัวราย
00:05:25 → 00:05:28 มากกว่าตัวดีอะไรเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้
00:05:28 → 00:05:30 เรามีแต่มีไอ้ตัวที่แบบมันไม่ดีอยู่ในลำ
00:05:30 → 00:05:32 ไส้เราอ่ะค่ะคือถ้านับตั้งแต่เราอยู่ข้าง
00:05:32 → 00:05:36 ในท้องของคุณแม่เราจะไม่มีจุลินทรีย์ใดๆ
00:05:36 → 00:05:40 เลยค่ะซีโร่ค่ะสไม่มีเลยค่ะพี่ชมแต่ถ้า
00:05:40 → 00:05:44 เราคลอดออกมา 2 ชั่วโมงแรกถ้าผ่าทางช่อง
00:05:44 → 00:05:47 คลอดเราจะได้จุลินทรดีจากช่องคลอดของคุณ
00:05:47 → 00:05:50 แม่อ่าถ้าผ่าทางหน้าท้องเราก็อาจจะได้ตัว
00:05:50 → 00:05:53 อีโคไลตัวแบบจุลินซีร้ายจากในลำไส้เข้ามา
00:05:53 → 00:05:55 เติมให้น้องนิดหน่อยเพราะฉะนั้นอว่าคลอด
00:05:55 → 00:05:58 ธรรมชาติดีกว่าคลอดธรรมชาติจึงได้จุรินซี
00:05:58 → 00:06:01 ดีมากกว่าที่คลอดธรรมชาติเลยมีความแข็ง
00:06:01 → 00:06:05 แรงในเรื่องของตัวภูมิคุ้มกันมากกว่าคุณ
00:06:05 → 00:06:08 หมอจะรีบมาทาบอกเลยคณผู้ชมตอนที่คลอด
00:06:08 → 00:06:10 เสร็จนะคะเพื่อให้ได้น้ำนมนะคะให้ได้
00:06:10 → 00:06:13 จุลินทรีย์ตัวดีจากน้ำนมคนแรกที่สัมผัส
00:06:13 → 00:06:16 ผ้าที่จับเราออกซิเจนที่เราหายใจเขา
00:06:17 → 00:06:19 สามารถสร้างจุลินทรีย์ในร่างกายเรานะคะ 2
00:06:19 → 00:06:24 ช่วโมงเขาสร้าง 10 หมืล้านตัวค่ะถัดไปใน 1
00:06:24 → 00:06:27 อาทิตย์เจะมีก็จะแบ่งตัวอีก 100 ล้านล้าน
00:06:27 → 00:06:30 ตัวถ้าเราทุกคนที่นั่งอยู่ตอนนี้ค่ะเนี่ย
00:06:30 → 00:06:33 คือทุกคนมีเท่าๆกันหมด 100 ล้านล้านตัว
00:06:33 → 00:06:37 แต่ถ้าเราสูบบุหรี่ไปนะคะไม่ออกกำลังกาย
00:06:37 → 00:06:40 ไปมีความเครียดไปจุลินซีดีก็ลดลงเรื่อยๆ
00:06:40 → 00:06:44 ตัวร้ายก็เข้ามาแทนชมก็เคยฟังมานะไม่รู้
00:06:44 → 00:06:47 จริงไม่จริงคุณหมอลองคอนเฟิร์มดูคือเขา
00:06:47 → 00:06:51 บอกว่าไอ้เจ้าจุลินทรีย์ทั้งดีทั้งรายที่
00:06:51 → 00:06:54 มันอยู่ในตัวเราเนี่ยจำนวนของพวกมันน่ะ
00:06:54 → 00:06:58 คือเยอะกว่าเซลล์ของเราเองอีกและอย่างที่
00:06:58 → 00:07:02 คุณหมอบอกว่าเขาจะมีผลต่ออารมณ์ต่อการตัด
00:07:02 → 00:07:05 สินใจต่ออะไรต่างๆเงี้ยแปลว่าถ้าเราปรับ
00:07:05 → 00:07:08 เขาได้เนี่ยเราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมหรือ
00:07:08 → 00:07:11 ว่าไปถึงขั้นแบบว่านิสัยหรือว่าเปลี่ยน
00:07:11 → 00:07:13 พฤติกรรมการกินความอยากความอะไรอย่าง
00:07:13 → 00:07:16 เงี้ยได้เลยมยซึ่งสิ่งที่พี่ชมรู้มาเนี่ย
00:07:16 → 00:07:19 เป๊ะทุกอย่างเลยค่ะคือเซลล์มนุษย์ร่างกาย
00:07:19 → 00:07:22 เหล่านี้มี 60 ล้านล้านเซลล์แต่ไอ้เจ้า
00:07:22 → 00:07:24 จุลินทรีย์ตัวดีโปรไบโอติกต่างๆเหล่า
00:07:24 → 00:07:27 เนี้ยเขามี 100 ล้านล้านเซลล์นั่นแปลว่า
00:07:27 → 00:07:31 เามากกว่าเราตั้ง 10 เท่าค่ะพูดง่ายๆคือ 1
00:07:31 → 00:07:34 เซลล์ของร่างกายเราจะมีจุลินซีตัวดีอยู่
00:07:34 → 00:07:36 เนี่ยอีก 10 ตัวคอยร้อมรอบช่วยเหลือเรา
00:07:36 → 00:07:39 อยู่อฉะนั้นจำนวนเขาเยอะกว่าแปลว่ามันช่ว
00:07:39 → 00:07:40 มันช่วยเหลือเราก็ได้แล้วมันก็ทำลายเราก็
00:07:40 → 00:07:44 ได้ถูกต้องเพพวกมันเยอะใช่อืตัว
00:07:44 → 00:07:47 โปรไบโอติกแล้วก็พรีไบโอติกอย่างเมื่อกี้
00:07:47 → 00:07:48 ที่เกริ่นไปกับคุณหมอนะคะว่ามันเป็นอะไร
00:07:48 → 00:07:51 ที่แบบว่าฮอตฮิตมากในตลาดไม่รู้ว่าตอนนี้
00:07:51 → 00:07:54 มีกี่ยี่ห้อเป็นกี่ยี่ห้อหลายๆคนบางคนก็
00:07:54 → 00:07:56 บอกว่าเอ้ยทำไมกินแล้วรู้สึกว่ากินมาเป็น
00:07:56 → 00:08:00 ปีมันไม่เห็นจะมีผลบางคนท้องทผูกก็ยังก็
00:08:00 → 00:08:02 ยังท้องผูกก็ไม่เห็นว่าจะช่วยอะไรอะไร
00:08:02 → 00:08:04 อย่าเงี้ยมันเป็นเพราะอะไรคะคุณมเป็น
00:08:04 → 00:08:07 เพราะว่าในแต่ละคนมนุษย์เราแต่ละคนเลยนะ
00:08:07 → 00:08:10 คะต้องการจุลินทรีย์ตัวดีเนี่ยแตกต่าง
00:08:10 → 00:08:13 ชนิดกันบางคนทานตัวเแล้วบอกว่าอันเนี้ย
00:08:13 → 00:08:16 ขับถ่ายดีอีกคนนึงบอกว่าออถ่ายไม่ดี
00:08:16 → 00:08:19 เหมือนกันลองไปทานตัวเดียวกันซิเอ๊ะไม่
00:08:19 → 00:08:21 เห็นถ่ายดีขึ้นเลยนั่นแปลว่าจริงๆเรา
00:08:21 → 00:08:24 ต้องการจุลินทรีย์เนี่ยเฉพาะตัวเราเฉพาะ
00:08:25 → 00:08:27 บุคคลที่แบบถ้าเลือกได้นะคะคือเลือกสาย
00:08:28 → 00:08:32 พันธุ์ที่เหมาะกับเราซึ่งส่วนมากยากนะยาก
00:08:32 → 00:08:35 ยากคคือถ้าเอาแบบเบสิคง่ายๆแล้วนางมีกี่
00:08:35 → 00:08:38 สายพันธุ์คะนางมีเป็นพันละหมื่นค่ะซึ่ง
00:08:38 → 00:08:41 จุลินทรีย์หลายๆตัวเหล่าเนี้ยในแต่ละคน
00:08:41 → 00:08:44 ต้องการแตกต่างแน่นอนว่าพฤติกรรมเราต่าง
00:08:44 → 00:08:47 บางคนดื่มแอลกอฮอล์ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
00:08:47 → 00:08:49 จุลินทรีย์ตัวร้ายตัวดีแตกต่างถ้า
00:08:49 → 00:08:52 specific สุดเลยคือดูจากอุจจาระว่าเรา
00:08:53 → 00:08:56 ต้องการชื่ออะไรอ่าเอาอุจจาระมาเลยคือ
00:08:56 → 00:08:58 ปัจจุบันนี้อุจจาระนี่เป็นสิ่งที่รำค่าใน
00:08:58 → 00:09:01 อนาคตนะนะคะเพราะว่าอุจจาระสามารถบ่งบอก
00:09:02 → 00:09:04 สิ่งที่ซ่อนอยู่ของจุลินทรีย์ซึ่งเขา
00:09:04 → 00:09:07 สามารถสะท้อนโรคในบางอย่างในอนาคตได้อแต่
00:09:07 → 00:09:11 ถ้าจะแบบเลือกง่ายๆสุดจะทานโปรไบโอติก
00:09:11 → 00:09:13 อะไรนะคะเอ่อเลือกเป็นสายพันธุ์คือต้อง
00:09:13 → 00:09:16 จำนวนสายพันธุ์ที่ค่อนข้างหลากหลายอ่า
00:09:16 → 00:09:19 เยอะๆเวลาที่เรามองดูแบบโยเกิร์ตดูอะไร
00:09:19 → 00:09:22 ต่างๆเนี่ยดูซิว่าชื่อเขาแบบข้างหลังอ่ะ
00:09:22 → 00:09:24 มีหลากหลายสายพานุนะคะจำนวนอย่างต่ำที่
00:09:24 → 00:09:27 เราต้องได้รับต่อวันเนี่ยต้องเป็น 10
00:09:27 → 00:09:30 หมื่ล้านตัวต่อวันแล้วควรจะได้กี่สาย
00:09:30 → 00:09:33 พันธุ์คะจริงๆคือหลากหลายคืออย่างต่ำ
00:09:33 → 00:09:35 เนี่ยประมาณแบบ 3 สายพันธุ์ขึ้นถ้าถ้าเรา
00:09:35 → 00:09:38 เห็นในโยเกิร์ตนะคะส่วนมากก็จะแบบ 2 สาย
00:09:38 → 00:09:41 พันธุ์ 3 สายพันธุ์ขึ้นแล้วก็ต้องสลับ
00:09:41 → 00:09:44 ยี่ห้ออเพื่อถูกต้องจะได้ไม่ซ้ำเดิมแต่
00:09:44 → 00:09:48 ถ้าจะดูว่าแบบเราเหมาะกับจุลินทรีย์ตัว
00:09:48 → 00:09:51 นั้นนะคะในแบบที่แบบกินแบบซองแบบอะไรก็
00:09:51 → 00:09:53 ตามหรือเปล่าหรือว่าโยเกิร์ตอันเนี้ยเรา
00:09:53 → 00:09:56 กินแล้วดีกับร่างกายเรามคือให้หันกลับมา
00:09:56 → 00:09:59 มองอุจระของเราค่ะถ่ายออกมาแล้วแล้ว
00:09:59 → 00:10:03 อุจจาระของเขานะคะเปรียบเสมือนกล้วยหอม
00:10:03 → 00:10:05 ทองอันนี้เป็นงานวิจัยของมหาวิทยาลัย
00:10:05 → 00:10:08 ไต้หวันซึ่งติดตามการอุจจระของคน 100,000
00:10:08 → 00:10:12 คนนะคะถ้าออกมาเหมือนกล้วยหอมทองขนาด
00:10:12 → 00:10:16 200-300 กรัมนะคะลักษณะเขาจะเป็นสี
00:10:16 → 00:10:19 เหลืองทองนะคะไม่มีดำปนนะไม่งั้นแบบมี
00:10:19 → 00:10:23 เลือดปนนะคะอ่าแล้วก็เวลาที่เขคกระโดดลง
00:10:23 → 00:10:26 น้ำเขาจะต้องเหมือนนักกระโดดน้ำชั้นยอด
00:10:26 → 00:10:30 นั่นก็คือเค้าลงไปแล้วนะคะจะจะต้องขึ้นมา
00:10:30 → 00:10:33 แบบที่กึ่งจมกึ่งรอยและน้ำจะต้องไม่
00:10:33 → 00:10:37 กระเซ็นอ่าอันนี้แปลว่าสุขภาพลำไส้ดีค่ะ
00:10:37 → 00:10:39 ถ้าสมมุติว่าเราทานโปรไบโอติกแล้วลักษณะ
00:10:39 → 00:10:41 การขับถ่ายเป็นแบบเนี้ยแสดงว่าเราน่าจะ
00:10:41 → 00:10:44 เหมาะสมกับโปรไบโอติกตรงนั้นค่ะทีเนี้ย
00:10:44 → 00:10:46 แบบเยแสดงว่ามันจะต้องมีการแบบแบ่งประเภท
00:10:46 → 00:10:49 อุจจาระแน่เลยคุณหมอใช่มั้ยคะใช่ค่ะมันมี
00:10:49 → 00:10:53 แบบให้สังเกตแบบคร่าวๆมั้ยคะว่าเอ้ยถ้า
00:10:53 → 00:10:55 เป็นแบบนี้เราน่าจะขาดอันนี้หรือว่าเกิน
00:10:55 → 00:10:57 ตรงนี้หรือว่าอันเนี้ยน่าเป็นห่วงแล้ว
00:10:57 → 00:11:00 ต้องระวังแล้วอะไรอย่าเงี้ยอุะ 6 type
00:11:00 → 00:11:00 นะคะ
00:11:00 → 00:11:04 br ใช่ค่ะ bristol ST scale อันนี้
00:11:04 → 00:11:07 เป็นการแบบวิเคราะห์อุจจาระของแพทย์นะคะ
00:11:07 → 00:11:10 คือไท้ที่ดีที่สุดคือไท้ 3 ไท้ 4 แถวนั้น
00:11:10 → 00:11:13 คือลักษณะคล้ายกล้วยหอมทองนะคะแต่ไท้ที่
00:11:13 → 00:11:17 แบบสูงๆขึ้นไปแล้วเนี่ยคือไทยที่ 567 ออก
00:11:17 → 00:11:21 มาแล้วแตกกระจาย 56 ค่ะคือออกมาแล้วแมน
00:11:21 → 00:11:25 กจายเหพื้นน้ำใช่ค่ะอืท้ายนั้นก็แปลว่า
00:11:25 → 00:11:28 เราน่าจะมีไฟเบอร์ที่จะถ่วงเป็นก้อน
00:11:28 → 00:11:30 อุจจาระมาเป็นก้อนอุจจาระเนี่ยไม่เพียงพอ
00:11:30 → 00:11:34 อ่าหรือไทยแรกๆก็จะแข็งเกรงนะคะอันนี้ก็
00:11:34 → 00:11:37 คือแสดงว่าน้ำในร่างกายไม่เพียงพออ๋ออื
00:11:37 → 00:11:39 อ่ะอย่างทำความเข้าใจของชมนะคุณหมอก็คือ
00:11:39 → 00:11:41 ถ้าลักษณะถ้าแบบแข็งอยู่ๆเรามาพูดเรื่อง
00:11:41 → 00:11:44 อื่นคือถ้าเป็นลักษณะแข็งก็คือเป็นเบอร์
00:11:44 → 00:11:47 ต้นๆใช่มชมก็เข้าใจว่าอุ้ยท้องผูกกักใย
00:11:47 → 00:11:50 ไม่พอหรือเปล่าแต่จริงๆอันนี้ก็คือเป็น
00:11:50 → 00:11:52 เรื่องของเป็นเรื่องของน้ำใช่มยคะถ้า
00:11:52 → 00:11:55 สมมุติว่าเข้าแข็งมากก็แสดงว่าไฟเบอร์
00:11:55 → 00:11:57 เนี่ยมันรวมตัวเป็นก้อนกันได้แต่ว่าน้ำ
00:11:57 → 00:12:00 ที่จะทำให้เขาเกิดความนุนุ่มอันเนี้ยไม่
00:12:00 → 00:12:03 มีอ่าเพราะฉะนั้นก็แสดงว่าน้ำอาจจะไม่พอ
00:12:03 → 00:12:05 ค่ะแล้วถ้าแบบท้ายๆก็คืออาจจะไม่มี
00:12:05 → 00:12:07 ไฟเบอร์หรือน้ำอาจจะเยอะไปถูกต้องค่ะหรือ
00:12:08 → 00:12:10 อาจจะไปกินอะไรอะไรที่ทำให้เกิดแบบเป็น
00:12:10 → 00:12:13 พวกแบบอีโคไลเยอะอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะทำ
00:12:13 → 00:12:15 ให้มีความแบบถ่ายเหลวคล้ายๆถ่ายเหลวอย่าง
00:12:15 → 00:12:17 งี้ได้เพราะฉะนั้นภาวะท้องเสียเนาะพูด
00:12:17 → 00:12:20 ง่ายๆก็คือภาวะที่แกงที่เขาอยู่ในลำไส้
00:12:20 → 00:12:22 เราเขาเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงแปลว่า
00:12:23 → 00:12:26 แกงร้ายเนี่ยเเริ่มโจมตีเราสังเกตว่าเวลา
00:12:26 → 00:12:30 พี่ชมเวลาคนที่มาจากต่างประเทศอค่ะแล้วมา
00:12:30 → 00:12:34 เมืไทยเชน้ำแขงค่ะชาวต่างชาติอ่ะกินน้ำ
00:12:34 → 00:12:36 แข็งเราอ่ะท้องเสียอือนั่นเป็นเพราะว่า
00:12:36 → 00:12:40 เราชินกับอีโคไลในประเทศเราอ่าอีโคไลอยู่
00:12:40 → 00:12:42 ข้างในน้ำแข็งอยู่ในน้ำโดยปกตินิดๆแบบเย
00:12:43 → 00:12:46 ค่ะเราชินกับตัวนี้และแต่พอต่างชาติมา
00:12:46 → 00:12:48 ปุ๊บเนี่ยจุลินทรีย์เาเนี่ยไม่ได้พร้อม
00:12:48 → 00:12:51 สำหรับการรับตัวเเพราะเขาไม่เคยเจอมาก่อน
00:12:51 → 00:12:53 ฉะนั้นก็จะเกิดกระบวนการของลำไส้ได้เพ
00:12:53 → 00:12:56 ฉะนั้นถ้าจะดูในเรื่องของสุขภาพก็หันกลับ
00:12:56 → 00:12:59 มาดูง่ายๆหันกลับไปดูโถอุจจระของคุณหลัง
00:12:59 → 00:13:02 จากที่ขับถ่ายอันนั้นก็เป็นตัวบ่งบอกอีก
00:13:02 → 00:13:04 แบบนึงถ้าถ้าเราไม่ได้เอามาตรวจนะคะอีก
00:13:04 → 00:13:08 แบบนึงที่สังเกตก็คือว่าพอเราเริ่มมาใส่
00:13:08 → 00:13:10 ใจเรื่องอาหารการกินมากๆใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:13:10 → 00:13:13 แล้วก็แบบเหมือนทานข้าวที่บ้านเออแบบคลีน
00:13:13 → 00:13:17 ขึ้นอะไรขึ้นค่ะแล้วอยู่มาวันนึงแบบไปซัด
00:13:17 → 00:13:20 แบบขนมจีนน้ำยาแบบเผ็ดๆหน่อยอะไรเงี้ย
00:13:20 → 00:13:23 ท้องเสียไปอีก 2 วันแต่จริงๆมันก็ไม่ได้
00:13:23 → 00:13:26 ไม่สะอาดนะคุณหมอแต่ว่าเผ็ดอย่างเงี้ยก็
00:13:26 → 00:13:28 แบบเออเหมือนเราเคยทานเผ็ดแล้วเราก็เลิก
00:13:28 → 00:13:30 ทานไปแล้วพเรากลับมาทานอีกทีนึงอะไรเงี้ย
00:13:30 → 00:13:33 ปากไม่ได้รู้สึกว่ามันขนาดแต่ทำไมท้องมัน
00:13:33 → 00:13:36 รับไม่ได้แล้วอ่ะเพราะว่าเวลาที่เราปรับ
00:13:36 → 00:13:39 อาหารในรูปแบบหนึ่งจุลินทรีย์ในลำไส้และ
00:13:39 → 00:13:42 ความทนทานของเราจะเป็นอีกหนึ่งแบบเพราะ
00:13:42 → 00:13:44 ฉะนั้นเขาจะค่อนข้างคลีนมากก่อนหน้านี้
00:13:44 → 00:13:47 ถ้าเราทานแล้วมันจะพอมีจุลินทรียร้ายโผล่
00:13:47 → 00:13:49 มานิดๆหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะอ่ะเราก็จะ
00:13:49 → 00:13:52 ยังแบบเอ่อจัดการเาอยู่ก็ออกมาได้แต่ที
00:13:52 → 00:13:54 เนี้ยด้วยความที่ความเป็นเผ็ดสารที่มี
00:13:54 → 00:13:57 ความเผ็ดข้างในพริกเนี่ยเขาจะระคายเคือง
00:13:57 → 00:14:00 กระเพาะอาหารอือกรดในกระเพาะอาหารเวลาที่
00:14:00 → 00:14:03 เขาออกมามากจนเกินไปเนี่ยโรคกระเพาะถึงจะ
00:14:03 → 00:14:05 มีความถ่ายเหลวร่วมอยู่ด้วยอันนี้ก็เป็น
00:14:05 → 00:14:07 อีกส่วน
00:14:07 → 00:14:10 หนึ่งอาหารที่มีโปรไบโอติกคืออาหารที่มี
00:14:10 → 00:14:14 ความหมักนิดนึงก็จะเป็นกิมจินัตโตะ
00:14:14 → 00:14:18 คอมบูชาอ่าค่ะส้มผักเสี้ยนไทยพี่ชมทานมย
00:14:18 → 00:14:21 คะชอบมากค่ะชอบทานผักประเภทไหนข้างในคะ
00:14:21 → 00:14:24 ผักเสี้ยนก็ชอบแต่ว่าต้องให้แม่ทำนะเพราะ
00:14:24 → 00:14:27 ว่าเวลาซื้อมันจะเป็นแข็งๆแต่ถ้าเราแบบ
00:14:27 → 00:14:30 เราทำเองเราจะแบบว่ามีแต่ยอดมีเลยพูดแล้ว
00:14:30 → 00:14:34 น้ำลไซึ่งเป็นซึ่งเป็นช้อยส์ที่ดีมากปลา
00:14:34 → 00:14:36 ร้าล่ะคุณหมอได้มั้ยปลาร้าได้มั้ยอืเสีย
00:14:36 → 00:14:38 ดายค่ะสีอะไรที่กระบวนการหมักของเขาถูก
00:14:38 → 00:14:41 ทำลายไปด้วยความเค็มความเค็มจะทำให้
00:14:41 → 00:14:45 จุลินทรีย์ตัวดีเนี่ยเขาลดลงแต่ถ้าผักดอง
00:14:45 → 00:14:48 ของไทยอ่ะทั้งหมดเลยนะกิมจินัตโตะ
00:14:48 → 00:14:51 โยเกิร์ตคอมบูชะต่างๆนะซา CR มซา CR ได้
00:14:51 → 00:14:53 มยใช่ๆค่ะไอ้พวกพิโก้อะไรอย่าเงี้ยได้
00:14:53 → 00:14:56 มั้ยคะที่อยู่ในบึกแตงกวดองอยู่ข้างในได้
00:14:56 → 00:14:58 เหมือนกันได้เหมือนกันแต่ตัวที่มากที่สุด
00:14:58 → 00:15:01 เนี่ยเนี่ยคือนัตโตะถั่วเน่าญี่ปุ่นอชอบ
00:15:01 → 00:15:04 ค่ะได้ค่ะโอ้โหพี่ชมนั่นน่ะ 1 ถ้วยอ่ะค่ะ
00:15:04 → 00:15:07 100 กรัมอ่ะได้ 10,000 ล้านตัวพอดีเลย
00:15:07 → 00:15:09 ถ้าโยเกิร์ตสดเลยนะคะไม่ผ่านการ
00:15:09 → 00:15:12 พาสเจอไรซ์อะไรทั้งสิ้นเนี่ยเามี 1 ถ้วย
00:15:12 → 00:15:14 ได้ 1 10หมื่นล้านตัวแต่ถ้าเขาผ่าน
00:15:14 → 00:15:16 กรรมวิธีแล้วเนี่ยเขาจะเหลือเพียงแค่
00:15:16 → 00:15:20 ครึ่งเดียวอ่ะ 5,000 ตุใช่แต่ว่าถ้าผัก
00:15:20 → 00:15:24 ดองของไทยในงานวิจัยของไทยเราเองเนี่ยค่ะ
00:15:24 → 00:15:27 ผักเสี้ยนส้มผักเสี้ยนของเราเนี่ยมีความ
00:15:27 → 00:15:30 หลากหลายของจุลินทรียดีเนี่ยเยอะที่สุดใน
00:15:30 → 00:15:34 บรรดาทุกผักอืซึ่งปกติผักอื่นก็จะมีเพียง
00:15:34 → 00:15:36 แค่แบบ 1-2 สายพันธุ์อะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:15:36 → 00:15:39 อันนี้มี 6 สายพันธุ์ดับว่าพี่ชมเลือกดี
00:15:39 → 00:15:41 มากทานโดยที่ไม่ได้ทราบหรอกค่ะมันอร่อย
00:15:41 → 00:15:43 ชอบแล้วมันทำให้เราแบบว่าเหมือนทานอาหาร
00:15:43 → 00:15:45 อร่อยขึ้นด้วยนะไม่รู้ทำไมพวกเนี้ยเขาจะ
00:15:45 → 00:15:48 Enjoy ขึ้นเพราะว่ากรดในกระเพาะอาหาร
00:15:48 → 00:15:51 เนี่ยเขาจะมาช่วยย่อยจุลินทรีย์ตัวดีจะไป
00:15:51 → 00:15:54 สั่งนะคะให้กระเพาะอาหารเนี้ยหลั่งกรดออก
00:15:54 → 00:15:57 มาย่อยย่อยแล้วก็บีบตัวลงไปข้างล่างจะเลย
00:15:57 → 00:15:59 กินอร่อยเลยเพราะฉะนั้นเขาก็เลยพร้อมรับ
00:15:59 → 00:16:01 อาหารอันอื่นเข้ามาได้
00:16:01 → 00:16:04 อนอกจากโปรไบโอติกพรีไบโอติกที่เราได้ยิน
00:16:04 → 00:16:07 กันบ่อยๆแล้วใช่มั้คะยังมีอะไรอีกคะใน
00:16:07 → 00:16:09 เรียกว่าในจักรวาลของจุลินทรีย์ในจักรวาล
00:16:09 → 00:16:12 ของจุลินทรีย์เนี่ย 5 คำที่เราต้องรู้เอา
00:16:12 → 00:16:15 ไว้นะคะพรีไบโอติกอาหารจุลินทรีย์ตัวดี
00:16:15 → 00:16:18 โปรไบโอติกก็คือจุลินทรีย์ตัวดีนะคะเอ่อ
00:16:18 → 00:16:23 ซินซินไบโอติกคือรวมรวมพีกับโปรอ่ารวม
00:16:23 → 00:16:26 เวลาเาเลือกซินไบโอติกนะคะอันนี้ก็คือรวม
00:16:26 → 00:16:29 จุลินทรีย์ตัวดีแล้วก็อาหารของเคนะคะค่ะ 2
00:16:29 → 00:16:33 คำสุดท้ายเป็นคำที่ทุกคนไม่ค่อยได้ยินคือ
00:16:33 → 00:16:38 คำว่าโสติอืโสตินี่คือจินซีดีเนี่ยเขา
00:16:38 → 00:16:41 เป็นแบบมีชีวิตนะคะแล้วเขาก็จะสร้างความ
00:16:41 → 00:16:43 ดีงามให้กับร่างกายเราเวลาที่เขาเข้ามา
00:16:43 → 00:16:45 แล้วเขาก็จะหลั่งสันในบางอย่างเพื่อช่วย
00:16:46 → 00:16:49 ร่างกายเพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่เขาสร้าง
00:16:49 → 00:16:52 สารที่เขาหลั่งออกมากรดอะมิโนกรดไขมัน
00:16:52 → 00:16:55 ต่างๆเนี่ยค่ะอันเนี้ยคือโบติกก็คือผลพวง
00:16:55 → 00:16:59 ของการทำงานของโปรไบโอติกถูกต้องค่ะอ่า
00:16:59 → 00:17:03 ถัดไปเลยสุดท้ายคือพาราไบโอติกอ่าพารานี่
00:17:03 → 00:17:06 คือแบบเป็นตัวของจุลินทรีย์ที่ไม่ได้มี
00:17:06 → 00:17:09 ชีวิตแล้วนะคะตุยแล้วตุแล้วเป็นซากเหรอ
00:17:09 → 00:17:12 เป็นซากเ้าคือโครงสร้างของจุลินทร์ตัวดี
00:17:12 → 00:17:15 ที่งคือศพจุจุลินทรีย์ใช่ค่ะที่เขาอาจจะ
00:17:15 → 00:17:18 มีเพียงแค่ผนังเซลล์บางส่วนที่ดีกับร่าง
00:17:18 → 00:17:22 กายในสนั้นมีประโยชน์ค่ะเพราะถ้าเทั้งตัว
00:17:22 → 00:17:26 เคอาจจะกระทบอวัยวะอื่นมากจนเกินไปเช่นคน
00:17:26 → 00:17:28 ที่ต้องระวังการติดเชื้อหรืออะไรเพราะ
00:17:28 → 00:17:30 ฉะนั้นเราก็เอาซากเ้าซึ่งเป็นโครงสร้าง
00:17:30 → 00:17:34 ของเวอคือซากของแบบผนังของเขามาซึ่งมีผล
00:17:34 → 00:17:37 ที่ดีกับร่างกายของเราอันนี้คือพาราบค่ะ
00:17:37 → 00:17:40 อ่ะเมื่อกี้คุณหมอก็เชัละว่าสำหรับคนที่
00:17:40 → 00:17:42 อาจจะต้องระวังเรื่องของการติดเชื้ออะไร
00:17:42 → 00:17:45 เงี้ยก็แปลว่ามันอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุก
00:17:45 → 00:17:48 คนหรือเปล่าคะใช่ค่ะซึ่งทางการแพทย์ของ
00:17:48 → 00:17:50 เราในกลุ่มบุคคลที่อาจจะต้องระวังเล็ก
00:17:50 → 00:17:53 น้อยคือคนที่อาจจะมีเสี่ยงกับการเ่อมีการ
00:17:53 → 00:17:55 ติดเชื้อง่ายเช่นมีการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
00:17:55 → 00:17:58 บางอย่างอยู่เยอะๆอยู่นะคะอันนี้อาจจะ
00:17:58 → 00:18:01 ต้องปรึกษาแแพทย์ประจำที่ที่ใช้ว่าเราจะ
00:18:01 → 00:18:04 สามารถทานเอ่อเจ้าเชื้อจุลินทรีย์ได้มย
00:18:04 → 00:18:06 โปรไบโอติกได้หรือเปล่าหรือว่าในกลุ่มคน
00:18:06 → 00:18:10 ที่เขาได้รับการกดภูมิคุ้มกันจากการที่
00:18:10 → 00:18:13 โดนเ่อเขาเรียกว่าการรักษาทางด้านเคมี
00:18:13 → 00:18:16 บำบัดต่างๆนะคะในระหว่างเนี้ยในการใช้ก็
00:18:16 → 00:18:19 อาจจะต้องระมัดระวังร่วมด้วยทีเนี้ยพวก
00:18:19 → 00:18:22 อาหารเสริมโปรไบโอติกิตอนเมีคือมีให้
00:18:22 → 00:18:25 เลือกเยอะมากในท้องตลาดมีทั้งแบบเม็ดแบบ
00:18:25 → 00:18:29 ผงแบบเคี้ยวเราควรจะเลือกยังไงแล้วเอา
00:18:29 → 00:18:32 จริงๆชมแอบสงสัยว่ามันจะมีชีวิตรอดไปถึง
00:18:32 → 00:18:35 ลำไส้เราจริงมยคะวิธีจะทำให้เขามีชีวิต
00:18:35 → 00:18:37 รอดจนไปถึงลำไส้เราเนี่ยค่ะเป็นสิ่งที่
00:18:38 → 00:18:41 สำคัญตัวที่โคเวอร์คือตัวที่คลุมเขาเนี่ย
00:18:41 → 00:18:44 ค่ะไม่ว่าจะเป็นแบบผงแบบเม็ดหรือแบบใดก็
00:18:44 → 00:18:47 ตามเนี่ยจะต้อง Acid resistance คือทน
00:18:47 → 00:18:50 ต่อกรดเดีกับร่างกายเรามากเลยฮะแต่เขา
00:18:50 → 00:18:54 อ่อนแอคือถ้าเขาโดนออกซิเจนเยอะก็ไปแล้ว
00:18:54 → 00:18:56 เหมือนกันใช่ค่ะก็อยู่ไม่ได้แล้วเหมือน
00:18:56 → 00:18:59 กันพีไม่เหมาะสมไม่อยู่ระหว่าง 6 จุด
00:18:59 → 00:19:02 นะคะอุณหภูมิไม่อยู่ระหว่าง 37 อ่าถึง
00:19:02 → 00:19:04 ประมาณไม่เกิน 40 อย่างเงี้ยค่ะเขาก็อยู่
00:19:04 → 00:19:07 ไม่ได้ะเพราะฉะนั้นคือจะต้องมีตัวที่คุม
00:19:07 → 00:19:10 encapsulate หรือตัวคุมให้มันทนกับความ
00:19:10 → 00:19:13 เป็นกรดจนกระทั่งเข้ามาในปากแล้วและโดน
00:19:14 → 00:19:17 น้ำย่อยของเอ่อทางปากของเราไปเสร็จแล้วนะ
00:19:17 → 00:19:19 คด่านแรกเมีด่านแรกเลยค่ะอันนี้ต้องทน
00:19:19 → 00:19:23 แล้วก็มาถึงตรงลำไส้ก็ต้องทนกับกรดไปถึง
00:19:23 → 00:19:27 ลำไส้เล็กต้องทนกับน้ำดีให้ได้จนถึงจะไป
00:19:27 → 00:19:29 ถึงลำไส้ใหญ่ได้
00:19:29 → 00:19:32 ไม่ว่าจะเป็นิดอะไเป็นแคปซูเป็นซองเป็นผ
00:19:32 → 00:19:35 เป็นอะไรก็แล้วแต่คือดูว่ามี a
00:19:35 → 00:19:37 resistance โดยส่วนมากที่ในผลิตภัณฑ์
00:19:37 → 00:19:41 ต่างๆเขาก็มักจะเขียนว่าแบบมี encapsulate
00:19:41 → 00:19:44 นะคะมีแบบทนต่อกรดนะคะแต่ที่สำคัญที่สุด
00:19:44 → 00:19:47 ของการเลือกคือต้องมีความหลากหลายของสาย
00:19:47 → 00:19:50 พันธุ์ต้องจำนวนถึง 10,000 ล้านตัวต่อวัน
00:19:50 → 00:19:54 อย่างที่คุยค่ะคือสามีก็เหมือนกันก็สนใจ
00:19:54 → 00:19:56 เรื่องสุขภาพเรื่องอะไรอย่าเงี้เหมือนกัน
00:19:56 → 00:19:59 ค่ะก็พอกันทั้งคู่แต่ว่าก็จะมีอยู่อันนึง
00:19:59 → 00:20:02 ก็คือว่านางไม่ค่อยทานอาหารหลากหลายโดย
00:20:02 → 00:20:05 เฉพาะผักและผลไม้อะไรอย่าเงี้ยค่ะซึ่งเรา
00:20:05 → 00:20:08 ก็จะแบบต้องกินมีลูกแล้วก็ต้องกินลูกกิน
00:20:08 → 00:20:11 ให้ลูกดูอะไรอย่างเงี้ยคะก็จะจะเหมือนแบบ
00:20:11 → 00:20:13 อยากเป็นตัวอย่างให้ลูกด้วยอะไรอย่าง
00:20:13 → 00:20:15 เงี้ยแต่ก็นางก็จะทานผักอยู่แค่ไม่กี่
00:20:15 → 00:20:17 ชนิดแล้วนางก็จะบอกว่าไม่เป็นไรกิน
00:20:17 → 00:20:20 โพรไบโอติกชมไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ชมรู้
00:20:20 → 00:20:22 สึกว่ามันค้านกว่าความเชื่อชมอ่ะเข้าใจ
00:20:22 → 00:20:26 ป่ะคุณหมอคะมันยังไงคะมันมันมันได้หรอคะ
00:20:26 → 00:20:29 กินผักอยู่ 2-3 ชนิดแล้วผลไม้ก็ไม่คาแล้ว
00:20:29 → 00:20:32 แล้วแบบว่าแล้วเราทานแดดพี่น็อตควรเชื่อ
00:20:32 → 00:20:37 ภรรยาใช่มั้ยคะจริงๆถ้าเราได้ผักเดิมๆ 2-3
00:20:37 → 00:20:40 อย่างเดิมๆเราก็จะได้แอนตี้ออกซินเดิมๆ
00:20:40 → 00:20:43 ได้ตัวช่วยในเรื่องของจุลินทรีย์ที่แบบ
00:20:43 → 00:20:46 อาหารของจุลินทรีย์ตัวนั้นตัวเดิมๆซึ่ง
00:20:46 → 00:20:48 ความหลากหลายมันน้อยอยู่แล้วแล้วเราก็กิน
00:20:48 → 00:20:51 โบติกอันเดิมยี่ห้อเดิมอันนั้นเดิมเกินไป
00:20:51 → 00:20:55 ค่ะอย่างน้อยก็คือควรสวิตยี่ห้ออ่าควร
00:20:55 → 00:20:58 เปลี่ยนชื่อโปรไบโอติกข้างในนั้นอ่านะคะ
00:20:58 → 00:21:01 หรือว่าอาจจะสลับเพิ่มจำนวนหรือในบางช่วง
00:21:01 → 00:21:05 ต้องหยุดเพื่อทานอาหารที่เป็นตัวดีมากๆ
00:21:05 → 00:21:07 ที่หลากหลายมากกว่าเติมเข้าไปเพราะต่อให้
00:21:07 → 00:21:12 เราเติมจุลินทรีย์จากการทานแค่แบบแคปซูล
00:21:12 → 00:21:14 หรือแบบผมแบบเยค่ะเขาก็ยังได้เพียงแค่ 20
00:21:14 → 00:21:17 สนข้างในนั้นน่ะเายังไม่หลากหลายไปจนถึง
00:21:17 → 00:21:19 จากในอาหารที่เราได้เนี่ยมากกว่าเพราะว่า
00:21:19 → 00:21:22 ในอาหารมันมีที่เราไม่รู้จักอีกเยอะมาก
00:21:22 → 00:21:24 เนาะแต่ว่าไอ้ที่อยู่แต่ไอ้ที่มันอยู่ใน
00:21:24 → 00:21:27 แคปซูลก็เป็นแค่คนที่เรารู้จักแลเอาจริงๆ
00:21:27 → 00:21:30 เลยนะเราจำเป็นต้องเสริมมคะหหนถึงว่าในคน
00:21:30 → 00:21:33 ที่ใช้ชีวิตปกติเราจำเป็นต้องเติม
00:21:33 → 00:21:36 จุลินทรีย์ดีทุกวันวันละ 10,000 ล้านตัว
00:21:36 → 00:21:39 จากอะไรก็ได้อ่าค่ะจะเป็นจากอาหารกิมจิ
00:21:40 → 00:21:43 นัดตกคัมปูชาก็ได้จะเป็นการพักผ่อนการนอน
00:21:43 → 00:21:46 ไลฟ์สไตล์ที่ดีก็ได้เช่นถ้าเราอดนอน 2
00:21:46 → 00:21:49 วันจุลินทรีย์ดีในร่างกายเราจะลดลงเกือบ
00:21:49 → 00:21:52 ครึ่งนึงแล้วนะคะสำหรับคนที่สูบบุหรี่ถ้า
00:21:52 → 00:21:55 คุณสูบตลอดเนี่ยนะคะบุหรี่นี้รวมถึง
00:21:55 → 00:21:58 บุหรี่ไฟฟ้าด้วยนะคะจุลินทรีย์เอ่อในร่าง
00:21:58 → 00:22:02 กายเนี่ยตัวร้ายเขาจะเพิ่มขึ้นแต่ถ้าคุณ
00:22:02 → 00:22:05 หยุดแค่วันเดียวค่ะตัวดีจะกลับมาคืนใกล้
00:22:06 → 00:22:08 กันกับตอนที่คุณแบบไม่ได้สูชมทำความเข้า
00:22:08 → 00:22:11 ใจอย่างเงี้ยถูกมยคุณหคืออาหารดีอ่ะก็ไป
00:22:11 → 00:22:14 ฟีดจูนซีดีถูกต้องค่ะส่วนอาหารที่ไม่ดีก็
00:22:15 → 00:22:17 จะไปฟีดไอ้เจ้าตัวที่มันไม่ดีจริงมั้คะ
00:22:17 → 00:22:21 ที่เขาบอกว่ายิ่งเรากินอาหารที่ไม่ดีใช่ม
00:22:21 → 00:22:24 ฟาสฟู้ดัง Food อะไรอย่าเงี้ยมันก็จะไป
00:22:24 → 00:22:27 ฟีดไอ้แก๊งเนี้ยแก๊งตัวร้ายเนี่ยแล้วนาง
00:22:27 → 00:22:30 ก็จะยิ่งแบบว่ามีพาเวอร์นางฟื่องฟูมาก
00:22:31 → 00:22:33 เมื่อนางได้ West Diet ที่เป็นแบบตะวัน
00:22:33 → 00:22:36 ตกค่ะแล้วนางก็จะยิ่งเรียกร้องให้เราอยาก
00:22:36 → 00:22:39 กินเพราะว่ามันเป็นอาหารของนางถูกต้องเลย
00:22:39 → 00:22:42 เวลาที่เราทานเนี่ยเราไม่รู้เลยค่ะว่า
00:22:42 → 00:22:45 ร่างกายเราเวลาที่เราทานสิ่งที่อร่อย
00:22:45 → 00:22:49 พิซซ่าคาโบนาร่าซอสครีมไข่กุ้งนะคะขนมปัง
00:22:49 → 00:22:52 ต่างๆิสโคซองทั้งหลาย Western Diet ต่าง
00:22:52 → 00:22:56 ๆเหล่านี้จะยิ่งทำให้มีแก๊งจุลินทรีย์ตัว
00:22:56 → 00:22:59 ร้ายอ่ะเพิ่มมากขึ้นซึ่งเวลาตัวไร้มาเขา
00:22:59 → 00:23:02 จะมีอาวุธมากับตัวเองอ่าเขาคือโปพี่
00:23:02 → 00:23:05 แซคคาไรด์ไม่ต้องจำนะคะอันนี้คือเป็นสาร
00:23:05 → 00:23:08 อักเสบที่มาเพราะฉะนั้นความอักเสบที่เกิด
00:23:08 → 00:23:10 ขึ้นเราจะรู้เลยว่าเวลาเราทานเป็นพวกแบบ
00:23:10 → 00:23:14 Western Diet อะไรต่างๆนะคะสิวผิวหนัง
00:23:14 → 00:23:17 การอักเสบก็เริ่มขึ้นง่ายเบเกอรี่ชีสเค้ก
00:23:17 → 00:23:21 ต่างๆเนยนมนะคะผิวหนังก็อักเสบง่ายขึ้นนะ
00:23:21 → 00:23:24 คะสิวก็เกิดง่ายขึ้นอาหารหวานอาหารพวก
00:23:24 → 00:23:27 จำพวกเนี้ยค่ะสามารถทำให้เกิดเรื่องผิว
00:23:27 → 00:23:29 หนังอักเสบเนี่ยได้มากกว่าอาหารมันด้วย
00:23:29 → 00:23:32 ซ้ำจากจุลินทรีย์ตัวร้ายที่เพิ่มขึ้น
00:23:32 → 00:23:34 อย่างเงี้ยก็แปลว่าจริงๆอ่ะคนที่มันเรียก
00:23:35 → 00:23:38 ร้องแป้งน้ำตาลจังฟู้ดเฟรนช์ฟรายอาหารแย่
00:23:38 → 00:23:40 ๆเนี่ยคือไม่ใช่เราแต่ว่าเป็นจุลินซีใน
00:23:40 → 00:23:45 ตัวเราจะปัดไปที่เก็ได้ค่ะที่ี่ชมซึ่งเขา
00:23:45 → 00:23:47 อาจจะอยากเพราะเมีตั้งหลายล้านล้านเซล์
00:23:47 → 00:23:50 คือเวลาที่เราทานในกลุ่มพวกแบบแป้งต่างๆ
00:23:50 → 00:23:52 เหล่าเนี้ยโดปามีนคือสารความสุขในร่างกาย
00:23:53 → 00:23:55 เราอ่ะเขาจะหลังปู๊ดขึ้นมาเลยแล้วมันจะ
00:23:55 → 00:23:58 แฮปปี้แล้วมันเหมือนเรียกร้องว่าต้องหวาน
00:23:59 → 00:24:01 อีกต้องเท่านี้อีกถึงจะดีแบบเค่ะเพราะ
00:24:01 → 00:24:05 ฉะนั้นเลยเป็นการแบบค่อยๆเบรคร่างกายลงมา
00:24:05 → 00:24:08 ให้ทานต่างๆเรานี้ลดลงเราจะเริ่มเคยชิน
00:24:08 → 00:24:11 มากขึ้นอก็คือเหมือนเราก็ให้ไอพวกนิสัย
00:24:11 → 00:24:14 ไม่ดีเนี่ยมันอดข้าวตายไปเลยเราไม่ต้องไป
00:24:14 → 00:24:18 ฟีดเขาด้วยอาหารที่ที่เขาชอบใช่คือเขาจะ
00:24:18 → 00:24:22 เรียกร้องมากก็คือว่าเวลาเขาทานตัวร้าย
00:24:22 → 00:24:24 ได้อาหารปุ๊บเนี่ยคะตัวร้านนี่เขาชอบน้ำ
00:24:24 → 00:24:27 ตาลเวลาเข้าไปเขาจะแกสซี่ค่ะกินแล้วจะรู้
00:24:27 → 00:24:31 สึกแบบบางทีแบบมันรู้สึกมวลท้องได้บ้าง
00:24:31 → 00:24:33 รู้สึกแก๊สแน่นดันขึ้นได้บ้างอะไรเงี้ย
00:24:33 → 00:24:36 ค่ะถ้าคนที่มีอาการแบบนี้เยอะๆเนี่ยพึง
00:24:36 → 00:24:39 รู้ไว้แล้วนะคะผายลมนะคะคือผายขึ้นข้างบน
00:24:39 → 00:24:42 คือแก๊สขึ้นข้างบนแต่ผายลงข้างล่างก็คือ
00:24:42 → 00:24:45 แบบเอ๊ะทำไมแบบรู้สึกว่าผายลมบ่อยมากขึ้น
00:24:45 → 00:24:47 เพราะพวกเเวลาที่ได้ตัวร้ายได้รับน้ำตาล
00:24:47 → 00:24:49 ซึ่งเป็นอาหารของตัวร้ายเขาจะสร้างแก๊ส
00:24:49 → 00:24:53 ขึ้นทันทีอ่าเพราะฉะนั้นคือถ้าลักษณะของ
00:24:53 → 00:24:55 เราเนี่ยสมดุลลำไส้มันเริ่มเปลี่ยนอย่าเง
00:24:55 → 00:24:57 คุณหมอย่างเมื่อกี้เราพูดเรื่องอึละทีนี้
00:24:57 → 00:25:00 เราควรจะผายลมวันละกี่ครั้งได้คะถึงจะถือ
00:25:00 → 00:25:03 ว่าพี่ชสามารถกำหนดการผายลมวันละกี่ครั้ง
00:25:03 → 00:25:05 ได้ไม่ก็คือคุณหมอบอกว่าเอ้ยถ้าเรามีการ
00:25:05 → 00:25:08 ผายลมเนี่ยคือแปลว่าในลำไส้เราอ่ะแบบมัน
00:25:08 → 00:25:11 ได้ได้น้ำตาลคือหมายถึงว่าตัวร้ายอตัว
00:25:11 → 00:25:14 ร้ายรับอย่างเงี้ยมันเป็นทุกครั้งที่เรา
00:25:14 → 00:25:17 ผายลมอ่ะมันเป็นไนมยว่าอ่าไม่ถ้าจำนวนที่
00:25:18 → 00:25:20 มากอ่าอ่าถ้าวันไหนสังเกตว่าอุ๊ยวันนี้
00:25:20 → 00:25:23 ฉันตดเยอะจังเลยอะไรอย่าเงี้ยคือคนที่มาก
00:25:23 → 00:25:26 จนเกินไปเนี่ยค่ะเาแทบจะตลอดหลังมื้อ
00:25:26 → 00:25:29 อาหารหรืออะไรที่กระทบเนี่ยเจะมาทันทีคือ
00:25:29 → 00:25:31 หลังมื้ออาหารโดยเฉพาะมื้ออาหารที่เรา
00:25:31 → 00:25:34 ย่อยไม่ได้เช่นแบบถั่วต่างๆที่เขาย่อยยาก
00:25:34 → 00:25:37 เนี่ยค่ะแก๊สซี่จะเริ่มมาทันทีอันเนี้ยก็
00:25:37 → 00:25:41 คือแสดงว่าถ้าทุกมื้อและเกือบทั้งวันของ
00:25:41 → 00:25:45 การผายลมอันนี้ผิดปกติะอแสดงว่ากินอะไร
00:25:45 → 00:25:49 ที่แบบไม่แมทชกับอมีแต่ตัวร้ายเข้าไป
00:25:49 → 00:25:54 อทีนี้เนี่ยเขาบอกว่าการตรวจลำไส้เดี๋ยว
00:25:54 → 00:25:57 เนี้ยมันสามารถบอกได้เลยว่าเรามี
00:25:57 → 00:25:59 potential ที่จะเป็นโรคอะไรเช่น
00:25:59 → 00:26:01 อัลไซเมอร์ขนาดนั้นเลยร่ะคะคุณหมอ
00:26:01 → 00:26:04 ปัจจุบันนี้ลำไส้สำคัญแบบนั้นเลยค่ะเลย
00:26:04 → 00:26:07 บอกว่าอุจจาระเป็นสิ่งที่เราห่วงแหนผู้นำ
00:26:07 → 00:26:09 บางประเทศไม่ถ่ายอุจจาระนอกประเทศค่ะพี่
00:26:09 → 00:26:12 ชมเพราะกลัวรู้ว่ามีโรคอะไรซ่อนอยู่บ้าง
00:26:12 → 00:26:15 อ้าแล้วถ้าต้องไปทำงานต่างทำยังไงเอาเอา
00:26:15 → 00:26:18 อึกลับบ้านอันนี้ก็คือเป็นอุจจาระส่วนตัว
00:26:18 → 00:26:22 ค่ะนี่มีมีแบบส้วมส่วนตัวไปด้วยสุขาส่วน
00:26:23 → 00:26:26 ตัวไปด้วยไม่ยอมถ่ายเพราะอุจจาระที่ออกมา
00:26:26 → 00:26:30 สำหรับโรคแรกที่ทุกคนไม่น่าอยากเป็นใน
00:26:30 → 00:26:33 อนาคตอ่ะคืออัลไซเมอร์คือโรคที่แบบสมอง
00:26:33 → 00:26:36 ความจำไม่ดีสมองเสื่อมซึ่งการสมองเสื่อม
00:26:36 → 00:26:39 ของเขาเนี่ยคือโปรตีนไมลอยในสมองเนี่ยเขา
00:26:39 → 00:26:43 ตกลงมามากจนเกินไปจุลินทรีย์ตัวดีจะเป็น
00:26:43 → 00:26:47 ตัวสร้างกรดไขมันขนาดสั้นที่ชื่อว่า beate
00:26:47 → 00:26:50 ซึ่งกรดไขมันขนาดสั้นเนี่ยที่เขาสร้าง
00:26:50 → 00:26:53 ขึ้นเนี่ยจะสามารถนะคะส่งผ่านขึ้นไป
00:26:53 → 00:26:56 บริเวณที่สมองได้ทันทีแล้วลดการอักเสบ
00:26:56 → 00:26:59 ข้างในโพรงสมองของเราอข้างในข้างในเนื้อ
00:26:59 → 00:27:01 สมองเหมือนกับว่าเทคได้ว่ามันมันมีการ
00:27:01 → 00:27:04 อักเสบอะไรอย่างเงี้ยรคะคือถ้าสมมุติว่า
00:27:04 → 00:27:07 เรามีจุลินทรีย์ตัวดีในการสร้างซิตแล้วก็
00:27:07 → 00:27:11 ิิสเยอะๆตัวเเขาสามารถผ่านบั Brain Bar
00:27:11 → 00:27:14 ก็คือผ่านเนื้อสมองของเรานะคะเข้าไปนะคะ
00:27:14 → 00:27:17 แล้วเข้าไปช่วยลดการอักเสบภายในได้เพราะ
00:27:17 → 00:27:20 ฉะนั้นการอักเสบเมื่อลดลงโปรตีนที่จะตกลง
00:27:20 → 00:27:23 มาแล้วทำให้เสียงอัลไซเมอร์เขก็ลดลงได้
00:27:23 → 00:27:26 เพราะงั้นถ้าเรามีจุลินทรีย์ตัวดีตัวนี้
00:27:26 → 00:27:30 นะคะชื่อสายพันธ์นี้เยอะๆนะคะก็จะมีผลทำ
00:27:30 → 00:27:33 ให้แบบความจำดีแต่ถ้ามีตัวร้ายแล้ว
00:27:33 → 00:27:35 จุลินทรียตัวเนี้ยค่ะชื่อเนี้ยเขาอยู่ใน
00:27:35 → 00:27:38 อะไรบ้างคะก็จะอยู่ไปที่เราพูดถึงทั้งหมด
00:27:38 → 00:27:43 เลยค่ะกิมจินัตโตะต่างๆแต่ไม่ได้สฟิเลย
00:27:43 → 00:27:46 ว่าแบบจำพอว่าคุณทานอันนี้จะมีชื่อนี้
00:27:46 → 00:27:49 แล้วก็ได้แบบสมองโดยตรงอนาคตเนี่ยเรายัง
00:27:49 → 00:27:53 ต้องการการวิจัยต่อเนื่องว่าระบุสาย
00:27:53 → 00:27:57 พันธุ์ของชื่อนี้ชีสชนิดนี้มีชื่อนี้ดี
00:27:57 → 00:28:00 กับสยังไงอันนี้เรายังต้องการการวิจัย
00:28:00 → 00:28:01 อยู่ก็คือเบื้องต้นก็ต้องกินอาหารให้หลาก
00:28:01 → 00:28:04 หลายไปก่อนน่ะเนาะใช่ค่ะซึ่งอื่นๆที่เรา
00:28:04 → 00:28:06 ดูได้จากในอุจจาระคือความเสี่ยงต่างๆใน
00:28:07 → 00:28:09 เรื่องของเพราะว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เขา
00:28:09 → 00:28:11 ช่วยควบคุมในเรื่องของการดื้ออินซูลินลด
00:28:11 → 00:28:15 ลงเพราะฉะนั้นถ้าเรามีตัวดีที่ช่วยในการ
00:28:15 → 00:28:17 ดื้ออินซูลินโอกาสในการเกิดเบาหวานใน
00:28:17 → 00:28:19 อนาคตก็จะน้อยฉะนั้นในเรื่องของเบาหวาน
00:28:19 → 00:28:23 เองนะคะก็เ่อดูสมดุลจากในข้างในลำไส้ได้
00:28:23 → 00:28:28 ด้วยนะคะในเรื่องของแคนเซอร์อือมะเร็งค่ะ
00:28:28 → 00:28:30 เฉพาะมะเร็งลำไส้ตัวร้ายที่ทำให้เกิด
00:28:30 → 00:28:33 จุลินทรีย์เอ่อในลำไส้ตัวร้ายตัวนี้เกิด
00:28:33 → 00:28:36 ขึ้นปึ๊บจะมีความเสี่ยงในเรื่องของมะเร็ง
00:28:36 → 00:28:38 ลำไส้เกิดขึ้นหรือเปล่าอันนี้ก็ดูข้างใน
00:28:38 → 00:28:42 อุจจาระได้เหมือนกันรวมถึงตับแข็งไขมัน
00:28:42 → 00:28:45 พอกตับนี่เป็นกลุ่มโรคที่เบสิคงานวิจัยมี
00:28:45 → 00:28:48 เยอะขึ้นนะคะว่าถ้ามีตัวดีตัวร้ายในอัตรา
00:28:48 → 00:28:51 ส่วนที่ประมาณนี้อาจจะเกิดส่งผลให้ความ
00:28:52 → 00:28:53 เสี่งอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้นความเสี่ยงเบา
00:28:54 → 00:28:56 หวานเพิ่มขึ้นหรือไม่หรือว่ามีความเสี่ยง
00:28:56 → 00:28:59 ในเรื่องของมะเร็งลำไส้บางอย่าลำไส้ดี
00:28:59 → 00:29:03 สุขภาพจิตดีลำไส้ไม่ดีมีโอกาสเป็นซึม
00:29:03 → 00:29:06 เศร้าได้เลยหรอคะคุณหมอณปัจจุบันความ
00:29:06 → 00:29:09 เสี่ยงของเรื่องซึมเศร้ามีความสัมพันธ์
00:29:09 → 00:29:12 กับลำไส้นะคะเพราะว่าเราถือว่าเมีความ
00:29:12 → 00:29:15 เชื่อมต่อระหว่างสมองแล้วก็ลำไส้ที่ทาง
00:29:15 → 00:29:19 การแพทย์เราเรียกว่ากัด Brain AIS อืกัด
00:29:19 → 00:29:22 นี่คือลำไส้ Brain นี่คือสมองค่ะเามีความ
00:29:22 → 00:29:24 เชื่อมต่อกันอย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น
00:29:24 → 00:29:28 เลยว่าลำไส้เราสามารถสร้างสารสื่อประสาท
00:29:28 → 00:29:31 สมองที่เรียกว่าเซโรโทนินนะเซโรโทนินคือ
00:29:31 → 00:29:34 สารความสุขที่ออกมาได้เช่นเดียวกันกับ
00:29:34 → 00:29:37 สมองอือเพราะฉะนั้นอาหารที่ไม่ดีอาหารที่
00:29:37 → 00:29:41 เสี่ยงณปัจจุบันคือ process Food อย่าง
00:29:41 → 00:29:44 เงี้ยค่ะคือแบบว่าทำมาเสร็จสับเรียบร้อย
00:29:44 → 00:29:46 แล้วเบคอนฮอดอกหรืออะไรต่างๆสิ่งที่แบบ
00:29:46 → 00:29:49 เขาทำมาแบบที่ process Food แบบเนี้ยมี
00:29:49 → 00:29:51 ความเสี่ยงในเรื่องของซึมเศร้ารวมถึงสาร
00:29:51 → 00:29:54 ทดแทนความหวานบางอย่างออันนี้ก็ต้องระวัง
00:29:54 → 00:29:57 ในบางชนิดที่โอกาสในการเกิดความเสี่ยงซึม
00:29:58 → 00:30:01 เจ้าก็จะมากขึ้นพอลึกๆของในงานวิจัยแล้ว
00:30:01 → 00:30:04 คือมันมีการเปลี่ยนแปลงของกัดไมโครไบโอม
00:30:04 → 00:30:06 คือจุลินทรีย์ข้างในร่างกายเราให้มีตัว
00:30:06 → 00:30:10 ร้ายมากขึ้นแล้วเทำให้สร้างเซโรโทนินลดลง
00:30:10 → 00:30:13 เซโรโทนินลดลงสารความสุขลดลงอ่ะฮะมันก็
00:30:14 → 00:30:17 เกิด deess เกิดอึมครึมเกิดความรู้สึกอื
00:30:17 → 00:30:20 ไม่สดชื่นความเชื่อมโยงระหว่างลำไส้กับ
00:30:20 → 00:30:23 สมองจะสังเกตง่ายๆเลยเวลาที่เราเครียด
00:30:23 → 00:30:27 เวลาที่เรารู้สึกว่าจะไปพูดหน้าห้องจะ
00:30:27 → 00:30:30 ต้องไปอะไรหน้าชั้นหรือว่ารู้สึกว่าทำงาน
00:30:30 → 00:30:32 ไม่ได้พักผ่อนเลยเครียดอ่ะลำไส้เราจะรวน
00:30:32 → 00:30:35 อันดับแรกเลยใช่มันจะบางทีมันก็จะท้องอืด
00:30:35 → 00:30:38 หรือว่าเสียดทานแล้วก็ไม่ค่อยจะแบบกินไม่
00:30:38 → 00:30:42 ย่อยอ่ะค่ะเป็นมากๆถึงขั้นที่แบบถ่ายเหลว
00:30:42 → 00:30:45 ทานแล้วก็ถ่ายเลยแต่แบบวิ่งเข้าห้องน้ำ
00:30:45 → 00:30:48 ถ่ายอุ๊ยอ้าดีขึ้นอันนี้คือลำไส้แปรปรวน
00:30:48 → 00:30:51 ละะยิ่งถ่ายยิ่งรู้สึกดีโอยิ่งถ่ายยิ่ง
00:30:51 → 00:30:54 โอ้โหรอดแล้วนะคะรู้สึกไม่เครียดแล้วอัน
00:30:54 → 00:30:58 นี้คือ ibs อืซึ่งจริงๆ ibs เนี่ยความ
00:30:58 → 00:31:01 แปลกของการรักษานะคะของคุณหมอทางด้านทาง
00:31:01 → 00:31:05 เดินอาหารคือเราให้ยาทางด้านระบบสมองคุณ
00:31:05 → 00:31:08 หมอทางเดินอาหารนะคะเราจะต้องให้ยาอิปทีน
00:31:08 → 00:31:12 ยาไคลกังวลบางคนอาจจะงงว่าเฮ้ยทำไมเราแบบ
00:31:12 → 00:31:15 ไปด้วยระบบขับถ่ายอ่ะแต่คุณหมอให้ยาทาง
00:31:15 → 00:31:17 ด้านจิตใจมานั่นเป็นเพราะว่าลำไส้กับสมอง
00:31:17 → 00:31:20 เขาเชื่อมกันเราถึงยาได้ยาในเรื่องของการ
00:31:20 → 00:31:25 แบบคลายกังวนได้ยามาขึ้นลำไส้กลับดีขึ้น
00:31:25 → 00:31:29 ฉันเลยเชื่อมกันระหว่าง depression นะคะ
00:31:29 → 00:31:34 เรันเคมีในสมองที่มาจากลำไส้เสร้างโรนิน
00:31:34 → 00:31:36 ได้ลดลงได้เช่นเดียวกันชมนี้ก็เคยรักษา
00:31:36 → 00:31:39 ibs แบบแต่ว่าเป็น 10 ๆปีแล้วนะคะตั้ง
00:31:39 → 00:31:42 แต่สมัยสาวๆแบบรักษาแบบก็คุณหมอก็บอกว่า
00:31:42 → 00:31:44 มันก็ไม่ได้มียาอะไรที่มันรักษาให้หายขา
00:31:45 → 00:31:48 แต่ชมว่าช่วงนั้นที่ชมยังเคยไปหาคุณหมอ
00:31:48 → 00:31:50 บ้างไปทานยาบ้างไปส่องกล้องบ้างไปอะไร
00:31:50 → 00:31:53 บ้างตอนนั้นชมว่าเรื่องแบบเรื่อง wellness
00:31:53 → 00:31:55 แบบว่าที่แบบมันเป็นองค์รวมมันยังไม่ได้
00:31:55 → 00:31:58 แบบยังไม่ได้ถูกพูดถึงกันแบบเท่าทุกวัน
00:31:58 → 00:32:01 นี้ถามว่าทุกวันนี้แบบว่าอูยขับถ่ายทุก
00:32:01 → 00:32:04 วันแบบอะไรเงี้ยก็ไม่ได้ขนาดนั้นแต่ว่า
00:32:04 → 00:32:06 มันเหมือนกับว่าพอเราเออพอเราจัดการกว่า
00:32:06 → 00:32:10 ความเครียดเราอ่ะมันมันดีขึ้นไปเองใช่เก็
00:32:10 → 00:32:12 เออเขาคก็จะน้อยลงเก็จะดีขึ้นไปเองน้อยลง
00:32:12 → 00:32:15 ฝรั่งเขาจะชอบพูดว่า Trust your guts
00:32:15 → 00:32:17 Believe in your guts อะไรอย่างเงี้ย
00:32:17 → 00:32:20 คือถ้าแปลเป็นไทยแบบตรงตัวก็คือว่าให้แก
00:32:20 → 00:32:24 เชื่อลำไส้แกซึ่งถูกต้องเพราะว่าลำไส้
00:32:24 → 00:32:27 เป็นทุกสิ่งของเราในอนาคตถ้าไม่อยากป่วย
00:32:27 → 00:32:30 อ่ะคะอหันกลับมาดูแลลำไส้คุณถ่ายดีเมื่อ
00:32:30 → 00:32:32 ไหรกล้วยหอมทองเหมือนนักกระโดดน้ำชันยอด
00:32:32 → 00:32:35 เมื่อไหร่ค่ะแปลว่าสมดุลลำไส้ดีผิวดีถ้า
00:32:35 → 00:32:39 ถ่ายได้ง่ายไม่อท้องผูกนะคะอารมณ์จะดีเคย
00:32:39 → 00:32:41 เห็นคนท้องผูกแล้วอารมณ์ดีเหรอคะเห็นค่ะ
00:32:41 → 00:32:44 ลูกค่ะลูกไคท้องผูกแล้วอารมณ์ไม่ดีมันจะ
00:32:44 → 00:32:46 เป็นแบบสังเกตได้ง่ายเลยเด็กคือแบบว่าถ้า
00:32:46 → 00:32:48 เขาไม่ได้ถ่ายสักวัน 2 วันอะไรอย่าเงี้ย
00:32:48 → 00:32:51 เออออันเนี้ยจะเริ่มส่งผลกระทบกับอารมณ์
00:32:51 → 00:32:55 อืคือเด็กนี่เลยไปจนถึงสมาธิสั้นด้วยค
00:32:55 → 00:32:59 สมาธิสั้นนี่คือวิ่งพุ่งอยู่ไม่สุกไปทำ
00:32:59 → 00:33:03 นู่นทำนี่นะคะอ่าซึ่งถ้าจริงๆในสมองของ
00:33:03 → 00:33:06 เราเนี่ยมันจะมีสารที่ชื่อว่ากาบ้าตัว
00:33:06 → 00:33:08 เนี้จะเป็นตัวยับยั้งถ้าเขาออกมาแล้วจะ
00:33:08 → 00:33:11 ยับยั้งให้เรารู้สึกว่าเรานิ่งได้อ่าเรา
00:33:11 → 00:33:15 ไม่ต้องวิ่งชนนะคะซึ่งลินซีตัวดีข้างในลำ
00:33:15 → 00:33:17 ไส้เนี่ยเขาก็จะสร้างกาบ้าเพิ่มมากขึ้น
00:33:18 → 00:33:21 และทำให้คนที่แบบมีโอกาส adhd หรือว่า
00:33:21 → 00:33:23 สมาิโดยเฉพาะในเด็กเนี่ยเขาจะเป็นลดลม
00:33:23 → 00:33:26 เพราะเขามีการไปดูอุจจาระของเด็กที่สมาทิ
00:33:26 → 00:33:29 สั้นปรากฏว่าเมีตัวร้ายชื่อ crum เนี่ย
00:33:29 → 00:33:33 มากกว่าเด็กที่ไม่มีเรื่องสทัเนี่ย 10
00:33:33 → 00:33:36 เท่าการที่เราเสริมตัวดีไปก็อีกเป็นอีก 1
00:33:36 → 00:33:38 optional ใน 1 ตัวเลือกแล้วมันเป็นไปได้
00:33:38 → 00:33:40 มคหว่านที่เราจะมีตัวดีเยอะเกินไปยังไม่
00:33:40 → 00:33:43 ค่อยเห็นใครมีดีเยอะเลยค่ะส่วนมากเครียด
00:33:43 → 00:33:47 นิดนึงอ่ะค่ะพี่ชมตัวร้ายก็แสบมากอ่ะเขา
00:33:47 → 00:33:50 ก็มาแล้วอ่ะคือในการใช้ชีวิตของเราอ่ะคือ
00:33:50 → 00:33:53 แค่เราไม่ออกกำลังกายอ่ะตัวดีก็ไม่มาะพี่
00:33:53 → 00:33:56 ชมเวลาออกกำลังกายคาริเบอะไรอย่างเงี้ย
00:33:56 → 00:33:57 ค่ะแฟิ
00:33:57 → 00:34:00 เพราะมั้ยคะชื่ออเพตัวเนี้ยเป็นตัวดีที่
00:34:00 → 00:34:04 สุดในโลกไม่มีพิษภัยไม่มีความร้ายใดๆมา
00:34:04 → 00:34:07 ได้เฉพาะออกกำลังกายเนี่ยถึงแบบว่าออก
00:34:07 → 00:34:09 กำลังกายเป็นสิ่งที่ดีคือตัวนี้มาเสร็จ
00:34:09 → 00:34:11 ปุ๊บ burn fash คือกินกิมจิไหนึงก็ไม่มา
00:34:11 → 00:34:14 หรอคะตัวนี้มาจากการออกกำลังกายค่ะกิมจิ
00:34:14 → 00:34:18 จะได้ไฟีแลคโตบาซิลัสอ่าแต่ไม่ได้แมนซ
00:34:18 → 00:34:22 แมนซจะมาเฉพาะตอนแค่ออกกำลังกายแล้วพอปลา
00:34:22 → 00:34:25 ร้ามานี่นางไปแล้วนะคะเพราะว่านางกลัว
00:34:25 → 00:34:28 ความเค็มค่ะอ่าหลายคนบอุยทำไมลดน้ำหนัก
00:34:28 → 00:34:32 ยากกินเค็มเกี่ยวมยมีความเกี่ยวกับแนียเ
00:34:32 → 00:34:35 ลดลงอ่าเพราะฉะนั้นคือจริงๆคือการ
00:34:35 → 00:34:36 movement กันอะไรอย่างเงี้ยค่ะในชีวิต
00:34:36 → 00:34:38 ประจำวันก็ส่งผลกับจุลินทรีย์เหมือนกัน
00:34:38 → 00:34:43 อ่ะเขาบอกว่ามีบางคนที่ทานไซเลียม husk
00:34:43 → 00:34:46 เพื่อล้างของเน่าเสียที่ตกค้างในลำไส้
00:34:46 → 00:34:49 อันเนี้ยมันล้างของเน่าเสียหรือมันล้างไป
00:34:49 → 00:34:52 ทั้งระบบเลยคะคุณหมอคะเอ่ออาจจะเหมาะกับน
00:34:52 → 00:34:55 บางคนอ่าในบางคนที่เขาต้องการให้ระบบขับ
00:34:55 → 00:34:58 ถ่ายเขาดีขึ้นคือไลมเนี่ยมันเป็น soluble
00:34:58 → 00:35:02 Fiber คือเค้าอุ้มน้ำไว้ที่ตัวได้ดีอ่า
00:35:02 → 00:35:05 เวลาที่เวลาเราชงเราจะรู้ว่าเราหย่อนเข้า
00:35:05 → 00:35:09 ไปอ่าแล้วเก็แบบชงกะน้ำ 1 แก้วเนี่ยน้อง
00:35:09 → 00:35:12 ก็จะฟูแล้วก็จะอุ้มน้ำได้ดีเพราะฉะนั้น
00:35:12 → 00:35:14 มันก็เหมือนกับเวลาที่เราทานเข้าไปเนี่ย
00:35:14 → 00:35:18 ไฟเบอร์เขาก็จะยังอยู่จนลงไปถึงลำไส้ใหญ่
00:35:18 → 00:35:21 อเพราะลำไส้เล็กย่อยไม่ได้นะคะอ่าไลมพาส
00:35:21 → 00:35:23 นี้เขาจะไปถึงลำไส้ใหญ่เวลาที่เขาปลโครง
00:35:23 → 00:35:26 สร้างของไฟเบอร์เขาก็จะไปจับคอเลสเตอรอล
00:35:26 → 00:35:28 ไปจับชู
00:35:28 → 00:35:32 โมเลกุลกลูโคสน้ำตาลอื่นๆเนี่ยออกไปด้วย
00:35:32 → 00:35:34 เพราะฉะนั้นก็ก็ฟังดูดีนะก็ก็ฟังดูดีฟัง
00:35:34 → 00:35:36 ดูดีหลายคนเลยทานแต่ว่าก็ต้องระวังด้วย
00:35:36 → 00:35:39 เหมือนกันบางคนก็ไม่เหมาะนะคะก็มีงาน
00:35:39 → 00:35:41 วิจัยเหมือนกันที่เขาทำในคนที่เป็นเบา
00:35:41 → 00:35:45 หวาน DM TY 2 นะคะในการให้ให้านนะคะเ่อ
00:35:45 → 00:35:49 5-10 กรัมนะต่อวันนะคะเพื่อที่จะดูว่า
00:35:49 → 00:35:52 ระดับน้ำตาลเป็นยังไงบ้างนะคะก็พบว่า
00:35:52 → 00:35:55 ระดับน้ำตาลก็ช่วยให้ลดลงได้นะคะความดัน
00:35:55 → 00:35:58 ลดลงประมาณ 2.4 มมตลอดแล้วก็ช่วยในเรื่อง
00:35:58 → 00:36:02 ของการควบคุมอ่าคอเลสเตอรอลไม่ให้สูงขึ้น
00:36:02 → 00:36:06 ได้แต่สิ่งที่เราต้องระวังคือกลุ่มคนที่
00:36:06 → 00:36:08 เช่นเลือดออกทางเดินอาหารหรือว่ามีแบบลำ
00:36:08 → 00:36:11 ไส้เคยอุดตันมาก่อนเนื่องจากเขาก็ฟูแล้ว
00:36:11 → 00:36:13 เขาก็เต็มเราก็ต้องระวังอุ้ยเขาจะแน่น
00:36:13 → 00:36:16 เกินไปจนแบบขับออกเองไม่ได้หรือเปล่าหรือ
00:36:16 → 00:36:20 คนที่มีแบบเคยเลือดออกอุจาระแล้วมีถ่ายมี
00:36:20 → 00:36:22 แผลมีอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็กลัวความ
00:36:22 → 00:36:25 ครูดถลอกที่เยอะเกินไปของเขาเข้าไปกระทบอ
00:36:25 → 00:36:28 ถ้าใครทานแล้วรู้สึกว่ามึนปดท้องทันทีก็
00:36:28 → 00:36:31 ต้องระวังด้วยอืเพราะว่าความแบบความ
00:36:31 → 00:36:33 โมเลกุลใหญ่ของเขาที่อุ้มน้ำกับความแน่น
00:36:33 → 00:36:37 ต่างๆก็อาจจะส่งผลกระทบได้อ่ะมีอีกเรื่อง
00:36:37 → 00:36:38 นึงที่เป็นเรื่องที่แบบค่อนข้างจะ
00:36:38 → 00:36:42 controversial ก็คือกาแฟชมก็ฟังเยอะก็งง
00:36:42 → 00:36:44 อ่ะมันก็จะมีดีเบทกันระหว่างฝั่งที่แบบ
00:36:44 → 00:36:49 กาแฟดีมากเป็นซอร์ฟโพี่ฟีกับก็จะมีบาง
00:36:49 → 00:36:52 ฝั่งที่แบบว่ากาแฟแบบว่าทำให้แกแบบว่า
00:36:52 → 00:36:55 เกิดคอร์ติซอลในชีวิตแกแบบคอร์ติซอลเยอะ
00:36:55 → 00:36:58 มากในมุมของจักรวาลของจุลินทรีย์
00:36:58 → 00:37:01 โปรไบโอติกต่างพรีไบโอติกต่างๆกาแฟนี่คือ
00:37:01 → 00:37:05 ยังไงคะคุณหมอกาแฟเนี่ยเป็นตัวช่วยหนึ่ง
00:37:05 → 00:37:08 ในเรื่องของการทำให้บาลานซ์กัดไมโครไบโอม
00:37:08 → 00:37:11 หรือว่าจุลินทรีดีเนี่ยนะคะค่ะเขาส่งผลดี
00:37:11 → 00:37:15 ได้กาแฟนี่มีโลนิ Acid คือเป็นสารออก
00:37:15 → 00:37:18 ฤทธิ์ข้างในกาแฟสารออกฤทธิ์มี 2,000 ตัว
00:37:18 → 00:37:21 ค่ะแต่สารออกฤทธิ์ที่เขาช่วยในเรื่องของ
00:37:21 → 00:37:24 สมดุลลำไส้ก็มีเช่นเดียวกันแต่ปริมาณมัน
00:37:24 → 00:37:27 ต้องจะต้องมีขีดจำกัดคือมันไม่ใช่เยอะ
00:37:27 → 00:37:31 เกินไปคือถ้าโพลีฟีนอลข้างในนะคะสารออก
00:37:31 → 00:37:34 ฤทธิ์ข้างในถ้ามีผลดีกับสุขภาพเราคือ
00:37:34 → 00:37:37 คาเฟอีนต้องอยู่ที่ 150-300 มกรคุณหมอก
00:37:37 → 00:37:41 ขยายความคำว่าลิอนลิอก็คือเป็นสารออก
00:37:41 → 00:37:43 ฤทธิ์ที่ช่วยในเรื่องของแอนตี้ออกซินต่าง
00:37:44 → 00:37:47 ๆซึ่งเขาก็มักจะอยู่ในพืชอ่านะคะในพืช
00:37:47 → 00:37:50 ต่างๆไม่ว่าจะเป็นกาแฟจะเป็นโกโก้นะคะ
00:37:50 → 00:37:53 ซึ่งเขาว่าโพลีฟีนอลนี่เขาคือเป็นตัวค่อน
00:37:53 → 00:37:56 ข้างใหญ่ข้างในโพลีฟีนอลก็จะมีสารออก
00:37:56 → 00:37:59 ฤทธิ์อีก 1,2 2,000 ตัวเลยอซึ่งข้างใน
00:37:59 → 00:38:02 กาแฟเนี่ย colonic Acid เป็นตัวสำคัญ
00:38:02 → 00:38:06 สำหรับการดูแลในเรื่องของระบบลำไส้อ่าอัน
00:38:06 → 00:38:08 นี้เป็นส่วนนึงนะคะอ่าทีนี้ไอ้เจ้าตัว
00:38:08 → 00:38:12 เนี้ยเขามีหน้าที่ทำให้เ่อกระเพาะอาหาร
00:38:12 → 00:38:16 ของเราเนี่ยเขาบีบตัวเคลื่อนที่คนทานกาแฟ
00:38:16 → 00:38:19 เลยบอกว่าเวลาทานกาแฟแล้วรู้สึกว่าทำไม
00:38:19 → 00:38:22 ถึงขับหายได้ดีเพราะว่าตัวเเขาไปกระตุ้น
00:38:22 → 00:38:25 แก๊สติ่นนะคะก็คือเป็นตัวเคลื่อนที่ของ
00:38:25 → 00:38:28 กระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้กาแฟโดยเฉพาะใน
00:38:29 → 00:38:31 ในส่วนของตัวลิอตัวเนี้ยจะยิ่งทำให้
00:38:31 → 00:38:36 กระตุ้นในการขับถ่ายมากกว่าน้ำ 60% ดื่ม
00:38:36 → 00:38:40 น้ำเฉยๆกับกาแฟ 25 นาทีรู้เรื่องค่ะแต่
00:38:40 → 00:38:43 ปริมาณจะต้องไม่เกิน 300 มกรนะคะ 300
00:38:43 → 00:38:48 มิลกรัมคาเฟอีนคือ 2-3 แก้วอ่าเกิดอะไร
00:38:48 → 00:38:51 ขึ้นเมื่อคุณดื่มกาแฟแก้วที่ 4 ค่ะกลับ
00:38:51 → 00:38:54 กันแล้วนะหลายคนบอกว่ากาแฟดีถูกต้องดีค่ะ
00:38:54 → 00:38:57 ถ้าคุณอยู่ใน moderate คาเฟอีนคือประมาณ
00:38:57 → 00:39:01 ซัก 2-3 แก้วอ่ะอันนี้มีแี้ออกซินดีนะคะ
00:39:01 → 00:39:04 ช่วยในเรื่องของความดันโลหิตต่างๆ
00:39:04 → 00:39:08 คอเลสเตอรอลไขมันตัวร้ายเนี่ยลดลงถ้าดื่ม
00:39:08 → 00:39:13 กาแฟ ldl ldl ก็ลดลงแต่อันนั้นคือ 2-3
00:39:13 → 00:39:17 แก้วนะคะและไม่นมไม่น้ำตาลนะเกิดอะไรขึ้น
00:39:17 → 00:39:20 เมื่อแก้วที่ 4 แก้วที่ 4 ออกมาปึ๊บนะไม่
00:39:20 → 00:39:25 นอนที่แก้วที่ 4 ออกมาเขาจะพาสารที่ชื่อ
00:39:25 → 00:39:28 ว่าไดเทอร์ปีนออกมาด้วยงั้นไดเเยเป็นตัว
00:39:28 → 00:39:31 ไร้อีกตัวนึงละคุณทานกาแฟถ้ามากเกินไปได
00:39:31 → 00:39:34 ทปนออกมาปึ๊บ ldl พุ่งขึ้นเลยค่ะกลับกัน
00:39:34 → 00:39:37 เลยนะคะกลับกลายเป็นสมดุลลำไส้แทนที่เรา
00:39:37 → 00:39:39 จะดีเนี่ยแทนที่จะช่วยกลับกลายเป็นร้าย
00:39:39 → 00:39:43 ขึ้นทันทีเพราะฉะนั้นแก้วที่ 4 กรุณาใช้
00:39:43 → 00:39:47 กระดาษกรองค่ะเขาถึงมีดริบกาแฟถ้าแก้วที่
00:39:47 → 00:39:49 4 ที่คุณจะกินเมื่อไหร่เนี่ยดริบกาแฟ
00:39:49 → 00:39:51 กระดาษกรองฟิลเตอร์ตัวเนี้จะทำให้ได
00:39:51 → 00:39:53 เทอร์ปีนเนี่ยเขาไม่ออกมาอันนี้ก็จะเป็น
00:39:53 → 00:39:55 อีกตัวช่วยหนึงได้แต่ถ้าจะให้ดีหยุดที่
00:39:55 → 00:39:58 แก้วที่ 3 ก็จะดีกว่านะคะคุณจะสุขภาพดี
00:39:58 → 00:40:01 กว่าค่ะอ่ะเคมีข่าวลือว่าการดื่มกาแฟทำ
00:40:01 → 00:40:05 ให้อาุจิน้อยลงแล้วก็กลายร่างจริงมั้ยคะ
00:40:05 → 00:40:09 ถ้าจะบอกว่ามันไม่ใช่ข่าวลือลคะจริงหรอ
00:40:09 → 00:40:12 คะก็คือว่า
00:40:12 → 00:40:16 เอิ่มถ้าในเรื่องของกาแฟอย่างที่บอกว่ามี
00:40:16 → 00:40:20 ทั้งช่วยในเรื่องของสเปิร์มและมีฤทธิ์
00:40:20 → 00:40:23 กลับกันทำให้สเปิร์มทำงานน้อยลงได้เช่น
00:40:23 → 00:40:26 เดียวกันอ่าทีนี้งานวิจัยณปัจจุบันค่อน
00:40:26 → 00:40:27 ข้าง
00:40:27 → 00:40:30 หลากหลายมากคือในงานวิจัยนึงเขาก็จะแบบ
00:40:30 → 00:40:33 ให้ทานแล้วก็ดูว่าเปอร์เซ็นต์เป็นยังไง
00:40:33 → 00:40:35 อย่างเงี้ยคะซึ่งปกติแล้วเนี่ยเราจะดู 4
00:40:36 → 00:40:39 ด้านในเรื่องของ spm analysis นะคะการ
00:40:39 → 00:40:43 วิเคราะห์นะคะคือ 1 ปริมาณนะคะเช่นถ้าออก
00:40:43 → 00:40:46 มาแล้วเนี่ย 1.5 ML เป็นพื้นฐานที่จะ
00:40:46 → 00:40:49 ต้องมีเท่านี้นะคะในการออกมาของสเปิร์ม
00:40:49 → 00:40:51 ซึ่งถ้าออกมาเนี่ยเขาจะต้องออกมาประมาณ
00:40:51 → 00:40:55 อย่างต่ำต่อ 1 ML เนี่ต้องมี 15 ล้านตัว
00:40:55 → 00:40:58 คอ่าทั้งหมดเลยที่ออกมาอย่างต่ำต้องมี 40
00:40:58 → 00:41:01 ล้านตัวนะอันนี้คือเวลาที่เราจะดูว่าความ
00:41:01 → 00:41:04 แข็งแรงเป็นยังไงบ้างนะคะความวิ่งพุ่งชน
00:41:04 → 00:41:07 อ่า morality เซคือแบบประสิทธิภาพในการ
00:41:07 → 00:41:11 วิ่ง 40% อย่างต่ำอ่านะคะแล้วก็หน้าตา
00:41:11 → 00:41:14 หน้าตาคือแบบหัวหางเป็นยังไงนะคะอันนี้
00:41:14 → 00:41:17 ต้องดีเกิน 4% เรามาดูที่ 4% หมาถึงว่า
00:41:17 → 00:41:20 100 ตัวคือมีตัวหน้าตาดี 4 ตัวอย่างน้อย
00:41:20 → 00:41:22 ต้อง 4 ตัวถึงจะคุณภาพแล้วถึงจะทำให้การ
00:41:23 → 00:41:27 มีน้องจะดีขึ้นใช่คืออย่างน้อยต้อง 4%
00:41:27 → 00:41:32 4 ด้านตรงเนี้ยกาแฟมีความกระทบใดๆไหมเขา
00:41:32 → 00:41:34 จะกลับมาเริ่มต้นที่เราเหมือนเมื่อกี้เลย
00:41:34 → 00:41:38 ค่ะถ้าเกิน 4 แก้วขึ้นไปฟังก์ชันของ
00:41:38 → 00:41:42 morality คือการวิ่งต่างๆพวกเนี้ค่ะจะลด
00:41:42 → 00:41:46 ลงอ้าจะวิ่งช้าลงเหรอคะจาก 40% ที่ควรได้
00:41:46 → 00:41:50 จะน้อยลงแล้วก็ในงานวิจัยหลายๆอันเนี่ย
00:41:50 → 00:41:53 ค่ะคือส่วนมากเนี่ยจะบอกว่าไม่ค่อยกระทบ
00:41:53 → 00:41:56 คือถ้าทานน้อยกว่า 3 แก้วสิ่งที่จะได้คือ
00:41:56 → 00:41:59 Energy ของตัวสเปิร์มจะมีมากขึ้น
00:41:59 → 00:42:01 เอเนอร์จีที่เราได้จากกาแฟเนี่ยตกไปถึง
00:42:01 → 00:42:03 สเปิร์มเลยทีเดียวได้เลยค่ะถูกต้องเพราะ
00:42:03 → 00:42:06 ว่าเวลากาแฟออกฤทธิ์ปุ๊บสารออกฤทธิ์ของ
00:42:06 → 00:42:08 เขาหลายๆตัวพวกเยค่ะ
00:42:08 → 00:42:12 100% ของในตัวออกฤทธิ์เคะไมิแนนคือตัว
00:42:12 → 00:42:15 ออกฤทธ์ของกาแฟที่จะส่งผลกับร่างกายเขาจะ
00:42:15 → 00:42:19 เข้าสู่กระแสเลือดภายใน 15 นาทีถึง 45
00:42:19 → 00:42:22 นาทีทุกอย่างออกฤทธิ์ข้างในร่างกายหมดและ
00:42:22 → 00:42:25 นะคะความออกฤทธิ์ของเขาในตรงเนี้ยเขาจะ
00:42:25 → 00:42:29 ช่วยเพิ่มพลังงานของเซลล์เซลล์อันทะเราก็
00:42:29 → 00:42:32 จะมีตัวสร้างสเปิร์มชื่อเทเซลล์ตัวเนี้ย
00:42:32 → 00:42:35 จะเหมือนเขาได้รับพลังงาน lactic แิดอ
00:42:36 → 00:42:38 เพิ่มมากขึ้นอืแต่น้อยกว่า 3 แก้วนะคะ
00:42:38 → 00:42:41 อันเนี้ยคือพลังงานของตัวที่จะไปเสริม
00:42:41 → 00:42:44 สร้างในการสร้างเกินกาแฟไปกับเลอแหละใช่
00:42:44 → 00:42:47 เขาก็แีไปพร้อมกันแต่แก้วที่ 4 เกิดขึ้น
00:42:47 → 00:42:50 ปึ๊บเนี่ยค่ะถ้าปริมาณของคาเฟอีนเขามาก
00:42:50 → 00:42:53 เกินนะแก้วที่ 4 เสร็จปึ๊บเขาจะปริมาณ
00:42:53 → 00:42:55 คาเฟอินในร่างกายจะพุ่งไปถึง 500
00:42:55 → 00:42:59 ไมโครโมลอันเนี้ยจะทำให้การอักเสบเยอะ
00:42:59 → 00:43:01 ขึ้นตัวที่จะต้านอนุมูลอิสระกลายเป็น
00:43:01 → 00:43:04 อนุมูลอิสระซะเองอืทำให้ส่งผลในเรื่องของ
00:43:04 → 00:43:08 สเปิร์มการเคลื่อนที่ต่างๆอืแต่กาแฟเนี่ย
00:43:08 → 00:43:11 ไม่ส่งผลเท่า Soft drink ค่ะน้ำอัดลมน้ำ
00:43:11 → 00:43:15 อัดลมค่ะอ๋อน้ำอัดลมเนี่ย 4 เหตุเนี่ยส่ง
00:43:15 → 00:43:19 ผลหมดเลยค่ะคทั้งวิ่งไม่เร็วทั้งหน้าตา
00:43:19 → 00:43:23 ไม่สวยทั้งปริมาณน้อยงานวิจัยนึงที่เขา
00:43:23 → 00:43:26 วัดคนที่ไม่ดื่มเลยกับคนที่ดื่ม 1 ลิตร
00:43:26 → 00:43:27 ต่อสั
00:43:27 → 00:43:31 โดยมากคนที่ดื่ม 1 ลิตรต่อสัปดาห์จะส่งผล
00:43:31 → 00:43:36 ให้จำนวนสเปิร์มเนี่ยลดลงอืจากคนที่แบบ 0
00:43:36 → 00:43:39 ซีโร่ไม่ดื่มเลยเนี่ยเขามี 56 โดยเฉลี่ย
00:43:39 → 00:43:42 นะคะ 56 สำหรับที่ดื่มไปแล้วเเหลือแค่ 40
00:43:42 → 00:43:44 40 ล้านตัวซึ่งอย่างที่บอกว่าอย่างต่ำ
00:43:44 → 00:43:48 สเปิร์มต้องมี 40 ล้านตัวอ่านะคะในทั้ง
00:43:48 → 00:43:52 หมดเถึงจะบเคาบเส้นเลยแล้วถ้าเราคาบเส้น
00:43:52 → 00:43:55 อยู่แล้วล่ะคะค่ะเราไม่เหลือเลยนะอืเพราะ
00:43:55 → 00:43:58 ฉะนั้นก็สุขภาพกับอาหารเป็นสิ่งที่เกี่ยว
00:43:58 → 00:44:00 ข้องกันอเขาบอกนอนไม่หลับนอนไม่พอก็
00:44:00 → 00:44:03 เกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้เหมือนกันถูก
00:44:03 → 00:44:07 ต้องเลยนอนน้อยน้อยกว่า 6 ชมงเป็นระยะ
00:44:07 → 00:44:10 เวลานานก็เสี่ยงจุลินทรีย์ในลำไส้ตัวร้าย
00:44:10 → 00:44:13 เยอะขึ้นค่ะเสี่ยงมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น
00:44:13 → 00:44:17 47% ถ้านอนน้อยกว่า 6 ชมแต่นอนมากจนเกิน
00:44:17 → 00:44:22 ไปแทนที่จะดีค่ะถ้ามากกว่า 9 ชมนะคะค่ะ
00:44:22 → 00:44:24 เสี่ยงเช่นเดียวกันค่ะจุลินทรีย์ตัวร้าย
00:44:24 → 00:44:27 เยอะขึ้นแล้วมะเร็งในลำไส้มีความเสียง 1
00:44:27 → 00:44:31 จ 4 เท่าอ่ะคะคือนอนน้อยเกินไปก็ไม่ดีนอน
00:44:31 → 00:44:34 มากเกินไปก็ไม่ดีอ่ะอย่างเงี้ยในอุดมคติ
00:44:34 → 00:44:36 เลยอ่ะเราควรจะนอนวันละกี่ชั่วโมงก็อย่าง
00:44:36 → 00:44:38 ที่เขาพูดเลยคือเลข 8 เมาจากตรงนี้แหละ
00:44:38 → 00:44:40 ค่ะการที่เรานอนไม่หลับอ่ะคะมันก็เกี่ยว
00:44:40 → 00:44:42 กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นในลำไส้เรามั้ยคะ
00:44:42 → 00:44:45 คุณหมองเช่นเดียวกันเพราะสารสั่งหลับอยู่
00:44:45 → 00:44:48 ที่ซีโรโทนินข้างในลำไส้ค่ะเวลาเราปิดไฟ
00:44:48 → 00:44:52 ปึ๊บมืดนะคะเมลาโทนินจะออกมาเวลาทานเวลา
00:44:52 → 00:44:54 เจ็ทแลกอ่ะค่ะเมลาโทนินคือสารสั่งหลับ
00:44:54 → 00:44:56 เมลาโทนินปึ๊บเไปเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน
00:44:56 → 00:44:59 แล้วก็ก็ทำให้ง่วงได้ง่ายขึ้นอ่าเวลาที่
00:44:59 → 00:45:02 เรามีตัวร้ายเยอะๆสารสั่งหลับตัวเนี้ก็จะ
00:45:02 → 00:45:05 ไม่ออกมาเซโรโทนินสั่งน้อยลงทั้งเครียด
00:45:05 → 00:45:07 ทั้งนอนไม่หลับมากขึ้นเพราะฉะนั้นเกี่ยว
00:45:07 → 00:45:10 ข้องหมดเลยเขาบอกว่าคนที่มีปัญหาเรื่อง
00:45:10 → 00:45:14 การนอนนอนไม่ดีเนี่ยสามารถตาบอดได้เลยหรอ
00:45:14 → 00:45:18 คุณบอมันเอันเนี้ยจริงๆเราก็ question นะ
00:45:18 → 00:45:21 ทางทางศัพท์แพทย์ของเราเราก็เอ๊ะมันมี
00:45:21 → 00:45:24 ความส่งผลได้เพียงนั้นเลยหรืออืปรากฏว่า 1
00:45:24 → 00:45:28 พฤศจิกายนปี 2022 ที่ผ่านมาค่ะเมีการติด
00:45:28 → 00:45:32 ตามคนกว่า 400,000 คนที่นอนไม่ค่อยดีติด
00:45:32 → 00:45:34 ตามไปทั้งหมด 10 ปีอันนี้ British
00:45:34 → 00:45:36 journal นะคะประเทศอังกฤษคะปรากฏว่ามี
00:45:36 → 00:45:41 ความสัมพันธ์กับการเกิดความดันในลูกตาสูง
00:45:41 → 00:45:44 อืแล้วก็เกิดการ blindness หรือว่าตาบอด
00:45:44 → 00:45:50 เนี่ยบจริโอกา 13% ค่ะ 13% สำหรับคนที่
00:45:50 → 00:45:52 นอนไม่ค่อยดีคำว่านอนไม่ค่อยดีเนี่ยของ
00:45:52 → 00:45:55 เขาดูทั้ง 4 แบบดูในคนที่นอนน้อยกว่า 6
00:45:55 → 00:46:00 ชมงดูในคนที่นอนมากกว่า 9 ชมงคนที่นอน
00:46:00 → 00:46:04 แล้วแบบไม่มีคุณภาพมีนอนกรนอย่างเงี้ยค่ะ
00:46:04 → 00:46:07 อแล้วก็อีก 1 กลุ่มก็คือคนที่แบบหลับสนิท
00:46:07 → 00:46:09 ระหว่างคืนไม่ค่อยดีคือทั้ง 4 กลุ่มเนี้ย
00:46:10 → 00:46:13 ค่ะโอกาสในการที่นอนไม่ค่อยดีแบบนี้ไป
00:46:13 → 00:46:16 เรื่อยๆนะคะอันนี้เขาตามไป 10 ปีก็คือมี
00:46:16 → 00:46:19 เปอร์เซ็นต์ของการที่จะเป็นความดันลูกตา
00:46:19 → 00:46:23 สูงจนกระทั่งกระทบนะคะในเรื่องของเส้น
00:46:23 → 00:46:26 ประสาทแล้วทำให้เกิดความเสื่อมของตาแล้ว
00:46:26 → 00:46:29 ก็ได้เช่นเดียวกันคือเขาอธิบายว่าน่าจะ
00:46:29 → 00:46:32 เป็นเพราะว่าในช่วงที่เรานอนลงไปความดัน
00:46:32 → 00:46:35 ลูกตาเนี่ยจะสูงขึ้นอยู่แล้วประกอบกับใน
00:46:35 → 00:46:38 เรื่องของคนที่นอนกรนนะคะคนที่ออกซิเจน
00:46:38 → 00:46:41 Flow ที่เขาน้อยลงทำให้เลือดเนี่ยไป
00:46:41 → 00:46:43 เลี้ยงที่บริเวณออกซิเจน Flow ไปเลี้ยง
00:46:43 → 00:46:47 ที่เส้นประสาทที่ตาก็น้อยลงผสมกับบางคนมี
00:46:47 → 00:46:50 ความเครียดกลุ่มเหล่าเนี้ยก็ส่งผลนะคะให้
00:46:50 → 00:46:53 ความดันเเพิ่มขึ้นข้างในลูกตาก็อาจจะมีผล
00:46:54 → 00:46:57 กระทบได้อืไม่น่าเชื่อเหมือนกัน
00:46:57 → 00:47:00 กินอาหารดีแต่ว่าถ้าลำไส้เนี่ยไม่สามารถ
00:47:00 → 00:47:03 ดูดซึมได้ลำไส้ไม่ดีดูดซึมไม่ได้ก็ไลฟบอย
00:47:03 → 00:47:05 ถูกมั้คะคุณหมออยากให้คุณหมอเนี่ยช่วย
00:47:05 → 00:47:09 สรุปวิธีการดูแลลำไส้ให้สมดุลแล้วก็แข็ง
00:47:09 → 00:47:12 แรงง่ายๆคือถ้าเราต้องการวันละ 10,000
00:47:12 → 00:47:15 ล้านตัวเราก็ต้องเติมจากสิ่งที่เราทำได้
00:47:15 → 00:47:17 ในชีวิตประจำวันจะเน้นเสมอว่าไลฟ์สไตล์
00:47:17 → 00:47:20 คือการใช้ชีวิตสำคัญที่สุดนะคะในเรื่อง
00:47:20 → 00:47:22 ของความเครียดถ้าเครียดมากนักเรียนสอบ
00:47:22 → 00:47:24 Final ครั้งนึงนะคะจุลินทรีย์ตัวร้ายก็
00:47:24 → 00:47:27 เพิ่มขึ้นตัวดีก็ลดลงละนะคะนั้นจัดการใน
00:47:27 → 00:47:30 เรื่องของระบบความเครียดจุลินทรียดีจะ
00:47:30 → 00:47:32 เติมได้จากอาหารที่มีเยอะอย่างที่บอกไป
00:47:32 → 00:47:34 แล้วนะคะกิมจินัตโตะต่างๆอาหารที่ไม่ใช่
00:47:34 → 00:47:37 Western Diet นะคะอาหารที่ไม่ใช่ Fast
00:47:37 → 00:47:39 Food ไม่ใช่ process Food จุลินทรีย์
00:47:39 → 00:47:41 ตัวดีก็จะเพิ่มขึ้นออกกำลังกายเดินอย่าง
00:47:41 → 00:47:44 ต่ำวันละ 7499 9
00:47:44 → 00:47:48 คุณ 7499 9 หรือ 7,500 ก็ได้ค่ะคุณู้ชม
00:47:48 → 00:47:52 คุณจะได้แมซ ill จุลินทรีย์สำหรับการ burn
00:47:52 → 00:47:55 Fat ที่ดีนะคะการนอนเป็นยาวิเศษที่สำคัญ
00:47:55 → 00:47:57 ที่สุดที่จะหันกลับมาทำให้บาานจุลินทรีย์
00:47:58 → 00:48:00 ในลำไส้ของคุณดีขึ้นเพราะฉะนั้นก็เกี่ยว
00:48:00 → 00:48:04 ข้องกับไลฟ์สไตล์ทั้งหมดเลยค่ะค่ะฝากติด
00:48:04 → 00:48:06 ตาม on the way ิดชมด้วยนะคะแล้วก็อย่า
00:48:06 → 00:48:09 ลืมกดไลคกดแชร์กด Subscribe นะคะทั้งทาง
00:48:09 → 00:48:11 YouTube แล้วก็ Facebook นะคะแล้วก็อย่า
00:48:11 → 00:48:13 ลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะคะจะได้ไม่
00:48:13 → 00:48:17 พลาดสาระดีๆจากทางไ doot ค่ะขอไลกรัวๆเลย
00:48:17 → 00:48:20 นะคะ
00:48:20 → 00:48:23 [เพลง]