00:00:00 → 00:00:03 รู้หรือไม่กินยาแก้ปวดผิด
00:00:03 → 00:00:05 เสี่ยงร่างกายพัง
00:00:05 → 00:00:07 เม็ดเดียวก็ร่วงแล้ว
00:00:08 → 00:00:09 เปิดตู้ยา
00:00:09 → 00:00:13 [เสียงดนตรี]
00:00:14 → 00:00:17 ตอน 4 อันตรายจากการกินยาแก้ปวดผิด
00:00:20 → 00:00:25 เฮ่อ…พยาบาลฉีดวัคซีนวันนี้ มือเบามาก ไม่ค่อยเจ็บเลย
00:00:25 → 00:00:28 แต่ถึงบ้านต้องกินยาแก้ปวดสักหน่อยแล้ว
00:00:28 → 00:00:33 อ้าว ปวดแขนแล้วหรอ เพิ่งฉีดมาแป๊บเดียวเอง
00:00:33 → 00:00:36 ก็กินดักไว้ก่อนไง พรุ่งนี้จะได้ไม่ปวดมาก
00:00:36 → 00:00:38 อือฮื้อ
00:00:38 → 00:00:41 จริง ๆ แล้วนี่ หลาย ๆ คนไม่ค่อยรู้นะคะอาจารย์บอล
00:00:42 → 00:00:44 ว่ายาแก้ปวดนี่อันตราย
00:00:44 → 00:00:46 พอเราพูดถึงคำว่ายาแก้ปวดนี่ครับ
00:00:46 → 00:00:50 ผมมั่นใจเลยว่า พวกเราต้องนึกถึงพาราเซตามอลแน่นอน
00:00:50 → 00:00:54 แต่จริง ๆ แล้วครับ เวลาเราพูดถึงคำว่ายาแก้ปวด
00:00:54 → 00:00:57 ในทางการแพทย์เรานี่มีหลายชนิดมากเลยนะครับ
00:00:58 → 00:01:00 วันนี้ยาแก้ปวดที่เราพูดถึงกัน
00:01:00 → 00:01:04 จะมีชื่อที่เรียกว่าเป็นทางการหน่อยนะครับว่า
00:01:04 → 00:01:07 ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
00:01:07 → 00:01:12 หรือบางทีเราจะได้ยินกันในชื่อสั้น ๆ ว่ายากลุ่ม NSAIDs
00:01:13 → 00:01:17 ยากลุ่มนี้ค่ะ เราจะใช้ในการแก้ปวดที่มีการอักเสบร่วมด้วย
00:01:17 → 00:01:22 เพราะฉะนั้น หลายต่อหลายครั้ง เราอาจจะเรียกมันว่า ยาแก้อักเสบ
00:01:22 → 00:01:25 ซึ่งอันนี้เป็นยาที่แก้อักเสบจริง ๆ ค่ะ
00:01:25 → 00:01:30 กรณีนี้นะครับ เราหมายถึงยาที่รักษา อาการอักเสบที่อาจารย์แพร์พูดถึงครับ
00:01:30 → 00:01:34 คือการอักเสบของระบบกระดูก และกล้ามเนื้อนะครับ
00:01:34 → 00:01:35 เช่น ปวดข้อ
00:01:35 → 00:01:36 เช่น ปวดเข่า
00:01:37 → 00:01:38 เช่น ปวดหลัง
00:01:38 → 00:01:39 เช่น ปวดหัว
00:01:39 → 00:01:42 หรือแม้แต่ปวดท้องประจำเดือน
00:01:42 → 00:01:46 ใช่ค่ะ โดยที่ยานี้นะคะ สามารถซื้อได้ตามร้านยา
00:01:46 → 00:01:50 แต่ยังไงก็ตามค่ะ ยาตัวนี้ก็คือจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย
00:01:50 → 00:01:53 เพราะฉะนั้น ไม่สามารถซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อค่ะ
00:01:55 → 00:01:56 ทีนี้เรามาดูกันครับว่า
00:01:56 → 00:02:01 ถ้าเกิดว่ามีการใช้ยาลดอาการอักเสบ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
00:02:01 → 00:02:05 หรือยาแก้อักเสบที่วันนี้เราคุยกัน แบบไม่ถูกต้อง
00:02:05 → 00:02:08 จะทำให้เกิด 4 พัง
00:02:08 → 00:02:09 พัง
00:02:09 → 00:02:13 พังแรก กระเพาะอาหารพังค่ะ
00:02:13 → 00:02:15 กระเพาะอาหารพังยังไง
00:02:15 → 00:02:18 จริง ๆ แล้ว ยาที่ไปออกฤทธิ์ลดการอักเสบค่ะ
00:02:18 → 00:02:20 มันยังไปออกฤทธิ์อีกอย่างหนึ่งค่ะ
00:02:20 → 00:02:24 คือมันไปทำให้เยื่อเมือกเคลือบกระเพาะลดลง
00:02:24 → 00:02:27 เพราะฉะนั้น พอเวลาเยื่อเมือกเคลือบกระเพาะลดลง
00:02:27 → 00:02:32 มันก็เลยทำให้โอกาสของการที่จะเกิด โรคกระเพาะอาหารเกิดได้ง่ายขึ้นค่ะ
00:02:32 → 00:02:33 ซึ่งที่รุนแรงไปกว่านั้น
00:02:33 → 00:02:38 อาจจะนำไปสู่ในเรื่องของ ทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหารได้
00:02:38 → 00:02:40 - เลือดออกเลยหรือครับ - ใช่ค่ะ
00:02:40 → 00:02:40 โอ้โฮ
00:02:40 → 00:02:42 อาจารย์บอลเคยคุ้น ๆ ไหมคะ
00:02:42 → 00:02:46 เวลาที่จะได้กินยาต้านการอักเสบ หรือยาลดการอักเสบกลุ่มนี้
00:02:46 → 00:02:51 เภสัชกรมักจะเน้นย้ำค่ะว่า ให้กินพร้อมอาหารทันที
00:02:51 → 00:02:54 หรือกินอะไรก็ได้รองท้องนิดนึงค่ะ
00:02:54 → 00:02:57 เพื่อที่จะได้ลดผลข้างเคียงตรงส่วนนี้ค่ะ
00:02:57 → 00:02:59 แต่ถ้ากินติดต่อกันไปเรื่อย ๆ
00:02:59 → 00:03:03 แม้ว่าเราจะพยายามกินพร้อมอาหารแล้วก็ตามค่ะ
00:03:03 → 00:03:06 มันก็จะทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหารได้ค่ะ
00:03:06 → 00:03:08 เปรียบให้เห็นภาพง่าย ๆ นะคะ
00:03:08 → 00:03:10 บ้านเราก็เหมือนเป็นกระเพาะอาหารเนอะ
00:03:10 → 00:03:14 ปกติแล้วนี่ กระเพาะอาหาร จะมีลักษณะของเยื่อเมือกล้อมรอบ
00:03:14 → 00:03:17 แต่วันหนึ่งค่ะ ถ้าสมมุติว่าเยื่อเมือกมันหายไป
00:03:17 → 00:03:21 มันก็มีโอกาสที่ขโมยต่าง ๆ จะเข้าไปที่บ้านได้ง่ายขึ้น
00:03:21 → 00:03:25 ก็เหมือนกันค่ะ ในกรณีนี้พอเยื่อเมือกมันหายไป
00:03:25 → 00:03:30 มันก็เลยทำให้กรดต่าง ๆ มีโอกาสที่จะ เข้าไปในกระเพาะอาหาร
00:03:30 → 00:03:32 แล้วทำลายกระเพาะอาหารได้ง่ายขึ้น
00:03:32 → 00:03:35 สุดท้ายก็เลยจะทำให้เกิด เลือดออกในกระเพาะอาหารนั่นเองค่ะ
00:03:37 → 00:03:40 พังที่ 2 นี่ก็คือ ไตพังครับ
00:03:40 → 00:03:44 ยากลุ่มนี้นะครับ เมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วนี่
00:03:44 → 00:03:45 คิดง่าย ๆ นะครับ
00:03:45 → 00:03:47 เส้นเลือดแดงเรานี่ ก็เหมือนกับท่อน้ำนะครับ
00:03:47 → 00:03:50 เวลาที่รับประทานยากลุ่มนี้เข้าไป
00:03:50 → 00:03:54 ยานี่มีผลทำให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือดแดง
00:03:54 → 00:03:56 หรือพูดง่าย ๆ ท่อน้ำมันก็ตีบลง
00:03:56 → 00:03:59 เพราะฉะนั้น เลือดที่เข้าไปที่ไตก็น้อยลงครับ
00:03:59 → 00:04:01 พอไตมีเลือดน้อยลง
00:04:01 → 00:04:02 ทีนี้ไตก็อยู่ไม่ได้แล้ว
00:04:03 → 00:04:05 แล้วก็เลยเกิดการหดตัว
00:04:05 → 00:04:07 แล้วเกิดการถูกทำลายไป
00:04:07 → 00:04:11 ก็เลยทำให้การทำงานของไตนี่ ยิ่งแย่ลงอาจารย์แพร์
00:04:11 → 00:04:14 กลายเป็นว่าคนไข้ก็ขับน้ำทิ้งไม่ได้
00:04:15 → 00:04:17 ก็เลยเกิดตัวบวมขึ้น
00:04:17 → 00:04:19 ดีไม่ดี หัวใจวายได้เลยนะครับ
00:04:22 → 00:04:24 พังที่ 3 ตับพังค่ะ
00:04:24 → 00:04:26 จริง ๆ แล้วค่ะอาจารย์บอล
00:04:26 → 00:04:30 ยากลุ่มนี้มีหลายตัวมากเลยค่ะ ที่อยู่ในกลุ่มนี้
00:04:30 → 00:04:36 ซึ่งมีบางตัวค่ะ มีรายงานนะคะ เกิดขึ้นว่าถ้าเวลาที่รับประทานเข้าไป
00:04:36 → 00:04:38 อาจจะทำให้เกิดตับอักเสบได้
00:04:38 → 00:04:43 เราอาจจะต้องสังเกตนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่รับประทานยากลุ่มนี้ติดต่อกันค่ะ
00:04:43 → 00:04:47 ถ้าสมมุติว่ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน ที่มันมากกว่าปกตินะคะ
00:04:47 → 00:04:49 หรือมีตาเหลือง ตัวเหลืองค่ะ
00:04:49 → 00:04:54 ก็อาจจะต้องคิดว่า เอ๊ะ เป็นผลข้างเคียง ที่อาจจะเกิดจากยากลุ่มนี้ได้หรือเปล่าค่ะ
00:04:56 → 00:04:57 มาดูพังที่ 4 กันครับ
00:04:57 → 00:05:00 พังที่ 4 นี่รุนแรงมากเลยนะครับ
00:05:00 → 00:05:02 ก็คือหลอดเลือดแดงพังครับ
00:05:02 → 00:05:06 เพราะว่าเวลาเรารับประทานยาแก้อักเสบ กลุ่มนี้เข้าไปครับ
00:05:06 → 00:05:11 มันจะกระตุ้นให้เกิดการเกาะกลุ่ม ของเกล็ดเลือดในหลอดเลือด
00:05:11 → 00:05:14 แล้วทำให้หลอดเลือดมันตัน
00:05:14 → 00:05:15 นึกออกแล้วค่ะอาจารย์บอล
00:05:15 → 00:05:18 เราอาจจะคิดเป็นภาพง่าย ๆ นะคะ
00:05:18 → 00:05:20 เวลาพูดถึงในร่างกายของเราค่ะ
00:05:20 → 00:05:22 เราก็มีท่อน้ำเต็มไปหมดเลยค่ะ
00:05:22 → 00:05:25 แต่ปรากฏว่า ท่อน้ำเราสกปรกค่ะ
00:05:25 → 00:05:29 มันเหมือนกับว่า มันมีหินโน่นหินนี่ อยู่ในท่อน้ำเราเต็มไปหมดค่ะ
00:05:29 → 00:05:34 วันดีคืนร้าย หินนี้ค่ะ มันก็จะพุ่งไปทางไหนก็ไม่รู้ค่ะ
00:05:34 → 00:05:36 ถ้ามันพุ่งไปที่สมองค่ะ
00:05:36 → 00:05:38 ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดสมอง
00:05:38 → 00:05:40 ถ้ามันพุ่งไปที่หัวใจ
00:05:40 → 00:05:44 ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่หัวใจ
00:05:44 → 00:05:46 อันตรายมาก ๆ ค่ะ
00:05:46 → 00:05:50 จึงอาจจะเพิ่มความเสี่ยง ของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
00:05:50 → 00:05:53 หรือโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด
00:05:53 → 00:05:55 เกิดเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เลยนะครับ
00:05:57 → 00:06:00 ในกรณีที่เรากังวลค่ะ คือการใช้ยาแก้ปวดผิด
00:06:01 → 00:06:03 ผิดในที่นี้ เรากังวลอะไรบ้าง
00:06:03 → 00:06:06 ผิดแรกค่ะ คือผิดข้อบ่งใช้
00:06:06 → 00:06:08 ผิดข้อบ่งใช้ในที่นี้คือหมายความว่า
00:06:08 → 00:06:12 จริง ๆ แล้วอาจจะไม่จำเป็น จะต้องได้รับยาแก้ปวดกลุ่มนี้ค่ะอาจารย์บอล
00:06:12 → 00:06:17 ยกตัวอย่างเช่น บางทีนี่ เราอาจจะปวด แต่เราปวดไม่ได้เยอะมาก
00:06:17 → 00:06:19 กินพาราเซตามอลก็หาย
00:06:19 → 00:06:23 เราอาจจะไม่จำเป็นจะต้องขยับมาใช้ ยาแก้ปวดกลุ่มนี้ก็ได้ค่ะ
00:06:23 → 00:06:25 ผิดที่ 2 ค่ะ คือผิดขนาด
00:06:25 → 00:06:27 ผิดขนาดในที่นี้ก็คือว่า
00:06:27 → 00:06:28 ขึ้นอยู่กับข้อบ่งใช้
00:06:28 → 00:06:32 บางข้อบ่งใช้ อาจจะต้องใช้ขนาดยาเยอะ
00:06:32 → 00:06:34 บางข้อบ่งใช้ อาจจะใช้ขนาดยาน้อย
00:06:35 → 00:06:38 เพราะฉะนั้นแล้ว มันจะต้องขึ้นอยู่กับตั้งต้นด้วยค่ะว่า
00:06:38 → 00:06:40 เราใช้ยานี้เพื่ออะไร
00:06:40 → 00:06:43 และผิดสุดท้ายค่ะ คือผิดเวลา
00:06:43 → 00:06:50 ผิดเวลาหมายถึงว่า บางครั้งเราเคยใช้ ยาแก้ปวดนี้และได้ผล ยกตัวอย่างเช่น
00:06:50 → 00:06:53 เรารับประทานตอนปวดประจำเดือน
00:06:53 → 00:06:56 เราก็เข้าใจว่า เราจะต้องใช้ติดต่อกันไปเรื่อย ๆ
00:06:56 → 00:06:58 แต่มันไม่หายสักที
00:06:58 → 00:07:03 นั่นแหละค่ะ เราก็เลยอาจจะตามมาด้วย 4 พังค่ะ
00:07:04 → 00:07:10 ดังนั้นนะครับ การใช้ยาที่ถูกต้อง ในกลุ่มของยาแก้ปวดหรือยาลดการอักเสบนี้
00:07:10 → 00:07:13 เราต้องตรวจสอบให้แน่ชัดนะครับว่า
00:07:13 → 00:07:16 เรามีข้อบ่งใช้ที่ถูกต้องหรือเปล่า
00:07:16 → 00:07:19 เพราะอาการไม่พึงประสงค์ของยากลุ่มนี้
00:07:19 → 00:07:24 จริง ๆ แล้วเกิดได้ตั้งแต่เม็ดเดียว เม็ดแรกเลย
00:07:24 → 00:07:31 [เสียงดนตรี]
00:07:31 → 00:07:35 โดยสรุป ยาแก้ปวดหรือยาลดการอักเสบ ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์นี้
00:07:35 → 00:07:37 เราจัดเป็นยาอันตรายนะครับ
00:07:37 → 00:07:42 เวลาจะใช้ต้องได้รับจากแพทย์ หรือจากเภสัชกรเท่านั้นนะครับ
00:07:42 → 00:07:43 อย่าลืม
00:07:43 → 00:07:45 เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ยาแบบผิด ๆ
00:07:45 → 00:07:48 ก่อนเปิดตู้ยา
00:07:50 → 00:07:51 เปิดตู้ยา
00:07:52 → 00:07:54 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:07:54 → 00:07:55 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:07:55 → 00:07:57 ปัญญาของแผ่นดิน