00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้เท่าทัน
00:00:03 → 00:00:07 กับสิ่งเสพติดอย่างหนึ่งที่เรียกว่าleน
00:00:07 → 00:00:10 ตัวนี้นะครับเป็นที่ยอดนิยมในหมู่วัยรุ่น
00:00:10 → 00:00:12 แล้วก็นักเที่ยวจำนวนมากเลยนะครับและวัน
00:00:12 → 00:00:16 นี้ครับผมจะมาอธิบายให้ฟังว่ามันคืออะไร
00:00:16 → 00:00:19 กันแน่มันมาจากไหนทำไมมันกลายเป็นสิ่งที่
00:00:19 → 00:00:22 ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นและนักเที่ยวมันมี
00:00:22 → 00:00:25 อันตรายอย่างไรและเราที่เป็นผู้ใหญ่เนี่ย
00:00:25 → 00:00:27 จะต้องรู้เท่าทันเรื่องไหนบ้างเดี๋ยวจะ
00:00:27 → 00:00:29 เล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:29 → 00:00:31 แพทย์ธนีธนียวเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:31 → 00:00:33 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:33 → 00:00:37 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับผมเคยทำ
00:00:37 → 00:00:42 คลิปเรื่องยาโปรและยาให้ฟังไปรอบนึงแล้ว
00:00:42 → 00:00:46 นะครับวันนี้เนี่ยก็จะมาแนะนำแล้วให้เรา
00:00:46 → 00:00:48 รู้เท่าทันกับสิ่งเสพติดอีกอย่างหนึ่งที่
00:00:48 → 00:00:51 วัยรุ่นชอบใช้กันนะครับและเหมือนกับคลิป
00:00:51 → 00:00:55 ที่แล้วครับผมจะต้องบอกว่ายาลิ้นยาเนี้ย
00:00:55 → 00:00:59 มันเป็นยาที่มีความอันตรายนะครับและถ้า
00:00:59 → 00:01:02 ใครใช้อยู่นะฮะถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณ
00:01:02 → 00:01:04 ไม่เห็นเป็นอะไรเลยใช้มาตั้งนานแล้วร่าง
00:01:04 → 00:01:07 กายก็ปกติแข็งแรงดีนะครับต้องบอกอย่างงี้
00:01:07 → 00:01:10 ครับคุณไม่เคยไปตรวจร่างกายคุณจะรู้ได้
00:01:10 → 00:01:12 ยังไงว่ามันแข็งแรงใช่มั้ฮะหรือบางคนมี
00:01:12 → 00:01:15 ปัญหาร่างกายไปแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมรับนะ
00:01:15 → 00:01:17 ครับถ้าคุณอยากจะรู้ว่าคุณติดหรือเปล่า
00:01:17 → 00:01:20 คุณมีปัญหาร่างกายหรือยังคุณลองหยุดมันไป
00:01:20 → 00:01:21 สักอาทิตย์นึงสิครับแล้วดูซิว่าคุณจะมี
00:01:21 → 00:01:24 ปัญหามั้ยถ้าคุณหยุดไปแล้วคุณไม่มีปัญหา
00:01:24 → 00:01:27 อะไรเลยร่างกายสบายออกแรงได้นอนหลับดี
00:01:27 → 00:01:29 อารมณ์ปกติทำงานได้ทุกอย่างนะครับก็แปล
00:01:30 → 00:01:31 ว่าโอเคคุณไม่ได้ติดแต่ถ้าคุณไม่ได้เป็น
00:01:31 → 00:01:34 อย่างนั้นแล้วหยุดไปแป๊บเดียวโอโหรู้สึก
00:01:34 → 00:01:36 หงุดหงิดงุ่นง่าเลยทีเดียวนะครับนั่นก็
00:01:36 → 00:01:38 แปลว่าคุณติดยาเข้าแล้วล่ะครับแล้วมันก็
00:01:38 → 00:01:41 มีผลต่อร่างกายแล้วทีเดียวงั้นผมท้านะ
00:01:41 → 00:01:44 ครับถ้าคุณกล้าคุณแน่จริงคุณจุดมันให้ได้
00:01:44 → 00:01:45 นะ
00:01:45 → 00:01:48 ครับเรามาเริ่มเข้า
00:01:48 → 00:01:52 ถึงเรื่องที่มาที่ไปของยาีนดีกว่านะครับ
00:01:52 → 00:01:57 ีนเนี่ยนะฮะมันเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง
00:01:57 → 00:02:01 ที่คนคิดเนี่ยนะครับเค้าพยายามที่จะเอายา
00:02:01 → 00:02:04 ที่หาได้ง่ายๆที่มันถูกกฎหมายที่หมอสั่ง
00:02:04 → 00:02:08 ได้เนี่ยมาผสมกันเพื่อที่จะใช้เสพให้ได้
00:02:08 → 00:02:12 ความมึนเมาโดยที่เขาจะได้ไม่ต้องไปเอา
00:02:12 → 00:02:16 สิ่งเสพติดที่มันผิดกฎหมายมาใช้ครับและ
00:02:16 → 00:02:19 การที่เขาทำแบบเนี้ยมันได้ความคิดที่เข้า
00:02:19 → 00:02:22 ข้างตัวเอง 2 อย่างนะครับอย่างแรกมันไม่
00:02:22 → 00:02:25 ใช่ยาเสพติดนี่แล้วมันก็เป็นยาที่หมอสั่ง
00:02:25 → 00:02:27 จ่ายได้แปลว่ามันต้องเป็นยาที่ปลอดภัย
00:02:27 → 00:02:30 เปล่าครับคุณใช้ปริมาณมากมันไม่ปลอดภัย
00:02:30 → 00:02:33 ครับบางทีปริมาณที่ใช้เนี่ยสูงกว่าที่หมอ
00:02:33 → 00:02:36 สั่งจ่าย 10 20 บางที 30 เท่าเลยทีเดียว
00:02:36 → 00:02:39 นะครับก็จะเปิดอันตรายได้นะ
00:02:39 → 00:02:44 ครับและที่มากไปกว่านั้นนะครับก็จะคิดว่า
00:02:44 → 00:02:47 เออนอกเหนือจากมันไม่อันตรายแล้วเนี่ยนะ
00:02:47 → 00:02:51 ฮะมันยังเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายอย่าง
00:02:51 → 00:02:54 งั้นเราก็ไม่ต้องกังวลความอันตรายร้ายแรง
00:02:54 → 00:02:56 ของมันไม่ได้เท่ากับสิ่งเสพติดอย่างงั้น
00:02:56 → 00:02:59 ก็แปลว่าเราใช้ได้ซึ่งเป็นการหลอกตัวเอง
00:02:59 → 00:03:02 อย่างยิ่งเลยครับนะดังนั้นแล้วเนี่ยไม่
00:03:03 → 00:03:06 ควรใช้เป็นอย่างยิ่งีนนะครับที่มาของ
00:03:06 → 00:03:09 เขา้าเนี่ยมาจากอเมริกาครับมาจากกลุ่ม
00:03:09 → 00:03:13 แรปเปอร์กลุ่มคนดำแล้วก็นักกีฬานะครับโดย
00:03:13 → 00:03:16 เขาจะเอาส่วนผสมหลักๆในนั้นก็คือยาแก้ไอ
00:03:16 → 00:03:19 ตัวนึงชื่อว่าโคดีนนะครับหรือคนไทยเรา
00:03:19 → 00:03:22 เรียกว่าโคเดอีนนั่นเองเวลาไปเรียกภาษา
00:03:22 → 00:03:24 อังกฤษเนี่ยอ่าเราอาจจะไม่คุ้นเคยนะครับ
00:03:24 → 00:03:27 มันต้องเรียกว่าโคenไม่ใช่โคดอินนะครับ
00:03:27 → 00:03:29 แต่ว่าผมจะเรียกว่าเป็นโคเดอีนแล้วกัน
00:03:29 → 00:03:31 เพื่อให้คนที่มาฟังเนี่ยเข้าใจได้ง่าย
00:03:31 → 00:03:34 แล้วก็เข้าใจตรงกันนะครับตัวนึงในนั้นใน
00:03:34 → 00:03:37 ก็จะเป็นโคดอีนนะครับอีกตัวนึงคือโมทาซีน
00:03:37 → 00:03:41 ซึ่งจริงๆผมเคยพูดไปแล้วในตอนยาโปรกับ
00:03:41 → 00:03:43 trราamalนะครับถ้าใครจำไม่ได้ลองย้อนกลับ
00:03:43 → 00:03:46 ไปฟังดูแล้วเค้าก็จะเอา 2 ตัวเนี้ยผสมกับ
00:03:46 → 00:03:51 ตัวโซดานะครับน้ำอัดลมต่างๆหรืออาจจะมี
00:03:51 → 00:03:54 การใส่ลูกอมอะไรหวานๆเข้าไปในนั้นนะครับ
00:03:54 → 00:03:58 ได้เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติหอมหวาน
00:03:58 → 00:04:01 อร่อยดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกมึนเมามีความ
00:04:01 → 00:04:05 สุขนะครับรู้สึกผ่อนคลายก็เลยเป็นที่มา
00:04:05 → 00:04:09 ของการที่เค้าทำยาตัวนี้ขึ้นมานะครับดัง
00:04:09 → 00:04:13 นั้นแล้วเนี่ยรสชาติอร่อยสีที่ดึงดูดแถม
00:04:14 → 00:04:18 มันยังมีคนที่วัยรุ่นเนี่ยถือเป็นไอดอล
00:04:18 → 00:04:21 เป็นต้นแบบอย่างนักกีฬาแรปเปอร์ต่างๆ
00:04:21 → 00:04:23 เนี่ยนะครับเป็นคนที่เอาเรื่องนี้ออกมา
00:04:23 → 00:04:27 พูดออกมาโปรโมทบางกีเขียนไว้ในเพลงของตัว
00:04:27 → 00:04:29 เองเลยมันก็เลยยิ่งทำให้คนเนี่ยติดกัน
00:04:29 → 00:04:33 ง่ายเข้าไปใหญ่เลยนะครับอ่านี่คือนี่คือ
00:04:33 → 00:04:36 ปัญหาของมันทำไมคนมันถึงติดง่ายคำว่า
00:04:36 → 00:04:39 leanนเนี่ยเออมันมาจากไหนนะครับ L E A
00:04:39 → 00:04:42 NE เนี่ยนะครับมันไม่ได้แปลว่าร่างกาย
00:04:42 → 00:04:44 ของเราผอมมันไม่ใช่แบบนั้นนะครับไม่ได้
00:04:44 → 00:04:49 ใช้แล้วผอมนะแต่ีนในที่เนี้ยมันแปลว่าตัว
00:04:49 → 00:04:52 ของเราเนี่ยมันเอนเอนพิงไปด้านใดด้าน
00:04:52 → 00:04:54 หนึ่งนะครับ
00:04:54 → 00:04:58 คือเวลาที่เรากินยาพวกนี้เข้าไปจนถึงขนาด
00:04:58 → 00:05:00 หนึ่งแล้วเนี่ยมันจะกดการทำงานของสมองเรา
00:05:00 → 00:05:03 ทำให้เราเนี่ยสะลึมสะลือนะครับแล้วก็
00:05:03 → 00:05:06 โงนเงี้ไปด้านใดด้านหนึ่งนะครับถ้าใครจำ
00:05:06 → 00:05:09 คลิปเรื่องของ fentanil ที่ผมเคยทำไปได้
00:05:09 → 00:05:12 เนี่ยนะครับและเนanilเนี่ยมันทำให้คนกลาย
00:05:12 → 00:05:15 ไปเป็นซอมบี้ได้เหตุผลเดียวกันเลยครับ
00:05:15 → 00:05:17 นั่นแหละมันทำให้เราอยู่ในภาวะครึ่งหลับ
00:05:17 → 00:05:20 เครื่องตื่นตัวเราก็จะเอนไปด้านใดด้าน
00:05:20 → 00:05:23 หนึ่งแบบนั้นนะฮะนี่คือที่มาของคำว่า
00:05:23 → 00:05:27 leanนแต่มันก็มีคำศัพท์คำอื่นที่เขาใช้
00:05:27 → 00:05:30 เรียกยาตัวนี้เช่น Purple Drank นะครับ
00:05:30 → 00:05:33 เพราะว่าตัวน้ำที่ผสมออกมามันเป็นสีม่วง
00:05:33 → 00:05:35 นะครับเออมันเป็นสีม่วงไอ้ตัวดังเดิมแหละ
00:05:36 → 00:05:37 แต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็อาจจะมีการผสมให้มัน
00:05:37 → 00:05:39 เป็นสีอื่นก็ได้นะครับแต่ Purple Drank
00:05:39 → 00:05:43 เนี่ยคือชื่อของตัว Le นั่นเองบางคนจะได้
00:05:43 → 00:05:46 ยินที่อเมริกามีชื่อว่า Scisserb นะครับ
00:05:46 → 00:05:48 Sciss ตัวนี้ก็จะเป็นอีกตัวนึงที่เป็น
00:05:48 → 00:05:52 ชื่อของมันแล้วก็มีเอิ่ม Purple Tonic
00:05:52 → 00:05:54 หรืออะไรพวกเนะครับคืออะไรที่มันสีม่วงๆ
00:05:54 → 00:05:56 เนี่ยก็จะเป็นเรื่องนี้เหมือนกันนะฮะใน
00:05:56 → 00:05:58 หมู่วัยรุ่นไทยบางคนก็จะเรียกว่าleนบางคน
00:05:58 → 00:06:01 ก็อาจจะเรียกว่าม่วงนะครับหรือดื่มม่วงนะ
00:06:02 → 00:06:03 เอาจจะเป็นตัวนี้ก็ได้นะ
00:06:03 → 00:06:07 ครับปัญหาของมันอยู่ที่ไหนขอเริ่มเป็นตัว
00:06:07 → 00:06:11 ๆก่อนนะครับคือต้องบอกอย่างี้ว่าีนเนี่ย
00:06:12 → 00:06:14 หลักๆตัวที่อันตรายของมันนะครับข้อแรกขอ
00:06:14 → 00:06:16 เริ่มที่โคดีนก่อนที่อยู่ในนั้นโคเดอีน
00:06:16 → 00:06:19 ตัวเนี้ยโคเดอีนเนี่ยมันเป็นอนุพันธ์ของ
00:06:19 → 00:06:22 ฝิ่นชนิดหนึ่งเวลามันเข้าไปในร่างกายของ
00:06:22 → 00:06:25 เราแล้วเนี่ยนะครับมันจะทอกมันจะเจอพวก
00:06:25 → 00:06:28 เอนไซม์ในตับเนี่ยเปลี่ยนให้มันกลายไป
00:06:28 → 00:06:31 เป็นมอร์ฟีนเออโคดินเนี่ยถูกเปลี่ยนไป
00:06:31 → 00:06:35 เป็นมอร์ฟีนครับแล้วมรฟีนตัวเนี้ยมันมี
00:06:36 → 00:06:39 ฤทธิ์ในการกดประสาททำให้เราง่วงเหงาหาว
00:06:39 → 00:06:44 นอนนะครับกดสูญหายใจกดการทำงานของหัวใจนะ
00:06:44 → 00:06:47 ครับและมันไปทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บรู้สึก
00:06:47 → 00:06:50 ปวดใดอย่างใดนะครับก็เลยทำให้เรารู้สึก
00:06:50 → 00:06:54 มึนเมาง่วงนอนผ่อนคลายไม่รู้สึกเจ็บรู้
00:06:54 → 00:06:57 สึกปวดแล้วถ้าเกิดกินเยอะเกินไปหัวใจหยุด
00:06:57 → 00:07:01 เต้นหายใจไม่ได้เสียชีวิตนะครับนี่คือตัว
00:07:01 → 00:07:05 โคดีนและซ้ำร้ายไปกว่านั้นครับเอนไซม์ที่
00:07:05 → 00:07:08 ตับที่เมื่อกี้ผมพูดเนี่ยมันคือตัวที่
00:07:08 → 00:07:11 ชื่อว่าไซโตโครมนะครับเออมันจะมีบางคนที่
00:07:11 → 00:07:15 มีความผิดปกติที่ทำให้เอนไซม์ตัวเนี้ยมัน
00:07:15 → 00:07:18 ทำหน้าที่ดีเกินไปมันก็เลยสามารถเปลี่ยน
00:07:18 → 00:07:21 โคดอีนเนี่ยกลายไปเป็นมอร์ฟินได้เร็วมากๆ
00:07:21 → 00:07:25 เลยนะครับถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ดื่มเข้าไป
00:07:25 → 00:07:27 แม้เพียงนิดเดียวนะครับก็จะได้ผลของ
00:07:27 → 00:07:31 โคเดอินแบบรุนแรงมากๆก็จะเกิดอาการกด
00:07:31 → 00:07:33 ประสาทอย่างรุนแรงและอาจจะถึงขั้นเสีย
00:07:33 → 00:07:37 ชีวิตเลยก็ได้นะครับไม่เพียงแค่นั้นครับ
00:07:37 → 00:07:39 ในช่วงที่เรามึนเมาโดนกรดประสาทอยู่เนี่ย
00:07:39 → 00:07:43 บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนแล้วเป็นยัง
00:07:43 → 00:07:44 ไง
00:07:44 → 00:07:47 ครับอาเจียนมันขึ้นมาตรงนี้แล้วมันลงไปใน
00:07:47 → 00:07:50 ปอดครับปอดอักเสบได้นะฮะอันนี้คือสิ่งที่
00:07:50 → 00:07:52 เราเจอโดยเฉพาะบางคนมึนมันเมาๆแล้วไม่รู้
00:07:52 → 00:07:55 ตัวนะครับก็กลายเป็นแบบนั้นได้นะครับนี่
00:07:55 → 00:07:56 คือตัว
00:07:56 → 00:07:59 โคดีอีนอีกตัวนึงซึ่งอยู่ในนั้นคือ
00:07:59 → 00:08:01 โมเมตาซีนโมเมตาซีนเนี่ยมันเป็นยากลุ่ม
00:08:01 → 00:08:04 แอนตี้ฮิสตามีนคือโดยทั่วไปเป็นยาแก้แพ้
00:08:04 → 00:08:07 เอาไว้ลดอาการอาเจียนนะครับแต่ถ้าเกิดว่า
00:08:08 → 00:08:11 กินในขนาดสูงเนี่ยนะฮะมันจะมีผลอย่างอื่น
00:08:11 → 00:08:13 ตามมาด้วยข้อแรกคือยาพวกเนี้ยกินแล้วมัน
00:08:13 → 00:08:16 ง่วงนอนมันมึนเมานะครับแต่ถ้าขนาดสูงมัน
00:08:16 → 00:08:21 จะมีผลที่เรียกว่าanิcolคinจicนะครับพวก
00:08:21 → 00:08:23 นี้เนี่ยจะจะทำให้เราปากแห้งคอแห้ง
00:08:23 → 00:08:26 ปัสสาวะไม่ออกนะครับเออบางคนถ้าคนไหน
00:08:27 → 00:08:29 เสี่ยงเป็นต้อหินตาก็จะกลายไปเป็นต้อหิน
00:08:29 → 00:08:31 เลยนะครับปวดตาแล้วก็อาจจะตาบอดได้ถ้า
00:08:31 → 00:08:35 รักษาไม่ทันนะครับมันยังทำให้ตัวของเรา
00:08:35 → 00:08:37 เนี่ยมีอุณหภูมิสูงขึ้นตัวร้อนขึ้นแล้ว
00:08:37 → 00:08:40 บางคนชักได้นะครับโดยเฉพาะถ้ากินเข้าไป
00:08:40 → 00:08:43 ขนาดสูงนะนี่คือตัวปัญหาของ
00:08:43 → 00:08:47 โปรตาซีนนะครับเอา 2 อย่างนี้มาผสมกัน
00:08:47 → 00:08:50 แล้วเกิดอะไรขึ้นผลที่มันเสริมฤทธิ์กัน
00:08:50 → 00:08:52 คือผลด้านการกดประสาทครับกฎการหายใจแล้ว
00:08:52 → 00:08:56 บางคนชักได้ต่างหากนะปัสสาวะไม่ออกอีกนะ
00:08:56 → 00:08:59 มีอีกหลายอย่างเลยที่มันมากับพวกนี้ซึ่ง
00:08:59 → 00:09:02 อันเนี้ยถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากแล้ว
00:09:02 → 00:09:06 ไม่เพียงแค่นั้นครับมันยังผสมของที่มันมี
00:09:06 → 00:09:08 รสหวานเข้าไปในนั้นทำให้วัยรุ่นเนี่ยชอบ
00:09:08 → 00:09:10 ที่จะดื่มเพราะมันอร่อยนะครับบางคนผสม
00:09:11 → 00:09:14 แอลกอฮอล์ก็ยิ่งกดประสาทเข้าไปใหญ่การผสม
00:09:14 → 00:09:16 ของที่มันหวานเข้าไปในนั้นเนี่ยนะฮะจะมี
00:09:16 → 00:09:20 บางคนมีฟันผุได้ง่ายมากเลยคนที่ใช้ีน
00:09:20 → 00:09:23 เนี่ยนะครับฟันผุง่ายมากเหตุผลมีหลาย
00:09:23 → 00:09:25 อย่างอย่างแรกนะครับคือคนที่ใช้ยาเสพติด
00:09:25 → 00:09:28 พวกเนี้จะไม่ค่อยดูแลตัวเองแล้วครับนะจะ
00:09:28 → 00:09:31 ไม่ค่อยดูแลตัวเองฟันก็ไม่แปลงน้ำก็ไม่
00:09:31 → 00:09:34 อาบนะครับไม่เพียงแค่นั้นของที่มันหวานๆ
00:09:34 → 00:09:37 ที่มันอยู่ในลีนเนี่ยนะครับมันก็ทำให้ฟัน
00:09:37 → 00:09:40 ของเราเนี่ยผุได้ง่ายและโพเมตาซินเมื่อ
00:09:40 → 00:09:44 ตะกี้นี้มันทำให้ปากแห้งครับปากแห้งไม่มี
00:09:44 → 00:09:47 น้ำลายพอไม่มีน้ำลายปุ๊บเนี่ยฟันมันจะผุ
00:09:47 → 00:09:50 ง่ายเพราะว่าโดยทั่วไปในน้ำลายเนี่ยมันจะ
00:09:50 → 00:09:53 มีสารที่เอาไว้ต้านแบคทีเรียแล้วก็มี
00:09:53 → 00:09:55 เกลือแร่ต่างๆมีพวกอ่ามีแคลเซียมมีอะไร
00:09:55 → 00:09:57 อยู่ในนั้นที่ทำให้ฟันเนี่ยมันก็ไม่ค่อย
00:09:57 → 00:10:00 ผุแต่ถ้าเกิดว่าไม่มีน้ำลายแล้วล่ะก็มัน
00:10:00 → 00:10:03 ก็จะทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้นดังนั้นจริงๆ
00:10:03 → 00:10:06 เนี่ยนะครับคนไหนที่กินแอนตี้ฮีสตามีนไม่
00:10:06 → 00:10:09 ว่าตัวไหนก็แล้วแต่โดยเฉพาะแอนฮิสตามีน
00:10:09 → 00:10:12 generation 1 เช่นคลอเฟenนนะครับหรือ
00:10:12 → 00:10:15 โปรเฟนซิเอ่อตัวยาโปรตัวนี้นะครับ
00:10:15 → 00:10:18 โปรมตาซีนตัวเนี้ยถ้ามันมีปากแห้งบ่อยๆ
00:10:18 → 00:10:20 บางคนก็จะมีอาการฟันผุได้ง่ายอันนี้ก็
00:10:20 → 00:10:22 ต้องไปดูด้วยนะครับว่าเรากินยาพวกนั้น
00:10:22 → 00:10:24 อยู่หรือเปล่านะครับอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำ
00:10:24 → 00:10:27 ให้เราฟันผูกก็ได้นะครับว่าบางคนบอกโอ๊
00:10:27 → 00:10:29 แปลงฟันดีแล้วทำไมมันผูกจังอาจจะต้องไปดู
00:10:29 → 00:10:32 ตรงนี้หน่อยว่ายาที่เรากินมันไปทำให้เรา
00:10:32 → 00:10:36 ไม่มีน้ำลายหรือเปล่านะครับดังนั้นที่เรา
00:10:36 → 00:10:40 เจอก็คือ 1 มีการกดประสาทนะฮะกดการหายใจ
00:10:40 → 00:10:46 กดหัวใจจากตัวโคดีนนะครับคนที่มีกิน
00:10:46 → 00:10:48 โปรไมตาซินเข้าไปสูงๆมีอุณหภูมิในร่างกาย
00:10:48 → 00:10:52 สูงขึ้นมีอาการชักได้กดประสาทได้ฟันก็
00:10:52 → 00:10:55 เสียฟันผุได้ง่ายๆนะครับและพวกเนี้ยใช้ไป
00:10:55 → 00:10:57 นานๆแน่นอนครับติดเพราะว่าอย่าลืมโคดีน
00:10:57 → 00:11:00 คือมันแปลงร่างไปเป็นมอร์ฟินในร่างกาย
00:11:00 → 00:11:03 ซึ่งพวกเนี้ยจะทำให้เราติดได้ง่ายมากๆเลย
00:11:03 → 00:11:06 นะครับแล้วพอติดระยะยาวปุ๊บมันก็จะส่งผล
00:11:06 → 00:11:10 เลยนะครับระบบประสาทของเราเนี่ยนะฮะถ้า
00:11:10 → 00:11:13 เจออนุพันธ์ของฝิ่นโคดีนมอร์ฟินพวกนี้
00:11:13 → 00:11:16 เข้าไปเรื่อยๆนะครับมันจะทำให้สมองของเรา
00:11:16 → 00:11:19 เสียถาวรความคิดก็จะช้านะนะครับสมาธิก็
00:11:19 → 00:11:21 ไม่มีถึงแม้เราจะเลิกไปแล้วเราก็ยังไม่
00:11:21 → 00:11:24 คอยปกตินะครับบางทีเราจะเป็นคนที่มี
00:11:25 → 00:11:27 อารมณ์ซึมเศร้ามีอารมณ์วิตกกังวลพวกนี้
00:11:27 → 00:11:29 ได้ง่ายๆนะครับนอกเหนือจากนี้พวก
00:11:29 → 00:11:33 โปรเมตาซีนน่ะกินเยอะๆเกิดอาการหลอนนะ
00:11:33 → 00:11:36 หลอนได้เลยเห็นผีเห็นอะไรขึ้นมาอย่าง
00:11:36 → 00:11:38 เงี้ยนะครับหรือบางทีได้กลิ่นที่ไม่ควรจะ
00:11:38 → 00:11:40 ได้กลิ่นมีความรู้สึกตามตัวที่มันไม่ควร
00:11:40 → 00:11:43 จะมีความรู้สึกมีหูแว่วมีภาพอะไรอย่าง
00:11:43 → 00:11:46 เงี้ยนะฮะคือมันรวมๆแล้วมันทำให้เรากลาย
00:11:46 → 00:11:50 เป็นคนที่มีปัญหาขึ้นมาหลายอย่างเลยทั้ง
00:11:50 → 00:11:53 ด้านร่างกายและจิตใจนะ
00:11:53 → 00:11:57 ครับโคดีนตัวนี้เนี่ยนะที่อยู่ในตัวยาลีน
00:11:57 → 00:12:01 เนี่ยคุณกินเข้าไปเรื่อยๆไม่ใช่แค่สมอง
00:12:01 → 00:12:05 ที่มีปัญหานะครับระบบสืบพันธุ์ก็มีปัญหา
00:12:05 → 00:12:08 เออระบบสืบพันธุ์ก็มีปัญหาคุณอาจ
00:12:08 → 00:12:12 จะไม่มีอารมณ์ทางเพศหรือบางคนมีแต่ว่านก
00:12:12 → 00:12:16 เข่ามันไม่ขันแล้วหรืออาจจะมีลูกยากไม่
00:12:16 → 00:12:18 ได้แปลว่าทุกคนจะต้องเป็นนะครับแต่ว่าถ้า
00:12:18 → 00:12:21 ใช้มาเป็นระยะเวลานานๆเนี่ยก็จะมีแบบนี้
00:12:22 → 00:12:25 การนอนหลับก็จะผิดปกติไปหมดเลยนะครับคือ
00:12:25 → 00:12:27 พวกเนี้ยจะมีวิจะมีการหยุดหายใจในขณะหลับ
00:12:27 → 00:12:30 แบบพิเศษที่เราเรียกว่า Central apne นะ
00:12:30 → 00:12:32 ครับคือสมองมันไม่สั่งให้หายใจอ่ะเพราะ
00:12:32 → 00:12:35 ว่ายาพวกนี้มันไปกดเอาไว้นะครับคุณอาจจะ
00:12:35 → 00:12:38 เสียชีวิตเพราะเหตุนั้นเลยก็ได้นะครับนะ
00:12:38 → 00:12:40 ดังนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากๆของ
00:12:40 → 00:12:44 ยาีนนะฮะยังไม่จบแค่นั้นครับเดี๋ยวนี้
00:12:44 → 00:12:47 เนี่ยโคดีนเนี่ยมันเป็นยาในกลุ่มที่หมอ
00:12:47 → 00:12:51 ต้องเป็นคนสั่งดังนั้นแล้วเนี่ยหาลำบาก
00:12:51 → 00:12:55 ขึ้นมันก็เลยจะมีวัยรุ่นที่เขาหัวใสไปหา
00:12:55 → 00:12:58 วิธีอื่นนะครับก็คือใช้ยาแก้ไออีกตัวนึง
00:12:58 → 00:13:00 ชื่อว่า Dextrometr Fan ตัวเนี้ยหาซื้อ
00:13:00 → 00:13:03 ได้ทั่วไปเลยฮะแต่เค้าก็จะไปซื้อมาไม่ได้
00:13:03 → 00:13:06 เพื่อแก้ไอครับเพื่อเอามาเมานะครับต้อง
00:13:06 → 00:13:09 บอกว่ายาตัวเนี้ยจริงๆมันปลอดภัยถ้าเรา
00:13:09 → 00:13:13 ใช้ในขนาดที่ใช้ในการแก้ไอธรรมดาแต่วัย
00:13:13 → 00:13:15 รุ่นพวกนี้ครับมันก็จะเอายาdextrometแฟน
00:13:15 → 00:13:18 เนี่ยมาใส่เข้าไปอย่างเยอะเลยนะครับ 10
00:13:18 → 00:13:22 เท่าบ้าง 30 เท่าบ้างของที่เราใช้ปกติใน
00:13:22 → 00:13:24 ทางการแพทย์พอเอาใส่เข้าไปเยอะๆอย่าง
00:13:24 → 00:13:27 เงี้ยแล้วอีกตัวนึงโปรตาซีนสมมุติหาไม่
00:13:27 → 00:13:29 ได้ปุ๊บเค้าก็ไปเอายาแอนตี้ฮิสตามินตัว
00:13:29 → 00:13:32 อื่นเหมือนๆกันเช่นยาคลอเฟนามีน CPM ที่
00:13:32 → 00:13:35 เราหาได้นะครับหรือดรามามีนอะไรอย่าง
00:13:35 → 00:13:38 เงี้ยเอา 2 ตัวเนี้ยมารวมกันเป็นวิธี
00:13:38 → 00:13:41 creครateแบบใหม่นะฮะเอามันมารวมกันแล้ว
00:13:41 → 00:13:44 เกิดอะไรขึ้นนะครับกลุ่มแอนตี้ฮิสตามีนก็
00:13:44 → 00:13:46 คล้ายกับกลุ่มโปรตาซินเมื่อตะกี้ที่พูดไป
00:13:46 → 00:13:49 นะครับคือมันจะทำให้มีอาการง่วงเหงาเหา
00:13:49 → 00:13:52 นอนนะครับแล้วก็บางคนเนี่ยมันจะไม่ง่วงนะ
00:13:52 → 00:13:55 มันจะได้ผลตรงกันข้ามคือมันจะตื่นมันจะมี
00:13:55 → 00:13:57 การกระตุ้นประสาทนะครับแล้วก็อาจจะมี
00:13:57 → 00:14:01 อาการหลอนบางคนเยอะไปก็มีอาการชักนะครับ
00:14:01 → 00:14:04 เออได้แต่ตัวDexrometrแฟนตัวนี้เป็นตัว
00:14:04 → 00:14:07 พิเศษนะครับเพราะตัวมันเองเนี่ยมันมีความ
00:14:07 → 00:14:10 คล้ายกับพวกฝิ่นพวกมอรฟินอยู่บ้างนะครับ
00:14:10 → 00:14:12 แต่ว่าฤทธิ์ของมันเนี่ยจะไม่เหมือนกันเลย
00:14:12 → 00:14:15 นะครับโดยทั่วไปถ้ากินในขนาดปกติยาแก้ไอ
00:14:15 → 00:14:18 ไอธรรมดาเนี่ยไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ถ้าเรา
00:14:18 → 00:14:21 กินเข้าไปขนาดเยอะๆแล้วเนี่ยมันจะเริ่มมี
00:14:21 → 00:14:24 ผลคล้ายๆกับฝิ่นแล้วนะครับก็คือคุณอาจจะ
00:14:24 → 00:14:28 มีอาการรู้สึกเออผ่อนคลายง่วงเหงาหาวนอน
00:14:28 → 00:14:32 นะครับแล้วก็กดการหายใจได้แต่ว่า
00:14:32 → 00:14:34 Dexrometrแฟนน่ะมันไม่ได้แค่นั้นมันมี
00:14:34 → 00:14:39 อย่างอื่นอีกนั่นก็คือตัวมันนะครับสามารถ
00:14:39 → 00:14:43 ทำให้ซีโรโทนินในสมองเนี่ยสูงขึ้นได้และ
00:14:43 → 00:14:46 ซีโรโทนินในสมองถ้าสูงขึ้นมากๆนะก็มันจะ
00:14:46 → 00:14:49 เกิดภาวะหนึ่งเรียกว่าซีโรทonin syndrome
00:14:49 → 00:14:52 แล้วภาวะนี้นะครับเสียชีวิตได้โดยคนที่
00:14:52 → 00:14:54 เกิดซีโรทonนิน syndrome เนี่ยหลังจาก
00:14:54 → 00:14:57 ดื่มีนที่มันผสมด้วยไอ้Dexกalฟนเข้าไป
00:14:57 → 00:15:00 เยอะๆเนี่ยนะครับมันจะมีอาการตัวร้อนทั้ง
00:15:00 → 00:15:03 ตัวเลยนะครับตัวแดงร้อนนะครับกล้ามเนื้อ
00:15:03 → 00:15:06 แข็งเกร็งนะครับแข็งเกร็งมากๆจนกระทั่ง
00:15:06 → 00:15:08 เกิดกล้ามเนื้อสลายแล้วบางคนไตวายเพราะ
00:15:08 → 00:15:10 ไอ้เรื่องนี้เลยนะครับแล้วก็รีฟleกหรือ
00:15:10 → 00:15:13 ปฏิกิริยาตอบสนองเวลาที่เราไปเคาะตามเส้น
00:15:13 → 00:15:15 เอ็นเนี่ยเคาะปุ๊บมันจะเด้งอย่างทันทีนะ
00:15:15 → 00:15:17 ครับโดยทั่วไปเราเคาะห์แล้วเออมันอาจจะ
00:15:17 → 00:15:19 ไม่ค่อยเด้งอาจจะนิดๆหน่อยๆแต่ถ้าคนพวก
00:15:19 → 00:15:21 นี้เคาะปุ๊บเด้งทันทีนะครับแล้วก็มีอีก
00:15:21 → 00:15:24 อย่างนึงซึ่งผมเคยพูดไปแล้วนั่นก็คือโนัส
00:15:24 → 00:15:27 นะครับเช่นถ้าเราเอามือจับตรงเนี้ยแล้ว
00:15:27 → 00:15:29 กระตุกมาแรงๆทีนึงอ่ะมือเขาจะกลายเป็น
00:15:29 → 00:15:32 อย่างนี้เลยนะฮะที่เท้าก็จะเป็นแบบนี้นะ
00:15:32 → 00:15:35 ครับพวกเนี้ยคืออาการแสดงของซิโรทonนิน
00:15:35 → 00:15:38 syนrมแล้วถ้าเรากินีนแบบที่เอา
00:15:38 → 00:15:40 deกxtromfanนผสมเข้าไปในนั้นเนี่ยเออมัน
00:15:40 → 00:15:44 ก็จะเกิดเรื่องนะครับที่อเมริกาเนี่ย
00:15:44 → 00:15:46 Dexomet ตัวแฟนมันจะมีชื่อการค้าตัว
00:15:46 → 00:15:49 หนึ่งชื่อว่า Robitusin นะครับพวกวัยรุ่น
00:15:49 → 00:15:52 ที่เขา้าไปใช้ยาพวกเนี้ยบางทีเขาจะใช้
00:15:52 → 00:15:56 ชื่อโคด name หรือใช้ชื่อแลงแปลกๆอย่าง
00:15:56 → 00:15:59 ถ้าเอาไปใช้Robitัซินเนี่ยเขาก็จะเรียก
00:15:59 → 00:16:03 ว่า Robo Trip นะครับ Robotp มาจากคำว่า
00:16:03 → 00:16:07 Robitusin นะฮะหรือถ้าเรียก dextromet
00:16:07 → 00:16:10 ก็จะบอกว่าเนี่ยเดี๋ยวเราไปDexซingนะ
00:16:10 → 00:16:12 Dexing นี่ก็คือการกินไอ้ Dexomfan เข้า
00:16:12 → 00:16:14 ไปจนเมานี่แหละแล้วเขาก็จะไปผสมกับ
00:16:14 → 00:16:17 แอนิฮิสตามินตัวอื่นๆที่หาได้นะครับผสม
00:16:17 → 00:16:21 ผสมกันของพวกเนี้ยก็กินแล้วมึนเมานะดัง
00:16:21 → 00:16:24 นั้นแล้วเนี่ยทั้งหมดนี้มันอันตรายนะครับ
00:16:24 → 00:16:27 แล้วleนไม่ได้มีสูตรตายตัวบางคนเอาทุก
00:16:27 → 00:16:29 อย่างที่ผมพูดมาทั้งหมดเนี่ยผสมกันหมดเลย
00:16:29 → 00:16:32 เช่นเอาโคดีนใส่เข้าไปนะครับเอา
00:16:32 → 00:16:35 Dexrometแฟanใส่เข้าไปเอาโปรตาซีนใส่เป็น
00:16:35 → 00:16:37 อันนั้นบางคนหยอดมาอไปด้วยเอาให้หมดเลยนะ
00:16:38 → 00:16:41 ครับกินคู่กับอะไรน้ำหวานโซดาหวานๆหรือ
00:16:41 → 00:16:45 บางคนเอาเหล้าเข้าไปกินมียาอย่างอื่นอีก
00:16:45 → 00:16:48 คือแบบนั้นมันก็จะได้ผลเสียของยาทุกตัวมา
00:16:48 → 00:16:50 รวมกันนั่นแหละครับแล้วถ้าเกิดคนไหนโชค
00:16:50 → 00:16:54 ร้ายก็เสียชีวิตทันทีคนไหนที่โชคร้ายรอง
00:16:54 → 00:16:58 ลงมาก็อาจจะมีผลข้างเคียงระยะยาวที่มัน
00:16:58 → 00:16:59 แก้ไม่ได้นะ
00:16:59 → 00:17:03 ครับพอเรารู้อย่างนี้แล้วเนี่ยมันจะมี
00:17:03 → 00:17:06 วิธีอะไรที่เราสังเกตได้ไหมว่าลูกหลานของ
00:17:06 → 00:17:09 เราเค้ากำลังติดยาอะไรซะอย่างอยู่ตรง
00:17:09 → 00:17:12 เนี้ยเป็นสิ่งสำคัญและนะครับข้อแรกนะ
00:17:12 → 00:17:15 พฤติกรรมกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่
00:17:15 → 00:17:17 ว่าอะไรก็แล้วแต่ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะ
00:17:17 → 00:17:19 มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือเหตุผล
00:17:19 → 00:17:23 อื่นก็ได้นะครับเช่นอยู่ๆเค้าเก็บตัวเค้า
00:17:23 → 00:17:25 ไม่คบกับเพื่อนกลุ่มเดิมเเปลี่ยนไปคบ
00:17:25 → 00:17:30 เพื่อนอีกกลุ่มนึงนะครับหรือเค้าอาจจะมี
00:17:30 → 00:17:34 สลงแปลกๆที่เขาใช้นะอย่างเมื่อกี้เอ่อไป
00:17:34 → 00:17:39 ยาโปรนะไปติดโปรนะฮะอย่างเงี้ยถูกมั้ฮะ
00:17:39 → 00:17:42 หรือว่าเอ่อleนนะครับพวกคำศัพท์แปลกแปลก
00:17:42 → 00:17:45 พวกนี้ถ้าอยู่ๆมันไม่มีแล้วมันมีมาตอน
00:17:45 → 00:17:47 เนี้ยแล้วเค้าไม่ยอมอธิบายให้เราฟังนะพวก
00:17:47 → 00:17:49 นั้นสงสัยไว้ก่อนว่ามีของแปลกๆอยู่ในบ้าน
00:17:49 → 00:17:53 แล้วแหละนะครับหรือถ้ามียาบางอย่างที่
00:17:53 → 00:17:56 เอ๊ะทำไมเค้าซื้อมาเยอะจังแก้ไอนี่มันมัน
00:17:56 → 00:17:58 ไอมันตลอดเวลาหรือไงเค้าก็ไม่เห็นไอทำไม
00:17:58 → 00:18:00 เคซื้อมาตั้งเยอะตั้งแยะนะครับหรือเรา
00:18:00 → 00:18:02 ซื้อยาแก้ไอไว้ทำไมมันหายไปเรื่อยๆนะหรือ
00:18:02 → 00:18:05 ยาของเราที่ใช้บางทีเราใช้ยากลุ่มมอร์ฟีน
00:18:05 → 00:18:08 ใช้ยากลุ่มโคดีนอยู่เนี่ยฮะทำไมมันถึงหาย
00:18:08 → 00:18:12 ไปเอออันเนี้ยต้องสงสัยว่ามันมีการติดยา
00:18:12 → 00:18:14 เกิดขึ้นในครอบครัวของเราแล้วนะครับและ
00:18:14 → 00:18:17 พวกนั้นต้องรีบพาไปจัดการรักษาเพราะมิ
00:18:17 → 00:18:20 ฉะนั้นถ้าปล่อยไว้นะครับมันจะยิ่งยาวและ
00:18:20 → 00:18:23 พวกนี้นะครับถ้าเกิดผลเสียขึ้นกับร่างกาย
00:18:23 → 00:18:30 แล้วมันมักจะแก้ไขไม่ได้นะครับคนที่ใช้ยา
00:18:30 → 00:18:32 มานานๆเนี่ยนะครับแล้วถึงวันนึงเนี่ยอยาก
00:18:32 → 00:18:36 เลิกมันไม่ได้เลิกง่ายนะครับเลิกแล้วมัน
00:18:36 → 00:18:39 ก็จะมีอาการถอนยาก็คือปวดเมื่อยตามร่าง
00:18:39 → 00:18:42 กายมากๆเลยบางคนคลื่นแซ่เจียนบางคนมีน้ำ
00:18:42 → 00:18:45 หูน้ำตาไหลนะครับน้ำมูกไหลเยอะเลยนะฮะ
00:18:45 → 00:18:48 แล้วก็ท้องเสียด้วยนะครับเนี่ยคลืนไส้
00:18:48 → 00:18:51 เจียนมาหมดทุกอย่างเลยแล้วมันทำให้เลิก
00:18:51 → 00:18:55 ไม่ได้ซะทีนะครับเออจริงๆวิธีก็คือต้อง
00:18:55 → 00:18:57 ค่อยๆลดปริมาณยาลงแล้วถ้ายังไงก็ควรจะ
00:18:57 → 00:18:59 ปรึกษาจิตแพทย์เพราะว่าเขาจะมีวิธีในการ
00:18:59 → 00:19:01 ช่วยเหลือทำให้อาการพวกเนี้ยมันเป็นน้อย
00:19:01 → 00:19:04 ที่สุดระหว่างที่เลิกยาเนี่ยการออกกำลัง
00:19:04 → 00:19:09 กายจะช่วยเราได้มากนะครับการที่เราอาจจะ
00:19:09 → 00:19:11 หันเหความสนใจของเราไปทำอย่างอื่นใช้แรง
00:19:11 → 00:19:15 แพงเยอะๆเนี่ยมันมีผลดีต่อร่างกายนะครับ
00:19:15 → 00:19:19 ก็ต้องลองไปทำเรื่องพวกนี้ดูนะฮะทีนี้ผล
00:19:19 → 00:19:22 ข้างเคียงที่ระยะยาวมันมักจะไม่หายนะถ้า
00:19:22 → 00:19:24 คุณใช้มาระยะหนึ่งแล้วนะครับข้อแรกสมอง
00:19:24 → 00:19:28 เสียความคิดความอ่านมันจะช้านะครับหลัก
00:19:28 → 00:19:30 ตรรกะเหตุผลมันจะไม่ค่อยมีและเหมือนกับ
00:19:30 → 00:19:33 เรื่องง่ายๆมันก็ทำไม่ได้ฮะทำไมสมาธิเรา
00:19:34 → 00:19:36 ไม่มีเราต้องจดตลอดเวลาทั้งๆที่แต่ก่อน
00:19:36 → 00:19:38 เราก็แบบเฮ้ยใครพูดเราก็จำได้ไอ้ของพวก
00:19:38 → 00:19:41 นี้น่ะแก้ไม่ได้นะครับเสียแล้วเสียเลย
00:19:41 → 00:19:44 สมองส่วนไหนที่มันพังไปจากยาเนี่ยมันพัง
00:19:44 → 00:19:46 แล้วพังเลยแล้วทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม
00:19:46 → 00:19:49 ก็ไม่ได้แล้วครับหรือบางคนมันมีการนอน
00:19:49 → 00:19:52 หลับที่ผิดปกติไปพวกนี้อาจจะพอดีขึ้นได้
00:19:52 → 00:19:55 ถ้าเราหยุดยาไปนานๆเพราะว่ามันจะได้ไม่มี
00:19:55 → 00:19:58 ยาอะไรไปกดประสาทอยู่แล้วนะครับคนที่มี
00:19:58 → 00:20:02 ปัญหาทางด้านของอ่าอารมณ์ทางเพศหรือปัญหา
00:20:02 → 00:20:04 ทางเพศสัมพันธ์ต่างๆพวกนี้เนี่ยที่ที่
00:20:04 → 00:20:07 เกิดจากยาตรงนี้นะครับหรืออาจจะมีเรื่อง
00:20:07 → 00:20:09 ของ
00:20:09 → 00:20:13 เอ่อเรื่องเรื่องพวกน้ำอสุจิไม่เพียงพอ
00:20:13 → 00:20:16 หรือเป็นคนที่มีปุดยากอะไรพวกเนี้ย
00:20:16 → 00:20:18 อันเนี้ยรักษายากเหมือนกันนะครับส่วนใหญ่
00:20:18 → 00:20:20 แล้วมันจะไม่ค่อยกลับมาเหมือนเดิมมันใช้
00:20:20 → 00:20:22 เวลานานมากๆเลยบางคนก็ขึ้นอยู่กับคุณใช้
00:20:23 → 00:20:25 ยาพวกนี้มันนานแค่ไหนถ้าใช้มาเป็นปีคุณก็
00:20:25 → 00:20:26 รอไปหลายๆปีครับกว่ามันจะกลับมาเหมือน
00:20:26 → 00:20:28 เดิมมันไม่ใช่หยุดแล้วก็ระยะเวลาเป็น
00:20:28 → 00:20:31 เดือนจะกลับมาได้นะครับโอเควันนี้ผมก็
00:20:31 → 00:20:34 หวังว่าสิ่งที่ผมเล่าให้ฟังในวันนี้นะ
00:20:34 → 00:20:37 ครับจะทำให้ทุกคนเข้าใจว่าไอ้ยาีนตัว
00:20:37 → 00:20:39 เนี้ยมันคืออะไรกันแน่ทำไมมันถึงอันตราย
00:20:39 → 00:20:43 นักนะครับแล้ววิธีในการรักษาเนี่ยเราก็
00:20:43 → 00:20:46 ต้องมีกำลังใจก่อนเลยอันดับแรกแล้วนะครับ
00:20:46 → 00:20:48 ถ้าใครที่ใช้ยาพวกนี้อยู่แล้วคิดจะเลิกนะ
00:20:48 → 00:20:51 ครับอย่างน้อยผมขอเป็นกำลังใจให้นะมัน
00:20:51 → 00:20:54 เป็นความสำเร็จก้าวแรกที่เราจะนำไปสู่การ
00:20:54 → 00:20:56 เลิกได้นะครับยิ่งเลิกเร็วผลข้างเคียงมัน
00:20:56 → 00:20:58 ก็จะยิ่งน้อยนะครับแต่ถ้าเราปล่อยไว้นาน
00:20:58 → 00:21:01 เกินผลข้างเคียงมันก็จะเยอะนะครับโอเควัน
00:21:01 → 00:21:03 นี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับถ้า
00:21:03 → 00:21:05 ใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามมานะครับขอบคุณมาก
00:21:05 → 00:21:09 ครับสวัสดีครับ