00:00:00 → 00:00:02 ถ้ายังไม่ถึงที่ตายก็ไม่ตายมั้งปกติร้าน
00:00:02 → 00:00:04 ที่โดนระเบิดเนี่ยเป็นร้านที่ผมไปกิน
00:00:04 → 00:00:06 ประจำนี่แหละนั่งหลังตู้เย็นนี่แหละปลอด
00:00:06 → 00:00:09 ภัยวันนี้ไม่อยากกินไปกินอีกร้านนึงมี
00:00:09 → 00:00:11 โทรศัพท์ฉุกเฉินมาร้านกินข้าวระเบิดก็ไอ้
00:00:11 → 00:00:13 ร้านนั้นที่เราไม่ไปวันนี้พอดีและไอ้ตรง
00:00:13 → 00:00:15 โต๊ะที่นั่งอยู่ข้างหลังตู้เย็นเนี่ยตาย
00:00:15 → 00:00:18 เรียบยิ่งใกล้ชิดกับความตายเท่าไหร่ยิ่ง
00:00:18 → 00:00:20 ต้องนิ่งตอนที่อยู่โรงพยายะลาเนี่ยเพลิน
00:00:20 → 00:00:22 ว่ามันมียิงกันระเบิดเสียงระเบิดนี่ชัด
00:00:23 → 00:00:26 เจนมากมันแน่นมันคมมันปับรู้เลยระเบิดวัน
00:00:26 → 00:00:29 นั้นก็มีคนไข้มา 14 คนแล้วต้องเข้าห้อง
00:00:29 → 00:00:31 ผ่าตัดยัง 7 8 คนแต่เราเป็นหมอพาตัดคน
00:00:31 → 00:00:33 เดียวสิ่งที่สำคัญก็คือช่วยให้คน 8 คน
00:00:33 → 00:00:35 เนี้ยมีอัตรารอดสูงสุดได้อย่างไรเวลาเรา
00:00:35 → 00:00:37 เป็นหมอเนี่ยฮะการเจอความเป็นความตายของ
00:00:37 → 00:00:40 คนไข้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีก
00:00:40 → 00:00:42 เียงได้เราก็ต้องทำให้เต็มที่ในโลกนี้ไม่
00:00:42 → 00:00:45 มีอะไรแน่นอนแต่ความตายนี่แหละแน่นอนตาย
00:00:45 → 00:00:47 แน่ๆสิ่งที่สำคัญคือณเวลานี้ที่เราอยู่
00:00:47 → 00:00:50 อ่ะเราทำอะไรอยู่อดีตคิดถึงได้เพื่อนำมา
00:00:50 → 00:00:52 เป็นบทเรียนอนาคตคิดถึงได้เพื่อให้ไม่
00:00:52 → 00:00:54 ประมาท 80% อยู่กับปัจจุบันเพื่อใช้ชีวิต
00:00:54 → 00:00:57 ให้ดีถ้าเราทำดีมากพอความตายก็มันก็ไม่
00:00:57 → 00:01:02 ได้น่ากลัวมากนักแต่ไม่ตายดี
00:01:02 → 00:01:08 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:08 → 00:01:10 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:01:10 → 00:01:13 แก้โรคค่ะทุกคนคะทุกคนเคยมีประสบการณ์ที่
00:01:13 → 00:01:16 อยู่ระหว่างความเป็นกับความตายบ้างมั้คะ
00:01:16 → 00:01:18 แล้วประสบการณ์นั้นเนี่ยเปลี่ยนวิธีคิด
00:01:18 → 00:01:20 ของเราไปยังไงบ้างวันนี้นะคะแพนด้าก็จะ
00:01:20 → 00:01:22 ได้คุยกับคุณหมอท็อปค่ะซึ่งคุณหมอก็จะมา
00:01:22 → 00:01:25 แชร์ประสบการณ์ที่คุณหมอได้อยู่ระหว่าง
00:01:25 → 00:01:27 ความเป็นกับความตายให้เราฟังเนี่ยเดี๋ไม่
00:01:27 → 00:01:29 รอช้ามาคุยกับคุณหมอเลยดีกว่าเนาะโอเค
00:01:29 → 00:01:32 ครับสวัสดีครับวันนี้ก็จะเข้มข้นนิดนึงอื
00:01:32 → 00:01:35 เครียดๆเครียดไม่เครียดขนาดนั้นสบายๆฮะ
00:01:35 → 00:01:37 สบายๆต้องถามก่อนว่าคุณหมอเนี่ยแน่นอน
00:01:37 → 00:01:39 แหละว่าด้วยความเป็นหมอเนาะก็อาจจะต้อง
00:01:39 → 00:01:41 อยู่กับความเป็นความตายอยู่แล้วค่ะแต่ว่า
00:01:41 → 00:01:43 เคยมีประสบการณ์ครั้งไหนในชีวิตที่คุณหมอ
00:01:43 → 00:01:45 รู้สึกว่าคุณหมออยู่ระหว่างความเป็นและ
00:01:45 → 00:01:47 ความตายที่แบบมันเป็นประสบการณ์ที่ฝั่งใจ
00:01:47 → 00:01:50 เราเลยเอาเป็นเป็นตัวเองดีกว่ามั้งหมาย
00:01:50 → 00:01:52 ถึงว่าความเป็นความตายของผมใช่มั้ยหรือ
00:01:52 → 00:01:54 ความเป็นความตายของคนไข้เอาคนไข้ก่อนได้
00:01:54 → 00:01:56 มั้ยความเป็นความตายของคนไข้นี่ก็จริงๆ
00:01:56 → 00:01:58 เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะครับว่าเวลาเรา
00:01:58 → 00:02:00 เป็นหมอเนี่ยฮะการเจอความเป็นความตายของ
00:02:00 → 00:02:03 คนไข้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีก
00:02:03 → 00:02:05 เลี่ยงได้เราก็ต้องทำให้เต็มที่เพราะนั้น
00:02:05 → 00:02:07 ถ้าเกิดน้องๆหมอที่เพิ่งจบมาก็อาจจะไม่
00:02:08 → 00:02:10 ชินก็เป็นเรื่องปกติเดี๋สักพักก็ชินบางที
00:02:10 → 00:02:12 น้องหมอก็เพิ่งจบมาก็อาจจะเครียดว่าแบบ
00:02:12 → 00:02:15 เออถ้าเกิดมันมีเคสเค้าอ่ารักษาไม่ได้
00:02:15 → 00:02:17 เสียชีวิตไปมันเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้
00:02:18 → 00:02:20 เนาะว่าทุกคนมันก็ต้องตายตายท่าไหนเท่า
00:02:20 → 00:02:22 นั้นเองมันก็ว่าเป็นโรคเอยอะไรเอยอันนี้
00:02:22 → 00:02:24 ก็แล้วแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดานะฮะเหมือน
00:02:24 → 00:02:27 ตอนผมจบใหม่ๆอย่างเงี้ยแล้วก็ไม่ฉินอ่ะ
00:02:27 → 00:02:29 เนาะคนไข้ก็ยิตอนเป็นนักเรียนแพทย์เงี้ย
00:02:29 → 00:02:31 เห็นคนตายครั้งแรกอะไรเงี้ยมันก็จะต้อง
00:02:31 → 00:02:33 อ่าเค้าเรียกจิตตกนิดนึงหรือเราผ่าตัด
00:02:33 → 00:02:36 แล้วก็มีเคสที่เราช่วยไม่ได้ก็ตายคามือ
00:02:36 → 00:02:38 อ่ะอารมณ์ประมาณนั้นก็คือไม่ไหวจริงๆ
00:02:38 → 00:02:40 อย่างเช่นแบบอุบัติเหตุโดนระเบิดหรืออะไร
00:02:40 → 00:02:43 อย่างเงี้ยนะครับรถชนรถคว่ำอะไรพวกนี้บาง
00:02:43 → 00:02:45 ทีมันก็เสียเลือดเยอะก็ในห้องผ่าตัดเลยก็
00:02:45 → 00:02:47 มีก็เป็นเรื่องปกติแล้วแล้วแต่อาจจะไม่
00:02:47 → 00:02:49 ชีนบางๆก็ต้องฉีดยิ่งตอนผ่าตัดไม่ต้อง
00:02:49 → 00:02:50 สมมุติหรอกผมเป็นหมอผ่าตัดใช่มั้ยเพราะ
00:02:51 → 00:02:52 ฉะนั้นเนี่ยเราเป็นหมอผ่าตัดโดยเฉพาะเป็น
00:02:52 → 00:02:54 มือหนึ่งหมายความว่าเป็นหมอผ่าตัดคนแรก
00:02:55 → 00:02:57 ไม่ใช่เก่งเป็นที่ 1 นะมือหนึ่งก็คือหมอ
00:02:57 → 00:02:59 ผ่าตัด 8 คนแรกเป็นหัวหน้าถือว่าเป็นหัว
00:02:59 → 00:03:01 หน้าทีมเพราะฉะนั้นเวลามีเคสที่ค่อนข้าง
00:03:01 → 00:03:03 หนักเนี่ยไม่ใช่ว่าเราจะไม่รู้สึกอะไรเรา
00:03:03 → 00:03:06 รู้สึกแต่เราไม่ควรจะแสดงความรู้สึกเพราะ
00:03:06 → 00:03:07 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามหัวหน้าทีมเนี่ยตื่น
00:03:07 → 00:03:10 เต้นตกใจแล้วเนี่ยลูกน้องในทีมมันก็จะทำ
00:03:10 → 00:03:13 งานไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งดมยาสโลปผู้
00:03:13 → 00:03:15 ช่วยผ่าตัดถ้าเราตื่นเต้นลนลานเนี่ยการ
00:03:15 → 00:03:17 ผ่าตัดก็จะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมเพราะฉะนั้น
00:03:17 → 00:03:19 สิ่งที่สำคัญก็คือต้องนิ่งที่สุดยิ่งน่า
00:03:19 → 00:03:22 กลัวเท่าไหร่หรือว่าใกล้ชิดกับความตาย
00:03:22 → 00:03:24 เท่าไหร่ยิ่งต้องนิ่งเงียบเหมือนไม่มี
00:03:24 → 00:03:27 อะไรเกิดขึ้นทำไปเรื่อยๆคือทำไปด้วยความ
00:03:27 → 00:03:30 ที่แบบอยู่เฉพาะหน้าเลยผ่าตัดตรงเนี้ย
00:03:30 → 00:03:32 เลือดไหลเป็นฤทธิ์ก็ต้องไหลก็ต้องหยุดให้
00:03:32 → 00:03:36 ได้ไปเรื่อยๆช้ายิ่งอันตรายเท่าไหร่ยิ่ง
00:03:36 → 00:03:38 ต้องช้าเท่านั้นยิ่งรีบยิ่งหลนยิ่งผิดทุก
00:03:38 → 00:03:41 อย่างต้องไปแต่ต้องเขาเรียกว่าเราเร่งได้
00:03:41 → 00:03:44 เร่งจังหวะได้แต่รีบผ่าตัดไม่ได้มันก็จะ
00:03:44 → 00:03:47 เป็นการฝึกให้ใจเราค่อนข้างจะนิ่งนิดนึง
00:03:47 → 00:03:49 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วอย่างตัวคุณหมอเอง
00:03:49 → 00:03:51 อ่ะค่ะทราบเพราะว่าจริงๆคุณหมอเคยไปเป็น
00:03:51 → 00:03:54 หมอที่อียราด้วยใช่มั้คะอือครับตอนนั้นก็
00:03:54 → 00:03:56 จบสัญญแพทย์ที่พมงกุฎเนาะก็เาให้เลือกว่า
00:03:56 → 00:03:59 จะไปที่ไหนแล้วก็มีราก็ต้องพูดตามตรงว่า 3
00:03:59 → 00:04:01 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช่มั้มันก็หาคนที่จะ
00:04:01 → 00:04:04 ลงไปช่วยยากใช่มั้ครับเ้าก็ให้เลือกแล้ว
00:04:04 → 00:04:07 ก็อ่ะไม่มีใครเลือกก็เอาดิ
00:04:07 → 00:04:10 ก็ลงก็ลงอ่าก็ลงก็เอาสิวะอะไรอย่างเงี้ย
00:04:10 → 00:04:13 อ่ะก็มีคนอื่นลงแล้วอ่ะมีคนอื่นลงก็ยัง
00:04:13 → 00:04:15 รอดชีวิตมาได้เราก็เอาซะหน่อยเราก็ไหว้
00:04:15 → 00:04:18 พระจัดหนักนิดนึงอ่าเน้นกำลังใจก็ลงไปนะ
00:04:18 → 00:04:21 ครับก็ตื่นเต้นกันตั้งแต่วันแรกเลยละไป
00:04:21 → 00:04:23 กี่คนคะตอนนั้นตอนนั้นก็มีเพื่อนหมอ
00:04:23 → 00:04:25 กระดูกไปด้วยอีกคนนึงครับแต่ว่าที่ที่
00:04:25 → 00:04:27 ยะลาเาก็มีคุณหมอหมออยู่หลายคนอยู่แล้ว
00:04:27 → 00:04:29 แต่ว่าเป็นคนในพื้นที่คือเราก็ลงไปช่วย
00:04:29 → 00:04:32 เขาเพราะว่าหมอไม่พอก็ไปช่วยปีนึงแต่ไปๆ
00:04:32 → 00:04:34 มาๆอยู่ไป 2 ปีเพราะว่าก็อย่างว่าหาคนลง
00:04:35 → 00:04:37 ยากเนาะแล้วเราก็อยู่แล้วก็อยู่สัก 2 ปี
00:04:37 → 00:04:41 แล้วกันยังรอดอยู่นี่หว่าก็โอเคก็อยู่ไป 2
00:04:41 → 00:04:43 ปีฮะก็ตื่นเต้นตลอดฮะอยู่ที่นั่นก็มี
00:04:43 → 00:04:46 เรื่องต่างๆมากมายก็เป็นที่น่าจดจาตอน
00:04:46 → 00:04:48 นั้นมันก็ยังแบบ 10 กว่าปีก่อนใช่มั้ยก็
00:04:48 → 00:04:50 ยังเรียกว่ายังกล้าเสี่ยงอยู่ให้ไปตอนนี้
00:04:50 → 00:04:52 มีลูกมีเต้าแล้วก็คงไม่กล้าไปเท่าไหร่แต่
00:04:52 → 00:04:54 ว่าตอนนี้ก็สงบขึ้นเยอะแล้วไม่ได้เหมือน
00:04:54 → 00:04:57 ตอนนั้นตอนนั้นก็ค่อนข้างที่จะสีแดงแป๊ด
00:04:57 → 00:04:59 เลยนะก็ก็มีระเบิดทุกวันเป็นประจำดีกว่า
00:04:59 → 00:05:01 มันคงไม่ทุกวันหรอกแต่ว่าใน 3 จังหวัดชาย
00:05:01 → 00:05:04 แดนก็มีระเบิดตลอดเวลาอืประมาณนั้นแล้ว
00:05:04 → 00:05:07 ตอนนั้นที่คุณหมออยู่ตรงนั้นที่อาจจะเกิด
00:05:07 → 00:05:10 อะไรขึ้นก็ได้ตลอดเวลาเรามีการแบบเตรียม
00:05:10 → 00:05:13 ตัวยังไงหรือว่าจัดการกับความรู้สึกยังไง
00:05:13 → 00:05:15 บ้างคะก็ต้องบอกตามตรงไปอาทิตย์แรกนี่ก็
00:05:15 → 00:05:17 เสียวนะก็ลงจากเครื่องบินนี่นั่งรถตู้ไป
00:05:17 → 00:05:20 มันก็ต้องผ่านแบบผ่านป่าคือมันก็เป็นถนน
00:05:20 → 00:05:23 ที่ดีนี่แหละแต่พอตอนขับผ่านป่าจิตเราก็
00:05:23 → 00:05:25 หลอนไงเฮ้ยมันจะมีแบบใครมาเรียกข้าถ่าย
00:05:25 → 00:05:26 ป่าวะ
00:05:26 → 00:05:29 คือคิดไปเองไงเอ้าแต่มันไม่มีอะไรหรอกก็
00:05:29 → 00:05:31 ไปจนถึงโรงพยาบาลศูนย์แล้วครับก็ไปอยู่
00:05:31 → 00:05:33 อาทิตย์แรกก็มันก็จะมีเซเว่นหน้าโรง
00:05:33 → 00:05:36 พยาบาลเราเพิ่งไปอยู่เราก็รถอะไรมันก็ไม่
00:05:36 → 00:05:37 มีอยู่แล้วใช่มั้ยมันก็ต้องเดินไปกินน่ะ
00:05:37 → 00:05:40 ก็ไปเซเว่นอาทิตย์แรกเท่านั้นแหละเซเว่น
00:05:40 → 00:05:42 โดนระเบิดเอเว่นที่เราไปกินน่ะก็หลอนอยู่
00:05:42 → 00:05:45 หลอนอยู่ก็ช่วงนั้นก็ตื่นเต้นดีเออมันก็
00:05:45 → 00:05:47 เห็นกระหน้ากตาเนว่าว่ามันระเบิดแล้ว
00:05:47 → 00:05:49 ครั้งไหนที่แบบใกล้ตัวคุณหมอที่สุดเลย
00:05:49 → 00:05:51 จริงๆมีใกล้หลายครั้งก็มีอยู่ครั้งนึง
00:05:51 → 00:05:53 ปกติร้านที่โดนระเบิดเนี่ยเป็นร้านที่ผม
00:05:53 → 00:05:55 ไปกินประจับเป็นร้านข้าวต้มขวัญใจเลยนะคน
00:05:55 → 00:05:57 ไปกินกันเยอะคือผมก็จะมีอ่าคนที่อยู่ที่
00:05:57 → 00:06:00 โรงพยาบที่ยะลาเชื่อลุงแดงลุงแดงเจะคอย
00:06:00 → 00:06:02 ช่วยดูแลกับคุณหมอที่ไปช่วยที่โรงพยาบ
00:06:02 → 00:06:04 ยะลาตอนนี้เค้าก็ยังมีชีวิตอยู่นะฮะยัง
00:06:04 → 00:06:06 รอดอยู่เก็จะพาไปกินข้าวร้านนี้แหละเพา
00:06:06 → 00:06:08 หมอหมอท็อปมากินข้าวร้านนี้กันเบอกนี่
00:06:08 → 00:06:11 แหละนั่งหลังตู้เย็นนี่แหละปลอดภัยระเบิด
00:06:11 → 00:06:13 มันมาไม่ถึงมีตู้เย็นกันตอนนี้สักพักนึง
00:06:13 → 00:06:16 ก็ผ่านไปวันนั้นก็เราก็ชวนกันไปกินข้าว
00:06:16 → 00:06:17 เหมือนไปกินข้าวเย็นน่ะปกติก็จะไปกินไอ้
00:06:17 → 00:06:19 ร้านนี้แหละแต่บอกเอ้อวันนี้ไม่อยากกินไป
00:06:20 → 00:06:22 กินอีกร้านนึงพอไปกินเสร็จสักพักก็เข้ามา
00:06:22 → 00:06:24 ที่โรงพยาบาลเก็อ่ามีโทรศัพท์ฉุกเฉินมา
00:06:24 → 00:06:27 บอกว่ามีเ่อร้านกินข้าวระเบิดก็ไอ้ร้าน
00:06:27 → 00:06:28 นั้นแหละที่เราไม่ไปวันนี้พอดีร้านข้าว
00:06:28 → 00:06:31 ต้มร้านข้าวต้มนั่นแหละแล้วไอ้ตรงโต๊ะที่
00:06:31 → 00:06:34 นั่งอยู่ข้างหลังตู้เย็นเนี่ยตายหมดโหตาย
00:06:34 → 00:06:36 หมดตายเพียบมันก็ถามว่าเออเสียวมั้ยก็
00:06:36 → 00:06:38 เสียวอยู่เหมือนกันแต่ทุกคนมันก็เสียวไป
00:06:38 → 00:06:40 หมดแหละจะทำอะไรได้อ่ะก็ถ้ายังไม่ถึงที่
00:06:41 → 00:06:43 ตายก็ไม่ตายมั้งอะไรอย่างเงี้ยแล้วในขณะ
00:06:43 → 00:06:46 นั้นน่ะค่ะที่เป็นคุณหมออืมันมีความยาก
00:06:46 → 00:06:48 อะไรบ้างคะหรือความท้าทายอะไรบ้างกับการ
00:06:48 → 00:06:51 ที่มันอาจจะมีเคสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
00:06:51 → 00:06:53 คือก็ต้องบอกงี้ฮะตอนที่อยู่โรงพยายะลา
00:06:53 → 00:06:54 เนี่ยโรงพยายลาไปโรงพยาบาลศูนย์ถูกต้อง
00:06:54 → 00:06:57 มั้ครับตอนนั้นผมก็มีหมอผ้าตัดอยู่ 3 คน
00:06:57 → 00:06:59 มีผมแล้วก็มีพี่อีก 2 คนพี่อีก 2 คนเนี่ย
00:06:59 → 00:07:01 เค้าก็เป็นหมอประจำอยู่ที่ยะลาอยู่แล้ว
00:07:01 → 00:07:03 แต่เรา 3 คนเนี่ยมันก็จะต้องมีการสลับวัน
00:07:03 → 00:07:05 พักบ้างหรืออะไรบ้างหรือพี่เขากลับบ้าน
00:07:05 → 00:07:07 อยู่ต่างจังหวัดกันอะไรอย่างเงี้ยเพลิน
00:07:07 → 00:07:09 ว่าวันนั้นเนี่ยคือพี่ 2 คนเนี่ยเขาต้อง
00:07:09 → 00:07:12 ลาพอดีคนนึงพักพอดีคนนึงลาพอดีผมก็อยู่คน
00:07:12 → 00:07:14 เดียวอยู่คนเดียวแล้วก็เพลอว่ามันมีเา้า
00:07:14 → 00:07:16 เรียกอุบัติเหตุหมู่ไม่ได้อุบัติเหตุหมู่
00:07:16 → 00:07:19 หรอกยิงกันระเบิดอะไรไปตามเรื่องราวอ่ะนะ
00:07:19 → 00:07:21 วันนั้นก็มีคนไข้มา 14 คนแล้วต้องเข้า
00:07:21 → 00:07:23 ห้องผ่าตัดเนี่ยที่ต้องผ่าด่วนนะประมาณ
00:07:23 → 00:07:26 ซักหน้าใกล้ๆ 7-8 คนแต่เราเป็นหมอพัตัดคน
00:07:26 → 00:07:27 เดียวใช่มั้ยคราวนี้ก็เริ่มยากแล้วมันก็
00:07:27 → 00:07:30 จะมีเทคนิคในการที่เหมือนเวลาเราเจอ
00:07:30 → 00:07:34 อุบัติเหตุหมู่แล้วมีคนที่คอยช่วยเท่า
00:07:34 → 00:07:35 เนี้ยมีห้องผ่าตัดได้เท่าเนี้ยจะทำยังไง
00:07:35 → 00:07:37 เหมือนเข้าไปในสงครามนั่นแหละสิ่งที่
00:07:37 → 00:07:40 สำคัญก็คือเราจะช่วยให้คน 8 คนเนี้ยมี
00:07:40 → 00:07:42 อัตรารอดสูงสุดได้อย่างไรเราก็จะต้องทำ
00:07:42 → 00:07:45 การเสียวๆนิดนึงนะเปิดช่องท้องไปเอา
00:07:45 → 00:07:48 อุปกรณ์เนี่ยเป็นผ้ากอสนี่แหละไปใส่ไว้ไป
00:07:48 → 00:07:50 กดหยุดเลือดไว้แล้วเย็บปิดช่องท้องเอาไว้
00:07:50 → 00:07:52 ก่อนยังทำอะไรไม่ได้นะคือไปหยุดไม่ให้
00:07:52 → 00:07:54 เลือดมันไหลก่อนแล้วก็ทำอย่างเงี้ยให้ครบ
00:07:54 → 00:07:57 ทุกคนแล้วก็ทุกคนเนี่ยไปอยู่ห้อง ICU
00:07:57 → 00:07:59 ก่อนอันนี้ก็ต้องหมอสาขาอื่นก็มาช่วยเปิด
00:07:59 → 00:08:01 ห้องผ่าตัดรอนะฮะแต่ว่าเราต้องเป็นคนไป
00:08:01 → 00:08:03 เปิดเพราะหมอสาขาอื่นเขาก็อาจจะช่วย
00:08:03 → 00:08:05 เตรียมคนไข้ให้ได้แต่ว่าคือเป็นหมอผ่าตัด
00:08:05 → 00:08:07 แบบอื่นแต่ไม่ใช่ผ่าตัดช่องท้องหรืออะไร
00:08:07 → 00:08:09 อย่างเงี้ยเก็จะผ่านไม่ได้หมอผ่าตัดไตพี่
00:08:09 → 00:08:11 เขาก็จะมาคอยช่วยคือทุกคนก็ช่วยกันหมด
00:08:11 → 00:08:13 แหละเพราะว่าก็มาช่วยกันทั้งโรงพยาบาลน่ะ
00:08:13 → 00:08:15 คือที่อยู่ยลาเนี่ยทุกคนพร้อมมาช่วยหมด
00:08:15 → 00:08:17 เวลาได้ยินเสียงระเบิดหรือเสียงอะไรพวกเ
00:08:17 → 00:08:19 ฮะมันมันได้ยินชัดเจนน่ะเมืองมันไม่ได้
00:08:19 → 00:08:22 ใหญ่มากเสียงระเบิดนี่ชัดเจนมากมันแน่น
00:08:22 → 00:08:26 มันคมมันปับรู้เลยระเบิดเดินมา ER ได้เลย
00:08:26 → 00:08:28 เพราะฉะนั้นก็อ่าอย่างเงี้ยพอเราเข้าห้อง
00:08:28 → 00:08:30 ICU ปุ๊บพอทุกอย่างสงบปุ๊บเราก็เดินไป
00:08:30 → 00:08:32 บอกอ่ะคนนี้รอดคนนี้ดูแล้วรอดเราก็เอามา
00:08:32 → 00:08:35 ผ่าทีละคนแล้วก็พอผ่าเสร็จก็ใส่ไปเรื่อยๆ
00:08:35 → 00:08:37 บางวันก็ผ่าเช้าถึงเช้าเลยอีกวันก็หน้า
00:08:37 → 00:08:40 มึนเลยอ่ะเพราะมันเช้าไงผ่าผ่าเช้าไปถึง
00:08:40 → 00:08:43 เช้าอีกวันผ่าไปเรื่อยๆออออกมาก็ไก่ขันละ
00:08:43 → 00:08:46 มันก็แบบนั้นเป็นต้นตอนนั้นก็ยังพอไหวอ่ะ
00:08:46 → 00:08:48 ตอนนั้นมันเพิ่งจบใช่มั้เพิ่งจบหมอผ่าตัด
00:08:48 → 00:08:51 ก็อายุเท่าไหร่อ่ะ 23 24 25 บวกอีก 4
00:08:51 → 00:08:54 28 29 อะไรอย่างเงี้ยยังมีแรงไงให้ตอน
00:08:54 → 00:08:57 นี้ไปก็ไม่ไหวแล้ว 46 เงี้ยก็แบบออกเริ่ม
00:08:58 → 00:09:00 ไม่ไหวะอืค่ะเออแต่ว่าตอนนั้นมันก็ยังพอ
00:09:00 → 00:09:02 ไหวอยู่อะไรอย่างเงี้ยถ้าตอนนี้ให้ผ่า
00:09:02 → 00:09:06 เช้าๆก็ไม่ไหวแล้วอใช่แต่ว่าก็จริงๆแล้วน
00:09:06 → 00:09:08 ว่าหลายๆท่านอยากรู้ว่าแม้ว่าจริงๆตัวคุณ
00:09:08 → 00:09:10 หมอเองอ่ะมีทางเลือกนะว่าเราจะไม่เลือกไป
00:09:10 → 00:09:13 ที่นั่นก็ได้แต่อะไรที่ทำให้คุณหมอตัดสิน
00:09:13 → 00:09:16 ใจเลือกที่จะไปที่ที่ไม่ใช่แค่เหตุผลว่า
00:09:16 → 00:09:18 เพราะมันไม่มีคนไปอ่ะค่ะอืก็ต้องบอกงี้ฮะ
00:09:18 → 00:09:21 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยที่ยะลาเนี่ยมันเป็นที่
00:09:21 → 00:09:23 ที่ที่ผมคุ้นเคยในระดับหนึ่งคือบ้านฝั่ง
00:09:23 → 00:09:25 คุณพ่อเนี่ยมีบ้านอยู่ที่ยะลาด้วยพ่อเป็น
00:09:25 → 00:09:28 คนใต้แล้วลุงก็เป็นชาวยะลาอยู่แล้วเพราะ
00:09:28 → 00:09:30 นั้นแต่ก่อนตอนเด็กๆเนี่ยผมไปยะลาคนเดียว
00:09:30 → 00:09:33 ผมก็นั่งรถไฟไปแล้วก็ลงไปไปอยู่กับคุณย่า
00:09:33 → 00:09:35 ไปอยู่เป็นเดือนอย่างเงี้ยเราก็รู้สึกว่า
00:09:35 → 00:09:37 เออเราก็ไม่ได้กลัวเท่าไหร่อ่าแล้วก็มี
00:09:37 → 00:09:39 ญาติอยู่มันก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งอันที่ 2
00:09:39 → 00:09:41 คือมันไม่มีใครลงมันก็คือไม่มีจริงๆฮะพอ
00:09:41 → 00:09:43 ไม่มีจริงๆมันก็เหลือไม่กี่คนเนี่ยมันก็
00:09:43 → 00:09:46 นับหน้าได้ไม่กี่คนก็พูดตามตรงตอนนั้นก็
00:09:46 → 00:09:49 ไม่ได้คิดอะไรมากก็ลงได้ก็คิดว่าเออก็เอา
00:09:49 → 00:09:51 ดิวะอะไรอย่างเงี้ยไม่ไม่มีอะไรแล้วมี
00:09:51 → 00:09:54 เพื่อนไปด้วยมันก็เวลาไปคนเดียวมันอาจจะ
00:09:54 → 00:09:56 โหงๆใช่มั้ยอันนี้เพื่อนไปด้วยอไม่ตายคน
00:09:56 → 00:10:00 เดียวต้องไปด้วยกันไปกินข้าวก็ไปด้วยกัน
00:10:00 → 00:10:03 มึงตายกูตายตายทั้งคู่ไม่เป็นไรแต่สุด
00:10:03 → 00:10:06 ท้ายก็คือคือก็บอกยากนะครับบางทีบางอย่าง
00:10:06 → 00:10:08 มันก็หาเหตุผลไม่ได้นะคือเราก็คิดก็ใน
00:10:08 → 00:10:10 เมื่อมันไม่มีใครไปนี่หว่าเราก็ไม่ได้แบบ
00:10:10 → 00:10:12 กลัวจนถึงขนาดไม่ไม่กล้าจะไปอะไรอย่าง
00:10:12 → 00:10:14 เงี้ยเราก็รู้สึกว่าไปก็ได้นี่หว่าไม่
00:10:14 → 00:10:16 เป็นไรหรอกตอนนั้นยังไม่ไม่มีลูกไม่มี
00:10:16 → 00:10:18 ภรรยาเงี้ยฮะมันก็จะฮึกเเหิมนิดนึงนะให้
00:10:18 → 00:10:21 ตอนนี้ไปก็ต้องพูดตามเนื้อนะฮะถ้าเป็นตอน
00:10:21 → 00:10:23 นี้แล้วคู่กุ่นแบบตอนนั้นไม่ไหวเหมือนกัน
00:10:23 → 00:10:26 ออ่าเพราะว่าเราพอมีครอบครัวมันก็มันไม่
00:10:26 → 00:10:28 ใช่ชีวิตของเราคนเดียวและไอ้ตอนนั้นมันก็
00:10:28 → 00:10:32 ยังแบบนิดนึงโอ้แม่นี่ร้องไห้เลยอ่ะโอ
00:10:32 → 00:10:36 พ่อนี่ชอบอ๋อพ่อชอบพ่อชอบพ่อชอบให้ลูกแบบ
00:10:37 → 00:10:40 ไปอ่าเค้าเรียกว่าหาประสบการณ์อ่าอาจจะมี
00:10:40 → 00:10:42 กลัวนิดหน่อยแต่ว่าแม่นี่ร้องไห้เลยบอก
00:10:42 → 00:10:45 โอ้ร้องไห้มั้แม่มีอะไรจริงๆมีแต่เราไม่
00:10:45 → 00:10:47 บอกอ่าเวลามีเรื่องก็ไม่เคยบอกกลับมาแล้ว
00:10:47 → 00:10:49 2 ปีถึงเล่าให้ฟังนี่ก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง
00:10:49 → 00:10:51 นะไอ้เรื่องเสียวเสี่ยวเนี่ยเนี่ยนี่
00:10:51 → 00:10:53 เพิ่งเราเนี่ยแหละอืค่ะแน่นอนแหละว่าพอ
00:10:53 → 00:10:55 เราเลือกที่จะไปอยู่ตรงนั้นแล้วมันเป็น
00:10:55 → 00:10:58 ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ทั่วไปเท่าไหร่ออ่า
00:10:58 → 00:11:00 ก็อย่าไปหาบ่อยเลยนะฮอย่าอย่าไปหาทำใช่
00:11:01 → 00:11:03 ค่ะแล้วแล้วอย่างเงี้ยคุณหมอว่าอะไรคือ
00:11:03 → 00:11:05 สิ่งที่คุณหมอได้มาเลยจาก 2 ปีนั้นที่ไป
00:11:05 → 00:11:08 อยู่ยะลาค่ะคือคิดว่าอันดับแรกเนี่ยบาง
00:11:08 → 00:11:10 อย่างเนี่ยคุณค่าในชีวิตเรามันก็เกิดจาก
00:11:10 → 00:11:12 จากสิ่งที่เราได้ผ่านมานะมันก็เป็น
00:11:12 → 00:11:14 ประสบการณ์หลายๆอย่างคือคนที่นั่นเขาก็
00:11:14 → 00:11:17 อยู่กันปกตินะครับมีคนไข้มาตรวจเต็ม OPD
00:11:17 → 00:11:19 วันเป็น 100 คนผ่าตัดเป็นเรื่องปกติโรค
00:11:19 → 00:11:22 อื่นก็ผ่าผ่าไม่ใช่ผ่าแค่นี้มะลงมะเร็ง
00:11:22 → 00:11:24 ผ่าหมดคือทุกคนเก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ซึ่งพอ
00:11:24 → 00:11:26 เราไปอยู่ตรงนั้นเนี่ยก็เห็นเลยว่าเออเรา
00:11:26 → 00:11:29 ก็ได้ช่วยในสิ่งที่เราทำได้เนาะแล้วเราก็
00:11:29 → 00:11:31 ได้เก็บประสบการณ์คือต้องบอกงี้ฮะว่าหมอ
00:11:31 → 00:11:34 ผ่าตัดเนี่ยสิ่งที่สำคัญว่าคุณจะผ่าตัด
00:11:34 → 00:11:36 ได้ดีคือจริงๆเราไม่ต้องการหมอผ่าตัดที่
00:11:36 → 00:11:38 เก่งที่สุดในโลกหรืออะไรมันไม่จำเป็นนะ
00:11:38 → 00:11:40 ครับเราต้องการหมอผ่าตัดที่มีประสบการณ์
00:11:40 → 00:11:45 สามารถที่จะรับมือกับเรื่องต่างๆได้ดีมี
00:11:45 → 00:11:47 สติที่ดีในการผ่าตัดซึ่งพวกเนี้ยมันไม่
00:11:47 → 00:11:50 สามารถร่ำเรียนได้จากหนังสือครับมันต้อง
00:11:50 → 00:11:52 เกิดจากประสบการณ์เกิดจากการผ่าตัดเกิด
00:11:52 → 00:11:55 จากสิ่งที่เราเคยเจอเกิดจากสภาพแวดล้อม
00:11:55 → 00:11:59 ต่างๆทั้งความกดดันทั้งอะไรหลายๆอย่างมัน
00:11:59 → 00:12:02 ก็ทำให้เราดีขึ้นทีละนิดเก่งขึ้นทีละนิด 2
00:12:02 → 00:12:06 ปีก็เหมือนบ่มตัวฮะ 2 ปีเหมือน 10 ปีตอน
00:12:06 → 00:12:08 นั้นคือปกติผ่าตัดเสิร์ตเขาจะมีให้เขียน
00:12:08 → 00:12:11 เป็นเล่มน่าจะสัก 1,200 หรือ 1,500 เคส
00:12:11 → 00:12:15 มั้ง 2 ปีโอประมาณ 1,500 คนเลยใช่ๆผ่าตัด
00:12:15 → 00:12:17 นะไม่ตวมตรวจตรวจนี่เยอะเยอะกว่านี้อยู่
00:12:17 → 00:12:19 แล้วคืออันนี้คือผ่าล้วนๆเลยคือบางคนบอก
00:12:19 → 00:12:20 เฮ้ยมันผ่าเยอะขนาดนั้นได้ไงบอกได้ลองไป
00:12:21 → 00:12:24 ดูสิไปค้นดูก็ได้อืมันเป็นไปได้ครับเพราะ
00:12:24 → 00:12:26 มันเยอะจริงๆมันเยอะจนไม่รู้จะเยอะยังไง
00:12:26 → 00:12:28 อ่ะเออแต่ว่าไม่ใช่แค่เคสเรื่องเกี่ยวกับ
00:12:28 → 00:12:30 สถานการณ์อย่างเดียวนะเคสโลกต่างๆเคส
00:12:30 → 00:12:32 อย่างอื่นก็คือเหมือนโรงพยาบาลศูนย์ที่มี
00:12:32 → 00:12:35 คนไข้เยอะมากๆอ่ะแต่มีหมอน้อยมากๆอ่ะคือ
00:12:35 → 00:12:37 ก็ต้องบอกงี้ฮะว่ายังไงหมอมันก็ไม่พอหรอก
00:12:37 → 00:12:39 ครับประเทศไทยแต่คนเป็นหมอผมก็ให้กำลังใจ
00:12:39 → 00:12:41 ไว้อย่างงี้ฮะเราอย่าไปคิดมากว่าหมอพอไม่
00:12:41 → 00:12:43 พอเราก็เต็มที่เท่าที่เราทำได้คือเราไม่
00:12:43 → 00:12:46 สามารถที่จะไปคาดหวังหรืออะไรให้มันมาก
00:12:46 → 00:12:49 มายแต่สิ่งที่เราคาดหวังได้คือตัวเราทำ
00:12:49 → 00:12:51 ให้เต็มที่เต็มที่ได้เท่าไหนแล้วก็ได้
00:12:51 → 00:12:54 เท่านั้นไม่ไหวก็บอกไม่ไหวพอก็บอกพออ่า
00:12:54 → 00:12:56 เพราะว่าสุดท้ายคือถ้าหมอผ่าตัดหรือคุณ
00:12:56 → 00:12:59 หมอเนี่ยอ่าไม่ไหวแล้วก็ร่างกายแย่จริงๆ
00:12:59 → 00:13:01 สิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่ใช่เกี่ยวกับคุณหมอ
00:13:01 → 00:13:04 อย่างเดียวคนไข้ก็จะได้รับสิ่งที่อาจจะ
00:13:04 → 00:13:05 ไม่เหมาะสมเพราะว่าการตัดสินใจของเราผิด
00:13:05 → 00:13:08 พลาดมันไม่มีใครหรอกครับที่สามารถที่จะ
00:13:08 → 00:13:11 แบบเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่แบบสามารถทำงาน
00:13:11 → 00:13:14 ได้ตลอดเวลาหมอก็ควรปกติถ้าไม่ไหวก็ให้
00:13:14 → 00:13:16 บอกว่าไม่ไหวไม่เป็นไรไม่ได้ผิดบางคน
00:13:16 → 00:13:17 เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าอ๋อถ้าหมอเนี่ยไม่
00:13:17 → 00:13:20 เสียสละจนตัวตายมันจะจะแย่บอกผมบอกไม่ใช่
00:13:20 → 00:13:23 สิ่งที่เราต้องทำคือการรักษามาตรฐานแล้ว
00:13:23 → 00:13:24 ก็ทำให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งกับตัวเรา
00:13:24 → 00:13:26 และผู้ป่วยถ้าตัวเรายังดูแลตัวเองได้ไม่
00:13:26 → 00:13:29 ดีแล้วการที่เราจะไปทำให้คนอื่นได้ดีนั้น
00:13:29 → 00:13:31 มันเป็นสิ่งที่ยากแล้วสักพักนึงมันก็จะ
00:13:31 → 00:13:33 เกิดเขาเรียกว่าโรคแทรกซ้อน complication
00:13:33 → 00:13:36 ต่างๆตามมาก็แนะนำเป็นอย่างนี้แล้วกันอ
00:13:36 → 00:13:38 เพราะฉะนั้นคือเต็มที่เท่าที่เราทำไหว
00:13:38 → 00:13:41 แล้วก็อย่าคาดหวังอะไรจากคนอื่นมากมายนะ
00:13:41 → 00:13:43 ชีวิตเราจะได้เบาสบายถ้าเกิดเราไปอยู่ใน
00:13:43 → 00:13:45 หลายๆที่แล้วเราพยายามคาดหวังว่าตรงนั้น
00:13:45 → 00:13:47 ต้องให้อย่างนี้ตรงนี้ต้องมีอย่างงั้นมัน
00:13:47 → 00:13:49 ก็อยู่ยากครับเนาะเข้าใจใช่มั้เออมันก็
00:13:49 → 00:13:52 บางทีฟังแล้วมันก็อาจจะแบบโอ๊ยมันดูจริง
00:13:52 → 00:13:54 หรือเปล่าก็อันนี้แล้วแต่จะเชื่อไม่ว่านะ
00:13:54 → 00:13:57 ครับแต่ว่าชีวิตเราจะแบบแฮปปี้ไม่ทอกิค
00:13:57 → 00:13:59 ไม่เครียดจนเกินไปอ่ะถ้าเราคิดอย่างนี้
00:13:59 → 00:14:01 แต่ถ้าเราคิดว่าแบบโอ้ไปทำงานหนักขนาดนี้
00:14:01 → 00:14:04 ไปนี้ทำไมมันไม่มีสิ่งตอบแทนไม่มีอย่าง
00:14:04 → 00:14:06 งู้นอย่างงี้มันก็ยากใจมันก็แห้งใจมันก็
00:14:06 → 00:14:08 เหยี่ยวนะเออเราก็ต้องพยายามหาข้อดีไปก็
00:14:08 → 00:14:11 เป็นประสบการณ์ที่ดีนะคนที่ยะลาพยาบง
00:14:11 → 00:14:13 พยาบาลเ้าก็น่ารักเดี๋ยวนี้ยังติดต่อกัน
00:14:13 → 00:14:17 อยู่เลยผมก็กินข้าวในโรงพยาบาล 24 ชมงอ่ะ
00:14:17 → 00:14:18 เพราะว่าเวลาอยู่ก็คืออยู่ในในโรงพยาบาล
00:14:19 → 00:14:21 ไม่ได้ออกไปไหนก็จะมีตึกแพทย์ในโรงพยาบก็
00:14:21 → 00:14:22 อยู่ในนั้นแหละกินข้าวก็กินในห้องผ่าตัด
00:14:22 → 00:14:25 เราเป็นหมอมันก็ถือว่าเป็นหัวหน้าเนาะราย
00:14:25 → 00:14:27 ได้เราก็มากกว่าก็ก็เลี้ยงแหลกอยู่แล้วก็
00:14:27 → 00:14:31 ก็จัดไปกินกินมีอยู่ในห้องวานั่นแหละเออ
00:14:31 → 00:14:34 ก็ดีฮะเป็นสนุกดีอยากถามอย่างนึงมากเลย
00:14:34 → 00:14:37 ค่ะว่าในอาชีพหมอค่ะอือจริงๆเรื่องของ
00:14:37 → 00:14:40 ความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญความชำนาญ
00:14:40 → 00:14:42 น่ะต้องมีอยู่แล้วอือฮึโดยเฉพาะยิ่งเป็น
00:14:42 → 00:14:45 หมอผ่าตัดที่แบบเราเป็นคนที่ชีวิตคนไข้
00:14:45 → 00:14:47 อยู่ตรงหน้าเราอ่ะค่ะณวินาทีทีนั้นโดย
00:14:47 → 00:14:49 เฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เคสที่แบบมี
00:14:49 → 00:14:52 อุบัติเหตุหรืออะไรเยอะๆอ่ะค่ะคือโดย
00:14:52 → 00:14:53 มนุษย์ทั่วไปมันต้องมีความตื่นเต้นมัน
00:14:53 → 00:14:56 ต้องมีความกังวลมันต้องมีแบบวิตกบ้างอ่ะ
00:14:56 → 00:14:59 แต่คุณหมออ่ะนอกจากความรู้ที่เรามีทางการ
00:14:59 → 00:15:01 แพทย์แล้วอ่ะคุณหมอดีลกับความรู้สึกตื่น
00:15:01 → 00:15:03 เต้นณตอนนั้นหรือความรู้สึกแบบที่มันจะทำ
00:15:03 → 00:15:05 ให้เราประมาทณตอนนั้นยังไงได้บ้างเพื่อ
00:15:05 → 00:15:07 ให้แบบการผ่าตัดดำเนินไปอย่างดีที่สุดอ่ะ
00:15:07 → 00:15:10 ค่ะพวกนี้มันเหมือนการฝึกจิตนะคือยิ่งผ่า
00:15:11 → 00:15:13 ตัดถ้าเราจะผ่าตัดนิ่งเท่าไหร่อ่ะเราต้อง
00:15:13 → 00:15:15 ตัดแฟกเตอร์ความรู้สึกออกไปมากเท่านั้น
00:15:15 → 00:15:17 อาจจะฟังดูโหดร้ายนะครับแต่ว่าคือเราต้อง
00:15:17 → 00:15:20 ไม่รู้สึกว่าfacตorร์อย่างอื่นเนี่ยมาทำ
00:15:20 → 00:15:22 ให้การตัดสินใจของเราไม่ดีอย่างเงี้ไม่
00:15:22 → 00:15:24 ได้คือการผ่าตัดเนี่ยผ่าตัดให้ดีคือผ่า
00:15:24 → 00:15:26 แบบออโตมติกเหมือนหุ่นยนต์เราผ่าตรงนี้
00:15:26 → 00:15:28 เรื่องของคุณหมอดมยาสลบคุณหมอดมยาสลบจัด
00:15:28 → 00:15:30 การตรงนี้เราให้ดีที่สุดเรามีสติให้มาก
00:15:30 → 00:15:32 ที่สุดเลือดจะไหลน้อยไหลมากเราต้องไม่
00:15:32 → 00:15:34 ตื่นเต้นอย่างที่ผมบอกครับเราเป็นมือ
00:15:34 → 00:15:36 หนึ่งหมายความว่าเป็นหัวหน้าในห้องผ่าตัด
00:15:36 → 00:15:39 นั้นถ้าเราตื่นเต้นแล้วเหมือนหัวหน้าหรือ
00:15:39 → 00:15:42 เหมือนผู้นำตื่นเต้นลูกน้องจะลนตามเราจะ
00:15:42 → 00:15:44 ตื่นเต้นเท่าไหร่ไม่มีปัญหาให้อยู่ในใจ
00:15:44 → 00:15:47 เราแต่สิ่งที่เราแสดงออกไปคือ It's โคยัง
00:15:47 → 00:15:49 อยู่ในการควบคุมเสมอแล้วค่อยๆทำต้องบอก
00:15:49 → 00:15:51 งี้ว่าจริงๆแล้วเนี่ยเวลาเราเห็นเรื่อง
00:15:51 → 00:15:53 ยากในห้องผ่าตัดเนี่ยในโลกเนี้ยไม่มี
00:15:53 → 00:15:55 เรื่องยากครับมันมีแต่เรื่องง่ายที่ซับ
00:15:55 → 00:15:57 ซ้อนหมายความว่ามันยากนั่นแหละแต่มัน
00:15:57 → 00:16:00 ประกอบด้วยเรื่องง่าย 100 ชนิดให้เราทำ
00:16:00 → 00:16:02 เรื่องง่าย 100 ชนิดจนครบแล้วเรื่องยากจะ
00:16:02 → 00:16:04 สำเร็จเพราะนั้นการผ่าตัดก็เช่นกันทำตาม
00:16:04 → 00:16:06 สเต็ปทำตามขั้นตอนใช้ความรู้จิตใจก็ต้อง
00:16:06 → 00:16:09 นิ่งก็ต้องบอกตามตรงว่าถ้าจะเป็นหมอผ่า
00:16:09 → 00:16:10 ตัดที่ดีใจมันก็ต้องนิ่งในระดับหนึ่งนะฮะ
00:16:10 → 00:16:13 ถ้าใจไม่นิ่งเป็นอย่างอื่นต้องพูดตาม
00:16:13 → 00:16:15 เนื้อผ้าคือไม่ใช่บางอย่างมันไม่เหมาะหมอ
00:16:15 → 00:16:17 อายุกรรมเจะมีสไตล์แบบคุณหมออยุรกรรมหมอ
00:16:17 → 00:16:19 ผ่าตัดก็มีสไตล์หมอผ่าตัดหมอผ่าตัดหัวใจ
00:16:19 → 00:16:22 หมอผาตัดหลอดเลือดหมอผาตัดไตหมอผาตัดตา
00:16:22 → 00:16:25 ทุกคนมีสไตล์ดังนั้นเรียนในสิ่งที่เข้า
00:16:25 → 00:16:27 กับสไตล์เราแล้วเราจะรู้ว่าอ้อมันใช่แต่
00:16:27 → 00:16:30 ถ้าเราไปฝืนชะตาเลือกในสิ่งที่แบบเขานิยม
00:16:30 → 00:16:33 กันแต่เราไม่ได้ชอบหรือเกี่ยวกับเงินทอง
00:16:33 → 00:16:35 มากมายอะไรอย่างเงี้ยมันก็จะลำบากคือต้อง
00:16:35 → 00:16:37 บอกงี้ฮะว่าถ้าเราเก่งจริงดีจริงอ่ะไม่
00:16:37 → 00:16:39 ต้องห่วงหรอกเรื่องเงินทองนะถ้าเก่งจริง
00:16:39 → 00:16:41 และดีจริงแล้วคุณมีความสามารถจริงอ่ะเงิน
00:16:41 → 00:16:44 ทองมันหาได้อยู่แล้วอ่าเพราะฉะนั้นจง
00:16:44 → 00:16:46 เลือกในสิ่งที่ชอบแล้วคุณทำได้ดีไม่ว่าจะ
00:16:46 → 00:16:48 อาชีพอะไรก็ตามก็ไม่มีปัญหาทั้งสิ้นที่
00:16:48 → 00:16:50 เรายังหาไม่ได้ที่เรายังไม่ประสบความ
00:16:50 → 00:16:53 สำเร็จอาจจะเพราะเรายังเก่งไม่พอก็ไปเก่ง
00:16:53 → 00:16:55 ให้พอในหลายๆอย่างไม่ใช่แค่เรียนเก่งคุณ
00:16:55 → 00:16:57 หมอเนี่ยไม่ใช่ว่าแค่เรียนเก่งกาข้อสอบ
00:16:57 → 00:16:59 เก่งแล้วจะเป็นหมอที่ดีสิ่งที่คนไข้มาหา
00:16:59 → 00:17:02 หมอเไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณหมออ่ะยูจะสอบ
00:17:02 → 00:17:03 ได้ที่ 1 ประเทศไทยหรือเปล่ายูจะได้
00:17:04 → 00:17:06 เหรียญทองหรือเปล่าซึ่งสิ่งที่ได้มันดีนะ
00:17:06 → 00:17:07 ครับเพราะว่ามันไม่ใช่ไม่ดีมันก็ดีได้ก็
00:17:07 → 00:17:10 ดีแต่สิ่งที่คนไข้เขาอยากเจออ่ะคุณหมอพูด
00:17:10 → 00:17:11 น่ารักหรือเปล่าคุณหมอให้กำลังใจหรือ
00:17:11 → 00:17:14 เปล่าถ้ายูเป็นหมอที่เก่งแต่เจอคนไข้มา
00:17:14 → 00:17:16 ปุ๊บอารมณ์หงุดหงิดสาดเสียเทเสียด่าคนไข้
00:17:17 → 00:17:18 คนไข้เค้าก็คงไม่สนหรอกมั้งว่ายูเก่งแค่
00:17:18 → 00:17:21 ไหนมันไม่ใช่เรื่องอย่างน้อยๆถ้าเราไม่
00:17:21 → 00:17:24 เก่งมากนะแต่เวลาคนไข้มาเจอเราแล้วเขาออก
00:17:24 → 00:17:26 ไปนอกห้องตรวจหรือห้องผ่าตัดด้วยรอยยิ้ม
00:17:26 → 00:17:28 นั่นถือว่าคุณเป็นหมอที่ดีมากแล้วเพราะ
00:17:28 → 00:17:30 เวลาผมสอนนักเรียนแพทย์ผมจะสอนเสมอว่า
00:17:30 → 00:17:34 สิ่งที่สำคัญของแพทย์คือรักษาคนไข้ให้โรค
00:17:34 → 00:17:38 หายแล้วก็ให้ใจสบายด้วยถ้าโรคหายแต่จิตใจ
00:17:38 → 00:17:42 แย่ลงรู้สึกเครียดจนเกินไปมันอาจจะยังไม่
00:17:42 → 00:17:44 ใช่การรักษาที่เหมาะสมเท่าไหร่นักการ
00:17:44 → 00:17:46 รักษาที่ดีที่สุดอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับคน
00:17:47 → 00:17:49 ทุกคนบางครั้งเขาไม่ได้ต้องการการรักษา
00:17:49 → 00:17:52 ที่ดีที่สุดเขาต้องการแค่หมอที่ใจดีและ
00:17:52 → 00:17:55 เข้าใจเขาแค่นี้เองผมก็จะสอนอย่างนี้ตลอด
00:17:55 → 00:17:57 อ่าแต่เก่งอ่ะเป็นมาตรฐานแล้วการที่สอบ
00:17:57 → 00:18:00 หมอผ่านอยู่แล้วตามมาตรฐานอย่างน้อยคุณ
00:18:00 → 00:18:02 ไม่แย่อยู่แล้วเพราะฉะนั้นผมคิดว่าโดย
00:18:02 → 00:18:05 มาตรฐานการสอบของประเทศไทยไม่ง่ายถือว่า
00:18:05 → 00:18:06 ยากถือว่าเขี้ยวเพราะฉะนั้นที่ผ่านมาทุก
00:18:06 → 00:18:09 คนเนี่ยผมมั่นใจว่าไม่แย่อยู่แล้วเพราะ
00:18:09 → 00:18:12 นั้นสิ่งที่จะทำให้เป็นหมอที่แตกต่างนั่น
00:18:12 → 00:18:15 คือคนไข้ออกจากห้องตรวจตรวจแล้วเยิ้มได้
00:18:15 → 00:18:18 หรือเปล่าแม้เขาจะมาด้วยโรคเยอะแยะก็ตาม
00:18:18 → 00:18:21 แต่เขาออกไปอย่างน้อยถ้าไม่ยิ้มชีวิตเขา
00:18:21 → 00:18:23 ดีขึ้นจากเดิมหรือเปล่าถ้าเขาเข้ามาใน
00:18:23 → 00:18:25 ห้องตรวจเราแล้วชีวิตเขาแย่กว่าเดิมเขา
00:18:25 → 00:18:27 อยู่บ้านดีกว่าแค่นั้นเองอย่างคุณหมออ่ะ
00:18:27 → 00:18:30 ค่ะเวลาที่เราอาจจะต้องแจ้งโรคคนไข้อ่ะ
00:18:30 → 00:18:32 อือฮึคุณหมอมีวิธีการในการแจ้งยังไงบ้าง
00:18:33 → 00:18:35 เพื่อที่ว่าคือเวลาเขาได้ยินน่ะเวลาเรา
00:18:35 → 00:18:37 รู้ว่าเราเป็นโรคเราจะตกอ่ะค่ะโรคเนี่ย
00:18:37 → 00:18:39 ส่วนใหญ่แจ้งโรคคือโรคโรคมะเร็งล่ะมั้ง
00:18:39 → 00:18:41 ถ้าโรคอย่างอื่นคงแจ้งได้มั้งความดันไข
00:18:41 → 00:18:43 มันเบาหวานมันก็แจ้งตรงๆแหละไม่ต้องคิด
00:18:43 → 00:18:45 มากไปดูแลตัวเองให้ดีใช่มคราวนี้โรค
00:18:45 → 00:18:47 มะเร็งเนี่ยมันมีรายละเอียดซับซ้อนนะครับ
00:18:47 → 00:18:49 ถ้ามันเป็นมะเร็งที่รักษาได้นี้จะแจ้ง
00:18:49 → 00:18:51 ง่ายหน่อยเพราะเราแจ้งปุ๊บเราสามารถให้
00:18:51 → 00:18:53 กำลังใจได้เลยว่ารักษาหายไม่ใช่รักษาหาย
00:18:53 → 00:18:56 อ่ะโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่อีกหลายปี 5 ปี
00:18:56 → 00:18:58 10 ปี 20 ปีมันมีในปัจจุบันแล้วมีวิธี
00:18:58 → 00:19:00 รักษาเรื่อยๆแล้วถ้าเกิดคนไข้อายุไม่ได้
00:19:00 → 00:19:03 มากเงี้ยเราก็แจ้งแบบตรงๆอยู่แล้วนะครับ
00:19:03 → 00:19:06 แต่ค่อยๆพูดไปถามว่าบางคนเรู้อยู่แล้วนะเ
00:19:06 → 00:19:07 ถามบอกว่าคิดว่าเป็นอะไรแล้วก็ถามคนไข้
00:19:07 → 00:19:10 เลยบอกว่าอ่าคุณคิดยังไงกับตัวโลกที่เป็น
00:19:10 → 00:19:13 อยู่นี้รู้อะไรมาบ้างเคยตรวจมาก่อนมั้ย
00:19:13 → 00:19:14 อะไรอย่างเงี้ยก่อนมาหาผมอะไรอย่างเงี้ย
00:19:14 → 00:19:17 ถ้าเค้ารู้อยู่แล้วงี้ง่ายบางคนเหาคุณหมอ
00:19:17 → 00:19:18 คนที่ 2 เท่านั้นเองใช่มั้ย Second
00:19:18 → 00:19:20 Opinion เอาอย่างี้ตอบง่ายแต่ถ้าเกิด
00:19:20 → 00:19:23 สมมุติว่าเยังไม่รู้เลยอ่าเราก็จะตะล่อม
00:19:23 → 00:19:25 ตะล่อมไปก่อนอ่าดูว่าไหวหรือเปล่าถ้าเกิด
00:19:25 → 00:19:28 เขาอายุไม่มากแล้วเา้าก็ไม่ได้มีญาติยัง
00:19:28 → 00:19:30 ไงก็คงต้องบอกเค้าเนาะอ่าก็ค่อยๆบอกไปไม่
00:19:30 → 00:19:33 มีปัญหาอะไรแต่ถ้าอายุเยอะจะต่างพออายุ
00:19:33 → 00:19:35 เยอะเช่นเป็นคุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่าใช่
00:19:35 → 00:19:37 มั้ยลูกหลานก็จะแบบอย่าบอกอย่าบอกจริงๆ
00:19:37 → 00:19:39 มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับสมมุติ
00:19:39 → 00:19:42 ว่าถ้าคุณแพนด้านะจะต้องตายอยากรู้มั้ว่า
00:19:42 → 00:19:45 ตัวเองจะตายด้วยโรคบอกอะไรอยากรู้อืคุณ
00:19:45 → 00:19:47 ปู่คุณย่าคุณตาคุณยายเขาก็อยากรู้ทำไมลูก
00:19:47 → 00:19:49 หลานถึงไม่อยากรู้ไม่อยากให้เขารู้คิดเอา
00:19:49 → 00:19:52 เองเปล่าว่าเขาไม่อยากรู้คิดเอาเองเปล่า
00:19:52 → 00:19:54 ว่าเขาจะเสียกำลังใจคิดเอาเองหรือเปล่า
00:19:54 → 00:19:56 บางอย่างก็คิดเอาเองนะบางทีเราจะตายอยู่
00:19:56 → 00:19:58 แล้วอ่ะอีก 3 เดือนจะตายเรายังไม่รู้เลย
00:19:58 → 00:20:00 เหรอเราเป็นโรคอะไรบางครั้งอ่ะการคิดถึง
00:20:00 → 00:20:03 ใจคนอื่นก็ดีแต่จริงๆแล้วอ่ะเรากำลังคิด
00:20:03 → 00:20:06 ถึงใจเราเองมากเกินไปคือเรากลัวเขาจะรู้
00:20:06 → 00:20:09 สึกไม่ดีแล้วเราจะเศร้าเราลองคิดดูมว่า
00:20:09 → 00:20:11 ถ้าก่อนที่วันที่เขาจะตายอ่ะเขายังไม่รู้
00:20:11 → 00:20:13 เลยว่าเขาจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งอะไร
00:20:13 → 00:20:15 เนี่ยมันจะโอเคมยเพราะฉะนั้นโดยส่วนใหญ่
00:20:15 → 00:20:18 ผมจะคุยกับญาติว่าส่วนตัวอยากให้บอกถ้าคน
00:20:18 → 00:20:21 ไข้พอจะรับไหวเนาะแต่ถ้าคนไข้แบบจิตใจ
00:20:21 → 00:20:24 เค้าบางมากซึ่งเข้าใจได้เนาะก็อาจจะให้
00:20:24 → 00:20:26 รักษาเบื้องต้นไปก่อนสักพักนึงให้เค้า
00:20:26 → 00:20:29 ค่อยๆรู้ไปด้วยตัวเองเช่นเจอเพื่อนข้างๆ
00:20:29 → 00:20:31 อาการดีขึ้นเช่นโรคมะเร็งที่พอรักษาได้
00:20:31 → 00:20:34 อ่ะที่ดีขึ้นอย่างเงี้ยเขาก็จะมีกำลังใจ
00:20:34 → 00:20:35 แล้วเดี๋ยวนี้มีมะเร็งตับอย่างเงี้ยนะฉีด
00:20:35 → 00:20:38 ยาเข้าไปทางขาหนีบเอาก้อนไปอุดปกติมะเร็ง
00:20:38 → 00:20:41 ตับถ้าผ่าไม่ได้แต่ก่อนก็กดเลยสมัยนี้ก็
00:20:41 → 00:20:43 ไปอุดมะเร็งตับนี่ที่ดูกันอยู่กับเพื่อน
00:20:43 → 00:20:46 ช่วยกันดูเนี่ยอยู่มา 3 ปี 5 ปียังยิ้ม
00:20:46 → 00:20:49 แป้นอยู่เลยก็โอเคซึ่งบางคนก็มารู้ตอนที่
00:20:49 → 00:20:51 รักษาไปแล้ว 3-4 ครั้งก็คุยกับญาติแล้ว
00:20:51 → 00:20:52 บอกว่าบอกได้แล้วล่ะเพราะว่าอาการดีขึ้น
00:20:52 → 00:20:56 เยอะแล้วมันไม่มีอะไรถูกหรือผิดมันมีแต่
00:20:56 → 00:20:58 อะไรเหมาะสมและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ
00:20:58 → 00:21:01 คุยคุยกับญาติคุยกับคนไข้แต่ก็สงสารและ
00:21:01 → 00:21:03 เห็นใจคุณหมอในปัจจุบันนะฮะเวลามันน้อย
00:21:03 → 00:21:05 เหลือเกินคนไข้มันเยอะเหลือเกินแต่ก็
00:21:05 → 00:21:08 อย่างที่บอกฮะสู้ๆครับเราบ่นไปชีวิตก็
00:21:08 → 00:21:09 ต้องทำอยู่ดีเนาะเพราะฉะนั้นทำแล้วไม่บ่น
00:21:10 → 00:21:12 ก็จะดีเหมือนเดิมใจเราก็จะเบากว่าไงคือ
00:21:12 → 00:21:13 รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันไม่โอเคหรอกการตรวจ
00:21:13 → 00:21:16 คนไข้เยอะๆจนโอเวอร์โหลADผมก็เข้าใจได้
00:21:16 → 00:21:19 แต่บางทีเราอยู่ในประเทศที่ยังไม่ถึงจุด
00:21:19 → 00:21:22 ที่เราจะตรวจได้สบายใจตรวจคนไข้วันละ 5
00:21:22 → 00:21:25 คน 10 คนมันคงยังเป็นไปได้ยากจำนวนคนไข้
00:21:25 → 00:21:28 เยอะเยอะอยากรู้อย่างนึงค่ะว่าจริงๆเรา
00:21:28 → 00:21:32 ทุกคนน่ะยังไงก็มีความตายเป็นปลายทางใช่
00:21:32 → 00:21:33 ไม่ว่าจะเกิดจากโรคภัยหรือแม้กระทั่ง
00:21:33 → 00:21:36 อุบัติเหตุอย่างที่คุณหมอบอกระเบิดหรือ
00:21:36 → 00:21:38 อะไรก็ตามที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อ
00:21:38 → 00:21:41 ไหร่ก็ได้ค่ะแล้วเราจะมีวิธีการอยู่กับ
00:21:41 → 00:21:43 ความตายที่อยู่ใกล้แค่ลมหายใจนึงเนี่ยยัง
00:21:43 → 00:21:46 ไงให้ชีวิตยังมีความสุขอยู่ค่ะหมายถึงว่า
00:21:46 → 00:21:48 อันนี้รู้ว่าจะตายหรือยังหรือว่าก็คือ
00:21:48 → 00:21:49 อยู่อยู่ไปเนี่ยทุกวันเเราก็กำลังจะตาย
00:21:49 → 00:21:52 อยู่แล้วอยู่ๆไปทุกวันยังไม่รู้คืออย่าง
00:21:52 → 00:21:54 งี้ฮะความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนในโลกนี้
00:21:54 → 00:21:57 ไม่มีอะไรแน่นอนแต่ความตายนี่แหละแน่นอน
00:21:57 → 00:21:59 ตายแน่ๆแล้วเราควบคุมได้มั้ยความตายเรา
00:21:59 → 00:22:02 ควบคุมไม่ได้ถูกต้องมั้ยยังไงก็ตายแต่ไม่
00:22:02 → 00:22:04 รู้ตายท่าไหนอะไรที่ควบคุมไม่ได้ก็ไม่
00:22:04 → 00:22:06 ต้องไปคิดถึงมันนะสิ่งที่สำคัญคือณเวลา
00:22:06 → 00:22:08 นี้ที่เราอยู่อ่ะเราทำอะไรอยู่อยู่กับ
00:22:08 → 00:22:10 ปัจจุบันอดีตคิดถึงได้สัก 10% เพื่อนำมา
00:22:10 → 00:22:13 เป็นบทเรียนอนาคตคิดถึงได้สัก 10% เพื่อ
00:22:13 → 00:22:15 ให้ไม่ประมาท 80% อยู่กับปัจจุบันเพื่อ
00:22:15 → 00:22:18 ใช้ชีวิตให้ดีแค่นี้เองตายก็ตายถ้าเราทำ
00:22:18 → 00:22:20 ดีมามากพออ่ะสมมุติว่าถ้าเราหยุดนับถือ
00:22:20 → 00:22:22 พุทธศาสนาใช่มั้ฮะผมนับถือพุทธศาสนาถ้า
00:22:22 → 00:22:26 เราทำดีมากพอความตายก็คือยังไม่อยากตายนะ
00:22:26 → 00:22:28 แต่ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้น่ากลัวมากนะแต่
00:22:28 → 00:22:30 ไม่ตายดีกว่านะยังยังอยากอยู่ลูกก็ยัง
00:22:30 → 00:22:33 เล็กอะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าจะต้องตายก็น่า
00:22:33 → 00:22:35 จะพอไหวว่ะ
00:22:35 → 00:22:37 ก็เตรียมตัวให้พร้อมครับถ้าเรากังวลอ่ะ
00:22:37 → 00:22:39 อย่างผมจะเตรียมตัวผมมีครอบครัวใช่มั้ผม
00:22:39 → 00:22:41 ก็จะเตรียมตัวไม่ว่าจะเป็นประกันไม่ว่าจะ
00:22:41 → 00:22:43 เป็นสิ่งต่างๆตอนตายเราจะได้ไม่ต้องห่วง
00:22:43 → 00:22:45 ไม่ว่าจะเป็นลูกภรรยาครอบครัวก็เตรียมไว้
00:22:46 → 00:22:48 ให้หมดอะไรอย่างเงี้ยเออคือถ้าเตรียมได้
00:22:48 → 00:22:50 ก็ดีในสิ่งที่เหมาะสมประมาณนั้นสุดท้าย
00:22:50 → 00:22:53 อยากให้คุณหมอฝากอะไรถึงกับทุกๆคนเพราะ
00:22:53 → 00:22:54 ว่าอย่างที่เราฟังกันมาทั้งหมดเนี่ยค่ะ
00:22:54 → 00:22:57 จริงๆสถานการณ์ประเทศไทยก็คือเราอ่ะมีผู้
00:22:57 → 00:23:00 ป่วยเยอะขึ้นมีคุณหมอน้อยไม่เพียงพอต่อ
00:23:00 → 00:23:02 การดูแลทุกๆคนอย่างทั่วถึงจริงๆแล้วเนี่ย
00:23:02 → 00:23:05 เรื่องของสุขภาพอ่ะอย่ารอให้เป็นหน้าที่
00:23:05 → 00:23:07 ของคุณหมอเลยเออทุกคนก็คืออยากให้ดูแลตัว
00:23:07 → 00:23:10 เองตั้งแต่วันนี้คุณหมออยากฝากอะไรบ้าง
00:23:10 → 00:23:13 ค่ะง่ายๆครับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก
00:23:13 → 00:23:15 คือโรงพยาบาลที่ท่านไม่ต้องไปยาที่ดีที่
00:23:15 → 00:23:18 สุดในโลกคือยาที่ท่านไม่ต้องทานดังนั้นดู
00:23:18 → 00:23:20 แลตัวเองตั้งแต่วันนี้จะได้ใช้โรงพยาบาล
00:23:20 → 00:23:22 และยาที่ดีที่สุดคือโรงพยาบาลที่ไม่ต้อง
00:23:22 → 00:23:25 ไปและยาที่ไม่ต้องทานแค่นี้เองครับอืค่ะ
00:23:25 → 00:23:28 อ๋อขอบคุณคุณหมอมากนะคะวันนี้ได้ฟัง
00:23:28 → 00:23:30 เรื่องของคุณหมอแล้วก็ได้เห็นหลายๆอย่าง
00:23:30 → 00:23:32 รวมถึงอันนี้เป็นเรื่องจริงมากๆเลยที่ว่า
00:23:32 → 00:23:34 เอ้ยทุกวันนี้คนเราป่วยมากขึ้นแล้วก็ใช้
00:23:34 → 00:23:37 ชีวิตโดยที่อาจจะไม่ได้รับผิดชอบต่อคน
00:23:37 → 00:23:39 อื่นมากนักอ่าเพราะเราก็อาจจะใช้ชีวิตไป
00:23:39 → 00:23:42 ตามความสุขของเราโดยที่เราอาจจะบอกว่าเรา
00:23:42 → 00:23:44 รักตัวเองแต่อาจจะเป็นความรักที่ไม่ถูก
00:23:44 → 00:23:46 ต้องเพราะว่าวันนึงที่เราป่วยขึ้นมามัน
00:23:46 → 00:23:48 ไม่ได้เอฟเฟคแค่ตัวเราอาจจะเอฟเฟคต่อคุณ
00:23:48 → 00:23:52 หมอสังคมแล้วก็จริงๆก็คือเอฟเฟคเยอะเลย
00:23:52 → 00:23:54 สิ่งที่เวลาเราไม่ดูแลตัวเองเนี่ยคนที่
00:23:54 → 00:23:56 โดนเอฟเฟคสุดเนี่ยคือคนที่เรารักและ
00:23:56 → 00:23:58 เอฟเฟคสุดๆเลยถ้าคนที่เรารักเนี่ยเขารัก
00:23:59 → 00:24:02 เรามากๆเขาจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเขามาดู
00:24:02 → 00:24:05 แลเราและเขาจะสูญเสียชีวิตของเขาไปทั้ง
00:24:05 → 00:24:07 ชีวิตเพื่อมาดูแลเราเพราะเราเห็นกับตัว
00:24:07 → 00:24:11 ไม่ดูแลตัวเองถ้าเรารักลูกหลานของเราจริง
00:24:11 → 00:24:13 ดูแลตัวเองสิ่งที่เราให้ลูกหลานไม่จำเป็น
00:24:13 → 00:24:16 ต้องเป็นเงินทองส่วนตัวผม 1 คือความรู้ 2
00:24:16 → 00:24:18 คือความรัก 3 คือสุขภาพของเราเราให้เค้า
00:24:18 → 00:24:21 แล้วนอกนั้นมันเป็นชีวิตที่เขาไปตามหาเอา
00:24:21 → 00:24:25 เองแต่เราจะไม่ไปเอาชีวิตของเขามาดูแลเรา
00:24:25 → 00:24:28 ไปตลอดชีวิตเพราะชีวิตของแต่ละคนก็มีเป้า
00:24:28 → 00:24:31 หมายในชีวิตของแต่ละคนเราจะไม่ไปถ่วงรั้ง
00:24:31 → 00:24:34 ใครไว้โดยเฉพาะคนที่เรารักแค่นั้นเองอื
00:24:34 → 00:24:38 สุดยอดมากเลยค่ะจบที่เราเบาที่สุดแน่นอน
00:24:38 → 00:24:41 ค่ะก็วันนี้นะคะได้ความรู้เยอะมากๆแล้วก็
00:24:41 → 00:24:43 ฝากทุกคนนะคะกดไลก์กดแชร์คลิปนี้นะคะส่ง
00:24:43 → 00:24:46 ไปให้ครอบครัวหรือว่าคนที่คุณรักฟังก็ได้
00:24:46 → 00:24:48 นะคะเราจะได้มาตระหนักถึงเรื่องสุขภาพกัน
00:24:48 → 00:24:50 มากขึ้นเนาะแล้ววันนี้ค่ะทางเกลาก็มี
00:24:50 → 00:24:52 กระเป๋าผ้ามามอบให้คุณหมอด้วยค่ะอ่า
00:24:52 → 00:24:54 ขอบคุณมากครับขายด้วยมั้ยครับนี่ขายค่ะ
00:24:54 → 00:24:56 ขายเหมือนเดิมอ๋อขายทุกอย่างนะฮะมีขายหมด
00:24:56 → 00:24:59 กระเป๋าส่งเสื้อมีหมดแล้วกระเป๋านี้ดีนะ
00:24:59 → 00:25:02 อนุรักษ์โลกใช่มั้ยอ่าใช้ซ้ำได้นะครับก็
00:25:02 → 00:25:06 พกพาไว้จะได้เตือนสติตัวเองว่าเราจะได้มี
00:25:06 → 00:25:09 ชีวิตที่ดีเราจะได้มีสุขภาพที่ดีกำลังกาย
00:25:09 → 00:25:11 กำลังใจที่ดีถ้าตื่นมาเห็นแล้วเราจะรู้
00:25:11 → 00:25:13 ว่าสิ่งที่เราต้องเกลาที่สุดก็คือตัวเรา
00:25:13 → 00:25:16 เองแบบนี้เป็นต้นนะครับโอเคนะคะอุดหนุน
00:25:16 → 00:25:18 กันได้นะคะที่ใต้ description นี้นะคะมี
00:25:18 → 00:25:20 เสื้อกระเป๋าผ้าแล้วก็หมวกค่ะฮะกระเป๋า
00:25:20 → 00:25:23 อายุยืนแขวนปุ๊บอายุยืน 10 ปีใช่ค่ะและ
00:25:23 → 00:25:26 นอกจากนั้นก็ยังมีนี่ค่ะอ่าหนังสือเล่ม
00:25:26 → 00:25:29 นี้ครับ 49 Habit นิสัยง่ายๆชีวิตโคตรดี
00:25:29 → 00:25:31 นะครับก็เป็นหนังสือเล่มนึงเป็น 1 ใน 3
00:25:31 → 00:25:33 เล่มล่าสุดที่ผมเขียนเอาไว้นะครับก็ถือ
00:25:33 → 00:25:36 ว่าเป็นหนังสือเล่มที่ส่วนตัวเลยนะคิดว่า
00:25:37 → 00:25:38 ถ้าใครได้อ่านเล่มนี้ถ้าเป็นตัวผมตัวเอง
00:25:38 → 00:25:40 นะได้อ่านเล่มนี้เมื่อ 20 ปีก่อนชีวิตผม
00:25:41 → 00:25:42 ดีกว่านี้อีก 10 เท่าแต่ชีวิตตอนนี้ผมก็
00:25:42 → 00:25:44 รู้สึกดีแล้วนะแต่ผมมั่นใจว่าถ้า 20 ปี
00:25:44 → 00:25:47 ก่อนผมได้อ่านเล่มนี้โคตรดีดังนั้นถ้า
00:25:47 → 00:25:49 ท่านจะซื้อหนังสือเล่มนึงให้คนที่ท่านรัก
00:25:49 → 00:25:50 แล้วอยากให้เขามีชีวิตที่ดีหรือตัวท่าน
00:25:51 → 00:25:53 เองอยากมีชีวิตที่ดีแบบง่ายๆนี่จะเป็น
00:25:53 → 00:25:55 สิ่งที่ท่านลงทุนและคุ้มค่าที่สุดในชีวิต
00:25:55 → 00:25:57 ครับเพราะความรู้ไม่มีใครเอาไปจากท่านได้
00:25:57 → 00:26:00 ซื้อแล้วอ่านแล้วมันจะอยู่ในสมองของท่าน
00:26:01 → 00:26:03 อยู่ในจิตใจของท่านแล้วทำมันออกมาแล้ว
00:26:03 → 00:26:05 ชีวิตท่านจะเปลี่ยนไปผมมั่นใจว่าถ้าท่าน
00:26:05 → 00:26:07 อ่านหนังสือเล่มนี้ภายใน 3 เดือนชีวิต
00:26:07 → 00:26:09 ท่านจะไม่เหมือนเดิมจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
00:26:09 → 00:26:12 เดิมอย่างที่ท่านไม่เคยคาดคิดมาก่อนแน่
00:26:12 → 00:26:16 นอนครับแล้วไม่มีอะไรที่จะดีมากกว่าตอน
00:26:16 → 00:26:19 นี้แน่นอนเริ่มเลยเริ่มเลยนะครับโอเค
00:26:19 → 00:26:23 ขอบคุณค่ะคุณครับสวัสดีครับ
00:26:23 → 00:26:43 [เพลง]