00:00:00 → 00:00:02 Intermittent fasting มันก็แปลว่า
00:00:02 → 00:00:05 การอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:00:05 → 00:00:08 ซึ่งระยะเวลานั้นก็แล้วแต่เทคนิค
00:00:08 → 00:00:09 แล้วแต่ความทนทานของร่างกาย
00:00:09 → 00:00:13 ถ้าท่านที่้ยังไม่รู้จัก Intermittent fasting
00:00:13 → 00:00:15 วันนี้จะได้รู้จักเป็นอย่างดีเลยครับ
00:00:23 → 00:00:25 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:25 → 00:00:26 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:26 → 00:00:29 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:30 → 00:00:32 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:32 → 00:00:35 7 ข้อดีของ Intermittent fasting
00:00:35 → 00:00:38 ถ้าสำหรับท่านที่ยังไม่รู้จัก Intermittent fasting
00:00:38 → 00:00:40 วันนี้จะได้รู้จักเป็นอย่างดีเลยครับ
00:00:40 → 00:00:43 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:43 → 00:00:45 กด Subscibe และกดกระดิ่งขอบคุณครับ
00:00:45 → 00:00:48 สำหรับ Intermittent fasting มันก็แปลเป็นไทยว่า
00:00:48 → 00:00:52 การอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:00:52 → 00:00:55 ซึ่งระยะเวลานั้นก็แล้วแต่เทคนิค
00:00:55 → 00:00:57 แล้วแต่ความทนทานของร่างกายนะครับ
00:00:57 → 00:01:01 โดยทั่วไปก็จะอดอาหารประมาณ 16 ชั่วโมง
00:01:01 → 00:01:04 แล้วก็กินอาหาร 8 ชั่วโมง ก็ครบ 24 ชั่วโมงพอดี
00:01:04 → 00:01:06 ซึ่งช่วงเวลาอาจจะเป็น 12 ชั่วโมงก็ได้
00:01:06 → 00:01:09 13 ชั่วโมง 15 ชั่วโมง 16 ชั่วโมงก็ได้
00:01:09 → 00:01:12 หรือบางอันก็จะมีอด 24 ชั่วโมง
00:01:12 → 00:01:15 อด 72 ชั่วโมง แล้วก็กิน 72 ชั่วโมง
00:01:15 → 00:01:18 อันนี้ก็แล้วแต่ก็ค่อนข้างเอ็กซ์สตรีมนิดนึง
00:01:18 → 00:01:21 แต่สำหรับผมผมใช้ 16/8
00:01:21 → 00:01:24 ก็คืออด 16 ชั่วโมง ทาน 8 ชั่วโมง
00:01:24 → 00:01:26 อันนี้คือส่วนตัวที่ใช้และรู้สึกว่ามันดี
00:01:26 → 00:01:28 ก็เลยวันนี้อยากจะมาแชร์ให้ฟังว่า
00:01:28 → 00:01:31 มันน่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างเผื่อใครอยากลองทำ
00:01:31 → 00:01:34 คือก่อนที่คิดว่ามันไม่น่าจะทำได้หรอก
00:01:34 → 00:01:36 อดอาหารอะไรนานขนาดนั้น
00:01:36 → 00:01:38 กินแค่ 8 ชั่วโมง อีก 16 ชั่วโมงไม่กิน
00:01:38 → 00:01:41 บางทีเราได้ทำอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวครับ
00:01:41 → 00:01:44 เช่น ถ้าท่านทานอาหารเสร็จ 6 โมงเย็น
00:01:44 → 00:01:46 แล้วก็ไม่ได้กินอะไรเลย กินน้ำเปล่านิดหน่อย
00:01:46 → 00:01:50 แล้วก็ไปเข้านอนสักตอน 3-4 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ดีมาก
00:01:50 → 00:01:51 ซึ่งควรเข้านอนอะเนอะ
00:01:51 → 00:01:54 แล้วท่านก็ไปตื่นสัก 6 โมงเช้า
00:01:54 → 00:01:57 อาจจะกินน้ำเปล่าเล็กน้อยหรือกินกาแฟดำที่ไม่มีแคลอรี่
00:01:57 → 00:02:00 แล้วท่านก็ทำนู่นทำนี่จนประมาณ 8 โมงเช้า
00:02:00 → 00:02:02 ท่านถึงจะเริ่มทานอาหารนะครับ
00:02:02 → 00:02:04 ก็แปลว่าท่านไม่ได้ทานอะไรเลย
00:02:04 → 00:02:08 ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็น จนถึง 8 โมงเช้า
00:02:08 → 00:02:10 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรเลย
00:02:10 → 00:02:13 ก็คือประมาณ 14 ชั่วโมงก็ถือว่า
00:02:13 → 00:02:15 เป็น fasting 14/10 ครับ
00:02:15 → 00:02:18 คือไม่กิน 14 แล้วกินแค่ 10 ชั่วโมง
00:02:18 → 00:02:20 แบบนี้ก็ถือเป็น fasting ชนิดนึงแล้วครับ
00:02:21 → 00:02:25 แต่ถ้าเกิดบางท่านอยากจะนานกว่านั้นก็กิน 10 โมงเช้าเลย
00:02:25 → 00:02:28 รวบอาหารเช้ากับเที่ยงเข้าด้วยกันก็เป็น 16/8
00:02:28 → 00:02:30 ก็เหลือกินแค่วันละ 2 มื้อเท่านั้นเองครับ
00:02:30 → 00:02:34 อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดและความสะดวกครับ
00:02:34 → 00:02:37 คราวนี้ถามบอกว่าทำไมทำไม Intermittent fasting
00:02:37 → 00:02:41 ต้องบอกว่าบางท่านอาจจะเข้าใจว่า Intermittent fasting
00:02:41 → 00:02:43 สำหรับการลดน้ำหนักอย่างเดียว
00:02:43 → 00:02:44 ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่นะครับ
00:02:44 → 00:02:47 Intermittent fasting ไม่ได้บอกว่าเราจะลดน้ำหนักอย่างเดียว
00:02:47 → 00:02:49 มันมีข้อดีอีกหลายข้อครับ
00:02:49 → 00:02:52 ซึ่งวันนี้รวบรวมมาได้ถึง 7 ข้อด้วยกันนั่นเองครับ
00:02:52 → 00:02:55 มาเริ่มกันเลยครับ สำหรับข้อที่ 1 เจ๋งมากๆ เลย
00:02:55 → 00:02:58 ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
00:02:58 → 00:03:01 เช่น อัลไซเมอร์หรือพาร์กินสัน
00:03:01 → 00:03:05 คือจากงานวิจัยล่าสุดของ John Hopkins School of Medicine
00:03:05 → 00:03:08 ก็คือมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์บอกว่า
00:03:08 → 00:03:12 Intermittent fasting ทำให้สมองได้รับผลในเชิงบวก
00:03:12 → 00:03:15 แล้วก็การลดจำนวนแคลอรี่อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์
00:03:15 → 00:03:19 ก็คือไม่ได้กินเยอะมีการอดอาหารบ้าง 2 วัน
00:03:19 → 00:03:22 จะทำให้สมองส่วนที่ Pocampus มีการปรับตัว
00:03:22 → 00:03:25 และทำให้การเชื่อมตัวของเซลล์ประสาทต่างๆ ดีขึ้นมาก
00:03:25 → 00:03:26 โอ้โห สุดยอดครับ
00:03:26 → 00:03:29 ซึ่งมันเป็นผลดีต่อร่างกายมากๆ เลยนะครับ
00:03:29 → 00:03:33 ที่จะสามารถป้องกันเกี่ยวกับโรคของระบบประสาทได้
00:03:33 → 00:03:35 คือเห็นได้ชัดเลยครับว่า
00:03:35 → 00:03:39 การลดแคลอรี่มีผลต่อสุขภาพของสมองนะครับ
00:03:39 → 00:03:43 คล้ายๆ กับสมองเราได้ออกกำลังกาย
00:03:43 → 00:03:46 เมื่อเราอดอาหารร่างกายของเรา
00:03:46 → 00:03:49 จะเก็บสะสม Glycogen ที่ตับของเรา
00:03:49 → 00:03:53 ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเผาผลาญไขมันของเราในร่างกายนั่นเอง
00:03:53 → 00:03:55 แล้วไขมันที่ถูกเผาผลาญแล้ว
00:03:55 → 00:03:58 ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็น KETO
00:03:58 → 00:04:00 ตัวนี้สำคัญคับ KETO ทำไมครับ
00:04:00 → 00:04:04 เพราะว่า KETO เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของสมอง
00:04:04 → 00:04:06 โอ้โห อันนี้สุดยอดเลย
00:04:06 → 00:04:08 เมื่อมี KETO เยอะสมองก็ได้พลังงานเยอะ
00:04:08 → 00:04:12 เมื่อสมองได้พลังงานเยอะก็มีการซ่อมแซมการเติบโต
00:04:12 → 00:04:16 เพราะฉะนั้นก็เป็นการป้องกันสมองเสื่อมได้เป็นอย่างดี
00:04:16 → 00:04:18 อันนี้เจ๋งมากๆ เลยมีการวิจัยรองรับ
00:04:18 → 00:04:21 โดยบอกว่าการทำ Intermittent fasting
00:04:21 → 00:04:26 น่าจะช่วยทำให้อาการสมองเสื่อมช้าลง
00:04:26 → 00:04:30 แล้วก็มีความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาวดีขึ้น
00:04:30 → 00:04:31 นี่ก็คือข้อดีข้อที่ 1 ครับ
00:04:31 → 00:04:36 สามารถป้องกันสมองเสื่อมอัลไซเมอร์และพาร์กินสันได้
00:04:36 → 00:04:37 สุดยอดมากครับ
00:04:39 → 00:04:43 มาต่อกันที่ข้อดีข้อที่ 2 ของการทำ Intermittent fasting
00:04:43 → 00:04:48 ช่วยกระตุ้นการล้างสารพิษและลดความเครียด
00:04:48 → 00:04:51 โอ้โห มาดูกันว่ามันเป็นยังไงครับ
00:04:51 → 00:04:54 คือเขาบอกว่าโดยปกติร่างกายของเรา
00:04:54 → 00:04:57 พยายามที่จะขับสารพิษออกจากร่างกายอยู่แล้ว
00:04:57 → 00:04:58 สารพิษเราได้มาจากไหนครับ
00:04:58 → 00:05:00 ก็จากอาหารที่เราทานเนี่ยแหละครับ
00:05:01 → 00:05:03 คืออาหารของเราที่ทานเข้าไป
00:05:03 → 00:05:07 มันก็มีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์
00:05:07 → 00:05:10 ส่วนที่เป็นประโยชน์ร่างกายเราก็ดูดซึมเข้าไปใช่ไหมครับ
00:05:10 → 00:05:13 ส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ก็จะโดนทำลายโดยตับบ้าง
00:05:13 → 00:05:16 โดนทำลายโดยไตบ้างใช่ไหมครับ
00:05:16 → 00:05:20 คราวนี้ถ้าเกิดเรายืดระยะเวลาที่นำของเสียเข้าร่างกาย
00:05:20 → 00:05:22 หรือนำอาหารเข้าร่างกายของเรา
00:05:22 → 00:05:28 ร่างกายก็จะมีเวลาในการกำจัดของเสียนั่นเอง
00:05:28 → 00:05:29 ก็คือมีเวลามากขึ้น
00:05:29 → 00:05:33 เพราะฉะนั้นร่างกายเราก็จึงสะอาดมากขึ้น
00:05:33 → 00:05:36 ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากๆ นะครับ
00:05:36 → 00:05:39 ก็มีการศึกษาหลายการศึกษาเลยพบว่า
00:05:39 → 00:05:42 คนที่กินอาหารโปรตีนชนิดดีนะครับ
00:05:42 → 00:05:43 อาหารแคลอรี่ต่ำ
00:05:43 → 00:05:47 และใช้วิธี Intermittent fasting ควบคู่ไปด้วย
00:05:47 → 00:05:50 จะทำให้ร่างกายขับสารพิษได้ดียิ่งขึ้น
00:05:50 → 00:05:52 ลดระดับความเครียดได้ดีมาก
00:05:52 → 00:05:55 ซึ่งมันจะส่งผลไปเรื่องของโรคหัวใจที่ลดลง
00:05:55 → 00:05:58 โรคมะเร็งที่ลดลง โรคเบาหวานที่ลดลง
00:05:58 → 00:06:03 และไม่พอความเครียดต่างๆ ก็จะลดลงเป็นอย่างมาก
00:06:03 → 00:06:06 และนี่ก็เป็นข้อที่ 2 ของ Intermittent fasting
00:06:07 → 00:06:11 สามารถที่จะล้างสารพิษได้ดีและลดความเครียดได้ด้วยครับ
00:06:12 → 00:06:14 มาต่อกันข้อที่ 3 ครับ
00:06:14 → 00:06:16 ข้อที่ 3 ของ Intermittent fasting ก็คือ
00:06:16 → 00:06:18 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:06:18 → 00:06:21 ต้องบอกงี้ครับ การลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:06:21 → 00:06:23 ไม่เกี่ยวกับอ้วนหรือไม่เกี่ยวกับผอม
00:06:23 → 00:06:26 บางท่านผอมติดกระดูกเลย คอเลสเตอรอล 400
00:06:27 → 00:06:32 บางท่านอ้วนมากเลย คอเลสเตอรอลฃ 150
00:06:32 → 00:06:34 เพราะฉะนั้นอ้วนหรือผอมไม่ได้บอกว่า
00:06:34 → 00:06:36 คอเลสเตอรอลจะน้อยหรือจะมากนะครับ
00:06:36 → 00:06:38 เพราะฉะนั้นจะต้องแยกประเด็นออกไป
00:06:38 → 00:06:41 เพราะฉะนั้นวิธีทำ Intermittent fasting
00:06:41 → 00:06:44 สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
00:06:44 → 00:06:47 คอเลสเตอรอลโดยรวมที่เป็นคอเลสเตอรอลไม่ดีได้
00:06:47 → 00:06:50 แล้วก็ไขมันที่ไม่ดีหรือไขมันตัวแย่
00:06:50 → 00:06:52 ที่ชื่อว่า LDL ก็ลดได้
00:06:52 → 00:06:54 แล้วก็ไขมันอีกตัวที่ลดได้ก็คือ Triglyceride
00:06:54 → 00:06:56 ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มันสูงนะครับ
00:06:56 → 00:07:01 แต่ HDL หรือไขมันดีในร่างกายมันไม่ลดครับ
00:07:01 → 00:07:04 ก็คือมันจะลดแต่ตัวที่แย่แต่ตัวดีมันไม่ลด
00:07:04 → 00:07:05 สุดยอดเลย
00:07:05 → 00:07:09 ซึ่งไขมันที่ดีมันจะดีต่อหลอดเลือดทั้งร่างกายของเรา
00:07:09 → 00:07:13 ซึ่งก็จะทำให้ทั้งสมองเรามีเลือดไปเลี้ยงได้ดี
00:07:13 → 00:07:15 หัวใจมีเลือดไปเลี้ยงได้ดี
00:07:15 → 00:07:17 เพราะฉะนั้นเราก็จะสุขภาพดีถ้าหลอดเลือดดี
00:07:17 → 00:07:20 อันนี้ตรงไปตรงมาง่ายมากๆ เลยครับ
00:07:20 → 00:07:23 เพราะฉะนั้น Intermittent fasting ข้อดีข้อที่ 3 ของเขาคือ
00:07:23 → 00:07:26 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีครับ
00:07:26 → 00:07:29 มาต่อกันข้อดีข้อที่ 4 ครับ
00:07:30 → 00:07:33 ข้อดีข้อที่ 4 ของ Intermittent fasting ก็คือ
00:07:33 → 00:07:37 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:07:37 → 00:07:41 ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดสามารถที่จะลดได้พอสมควรเลย
00:07:41 → 00:07:43 สำหรับผู้ที่ทำ Intermittent fasting
00:07:43 → 00:07:45 คือเมื่อไหร่งดอาหารในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:07:45 → 00:07:48 แปลว่าน้ำตาลเราก็จะไม่สูงใช่ไหมครับ
00:07:48 → 00:07:51 เพราะฉะนั้นอินซูลินในเลือดของเรา
00:07:51 → 00:07:54 ก็จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
00:07:54 → 00:07:57 ซึ่งมันก็จะทำให้ได้ผลดีหลายๆ อย่างเลย
00:07:57 → 00:08:00 คือมีรายงานใน World Journal of Diabetes
00:08:00 → 00:08:04 หรือว่าการวิจัยระดับโลกเกี่ยวกับเรื่องของโรคเบาหวาน
00:08:04 → 00:08:10 ว่าทำการ IF สามรถช่วยผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูง
00:08:10 → 00:08:12 ทำให้มันลดลงได้นะครับ
00:08:12 → 00:08:16 แล้วก็จะทำให้สามารถที่จะลดปริมาณยาในการใช้
00:08:16 → 00:08:19 บางท่านอาจจะหยุดยาเบาหวานได้เลยด้วย
00:08:19 → 00:08:21 ถ้าเกิดไม่ได้เป็นมากมายนัก
00:08:21 → 00:08:24 เพราะฉะนั้น Intermittent fasting ข้อดีข้อที่ 4 คือ
00:08:24 → 00:08:28 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดีครับ
00:08:29 → 00:08:32 มาต่อกันที่ข้อที่ 5 ครับ
00:08:32 → 00:08:35 ข้อที่ 5 ของข้อดีของ Intermittent fasting ก็คือ
00:08:35 → 00:08:41 ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ และช่วยให้อายุท่านยืนขึ้น
00:08:41 → 00:08:43 ถามว่าลดความเสี่ยงโรคอะไรบ้างนะครับ
00:08:43 → 00:08:46 โรคที่เด่นๆ เลยก็คือ โรคหัวใจ
00:08:46 → 00:08:50 เพราะว่าการทำ Intermittent fasting ทำให้ไขมันในเลือดลดลง
00:08:50 → 00:08:53 ไขมันในเลือดลดลงมันก็ไม่ไปอุดหลอดเลือด
00:08:53 → 00:08:56 เพราะฉะนั้นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
00:08:56 → 00:08:59 มันก็จะมีก็จะไม่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด
00:08:59 → 00:09:01 หลอดเลือดที่จะไปเลี้ยงสมองมันก็จะเยี่ยม
00:09:01 → 00:09:06 มันก็จะทำให้เราสมองดีไม่เป็นโรคสโตรก
00:09:06 → 00:09:10 นั่นก็คือสมองขาดเลือดนั่นเองครับ
00:09:10 → 00:09:12 อันนี้ก็จะทำให้เรามีอายุยืนขึ้น
00:09:12 → 00:09:16 แล้วก็ไม่เป็นพิกงพิการก็มากๆ เลยนะครับ
00:09:16 → 00:09:20 สำหรับข้อที่ 5 สำหรับลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
00:09:20 → 00:09:22 และช่วยให้อายุยืนขึ้นครับ
00:09:23 → 00:09:26 มาต่อกันที่ข้อดีข้อที่ 6 ของ Intermittent fasting
00:09:26 → 00:09:27 อันนี้เด็ดๆ เลยครับ
00:09:27 → 00:09:33 ก็คือช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
00:09:33 → 00:09:39 คือบอกเลยว่าในปัจจุบันผมว่า IF เป็นที่นิยมมาก
00:09:39 → 00:09:41 สำหรับการนำมาใช้ลดความอ้วนนะครับ
00:09:41 → 00:09:45 แล้วก็ถามว่าโดยส่วนตัวแล้วมันก็ลดจริงๆ นะ
00:09:45 → 00:09:47 มันก็ลดไม่ได้เร็วแต่ก็ลดได้ในระดับนึง
00:09:47 → 00:09:50 อย่างน้อยก็ลดได้ 5-10% ผมว่ามันก็เยอะแล้วนะ
00:09:50 → 00:09:54 มันก็เพียงพอแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปลดมากมาย
00:09:54 → 00:09:56 ก็ลดทีละนิดแล้วร่างกายเราก็สดชื่น
00:09:56 → 00:09:59 ไม่สูบซีด ไม่ซีดเซียวนะครับ
00:09:59 → 00:10:02 ก็จะดีมากๆ เลยสำหรับข้อดีข้อนี้สำหรับ IF
00:10:03 → 00:10:08 ก็ลดทั้งไขมันหน้าท้องด้วยแล้วก็ลดน้ำหนักโดยรวมด้วย
00:10:08 → 00:10:10 อันนี้ก็คือข้อดีข้อที่ 6 ครับ
00:10:10 → 00:10:12 แล้วมาต่อกันที่ข้อดีข้อสุดท้ายครับ
00:10:12 → 00:10:16 ข้อที่ 7 ก็คือ Intermittent fasting ดีต่อสมอง
00:10:16 → 00:10:20 อะไรที่ดีต่อร่างกายก็จะดีต่อสมองของเราด้วย
00:10:21 → 00:10:25 อะไรที่ดีต่อหัวใจก็จะดีต่อสมองของเราด้วย
00:10:25 → 00:10:28 การทำ Intermittent fasting ช่วยเพิ่มเผาผลาญ
00:10:28 → 00:10:30 และมีประโยชน์ต่อสุขภาพต่อสมองของเรามาก
00:10:30 → 00:10:32 ถ้าท่านยังจำได้
00:10:32 → 00:10:37 ก็คือมันจะมีสาร KETO ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญขึ้นมา
00:10:37 → 00:10:40 แล้วตัว KETO ก็จะไปเลี้ยงสมองของเรา
00:10:40 → 00:10:45 ทำให้ความจำของเราดี ความจำเสื่อมมีโอกาสต่ำมากๆ
00:10:45 → 00:10:48 แล้วก็การเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทใหม่ก็ยิ่งดี
00:10:48 → 00:10:51 คือช่วยปกป้องไม่ให้สมองเสียหายนะครับ
00:10:51 → 00:10:55 อาจรวมไปถึงการลดความเครียดต่างๆ ลดการอักเสบต่างๆ
00:10:55 → 00:10:57 ลดระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน
00:10:57 → 00:11:01 ซึ่งทุกอย่างนี้รวมๆ แล้วก็ทำให้สมองเราดีขึ้น
00:11:01 → 00:11:02 แฮปปี้ขึ้นครับ
00:11:02 → 00:11:06 และนี่ก็คือข้อดีทั้งหมด 7 ข้อของ Intermittent fasting
00:11:06 → 00:11:08 ก็ลองทำกันดูนะครับ
00:11:08 → 00:11:11 แต่ก่อนจบผมขออนุญาตทวนให้อีกนิดนึง
00:11:11 → 00:11:15 ข้อแรก ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
00:11:15 → 00:11:18 เช่น อัลไซเมอร์หรือพาร์กินสัน
00:11:19 → 00:11:23 ข้อ 2 ช่วยกระตุ้นการล้างสารพิษและลดความเครียด
00:11:23 → 00:11:25 ซึ่งดีมากๆ เลยนะในปัจจุบัน
00:11:25 → 00:11:28 ข้อที่ 3 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:11:28 → 00:11:32 และคอเลสเตอรอลที่ดีก็ไม่ลดด้วยนะครับ
00:11:32 → 00:11:34 ก็คือทำให้สุขภาพดีมากๆ เลย
00:11:34 → 00:11:38 ต่อมาข้อที่ 4 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:11:38 → 00:11:42 สำหรับผู้ที่ทานยาเบาหวานแล้วก็ไม่ได้เป็นมาก
00:11:42 → 00:11:45 บางท่านอาจสามารถที่จะลดยาเบาหวานได้
00:11:45 → 00:11:46 หรืออาจจะหยุดยาได้นะครับ
00:11:46 → 00:11:50 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้แพทย์เป็นผู้ดูแล
00:11:50 → 00:11:53 ไม่ใช่ทำ IF แล้วไปหยุดยาไปลดยาเบาหวานเอง
00:11:53 → 00:11:54 อย่างงี้ไม่ใช่นะ
00:11:55 → 00:11:58 ต่อมาข้อที่ 5 ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
00:11:58 → 00:12:01 ทำให้อายุยืน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
00:12:01 → 00:12:04 ลดความเสี่ยงทางด้านระบบประสาท สมอง
00:12:04 → 00:12:07 สมองขาดเลือดทำให้อายุท่านยืนมากขึ้น
00:12:07 → 00:12:12 ข้อที่ 6 สำหรับสาวๆ แล้วก็หนุ่มๆ ที่รักษาหุ่นเป็นอย่างดี
00:12:12 → 00:12:14 ก็ทุกคนนะครับไม่จำเป็นต้องสาวๆ หนุ่มๆ
00:12:14 → 00:12:16 อายุมากก็หุ่นดีได้ครับ
00:12:16 → 00:12:18 ไม่เกี่ยวกับว่าอายุมากแล้วต้องหุ่นไม่ดี
00:12:18 → 00:12:20 ก็ช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
00:12:20 → 00:12:22 นี่ก็คือข้อดีข้อที่ 6 ครับ
00:12:22 → 00:12:28 มาสุดท้ายข้อดีข้อที่ 7 Intermittent fasting ดีต่อสมอง
00:12:28 → 00:12:32 ทำให้สมองท่านแจ่มใสและมีความสุขนะครับ
00:12:32 → 00:12:35 ก็สำหรับข้อดีทั้งหมด 7 ข้อนี้
00:12:35 → 00:12:38 ท่านก็อาจจะลองทำดูได้ไม่ยากจนเกินไป
00:12:38 → 00:12:40 แล้วทำได้อย่างไรอย่าลืมมาบอกกันด้วยครับ
00:12:40 → 00:12:42 ขอบคุณมาก สวัสดีครับ
00:00:00 → 00:00:02 Intermittent fasting มันก็แปลว่า
00:00:02 → 00:00:05 การอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:00:05 → 00:00:08 ซึ่งระยะเวลานั้นก็แล้วแต่เทคนิค
00:00:08 → 00:00:09 แล้วแต่ความทนทานของร่างกาย
00:00:09 → 00:00:13 ถ้าท่านที่้ยังไม่รู้จัก Intermittent fasting
00:00:13 → 00:00:15 วันนี้จะได้รู้จักเป็นอย่างดีเลยครับ
00:00:23 → 00:00:25 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:25 → 00:00:26 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:26 → 00:00:29 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:30 → 00:00:32 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:32 → 00:00:35 7 ข้อดีของ Intermittent fasting
00:00:35 → 00:00:38 ถ้าสำหรับท่านที่ยังไม่รู้จัก Intermittent fasting
00:00:38 → 00:00:40 วันนี้จะได้รู้จักเป็นอย่างดีเลยครับ
00:00:40 → 00:00:43 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:43 → 00:00:45 กด Subscibe และกดกระดิ่งขอบคุณครับ
00:00:45 → 00:00:48 สำหรับ Intermittent fasting มันก็แปลเป็นไทยว่า
00:00:48 → 00:00:52 การอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:00:52 → 00:00:55 ซึ่งระยะเวลานั้นก็แล้วแต่เทคนิค
00:00:55 → 00:00:57 แล้วแต่ความทนทานของร่างกายนะครับ
00:00:57 → 00:01:01 โดยทั่วไปก็จะอดอาหารประมาณ 16 ชั่วโมง
00:01:01 → 00:01:04 แล้วก็กินอาหาร 8 ชั่วโมง ก็ครบ 24 ชั่วโมงพอดี
00:01:04 → 00:01:06 ซึ่งช่วงเวลาอาจจะเป็น 12 ชั่วโมงก็ได้
00:01:06 → 00:01:09 13 ชั่วโมง 15 ชั่วโมง 16 ชั่วโมงก็ได้
00:01:09 → 00:01:12 หรือบางอันก็จะมีอด 24 ชั่วโมง
00:01:12 → 00:01:15 อด 72 ชั่วโมง แล้วก็กิน 72 ชั่วโมง
00:01:15 → 00:01:18 อันนี้ก็แล้วแต่ก็ค่อนข้างเอ็กซ์สตรีมนิดนึง
00:01:18 → 00:01:21 แต่สำหรับผมผมใช้ 16/8
00:01:21 → 00:01:24 ก็คืออด 16 ชั่วโมง ทาน 8 ชั่วโมง
00:01:24 → 00:01:26 อันนี้คือส่วนตัวที่ใช้และรู้สึกว่ามันดี
00:01:26 → 00:01:28 ก็เลยวันนี้อยากจะมาแชร์ให้ฟังว่า
00:01:28 → 00:01:31 มันน่าจะมีประโยชน์อะไรบ้างเผื่อใครอยากลองทำ
00:01:31 → 00:01:34 คือก่อนที่คิดว่ามันไม่น่าจะทำได้หรอก
00:01:34 → 00:01:36 อดอาหารอะไรนานขนาดนั้น
00:01:36 → 00:01:38 กินแค่ 8 ชั่วโมง อีก 16 ชั่วโมงไม่กิน
00:01:38 → 00:01:41 บางทีเราได้ทำอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวครับ
00:01:41 → 00:01:44 เช่น ถ้าท่านทานอาหารเสร็จ 6 โมงเย็น
00:01:44 → 00:01:46 แล้วก็ไม่ได้กินอะไรเลย กินน้ำเปล่านิดหน่อย
00:01:46 → 00:01:50 แล้วก็ไปเข้านอนสักตอน 3-4 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ดีมาก
00:01:50 → 00:01:51 ซึ่งควรเข้านอนอะเนอะ
00:01:51 → 00:01:54 แล้วท่านก็ไปตื่นสัก 6 โมงเช้า
00:01:54 → 00:01:57 อาจจะกินน้ำเปล่าเล็กน้อยหรือกินกาแฟดำที่ไม่มีแคลอรี่
00:01:57 → 00:02:00 แล้วท่านก็ทำนู่นทำนี่จนประมาณ 8 โมงเช้า
00:02:00 → 00:02:02 ท่านถึงจะเริ่มทานอาหารนะครับ
00:02:02 → 00:02:04 ก็แปลว่าท่านไม่ได้ทานอะไรเลย
00:02:04 → 00:02:08 ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็น จนถึง 8 โมงเช้า
00:02:08 → 00:02:10 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรเลย
00:02:10 → 00:02:13 ก็คือประมาณ 14 ชั่วโมงก็ถือว่า
00:02:13 → 00:02:15 เป็น fasting 14/10 ครับ
00:02:15 → 00:02:18 คือไม่กิน 14 แล้วกินแค่ 10 ชั่วโมง
00:02:18 → 00:02:20 แบบนี้ก็ถือเป็น fasting ชนิดนึงแล้วครับ
00:02:21 → 00:02:25 แต่ถ้าเกิดบางท่านอยากจะนานกว่านั้นก็กิน 10 โมงเช้าเลย
00:02:25 → 00:02:28 รวบอาหารเช้ากับเที่ยงเข้าด้วยกันก็เป็น 16/8
00:02:28 → 00:02:30 ก็เหลือกินแค่วันละ 2 มื้อเท่านั้นเองครับ
00:02:30 → 00:02:34 อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดและความสะดวกครับ
00:02:34 → 00:02:37 คราวนี้ถามบอกว่าทำไมทำไม Intermittent fasting
00:02:37 → 00:02:41 ต้องบอกว่าบางท่านอาจจะเข้าใจว่า Intermittent fasting
00:02:41 → 00:02:43 สำหรับการลดน้ำหนักอย่างเดียว
00:02:43 → 00:02:44 ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่นะครับ
00:02:44 → 00:02:47 Intermittent fasting ไม่ได้บอกว่าเราจะลดน้ำหนักอย่างเดียว
00:02:47 → 00:02:49 มันมีข้อดีอีกหลายข้อครับ
00:02:49 → 00:02:52 ซึ่งวันนี้รวบรวมมาได้ถึง 7 ข้อด้วยกันนั่นเองครับ
00:02:52 → 00:02:55 มาเริ่มกันเลยครับ สำหรับข้อที่ 1 เจ๋งมากๆ เลย
00:02:55 → 00:02:58 ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
00:02:58 → 00:03:01 เช่น อัลไซเมอร์หรือพาร์กินสัน
00:03:01 → 00:03:05 คือจากงานวิจัยล่าสุดของ John Hopkins School of Medicine
00:03:05 → 00:03:08 ก็คือมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์บอกว่า
00:03:08 → 00:03:12 Intermittent fasting ทำให้สมองได้รับผลในเชิงบวก
00:03:12 → 00:03:15 แล้วก็การลดจำนวนแคลอรี่อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์
00:03:15 → 00:03:19 ก็คือไม่ได้กินเยอะมีการอดอาหารบ้าง 2 วัน
00:03:19 → 00:03:22 จะทำให้สมองส่วนที่ Pocampus มีการปรับตัว
00:03:22 → 00:03:25 และทำให้การเชื่อมตัวของเซลล์ประสาทต่างๆ ดีขึ้นมาก
00:03:25 → 00:03:26 โอ้โห สุดยอดครับ
00:03:26 → 00:03:29 ซึ่งมันเป็นผลดีต่อร่างกายมากๆ เลยนะครับ
00:03:29 → 00:03:33 ที่จะสามารถป้องกันเกี่ยวกับโรคของระบบประสาทได้
00:03:33 → 00:03:35 คือเห็นได้ชัดเลยครับว่า
00:03:35 → 00:03:39 การลดแคลอรี่มีผลต่อสุขภาพของสมองนะครับ
00:03:39 → 00:03:43 คล้ายๆ กับสมองเราได้ออกกำลังกาย
00:03:43 → 00:03:46 เมื่อเราอดอาหารร่างกายของเรา
00:03:46 → 00:03:49 จะเก็บสะสม Glycogen ที่ตับของเรา
00:03:49 → 00:03:53 ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเผาผลาญไขมันของเราในร่างกายนั่นเอง
00:03:53 → 00:03:55 แล้วไขมันที่ถูกเผาผลาญแล้ว
00:03:55 → 00:03:58 ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็น KETO
00:03:58 → 00:04:00 ตัวนี้สำคัญคับ KETO ทำไมครับ
00:04:00 → 00:04:04 เพราะว่า KETO เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของสมอง
00:04:04 → 00:04:06 โอ้โห อันนี้สุดยอดเลย
00:04:06 → 00:04:08 เมื่อมี KETO เยอะสมองก็ได้พลังงานเยอะ
00:04:08 → 00:04:12 เมื่อสมองได้พลังงานเยอะก็มีการซ่อมแซมการเติบโต
00:04:12 → 00:04:16 เพราะฉะนั้นก็เป็นการป้องกันสมองเสื่อมได้เป็นอย่างดี
00:04:16 → 00:04:18 อันนี้เจ๋งมากๆ เลยมีการวิจัยรองรับ
00:04:18 → 00:04:21 โดยบอกว่าการทำ Intermittent fasting
00:04:21 → 00:04:26 น่าจะช่วยทำให้อาการสมองเสื่อมช้าลง
00:04:26 → 00:04:30 แล้วก็มีความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาวดีขึ้น
00:04:30 → 00:04:31 นี่ก็คือข้อดีข้อที่ 1 ครับ
00:04:31 → 00:04:36 สามารถป้องกันสมองเสื่อมอัลไซเมอร์และพาร์กินสันได้
00:04:36 → 00:04:37 สุดยอดมากครับ
00:04:39 → 00:04:43 มาต่อกันที่ข้อดีข้อที่ 2 ของการทำ Intermittent fasting
00:04:43 → 00:04:48 ช่วยกระตุ้นการล้างสารพิษและลดความเครียด
00:04:48 → 00:04:51 โอ้โห มาดูกันว่ามันเป็นยังไงครับ
00:04:51 → 00:04:54 คือเขาบอกว่าโดยปกติร่างกายของเรา
00:04:54 → 00:04:57 พยายามที่จะขับสารพิษออกจากร่างกายอยู่แล้ว
00:04:57 → 00:04:58 สารพิษเราได้มาจากไหนครับ
00:04:58 → 00:05:00 ก็จากอาหารที่เราทานเนี่ยแหละครับ
00:05:01 → 00:05:03 คืออาหารของเราที่ทานเข้าไป
00:05:03 → 00:05:07 มันก็มีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์และส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์
00:05:07 → 00:05:10 ส่วนที่เป็นประโยชน์ร่างกายเราก็ดูดซึมเข้าไปใช่ไหมครับ
00:05:10 → 00:05:13 ส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ก็จะโดนทำลายโดยตับบ้าง
00:05:13 → 00:05:16 โดนทำลายโดยไตบ้างใช่ไหมครับ
00:05:16 → 00:05:20 คราวนี้ถ้าเกิดเรายืดระยะเวลาที่นำของเสียเข้าร่างกาย
00:05:20 → 00:05:22 หรือนำอาหารเข้าร่างกายของเรา
00:05:22 → 00:05:28 ร่างกายก็จะมีเวลาในการกำจัดของเสียนั่นเอง
00:05:28 → 00:05:29 ก็คือมีเวลามากขึ้น
00:05:29 → 00:05:33 เพราะฉะนั้นร่างกายเราก็จึงสะอาดมากขึ้น
00:05:33 → 00:05:36 ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากๆ นะครับ
00:05:36 → 00:05:39 ก็มีการศึกษาหลายการศึกษาเลยพบว่า
00:05:39 → 00:05:42 คนที่กินอาหารโปรตีนชนิดดีนะครับ
00:05:42 → 00:05:43 อาหารแคลอรี่ต่ำ
00:05:43 → 00:05:47 และใช้วิธี Intermittent fasting ควบคู่ไปด้วย
00:05:47 → 00:05:50 จะทำให้ร่างกายขับสารพิษได้ดียิ่งขึ้น
00:05:50 → 00:05:52 ลดระดับความเครียดได้ดีมาก
00:05:52 → 00:05:55 ซึ่งมันจะส่งผลไปเรื่องของโรคหัวใจที่ลดลง
00:05:55 → 00:05:58 โรคมะเร็งที่ลดลง โรคเบาหวานที่ลดลง
00:05:58 → 00:06:03 และไม่พอความเครียดต่างๆ ก็จะลดลงเป็นอย่างมาก
00:06:03 → 00:06:06 และนี่ก็เป็นข้อที่ 2 ของ Intermittent fasting
00:06:07 → 00:06:11 สามารถที่จะล้างสารพิษได้ดีและลดความเครียดได้ด้วยครับ
00:06:12 → 00:06:14 มาต่อกันข้อที่ 3 ครับ
00:06:14 → 00:06:16 ข้อที่ 3 ของ Intermittent fasting ก็คือ
00:06:16 → 00:06:18 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:06:18 → 00:06:21 ต้องบอกงี้ครับ การลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:06:21 → 00:06:23 ไม่เกี่ยวกับอ้วนหรือไม่เกี่ยวกับผอม
00:06:23 → 00:06:26 บางท่านผอมติดกระดูกเลย คอเลสเตอรอล 400
00:06:27 → 00:06:32 บางท่านอ้วนมากเลย คอเลสเตอรอลฃ 150
00:06:32 → 00:06:34 เพราะฉะนั้นอ้วนหรือผอมไม่ได้บอกว่า
00:06:34 → 00:06:36 คอเลสเตอรอลจะน้อยหรือจะมากนะครับ
00:06:36 → 00:06:38 เพราะฉะนั้นจะต้องแยกประเด็นออกไป
00:06:38 → 00:06:41 เพราะฉะนั้นวิธีทำ Intermittent fasting
00:06:41 → 00:06:44 สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
00:06:44 → 00:06:47 คอเลสเตอรอลโดยรวมที่เป็นคอเลสเตอรอลไม่ดีได้
00:06:47 → 00:06:50 แล้วก็ไขมันที่ไม่ดีหรือไขมันตัวแย่
00:06:50 → 00:06:52 ที่ชื่อว่า LDL ก็ลดได้
00:06:52 → 00:06:54 แล้วก็ไขมันอีกตัวที่ลดได้ก็คือ Triglyceride
00:06:54 → 00:06:56 ซึ่งเราก็ไม่อยากให้มันสูงนะครับ
00:06:56 → 00:07:01 แต่ HDL หรือไขมันดีในร่างกายมันไม่ลดครับ
00:07:01 → 00:07:04 ก็คือมันจะลดแต่ตัวที่แย่แต่ตัวดีมันไม่ลด
00:07:04 → 00:07:05 สุดยอดเลย
00:07:05 → 00:07:09 ซึ่งไขมันที่ดีมันจะดีต่อหลอดเลือดทั้งร่างกายของเรา
00:07:09 → 00:07:13 ซึ่งก็จะทำให้ทั้งสมองเรามีเลือดไปเลี้ยงได้ดี
00:07:13 → 00:07:15 หัวใจมีเลือดไปเลี้ยงได้ดี
00:07:15 → 00:07:17 เพราะฉะนั้นเราก็จะสุขภาพดีถ้าหลอดเลือดดี
00:07:17 → 00:07:20 อันนี้ตรงไปตรงมาง่ายมากๆ เลยครับ
00:07:20 → 00:07:23 เพราะฉะนั้น Intermittent fasting ข้อดีข้อที่ 3 ของเขาคือ
00:07:23 → 00:07:26 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีครับ
00:07:26 → 00:07:29 มาต่อกันข้อดีข้อที่ 4 ครับ
00:07:30 → 00:07:33 ข้อดีข้อที่ 4 ของ Intermittent fasting ก็คือ
00:07:33 → 00:07:37 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:07:37 → 00:07:41 ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดสามารถที่จะลดได้พอสมควรเลย
00:07:41 → 00:07:43 สำหรับผู้ที่ทำ Intermittent fasting
00:07:43 → 00:07:45 คือเมื่อไหร่งดอาหารในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
00:07:45 → 00:07:48 แปลว่าน้ำตาลเราก็จะไม่สูงใช่ไหมครับ
00:07:48 → 00:07:51 เพราะฉะนั้นอินซูลินในเลือดของเรา
00:07:51 → 00:07:54 ก็จะลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
00:07:54 → 00:07:57 ซึ่งมันก็จะทำให้ได้ผลดีหลายๆ อย่างเลย
00:07:57 → 00:08:00 คือมีรายงานใน World Journal of Diabetes
00:08:00 → 00:08:04 หรือว่าการวิจัยระดับโลกเกี่ยวกับเรื่องของโรคเบาหวาน
00:08:04 → 00:08:10 ว่าทำการ IF สามรถช่วยผู้ที่มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูง
00:08:10 → 00:08:12 ทำให้มันลดลงได้นะครับ
00:08:12 → 00:08:16 แล้วก็จะทำให้สามารถที่จะลดปริมาณยาในการใช้
00:08:16 → 00:08:19 บางท่านอาจจะหยุดยาเบาหวานได้เลยด้วย
00:08:19 → 00:08:21 ถ้าเกิดไม่ได้เป็นมากมายนัก
00:08:21 → 00:08:24 เพราะฉะนั้น Intermittent fasting ข้อดีข้อที่ 4 คือ
00:08:24 → 00:08:28 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดีครับ
00:08:29 → 00:08:32 มาต่อกันที่ข้อที่ 5 ครับ
00:08:32 → 00:08:35 ข้อที่ 5 ของข้อดีของ Intermittent fasting ก็คือ
00:08:35 → 00:08:41 ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ และช่วยให้อายุท่านยืนขึ้น
00:08:41 → 00:08:43 ถามว่าลดความเสี่ยงโรคอะไรบ้างนะครับ
00:08:43 → 00:08:46 โรคที่เด่นๆ เลยก็คือ โรคหัวใจ
00:08:46 → 00:08:50 เพราะว่าการทำ Intermittent fasting ทำให้ไขมันในเลือดลดลง
00:08:50 → 00:08:53 ไขมันในเลือดลดลงมันก็ไม่ไปอุดหลอดเลือด
00:08:53 → 00:08:56 เพราะฉะนั้นหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
00:08:56 → 00:08:59 มันก็จะมีก็จะไม่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด
00:08:59 → 00:09:01 หลอดเลือดที่จะไปเลี้ยงสมองมันก็จะเยี่ยม
00:09:01 → 00:09:06 มันก็จะทำให้เราสมองดีไม่เป็นโรคสโตรก
00:09:06 → 00:09:10 นั่นก็คือสมองขาดเลือดนั่นเองครับ
00:09:10 → 00:09:12 อันนี้ก็จะทำให้เรามีอายุยืนขึ้น
00:09:12 → 00:09:16 แล้วก็ไม่เป็นพิกงพิการก็มากๆ เลยนะครับ
00:09:16 → 00:09:20 สำหรับข้อที่ 5 สำหรับลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
00:09:20 → 00:09:22 และช่วยให้อายุยืนขึ้นครับ
00:09:23 → 00:09:26 มาต่อกันที่ข้อดีข้อที่ 6 ของ Intermittent fasting
00:09:26 → 00:09:27 อันนี้เด็ดๆ เลยครับ
00:09:27 → 00:09:33 ก็คือช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
00:09:33 → 00:09:39 คือบอกเลยว่าในปัจจุบันผมว่า IF เป็นที่นิยมมาก
00:09:39 → 00:09:41 สำหรับการนำมาใช้ลดความอ้วนนะครับ
00:09:41 → 00:09:45 แล้วก็ถามว่าโดยส่วนตัวแล้วมันก็ลดจริงๆ นะ
00:09:45 → 00:09:47 มันก็ลดไม่ได้เร็วแต่ก็ลดได้ในระดับนึง
00:09:47 → 00:09:50 อย่างน้อยก็ลดได้ 5-10% ผมว่ามันก็เยอะแล้วนะ
00:09:50 → 00:09:54 มันก็เพียงพอแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปลดมากมาย
00:09:54 → 00:09:56 ก็ลดทีละนิดแล้วร่างกายเราก็สดชื่น
00:09:56 → 00:09:59 ไม่สูบซีด ไม่ซีดเซียวนะครับ
00:09:59 → 00:10:02 ก็จะดีมากๆ เลยสำหรับข้อดีข้อนี้สำหรับ IF
00:10:03 → 00:10:08 ก็ลดทั้งไขมันหน้าท้องด้วยแล้วก็ลดน้ำหนักโดยรวมด้วย
00:10:08 → 00:10:10 อันนี้ก็คือข้อดีข้อที่ 6 ครับ
00:10:10 → 00:10:12 แล้วมาต่อกันที่ข้อดีข้อสุดท้ายครับ
00:10:12 → 00:10:16 ข้อที่ 7 ก็คือ Intermittent fasting ดีต่อสมอง
00:10:16 → 00:10:20 อะไรที่ดีต่อร่างกายก็จะดีต่อสมองของเราด้วย
00:10:21 → 00:10:25 อะไรที่ดีต่อหัวใจก็จะดีต่อสมองของเราด้วย
00:10:25 → 00:10:28 การทำ Intermittent fasting ช่วยเพิ่มเผาผลาญ
00:10:28 → 00:10:30 และมีประโยชน์ต่อสุขภาพต่อสมองของเรามาก
00:10:30 → 00:10:32 ถ้าท่านยังจำได้
00:10:32 → 00:10:37 ก็คือมันจะมีสาร KETO ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญขึ้นมา
00:10:37 → 00:10:40 แล้วตัว KETO ก็จะไปเลี้ยงสมองของเรา
00:10:40 → 00:10:45 ทำให้ความจำของเราดี ความจำเสื่อมมีโอกาสต่ำมากๆ
00:10:45 → 00:10:48 แล้วก็การเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทใหม่ก็ยิ่งดี
00:10:48 → 00:10:51 คือช่วยปกป้องไม่ให้สมองเสียหายนะครับ
00:10:51 → 00:10:55 อาจรวมไปถึงการลดความเครียดต่างๆ ลดการอักเสบต่างๆ
00:10:55 → 00:10:57 ลดระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน
00:10:57 → 00:11:01 ซึ่งทุกอย่างนี้รวมๆ แล้วก็ทำให้สมองเราดีขึ้น
00:11:01 → 00:11:02 แฮปปี้ขึ้นครับ
00:11:02 → 00:11:06 และนี่ก็คือข้อดีทั้งหมด 7 ข้อของ Intermittent fasting
00:11:06 → 00:11:08 ก็ลองทำกันดูนะครับ
00:11:08 → 00:11:11 แต่ก่อนจบผมขออนุญาตทวนให้อีกนิดนึง
00:11:11 → 00:11:15 ข้อแรก ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
00:11:15 → 00:11:18 เช่น อัลไซเมอร์หรือพาร์กินสัน
00:11:19 → 00:11:23 ข้อ 2 ช่วยกระตุ้นการล้างสารพิษและลดความเครียด
00:11:23 → 00:11:25 ซึ่งดีมากๆ เลยนะในปัจจุบัน
00:11:25 → 00:11:28 ข้อที่ 3 ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี
00:11:28 → 00:11:32 และคอเลสเตอรอลที่ดีก็ไม่ลดด้วยนะครับ
00:11:32 → 00:11:34 ก็คือทำให้สุขภาพดีมากๆ เลย
00:11:34 → 00:11:38 ต่อมาข้อที่ 4 ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:11:38 → 00:11:42 สำหรับผู้ที่ทานยาเบาหวานแล้วก็ไม่ได้เป็นมาก
00:11:42 → 00:11:45 บางท่านอาจสามารถที่จะลดยาเบาหวานได้
00:11:45 → 00:11:46 หรืออาจจะหยุดยาได้นะครับ
00:11:46 → 00:11:50 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้แพทย์เป็นผู้ดูแล
00:11:50 → 00:11:53 ไม่ใช่ทำ IF แล้วไปหยุดยาไปลดยาเบาหวานเอง
00:11:53 → 00:11:54 อย่างงี้ไม่ใช่นะ
00:11:55 → 00:11:58 ต่อมาข้อที่ 5 ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
00:11:58 → 00:12:01 ทำให้อายุยืน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
00:12:01 → 00:12:04 ลดความเสี่ยงทางด้านระบบประสาท สมอง
00:12:04 → 00:12:07 สมองขาดเลือดทำให้อายุท่านยืนมากขึ้น
00:12:07 → 00:12:12 ข้อที่ 6 สำหรับสาวๆ แล้วก็หนุ่มๆ ที่รักษาหุ่นเป็นอย่างดี
00:12:12 → 00:12:14 ก็ทุกคนนะครับไม่จำเป็นต้องสาวๆ หนุ่มๆ
00:12:14 → 00:12:16 อายุมากก็หุ่นดีได้ครับ
00:12:16 → 00:12:18 ไม่เกี่ยวกับว่าอายุมากแล้วต้องหุ่นไม่ดี
00:12:18 → 00:12:20 ก็ช่วยลดน้ำหนักและไขมันหน้าท้อง
00:12:20 → 00:12:22 นี่ก็คือข้อดีข้อที่ 6 ครับ
00:12:22 → 00:12:28 มาสุดท้ายข้อดีข้อที่ 7 Intermittent fasting ดีต่อสมอง
00:12:28 → 00:12:32 ทำให้สมองท่านแจ่มใสและมีความสุขนะครับ
00:12:32 → 00:12:35 ก็สำหรับข้อดีทั้งหมด 7 ข้อนี้
00:12:35 → 00:12:38 ท่านก็อาจจะลองทำดูได้ไม่ยากจนเกินไป
00:12:38 → 00:12:40 แล้วทำได้อย่างไรอย่าลืมมาบอกกันด้วยครับ
00:12:40 → 00:12:42 ขอบคุณมาก สวัสดีครับ