00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปริปและนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:23 คุณผู้ฟังครับในการจัดรายการศัลยกรรมความ
00:00:23 → 00:00:25 สุขของผมกับพี่อ้อยนี่นะครับผมก็มีข้อตก
00:00:25 → 00:00:29 ลงว่าเราจะผลัดกันเป็นคนนำเรื่องมานำเสนอ
00:00:29 → 00:00:32 เปิดประเด็นให้กับพูดคุยในการพูดคุยแบ่ง
00:00:32 → 00:00:35 ปันให้กับคุณผู้ฟังนะครับเพราะฉะนั้นวัน
00:00:35 → 00:00:38 นี้เป็นหน้าที่เป็นคิวของพี่อ้อยนะครับ
00:00:38 → 00:00:42 เรามาดูซิว่าพี่อ้อยจะมีอะไรมาชวนคุยครับ
00:00:42 → 00:00:44 พี่อ้อยวันนี้จะมาชวนคุยเรื่องอะไรครับ
00:00:44 → 00:00:46 ฉันขอสละสิทธิ์
00:00:46 → 00:00:52 [เพลง]
00:00:52 → 00:00:55 คือเดี๋ยวนะครับพี่อ้อยต้องฟังอีกทีนะ
00:00:55 → 00:00:57 ครับเราตกลงกันแล้วว่าเราจะสลับกันไม่ใช่
00:00:57 → 00:00:58 เหรอครับ
00:00:58 → 00:01:03 ใช่ค่ะแล้วทำไมวันนี้พี่อ้อยขอสละสิทธิ์
00:01:03 → 00:01:07 ไม่ใช่สละสิทธิ์ในการที่จะร่วมจัดรายการ
00:01:07 → 00:01:14 ค่ะแต่วันนี้จะมาชวนคุยเรื่องขอสละสิทธิ์
00:01:14 → 00:01:18 ตกใจหมดเลยนะเตรียมกันมาว่าพี่อ้อยจะต้อง
00:01:18 → 00:01:21 เตรียมเรื่องมาแบ่งปันและอยู่ดีๆมาขอสละ
00:01:21 → 00:01:23 สิทธิ์นี้แล้วผมจะไปยังไงต่อล่ะใช่ไหมอ๋อ
00:01:24 → 00:01:26 วันนี้ไม่ได้ขอสละสิทธิ์นะแต่มาชวนคุย
00:01:26 → 00:01:29 เรื่องของฉันขอสละสิทธิ์
00:01:29 → 00:01:32 มันน่าสนใจมากครับแสดงว่าคุณผู้ฟังครับ
00:01:32 → 00:01:36 แสดงว่าพี่อ้อยต้องไปเจออะไรมาแน่ๆแล้วทำ
00:01:36 → 00:01:39 ให้เกิดเปิดประเด็นขึ้นมาว่าฉันขอสละ
00:01:39 → 00:01:42 สิทธิ์แต่ผมสงสัยครับพี่อ้อย
00:01:42 → 00:01:45 สละสิทธิ์เนี่ยปกติถ้าเราพูดถึงเราสละ
00:01:45 → 00:01:48 สิทธิ์นะแสดงว่าเราจะต้องเรามีสิทธิ์เรา
00:01:48 → 00:01:52 มีสิทธิ์แต่เราเสียสละแสดงว่ามันเป็น
00:01:52 → 00:01:55 สิทธิ์ของเราเสมอว่าผมมีสิทธิ์ที่จะได้
00:01:55 → 00:01:57 ดื่มน้ำแก้วนี้
00:01:57 → 00:02:00 สละสิทธิ์ก็แค่ก็หมายความว่าผมก็ไม่ได้
00:02:00 → 00:02:05 ดื่มน้ำแก้วนี้แสดงว่าผมเสียดิใช่ไหมแล้ว
00:02:05 → 00:02:09 มันจะดียังไงก็ขอสละสิทธิ์
00:02:09 → 00:02:13 ในมุมของที่จะชวนคุยวันนี้นะคะจะเป็นการ
00:02:13 → 00:02:15 สละสิทธิ์ที่
00:02:15 → 00:02:19 หลายคนคิดว่าเป็นสิทธิที่ตัวเองใช้ได้นะ
00:02:19 → 00:02:23 คะแต่ว่าถ้าสละสิทธิ์แล้วสถานการณ์ความ
00:02:23 → 00:02:28 สัมพันธ์เรื่องราวต่างๆจะดีกว่าดีขึ้นนะ
00:02:28 → 00:02:31 คะเอ๊ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียดกัน
00:02:31 → 00:02:34 คุณผู้ฟังหรือพี่วี
00:02:34 → 00:02:37 มองว่ามีสิทธิ์อะไรบ้างที่เราควรสละ
00:02:37 → 00:02:40 สิทธิ์
00:02:40 → 00:02:44 ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเลยนะเพราะว่ามันมี
00:02:44 → 00:02:46 ความรู้สึกว่าถ้าเราสละสิทธิ์แล้วเราเสีย
00:02:46 → 00:02:49 แต่เมื่อกี้ฟังดูเหมือนพี่อ้อยบอกว่ามัน
00:02:49 → 00:02:51 เป็นการสละสิทธิ์ที่ไม่ได้เสียอะไรแต่
00:02:51 → 00:02:54 กลับได้ด้วยกลับได้ภาพรวมที่ดีขึ้น
00:02:54 → 00:02:58 [เพลง]
00:02:58 → 00:03:02 จริงๆถ้าคนมองว่าฉันมีสิทธิ์ในการออกความ
00:03:03 → 00:03:06 เห็นเช่นมีสิทธิ์ที่จะใช้อารมณ์ความรู้
00:03:06 → 00:03:09 สึกฉันมีสิทธิ์ที่จะพูดบางเรื่องอะไร
00:03:09 → 00:03:12 อย่างนี้อันนี้คือคือในมุมของของตัวเรา
00:03:12 → 00:03:15 เนาะมองออกไปว่าเนี่ยสิทธินี้ฉันมีเพราะ
00:03:15 → 00:03:18 ฉะนั้นถ้าสมมุติว่าคุณทำไม่ถูกฉันก็มี
00:03:18 → 00:03:22 สิทธิ์จะบอกคุณว่ามันไม่ใช่อย่าทำอะไร
00:03:22 → 00:03:25 ประมาณนี้ค่ะซึ่งเรื่องราวพวกนี้มันอยู่
00:03:25 → 00:03:29 ในชีวิตประจำวันเยอะแยะไปหมดเลยอ่ะถ้า
00:03:29 → 00:03:32 เมื่อไหร่มีเรากับอีก 1 คนขึ้นขึ้นมาแล้ว
00:03:32 → 00:03:36 เนี่ยสิทธิมันจะเกิดขึ้นมาแล้วเราก็จะบอก
00:03:36 → 00:03:38 ว่าฉันจะหนี้ฉันจะโน่นฝั่งโน้นก็เช่น
00:03:38 → 00:03:42 เดียวกันเขาก็มีสิทธิ์ของเขาเขาก็จะนี่จะ
00:03:42 → 00:03:46 นู่นแต่ไอ้สิทธิ์ที่ใช้เนี่ยมันไม่ไปใน
00:03:46 → 00:03:50 ทางเดียวกันมันก็จะขัดแย้งเกิดเรื่องราว
00:03:50 → 00:03:54 ที่ที่ไม่ควรเกิดขึ้นยิ้มทั้งวันไปหมดเลย
00:03:54 → 00:03:58 ค่ะแล้วการมันเป็นว่าพอเราสละสิทธิ์ที่
00:03:58 → 00:04:01 เรามีบางอย่างกลายเป็นสถานการณ์โดยรวมมัน
00:04:01 → 00:04:01 ดีขึ้น
00:04:02 → 00:04:05 แว้บนึงตอนนี้เลยพี่อ้อยผมนึกถึงอะไรรู้
00:04:05 → 00:04:07 ไหมผมนึกถึงคลิปๆนึงที่ผมเพิ่งเห็นเมื่อ
00:04:07 → 00:04:10 2-3 วันนี้ผ่านมาเป็นผู้หญิงคนนึงขี่
00:04:10 → 00:04:12 มอเตอร์ไซค์
00:04:12 → 00:04:16 มาเสร็จแล้วเขาไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค
00:04:16 → 00:04:19 แล้วก็เอาหมวกกันน็อคเนี่ยวางไว้ที่
00:04:19 → 00:04:22 ตะกร้าหน้ารถก็ขับมาเรื่อยๆเนี่ยปรากฏว่า
00:04:22 → 00:04:24 เจอตำรวจ
00:04:24 → 00:04:27 เจอตำรวจตำรวจก็บอกเลยครับ
00:04:27 → 00:04:30 ทีนี้พอเจอตำรวจตำรวจก็บอกปุ๊บเนี่ยตำรวจ
00:04:30 → 00:04:34 เนี่ยมี 10 บวกไหมมีสิทธิ์อยู่แล้วเพราะ
00:04:34 → 00:04:38 ว่าอันนี้เป็น 10 เลยเป็นหน้าที่ด้วย
00:04:38 → 00:04:42 แล้วพอตำรวจเขาบอกเสร็จปุ๊บคุณทำผิดกฎ
00:04:42 → 00:04:42 หมาย
00:04:42 → 00:04:45 ตำรวจเขามีสิทธิ์ที่จะลงโทษหรือปรับคุณ
00:04:45 → 00:04:53 ไหม
00:04:53 → 00:04:56 ที่เราสละสิทธิ์แล้วแต่กลายเป็นว่าภาพรวม
00:04:56 → 00:04:58 เราได้
00:04:58 → 00:05:01 ปรากฏว่าในคลิปนั้นน่ะตำรวจเขาเรียกเรียก
00:05:01 → 00:05:04 ปุ๊บแล้วเขาก็ชี้ไปที่หมวกกันน็อคทำไมมัน
00:05:04 → 00:05:08 มันอยู่ตรงนี้ทำไมไม่อยู่ที่หัวนะเขาก็
00:05:08 → 00:05:12 แม่ค้าก็คือคลิปไม่มีเสียงนะแต่เขาก็คงจะ
00:05:12 → 00:05:16 แบบแก้ตัวอะไรก็ตามทีอ่ะตำรวจก็แทนที่จะ
00:05:16 → 00:05:19 ปรับแทนที่จะอะไรอย่างเงี้ยเราก็หยิบหมวก
00:05:19 → 00:05:23 กันน็อคเนี่ยคือเขาสละสิทธิ์ที่เขามีที่
00:05:23 → 00:05:27 จะทำหน้าที่เขาคือต้องจับต้องปรับแต่ว่า
00:05:27 → 00:05:29 เขาสละสิทธิ์นี้แล้วเขาก็หยิบหมวกกันน็อค
00:05:29 → 00:05:43 เนี่ย
00:05:43 → 00:05:45 พอมีคนเอาคลิปนี้มาเผยแพร่
00:05:45 → 00:05:47 ภาพรวมของ
00:05:47 → 00:05:52 ที่เรารู้สึกเรารู้สึกดีมากแล้วผมก็เชื่อ
00:05:52 → 00:05:56 ว่าตำรวจที่สละสิทธิ์ที่จะที่เรามีที่เขา
00:05:56 → 00:05:59 มีที่จะแบบต้องปรับต้องอะไรอย่างนี้นะเขา
00:06:00 → 00:06:02 สละสิทธิ์นี้แล้วเขาก็มาแค่เปลี่ยนเป็น
00:06:02 → 00:06:03 ตักเตือน
00:06:03 → 00:06:07 แล้วก็เลยก็มองว่าอย่างนี้ค่ะพี่บี
00:06:07 → 00:06:11 ถ้าสมมุติว่ามันเป็นความผิดเล็กน้อยเป็น
00:06:11 → 00:06:15 ความผิดที่เขาเพิ่งเจอกันครั้งแรก
00:06:15 → 00:06:20 ก็โอเคก็อาจจะแบบใช่ใช้วิธีนี้นะคะในการ
00:06:20 → 00:06:22 เตือน
00:06:22 → 00:06:25 ซึ่งซึ่งตัวเองมองว่าเอ๊ะมันเหมือนเป็น
00:06:25 → 00:06:33 Soft Power
00:06:33 → 00:06:38 ด้วยดีกันแต่ครั้งแรกมันๆมันได้ใจมากกว่า
00:06:38 → 00:06:40 เพราะฉะนั้นคนเนี้ยเชื่อว่าผู้หญิงคน
00:06:40 → 00:06:43 เนี้ยครั้งต่อไปเขาจะใส่ละแต่ถ้าสมมุติ
00:06:43 → 00:06:46 จับปรับตั้งแต่ครั้งแรกเนี่ยความรู้สึก
00:06:46 → 00:06:50 ไม่ดีมันจะเกิดขึ้นตอนนั้นเลยค่ะ
00:06:50 → 00:06:53 แต่เคสอย่างนี้ในมุมของพี่อ้อยที่ไปเจอมา
00:06:53 → 00:06:55 หรือไปเจอพี่อ้อยไปเจอเรื่องอะไรมา
00:06:55 → 00:07:00 ก็จริงๆแล้วอยากเล่าเรื่องนึงนะคะซึ่ง
00:07:00 → 00:07:04 ประทับใจมากมากๆเลยเป็น
00:07:04 → 00:07:08 ระยะเวลาเป็น 10 ปีเลยนะคะที่เรา
00:07:08 → 00:07:11 เรื่องๆนี้เป็นระยะเวลายาวนานถึงเป็น 10
00:07:12 → 00:07:14 ปีเลยเพราะว่าตั้งแต่เป็นเรื่องของเฮีย
00:07:14 → 00:07:16 กับเจ๊ค่ะ
00:07:16 → 00:07:21 เจ๊ที่ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสอยู่แถว 2
00:07:21 → 00:07:24 ซอยค่ะจากบ้านนะคะเขาก็ขายเนี่ยมาเป็น
00:07:24 → 00:07:28 โอ้โหเป็นสิบๆปีตั้งแต่ลูกเล็กจนลูกจบ
00:07:28 → 00:07:30 มหาวิทยาลัย
00:07:30 → 00:07:33 สิ่งที่พี่อ้อยพบทุกครั้งเพราะว่า
00:07:33 → 00:07:35 ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเนี่ยเป็นอะไรที่ชอบมาก
00:07:35 → 00:07:39 แล้วก็เอ่ออะไรนะฟินทุกครั้งแล้วเจ้า
00:07:39 → 00:07:40 เนี้ย
00:07:40 → 00:07:44 เขาจะน้ำเค้าจะหอมหอมแบบบอกไม่ถูกว่าเขา
00:07:44 → 00:07:48 มีส่วนผสมอะไรแต่ว่าน้ำหอมมากแล้วก็ลูก
00:07:48 → 00:07:52 ค้าเยอะมากไม่เคยแบบแน่นหลานทุกๆครั้งนะ
00:07:52 → 00:07:55 คะอันเนี้ยตอนแรกๆที่ทำเนี่ยร้านนี้เนี่ย
00:07:55 → 00:07:59 เฮียเป็นคนทำเองนะฮะก็เฮียก็เป็นคนลวก
00:07:59 → 00:08:02 ก๋วยเตี๋ยวนู่นเนี่ยอะไรก็ว่าไปแล้วก็เจ๊
00:08:02 → 00:08:06 เนี่ยเจ๊หรือว่าภรรยาของเฮียเนี่ยก็เป็น
00:08:06 → 00:08:10 คนช่วยเสิร์ฟช่วยรับออเดอร์อะไรก็ว่าก็
00:08:10 → 00:08:14 คือ support สามีค่ะแล้วก็มีลูกจ้างสักคน
00:08:14 → 00:08:17 สองคนทีนี้เจ๊เนี่ยเขาจะมีบุคลิกภาพนิด
00:08:17 → 00:08:20 นึงคือจะนิ่งๆช้าๆ
00:08:20 → 00:08:24 ทุกครั้งที่เวลาไปทานก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้
00:08:24 → 00:08:27 จะได้ยินเสียงเฮียด่าเมีย
00:08:27 → 00:08:32 แทบจะแบบจะเรียกว่าตลอดเวลาก็ได้ทำอะไร
00:08:32 → 00:08:35 อยู่ชักช้ารู้เรื่องไหมนี่นั่นโอ้โหแบบ
00:08:35 → 00:08:41 เยอะค่ะเยอะตลอดเวลาแต่เจ๊เนี่ยนิ่งแล้ว
00:08:41 → 00:08:44 ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆเรื่อยๆ
00:08:44 → 00:08:48 เรื่อยๆไม่มีการโต้ตอบใดๆเลยไม่อธิบายไม่
00:08:48 → 00:08:52 เถียงไม่ย้อน
00:08:52 → 00:08:55 นะคะเพราะเฮียทำก๋วยเตี๋ยวเสร็จกลับไปอีก
00:08:55 → 00:08:58 มาส่งอะไรอย่างเงี้ยไม่ไม่พูดอะไรเลยแล้ว
00:08:58 → 00:09:03 ก็ไม่มีกิริยาที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่พอ
00:09:03 → 00:09:04 ใจด้วยนะ
00:09:04 → 00:09:08 ตรงเนี้ยคือสิ่งที่ทึ่งมากในตัวจริงค่ะ
00:09:08 → 00:09:13 แล้วแต่เฮียไม่เลิกด่าเดี๋ยวก็ด่ายังงั้น
00:09:13 → 00:09:15 แหละทุกวันเรื่อยๆเรื่อยๆงี้มีเรื่องให้
00:09:15 → 00:09:17 ด่าอยู่ตลอดเวลา
00:09:17 → 00:09:21 นะคะแต่เวลาผ่านไปค่ะพี่วี
00:09:21 → 00:09:25 10 ปีประมาณนั้นเลยคือเราไปทุกครั้งจะ
00:09:25 → 00:09:29 เจอๆๆจนกระทั่งเฮีย 10 ปีอ่ะเฮียเริ่มแก่
00:09:29 → 00:09:31 ลงแล้ว
00:09:31 → 00:09:33 เราสังเกตเห็นค่ะ
00:09:33 → 00:09:37 ว่าเฮ้ยทำไมเฮียแบบเขาเรียกว่าเว้นระยะ
00:09:37 → 00:09:43 ห่างในการด่าออกไปน้อยลงน้อยลงจนสุดท้าย
00:09:43 → 00:09:45 ผ่านไปค่ะ
00:09:45 → 00:09:46 ต่างคนต่างทำ
00:09:46 → 00:09:50 ไม่มีเสียงด่าเราไม่มีเสียงด่าแล้ว
00:09:50 → 00:09:54 มันเป็นบทพิสูจน์มากเลยว่าเจ๊อ่ะเขาสละ
00:09:54 → 00:09:57 สิทธิ์ในการโต้ตอบ
00:09:57 → 00:10:01 พี่อ้อยนึกเลยว่าถ้าสมมุติว่าเฮียด่ามา
00:10:01 → 00:10:04 คำนึงเจ๊ตอบอีกคำนึงมันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
00:10:04 → 00:10:10 คะ
00:10:10 → 00:10:14 ว่าจะอร่อยแต่ความที่เจ๊เนี่ยเขาสละ
00:10:15 → 00:10:19 สิทธิ์ไม่โต้ตอบเลยและการไม่โต้ตอบของเขา
00:10:19 → 00:10:21 เชื่อว่าเขาบริหารจัดการอารมณ์ตัวเองได้
00:10:21 → 00:10:24 ดีด้วยเพราะเขาไม่มีสีหน้า
00:10:24 → 00:10:28 หรือว่าปึงปังหรือว่าอะไรทั้งสิ้นแล้วสุด
00:10:28 → 00:10:33 ท้ายเฮียยอมแพ้โคตรแรงด่า
00:10:33 → 00:10:36 เพราะฉะนั้นการสละสิทธิ์ครั้งนี้ของเจ๊
00:10:36 → 00:10:40 เนี่ยทำให้ได้หมดทุกคนเลยคือสามีก็ไม่
00:10:40 → 00:10:43 ต้องเหนื่อยด่าตัวเองก็ไม่ต้องเหนื่อยไป
00:10:43 → 00:10:44 เถียง
00:10:44 → 00:10:48 ลูกค้าก็เบาหูโอ้ดีหมดเลยทำให้บรรยากาศใน
00:10:48 → 00:10:51 ร้านก็ไม่ดีเครียดหนักขึ้นไปอีก
00:10:51 → 00:10:54 ประทับใจจนทุกวันนี้เลยอันนี้น่าสนใจมาก
00:10:54 → 00:10:56 พี่อ้อยเพราะว่าระหว่างที่ผมฟังพี่อ้อย
00:10:56 → 00:10:59 แล้วผมก็จินตนาการไปนะว่าเฮียเนี่ยเขาก็
00:10:59 → 00:11:03 ด่าเจ๊ไปเนี่ยด่าสารพัดเรื่องเนี่ยสมมุติ
00:11:03 → 00:11:06 ว่าทำไมถึงทำช้าจังเนี่ยถามว่าในความเป็น
00:11:06 → 00:11:09 จริงเหรอเจ๊มีสิทธิ์ที่จะอธิบายไหมว่า
00:11:09 → 00:11:15 ทำไมถึงทำช้า
00:11:15 → 00:11:19 ไม่ต่อความยาวสาวความยืดปล่อยไว้ไม่เป็น
00:11:19 → 00:11:21 ไรอ่ะเออแล้วมีสิทธิ์จะโกรธด้วยเพราะว่า
00:11:21 → 00:11:25 คือฉันก็ทำเต็มที่แล้วอ่ะก็ยังด่าอยู่ได้
00:11:25 → 00:11:28 อ่ะเออด่าทุกเรื่องไปหมดอย่างเงี้ยค่ะ
00:11:28 → 00:11:31 โอ้โหอันนี้เป็นเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก
00:11:31 → 00:11:35 แล้วผมชอบมากเลยก็คืออันนี้มันเป็นคำที่
00:11:35 → 00:11:36 พี่อ้อยพูดบอกว่า
00:11:36 → 00:11:40 เจ๊เขามีวิธีในการจัดการกับอารมณ์เขาคือ
00:11:40 → 00:11:43 สิ่งนั้นเข้ามากระทบแล้วมันไม่ทำให้เขา
00:11:43 → 00:11:46 ขุ่นมัวเลยเขาก็ยังคงนี่แสดงว่าเจ๊ก็ต้อง
00:11:46 → 00:11:49 มีวิธีคิดอันนี้อันนี้เชื่อว่าเป็นหลัก
00:11:49 → 00:11:53 เลยเพราะว่าถ้าพูดถึงคู่สามีภรรยาเนี่ย
00:11:53 → 00:11:55 โอ้โห
00:11:55 → 00:11:59 เห็นแบบเยอะมากเลยอ่ะค่ะเถียงกันทั้งวัน
00:11:59 → 00:12:02 ส่วนแน่นอนสวนแน่นอนแล้วเรื่องที่สวน
00:12:02 → 00:12:06 เนี่ยมันเป็นเรื่องที่โอ้ยคือผ่านๆไปเหอะ
00:12:06 → 00:12:09 ไม่ต้องบิดเก็บไปอะไรมากมายครั้งที่แล้ว
00:12:09 → 00:12:12 เธอพูดแบบนี้ทำไมครั้งนี้เธอพูดแบบนี้เธอ
00:12:12 → 00:12:15 พูดไม่เหมือนกันหรือบางทีพูดแล้วพูดอีก
00:12:15 → 00:12:19 ทำไมพูดพูดอยู่นั่นอะไรอย่างเงี้ยคือค่ำๆ
00:12:19 → 00:12:21 ไปบ้างอะไรอย่างเงี้ยมันก็จะไม่มีปัญหา
00:12:21 → 00:12:26 ต่อกันแต่เพราะไม่สละสิทธิ์เนี่ยอ่ามันก็
00:12:26 → 00:12:29 เลยทำให้เป็นเรื่องแล้วก็เถียงกันเช้ายัน
00:12:29 → 00:12:32 เย็นเหนื่อยมากเลยค่ะพี่ฟิล์ม
00:12:32 → 00:12:35 ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงคะคุณผู้ฟังว่าเขาจะ
00:12:35 → 00:12:38 เหนื่อยไหมหรือว่าบ้านไหนเป็นเองบ้างคะ
00:12:38 → 00:12:42 เอออันนี้น่าสนใจแล้วก็ผมคิดว่าอันนี้
00:12:42 → 00:12:44 เป็นอันที่ 1 ที่เราให้เห็นอิทธิพลหรือ
00:12:44 → 00:12:45 ว่า
00:12:45 → 00:12:48 พลานุภาพของการสละสิทธิ์นะแล้วมันทำให้
00:12:48 → 00:12:51 วิธีคิดผมตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแล้วเนี่ยพี่
00:12:51 → 00:12:52 อ้อย
00:12:52 → 00:12:55 คือก่อนหน้านี้ไม่ต้องถามมีไหมสละสิทธิ์
00:12:55 → 00:12:59 แล้วมันจะมีเหรอเอ้าสละสิทธิ์มันก็คือเรา
00:12:59 → 00:13:01 มีสิทธิ์แต่เราไปเยาะเราเสียสิทธิ์นั้น
00:13:01 → 00:13:04 เราก็ต้องเสียสิแต่ว่าจริงๆกรณีอย่างนี้
00:13:04 → 00:13:06 เป็นตัวอย่างเป็นเคสตัวอย่างที่ทำให้เรา
00:13:06 → 00:13:07 เกิดความคิดว่า
00:13:07 → 00:13:11 สละสิทธิ์แล้วไม่ได้เสียอะไรแต่ว่าได้
00:13:11 → 00:13:15 มีแล้วเคสนี้เนี่ยโอ้โหเป็นตัวอย่างที่ผม
00:13:15 → 00:13:19 ว่ามันมันใกล้กับชีวิตประจำวันเราจะเจอ
00:13:19 → 00:13:21 สถานการณ์อย่างนี้อยู่เรื่อยๆแต่ว่านี่
00:13:21 → 00:13:24 เป็นเรื่องแต่อีกอันที่ผมสงสัยครับพี่
00:13:24 → 00:13:27 อ้อยร้านนี้อยู่แถวไหนเนี่ย
00:13:27 → 00:13:33 สุขุมวิท 19 แต่ว่าตอนหลังล่าสุดเนี่ยเขา
00:13:33 → 00:13:37 แก่มากแล้วเขาก็เลยตอนช่วงนึงส่งผ่านเขา
00:13:37 → 00:13:39 ส่งผักผ่านให้ลูกจ้างเฮียมาบ้างลูกจ้างทำ
00:13:39 → 00:13:42 บ้างตอนหลังนี้กลายเป็นลูกจ้างหมดเลยซึ่ง
00:13:42 → 00:13:45 เราไม่รู้ว่าเขาเลิกทำเพราะเขาแก่แล้ว
00:13:45 → 00:13:48 หรือเปล่าแต่ว่าตอนหลังเขาโดนไล่ที่แล้ว
00:13:48 → 00:13:51 เขาก็เลยไปตั้งอยู่ในศูนย์อาหารลูกจ้างนะ
00:13:51 → 00:13:54 คะอยู่ในศูนย์อาหารโรบินสันสุขุมวิท 19
00:13:54 → 00:13:58 ก็ก็ยังทำอยู่ลูกจ้างถามว่าอร่อยเท่าเฮีย
00:13:58 → 00:14:01 ไหมไม่แต่ก็ยังอร่อยอยู่ค่ะค่ะ
00:14:01 → 00:14:04 อธิบายถึงสรรพคุณแล้วแบบอื้อหือว่าต้องไป
00:14:04 → 00:14:08 ลองเนี่ยก็เลยแบบว่าอ่ะเดี๋ยวลองดูลองดู
00:14:08 → 00:14:11 แต่ตอนนี้อันนี้เป็นเรื่องที่ 1 นะที่สละ
00:14:11 → 00:14:14 สิทธิ์แล้วผมว่ามันดีอ่ะมันทำให้เห็นภาพ
00:14:14 → 00:14:17 รวมๆของชีวิตมันดีขึ้นนะฮะแล้วก็ไม่ต้อง
00:14:17 → 00:14:21 เหนื่อยแล้วมีมีกรณีของการสละสิทธิ์อัน
00:14:21 → 00:14:25 ไหนอีกไหมครับที่น่าสนใจอ่าอันนี้ยังยัง
00:14:25 → 00:14:27 ได้อยู่ใช่มั้ย
00:14:27 → 00:14:31 ก็มีมีเรื่องในองค์กรนะคะที่แบบเคยเคย
00:14:31 → 00:14:37 เห็นเคยรู้จักนะคะก็มีประมาณเรื่องราวนี้
00:14:37 → 00:14:40 เป็นของชายหนุ่ม 3 คนนะคะคนแรกเนี่ยก็คือ
00:14:40 → 00:14:44 คนแรกกับคนที่ 2 เนี่ยอายุ 54 เป็นเพื่อน
00:14:44 → 00:14:44 กัน
00:14:44 → 00:14:49 คนที่ 3 เนี่ยอายุประมาณ 40 นะคะคนคนที่
00:14:49 → 00:14:53 คนแรกที่อายุ 54 เนี่ยเป็นคนที่จะบอกว่า
00:14:53 → 00:14:56 เขาก็อยู่ในระดับระดับบริหารนี่แหละแต่
00:14:57 → 00:14:58 ว่าเขาจะมี
00:14:58 → 00:15:02 mindset ที่ที่ค่อนข้างแคบเวลาใครพูด
00:15:02 → 00:15:04 อะไรที่ไม่
00:15:04 → 00:15:07 ใช่อย่างที่เขาคิดหรือว่ามีความเห็นต่าง
00:15:07 → 00:15:12 ปุ๊บเนี่ยเขาจะเขาจะต่อต้านเขาจะเถียงเขา
00:15:12 → 00:15:15 จะเอาชนะอะไรอย่างเงี้ยแล้วเขาก็เลยทำให้
00:15:15 → 00:15:18 ความสัมพันธ์กับการที่จะต้องประสานงานกับ
00:15:18 → 00:15:22 ผู้คนล้มเหลวหมดแต่สิ่งเนี้ยตัวเขาไม่
00:15:22 → 00:15:24 เห็นเขาไม่รู้
00:15:24 → 00:15:27 นะคะเขาก็บอกว่าเขาทำเต็มที่เขาทุ่มเทใน
00:15:27 → 00:15:28 การทำงาน
00:15:28 → 00:15:31 เวลาผ่านไปนานมากจนกระทั่งหัวหน้าของเขา
00:15:31 → 00:15:32 เกษียณอายุไป
00:15:32 → 00:15:36 ก็มีการแต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่ขึ้นมาแทน
00:15:36 → 00:15:39 เพราะฉะนั้นคนใหม่เนี่ยอายุ 44 อ่อนกว่า
00:15:39 → 00:15:44 เขาเป็น 10 กว่าปีคนเนี้ยเลยแบบมีความรู้
00:15:44 → 00:15:48 สึกแบบโมโหมากเสียใจมากผิดหวังมากว่าเขา
00:15:48 → 00:15:52 ทุ่มเทบริษัทไม่เห็นอะไรอย่างนี้
00:15:52 → 00:15:56 แล้วก็เลยไปเล่าให้ชายหนุ่มเพื่อนเขาอีก
00:15:56 → 00:16:00 คนวัยเดียวกันคนที่ 3 ว่าเขาทุ่มเททุก
00:16:00 → 00:16:05 อย่างนะคะว่าเขาทำทุกดีทุกอย่างเลยแต่ว่า
00:16:05 → 00:16:09 เนี่ยองค์กรไม่เห็นแล้วก็บังเอิญก็เพื่อน
00:16:09 → 00:16:13 เขาก็รู้จักพี่อ้อยก็มาเล่าให้ฟัง
00:16:13 → 00:16:16 เราอ่ะจริงๆแล้วอ่ะพี่อ้อยรู้จักทั้ง 3
00:16:16 → 00:16:17 คนนี้
00:16:17 → 00:16:21 น้องคนที่อายุ 40 เศษเนี่ยโอ้โหเป็นคนที่
00:16:21 → 00:16:23 ทุ่มเทกับการทำงานชนิดที่ว่า
00:16:23 → 00:16:27 คือทุกเม็ดนะคะความสามารถของเขาเนี่ยเต็ม
00:16:27 → 00:16:31 แล้วเขาประสานสิบทิศได้ถ้าเรามองการแฟร์ๆ
00:16:31 → 00:16:35 มันไม่มีองค์กรไหนหรอกที่เขาจะเลือกคนที่
00:16:35 → 00:16:38 ประสานงานกับคนไม่ได้วัยมันไม่เกี่ยวหรอก
00:16:38 → 00:16:41 นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยแต่เขาไปสื่อสารกับ
00:16:41 → 00:16:44 เพื่อนเขาคนนั้นว่าเนี่ยไม่เห็นคุณค่าเขา
00:16:44 → 00:16:48 เพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อแล้วอยู่ๆเอาเด็กมา
00:16:48 → 00:16:51 อยู่บนหัวเขาเพราะฉะนั้นเขาก็ไม่อยู่แล้ว
00:16:51 → 00:16:55 เขาก็ลาออกไปนะคะก็ไปใช้ชีวิตกับครอบครัว
00:16:55 → 00:16:58 เรื่องนี้พี่อ้อยรู้แต่พี่อ้อยตอนที่
00:16:59 → 00:17:02 เพื่อนของวัย 50 คนนั้นที่โทรมาเล่าให้
00:17:02 → 00:17:06 พี่อ้อยฟังเนี่ยพี่อ้อยก็ไม่ได้พูดสิ่ง
00:17:06 → 00:17:09 ที่พี่รู้ก่อนหน้านั้นเพราะพี่รู้รู้มา
00:17:09 → 00:17:11 ก่อนหน้านั้นด้วยแล้วว่าความจริงมันคือ
00:17:11 → 00:17:14 อะไรแต่ว่าสิ่งที่เขาสื่อสารมามันเป็นมุม
00:17:14 → 00:17:17 ของคนนั้นเล่า
00:17:17 → 00:17:20 ปรากฎว่าพี่อ้อยก็เลยคิดว่าฉันสละสิทธิ์
00:17:20 → 00:17:25 ฉันรับฟังอย่างเดียวนะคะคนนั้นก็
00:17:25 → 00:17:28 เล่ามาพี่อ้อยก็เอ่ออ๋อมันเป็นแบบนี้เลย
00:17:28 → 00:17:31 ถามว่าพี่อ้อยทำไมถึงสละสิทธิ์ในการที่จะ
00:17:31 → 00:17:34 ชี้แจงความจริงหรือบอกอะไรอย่างนี้กับคน
00:17:34 → 00:17:37 ที่โทรโทรมาคุยเพื่อให้มองว่าอย่างนี้ค่ะ
00:17:38 → 00:17:41 เรื่องอะไรก็ตามในชีวิตเนี่ย
00:17:41 → 00:17:43 มันมีปัจจัยเยอะแยะเลยที่มันเป็นตัวแปร
00:17:43 → 00:17:48 แต่ว่าในมุมของสถานการณ์ตรงนี้เนี่ยคนที่
00:17:48 → 00:17:52 เขาลาออกไปละเขามีความสุขไปแล้วเพราะว่า
00:17:52 → 00:17:54 เขาออกไปอยู่กับครอบครัวแล้วเขาจัดการ
00:17:54 → 00:17:57 ชีวิตตัวเองล่ะเขาไม่ต้องมาเผชิญกับสภาวะ
00:17:57 → 00:17:58 ที่เขาอึดอัดตรงนี้
00:17:58 → 00:18:02 ส่วนน้องที่ 44 เนี่ยเขาก็บริหารจัดการ
00:18:02 → 00:18:05 ของเขาไปเต็มที่โดยที่ไม่มีคนที่มาอึดอัด
00:18:06 → 00:18:10 ขัดใจมาแสดงอะไรอย่างนี้การต่อต้านเขาเขา
00:18:10 → 00:18:13 ก็ดำเนินหน้าที่ของเขาไปส่วนคนที่มาเล่า
00:18:13 → 00:18:17 เขาก็แค่รู้เรื่องซึ่งอาจจะผิดเพี้ยนไป
00:18:17 → 00:18:20 บ้างแต่ว่าเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้สิ่งที่
00:18:20 → 00:18:23 ถูกต้องหรือหรืออะไรเพราะสุดท้ายแล้วทุก
00:18:23 → 00:18:26 คนอยู่ในวิถีที่ดีแล้วพี่อ้อยขอสละสิทธิ์
00:18:27 → 00:18:28 และไม่ได้
00:18:28 → 00:18:32 เล่าอะไรให้ใครฟังค่ะแต่นำมาเล่าวันนี้
00:18:32 → 00:18:34 เพื่อให้เป็น
00:18:34 → 00:18:38 ตัวอย่างในการที่ทุกคนจะมองว่าอะไรล่ะที่
00:18:38 → 00:18:40 เราอ่ะควรใช้สิทธิ์หรือควรสละสิทธิ์ค่ะ
00:18:40 → 00:18:43 ค่ะโอ้โหอันนี้น่าสนใจมากเพื่อนเพราะว่า
00:18:43 → 00:18:46 มันเป็นเรื่องราวของการสละสิทธิ์เนี่ยแต่
00:18:46 → 00:18:46 ว่า
00:18:46 → 00:18:50 มันเป็นกรณีของการสละสิทธิ์ที่พี่อ้อยพี่
00:18:50 → 00:18:52 อ้อยเป็นคนสละสิทธิ์เนี่ยแล้วพี่อ้อยก็จะ
00:18:52 → 00:18:56 เห็นภาพรวมว่าทำไมถึงสละสิทธิ์สละสิทธิ์
00:18:56 → 00:18:59 เพราะว่าประเมินจากภาพรวม 3-4 ฝ่ายแล้ว
00:18:59 → 00:19:02 เนี่ยพบว่าสิ่งที่เรารู้เนี่ยถ้าเราพูดไป
00:19:02 → 00:19:05 เนี่ยผมก็ยังมองว่ามันเหมือนเป็นการเติม
00:19:05 → 00:19:10 เชื้อไฟใช่ๆคือเรารู้ความจริงจากทุกฝ่าย
00:19:10 → 00:19:13 เลยแล้วเราก็มีสิทธิ์ที่จะอธิบายบอกอ๋อ
00:19:13 → 00:19:17 จริงๆแล้วที่คุณฟังจากคนนั้นมาเนี่ยความ
00:19:17 → 00:19:19 จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นนะเดี๋ยวจะเล่าให้
00:19:19 → 00:19:20 ฟังเนี่ย
00:19:20 → 00:19:23 อันนี้มันเป็นการเติมเชื้อไฟซึ่งไฟมีอะไร
00:19:23 → 00:19:25 จะมอดแล้วนะ
00:19:25 → 00:19:29 มันก็จะลุกแล้วไม่นะ 3 คนนี้หรือคนอื่นไป
00:19:29 → 00:19:32 ด้วยแล้วก็แม้กระทั่งประเด็นที่อีกอันนึง
00:19:32 → 00:19:34 ที่พี่อ้อยพูดแล้วผมคิดว่าเอ้ยอันนี้ก็ดี
00:19:34 → 00:19:36 คือว่าผู้บริหารระดับสูงที่ลาออกไปแล้ว
00:19:36 → 00:19:38 เนี่ยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมลาออกไปแล้วก็
00:19:39 → 00:19:42 ตามทีเนี่ยเขาก็ลาออกไปแล้วแล้วเขาก็ไป
00:19:42 → 00:19:45 เลือกวิธีชีวิตของเขาที่เขามีความสุขของ
00:19:45 → 00:19:48 เขาไปแล้วแต่ถ้าเกิดพี่อ้อยบอกว่าเขาไป
00:19:48 → 00:19:50 เล่าให้เพื่อนฟังพี่เพื่อนมาเล่าให้ฟัง
00:19:50 → 00:19:52 อีกทีพี่บอกอ๋อจริงๆมันไม่ใช่อย่างนี้นะ
00:19:52 → 00:19:56 ถ้าถามถ้าถามพี่นะพี่ก็เห็นด้วยกับบริษัท
00:19:56 → 00:19:58 นะเพราะว่าจริงๆอ่ะเขาเป็นอย่างนั้นอย่าง
00:19:58 → 00:20:01 นี้ความเนี่ยก็จะรู้ไปถึงเพื่อนเขาแน่นอน
00:20:02 → 00:20:06 ทีนี้เรามีแต่เสี่ยกับเสี่ยไปหมดเลยค่ะไฟ
00:20:06 → 00:20:10 ที่ลุกเนี่ยนะมันมอดอยู่แล้วเนี่ย
00:20:10 → 00:20:13 ต้องเข้าไปเป็นผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์
00:20:13 → 00:20:16 ด้วยใช่ไหมฮะค่ะเพราะฉะนั้น
00:20:16 → 00:20:18 แต่กรณีของพี่อ้อยเนี่ยผมคิดว่าน่าสนใจ
00:20:18 → 00:20:22 อีกอันนึงก็คือว่ามันเป็นการสละสิทธิ์ที่
00:20:22 → 00:20:26 พี่อ้อยแบบคิดพิจารณาอย่างไรตรงรอบคอบ
00:20:26 → 00:20:30 แล้วก็ประเมินสถานการณ์ว่าตอนนี้นะมันมา
00:20:30 → 00:20:33 ถึงจุดนี้แล้วไฟมันมอดแล้วนะอย่างอันนั้น
00:20:33 → 00:20:37 เลยเราอย่าไปเตือนเราอย่าไปเติมฟืนเลยมัน
00:20:37 → 00:20:41 ก็จะได้จบๆกันไปก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอก
00:20:41 → 00:20:44 ความรู้ทั้งหมดหรือความจริงทั้งหมดบรรทัด
00:20:44 → 00:20:48 ผมนึกถึงนึกถึงอันนึงครับกรณีอย่างที่พี่
00:20:48 → 00:20:52 อ้อยทำเนี่ยมันมีนักปราชญ์คนนึงนะเขามี
00:20:52 → 00:20:54 เขาเรียกว่าเป็นปกติ
00:20:54 → 00:20:57 เขามีตัวกลั่นกรอง 3 ชั้น
00:20:57 → 00:21:00 เนี่ยผมเคยเล่าเรื่องนี้แล้วในหลายกรณีนะ
00:21:00 → 00:21:03 แต่อันนี้เนี่ยมันมาเข้ากับกรณีนี้ด้วย
00:21:03 → 00:21:07 เพราะว่าพอมีคนคนนึงจะมาเล่าอะไรบางอย่าง
00:21:07 → 00:21:11 ให้ปกติฟังอ่ะ
00:21:11 → 00:21:16 เดี๋ยวนะเรื่องที่คุณจะเล่าเนี่ยมันเป็น
00:21:16 → 00:21:17 เรื่องจริงหรือเปล่า
00:21:17 → 00:21:20 ถ้าไม่จริงนี้จบเลยนะแต่กรณีอย่างพี่อ้อย
00:21:20 → 00:21:23 เนี่ยเป็นเรื่องจริงเออ
00:21:23 → 00:21:27 พี่อ้อยมีสิทธิ์ที่จะพูดความจริงด้วยนะ
00:21:27 → 00:21:31 เออข้อที่ 2 บอกว่าเผาผลาญเรื่องหนึ่งไป
00:21:31 → 00:21:33 ได้ก็ไปเรื่อง 2 ใช่ไหมเรื่อง 2 ส่วนที่
00:21:33 → 00:21:34 บอกว่า
00:21:34 → 00:21:36 ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องดีหรือ
00:21:36 → 00:21:37 ไม่ดี
00:21:37 → 00:21:40 ของพี่อ้อยกรณีอย่างนี้เป็นเรื่องดีหรือ
00:21:40 → 00:21:43 ไม่ดีจริงๆเป็นเรื่องไม่ดีค่ะเป็นเรื่อง
00:21:43 → 00:21:43 ไม่ดี
00:21:43 → 00:21:47 พอไม่ดีปุ๊บจบเหมือนกัน
00:21:47 → 00:21:50 ใช่ไหมแต่สมมุติว่าถ้าเป็นเรื่องดี
00:21:50 → 00:21:53 ตัวกลั่นกรองที่ 3 จะมาทำหน้าที่อีกก็คือ
00:21:53 → 00:21:58 เป็นเรื่องมีประโยชน์ไหมก็บอกว่าอ๋ออะไร
00:21:58 → 00:22:00 รู้สึกว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมีแต่จะ
00:22:00 → 00:22:03 ทำให้ไฟลุกท่วมขึ้นมาอีกอย่างนี้เพราะ
00:22:03 → 00:22:07 ฉะนั้นกรณีอย่างนี้เนี่ยผมผมชอบเพราะว่า
00:22:07 → 00:22:07 มัน
00:22:07 → 00:22:12 เวลาที่ผมใช้ทฤษฎีของโซกาติสมาเนี่ยส่วน
00:22:12 → 00:22:14 ใหญ่เรื่องราวทั้งหมดจะไม่ผ่านแม้กระทั่ง
00:22:14 → 00:22:17 เกมที่ 1 ใช่ค่ะแต่ของกรณีพี่อ้อยเนี่ย
00:22:17 → 00:22:18 ผ่านเกณฑ์หนึ่งนะ
00:22:18 → 00:22:22 แต่ไม่ผ่านเกณฑ์ 2 ก็เลยไปไม่ถึงเกณฑ์ 3
00:22:22 → 00:22:26 แต่ทั้งหลายทั้งมวลเนี่ยมันก็คืออะไรก็
00:22:26 → 00:22:28 คือว่าสิ่งที่เราเจอ
00:22:28 → 00:22:32 บางทีพอเราคิดอย่างรอบคอบแล้วเราก็จะพบ
00:22:32 → 00:22:36 ความจริงว่าอ๋อชั้นสละสิทธิ์
00:22:36 → 00:22:40 ฉันสละสิทธิ์ที่จะไม่พูดฉันจะสละสิทธิ์
00:22:40 → 00:22:43 ที่จะไม่โต้แย้งฉันสละสิทธิ์ที่จะไม่
00:22:43 → 00:22:48 อธิบายเพื่ออะไรเพื่อความสุขมนรวมอ่ะใช่
00:22:48 → 00:22:52 ของของตัวเราของผู้เกี่ยวข้องของใครต่อ
00:22:52 → 00:22:53 ใครอะไรอย่างนี้
00:22:53 → 00:22:57 เพราะฉะนั้นกลายเป็นว่าคุณผู้ฟังครับวัน
00:22:57 → 00:23:02 นี้เนี่ยผมได้มุมมองใหม่อันหนึ่งที่น่าสน
00:23:02 → 00:23:03 ใจมากจากพี่อ้อย
00:23:03 → 00:23:06 ที่ตอนแรกที่ถามว่าฉันขอสละสิทธิ์และพี่
00:23:06 → 00:23:07 อ้อยถามว่า
00:23:07 → 00:23:11 ไอ้การสละสิทธิ์แล้วแล้วผลที่ได้กลับมา
00:23:11 → 00:23:13 เป็นเรื่องดีที่ไม่ได้เรื่องเสียมีไหมตอน
00:23:13 → 00:23:14 แรกนึกไม่ออก
00:23:14 → 00:23:17 แต่ตอนนี้นึกได้เยอะมาก
00:23:17 → 00:23:21 แล้วอยากจะชวนคุณผู้ฟังด้วยครับว่าคือ
00:23:21 → 00:23:25 ระหว่างลองสังเกตในชีวิตว่ามีอะไรไหมที่
00:23:25 → 00:23:28 เราบางครั้งเนี่ยเรายืนยันสิทธิ์ของเรา
00:23:28 → 00:23:30 แบบหัวชนฝา
00:23:30 → 00:23:33 แล้วเป็นไงครับยืนยันหัวชนฝาพี่เขาลืมมา
00:23:33 → 00:23:35 ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
00:23:35 → 00:23:38 พังกันไปเอาหัวชนฝาก็หัวเจ็บ
00:23:38 → 00:23:40 [เสียงหัวเราะ]
00:23:40 → 00:23:43 ใช่ๆตัวเองด้วย
00:23:43 → 00:23:46 ถ้าเกิดว่าเรายืนยันสิทธิ์แบบหัวชนฝานะ
00:23:46 → 00:23:50 แน่นอนฝ่าไม่เคยเจ็บอยู่แล้ว
00:23:50 → 00:23:53 แต่หัวเราเนี่ยเจ็บเพราะฉะนั้นตอนนี้จะ
00:23:53 → 00:23:55 เป็นตอนหนึ่งที่กระตุกเราว่า
00:23:55 → 00:23:59 การยืนยันสิทธิ์แบบหัวชนฝาเนี่ยหลายครั้ง
00:23:59 → 00:24:02 ถ้าเรานิ่งแล้วเราสังเกตเราจะพบว่ามันไม่
00:24:02 → 00:24:07 เกิดอะไรดีเลยแต่เราจะทำให้สถานการณ์โดย
00:24:07 → 00:24:11 รวมมันดีขึ้นถ้าบางครั้งเรารู้จักที่จะ
00:24:11 → 00:24:16 พูดคำนี้ครับฉันขอสละสิทธิ์โอ้โหวันนี้
00:24:16 → 00:24:19 ศัลยกรรมความสุขนะครับก็พี่อ้อยบอกว่าขอ
00:24:19 → 00:24:22 สละสิทธิ์แต่ว่าได้มอบคุณค่าดีๆมากมายให้
00:24:22 → 00:24:25 เรานะครับก็พบกับเรา
00:24:25 → 00:24:28 วีระพงษ์ทวีศักดิ์นะครับแล้วก็พี่อ้อยนะ
00:24:28 → 00:24:31 ครับในรายการศัลยกรรมความสุขและการที่จะ
00:24:31 → 00:24:34 มอบแง่คิดมุมมองที่ทำให้ชีวิตเรามีความ
00:24:34 → 00:24:38 สุขมากขึ้นแล้วก็มีความทุกข์น้อยลงวันนี้
00:24:38 → 00:24:41 เราทั้งคู่ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ
00:24:41 → 00:24:44 สวัสดีค่ะ
00:24:44 → 00:24:47 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:24:47 → 00:24:53 ของไทย
00:24:53 → 00:25:02 และ YouTube Channel Thai PBS ผ่อน
00:25:02 → 00:25:07 [เพลง]