00:00:00 → 00:00:02 This is Thai PBS podcast viiew
00:00:03 → 00:00:06 the world by the voice.
00:00:06 → 00:00:09 โรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
00:00:09 → 00:00:13 อ่ะค่ะมันมีการติดแคบจากการสะสมของคราบไข
00:00:13 → 00:00:16 มันหรือมีการอุดตันถ้าเป็นเพศชายอ่ะค่ะใน
00:00:17 → 00:00:19 วัยเกิน 40 ปีเนี่ยจะเริ่มมีความเสี่ยง
00:00:19 → 00:00:23 สูงละหรือว่าถ้าเป็นผู้หญิงนะคะก็จะอายุ
00:00:23 → 00:00:26 ประมาณ 50 ปีค่ะก็จะมีความเสี่ยงเพิ่ม
00:00:26 → 00:00:28 ขึ้นกลุ่มที่เป็นเบาหวานความดันไขมันใน
00:00:28 → 00:00:32 เลือดสูงค่ะอันนี้คือปัจจัยเสี่ยงหลักๆ
00:00:32 → 00:00:35 เลยค่ะถ้าหลอดเลิกอุดตันทั้งหมดเลยนะคะ
00:00:35 → 00:00:38 ต้องส่งโรงพยาบาลโดยด่วนเลยค่ะแต่ว่าถ้า
00:00:38 → 00:00:41 อุดตันแค่บางส่วนนะคะเกิน 20 นาทีขึ้นไป
00:00:41 → 00:00:44 อ่ะค่ะมันมีโอกาสจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ
00:00:44 → 00:00:47 ตายได้
00:00:48 → 00:00:51 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:51 → 00:00:54 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:54 → 00:00:58 This is Thai PBS Podcast คุณผู้ฟัง
00:00:58 → 00:01:01 คะเราพูดคุยกันถึงเรื่องของโรคหลอดเลือด
00:01:01 → 00:01:04 หัวใจตีบอันตรายแค่ไหนนะคะแต่จริงๆแล้ว
00:01:04 → 00:01:07 อะไรที่มันเกี่ยวกับหัวใจเนี่ยรู้สึกว่า
00:01:07 → 00:01:10 มันก็อันตรายเกี่ยวกับชีวิตเราได้เลยที
00:01:10 → 00:01:12 เดียวนะคะแต่ว่าตรงนี้เนี่ยมันจะมีความ
00:01:13 → 00:01:15 อันตรายมากน้อยแค่ไหนหรือว่าโรคหลอดเลือด
00:01:15 → 00:01:17 หัวใจตีบเนี่ยเป็นยังไงนะเดี๋วันนี้เรามา
00:01:17 → 00:01:20 ทำความเข้าใจกันกับผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:01:21 → 00:01:23 อรชุมานากรพรรควิชาการพยาบาลศาลยศาสตร์
00:01:23 → 00:01:26 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:01:26 → 00:01:29 สวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะค่ะอาจารย์คะ
00:01:29 → 00:01:32 คุยกันเรื่องของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนี่
00:01:32 → 00:01:36 คืออะไรยังไงคะก็คือการที่อ่าโรคหลอด
00:01:36 → 00:01:38 เลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอ่ะค่ะ
00:01:39 → 00:01:42 มันมีการติดบแคบจากการสะสมของคราบไขมัน
00:01:42 → 00:01:45 หรือมีการอุดตันทำให้การไหลเวียนเลือดไป
00:01:45 → 00:01:48 เรียงกล้ามเนื้อหัวใจลดน้อยลงค่ะอันนี้
00:01:48 → 00:01:51 คือจำเเพาะเจาะจงมั้คะว่าจะต้องเป็นคนใน
00:01:51 → 00:01:54 วัยไหนอายุประมาณเท่าไหร่เพราะว่าถ้าฟัง
00:01:54 → 00:01:56 แบบนี้ดูเหมือนว่ามันต้องมีการสะสมของพวก
00:01:56 → 00:01:59 ไขมันหรืออะไรพวกเนี้ยมาเป็นระยะเวลานึง
00:01:59 → 00:02:02 อาจจะเป็นกลุ่มคนที่อายุมากๆแล้วด้วยหรือ
00:02:02 → 00:02:05 เปล่าคะใช่ค่ะเราก็จบพบว่าอุบัติการน่ะ
00:02:05 → 00:02:09 ค่ะจะเพิ่มขึ้นในผู้สูงอายุแล้วก็ถ้าเป็น
00:02:09 → 00:02:12 เพศชายอ่ะค่ะในวัยเกิน 40 ปีเนี่ยจะเริ่ม
00:02:13 → 00:02:15 มีความเสี่ยงสูงละหรือว่าถ้าเป็นผู้หญิง
00:02:15 → 00:02:19 นะคะก็จะอายุประมาณ 50 ปีค่ะก็จะมีความ
00:02:19 → 00:02:22 เสี่ยงเพิ่มขึ้นค่ะอืเท่าที่ฟังนี่คือ
00:02:22 → 00:02:24 หมายถึงว่าผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าอาจ
00:02:24 → 00:02:26 จะเป็นเพราะเรื่องของไลฟ์สไตล์ในการใช้
00:02:26 → 00:02:28 ชีวิตอะไรต่างๆเหล่านี้ด้วยมั้คะอาจจะ
00:02:28 → 00:02:30 เป็นเรื่องไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิต
00:02:30 → 00:02:33 พฤติกรรมเสี่ยงได้ค่ะใช่เลยค่ะมันมี
00:02:33 → 00:02:36 ปัจจัยมีสาเหตุอะไรบ้างมั้คะอย่างผู้ชาย
00:02:36 → 00:02:38 ยังพอเดาออกผู้หญิงก็อาจจะอายุ 50 ปีขึ้น
00:02:39 → 00:02:40 ไปเงี้ยค่ะอาจารย์ปัจจัยเสี่ยงความเสี่ยง
00:02:40 → 00:02:43 มันมีสาเหตุจากอะไรได้บ้างอ่ะคะค่ะถ้า
00:02:43 → 00:02:46 เป็นผู้หญิงอ่ะค่ะในช่วงที่เรายังมี
00:02:46 → 00:02:48 ฮอร์โมนที่มีประจำเดือนอยู่ตัวเนี้ยความ
00:02:48 → 00:02:51 เสี่ยงจะน้อยลงแต่พอหลังหมดประจำเดือนไป
00:02:51 → 00:02:54 แล้วอ่ะค่ะความเสี่ยงก็จะเริ่มเพิ่มขึ้น
00:02:54 → 00:02:57 และนอกจากนี้ก็คืออย่างคนที่มีปัจจัย
00:02:57 → 00:03:00 เสี่ยงของการเกิดภาวะโลกร่วมต่างๆอย่างคน
00:03:00 → 00:03:04 ที่เป็นเบาหวานน่ะค่ะความดามันหรือไขมัน
00:03:04 → 00:03:08 ในเลือดสูงหรือคนที่สูบบุหรี่หรือภาวะ
00:03:08 → 00:03:10 อ้วนลงพุงอ่ะค่ะก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มมาก
00:03:11 → 00:03:14 ขึ้นก็อยู่ถึงเรื่องของอาหารการกินนี้นะ
00:03:14 → 00:03:17 คะก็คือใช่อาหารการกินพฤติกรรมการใช้
00:03:17 → 00:03:20 ชีวิตโดยเฉพาะในเรื่องของการออกกำลังกาย
00:03:20 → 00:03:23 ค่ะเราจะพบว่าคนที่ออกกำลังกายเนี่ยเป็น
00:03:23 → 00:03:26 ประจำสม่ำเสมอเนี่ยก็จะมีความเสี่ยงน้อย
00:03:26 → 00:03:29 กว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือว่าใช้
00:03:29 → 00:03:33 ชีวิตที่แบบว่านั่งอยู่เฉยๆมี Activity
00:03:33 → 00:03:36 น้อยอย่างเงี้ค่ะค่ะรู้สึกว่าจะต้องขยับ
00:03:36 → 00:03:39 ร่างกายบ้างเรานะปกติก็นั่งใช่ค่ะต้อง
00:03:39 → 00:03:43 ขยับร่างกายนั่งทำงานกันเอาไลฟ์สไตล์ใน
00:03:43 → 00:03:46 ตอนนี้เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยสาวสังคมออฟฟิศ
00:03:46 → 00:03:48 หนุ่มสังคมออฟฟิศเนี่ยนะคะส่วนใหญ่ก็จะ
00:03:48 → 00:03:50 อยู่กับหน้าจอคอมเลยเนาะอาจารย์เนาะแล้ว
00:03:50 → 00:03:54 ก็จะแบบว่าขยับร่างกายน้อยใช่ค่ะแล้วก็จะ
00:03:54 → 00:03:57 ไปเน้นกินตอนค่ำๆมื้อดึกอะไรอย่างงี้ด้วย
00:03:57 → 00:04:00 ใช่มั้ใช่ๆค่ะใช่ค่ะดังนั้นเราถึงแนะนำ
00:04:00 → 00:04:03 ว่าในระหว่างทำงานที่นั่งออฟฟิศอย่าง
00:04:03 → 00:04:05 เงี้ยค่ะควรอาจจะลุกขึ้นมาเดินหน่อยอะไร
00:04:06 → 00:04:08 อย่างเงี้บ้างเพื่อให้ร่างกายมันได้แบบ
00:04:08 → 00:04:11 ว่าอ่ามี activity ได้ยืดเหยียดอะไรอย่าง
00:04:11 → 00:04:14 เงี้ยรีแลกบ้างค่ะในปัจจัยเสี่ยงอะไรต่าง
00:04:14 → 00:04:17 ๆเหล่านี้เนี่ยมันมีเรื่องของอะไรที่
00:04:17 → 00:04:19 เกี่ยวกับทางพันธุกรรมเกี่ยวด้วยมั้ยคะ
00:04:19 → 00:04:23 แล้วก็รวมถึงโรคประจำตัวบางคนที่มีอยู่
00:04:23 → 00:04:25 อะไรอย่างเงี้ยก็ก็ทำให้เกิดความเสี่ยง
00:04:25 → 00:04:28 ได้มากกว่าคนปกติทั่วไปใช่มั้คะใช่ค่ะก็
00:04:28 → 00:04:31 คือกลุ่มที่เป็นเบาหวานความดันไขมันใน
00:04:31 → 00:04:35 เลือดสูงค่ะอันนี้คือปัจจัยเสี่ยงหลักๆ
00:04:35 → 00:04:38 เลยค่ะเพราะว่ากลุ่มโรคเหล่าเนี้ยมันจะมี
00:04:38 → 00:04:41 การทำอันตรายต่อผนังหลอดเลือดนะคะทำให้
00:04:41 → 00:04:44 ผนังหลอดเลือดแดงเนี่ยมันมีการเกิดการบาด
00:04:44 → 00:04:47 เจ็บหรืออักเสบเกิดขึ้นพอเกิดการบาดเจ็บ
00:04:47 → 00:04:51 อ่ะค่ะมันก็จะเร่งปฏิกิริยาการสะสมผงคราบ
00:04:51 → 00:04:54 ไขมันต่างๆทำให้ผนังหลอดเลือดเราอ่ะค่ะมี
00:04:54 → 00:04:57 การสะสมพวกไขมันไม่ดีอย่าง LDL เพิ่มมาก
00:04:57 → 00:05:00 ขึ้นแล้วท้ายที่สุดก็เกิดเป็นไขมันเกาะ
00:05:00 → 00:05:03 แล้วทำให้หลอดเลือดหัวใจติตามมาค่ะแล้ว
00:05:03 → 00:05:05 มันมีเกี่ยวกับทางพันธุกรรมด้วยมั้คะ
00:05:05 → 00:05:08 สมมุติว่าอาจจะมีคุณพ่อคุณแม่ท่านใดท่าน
00:05:08 → 00:05:11 หนึ่งเคยเป็นมาก่อนเราซึ่งเป็นลูกหรือ
00:05:11 → 00:05:13 หลานอะไรอย่างเงี้ยเรามีโอกาสความเสี่ยง
00:05:13 → 00:05:15 ตรงนี้ด้วยมั้ยคะใช่ค่ะมีความเสี่ยงเพิ่ม
00:05:15 → 00:05:18 ขึ้นถ้าประวัติในครอบครัวมีคนเป็นโรคหัว
00:05:19 → 00:05:21 ใจอย่างเงี้ยก็จะมีความเสี่ยงสูงค่ะอเออ
00:05:22 → 00:05:24 แล้วอย่างี้เราจะรู้ได้ไงคะฟังแบบนี้แล้ว
00:05:24 → 00:05:27 เอออย่างคนที่มีโรคประจำตัวอยู่เป็นเบา
00:05:27 → 00:05:30 หวานความดันเป็นไขมันในเลือดสูงเนี่ยเขา
00:05:30 → 00:05:32 ก็มีความเสี่ยงเอาจจะต้องแบบดูแลตัวเอง
00:05:32 → 00:05:34 เป็นพิเศษนะแต่ถ้าโดยทั่วไปอย่างเงี้ยค่ะ
00:05:34 → 00:05:37 ไม่เคยได้ตรวจร่างกายมาก่อนเลยตัวเองไม่
00:05:37 → 00:05:38 รู้เป็นเบาหวานเป็นความดันเป็นอะไร
00:05:38 → 00:05:40 อย่างี้อะไรหรือเปล่าเนี่ยมันมีสัญญาณ
00:05:40 → 00:05:43 อะไรบอกมั้คะว่าเราเอ้ยเริ่มเสี่ยงนะมี
00:05:43 → 00:05:46 ปัจจัยเสี่ยงอย่างเงี้ยค่ะสัญญาณเตือน
00:05:46 → 00:05:50 ส่วนใหญ่ก็คือจะเป็นอาการน่ะค่ะอาการที่
00:05:50 → 00:05:53 โรคก็อย่างเช่นอาการเจ็บแน่นหน้าอกอาจจะ
00:05:53 → 00:05:56 เป็นในขณะเวลาที่ออกแรงหรือออกกำลังมากๆ
00:05:56 → 00:05:59 อ่ะค่ะเวลาออกกำลังกายอย่างเงี้ยแล้วรู้
00:05:59 → 00:06:02 สึกเจ็บแน่นหน้าอกอันนี้ก็ต้องเฝ้าระวัง
00:06:02 → 00:06:05 และว่าอาจจะเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาด
00:06:05 → 00:06:08 เลือดหรือเปล่าค่ะอันนี้เราจะดูเรื่องของ
00:06:08 → 00:06:10 ความถี่ได้มั้ยคะเพราะว่าคือพออาจารย์บอก
00:06:10 → 00:06:13 ว่าเอ้ยเราขาดการออกกำลังกายแต่พอไปออก
00:06:13 → 00:06:16 กำลังกายก็มากเกินไปหักห่มมากเกินไปก็เลย
00:06:16 → 00:06:20 มีอาการแสดงออกมาได้สำหรับบางคนใช่มั้คะ
00:06:20 → 00:06:23 เออความถี่คงบอกไม่ได้แต่เป็นลักษณะความ
00:06:23 → 00:06:26 รุนแรงของอาการเจ็บหน้าอกมากกว่าค่ะเพราะ
00:06:26 → 00:06:28 ว่าผู้ป่วยที่หลอดเลือดหัวใจตีบเนี่ย
00:06:28 → 00:06:32 อาการที่ของโรคเลยก็คือลักษณะเจ็บหน้าอก
00:06:32 → 00:06:35 บริเวณตำแหน่งข้างซ้ายที่หัวใจอยู่อ่ะค่ะ
00:06:35 → 00:06:37 อ่าฮะเจ็บแบบทนไม่ไหวอะไรอย่างี้เลยใช่
00:06:37 → 00:06:40 มั้ยแบบอืมันใช่ค่ะแต่บางทีบางคนที่เป็น
00:06:40 → 00:06:45 ในไม่มากนะคะอาจจะเจ็บอ่าแต่ว่าในขณะที่
00:06:45 → 00:06:48 ออกกำลังกายหรือออกแรงเยอะๆน่ะค่ะแต่เวลา
00:06:48 → 00:06:51 นั่งพักอาการเจะดีขึ้นนะคะไม่ได้เจ็บตลอด
00:06:51 → 00:06:54 เวลาเจ็บปุ๊บไม่ได้เจ็บตลอดเวลาค่ะเจ็บ
00:06:54 → 00:06:57 ปึ๊บเออะรู้สึกว่ามันผิดปกติละหยุด
00:06:57 → 00:07:01 กิจกรรมนั้นใช่นั่งพักพักใช่นั่งพักอาการ
00:07:01 → 00:07:05 ดีขึ้นใช่ค่ะออแต่ว่ามันก็อาจจะเป็นจุด
00:07:05 → 00:07:07 นึงที่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะคงไม่เป็น
00:07:07 → 00:07:09 อะไรมั้งเพราะว่านั่งพักแล้วเดี๋ยวหาย
00:07:09 → 00:07:11 อย่างเงี้ยค่ะมันก็มีอะไรที่น่ากลัวอยู่
00:07:11 → 00:07:14 ตรงนี้นะคะในการที่เราจะอาจจะไม่ได้ใส่ใจ
00:07:14 → 00:07:17 หรือว่าแบบเห็นว่ามันมีความเป็นอันตราย
00:07:17 → 00:07:20 กับหัวใจเราเงี้ยเนาะอาจารย์เนาะใช่ค่ะ
00:07:20 → 00:07:23 ดังนั้นพอเรารู้ปัจจัยเสี่ยงของเราอ่ะค่ะ
00:07:23 → 00:07:25 บางทีเราก็อาจจะต้องตระหนักตรงนี้เหมือน
00:07:25 → 00:07:28 กันว่าเรามีความเสี่ยงนะอาจจะต้องถ้ามี
00:07:28 → 00:07:31 อาการอาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมิน
00:07:31 → 00:07:33 ร่างกายอ่ะค่ะตรวจสุขภาพประจำปีอย่าง
00:07:33 → 00:07:36 เงี้ยค่ะอืเรื่องของการตรวจสุขภาพประจำปี
00:07:36 → 00:07:39 อย่างหลายๆท่านมีสิทธิ์ในการตรวจสุขภาพ
00:07:39 → 00:07:41 กันอยู่แล้วเงี้ยค่ะก็เราต้องอายุเท่า
00:07:41 → 00:07:43 ไหร่คะเราถึงจะมีโอกาสแบบตรวจเรื่องของ
00:07:44 → 00:07:46 เอ่อหัวใจอะไรอย่างงี้ความผิดปกติอะไร
00:07:46 → 00:07:48 อย่างงี้มั้คะหรือว่าเราจะสามารถที่จะบอก
00:07:48 → 00:07:51 เอ่อทางโรงพยาบาลได้ว่าอยากขอตรวจอันนี้
00:07:51 → 00:07:54 เพิ่มหรืออะไรอย่างงี้ได้มั้ยคะได้ค่ะก็
00:07:54 → 00:07:57 คือแต่เราต้องอ่าควรมีข้อมูลกับคุณหมอว่า
00:07:57 → 00:08:00 เออเราเคยมีอาการนะอย่าง
00:08:00 → 00:08:04 อาดเบื้องต้นง่ายๆอย่าเชื่อไฟฟ้าหัวใจได้
00:08:04 → 00:08:09 ค่ะอ๋ออันนี้เราได้เราขอตรวจเพิ่มเติมได้
00:08:09 → 00:08:13 หรือจะไปตรวจเฉพาะก็ได้ถ้ามีอาการอ๋อใช่
00:08:13 → 00:08:15 ค่ะแสดงว่าอันนี้คือพอถ้าเกิดสมมุติเรา
00:08:15 → 00:08:18 เข้าไปแล้วเนี่ยเรามีปัจจัยมีความเสี่ยง
00:08:18 → 00:08:19 บอกคุณหมอได้แล้วอันนี้คุณหมอเขาจะ
00:08:19 → 00:08:22 วินิจฉัยอะไรยังไงวิธีการขั้นตอนยังไง
00:08:22 → 00:08:24 บ้างคะอาจารย์คะอ่าตรวจง่ายๆก็คือตรวจ
00:08:24 → 00:08:28 คลื่นไฟฟ้าหัวใจนะคะหรือทีนี้ถ้าคนไข้ให้
00:08:28 → 00:08:31 ประวัติว่าเอ่อเวลาออกแรงแล้วมีอาการเจ็บ
00:08:32 → 00:08:35 แน่นหน้าอกแบบแบบลักษณะแบบบีบรัดเหมือนมี
00:08:35 → 00:08:38 อะไรมากดทับอย่างเงี้ยค่ะอาการที่จำเพาะ
00:08:38 → 00:08:41 คุณหมอเอาจจะอ่าประเมินความเสี่ยงโดยการ
00:08:41 → 00:08:44 ส่งตรวจสมรรถภาพหัวใจอย่างเช่นการทำ
00:08:44 → 00:08:47 exercise st คือการเดินสายพานน่ะค่ะ
00:08:47 → 00:08:50 หรือวิ่งสายพานที่เรารู้จักกันน่ะค่ะง่าย
00:08:50 → 00:08:53 ๆค่ะแล้วถ้ามันมีอะไรผิดปกติมันจะแสดงออก
00:08:53 → 00:08:56 มาผลกับหน้าจอเลยใช่มั้คะว่าแบบใช่ค่ะมัน
00:08:56 → 00:08:59 จะแสดงผิดปกติเลยค่ะมันก็จะเป็นการ
00:08:59 → 00:09:03 วินิจฉัยเบื้องต้นได้แต่ว่าถ้าจะให้ชัด
00:09:03 → 00:09:07 เจนจริงๆนะคะเพื่อความแม่นยำในสำหรับคน
00:09:07 → 00:09:10 ที่มีอาการและความเสี่ยงแล้วหมออาจจะส่ง
00:09:10 → 00:09:13 ตรวจเพิ่มเติมก็คือการส่งตรวจสวนหลอด
00:09:13 → 00:09:16 เลือดหัวใจอ่ะค่ะหรือฉีดสีเข้าไปโอพอไป
00:09:16 → 00:09:19 ถึงขั้นตอนนี้รู้สึกว่าเอ้ยเราเป็นแล้ว
00:09:19 → 00:09:23 ใช่มั้ยเนี่ยใช่อันนั้นคือชัดเจนนะคะว่า
00:09:23 → 00:09:26 มาโรงพยาบาลด้วยอาการที่แบบว่าชัดเจนกับ
00:09:26 → 00:09:29 ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจตีบก็คือว่า
00:09:29 → 00:09:32 มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกชัดเจนแล้วก็มีความ
00:09:32 → 00:09:36 ผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือเจาะเลือด
00:09:36 → 00:09:39 แล้วพบว่าคาร์ดีอคเอนไซม์ผิดปกติอย่าง
00:09:39 → 00:09:42 เงี้ยค่ะหมอก็อาจจะเข้าไปสู่ช่องนั้นได้อ
00:09:42 → 00:09:45 ก็อันนี้ก็ต้องตรวจไปตามกระบวนการขั้นตอน
00:09:45 → 00:09:47 ใช้ระยะอย่างตรวจคลื่นหัวใจเงี้ยค่ะเท่า
00:09:47 → 00:09:51 ที่เคยเห็นมาก็จะมีคล้ายๆเหมือนคล้ายๆ
00:09:51 → 00:09:55 แผ่นแปะใช่มั้ยคะแปะมีสายติดเต็มเลยแปะ
00:09:55 → 00:10:00 ตรงหัวใจเออเตคนไข้นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ
00:10:00 → 00:10:05 แล้วก็มีสายมาติดที่ที่ตัวนะคะไม่ถึงนาที
00:10:05 → 00:10:08 2 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะอแป๊บเดียวเองเหรอ
00:10:08 → 00:10:11 คะแป๊บเดียวเองค่ะอ๋อไม่ไม่ได้ต้องแบบว่า
00:10:11 → 00:10:14 กลัวจะแบบว่าเอ๊ะเป็นการช็อตไฟหรือเปล่า
00:10:14 → 00:10:16 หรืออะไรไม่ใช่เลยนะคะคือคือแปะเฉยๆไม่
00:10:16 → 00:10:21 ต้องค่ะแค่แปะเฉยๆแล้วก็อ่ารันขึ้นไฟฟ้า
00:10:21 → 00:10:24 หัวใจออกมาค่ะแค่นั้นเองคุณหมอก็จะ
00:10:24 → 00:10:27 วินิจฉัยเบื้องต้นได้ค่ะมันหมายถึงว่าถ้า
00:10:27 → 00:10:30 มันมีความเสี่ยงหรืออะไรเงี้ยมันคือเอ่อ
00:10:30 → 00:10:33 ในการไหลเวียนของเลือดของเราเนี่ยมันไม่
00:10:33 → 00:10:36 ปกติใช่มั้คะมันติดขัดหรือว่ามันไม่ไหลไป
00:10:36 → 00:10:39 แบบเอ่อเหมือนแบบเราเปิดก๊อกน้ำแล้วในสาย
00:10:39 → 00:10:41 ยางไม่มีอะไรอุดตันเนี่ยน้ำไหลอย่างดี
00:10:42 → 00:10:44 อะไรอย่างเงี้ยค่ะใช่ค่ะแต่ถ้าเมื่อไหร่
00:10:44 → 00:10:46 หลอดเลือดตีบอ่ะค่ะโดยเฉพาะหลอดเลือดหัว
00:10:46 → 00:10:50 ใจมันก็จะไหลไปได้น้อยทีนี้ในกรณีที่ตีบ
00:10:50 → 00:10:53 หมดเลยอย่างเงี้ยมันก็จะไหลไปไม่ได้กลุ่ม
00:10:53 → 00:10:56 นั้นจะเป็นอันตรายเพราะจะเป็นภาวะวิกฤต
00:10:56 → 00:10:59 ที่จะต้องเปิดหลอดเลือดทันทีแต่ว่าถ้ามัน
00:10:59 → 00:11:02 ตีบแค่บางส่วนน่ะค่ะมันก็ยังพอไปไหลเวียน
00:11:02 → 00:11:05 ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้มันตีบตรงไหน
00:11:05 → 00:11:07 คะก่อนถึงหัวใจหรือมันตีบอยู่ในหัวใจเรา
00:11:07 → 00:11:10 อ่ะคะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัว
00:11:10 → 00:11:13 ใจอ่ะค่ะมันมีทั้งเส้นใหญ่แล้วก็แขนงเล็ก
00:11:13 → 00:11:16 ๆที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆดังนั้นทุกตำแหน่ง
00:11:16 → 00:11:19 สามารถตีบได้หมดเลยค่ะแต่ถ้าตีบเส้นหลัก
00:11:19 → 00:11:23 เส้นใหญ่อย่างเงี้ยก็จะอันตรายหน่อยค่ะอื
00:11:23 → 00:11:25 งั้นแสดงว่าหมายความว่าไอ้เส้น
00:11:25 → 00:11:28 แขนงฝอยๆเนี่ยถ้ามันตีบมันก็อาจจะยังไม่
00:11:28 → 00:11:32 ได้ส่งผลเพราะว่ามันยังมีเส้นหลักอยู่ใช่
00:11:32 → 00:11:35 มันยังมีเส้นหลักไปเลี้ยงอืแต่ก็ไม่ได้
00:11:35 → 00:11:38 หมายความว่าคุณเส้นย่อยเส้นเส้นแบบแขนง
00:11:38 → 00:11:40 ออกมาอย่างี้แล้วเนี่ยเส้นใหญ่จะไม่ตีบก็
00:11:40 → 00:11:44 ไม่ใช่มันอาจจะไปตรงนั้นก็ได้ใช่ค่ะจับ
00:11:44 → 00:11:46 พัดจับหูวันดีคืนดีเอ้ยวันดีคืนร้ายขึ้น
00:11:46 → 00:11:49 มาอย่างเงี้ยเนาะอาจารย์เนาะเออแล้วถ้า
00:11:49 → 00:11:51 สมมุติว่าไม่ได้เป็นคนออกกำลังกายอ่ะค่ะ
00:11:51 → 00:11:55 อาจารย์ตั๋วสุขภาพประจำปีก็พอไหวอยู่แล้ว
00:11:55 → 00:11:57 มันจะมีอาการอะไรบอกมั้ยคะสำหรับคนที่
00:11:57 → 00:12:00 ปกติทั่วไปเราไม่ได้ออกกำลังกายเยอะๆหรือ
00:12:00 → 00:12:02 อะไรเงี้ยมันจะมีอาการบอกมั้ยคะอาการอาจ
00:12:02 → 00:12:05 จะเหนื่อยง่ายอือาจจะมีอาการเหนื่อยง่าย
00:12:05 → 00:12:08 ร่วมด้วยแต่ว่าถ้าไม่ได้ออกกำลังกายค่ะ
00:12:08 → 00:12:12 บางทีมันไม่มันไม่แสดงอาการจะมีอาการอีก
00:12:12 → 00:12:15 ทีก็คือต่อเมื่อมันตีบค่อนข้างเยอะพอตีบ
00:12:15 → 00:12:18 เยอะนี่ก็คือไม่ต้องออกกำลังกายแค่อยู่
00:12:18 → 00:12:22 เฉยๆคนไข้ก็มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกได้ค่ะ
00:12:22 → 00:12:26 ค่ะอ่ะอันนี้ก็เป็นความเสี่ยงอย่างนึงที่
00:12:26 → 00:12:28 คุณหมอหลายๆท่านหรืออาจารย์ที่มาออกราย
00:12:28 → 00:12:30 การเรามักจะบอกว่าจริงๆก็คือการใช้ชีวิต
00:12:30 → 00:12:33 ปกติแล้วออกกำลังกายเนี่ยมันจะทำให้แบบดู
00:12:33 → 00:12:35 แลสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดีเลยนะกับการ
00:12:35 → 00:12:37 ออกกำลังกายไม่ความเสี่ยงก็จะน้อยลงหรือ
00:12:37 → 00:12:39 ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเนี่ยให้สังเกตตัวเอง
00:12:39 → 00:12:42 เยอะๆอย่างเงี้ยเนาะอาจารย์เนาะใช่เลยค่ะ
00:12:42 → 00:12:46 อาจารย์คะถ้าสมมุติว่าอ่ะไปแปะดูเอ่อ
00:12:46 → 00:12:48 คลื่นหัวใจเรียบร้อยแล้วนู่นนี่นั่นอ่ะ
00:12:48 → 00:12:52 มันมีเส้นเลือดฝอยอยู่บางเส้นเส้น 2 เส้น
00:12:52 → 00:12:54 หรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะอาจารย์อัน
00:12:54 → 00:12:57 เราต้องทำยังไงต่อคะหรือว่าเราแบบจะเฮ้ย
00:12:57 → 00:12:59 อ่ะไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนนะเดี๋ยวไม่
00:12:59 → 00:13:01 งั้นมันจะเสี่ยงไปกว่านี้หรืออะไรเรายัง
00:13:01 → 00:13:04 พอมีเวลาให้เราได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการ
00:13:04 → 00:13:07 ใช้ชีวิตการกินไลฟ์สไตล์การออกกำลังกาย
00:13:07 → 00:13:10 อย่างนี้ด้วยมั้ยคะใช่ค่ะคือจริงๆถ้ามัน
00:13:10 → 00:13:13 ตีไม่เยอะอ่ะค่ะบางทีการตรวจคลื่นไฟฟ้า
00:13:13 → 00:13:16 หัวใจเนี่ยมันอาจจะไม่ได้พบความผิดปกติอื
00:13:16 → 00:13:19 ชัดเจนมันต้องตรวจอย่างอื่นร่วมด้วยแต่
00:13:19 → 00:13:21 ว่าถ้ามีความเสี่ยงโดยส่วนใหญ่คุณหมอที่
00:13:21 → 00:13:24 เป็นนะรักษาพวกโรคประจำโลกร่วมพวกเนี้ย
00:13:24 → 00:13:28 เขาก็จะพยายามรักษาภาวะโลกร่วมให้คงที่
00:13:28 → 00:13:30 เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะไปเกิดโรค
00:13:30 → 00:13:34 หลอดเลื่อนหัวใจตามมาค่ะค่ะเอ่อแล้วอย่าง
00:13:34 → 00:13:36 ในกรณีที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆเงี้ยค่ะ
00:13:36 → 00:13:39 อาจารย์แบบนักกีฬาเงี้ยเล่นกีฬาแข่งกีฬา
00:13:39 → 00:13:42 อยู่เงี้ยเราลมฟึ๊บไปเลยอย่างเงี้ยค่ะมัน
00:13:42 → 00:13:44 เกี่ยวกับหัวใจเราเลยใช่มั้คะอ่าก็อาจจะ
00:13:44 → 00:13:48 เกิดขึ้นได้ค่ะอาจจะเกิดจาก 1 ก็คืออาจจะ
00:13:48 → 00:13:52 หัวใจเต้นผิดจังหวะณขณะนั้นที่เป็นภาวะ
00:13:52 → 00:13:55 หัวใจเต้นผิดจังหวะที่รุนแรงนะคะหรือใน
00:13:55 → 00:13:58 กรณีที่คนไข้มีปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:13:58 → 00:14:01 อยู่แล้วแล้วพอไปออกกำลังกายอ่ะค่ะความ
00:14:01 → 00:14:03 ต้องการใช้ออกซิเจนของเซลล์กล้ามเนื้อหัว
00:14:04 → 00:14:07 ใจมันเพิ่มมากขึ้นร่วมกับอาจจะมีการตีบ
00:14:07 → 00:14:11 อ่าหลอดเลือดหัวใจหลอดหดเกร็งร่วมด้วย
00:14:11 → 00:14:13 อย่างเงี้ยทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
00:14:13 → 00:14:16 หัวใจได้น้อยหรือในขณะออกแรงมากๆมันไป
00:14:16 → 00:14:20 กระตุ้นทำให้ไอ้คราบไขมันตรงเนี้ยค่ะมัน
00:14:20 → 00:14:24 เ้าเรียกว่ามันฉีดขาดทันทีมันเจอพอมันฉีก
00:14:24 → 00:14:28 ขาดทันทีอ่ะค่ะมันก็จะมีกระบวนการที่
00:14:28 → 00:14:32 สร้างเกล็ดเลือดมาเพื่อที่จะสมานแผลตรง
00:14:32 → 00:14:35 เนี้ยค่ะแต่กลายเป็นพอมันฉีกขาดไอ้ลิ่ม
00:14:35 → 00:14:38 เลือดต่างๆมันมาเกาะเพิ่มมากขึ้นน่ะค่ะก็
00:14:38 → 00:14:40 กลายเป็นทำให้หลอดเลือดตรงส่วนนั้นน่ะมัน
00:14:40 → 00:14:44 อุดตันทั้งหมดเลยพออุดตันทั้งหมดคนไข้ก็
00:14:44 → 00:14:48 จะมาด้วยภาวะวิกฤตก็คือเจ็บแน่นหน้าอกมาก
00:14:48 → 00:14:51 อันเนี้คือเป็นอันตรายเพราะการรักษาต้อง
00:14:51 → 00:14:53 เปิดหลอดเลือดทันทีค่ะไม่งั้นคนไข้มี
00:14:53 → 00:14:56 โอกาสเสียชีวิตค่ะโอ้โหอย่างี้มันต้องใช้
00:14:56 → 00:14:59 เวลาภายในกี่นาทีคะอาจารย์วิกฤตกับชีวิต
00:14:59 → 00:15:03 ขนาดนี้มีระยะเวลาให้เราได้แบบส่งโรง
00:15:03 → 00:15:06 พยาบาลหน่อยมั้คะถ้าหลอดเลิกอุดตันทั้ง
00:15:06 → 00:15:09 หมดเลยนะคะต้องส่งโรงพยาบาลโดยด่วนเลยค่ะ
00:15:09 → 00:15:13 แต่ว่าถ้าอุดตันแค่บางส่วนนะคะบางส่วนไม่
00:15:13 → 00:15:15 ได้เยอะมากแต่ว่าถ้าทิ้งระยะเวลาให้อุด
00:15:16 → 00:15:18 ตันต่อเนื่องประมาณ 20 เกิน 20 นาทีขึ้น
00:15:18 → 00:15:21 ไปอ่ะค่ะมันมีโอกาสที่กล้ามเนื้อจากที่
00:15:21 → 00:15:24 มันขัดเลือดจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายได้
00:15:24 → 00:15:27 แต่ถ้าอุดตันทั้งหมดเลือดไม่ไปเลี้ยงเลย
00:15:27 → 00:15:30 กล้ามเนื้อหัวใจส่วนนั้นก็ตายดังนั้นคน
00:15:30 → 00:15:34 ไข้พอมาโรงพยาบาลนะคะในฉุกเฉินน่ะค่ะเขา
00:15:34 → 00:15:38 ก็จะมีฟาสกสำหรับคัดกรองคนไข้กลุ่มเสี่ยง
00:15:38 → 00:15:41 ของหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพันที่เราเรียก
00:15:41 → 00:15:43 ว่า Accute Coronary Syndrome พอคนไข้
00:15:44 → 00:15:47 มาถึงแล้วอาการชัดเจนน่ะค่ะอ่าคุณพยาบาล
00:15:47 → 00:15:50 หรือคุณหมอเนี่ยจะต้องทำ EKG ภายใน 10
00:15:50 → 00:15:53 นาทีเลยค่ะอืคือถ้าเราสามารถทำ EKG ได้
00:15:53 → 00:15:57 ภายใน 10 นาทีแล้วอ่านผลถ้าคุณหมอเห็นว่า
00:15:57 → 00:16:01 ผลผิดปกติอ่ะค่ะก็ต้องเข้า Fast เปิดหลอด
00:16:01 → 00:16:03 เลือดหัวใจอือฮสำหรับโรงพยาบาลที่มี
00:16:03 → 00:16:08 ศักยภาพก็คือทำ PCI ก็คือเปิดขยายหลอด
00:16:08 → 00:16:12 เลือดด้วยบอลรูนหรือใส่สเตพบความผิดปกติ
00:16:12 → 00:16:14 นะคะโอ้โหอันแต่ว่ามันต้องผ่านการ
00:16:15 → 00:16:17 วินิจฉัยเบื้องต้นก่อนตั้งแต่ที่เราคุย
00:16:17 → 00:16:19 กันไปเนาะอาจารย์เนาะว่าแบบมันจะต้องมี
00:16:19 → 00:16:23 การมาตรวจวัดคลื่นหัวใจเออคนเป็นเบาหวาน
00:16:23 → 00:16:25 ความดันไขมันในเลือดสูงอยู่แล้วหรือเปล่า
00:16:25 → 00:16:27 อันเนี้พวกเนี้ยมันเป็นปัจจัยที่เราให้
00:16:27 → 00:16:31 ข้อมูลคุณหมอได้เพราะว่าบางทีเราอาจจะไม่
00:16:31 → 00:16:33 รู้หรืออะไรอย่าเงี้ยค่ะมันต้องในการให้
00:16:33 → 00:16:35 ข้อมูลของคุณหมอในการวินิจฉัยอ่ะมันก็อาจ
00:16:35 → 00:16:38 จะเลยต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างจะมากหน่อย
00:16:38 → 00:16:41 เพื่อให้แบบวินิจฉัยออกมาได้ตรงมากที่สุด
00:16:41 → 00:16:43 น่ะนะคะอันนี้ก็สำคัญด้วยเนาะทีนี้
00:16:43 → 00:16:45 อาจารย์คะแล้วอย่างเงี้ยวิธีการรักษามัน
00:16:45 → 00:16:48 ต้องแบบขยายหลอดเลือดอย่างเดียวเลยใช่
00:16:48 → 00:16:51 มั้ยคะมันทำอะไรอย่างอื่นได้อีกมั้คะถ้า
00:16:51 → 00:16:53 สมมุติว่าในกรณีที่แบบเราเสี่ยงแน่นอน
00:16:53 → 00:16:56 เป็นแน่นอนแล้วเงี้ยค่ะอ่าจริงๆการรักษา
00:16:56 → 00:17:00 จะมี 2 chชannelเนาะ 1 ก็คือสำหรับคนไข้
00:17:00 → 00:17:03 ถ้าหลอดเลือดหัวใจตีบทั้งหมดอืเลือดไป
00:17:03 → 00:17:05 เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้กล้ามเนื้อ
00:17:05 → 00:17:08 หัวใจตายกลุ่มนั้นน่ะค่ะจะต้องเปิดหลอด
00:17:08 → 00:17:10 เลือดโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เลือดเนี่ย
00:17:10 → 00:17:13 สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดังนั้น
00:17:13 → 00:17:16 การรักษาของคนไข้กลุ่มเนี้ยก็คือต้องเปิด
00:17:17 → 00:17:22 สวนหลอดเลื่อนหัวใจคือทำบอลลูนนะอพยาบที่
00:17:22 → 00:17:27 ศักยภาพแต่ถ้าโรงพยาบาลที่อ่าอาจจะไม่มี
00:17:27 → 00:17:30 ห้องแคนบห้องเปิดสวนหัวใจอ่ะค่ะเขาก็จะมี
00:17:30 → 00:17:33 เครือข่ายของเขาในระหว่างทางเนี่ยสามารถ
00:17:33 → 00:17:37 ให้ยาละลายลิ่มเลือดได้สำหรับกลุ่มหนักนะ
00:17:37 → 00:17:41 คะแต่ถ้ากลุ่มนึงที่ประเมินแล้วน่ะค่ะอ่า
00:17:41 → 00:17:43 มีการตีของหลอดเลือดหัวใจแต่ว่ายังมี
00:17:44 → 00:17:46 เลือดบางส่วนไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
00:17:46 → 00:17:49 ได้กลุ่มเนี้ยไม่ต้องถึงกับวิกฤตต้อง
00:17:49 → 00:17:53 รักษารักษาทันทีในระหว่างการรักษาค่ะ
00:17:53 → 00:17:56 สามารถเปิดหลอดเลือดหัวใจโดยการให้ยาค่ะ
00:17:56 → 00:18:00 ให้ยาในกลุ่มที่ไปต้านทำหน้าที่ของเกล็ด
00:18:00 → 00:18:03 เลือดอย่างเช่นให้แอสไพลีนให้พราวได้ค่ะ
00:18:03 → 00:18:06 แล้วหลังจากนั้นก็รักษาตามอาการแล้วก็ให้
00:18:06 → 00:18:10 รับประทานยาไปค่ะอืเอ่ออย่างแอสไพริน
00:18:10 → 00:18:13 อย่างที่เราจะทราบว่าแบบมันถ้าใครที่แบบ
00:18:13 → 00:18:15 ว่ามีเกี่ยวกับเรื่องอะไรนะเลือดไม่แข็ง
00:18:15 → 00:18:17 ตัวอย่างงี้อันอันตรายใช่มั้คะอาจารย์
00:18:17 → 00:18:21 จริงๆแฟไพรินเนี่ยจะอันตรายลายน้อยกว่าใน
00:18:21 → 00:18:25 อีกกลุ่มนึงสามารถให้ได้ค่ะอแอสเฟลีนมัน
00:18:25 → 00:18:28 ไปแค่ต้านการเกราะกลุ่มของเกล็ดเลือดความ
00:18:28 → 00:18:31 เสี่ยงก็จะน้อยดังนั้นก็จะเหมาะกับคนไข้
00:18:31 → 00:18:34 หลอดเลือดหัวใจตีบค่ะถ้าคนไข้มีพญาธิสภาพ
00:18:34 → 00:18:37 คือคราบไขมันที่มันเกาะผนังหลอดเลือดคือ
00:18:37 → 00:18:40 หลอดเลือดมันก็ปกติมันก็โตเท่านี้เนาะพอ
00:18:40 → 00:18:42 มีคราบไขมันก็ตีบน้อยลงพื้นที่มันก็ไหล
00:18:42 → 00:18:45 เวียนลดลงพอพื้นที่ตีบน้อยลงร่วมกับเกล็ด
00:18:45 → 00:18:48 เลือดทำงานเพิ่มมากขึ้นมันก็กลายเป็นอ่ะ
00:18:48 → 00:18:52 ตีบเยอะไปเพิ่มขึ้นอย่างเงี้ยค่ะไปอุดซะอ
00:18:52 → 00:18:54 พอหลังจากรักษาทำบอลรูนหัวใจเสร็จหรือ
00:18:54 → 00:18:57 อะไรก็แล้วแต่เงี้ยค่ะอาจารย์ตามกระบวน
00:18:57 → 00:18:59 การของหมอค่ะอ่ะทีเนี้ยเราต้องดูแลตัวเอง
00:19:00 → 00:19:02 ยังไงหรือคนรอบข้างที่มีคนในครอบครัวคน
00:19:03 → 00:19:04 รู้จักหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะเราจะต้องดู
00:19:04 → 00:19:06 แลอะไรเค้าหรือระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ
00:19:06 → 00:19:09 ด้วยมั้คะสำหรับคนที่ที่ได้รับการผ่าตัด
00:19:09 → 00:19:11 มาแล้วหรือทำบอลรูนมาแล้วอะไรอย่างเงี้ย
00:19:11 → 00:19:14 ค่ะเมื่อกี้พูดถึงการผ่าตัดเนาะจะมีคนไข้
00:19:14 → 00:19:17 อีกกลุ่มนึงนะคะที่เป็นแบบว่าเป็นแบบ
00:19:17 → 00:19:19 เรื้อรังคือหลอดเลือดหัวใจมันค่อยๆตีบ
00:19:19 → 00:19:22 อย่างเงี้ยค่ะมันไม่ได้ตีบทันทีหรือว่า
00:19:22 → 00:19:25 แบบฉีดขาดกลุ่มเนี้ยถ้าตีบหลายเส้นนะคะ
00:19:25 → 00:19:29 บางทีการทำบอลลูนหรือใส่ขดลวดน่ะค่ะมัน
00:19:29 → 00:19:32 ไม่คุ้มเพราะค่าใช้จ่ายมันค่อนข้างสูงและ
00:19:32 → 00:19:35 ถ้าตีบหลายเส้นนะคะสุดท้ายแล้วคนไข้ก็
00:19:35 → 00:19:37 ต้องจบด้วยการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือด
00:19:37 → 00:19:40 หัวใจหรือที่เขาเรียกว่าทำใบพาก็คือผ่า
00:19:40 → 00:19:45 ตัดใหญ่แต่ว่าการดูแลหลังจากทำบอลรูนหรือ
00:19:45 → 00:19:48 การทำไบพดูแลเหมือนกันนะคะก็คือหลังผ่า
00:19:49 → 00:19:51 ตัดหรือการทำบลรูนไปแล้วคนไข้ก็ต้องควบ
00:19:51 → 00:19:54 คุมปัจจัยเสี่ยงค่ะถ้าเป็นเบาหวานก็ต้อง
00:19:54 → 00:19:58 ควบคุมระดับของนะฮีโมโลบิน A1C หรือความ
00:19:58 → 00:20:01 เข้มข้นของอ่ากลูโคสในเลือดเนี่ยให้อยู่
00:20:01 → 00:20:04 ในระดับที่เหมาะสมค่ะถ้าเป็นความดันโลหิต
00:20:04 → 00:20:07 สูงก็ต้องควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่
00:20:07 → 00:20:11 ในเกณฑ์ที่คุณหมอโอเคนะคะไขมันในเลือดสูง
00:20:11 → 00:20:13 อย่างเงี้ยค่ะก็ต้องควบคุมระดับ LDL
00:20:13 → 00:20:16 คอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในระดับแล้วก็
00:20:16 → 00:20:19 ยาที่สำคัญที่คนไข้จะต้องกินไปตลอดชีวิต
00:20:19 → 00:20:22 ก็คือแอสไพรินอย่างที่บอกอ่ะค่ะอืเพราะ
00:20:22 → 00:20:26 ว่าทำบอลรูนไปแล้วใช่มั้ยคะค่ะหลอดเลือด
00:20:26 → 00:20:29 ที่มันนะที่มันตีบมันได้รับการเปิดขยายก็
00:20:29 → 00:20:33 จริงแต่มันมีโอกาสตีบซ้ำได้ที่เดิมหรือ
00:20:33 → 00:20:36 แม้แต่ทำพระที่เดิมหรือที่ใหม่ได้เลยค่ะ
00:20:36 → 00:20:39 ถ้าเราไม่ควบคุมปัจจัยเสี่ยงค่ะเช่นเดียว
00:20:39 → 00:20:43 กันค่ะคือการทำบอลรูนนี่คือแก้ไขความผิด
00:20:43 → 00:20:46 ปกติจากที่มันตีบใช่มั้ยคะเราใช้แรงดัน
00:20:47 → 00:20:50 บอลรูนเนี่ยเบียดคราบไขมันหรือว่าหมอก็จะ
00:20:50 → 00:20:53 มีกระบวนการกรอคอเลสเตอรอลหรือคราบไขมัน
00:20:53 → 00:20:55 ที่อยู่ในหลอดเลือดเนี่ยออกนอกร่างกาย
00:20:55 → 00:20:58 อือหือแต่ว่าถ้าทำทางเดี่งหลอดเลือดหัวใจ
00:20:58 → 00:21:01 อ่ะค่ะความหมายก็คือหลอดเลือดหัวใจที่มัน
00:21:01 → 00:21:05 ตีบยังตีบเหมือนเดิมนะคะแต่ว่าเราทำเรา
00:21:05 → 00:21:08 ตัดต่อเส้นเลือดbyพเส้นใหม่ข้ามตำแหน่ง
00:21:08 → 00:21:10 ที่ตีบแคบแล้วทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยง
00:21:10 → 00:21:13 กล้ามเนื้อหัวใจเพิ่มมากขึ้นเหมือนกับอ่า
00:21:13 → 00:21:16 เส้นทางเดิมที่มันติดอยู่แล้วถนนน่ะค่ะ
00:21:16 → 00:21:22 เราทำถนทางด่วนขึ้นมาให้รถสามไปได้อย่าง
00:21:22 → 00:21:26 เช่นเดียวกันดังนั้นโอกาสตีบซ้ำเกิดขึ้น
00:21:26 → 00:21:28 ได้เสมอค่ะถ้าเป็นบอลลูนอาจจะตีบที่เดิม
00:21:28 → 00:21:31 ที่ใหม่ถ้าทำbyพโอกาสตีบที่ใหม่หรือเส้น
00:21:31 → 00:21:34 เลือดที่ทำทางเบี่ยงใหม่ก็ตีบซ้ำได้ค่ะ
00:21:34 → 00:21:37 ค่ะเพราะฉะนั้นไม่เอาดีกว่าครั้งเดียว
00:21:37 → 00:21:41 เกินพอแล้วนะเอาจริงๆใช่ค่ะดังนั้นต้อง
00:21:41 → 00:21:43 ควบคุมปัจจัยเสี่ยงค่ะแล้วที่สำคัญก็คือ
00:21:44 → 00:21:46 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
00:21:46 → 00:21:50 ค่ะแล้วก็รับประทานยาตามแพทย์สั่งค่ะอ๋อ
00:21:50 → 00:21:53 คือคนที่เป็นแล้วก็ต้องดูแลมากขึ้นออก
00:21:53 → 00:21:56 กำลังกายเบาๆพอนะคะไม่ต้องไปหักมากเอาให้
00:21:56 → 00:21:59 แบบเลือดมันไหลเวียนเนาะแล้วก็ไขมันก็
00:21:59 → 00:22:02 น้อยลงคือมันจริงๆอ่ะเออตามหลักโภชนาการ
00:22:02 → 00:22:05 มันต้องกินบ้างแหละแต่อย่าไปกินเยอะเออ
00:22:05 → 00:22:08 ยิ่งอายุมากๆแล้วความเสี่ยงมันมันเยอะ
00:22:08 → 00:22:10 ขึ้นของพวกนี้มันสั่งสมมาเนาะอาจารย์เนาะ
00:22:10 → 00:22:12 มันไม่ได้แบบกินวันนี้ไปกินหมูกระทะแล้ว
00:22:12 → 00:22:15 ปึ๊บโอ้ยไขมันเต็มเส้นเลือดมันไม่ใช่เนาะ
00:22:15 → 00:22:18 ใช่ใช่มันเป็นตั้งแต่เราพฤติกรรมการกิน
00:22:18 → 00:22:21 ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นจนสืบผู้สูงอายุเนาะ
00:22:21 → 00:22:23 กินอย่างไรได้อย่าง
00:22:23 → 00:22:27 งั้นอยากจะบอกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีอ่ะ
00:22:27 → 00:22:30 ค่ะเป็นโรคที่ป้องกันได้นะคะอยู่ที่
00:22:30 → 00:22:33 พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรานี่แหละค่ะ
00:22:33 → 00:22:36 ดังนั้นถ้าเราตระหนักถึงความเสี่ยงแล้วก็
00:22:36 → 00:22:40 มาใช้ชีวิตที่แบบว่า Healy เพิ่มขึ้นมย
00:22:40 → 00:22:43 รับประทานอาหารที่อ่าครบ 5 หมู่แล้วก็
00:22:43 → 00:22:46 เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพหลีกเลี่ยงอาหาร
00:22:46 → 00:22:50 ที่ไขมันทานอย่างเงี้ยแล้วก็ออกกำลังกาย
00:22:50 → 00:22:54 ค่ะนะคะเป็นวิถีง่ายๆปกติง่ายๆเลยบางที
00:22:54 → 00:22:56 การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องไปเสียตังค์
00:22:56 → 00:22:59 ก็ได้นะคะก็เดินกันอยู่แถวหมู่บ้านคือตอน
00:22:59 → 00:23:01 นี้ก็ยังไม่สายนะคะถ้าเกิดว่าใครจะดูแล
00:23:01 → 00:23:03 สุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้นเพราะว่าเชื่อว่า
00:23:03 → 00:23:06 ทุกคนหลายคนที่ฟังรายการโรงหมออยู่ก็เอ่อ
00:23:06 → 00:23:08 ดูแลสุขภาพกันอยู่แล้วถึงได้ฟังรายการ
00:23:08 → 00:23:10 แล้วก็เรื่องของอาหารการกินเพิ่มอีกนิด
00:23:10 → 00:23:13 คือการออกกำลังกายและตรวจสุขภาพเป็นประจำ
00:23:13 → 00:23:15 ทุกๆปีน้องอาจารย์เนาะเราก็จะได้แบบรู้
00:23:15 → 00:23:18 ก่อนรู้เร็วรักษาได้เร็วขอบคุณค่ะอาจารย์
00:23:18 → 00:23:21 คะวันนี้ได้ความรู้กันมากมายเลยนะคะก็ยัง
00:23:21 → 00:23:23 ไงมีโอกาสหน้าคงได้มีโอกาสพูดคุยกับ
00:23:23 → 00:23:25 อาจารย์กันใหม่นะคะขอบคุณอาจารย์อรชุมา
00:23:25 → 00:23:29 ค่ะค่ะยินดีมากค่ะค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะ
00:23:29 → 00:23:31 คุณผู้ฟังคะหมดเวลาแล้วนะคะรายการโรงหมอ
00:23:31 → 00:23:33 ต้องลาไปก่อนค่ะแล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:23:33 → 00:23:37 วันนี้สวัสดีค่ะ This is Thai PBS
00:23:37 → 00:23:40 Podcast ค่า PS หรือค่าความเป็นกรดด่าง
00:23:40 → 00:23:43 ในร่างกายที่เหมาะสมอยู่ที่เท่าไหร่อาหาร
00:23:43 → 00:23:46 อันทลายมีอะไรบ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.
00:23:46 → 00:23:48 เอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
00:23:48 → 00:23:50 มาเล่าให้ฟัง
00:23:50 → 00:23:54 ครับอาหารสร้างกรดอาหารสร้างด่างคืออาหาร
00:23:54 → 00:23:56 นั้นน่ะเข้าไปสร้างความเป็นกรดเป็นด่างใน
00:23:56 → 00:23:59 ร่างกายเราก็เลยมีalคal forming food
00:23:59 → 00:24:02 acidic forming food ทฤษฎีเนี้ยมันมี
00:24:02 → 00:24:06 มานานและค่าพีของคนปกติในเลือดเราเนี่ย
00:24:06 → 00:24:10 ที่คนปกติสุขภาพดีเนี่ยจะอยู่ในช่วง
00:24:10 → 00:24:15 7.35- 7.45 45 เป็นช่วงที่เหมาะสมนั่น
00:24:15 → 00:24:18 คือมีความเป็นด่างเล็กน้อยที่ทำให้ร่าง
00:24:18 → 00:24:21 กายของเราเนี่ยทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ
00:24:21 → 00:24:24 ดีถ้าเกินสูงไปก็ไม่ดีเพราะสูงเกินไปภาวะ
00:24:24 → 00:24:26 ร่างกายมีความเป็นด่างสูงเลือดเป็นด่าง
00:24:26 → 00:24:29 สูงก็ไม่ดีอีกเป็นกดมากก็ไม่ดีอีกแล้วกด
00:24:29 → 00:24:31 ด่างเนี่ยมันขึ้นอยู่กับอะไรมันขึ้นอยู่
00:24:31 → 00:24:34 กับพฤติกรรมการกินของเราอือฮึถ้าไม่อยาก
00:24:34 → 00:24:38 ให้เป็นภาระของร่างกายเราก็กินอาหารสร้าง
00:24:38 → 00:24:41 กรดน้อยๆหน่อยทีนี้มันก็มีการศึกษาวิจัย
00:24:41 → 00:24:44 ครับเรื่องของอาหารที่สร้างด่างเนี่ยที่
00:24:44 → 00:24:47 มันอาจจะมีผลดีกับสุขภาพพวกพืชผักซะส่วน
00:24:47 → 00:24:50 ใหญ่พวกอาหารในกลุ่มของ aline forming
00:24:50 → 00:24:55 food นะเช่นผักใบเขียวนะผักโขมผักคนานะ
00:24:56 → 00:25:00 เซลอี่บ็อกเคอรี่นะอ่าพืชตระกูลกันลำนะ
00:25:00 → 00:25:04 ครับอะโวาโดพืชที่เป็นหัวนะครับเช่นหัว
00:25:04 → 00:25:09 ผักกาดหัวชายเท้าหัวแครอทบีทูดหัวหอม
00:25:09 → 00:25:12 กระเทียมเห็นมั้ยที่เอออันนี้ได้อยู่ขิง
00:25:12 → 00:25:17 ผลไม้ตระกูลซีัฟมะนาวเลมอนส้มพวกนี้ให้
00:25:17 → 00:25:20 ความเป็นด่างทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยเฮ้ยเรา
00:25:20 → 00:25:23 ได้ดื่มน้ำ 1 แก้วตอนเช้าหลังจากที่เราอด
00:25:23 → 00:25:26 มาทั้งคืนฟาสติ้งปัสสาวะสูญเสียน้ำออกไป
00:25:26 → 00:25:28 มันก็มีประโยชน์กับร่างกายว่าเฮ้ยดื่มน้ำ
00:25:28 → 00:25:31 ตอนเช้าสร้างความเป็นด่างให้กับร่างกายมี
00:25:31 → 00:25:34 งานวิจัยนึงเพบว่าอาหารที่มีฤทธิ์เป็น
00:25:34 → 00:25:36 ด่างหรืออาหารที่สร้างด่างให้กับร่างกาย
00:25:36 → 00:25:38 เนี่ยช่วยปรับสมดุลในกระเพาะอาหารแล้ว
00:25:38 → 00:25:42 ช่วยลดภาวะกดไหลย้อนได้และอาหารที่มีผล
00:25:42 → 00:25:44 เป็นด่างช่วยลดการขับแคลเซียมออกจาก
00:25:44 → 00:25:48 ปัสสาวะและรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก
00:25:48 → 00:25:50 ได้ดีกว่าอาหารเป็นกรดและยังมีงานวิจัย
00:25:50 → 00:25:53 ที่พบว่าอาหารที่มีด่างสูงช่วยลดการ
00:25:53 → 00:25:57 อักเสบเรื้อรังไม่ว่าจะเป็นหัวใจมะเร็ง
00:25:57 → 00:26:00 เบาหวานโรคข้ออักเสบนะเพราะฉะนั้นแล้วผล
00:26:00 → 00:26:03 การวิจัยเนี่ยเบ่งชี้เลยอาหารที่มีริเป็น
00:26:03 → 00:26:05 กฎจะไปเพิ่มสารเคมีที่กระตุ้นการอักเสบ
00:26:05 → 00:26:09 เลือดรังในร่างกายการรับประทานอาหารที่มี
00:26:09 → 00:26:12 ฤทธิ์เป็นด่างอาจช่วยควบคุมการเผาผลาญของ
00:26:12 → 00:26:16 ร่างกายและควบคุมน้ำหนักตัวได้ครับผู้ที่
00:26:16 → 00:26:18 ทานอาหารที่มีความเป็นด่างสูงมักมีน้ำ
00:26:18 → 00:26:21 หนักตัวที่สมดุลและมีระดับไขมันในร่างกาย
00:26:21 → 00:26:23 ต่ำกว่าแต่อาจารย์ไม่ได้บอกนะว่ากินอาหาร
00:26:23 → 00:26:25 ด่างแล้วจะไปลดความอ้วนและอีกหนึ่งงาน
00:26:25 → 00:26:28 วิจัยที่อันนี้น่าสนใจสำหรับวัยทำงานคือ
00:26:28 → 00:26:31 อาหารที่มีฤิธเป็นด่างเนี่ยช่วยลดอาการ
00:26:31 → 00:26:34 เหนื่อยร้าเาถึงบอกไงว่าการรักษาที่ดี
00:26:34 → 00:26:38 นั้นคือการรักษาสุขภาพไม่ใช่รักษาโรคเรา
00:26:38 → 00:26:41 ก็ต้องรักษาสุขภาพไว้จำไว้เลยสุขภาพคือ
00:26:41 → 00:26:43 ภาพของความสุข
00:26:43 → 00:26:44 [เพลง]
00:26:45 → 00:26:49 This is Thai PBS Podcast
00:26:49 → 00:26:52 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:26:52 → 00:26:55 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:26:55 → 00:26:58 thapodcast.com แอปพลิเคช Thai PBBS
00:26:58 → 00:27:01 Podcast รวมถึงฟังผ่าน podcast ช่องทาง
00:27:01 → 00:27:06 อื่นๆ Spotify YouTube Apple Podcast
00:27:06 → 00:27:08 และ Soundcloud เอ้า
00:27:08 → 00:27:11 [เพลง]