00:00:00 → 00:00:05 โรคลมหลับอันตรายหลับเฉียบพลันไม่รู้
00:00:05 → 00:00:11 ตัวโรคลมหลับรักษาได้หรือไม่รับมืออย่าง
00:00:11 → 00:00:16 ไรนอนดึกตื่นสายต้องระวังโรคอ้วนเบาหวาน
00:00:16 → 00:00:19 อาหารไม่ย่อยติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ใน
00:00:19 → 00:00:25 รายการ T and Health วัน
00:00:25 → 00:00:29 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ tn
00:00:29 → 00:00:31 and Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริม
00:00:31 → 00:00:35 ภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับเีย Health ค่ะ
00:00:35 → 00:00:38 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัตดาวจังวังกร
00:00:38 → 00:00:41 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:41 → 00:00:43 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:43 → 00:00:48 ผู้ชมมาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:48 → 00:00:58 [เพลง]
00:00:58 → 00:01:03 ค่ะสานี้นะคะเราจะมารู้จักกับโรคลมหลับ
00:01:03 → 00:01:06 อันตรายหลับเฉียบพลันไม่รู้ตัวค่ะโรคนี้
00:01:06 → 00:01:09 นะคะหลายคนค่ะอาจจะนึกไม่ถึงว่ามีอยู่
00:01:09 → 00:01:12 จริงหรือจริงๆแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างไป
00:01:12 → 00:01:15 รับชมพร้อมๆกันค่ะโรคลมหลับเป็นโรคที่
00:01:15 → 00:01:19 เกิดจากสารไฮโปซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่
00:01:19 → 00:01:23 สำคัญในการควบคุมการตื่นต่ำกว่าปกติทำให้
00:01:23 → 00:01:26 เกิดความผิดปกติของสมองในการควบคุมวงจร
00:01:26 → 00:01:29 การหลับและตื่นส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการ
00:01:29 → 00:01:32 ง่วงนอนตอนตอนกลางวันมากผิดปกติเผลอหลับ
00:01:32 → 00:01:35 ได้ง่ายและอาจหลับแม้ในสถานการณ์หรือสถาน
00:01:35 → 00:01:38 ที่ที่ไม่ควรหลับผู้ป่วยบางรายอาจมีคาา
00:01:38 → 00:01:42 แกซี่คือการที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงล้มพับลง
00:01:42 → 00:01:45 กับพื้นเวลาที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงนอกจาก
00:01:45 → 00:01:48 นี้อาจมีอาการไม่สามารถขยับตัวได้ขณะจะ
00:01:48 → 00:01:52 ตื่นคล้ายผีอำหรือเห็นภาพหลอนช่วงครึ่ง
00:01:52 → 00:01:55 หลับครึ่งตื่นปกติเราจะเข้าสู่การนอนหลับ
00:01:55 → 00:01:59 ผ่านช่วงการนอนหลับตื้นหรือ non rapid
00:01:59 → 00:02:00 Eye mov
00:02:00 → 00:02:04 หรือ non Stage N1 ซึ่งความถี่คลื่น
00:02:04 → 00:02:07 สมองเริ่มช้าลงตามด้วยการนอนหลับที่ระดับ
00:02:07 → 00:02:12 ลึกขึ้นหรือ Stage n2 และ N3 แล้วจึง
00:02:12 → 00:02:16 ค่อยย้อนทางกลับตื้นขึ้นจนเข้าสู่การหลับ
00:02:16 → 00:02:19 แบบ rapid Eye movement หรือ rem ซึ่ง
00:02:19 → 00:02:23 เราจะฝันในช่วงนี้ผู้ป่วยโรคลมหลับจะเข้า
00:02:23 → 00:02:26 สู่การหลับในระดับเร็มทันทีโดยไม่ผ่าน
00:02:26 → 00:02:30 ช่วงนอนหลับแบบนอนเร็มไม่ว่าจะเป็นการนอน
00:02:30 → 00:02:34 ตอนกลางวันหรือกลางคืนประเภทของโรคลมหลับ
00:02:34 → 00:02:38 แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้โรคลมหลับประเภทที่
00:02:38 → 00:02:41 1 เป็นโรคลมหลับพร้อมกับมีอาการกล้าม
00:02:41 → 00:02:45 เนื้ออ่อนแรงชนิดคาาเพลกโรคลมหลับประเภท
00:02:45 → 00:02:48 ที่ 2 เป็นโรคลมหลับที่ไม่มีอาการกล้าม
00:02:48 → 00:02:51 เนื้ออ่อนแรงสาเหตุของโรคลมหลับนั้นยัง
00:02:51 → 00:02:54 ไม่ทราบสาเหตุแต่พบว่าผู้ป่วยโรคลมหลับ
00:02:54 → 00:02:57 แบบที่ 1 และผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
00:02:57 → 00:03:03 แบบคพกมีระดับคไคตินที่ต่ำไฮโปเป็นสาร
00:03:03 → 00:03:06 สื่อประสาทในสมองที่สั่งการให้ร่างกาย
00:03:06 → 00:03:10 ตื่นและหลับลึกการสูญเสียเซลล์ผลิตไฮโปใน
00:03:10 → 00:03:13 สมองอาจเป็นผลมาจากโรคแพ้ภูมิตัวเองการ
00:03:13 → 00:03:17 ที่สมองได้รับบาดเจ็บเนื้องอกในสมองการ
00:03:17 → 00:03:20 ติดเชื้อหรือสัมผัสสารพิษปัจจัยเสี่ยงที่
00:03:20 → 00:03:23 ทำให้เกิดโรคลมหลับเท่าที่ทราบนั้นมีไม่
00:03:23 → 00:03:28 มากนักเช่นอายุผู้ป่วยโรคลมหลับมักเริ่ม
00:03:28 → 00:03:32 มีอาการเมื่ออายุ 30 ปีประวัติครอบครัว
00:03:32 → 00:03:36 ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวสายตรงเป็นโรคลม
00:03:36 → 00:03:38 หลับมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคลมหลับสูง
00:03:38 → 00:03:43 ถึง 20-40 เท่าอาการของโรคลมหลับมีดังต่อ
00:03:43 → 00:03:47 ไปนี้อาการง่วงนอนมากผิดปกติทำให้ผู้ป่วย
00:03:47 → 00:03:50 หลับได้ทุกที่ทุกเวลาโดยอาจพลอยหลับไปใน
00:03:50 → 00:03:52 ขณะที่ทำงานหรือคุยอยู่โดยไม่มีอาการ
00:03:52 → 00:03:56 เตือนล่วงหน้าหลังจากตื่นนอนผู้ป่วยจะรู้
00:03:56 → 00:03:59 สึกสดชื่นแต่ในไม่ช้าก็จะพลอยหลับไปอีก
00:03:59 → 00:04:02 ผู้ป่วยจึงมีปัญหาในการจดจ่อกับการทำงาน
00:04:02 → 00:04:06 การเรียนหนังสือหรือการทำกิจกรรมประจำวัน
00:04:06 → 00:04:09 อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดคาาแกซี่เป็น
00:04:09 → 00:04:12 อาการที่บังคับกล้ามเนื้อไม่ได้เกิดขึ้น
00:04:12 → 00:04:15 เมื่อมีอารมณ์รุนแรงเช่นความรู้สึกกลัว
00:04:15 → 00:04:18 โกรธตื่นเต้นเป็นต้นเมื่อผู้ป่วยหัวเราะ
00:04:18 → 00:04:21 อาจเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเช่นคอตก
00:04:21 → 00:04:25 เข่าอ่อนผู้ป่วยโรคลมหลับบางรายเท่านั้น
00:04:25 → 00:04:28 ที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงการเป็น
00:04:28 → 00:04:31 อัมพาตขณะหลับหรือผีอำเป็นอาการที่ขยับ
00:04:31 → 00:04:34 เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้เมื่อผลอยหลับ
00:04:34 → 00:04:37 หรือกำลังตื่นนอนมักเกิดขึ้นเพียง 2-3
00:04:37 → 00:04:41 วินาทีหรือ 2-3 นาทีแต่อาจทำให้ผู้ป่วย
00:04:41 → 00:04:44 กลัวการเป็นอัมพาตตอนนอนคล้ายกับกลไกของ
00:04:44 → 00:04:47 ร่างกายตอนหลับลึกซึ่งจะป้องกันร่างกาย
00:04:47 → 00:04:51 ไม่ให้ขยับไปมาขณะฝันผู้ที่มีอาการอัมพาต
00:04:51 → 00:04:54 ตอนนอนอาจไม่ได้เป็นโรคลมหลับการเห็นภาพ
00:04:54 → 00:04:58 หลอนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทเห็นภาพ
00:04:58 → 00:05:00 หลอนตอนผลอยหลับ
00:05:00 → 00:05:03 เห็นภาพหลอนตอนเริ่มรู้สึกตัวขณะตื่นนอน
00:05:03 → 00:05:07 การเห็นภาพหลอนอาจรู้สึกสมจริงและน่ากลัว
00:05:07 → 00:05:10 สำหรับผู้ป่วยโรคลมหลับเพราะผู้ป่วยยัง
00:05:10 → 00:05:14 หลับไม่สนิทและคิดว่าความฝันคือความจริง
00:05:14 → 00:05:17 สำหรับการวินิจฉัยค่ะสามารถให้แพทย์ผู้
00:05:17 → 00:05:20 เชี่ยวชาญในเรื่องของระบบประสาทหรือว่า
00:05:20 → 00:05:23 โรคของการนอนนั้นวินิจฉัยโดยการตรวจดัง
00:05:23 → 00:05:27 ต่อไปนี้ค่ะการซักถามประวัติการนอนหลับ
00:05:27 → 00:05:30 รวมถึงการพูดคุยถึงนิสัยการนอนหลับในละ
00:05:30 → 00:05:33 และการทำ fw
00:05:33 → 00:05:36 sleepiness ซึ่งเป็นการสอบถามเพื่อวัด
00:05:36 → 00:05:39 ระดับความง่วงนอนการบันทึกการนอนหลับทำ
00:05:39 → 00:05:42 ได้โดยการเขียน di การนอนหลับเพื่อบันทึก
00:05:42 → 00:05:45 ตารางการตื่นนอนและการนอนหลับโดยแพทย์อาจ
00:05:45 → 00:05:49 ให้ผู้ป่วยใส่ซึ่งคล้ายกับนาฬิกาข้อมือ
00:05:49 → 00:05:52 อัจฉริยะเพื่อประเมินการทำกิจกรรมระหว่าง
00:05:52 → 00:05:56 วันรูปแบบการนอนหลับและตื่นนอนและนาฬิกา
00:05:56 → 00:06:00 ชีวิตการตรวจการนอนหลับคือการเกตการหายใจ
00:06:00 → 00:06:03 และวัดคลื่นไฟฟ้าของสมองและหัวใจและการ
00:06:03 → 00:06:06 เคลื่อนไหวของดวงตาและกล้ามเนื้อผู้ป่วย
00:06:06 → 00:06:09 อาจต้องนอนที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจการ
00:06:09 → 00:06:11 ตรวจความง่วงนอนเป็นการตรวจเวลาที่เริ่ม
00:06:11 → 00:06:14 ง่วงนอนผู้ที่เป็นโรคลมหลับจะหลับง่ายและ
00:06:14 → 00:06:18 มักเริ่มหลับลึกภายใน 15 นาทีและในช่วง
00:06:18 → 00:06:21 นี้นะคะเราจะไปพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยว
00:06:21 → 00:06:23 ชาญในเรื่องของโรคลมหลับกัน
00:06:24 → 00:06:27 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มต้นที่คำถาม
00:06:27 → 00:06:32 แรกเลยนะคะ
00:06:32 → 00:06:35 [เพลง]
00:06:35 → 00:06:38 อาจารย์คะอุบัติการณ์ของโรคลมหลับเป็น
00:06:38 → 00:06:41 อย่างไรคะโรคลมหลับจริงๆก็เจอได้ไม่ค่อย
00:06:41 → 00:06:44 เยอะนะครับคือจริงๆโรคลมหลับอาจจะแบ่งได้
00:06:44 → 00:06:46 เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆนะครับคือถ้าเกิดเป็น
00:06:46 → 00:06:50 ชนิดที่ 1 เนี่ยจะเจอได้ประมาณซักอาจจะ 5
00:06:50 → 00:06:54 คนใน 10,000 คนนะครับในขณะที่ถ้าเกิดเป็น
00:06:54 → 00:06:56 ชนิดที่ 2 อาจะเจอได้เยอะกว่าจะประมาณซัก
00:06:56 → 00:06:59 2 คนใน 1,000 คนแต่ทั้งนี้ก็คือขึ้นอยู่
00:06:59 → 00:07:00 กับแต่ละประเทศด้วยครับเพราะว่ามันมี
00:07:00 → 00:07:03 เรื่องของพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
00:07:03 → 00:07:05 ถ้าเกิดเป็นเ่อบางประเทศเช่นญี่ปุ่นเนี่ย
00:07:05 → 00:07:07 อาจจะเจอได้เยอะถึงประมาณสักเอ่อ 1000 คน
00:07:08 → 00:07:11 อาจจะเจอสัก 2 คนนะครับแต่ว่าในประเทศไทย
00:07:11 → 00:07:14 เนี่ยว่าความชุกของโลกจะเยอะเท่าไหร่ผม
00:07:14 → 00:07:17 ไม่ไม่มีข้อมูลนะครับเพราะว่าจริงๆเอ่อ
00:07:17 → 00:07:19 อาจจะเจอเยอะกว่าหนี้แต่ว่าคนไข้อาจจะไม่
00:07:19 → 00:07:22 รู้ตัวว่าตัวเองเป็นก็เลยไม่ได้มาพบแพทย์
00:07:22 → 00:07:25 หรือเอ่ออาจจะไม่ทราบว่ามีแพทย์ผู้เชี่ยว
00:07:25 → 00:07:27 ชาญทางด้านการนอนหลับก็เลยอาจจะไม่ถูกส่ง
00:07:27 → 00:07:30 ตัวมาหาแพทย์ทางด้านนี้ด้วยครับแล้วโรคลม
00:07:30 → 00:07:34 หลับมีสาเหตุเกิดจากอะไรได้คะสาเหตุว่า
00:07:34 → 00:07:36 มันเกิดจากอะไรเนี่ยปัจจุบันเรายังไม่
00:07:36 → 00:07:40 ทราบแน่ชัดนะครับแต่ว่ามันมีความผิดปกติ
00:07:40 → 00:07:44 ที่มีการตายของเซลล์ประสาทในสมองในส่วน
00:07:44 → 00:07:47 ที่สร้างเอ่อสารสื่อประสาทชนิดนึงที่ชื่อ
00:07:47 → 00:07:52 ว่าไฮโปอยู่นะครับซึ่งสาเหตุว่าทำไมเซลล์
00:07:52 → 00:07:54 ประสาทตรงนี้ตายเนี่ยเอ่อเขาเชื่อว่า 1
00:07:55 → 00:07:57 ก็คือมีเรื่องของพันธุกรรมบางอย่างคือคน
00:07:57 → 00:08:00 ที่เอ่อเป็นโรคลมดับเนี่ยจะมีมีพันธุกรรม
00:08:00 → 00:08:03 บางอย่างภาษาแพทย์เเรียกว่าเป็น HQ b162
00:08:03 → 00:08:05 นะครับหรือว่าอาจจะมีพันธุกรรมอย่างอื่น
00:08:05 → 00:08:08 ด้วยนะครับแล้วก็พอหลังจากนั้นเนี่ยก็คือ
00:08:08 → 00:08:11 มีเรื่องปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมบางอย่างที่
00:08:11 → 00:08:13 มากระตุ้นอะไรบางอย่างที่เขาเชื่อว่าทำ
00:08:13 → 00:08:15 ให้เกิดภูมิพุมกันตัวเองเนี่ยไปทำลาย
00:08:15 → 00:08:18 เซลล์ประสาทส่วนนั้นที่เขาเชื่อว่ามีเอ่อ
00:08:18 → 00:08:20 สิ่งแวดล้อมมีบทบาทด้วยก็เพราะว่าโรค
00:08:20 → 00:08:23 ลำลับเนี่ยเอ่อการเกิดอุบัตการเนี่ยมัน
00:08:23 → 00:08:27 เกิดในบางฤดูกาลมากเป็นพิเศษนะครับหรือ
00:08:27 → 00:08:29 เกิดหลังจากการติดเชื้อบางอย่างเช่นใน
00:08:29 → 00:08:31 ช่วงที่มีไข้หวัดนกระบาดหลังจากนั้นก็มี
00:08:31 → 00:08:33 อุบัติการณ์ของเอ่อโรคลมหลักเพิ่มสูงขึ้น
00:08:34 → 00:08:37 ครับและใครคือกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคลม
00:08:37 → 00:08:40 หลับค่ะและผู้ป่วยค่ะอาจารย์มักจะเป็นคน
00:08:40 → 00:08:42 ที่อยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่คะส่วนใหญ่แล้ว
00:08:42 → 00:08:46 เนี่ยเอ่อคนไข้จะเริ่มมีอาการตอนอายุน้อย
00:08:46 → 00:08:49 ๆนะครับอายุน้อยๆเอ่อถึงไม่เกินประมาณสัก
00:08:49 → 00:08:53 30-40 ปีอาการของโรคล้มหลับนะครับก็คือ
00:08:53 → 00:08:55 เอ่อคนไข้จะมีอาการง่วงมากนะครับเป็น
00:08:55 → 00:08:58 อาการหลักแล้วก็อาการแรกที่จะมีนะครับ
00:08:58 → 00:09:01 ซึ่งอาการง่วงเนี่ยมันก็มาด้วยหลายรูปแบบ
00:09:01 → 00:09:05 บางคนคือง่วงมากทนไม่ไหวบางคนเเรมี Sleep
00:09:05 → 00:09:09 Attack คือมีอาการเอ่อหลับในขณะที่แบบ
00:09:09 → 00:09:11 ไม่ได้มีอะไรที่เป็นสัญญาณเตือนว่าเรา
00:09:11 → 00:09:13 ง่วงไม่ได้รู้สึกง่วงมาก่อนหรืออาจจะหลับ
00:09:13 → 00:09:16 ในเ่อสถานการณ์แปลกๆเช่นแบบพูดคุยกับใคร
00:09:16 → 00:09:19 อยู่ก็รู้สึกไม่ไหวแล้วจะง่วงมากจะจะหลับ
00:09:19 → 00:09:22 แล้วหรือว่าทานอาหารอยู่ก็จะหลับแล้วนะ
00:09:22 → 00:09:24 ครับคืออาการง่วงมากเป็นอาการรกสุดแล้วก็
00:09:24 → 00:09:27 เป็นอาการเด่นของโลกนี้นะครับความอันตราย
00:09:27 → 00:09:30 ของโรคลมหลับคืออะไรคะความอันตรายของโลก
00:09:30 → 00:09:33 นี้ก็คือถ้าง่วงมากๆเนี่ยก็มีโอกาสที่จะ
00:09:33 → 00:09:36 เกิดอ่ออันตรายได้ถ้าคนนั้นน่ะถ้าเราขับ
00:09:36 → 00:09:39 รถอยู่โดยเฉพาะถ้าเกิดเอ่อเราขับรถถ้า
00:09:39 → 00:09:43 เป็นรถประชำทางรถเ่อสาธารณะด้วยแล้วก็มี
00:09:43 → 00:09:46 โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้แต่ว่าการที่
00:09:46 → 00:09:48 ง่วงมากก็นอกจากที่จะเกิดอุบัติเหตุใน
00:09:49 → 00:09:51 ท้องถนนแล้วก็ยังเกิดอุบัติเหตุอย่างอื่น
00:09:51 → 00:09:53 ก็ได้ด้วยใช่มั้ย่ะครับอันก็เป็นอันตราย
00:09:53 → 00:09:55 ที่ที่ต้องระวังนะครับเอ่ออาการอื่นที่
00:09:55 → 00:09:59 เจอได้ก็เช่นเ่ออาการผีอำหรือว่าจะรู้สึก
00:09:59 → 00:10:01 เหมือนมีใครเข้ามาในห้องรู้สึกเหมือนหลอน
00:10:01 → 00:10:05 ๆหน่อยๆนะครับก็เจอได้หรือจะมีอาการอัน
00:10:05 → 00:10:07 นึงที่ภาษาแพทย์เเรียกภาษาแพทย์ว่าคาทา
00:10:07 → 00:10:10 แกซี่นะครับอารคาาแกซี่เนี่ยคือคนไข้จะมี
00:10:10 → 00:10:15 อาการที่อ่อนแรงของกล้ามเนื้อนะครับถ้าคน
00:10:15 → 00:10:18 ไข้อ่ะมีใครมาทำให้คนไข้รู้สึกเอ่อตื่น
00:10:18 → 00:10:21 เต้นสนุกตลกหัวเราะหรืออะไรประมาณนี้แล้ว
00:10:21 → 00:10:24 จะมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเอ่อบางคนอาจ
00:10:24 → 00:10:27 จะแบบถึงขนาดขาอ่อนลงไปกองกับพื้นได้เลย
00:10:27 → 00:10:30 นะครับแต่เขาไม่ได้หลับเอ่อเอ่อหรือบางคน
00:10:30 → 00:10:32 จะเริ่มมีอาการเหมือนกับว่าปากอาจจะ
00:10:32 → 00:10:35 เบี้ยวเป็น 2 ข้างตาอาจจะรู้สึกหนักเอ่อ
00:10:35 → 00:10:39 คออาจจะตกก็ได้อ่ะครับที่ชื่อว่าโรคลม
00:10:39 → 00:10:42 หลับเนี่ยเพราะอาการเหมือนเป็นลมจริงๆแต่
00:10:42 → 00:10:44 จริงๆแล้วมันคือการหลับเฉียบพลันใช่หรือ
00:10:45 → 00:10:48 ไม่คะใช่ครับถูกเลยครับเพราะว่าบางคนคือ
00:10:48 → 00:10:50 เขาอาจจะคิดว่าคนไข้อ่ะเป็นลมอยู่หรือ
00:10:50 → 00:10:52 เปล่าหรือว่าเป็นโรคลมชักอยู่หรือเปล่า
00:10:52 → 00:10:55 ที่แบบหมดสติไปนะครับเพราะว่ามันมีอาการ
00:10:55 → 00:10:58 ที่บอกว่าคาแกซี่ร่วมด้วยเขาเลยชื่อว่า
00:10:58 → 00:11:01 เป็นโรคลมลักนะครับโรคลมหลับค่ะแบ่งออก
00:11:01 → 00:11:04 เป็นกี่ประเภทคะคือโรคลมหลับประเภทที่ 1
00:11:04 → 00:11:08 ก็คือเอ่อเป็นโรคลมหลับที่มีอาการคา pxi
00:11:08 → 00:11:10 ร่วมด้วยนะครับในขณะที่โรคลมหลับประเภท
00:11:10 → 00:11:14 ที่ 2 เนี่ยเอ่อเป็นมีอาการคล้ายๆกัน
00:11:14 → 00:11:16 เพียงแต่ว่าไม่ได้มีอาการคแกซี่ร่วมด้วย
00:11:16 → 00:11:19 บางทีก็คือมันแยกกันค่อนข้างยากเพราะว่า
00:11:19 → 00:11:22 การคแกซี่เนี่ยบางคนนานๆเป็นทีหรือบางคน
00:11:22 → 00:11:26 เนี่ยอาการคี่อาจจะมาหลังจากอาการอื่น
00:11:26 → 00:11:29 แสดงออกไปแล้วนะครับแล้วก็จริงๆโรคหลัก
00:11:29 → 00:11:32 ชนิดที่ 2 เนี่ยเรายังไม่ค่อยเอ่อมีความ
00:11:32 → 00:11:34 รู้แน่ชัดว่าจริงๆอ่ะมันเป็นโรคยตัวของ
00:11:34 → 00:11:38 มันเองหรือมันเป็นอะไรกันแน่เพราะว่าเอ่อ
00:11:38 → 00:11:40 มันจริงๆอ่ะสาเหตุการเกิดโรคลมหลับชนิด
00:11:40 → 00:11:42 ที่ 2 เนี่ยเรายังไม่ได้ดูชัดเจนครับแล้ว
00:11:42 → 00:11:46 ง่วงนอนนอนไม่พอกับโรคลมหลับต่างกันอย่าง
00:11:46 → 00:11:49 ไรคะก็โรคลมหลับเนี่ยคือถึงแม้ว่าเขานอน
00:11:49 → 00:11:53 เอ่อปกติแล้ว 7 ชมงแล้วเาก็ยังอาจรู้สึก
00:11:53 → 00:11:56 ง่วงอยู่นะครับในขณะที่โรคที่อดหลับนอน
00:11:56 → 00:11:59 นอนไม่พอเนี่ยเอ่อถ้าโรคกลุ่มเนี้ยภาษา
00:11:59 → 00:12:01 แพทเเรียกว่าเป็น insufficient Sleep
00:12:01 → 00:12:05 เอ่อ Syndrome นะครับก็คือคนไข้เนี่ยอาจ
00:12:05 → 00:12:08 จะนอนไม่พอโดยเฉพาะในระหว่างที่เป็นช่วง
00:12:08 → 00:12:10 วันธรรมดาเพราะอาจะต้องทำงานหรือมีอ่า
00:12:10 → 00:12:13 ภารกิจอะไรบางอย่างที่ทำให้เค้าอ่ะนอนไม่
00:12:14 → 00:12:17 ได้ทำให้เค้าอ่ะนอนได้ปริมาณชั่วโมงที่
00:12:17 → 00:12:20 น้อยนะครับเค้าก็จะง่วงแต่ว่าพอเสาร์
00:12:20 → 00:12:23 อาทิตย์เคมีเวลาที่นอนมากขึ้นเตื่นมาเอาจ
00:12:23 → 00:12:25 จะสดชื่นมากขึ้นนะครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
00:12:25 → 00:12:28 แล้วการวินิจฉัยโรคลมหลักเนี่ยเอ่อเราก็
00:12:28 → 00:12:31 ต้องให้คนไข้เนี่ยนอนให้เพียงพอมาก่อนเรา
00:12:31 → 00:12:33 ถึงจะมาตรวจการนอนหลับเพื่อที่วินิจฉัย
00:12:33 → 00:12:36 กันเป็นโรคลมหลับได้นะครับแล้วก็นอกจาก
00:12:36 → 00:12:39 นี้ก็คือที่บอกว่าถ้าเกิดมีอาการบางอย่าง
00:12:39 → 00:12:41 ที่ค่อนข้างจะเพาะกับโรคลมหลับเช่นอาการ
00:12:41 → 00:12:45 คี่เนี่ยก็จะเป็นอะไรที่เอ่องบ่งชี้ว่าคน
00:12:45 → 00:12:47 ไข้อ่ะน่าจะมีโรคลมหลับมากกว่าที่จะนอน
00:12:47 → 00:12:50 ไม่พอแล้วทำให้ง่วงนะครับโรคลมหลับค่ะ
00:12:50 → 00:12:53 รักษาได้อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ
00:12:53 → 00:12:56 ความปลอดภัยคือคนไข้ก็ต้องระมัดระวังการ
00:12:56 → 00:12:59 ใช้ชีวิตว่าถ้าเกิดขับรถอยู่แล้วมีอาการ
00:12:59 → 00:13:02 ง่วงมากๆแน่นอนว่าไม่ควรที่จะขับต่อควร
00:13:02 → 00:13:06 ที่จะหาที่จอดรถอาจจะงีบก่อนเพราะว่าการ
00:13:06 → 00:13:08 งีบสำหรับคนที่เป็นโรคลำหลักเนี่ยมันจะ
00:13:08 → 00:13:11 ช่วยทำให้ตื่นมาสดชื่นมากขึ้นส่วนการ
00:13:11 → 00:13:13 รักษาอื่นๆเนี่ยก็อาจจะแบ่งคร่าวๆได้เป็น
00:13:13 → 00:13:16 การรักษาแบบที่ไม่ใช้ยากับการษัที่ใช้ยา
00:13:16 → 00:13:19 นะครับผู้ป่วยก็ควรที่จะมีเอ่อเขาคเรียก
00:13:19 → 00:13:21 ว่าสุขาทำมในการนอนที่ดีควรจะเข้านอนตรง
00:13:21 → 00:13:26 เวลาตื่นนอนตรงเวลาเอ่อไม่ทานของที่
00:13:26 → 00:13:28 กระตุ้นสมองเช่นกาแฟสูบบุหรี่โดยเฉพาะใน
00:13:28 → 00:13:32 ช่วงขึครึ่งหลังของวันส่วนการรักษาใช้ยา
00:13:32 → 00:13:36 คือโลกเนี้ยจริงๆยังไม่ได้มียาที่ใช้ใน
00:13:36 → 00:13:39 การรักษาของโรคจริงๆที่ที่ใช้ในเอ่อทั่ว
00:13:39 → 00:13:43 ไปนะครับคือการรักษาหลักๆยาคือเป็นยาที่
00:13:43 → 00:13:45 ให้คนไข้ไปทานเพื่อที่เป็นยากระตุ้นให้
00:13:45 → 00:13:49 สมองตื่นมีการตื่นมากขึ้นไม่หลับสามารถ
00:13:49 → 00:13:52 ที่ใช้ชีวิตได้ตามปกตินะครับแล้วถ้าโรค
00:13:52 → 00:13:55 นี้ค่ะถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้จะมีโรคอื่นตาม
00:13:55 → 00:13:59 มาได้หรือไม่คะแล้วความถี่ของการเกิดโรค
00:13:59 → 00:14:02 ค่ะเป็นอย่างไรคะโรคลมหลับโดยตัวมันเอง
00:14:02 → 00:14:05 อ่ะก็ไม่ได้ทำให้เกิดเป็นโรคอย่างอื่นแต่
00:14:05 → 00:14:09 ว่าเอ่อที่ผมบอกว่าสิ่งที่ต้องระวังก็คือ
00:14:09 → 00:14:10 การง่วงมากๆเนี่ยอาจจะทำให้เกิด
00:14:10 → 00:14:13 อุบัติเหตุได้เพียงแต่ว่าคนที่เป็นโรคลม
00:14:13 → 00:14:16 หลับเนี่ยเขาก็พบว่าเอ่อคนไข้เนี่ยก็มี
00:14:16 → 00:14:20 โรคร่วมอื่นๆที่เจอได้มากกว่าคนประชากร
00:14:20 → 00:14:23 ทั่วไปนะครับเช่นน้ำหนักจะสูงกว่าอ้วน
00:14:23 → 00:14:26 กว่าอาจจะมีโรคเกี่ยวข้องกับเ่อซึมเศร้า
00:14:27 → 00:14:30 โรคทางจิตเวทได้มากกว่าหรืออาจจะมีโรค
00:14:30 → 00:14:32 เกี่ยวข้องกับการนอนหลับร่วมด้วยได้มาก
00:14:32 → 00:14:34 กว่านะครับสุดท้ายค่ะอาจารย์อยากให้
00:14:35 → 00:14:38 อาจารย์แนะนำคุณผู้ชมในการที่จะทำอย่างไร
00:14:38 → 00:14:42 ให้นอนหลับได้ดีโดยทั่วไปก็คือเอ่อที่เรา
00:14:42 → 00:14:45 ทำได้ก็คือควบคุมการนอนหลับควบคุม
00:14:45 → 00:14:47 สุขอนามัยเกี่ยวกับการนอนนะครับสิ่งที่
00:14:47 → 00:14:49 สำคัญที่สุดก็คือการเข้านอนให้เป็นเวลา
00:14:49 → 00:14:52 เอ่อตื่นนอนให้เป็นเวลาแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:14:52 → 00:14:54 นั้นแล้วแต่ละคนเนี่ยอาจจะมีเวลาในร่าง
00:14:54 → 00:14:56 กายที่ทำให้เราง่วงให้เราตื่นแตกต่างกัน
00:14:56 → 00:15:00 ไปอย่างอื่นก็แน่นอนว่าอย่าทำกิจกรรมอย่า
00:15:00 → 00:15:03 ื่นอย่าเล่นมือถือดูทีวีหรือฟังเพลงในขณะ
00:15:03 → 00:15:06 ที่อยู่บนเตียงคือเตียงเนี่ยให้เอาไว้
00:15:06 → 00:15:08 สำหรับเป็นพื้นที่สำหรับการนอนอย่างเดียว
00:15:08 → 00:15:11 นะครับไม่ควรที่จะดื่มเครื่องดื่มที่เป็น
00:15:11 → 00:15:15 กาแฟหรือว่ากระตุ้นสมองหรือสูบบุหรี่ใน
00:15:15 → 00:15:18 เวลาที่ใกล้ๆกับเวลานอนหลับกาแฟเนี่ยก็
00:15:18 → 00:15:21 อาจจะแบบหลังช่วงบ่ายมาก็ไม่ควรที่จะดื่ม
00:15:21 → 00:15:24 แล้วนะครับหรือว่าเวลาใกล้ๆนอนเนี่ยเราก็
00:15:24 → 00:15:27 ไม่ควรที่จะดื่มน้ำเยอะเกินไปเพราะว่าจะ
00:15:27 → 00:15:30 ทำให้ปวดปัสสาวะหรือว่าการทานอาหารมืด
00:15:30 → 00:15:32 หนักเกินไปหรือออกกำลังกายเวลาใกล้นอนมาก
00:15:32 → 00:15:35 เกินไปก็จะทำให้ร่างกายของเราเนี่ยทำงาน
00:15:35 → 00:15:37 มากเกินไปในขณะที่ตอนที่เราจะนอนเนี่ยเรา
00:15:37 → 00:15:40 ต้องการให้ร่างกายทุกส่วนอวัยวะทุกส่วน
00:15:40 → 00:15:43 เนี่ยผ่อนคลายขอบพระคุณอาจารย์นะคะที่มา
00:15:43 → 00:15:46 ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคลม
00:15:46 → 00:15:49 หลับค่ะและในช่วงนี้นะคะเรามารู้กันดี
00:15:49 → 00:15:51 กว่าว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นอนดึกเนี่ยจะมี
00:15:51 → 00:15:54 ความสัมพันธ์กับโรคอ้วนโรคเบาหวานและโรค
00:15:54 → 00:15:59 อะไรตามมาได้อีกบ้างโรคอ้วนคนนอนดึกมักจะ
00:15:59 → 00:16:02 เสี่ยงต่อการรับประทานอาหารมื้อหลัง 20:00
00:16:02 → 00:16:04 นและส่วนมากก็มักจะเลือกรับประทานอาหาร
00:16:04 → 00:16:08 สำเร็จรูปแคลอรี่สูงหรือบางคนจัดมื้อหนัก
00:16:08 → 00:16:11 ค่ะซึ่งจะทำให้ร่างกายรับพลังงานส่วนเกิน
00:16:11 → 00:16:14 ตรงนี้เพิ่มเสี่ยงต่อภาวะไขมันสะสมจนอ้วน
00:16:14 → 00:16:17 ขึ้นอีกทั้งคนนอนดึกตื่นสายมักจะพลาด
00:16:17 → 00:16:20 อาหารเช้าซึ่งเป็นอาหารมื้อ
00:16:20 → 00:16:23 สำคัญเมื่อไหร่ก็ตามที่นอนดึกคุณผู้ชมลอง
00:16:23 → 00:16:25 สังเกตตัวเองก็ได้ค่ะเราจะรู้สึกอยากจะ
00:16:25 → 00:16:29 กินอะไรอร่อยๆโดยเฉพาะของหวานๆซึ่งนี่ก็
00:16:29 → 00:16:31 เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วนแล้ว
00:16:31 → 00:16:33 ก็เบาหวานได้นะคะยังไม่จบแค่นั้นค่ะและ
00:16:34 → 00:16:36 เมื่อนอนดึกตื่นสายพลาดอาหารเช้าไประดับ
00:16:36 → 00:16:39 น้ำตาลในเลือดผันผวนค่ะก็ยิ่งทำให้หยาก
00:16:39 → 00:16:43 น้ำตาลขึ้นไปอีกค่ะและอาจทำให้เพิ่มการ
00:16:43 → 00:16:45 รับประทานมื้อกลางวันและมื้อเย็นจนได้รับ
00:16:45 → 00:16:48 พลังงานจากอาหารมากเกินความจำเป็นอีกด้วย
00:16:48 → 00:16:52 2 เสี่ยงเบาหวานไม่ใช่แค่คนนอนดึกจะ
00:16:52 → 00:16:54 เสี่ยงรับประทานอาหารมื้อดึกซึ่งเป็น
00:16:54 → 00:16:56 อาหารที่มักจะมีน้ำตาลสูงแคลอรี่สูงมาก
00:16:57 → 00:17:00 ขึ้นเท่านั้นแต่การที่พาอาหารเช้าอาจส่ง
00:17:00 → 00:17:03 ผลให้คนเรารู้สึกอยากรับประทานของหวาน
00:17:03 → 00:17:06 เหมือนร่างกายต้องการน้ำตาลมากขึ้นดัง
00:17:06 → 00:17:09 นั้นคนนอนดึกตื่นสายเลยมักจะอ้วนขึ้นและ
00:17:09 → 00:17:12 มีความเสี่ยงโรคเบาหวานมากขึ้นเมื่อไหร่
00:17:12 → 00:17:16 ก็ตามที่นอนดึกนะคะจะมีอาการโหยค่ะอยากจะ
00:17:16 → 00:17:18 รับประทานของหวานๆนี่เป็นธรรมชาติของการ
00:17:18 → 00:17:21 นอนดึกเลยนะคะนอกจากนี้นะคะการที่เรานอน
00:17:21 → 00:17:25 ดึกค่ะนอกจากที่จะรับประทานของหวานอาหาร
00:17:25 → 00:17:27 ที่แคลอรี่หรือว่าให้พลังงานสูงแล้วสิ่ง
00:17:27 → 00:17:29 ที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อพลาดการรับประทาน
00:17:29 → 00:17:33 อาหารเช้าค่ะร่างกายจะยิ่งโหยหาโหยหิวทำ
00:17:33 → 00:17:36 ให้รับประทานมากยิ่งขึ้นไปอีกค่ะระบบการ
00:17:36 → 00:17:39 ย่อยอาหารผิดปกติระบบย่อยและการดูดซึม
00:17:39 → 00:17:42 อาหารของคนนอนดึกมักจะมีปัญหาเนื่องจาก
00:17:42 → 00:17:45 การนอนดึกจะทำให้การทำงานในระบบต่างๆผิด
00:17:45 → 00:17:48 เพี้ยนไปโดยเฉพาะการทำงานของถุงน้ำดีที่
00:17:48 → 00:17:50 ต้องส่งน้ำย่อยไปสู่ลำไส้เล็กเพื่อช่วย
00:17:50 → 00:17:54 ย่อยอาหารและเปิดโอกาสให้ร่างกายดูซึมสาร
00:17:54 → 00:17:57 อาหารได้ดีขึ้นซึ่งหากการทำงานของถุงน้ำ
00:17:57 → 00:18:00 ดีบกพร่องการจัดส่งน้ำดีเพื่อช่วยย่อย
00:18:00 → 00:18:03 อาหารก็จะขาดสมดุลไปด้วยและเมื่อเป็น
00:18:03 → 00:18:05 อย่างนี้ต่อเนื่องไปสักระยะการทำงานของ
00:18:05 → 00:18:09 ระบบย่อยอาหารจะมีปัญหาเรื้อรังตามมา 4
00:18:09 → 00:18:13 ปวดศีรษะการตื่นมาในเวลาที่ผิดปกติอาจทำ
00:18:13 → 00:18:16 ให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เพราะจริงๆแล้ว
00:18:16 → 00:18:19 อุณหภูมิร่างกายของคนเราและการไหลเวียน
00:18:19 → 00:18:21 ของเลือดจะมีการปรับเปลี่ยนตามอุณหภูมิ
00:18:21 → 00:18:24 ของแสงภายนอกนั่นหมายความว่าหากปกติตื่น
00:18:24 → 00:18:28 เช้ามาเจอแสงแดดอ่อนๆร่างกายก็จะคุ้นชิน
00:18:28 → 00:18:31 กับการปรับตัวร่วมกับแสงอ่อนๆนั้นทว่าพอ
00:18:31 → 00:18:34 ตื่นสายแล้วลืมตามาเจอแสงแดดที่รุนแรง
00:18:34 → 00:18:37 ขึ้นการปรับตัวของหลอดเลือดก็จะผิดเพี้ยน
00:18:37 → 00:18:40 ไปด้วยจนอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อ
00:18:40 → 00:18:43 เร่งการสูบฉีดเลือดและเพิ่มอุณหภูมิร่าง
00:18:43 → 00:18:46 กายให้เท่าๆกันกับสภาพอากาศภายนอกและ
00:18:46 → 00:18:49 กระบวนการนี้อาจทำให้เรารู้สึกมึนศีรษะ
00:18:49 → 00:18:53 ขึ้นมาได้ง่ายๆ 5 เฉื่อยชาการนอนตื่นสาย
00:18:53 → 00:18:56 มักจะทำให้รู้สึกขี้เกียจมากขึ้นบางคน
00:18:56 → 00:18:59 ตื่นแล้วขี้เกียจลูกออกจากเตียงหรือนอนบน
00:18:59 → 00:19:02 เตียงทั้งวันซึ่งสภาวะเช่นนี้ทำให้เสี่ยง
00:19:02 → 00:19:04 ต่อภาวะกล้ามเนื้อถดถอยยิ่งถ้าเป็นคนไม่
00:19:04 → 00:19:07 ค่อยออกกำลังกายด้วยแล้วยิ่งเสี่ยงกันไป
00:19:07 → 00:19:10 ใหญ่ซึ่งแนวโน้มของคนนอนดึกตื่นสายมักจะ
00:19:10 → 00:19:13 ขี้เกียจเคลื่อนไหวร่างกายอีกด้วยจึงทำ
00:19:13 → 00:19:17 ให้เฉื่อยชาไปตลอดทั้งวันเมื่อนอนดึกนะคะ
00:19:17 → 00:19:19 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าระบบคุมคุมกัน
00:19:19 → 00:19:22 นั้นจะทำงานได้แย่ลงนอกจากนี้ค่ะการที่
00:19:22 → 00:19:25 เรานอนดึกไม่นอนเนี่ยจะทำให้อวัยวะที่
00:19:25 → 00:19:27 สำคัญยกตัวอย่างเช่นก็ตับไตเนี่ยค่ะแทน
00:19:27 → 00:19:30 ที่จะเป็นอวัยวะที่จะต้องการนอนหลับพัก
00:19:30 → 00:19:33 ผ่อนไปด้วยเขาก็ไม่ได้นอนทำให้ส่งผลเสีย
00:19:33 → 00:19:36 ต่อสุขภาพโดยรวมได้อีกค่ะถึงเวลาต้องพัก
00:19:36 → 00:19:39 แล้วตับกับไตยังไม่ได้พักก็จะเกิดความรู้
00:19:39 → 00:19:42 สึกอ่อนล้าระบบการคัดครองของเสียในร่าง
00:19:42 → 00:19:45 กายจะขาดสมดุลส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกัน
00:19:46 → 00:19:49 ด้อยประสิทธิภาพลงทำให้เราป่วยง่ายหรือมี
00:19:49 → 00:19:52 ปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานของไตผมร่วง
00:19:52 → 00:19:56 กระดูกและฟันอ่อนแอลงได้ 7 สมาธิสั้นโดย
00:19:56 → 00:19:59 เฉพาะคนที่มักจะนอนดึกตื่นในวันหยุดเป็น
00:19:59 → 00:20:02 ประจำพอเช้าวันจันทร์จะตื่นขึ้นมาพร้อม
00:20:02 → 00:20:06 ความรู้สึกอึ่นๆหมึ่นๆไม่สดชื่นเนื่องจาก
00:20:06 → 00:20:09 นอนไม่พอสักทีเพราะในช่วงที่เรานอนดึกและ
00:20:09 → 00:20:11 ตื่นสายในวันหยุดนั้นนาฬิการ่างกายจะถูก
00:20:11 → 00:20:14 ปรับเปลี่ยนไปทีละนิดจากที่เคยนอนตื่น
00:20:14 → 00:20:17 เวลานี้ร่างกายจะสั่งให้สมองพร้อมตื่นตัว
00:20:17 → 00:20:20 ในเวลาที่ช้ากว่าเดิมส่งผลให้เช้าวันที่
00:20:20 → 00:20:23 ต้องตื่นแต่เช้าสมองยังไม่พร้อมทำงานเกิด
00:20:23 → 00:20:27 อาการงัวเงียไม่พร้อมเรียนรู้ไม่มีสมาธิ
00:20:27 → 00:20:30 รวมไปถึงทักษะในการตัดสินใจลดประสิทธิภาพ
00:20:30 → 00:20:34 ลงด้วยผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอริโซน่า
00:20:35 → 00:20:38 พบว่าการนอนและตื่นที่ผิดเวลานาฬิกาของ
00:20:38 → 00:20:40 ร่างกายนั้นจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็น
00:20:40 → 00:20:43 โรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
00:20:43 → 00:20:47 11 ทั้งนี้นักวิจัยอธิบายว่าการนอนดึก
00:20:47 → 00:20:50 ตื่นสายของคนบางคนไม่ใช่การนอนหลับที่มี
00:20:50 → 00:20:54 คุณภาพดีเพราะธรรมชาติของร่างกายเราเคย
00:20:54 → 00:20:57 ตื่นเวลาไหนก็มักจะตื่นในเวลาเดิมซึ่งหาก
00:20:57 → 00:21:00 ในวันที่คิดจะตื่นสายแต่กลับตื่นเช้าตาม
00:21:00 → 00:21:02 เวลาที่เคยตื่นร่างกายจะกลับไปหลับไม่
00:21:02 → 00:21:05 สนิทส่งผลให้เกิดภาวะอ่อนเพลียอารมณ์
00:21:05 → 00:21:08 หงุดหงิดและกระทบมาถึงความเสี่ยงของโรค
00:21:08 → 00:21:11 หลอดเลือดหัวใจได้นอกจากนี้การนอนดึกตื่น
00:21:11 → 00:21:14 สายอาจส่งผลร้ายกับความสวยงามอีกด้วย
00:21:14 → 00:21:17 เพราะหากระบบภายในร่างกายทำให้ไม่ปกติใน
00:21:17 → 00:21:21 หลายๆส่วนแล้วโดยเฉพาะการย่อยหรือระบบการ
00:21:21 → 00:21:26 ขับถ่ายผิวพรรณม่องคล้ำไม่สดใสเปล่ง
00:21:26 → 00:21:29 ปรั่งเป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระสุขภาพ
00:21:29 → 00:21:32 ดีๆที่ TNN นำมาฝากคุณผู้ชมในวันนี้หวัง
00:21:32 → 00:21:34 เป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:21:34 → 00:21:37 สุขภาพดีๆที่ได้นะคะไปดูแลตัวเองและ
00:21:37 → 00:21:40 ครอบครัวให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงกันค่ะ
00:21:40 → 00:21:43 และขอขอบคุณคุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชม
00:21:43 → 00:21:46 รายการ TE Health มาโดยตลอดค่ะคุณผู้ชม
00:21:46 → 00:21:49 สามารถติดตามรับชมรายการ tn Health ได้
00:21:49 → 00:21:52 เป็นประจำค่ะทุกวันเสาร์นะคะเวลาดี 15:00
00:21:52 → 00:21:56 นถึง 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะที่
00:21:56 → 00:22:00 สำคัญค่ะต้องไม่ลืมกดไลกดแชร์กดกระดิ่งกด
00:22:00 → 00:22:02 Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจให้หมดาวและ
00:22:02 → 00:22:05 ทีมงาน tn Health ในช่องทางโซเชียล
00:22:05 → 00:22:07 Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น YouTube
00:22:07 → 00:22:09 tiktok Facebook Instagram และ LINE
00:22:09 → 00:22:11 official ค่ะเพื่อที่จะเข้าถึงทุกสาระ
00:22:12 → 00:22:14 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโลกไปด้วย
00:22:14 → 00:22:17 กันกับ TE and Health ค่ะและสำหรับวัน
00:22:17 → 00:22:19 นี้นะคะหมอดาวและทีมงาน TE and Health
00:22:19 → 00:22:22 ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อนสำหรับวันนี้
00:22:22 → 00:22:27 สวัสดี
00:22:27 → 00:22:29 ค่ะเ
00:22:29 → 00:22:49 [เพลง]