00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับผมก็ได้ดูข่าวที่โรงงานน้ำแข็ง
00:00:03 → 00:00:06 เนี่ยมีการระเบิดแล้วก็ทำให้ก๊าส
00:00:06 → 00:00:09 แอมโมเนียเนี่ยรั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
00:00:09 → 00:00:12 นะฮะที่อำเภอบางละมุงจังหวัดชลบุรีทำให้
00:00:12 → 00:00:15 มีผู้บาดเจ็บนะครับพอสมควรเลยทีเดียววัน
00:00:15 → 00:00:17 นี้ผมก็เลยอยากจะเอาเรื่องเนี้ยมาเล่าให้
00:00:17 → 00:00:19 ฟังนะครับว่าแอมโมเนียเนี่ยมันเอาไว้ทำ
00:00:19 → 00:00:22 อะไรมันคืออะไรมันมีพิษมีภัยต่อร่างกาย
00:00:22 → 00:00:26 อย่างไรบ้างใช้เวลาในการรักษานานมั้ยระยะ
00:00:26 → 00:00:28 ยาวจะมีปัญหาได้อย่างไรนะครับแล้วเราจะดู
00:00:28 → 00:00:31 แลตัวเองอย่างไรถ้าเราได้รับสัมผัสมัน
00:00:31 → 00:00:33 เข้าไปคนไหนบ้างที่มีโอกาสจะเกิดอันตราย
00:00:34 → 00:00:36 แบบฉับพลันนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:36 → 00:00:38 ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:38 → 00:00:40 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:40 → 00:00:43 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับตัว
00:00:43 → 00:00:46 แอมโมเนียเนี่ยนะครับหรือที่เราเรียกภาษา
00:00:46 → 00:00:50 ทางวิทยาศาสตร์ว่าแมเนียแอนไฮดรัสตัวนี้
00:00:50 → 00:00:52 เนี่ยมันมีฤทธิ์ในการหล่อเย็นค่อนข้างที่
00:00:52 → 00:00:55 จะสูงมากก็เลยใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้
00:00:55 → 00:00:58 ความเย็นนะครับมันราคาถูกนะครับแล้วถ้า
00:00:58 → 00:01:00 มันรั่วไหลออกมาแม้เปเพียงนิดเดียวเนี่ย
00:01:00 → 00:01:03 เราจะได้กลิ่นมันชัดเจนนะครับก็เลยมีการ
00:01:03 → 00:01:07 เอามาใช้ในอุตสาหกรรมพวกทำน้ำแข็งนะฮะที่
00:01:07 → 00:01:10 สำคัญคือถ้ามันออกสู่ธรรมชาติแล้วมันไม่
00:01:10 → 00:01:12 ได้ทำให้อากาศของเราเนี่ยมันเสียไปแต่
00:01:12 → 00:01:15 อย่างใดนะคือมันสลายไปได้ตามกาลละเวลา
00:01:15 → 00:01:17 แล้วก็ไม่ได้ส่งผลทำให้เกิดโรคร้อนหรือ
00:01:17 → 00:01:20 ปรากฏการณ์เรือนกระจกหรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:01:20 → 00:01:22 ครับมันสลายไปได้ก็เลยมีการเอามาใช้ใน
00:01:22 → 00:01:26 อุสาหกรรมเหล่านี้ปัญหาของมันก็คือมันติด
00:01:26 → 00:01:30 ไฟได้ครับดังนั้นถ้าหากว่ามีการรั่วไหล
00:01:30 → 00:01:33 ของแอมโมเนียออกมาแล้วบริเวณนั้นดันมันมี
00:01:33 → 00:01:36 ประกายไฟขึ้นมามันจะเกิดการระเบิดขึ้นนะ
00:01:36 → 00:01:39 ครับก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงงานน้ำ
00:01:39 → 00:01:43 แข็งครั้งเนี้ยมันระเบิดตูมขึ้นมานะครับ
00:01:43 → 00:01:46 แล้วไอ้ตัวแอมโมเนียเนี่ยถึงแม้ว่ามันจะ
00:01:46 → 00:01:48 ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมก็จริงนะครับคือมัน
00:01:48 → 00:01:51 จะหายสลายไปได้เองโดยที่ไม่ได้ตกค้างหรือ
00:01:51 → 00:01:54 มีปัญหาอะไรต่อสิ่งแวดล้อมแต่ถ้าเกิดว่า
00:01:54 → 00:01:57 คนเราได้รับสัมผัสเข้าไปแล้วล่ะก็มันจะมี
00:01:57 → 00:02:00 ปัญหาทันทีนะครับเพราะว่าแอมโมเนียเนี่ย
00:02:00 → 00:02:03 มันจะไปรวมกับตัวเยื่อเมื่อของเราตามที่
00:02:03 → 00:02:08 ต่างๆที่มันมีน้ำนะครับเช่นตาจมูกปากลิ้น
00:02:08 → 00:02:11 นะครับหลอดลมลงไปจนถึงข้างในปอดเลยหรือ
00:02:11 → 00:02:13 แม้กระทั่งผิวหนังของเราเองก็ตามนะครับ
00:02:13 → 00:02:16 เวลาที่มันไปรวมตัวกันน้ำในเนี้ยมันจะ
00:02:17 → 00:02:19 เกิดสารตัวนึงขึ้นมาเรียกว่าแอมโมเนียม
00:02:19 → 00:02:22 ไฮดรอกไซด์ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างรุนแรงมาก
00:02:22 → 00:02:25 นะครับแล้วด่างเนี่ยมันมีพิษที่สูงกว่า
00:02:26 → 00:02:29 กรดนะครับกรดเวลาที่มันกัดบริเวณใดบริเวณ
00:02:29 → 00:02:31 หนึ่งแล้วเนี่ยมันจะไปทำให้โปรตีนตรง
00:02:31 → 00:02:35 บริเวณนั้นเนี่ยตกตะกอนนะครับเป็นการ
00:02:35 → 00:02:38 สร้างเกราะป้องกันไม่ให้กรดมันซึมลึกลงไป
00:02:38 → 00:02:41 นะฮะแต่ในกรณีของด่างแบบแอมโมเนียม
00:02:41 → 00:02:43 ไฮดรอกไซด์ตัวนี้เนี่ยจะไม่เกิด
00:02:43 → 00:02:46 ปรากฏการณ์ตกตะกอนแบบนี้ดังนั้นเนี่ยด่าง
00:02:46 → 00:02:48 มันจะสามารถกัดเซาะลงไปได้ลึกๆลๆๆลงไป
00:02:48 → 00:02:51 เรื่อยๆนะครับแล้วมันทำให้เกิดการระคาย
00:02:51 → 00:02:54 เคืองที่รุนแรงมากนะครับจะมากจะน้อยมัน
00:02:55 → 00:02:58 ขึ้นอยู่กับปริมาณที่สัมผัสเข้าไปนะครับ
00:02:58 → 00:03:01 เราสัมผัสแอมแอมโมเนียตัวนี้เข้าไปทางไหน
00:03:01 → 00:03:04 ได้บ้างนะครับอันแรกก็คือแน่นอนเราสูดดม
00:03:04 → 00:03:07 เข้าไปนะอันนี้ตรงๆอีกอย่างนึงก็คือมันมา
00:03:07 → 00:03:11 โดนตาโดนจมูกเรานะครับหรือมันโดนผิวหนัง
00:03:11 → 00:03:13 และอย่างที่เมื่อกี้บอกคือแอมโมเนียเนี่ย
00:03:14 → 00:03:16 มันเป็นสารหล่อเย็นนะครับซึ่งมีอุณภูมิ
00:03:16 → 00:03:19 ต่ำมากถ้ามันมาโดนที่ผิวหนังโดนเสื้อเรา
00:03:19 → 00:03:20 เนี่ยบางทีเสื้อเรามันกลายเป็นน้ำแข็งติด
00:03:21 → 00:03:25 อยู่กับผิวเลยนะฮะขั้นแรกที่เราโดนนะครับ
00:03:25 → 00:03:27 อย่างแรกเลยถ้าเราไปอยู่ในบริเวณที่มัน
00:03:27 → 00:03:30 เป็นเนี่ยสิ่งนึงซึ่งเราต้องรู้ก็คือก๊าซ
00:03:30 → 00:03:33 แอมโมเนียเนี่ยมันลอยขึ้นข้างบนนะครับมัน
00:03:33 → 00:03:36 เบากว่าอากาศถ้าเราไม่สามารถหนีมันได้นะ
00:03:36 → 00:03:40 ตอนนั้นคุณก้มต่ำไว้อยู่ติดกับพื้นดินไว้
00:03:40 → 00:03:42 แล้วคุณจะค่อนข้างปลอดภัยนะครับถ้าเกิด
00:03:43 → 00:03:45 ว่าคุณเดินวิ่งๆอย่างเงี้ยก๊าซมันยังลอยๆ
00:03:45 → 00:03:48 อยู่เนี่ยมันอาจจะทำให้คุณมีปัญหาได้
00:03:48 → 00:03:50 เพราะคุณสูดดมมันเข้าไปเต็มๆนะครับเข้า
00:03:50 → 00:03:53 จมูกเข้าตาเข้าปากหมดเลยนะครับถ้าจะหนี
00:03:53 → 00:03:56 จริงๆแล้วมันไม่มีช่องทางที่เราหนีไปได้
00:03:56 → 00:03:58 ทันทีแบบวิ่งได้ทันทีเนี่ยคุณอาจจะต้อง
00:03:58 → 00:04:01 ก้มต่ำแล้วก็บๆคานไปนะครับอันนั้นจะปลอด
00:04:01 → 00:04:04 ภัยที่สุดนะฮะแต่ถ้ามันมาโดนเราแล้วแล้ว
00:04:04 → 00:04:06 เราไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้แล้วเราจะต้อง
00:04:07 → 00:04:09 รีบเอาน้ำล้างมันออกให้หมดนะครับมันติด
00:04:09 → 00:04:12 ส่วนไหนล้างมันให้หมดถ้าโดนตาคุณต้องล้าง
00:04:12 → 00:04:15 เลยล้างอย่างน้อย 10 นาที 15 นาทีแล้วไม่
00:04:15 → 00:04:17 ใช่แค่นั้นครับอย่างที่บอกมันเป็นด่าง
00:04:17 → 00:04:21 ด่างเนี่ยมันกัดทะลุลงไปเรื่อยๆมันแปลว่า
00:04:21 → 00:04:24 เดี๋ยวคุณจะต้องล้างอีกล้างสัก 10-15
00:04:24 → 00:04:26 นาทีหลังจากนั้นผ่านไป 10-15 นาทีคุณต้อง
00:04:26 → 00:04:28 ล้างอีกรอบนึงนะครับล้างบ่อยๆจนกว่าคุณจะ
00:04:28 → 00:04:31 ไปเจอหมอนะนั่นแหละครับถึงจะให้หมอเค้า
00:04:31 → 00:04:34 พิจารณาว่าจะต้องทำยังไงต่อบ้างนะครับถ้า
00:04:34 → 00:04:38 มันเปื้นเสื้อสิ่งที่ควรทำนะครับคือคุณ
00:04:38 → 00:04:42 เอาน้ำล้างไปตรงที่มันโดนก่อนนะครับถ้า
00:04:42 → 00:04:44 สมมุติกรณีที่เสื้อมันโดนความเย็นจาก
00:04:44 → 00:04:46 แอมโมเนียแล้วมันแข็งเป๊กเนี่ยคุณอย่าไป
00:04:46 → 00:04:48 ดึงมันออกนะเพราะมันจะเอาผิวหนังของคุณ
00:04:48 → 00:04:50 หลุดออกไปด้วยนะครับคุณต้องเอาน้ำเทลงไป
00:04:50 → 00:04:52 จนกระทั่งมันเออมันหลุดออกมาจากผิวหนัง
00:04:52 → 00:04:54 ของคุณได้ด้วยตัวเองมันไม่แข็งแล้วถึงจะ
00:04:54 → 00:04:58 ค่อยเอาออกนะครับเสื้อตรงไหนก็แล้วแต่ที่
00:04:58 → 00:05:01 โดนตัวเราที่มันมีโมเนียแปะอยู่กับเสื้อ
00:05:01 → 00:05:05 หรือเลอะเสื้อเนี่ยต้องเอาน้ำราดมันก่อน
00:05:05 → 00:05:07 ถึงจะเอาออกอย่าไปเอาออกตอนที่ยังไม่ได้
00:05:07 → 00:05:10 ราดนะครับเพราะว่ามันจะระเหยขึ้นมาได้
00:05:10 → 00:05:13 นั้นคุณต้องเอาน้ำราดก่อนให้เสื้อมันชุ่ม
00:05:13 → 00:05:16 แล้วค่อยเอาออกนะครับเวลาเอาออกมีความ
00:05:16 → 00:05:18 สำคัญอย่างหนึ่งที่คุณต้องทราบนะครับถ้า
00:05:18 → 00:05:20 เป็นไปได้คุณตัดเสื้อตัวนั้นแล้วเอาโยน
00:05:20 → 00:05:23 ทิ้งไปนะครับเอาไปใส่ไว้ในถุงถุงนึงซึ่ง
00:05:23 → 00:05:26 แน่นอนว่าถุงนั้นจะต้องมีการจัดเก็บให้
00:05:26 → 00:05:29 เรียบร้อยเพราะว่ามันเป็นพิษนะครับแต่
00:05:29 → 00:05:32 สิ่งหนึซึ่งห้ามทำหรืออย่าทำเลยก็คือการ
00:05:32 → 00:05:35 ถอดมันออกผ่านทางหัวเราเพราะว่าอะไรไอ้
00:05:35 → 00:05:37 แอมโมเนียที่ติดอยู่ตรงเสื้อคุณเนี่ยมัน
00:05:37 → 00:05:40 เข้าปากเข้าจมูกโดนผิวโดนตาโดนทุกอย่าง
00:05:40 → 00:05:42 แต่ถ้ามันมีความจำเป็นจะต้องถอดออกทางหัว
00:05:42 → 00:05:46 จริงๆโดยที่มันมีอาสาเหตุคือคุณฉีกเสื้อ
00:05:46 → 00:05:48 ไม่ได้กรรไกรไม่มีตัดหรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:05:48 → 00:05:54 ครับถ้าถอดออกทางหัวนะให้คุณกลั้นหายใจ
00:05:54 → 00:05:59 ปิดปากปิดตาแล้วเอาออกนะครับก่อนหน้านั้น
00:05:59 → 00:06:02 ถ้าเป็นเป็นไปได้หาผ้าอันนึงชุบน้ำเตรียม
00:06:02 → 00:06:04 ไว้เลยชุบไว้ใกล้ๆเอาให้แบบถ้าเราหลับตา
00:06:04 → 00:06:06 แล้วเราคลำมันได้เอามาเช็ดหน้าได้วางไว้
00:06:06 → 00:06:09 ตรงนั้นก่อนแล้วคุณเอาน้ำราดเสื้อผ้าให้
00:06:09 → 00:06:13 หมดนะครับราดที่เรียบร้อยเลยนะครับก้าน
00:06:13 → 00:06:16 หายใจปิดปากปิดตาแล้วดึงออกดึงออกเสร็จ
00:06:16 → 00:06:17 ปุ๊บอย่าเพิ่งลืมตาเอาไอ้ผ้าเมื่อตะกี้
00:06:17 → 00:06:19 เนี่ยมาเช็ดหน้าเช็ดให้หมดเรียบร้อยก่อน
00:06:19 → 00:06:22 นะครับแล้วหลังจากนั้นรีบไปล้างออกทั้ง
00:06:22 → 00:06:25 ตัวเอาเสื้อตัวนั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกมัด
00:06:25 → 00:06:27 ไว้เลยนะครับนี่คือวิธีในการปฐมพยาบาล
00:06:27 → 00:06:30 เบื้องต้นถ้าเราเจอแอมโมเนียมาติดกับตัว
00:06:30 → 00:06:34 เองนะครับถ้าเรามีอาการมากกว่านั้นแน่นอน
00:06:34 → 00:06:37 ต้องไปโรงพยาบาลนะครับแอมโมเนียเนี่ย
00:06:37 → 00:06:39 อาการจะเกิดเมื่อไหร่ส่วนมากแล้วจะเกิด
00:06:39 → 00:06:42 ขึ้นทันทีเลยครับแล้วก็มักจะเกิดขึ้นภาย
00:06:42 → 00:06:46 ใน 6 ชมงอาการหนักๆเนี่ยพฤกจะมันจะแสดง
00:06:46 → 00:06:49 ให้เราเห็นใน 6 ชมงหลังจากที่เราได้สูด
00:06:49 → 00:06:51 กลิ่นนี้เข้าไปนะครับแอมโมเนียเนี่ยมัน
00:06:51 → 00:06:54 แพร่กระจายได้ไกลมากนะมันเป็นก๊าซที่เบา
00:06:54 → 00:06:56 บางแล้วมันก็ลอยไปได้เยอะแยะนะครับอย่าง
00:06:56 → 00:06:59 ในข่าวก็จะเห็นว่าลอยไปรัศมี 1 กลเลยนะ
00:06:59 → 00:07:02 ครับแล้วจริงๆในช่วงที่มันมีความหนาแน่น
00:07:02 → 00:07:05 ของแอมโมเนียแบบเยอะมากๆเนี่ยจากจุดศูนย์
00:07:05 → 00:07:08 กลางนับไป 1 กลก็ต้องอพยกคนออกไปข้างนอก
00:07:08 → 00:07:10 นะครับเพราะถ้าอยู่ในนั้นมันมีโอกาสที่จะ
00:07:10 → 00:07:12 ได้รับสารพิษตัวเนี้ยเข้าไปเรื่อยๆแล้วทำ
00:07:12 → 00:07:16 ให้เกิดปัญหาต่อร่างกายนะครับทีนี้อาการ
00:07:16 → 00:07:19 มันเป็นยังไงนอกเหนือจากแสบปากแสบคอแสบตา
00:07:19 → 00:07:23 หรือแสบผิวแล้วนะครับถ้าเราสูดดมเข้าไป
00:07:23 → 00:07:27 มากๆลงในปอดนะครับอาจจะมากในครั้งเดียว
00:07:27 → 00:07:29 หรือว่าคุณค่อยๆมากไปเรื่อยๆหรือว่าอาจจะ
00:07:29 → 00:07:31 มีความหนาแน่นของก๊าซบริเวณนั้นเยอะนะ
00:07:31 → 00:07:33 ครับมันก็จะทำให้เรามีอาการเจ็บแน่นหน้า
00:07:33 → 00:07:36 อกนะครับพอผ่านไปมากๆถ้าเราได้ปริมาณมาก
00:07:36 → 00:07:38 เข้าไปกว่านั้นอีกเนี่ยอันเนี้ยอาจจะ
00:07:38 → 00:07:41 ลำบากละที่เรากลัวนะครับคือมันจะทำให้
00:07:41 → 00:07:44 หลอดลมของเรากล่องเสียงของเรามันอักเสบ
00:07:44 → 00:07:46 แล้วมันบวมถ้ามันบวมมากมันปิดทันทีคุณหาย
00:07:46 → 00:07:51 ใจไม่ได้คุณเสียชีวิตทันทีนะฮะบางคนมาก
00:07:51 → 00:07:53 กว่านั้นมีอาการชักมีคลื่นไส้อาเจียนมี
00:07:53 → 00:07:56 ความดอนโลหิตสูงปี๊ดเลยนะครับนี่คืออาการ
00:07:56 → 00:07:58 ที่มันเป็นพิษเวลามันเข้าไปสู่ร่างกายของ
00:07:59 → 00:08:02 เราถ้ามาถึงหมอเนี่ยสิ่งที่เราจะทำก็คือ
00:08:02 → 00:08:05 รีบกำจัดพวกแอมโมเนียที่ติดอยู่กับตัวออก
00:08:05 → 00:08:08 ให้หมดเลยนะครับเข้าตาล้างตาเข้าปากให้
00:08:08 → 00:08:11 บ้วนปากออกมาถ้ามันติดเสื้อก็ล้างล้าง
00:08:11 → 00:08:13 แล้วเอาเสื้อออกตัดออกให้หมดทุกอย่างพอ
00:08:13 → 00:08:17 เรียบร้อยแล้วเราก็จะประเมินว่ามันมีภาวะ
00:08:17 → 00:08:19 อย่างที่ผมบอกหรือเปล่าคือไอ้ตัวกล่อง
00:08:19 → 00:08:22 เสียงตเนี้ยมันบวมจนปิดหรือเปล่าคือถ้ามี
00:08:22 → 00:08:25 เสียงแหบเมื่อไหร่แล้วมีเสียงแหบโดยเฉพาะ
00:08:25 → 00:08:27 เริ่มแหบมากแหบมากขึ้นเรื่อยๆรู้สึกแน่น
00:08:27 → 00:08:30 คอเริ่มกลืนไม่ได้นะครับอันเนี้ยเราอาจจะ
00:08:30 → 00:08:33 ต้องรีบใส่ท่อช่ยหายใจทันทีเพราะมฉะนั้น
00:08:33 → 00:08:35 ถ้าคุณรอไว้สักพักนึงนะครับมันบวมจนปิด
00:08:36 → 00:08:38 สนิทแล้วไปรีบใส่ท่อชั่วยหายใจตอนนั้นอาจ
00:08:38 → 00:08:42 จะไม่ทันแล้วนะครับงั้นบางคนเนี่ยจะเห็น
00:08:42 → 00:08:46 ว่าเวลาไปหาหมอแล้วหมอเสงสัยว่าไอ้เสียง
00:08:46 → 00:08:49 เราแหบแล้วเนี่ยจากพิษเจ้าแอมโมเนียตัว
00:08:49 → 00:08:51 นี้เนี่ยแล้วเขาจะให้ใส่ท่อช่วยใจเราจะ
00:08:51 → 00:08:53 ไม่ยอมลูกเดียวเลยแต่ไม่ได้ครับกรณีนี้
00:08:53 → 00:08:56 มันถึงชีวิตนะฮะแล้วบางครั้งถ้ามันรอจน
00:08:56 → 00:08:59 กระทั่งสุดๆแล้วคุณไปใส่ตอนนั้นนะบางทีที
00:08:59 → 00:09:02 ไม่ทันที่ผมกลัวอย่างนึงคือไม่ใช่ตายไป
00:09:02 → 00:09:05 เลยอ่ะมันทำให้สมองขาดออกซิเจนแล้วเวลา
00:09:05 → 00:09:07 คุณฟื้นขึ้นมาอีกทีนึงเนี่ยร่างกายคุณจะ
00:09:07 → 00:09:09 ไม่เหมือนเดิมสมองคุณก็ไม่เหมือนเดิมการ
00:09:09 → 00:09:11 ขยับเขยื้อนของร่างกายก็จะไม่ได้กลับมา
00:09:11 → 00:09:13 ดังเดิมแล้วพวกนี้มันแก้ไม่ได้ด้วยนะครับ
00:09:13 → 00:09:15 ดังนั้นถ้าคุณหมอเาแนะนำว่าจะต้องใส่ท่อ
00:09:16 → 00:09:20 ชั่วหใจใส่ไปเถอะครับนะรีบใส่เลยนะส่วนคน
00:09:20 → 00:09:24 ไหนที่มันไม่ถึงขั้นเสียงแหบไม่บวมหมอก็
00:09:24 → 00:09:26 จะต้องเก็บไว้ในโรงพยาบาลอยู่ดีอย่างน้อย
00:09:26 → 00:09:29 ๆก็ต้อง 6 ชมนะครับเพราะว่าอาการมัน
00:09:29 → 00:09:32 สามารถแสดงได้ภายใน 6 ช่มนะฮะแต่ถ้าเกิด
00:09:32 → 00:09:34 คุณมีอาการแรงอันนี้แน่นอนว่าต้องเก็บไว้
00:09:34 → 00:09:37 ในโรงพยาบาลตั้งแต่แรกอาการที่มันอาจจะ
00:09:37 → 00:09:40 อันตรายในตอนแรกเลยนอกเหนือจากการวมของ
00:09:40 → 00:09:42 สายเสียงหรือกล่องเสียงแล้วมันยังสามารถ
00:09:42 → 00:09:46 ทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงได้นะครับอ่า
00:09:46 → 00:09:50 อันเนี้ยเราจะเรียกว่า ards นะฮะ acute
00:09:50 → 00:09:52 respiratory distress Syndrome ซึ่ง
00:09:52 → 00:09:55 มันจะทำให้มีน้ำท่วมอยู่ในปอดเยอะฉับพลัน
00:09:55 → 00:09:58 แล้วพวกเนี้ยอาจจะต้องใช้เครื่องช่วยหาย
00:09:58 → 00:10:01 ใจหรือบางกรณีถ้ายังพอทุเราได้ก็จะใช้
00:10:01 → 00:10:05 หน้ากากอันนึงใส่ครอบปากครอบจมูกแล้วอัด
00:10:05 → 00:10:07 แรงดันเข้าไปให้เราหายใจใช้ออกซิเจนขนาด
00:10:07 → 00:10:11 สูงนะครับอันเนี้ยก็จังพอช่วยบรรเทาอาการ
00:10:11 → 00:10:13 ให้เราได้แล้วเราก็ต้องสังเกตอาการในโรง
00:10:13 → 00:10:16 พยาบาลมันไม่มียาต้านพิษนะครับไม่มียา
00:10:16 → 00:10:19 ต้านพิษการรักษาเป็นไปเพื่อประคับประคอง
00:10:19 → 00:10:22 รอเวลาให้เราดีขึ้นมาเองนะครับถ้าเราหาย
00:10:22 → 00:10:25 ใจแล้วหลอดลมมันมีการตีบหมอเจะฟังปอดมี
00:10:25 → 00:10:27 เสียงวี๊ดๆนะครับหรืออะไรพวกเนี้ยเค้าอาจ
00:10:27 → 00:10:31 จะใช้ยาพ่นขยันรอลมถ้ากล่องเสียงตีบแต่
00:10:31 → 00:10:34 มันยังตีบไม่มากเอาจจะมียาตัวนึงชื่อ emic
00:10:34 → 00:10:37 epin พ่นให้มันขยายไว้แต่ถ้ามันพ่นแล้ว
00:10:37 → 00:10:40 มันไม่ดีขึ้นต้องใส่ท่อนะครับในข้างล่าง
00:10:40 → 00:10:42 ของปอดก็เหมือนกันถ้าหลอดลมมันตีปุ๊บเรา
00:10:42 → 00:10:46 ให้ยาขยายหลอดลมเช่นยากลุ่ม salal เอ่อบอ
00:10:46 → 00:10:50 นะครับให้มันขยายไว้แต่ยาตัวอื่นๆที่ให้
00:10:50 → 00:10:52 ไปแล้วมันอาจจะไม่ได้ประโยชน์ก็เช่นพวก
00:10:52 → 00:10:54 สเตียรอยด์ยาขับปัสสาวะอะไรพวกเแต่ว่าบาง
00:10:55 → 00:10:57 ทีหมอเขอาจจะให้ร่วมไปด้วยขึ้นอยู่กับว่า
00:10:57 → 00:10:59 มีอาการอะไรแทรกซ้อนในตอนนั้นบ้างหรือ
00:10:59 → 00:11:02 เปล่านะครับนี่เป็นการรักษาหลักนะฮะก็คือ
00:11:03 → 00:11:06 รอเวลาให้มันดีขึ้นคนส่วนมากเนี่ยใช้เวลา
00:11:06 → 00:11:08 ประมาณ 2-3 วันก็จะกลับสู่ภาวะปกติโดยที่
00:11:08 → 00:11:12 คุณไม่มีปัญหาอะไรเลยนะฮะแต่ถ้าเกิด
00:11:12 → 00:11:15 ปริมาณแอมโมเนียที่คุณได้รับเข้าไปเนี่ย
00:11:15 → 00:11:17 มันเยอะมากตอนแรกแล้วคุณว่ามีอาการเยอะ
00:11:17 → 00:11:20 มากเลยตอนแรกเนี่ยมันอาจจะทำให้คุณมี
00:11:20 → 00:11:23 ปัญหาระยะยาวได้นะครับปัญหาระยะยาวที่
00:11:23 → 00:11:26 เกิดจากการสูดมแอมโมเนียแบบเยอะๆเนี่ยนะ
00:11:26 → 00:11:28 ฮะมักจะเกิดกับคนที่มีอาการรุนแรงตั้งแต่
00:11:28 → 00:11:32 แรกเช่นมีปอดอักเสบนะครับมีหลอดลมหดเกร็ง
00:11:32 → 00:11:35 นะต้องใส่ท่อช่วยหายใจพวกเนี้ยระยะยาวอาจ
00:11:35 → 00:11:38 จะเจอปัญหานะครับปัญหาอะไรได้บ้างข้อแรก
00:11:38 → 00:11:42 ปัญหาที่เรียกว่า reactive Airway
00:11:42 → 00:11:44 Syndrome หรือนะฮะ reactive Airway
00:11:44 → 00:11:49 disease นะครับมันคืออะไรมันคือการที่
00:11:49 → 00:11:52 หลอดลมของคุณเนี่ยมันโดนไอ้สารแอมโมเนีย
00:11:52 → 00:11:55 เนี่ยทำลายจนกระทั่งมันมีความิดปกติเยอะ
00:11:55 → 00:11:57 มากต่อไปเนี่ยมีอะไรมากระตุ้นมันนิดหน่อย
00:11:57 → 00:12:00 เนี่ยมันจะมีความไวขึ้นมามาเลยคือมันจะมี
00:12:00 → 00:12:03 อาการไอนะครับหายใจไม่ได้นะครับหลอดลมมัน
00:12:03 → 00:12:06 จะหดเกรนกระทันหันเลยเช่นคุณไปสูดดม PM
00:12:06 → 00:12:08 2.5 ตอนแรกไม่เป็นไรแต่พอเจอแอมโมเนีย
00:12:08 → 00:12:11 ทำลายหลอดลมคราวนี้สูดไปนิดนึงก็เป็นบาง
00:12:11 → 00:12:13 ทีไปได้กลิ่นอะไรนิดหน่อยกลิ่นกับข้าว
00:12:13 → 00:12:16 หลอดลมตีบขึ้นมาทันทีนะครับบางทีไปเจอ
00:12:16 → 00:12:20 อากาศเย็นอากาศร้อนตีบขึ้นมาทันทีนะฮะ
00:12:20 → 00:12:23 หรืออะไรที่เราไม่เคยเจอมาก่อนเราเป็นกรด
00:12:23 → 00:12:25 ไหลย้อนอยู่แต่ก่อนก็ไม่เป็นไรตอนนี้กรด
00:12:25 → 00:12:27 ไหลย้อนเข้าไปในหล่อดลมที่มันไวเกินที่
00:12:27 → 00:12:29 เป็น reactive Airway disease รมพวก
00:12:29 → 00:12:33 เนี้ยเป็นเลยครับหลอดลมตีฉับลันจะหายใจ
00:12:33 → 00:12:36 ไม่สะดวกแล้วพวกนี้เนี่ยส่วนใหญ่แล้วมัน
00:12:36 → 00:12:40 ไม่หายมันเป็นระยะยาวเลยนะครับบางคนโชคดี
00:12:40 → 00:12:42 หลายปีอาจจะหายนะครับหลายเดือนอาจจะหาย
00:12:42 → 00:12:43 บางคนก็เป็นตลอดชีวิตเหมือนกันเหมือนกับ
00:12:44 → 00:12:46 คนที่เป็นหอบหืดจะต้องใช้ยาไว้ตลอดนะครับ
00:12:46 → 00:12:49 นี่คือโรคที่ 1 โรคที่ 2 bronchiectasis
00:12:49 → 00:12:53 หรือหลอดลมโปร่งพองถ้าการทำลายหลอดลมมัน
00:12:53 → 00:12:56 ทำลายไปเยอะมากๆนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นอัน
00:12:56 → 00:12:58 นึงก็คือหลอดลมโป่งพองแล้วภาวะนี้ก็ไม่มี
00:12:58 → 00:13:01 ทางหายเช่นกันอาการหลักของมันก็คือจะมีไอ
00:13:01 → 00:13:03 เยอะและเสมหะออกมาเยอะนะครับเสมหะจะไม่
00:13:03 → 00:13:06 หายสักทีทำยังไงมันก็ไม่หายนะครับไม่มี
00:13:06 → 00:13:10 วิธีอะไรที่ทำให้เสมหะมันหายไปได้นะครับ
00:13:10 → 00:13:12 แล้วภาวะนี้เนี่ยเป็นภาวะที่ผมไม่อยากให้
00:13:12 → 00:13:15 เกิดขึ้นเพราะว่ามันทรมานนะฮะนอกจากมัน
00:13:15 → 00:13:18 ไม่หายแล้วเนี่ยเราจะต้องขากสลดออกมาให้
00:13:18 → 00:13:20 หมดตลอดเวลาเพราะว่าถ้าคุณปล่อยมันค้าง
00:13:20 → 00:13:22 ไว้ในปอดนะมันจะกลายเป็นปอดติดเชื้อตามมา
00:13:22 → 00:13:25 ได้นะครับแล้วยิ่งค้างนานๆปอดก็จะยิ่ง
00:13:25 → 00:13:27 เสียไปมากขึ้นมากขึ้นแล้วสุดท้ายก็ต้อง
00:13:27 → 00:13:30 ใส่ออกซิเจนไปตลอดชีวิตตตลอดเวลาด้วยนะ
00:13:30 → 00:13:33 ครับอันนี้เป็นอันที่ 2 ซึ่งจะเกิดขึ้น
00:13:33 → 00:13:37 ได้อันที่ 3 คือพังผืดในปอดจากการที่มี
00:13:37 → 00:13:39 การทำลายเยอะๆนะครับอันนี้ก็เกิดได้
00:13:39 → 00:13:41 เหมือนกันนะฮะซึ่งก็ไม่มีใครอยากจะให้
00:13:41 → 00:13:44 เกิดขึ้นนะเพราะมันเกิดขึ้นแล้วมันแก้ไข
00:13:44 → 00:13:47 ไม่ได้นะอันเนี้ยเป็น 3 อย่างหลักๆที่เรา
00:13:47 → 00:13:50 จะเจอได้ในคนที่สูดดมแอมโมเนียเข้าไป
00:13:50 → 00:13:52 มหาศาลแล้วก็เกิดอาการรุนแรงตั้งแต่แรกนะ
00:13:52 → 00:13:56 ครับคงมีอย่างนึงซึ่งคนก็คงสงสัยว่าเอ้ย
00:13:56 → 00:13:58 แอมโมเนียนะมันทำให้เกิดมะเร็งหรือเปล่า
00:13:58 → 00:14:00 นะครับทำให้เป็นมะเร็งปอดมั้ยนะฮะหรือมัน
00:14:00 → 00:14:03 ตกค้างในสิ่งแวดล้อมแล้วมันกลายไปเป็นสาร
00:14:03 → 00:14:06 ก่อมะเร็งอะไรหรือเปล่าก็ต้องบอกว่าอย่าง
00:14:06 → 00:14:08 น้อยก็ยังโชคดีครับว่าแอมโมเนียเนี่ยมัน
00:14:08 → 00:14:11 ไม่ใช่สารก่อมะเร็งนะครับมันไม่ทำให้เกิด
00:14:11 → 00:14:15 DNA ผิดปกติมันไม่สามารถทำให้ลูกออกมา
00:14:15 → 00:14:17 ปิดปกติได้นะครับมันไม่ก่อมะเร็งดังนั้น
00:14:17 → 00:14:20 อันเนี้ยถือว่าเป็นอย่างนึงซึ่งยังโชคดี
00:14:20 → 00:14:22 อยู่ที่มันไม่ใช่สารก่อมะเร็งแล้วอย่าง
00:14:22 → 00:14:24 ที่บอกครับแอมโมเนียเนี่ยเวลาไปสู่สิ่ง
00:14:24 → 00:14:27 แวดล้อมมันสลายไปได้เองนะครับโดยไม่มี
00:14:27 → 00:14:30 อะไรตกค้างแล้วมันก็ไม่ได้ก่อมะเร็งหรือ
00:14:30 → 00:14:32 เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใดแต่มัน
00:14:32 → 00:14:34 เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในตอนนั้นนั่นแหละ
00:14:34 → 00:14:37 นะครับนะถ้าเราถามเจ้าหน้าที่ก็จะมีวิธี
00:14:37 → 00:14:40 ในการกำจัดพวกนี้คือต้องเอาน้ำไปละลายมัน
00:14:40 → 00:14:42 ก่อนแล้วหลังจากนั้นก็อาจจะใช้กรดบาง
00:14:42 → 00:14:44 อย่างเนี่ยเช่นกรดไฮโดรคลอริกในการไปทำ
00:14:44 → 00:14:46 ให้มันกลายเป็นกลางเพื่อป้องกันไม่ให้มัน
00:14:46 → 00:14:50 ระเหยออกมาเยอะๆได้นะครับแต่อย่างไรก็ตาม
00:14:50 → 00:14:52 ตอนเนี้ยก็คงจะต้องมีเจ้าหน้าที่เข้าไป
00:14:52 → 00:14:56 ควบคลุมในรัศมี 1 กมเพื่อดูว่าความเข้ม
00:14:56 → 00:14:59 ข้นของแอมโมเนียเนี่ยมันลดลงไปจนถึงถึง
00:14:59 → 00:15:01 ระดับที่ปลอดภัยให้คนเข้าไปตรงนั้นแล้ว
00:15:01 → 00:15:03 หรือยังนะครับตอนนี้ก็คงจะต้องแน่นอนมี
00:15:03 → 00:15:05 การกำจัดแอมโมเนียนะครับทำให้มันไม่เป็น
00:15:05 → 00:15:08 ไอไปล้างมันนะครับทำความสะอาดอะไรให้
00:15:08 → 00:15:10 เรียบร้อยก่อนแล้วก็วัดระดับแอมโมเนีย
00:15:10 → 00:15:13 เรื่อยๆๆๆจนกระทั่งโอเคมันปลอดภัยแล้วตอน
00:15:13 → 00:15:15 นี้ไม่มีแล้วะถึงจะเอาคนเข้ามานะครับส่วน
00:15:15 → 00:15:17 มันจะอยู่ได้ตรงนั้นนานเท่าไหร่อันเนี้ย
00:15:17 → 00:15:19 ตอบไม่ได้แล้วครับเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับ
00:15:19 → 00:15:21 ปริมาณแอมโมเนียที่มันรั่วออกมาในตอนแรก
00:15:21 → 00:15:23 นะครับถ้ารั่วเยอะอ่ะมันก็ยิ่งอยู่นานถ้า
00:15:23 → 00:15:25 รั่วน้อยเออมันก็ยิ่งอยู่ไม่นานนะครับถ้า
00:15:25 → 00:15:28 มีลมพัดโอเคแอมโมเนียที่มันรั่วมันอาจจะ
00:15:28 → 00:15:31 ไปได้ไกลแต่อย่างนึงก็คือยิ่งพัดไกลมันก็
00:15:31 → 00:15:33 ความเจือจางก็จะเจือจางลงเจือจางลงไป
00:15:33 → 00:15:35 เรื่อยๆก็จะหายไปได้เร็วนะครับแต่ถ้าเกิด
00:15:35 → 00:15:38 ว่าบริเวณนั้นไม่มีลมพัดอะไรเลยแล้วมัน
00:15:38 → 00:15:40 ระเบิดออกมาแล้วมีแอมโมเนียอยู่ตรงนั้น
00:15:40 → 00:15:44 มันก็จะอยู่ตรงนั้นนานๆนะครับเออดังนั้น
00:15:44 → 00:15:46 ตรงนี้เนี่ยผมก็คงจะตอบแทนหน่วยงานที่
00:15:46 → 00:15:48 เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่ได้นะครับก็คงจะต้อง
00:15:48 → 00:15:50 ให้เขามีการไปตรวจวัดว่าแอมโมเนียมัน
00:15:50 → 00:15:52 เหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์แค่ไหนมันปลอดภัย
00:15:52 → 00:15:55 หรือยังให้เราเข้าไปบริเวณนั้นนะครับโอเค
00:15:55 → 00:15:58 วันนี้ผมก็หวังว่าทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
00:15:58 → 00:16:02 เนี่ยจะหายดีนะครับจากแอมโมเนียที่ท่าน
00:16:02 → 00:16:04 สูบรมเข้าไปถ้ามีแค่อาการแน่นหน้าอกอะไร
00:16:04 → 00:16:06 พวกเนี้ยส่วนใหญ่ไม่น่ากังวลนะครับแน่น
00:16:06 → 00:16:08 หน้าอกแสบตาแสบปากพวกเนี้ยมักจะหายได้เอง
00:16:08 → 00:16:11 โดยที่ไม่มีอาการหลงเหลืออะไรใช้เวลา
00:16:11 → 00:16:13 ประมาณสัก 2 วัน 3 วันนะฮะแต่คนนึงที่ผม
00:16:13 → 00:16:16 เป็นห่วงก็คือในข่าวบอกว่ามันมีคนที่หมด
00:16:16 → 00:16:20 สติอยู่ในโรงงานคือแอมโมเนียเนี่ยตัวมัน
00:16:20 → 00:16:24 เองนะครับไม่ได้ทำให้หมดสตินะฮะไม่ได้ทำ
00:16:24 → 00:16:28 ให้หมดสติถ้ามันทำให้หมดสติได้มีอยู่ 2-3
00:16:28 → 00:16:30 อย่างนะครับอย่างแรกไอ้ตอนที่ระเบิดอ่ะคน
00:16:30 → 00:16:32 นั้นน่ะโดนแรงระเบิดอัดหรือเปล่านะครับ
00:16:32 → 00:16:36 อย่างที่ 2 คือสูตดมเข้าไปแบบมหาศาลมากจน
00:16:36 → 00:16:38 กระทั่งทำให้หลอดลมตรงเนี้ยนะครับมันตีบ
00:16:38 → 00:16:40 นะครับกล่องเสียงมันหดเกร็งแล้วหายใจไม่
00:16:40 → 00:16:42 ได้ตอนนั้นขาดอากาศแล้วตายไปแล้วหรือ
00:16:42 → 00:16:44 เปล่าอนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะเพราะว่า
00:16:44 → 00:16:48 นั่นคือ 2 เหตุหลักจริงๆที่ทำให้คนหมดสติ
00:16:48 → 00:16:51 ไปนะครับงั้นตรงนี้ก็หวังว่าจะไม่มีอะไร
00:16:51 → 00:16:53 นะอาจจะเป็นจากแรงระเบิดแล้วหมดสติแล้ว
00:16:53 → 00:16:55 สุดท้ายก็ฟื้นได้นะครับก็หวังว่าจะเป็น
00:16:55 → 00:16:57 อย่างนั้นแล้วส่วนใหญ่อย่างที่บอกคือ
00:16:57 → 00:16:59 แอมโมเนียมันลอยขึ้นข้างบนถ้าถ้าคนนี้หมด
00:16:59 → 00:17:01 สติหมดสติคงไม่ยืนค้างอย่างเงี้ยหมดสติคง
00:17:02 → 00:17:04 จะลงไปอยู่กับพื้นนะครับอาจจะโชคดีเพราะ
00:17:04 → 00:17:07 ว่าแอมโมเนียมันลอยขึ้นข้างบนนะถ้า
00:17:07 → 00:17:09 บังเอิญมันไม่ใช่พื้นที่ปิดจนเกินไปเนี่ย
00:17:09 → 00:17:10 แอมโมเนียมันลอยขึ้นข้างบนมันต้องออกไป
00:17:10 → 00:17:12 ข้างนอกหมดข้างล่างก็อาจจะมีออกซิเจนมี
00:17:12 → 00:17:14 อากาศที่บริสุทธิ์ทำให้เขาหายใจได้ในขณะ
00:17:14 → 00:17:17 ที่เขาหมดสติก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะฮะ
00:17:17 → 00:17:21 อ่าเพราะถ้ามันระเบิดในที่พื้นที่ปิดโอเค
00:17:21 → 00:17:24 มันระเหยไปข้างบนแต่ว่าถ้ามันออกไปข้าง
00:17:24 → 00:17:26 ไหนไม่ได้มันก็มันก็ลงมาข้างล่างอยู่ดีก็
00:17:26 → 00:17:29 เจออยู่ดีนะครับก็ต้องหวังว่าตอนเยคงจะ
00:17:29 → 00:17:31 ไม่มีใครเป็นอะไรมากนะฮะแล้วก็ฟื้นคืนได้
00:17:32 → 00:17:35 ทีนี้ถ้าเกิดคนไหนที่ไปสูดดมมานะครับดี
00:17:35 → 00:17:37 ที่สุดถ้ามีอาการน้อยๆเนี่ยคุณไปหาอากาศ
00:17:37 → 00:17:39 บริสุทธิ์สูตรเข้าไปเลยนะครับสูตรเยอะๆ
00:17:39 → 00:17:41 เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเองนะฮะถ้าไปที่โรง
00:17:41 → 00:17:43 พยาบาลบางทีก็จะมีการให้ออกซิเจนขึ้นอยู่
00:17:43 → 00:17:46 กับว่าระดับออกซิเจนของเราเป็นแบบไหนนะฮะ
00:17:46 → 00:17:49 แล้วก็ให้ยารักษาตามอาการนะครับโอเควัน
00:17:49 → 00:17:51 นี้ผมหวังว่าความรู้ที่ผมให้ในวันนี้จะ
00:17:51 → 00:17:54 เป็นประโยชน์บ้างนะครับถ้าใครมีอะไรสงสัย
00:17:54 → 00:17:56 ยังไงก็สอบถามมาแล้วกันนะครับวันนี้เท่า
00:17:56 → 00:18:00 นี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ