00:00:04 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:24 [เพลง]
00:00:24 → 00:00:28 สมาธิคือความสามารถทางสมองในการจดจ่อใน
00:00:28 → 00:00:31 ขณะทำกิจกรรมอย่างได้อย่างหนึ่งความ
00:00:31 → 00:00:33 สามารถของสมาธิในเด็กขึ้นอยู่กับความ
00:00:33 → 00:00:37 สามารถของสมองเด็กโดยเด็กแต่ละคนมีความ
00:00:37 → 00:00:40 สามารถทางด้านสมองไม่เหมือนกันส่งผลถึง
00:00:40 → 00:00:42 วัยเรียนที่จะมีทักษะพื้นฐานของสมองที่
00:00:42 → 00:00:47 แตกต่างกันไปสำหรับที่มาในการจัดอบรมใน
00:00:47 → 00:00:49 หัวข้อเรื่องเมื่อหนูเป็นสมาชิสั้นโดยนัก
00:00:49 → 00:00:52 กิจกรรมบำบัดนะครับที่มาก็เกิดมาจากว่า
00:00:52 → 00:00:54 ทางคณะกายภาพบำบัดนะครับแล้วก็ศูนย์
00:00:54 → 00:00:57 กิจกรรมบำบัตของเราเนี่ยมีโครงการนึงชื่อ
00:00:57 → 00:01:00 โครงการจัดอบรมความรู้กายภาพบาตและกิจกร
00:01:00 → 00:01:02 บบาทสู่ประชาชนนะครับโดยที่จะให้นัก
00:01:02 → 00:01:05 กายภาพบำบัตหรือนักกิจกรรบัตเนี่ยเวียน
00:01:05 → 00:01:07 กันขึ้นมาจัดอบรมในแต่ละเรื่องในแต่ละ
00:01:07 → 00:01:10 เดือนไปอย่างเงี้ยครับณในของครั้งนี้ก็จะ
00:01:10 → 00:01:12 เป็นคิวของนักกิจกรรมบำบัดครับเราก็เลย
00:01:12 → 00:01:15 จัดคุยกันในทีมว่าเราจะพูดเรื่องอะไรดี
00:01:15 → 00:01:17 แล้วก็เลยเลือกประเด็นของเด็กสมาธิสั้น
00:01:17 → 00:01:19 ขึ้นมาพูดครับก็เลยจัดอบรวมครั้งนี้ขึ้น
00:01:19 → 00:01:21 ครับภาวะสมาธิสั้นก็คือเหมือนสมาธิหรือ
00:01:21 → 00:01:25 ช่วงความสนใจของเด็กที่มีภาวะเนี่ยจะสั้น
00:01:25 → 00:01:27 นะครับนอกจากนี้ก็จะมีการแสดงพฤติกรรม
00:01:27 → 00:01:30 เช่นการโซนยุคยิอยู่ไม่นิ่งนะครับการเล่น
00:01:30 → 00:01:33 แรงๆนะครับโดยที่สิ่งต่างๆเหล่าเนี่ยมัน
00:01:34 → 00:01:37 เด็กเขาไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้นะครับ
00:01:37 → 00:01:40 โดยทำให้เขาเกิดพฤติกรรมอย่างนี้ออกมานะ
00:01:40 → 00:01:43 ครับโดยที่อาจจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆนะ
00:01:43 → 00:01:46 ครับก็จะมีกลุ่มของการขาสมาธินะครับอาการ
00:01:46 → 00:01:48 โซนยุกยิกอยู่ไม่นิ่งแลอีกอันที่สำคัญก็
00:01:48 → 00:01:51 คือหุ่นหันพันธุ์แล่น
00:01:51 → 00:01:54 ครับสำหรับท่านผู้ปกครองและคุณครูที่มี
00:01:54 → 00:01:57 ความสงสัยในบุตรหลานของตนเองว่าจะเป็นโรค
00:01:57 → 00:02:00 สมาธิสั้นหรือไม่พบกับคำตอบและร่วมกันหา
00:02:00 → 00:02:03 ความหมายของเด็กสมาธิสั้นกับการบรรยายใน
00:02:03 → 00:02:07 ช่วงแรกในหัวข้อโรคสมาธิสั้นบรรยายโดยคุณ
00:02:07 → 00:02:12 บุญทิสาสมสีดาคุณพชากุลมาศและคุณกิรติอ้น
00:02:12 → 00:02:15 มั่นนักกิจกรรมบำบัดจากคลินิกกิจกรรม
00:02:15 → 00:02:18 บำบัดศูนย์กายภาพบำบัดคณะกายภาพบำบัด
00:02:18 → 00:02:20 มหาวิทยาลัย
00:02:20 → 00:02:23 มหิดลเราจะมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหนนะ
00:02:23 → 00:02:26 คะที่จะเป็นโลกสมาธิสั้นมยสังเกตดูนะคะก็
00:02:26 → 00:02:30 จะมี 3 อย่างก็คือค่ะสมาธิอาการซนอยู่ไม่
00:02:30 → 00:02:34 นิ่งแล้วก็อาการหุนหันพันแล่นนะคะอาการ
00:02:34 → 00:02:37 ขาดสมาธิมีอะไรบ้างจะมี 9 ข้อย่อยนะคะ
00:02:37 → 00:02:40 แบ่งเป็น 9 ข้อย่อยข้อที่ 1 ก็คือมักไม่
00:02:40 → 00:02:43 ตั้งใจฟังเก็บรายละเอียดของงานไม่ได้นะคะ
00:02:43 → 00:02:46 หรือว่าทำงานผิดพลาดบ่อยๆเนาะต่อไปนะคะ
00:02:46 → 00:02:50 ข้อที่ 2 นะคะมันไม่มีสมาธิคงสมาธิได้ไม่
00:02:50 → 00:02:55 ค่อยนานข้อ 3 ก็คือไม่ค่อยฟังหรือสนใจ
00:02:55 → 00:02:59 เมื่อมีคนพูดคุยด้วยนะคะข้อ 4 มักทำงาน
00:02:59 → 00:03:00 ไม่เสร็จ
00:03:00 → 00:03:03 ข้อ 5 ไม่มีระเบียบจัดการตัวเองได้น้อย
00:03:03 → 00:03:08 วุ่นวายนะคะข้อ 6 นะคะหลีกเลี่ยงการทำงาน
00:03:08 → 00:03:11 ที่ต้องใช้สมาธิหรือความคิดข้อ 7 มักทำ
00:03:11 → 00:03:16 ของหายบ่อยๆข้อ 8 วอกแวกง่ายหรือเหม่อลอย
00:03:16 → 00:03:19 นะคะส่วนข้อ 9 ข้อสุดท้ายขี้ลืมซึ่งคุณ
00:03:19 → 00:03:22 หมอเนี่ยเขาก็จะดูว่าถ้าเอ่ออาการพวกเนี้
00:03:22 → 00:03:25 ค่ะเกิดอย่างน้อย 6 ข้อนะคะอย่างน้อย 6
00:03:25 → 00:03:29 ใน 9 ก็เก็บไว้ก่อนเก็บไว้ในนใจตไปมาดู
00:03:29 → 00:03:31 ภาวะที่ 2 นะคะภาวะที่ 2 เป็นภาวะของ
00:03:31 → 00:03:34 อาการโซนอยู่ไม่นิ่งค่ะซึ่งในภาวะนี้เรา
00:03:34 → 00:03:37 จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ข้อย่อยข้อที่ 1
00:03:37 → 00:03:40 นะคะแสดงอาการมือเท้าอยู่ไม่นิ่งยุกยิก
00:03:40 → 00:03:43 ตลอดเวลานั่งบิดตัวไปมาบนเก้าอี้นั่ง
00:03:43 → 00:03:47 เรียนอยู่บิดซ้ายบิดขวาสะบัดมือเล่นมือ
00:03:47 → 00:03:50 กระดิกเท้าอ่านั่งอยู่นั่งอยู่กับเก้าอี้
00:03:50 → 00:03:52 แต่ก็จะมีอาการยุกยิกอย่างนี้ตลอดเวลา
00:03:52 → 00:03:55 เนาะข้อที่ 2 ก็คือนั่งไม่ติดอันนี้นั่ง
00:03:55 → 00:03:57 ไม่ได้เลยต้องขอลุกเดินไปมาทั้งที่โรง
00:03:57 → 00:03:59 เรียนทั้งที่บ้านเนาะลุกออกจากโต๊ะเรียน
00:03:59 → 00:04:01 เพื่อนนั่งเรียนกันอยู่ขอลุกเดินสำรวจรอบ
00:04:01 → 00:04:04 ห้องหน่อยลุกออกจากโต๊ะกินข้าวทานข้าวยัง
00:04:04 → 00:04:07 ไม่ทันหมดเลยขอลุกไปเดินสำรวจหน่อยนิดนึง
00:04:07 → 00:04:10 นะคะข้อที่ 3 ก็คือมักจะตื่นเต้นหรือและ
00:04:10 → 00:04:13 ก็แสดงอาการที่ไม่เหมาะสมออกมาข้อที่ 4
00:04:13 → 00:04:16 ก็คือมีการเล่นเสียงดังตลอดเวลาไม่สามารถ
00:04:16 → 00:04:19 ทำงานที่จะต้องใช้ความเงียบได้เนาะทำ
00:04:19 → 00:04:22 กิจกรรมเงียบๆไม่ได้แล้วก็ข้อที่ 5 ดื้อ
00:04:22 → 00:04:25 ได้ทุกสถานการณ์ชอบวิ่งแล้วก็ปีนป่ายไป
00:04:25 → 00:04:28 ทั่วๆห้องเงี้ยนะคะซึ่งในกลุ่มนี้เนี่ย
00:04:28 → 00:04:32 ถ้าเราสำรวจหดแล้วมี 3 ข้อจากใน 5 ข้อ
00:04:32 → 00:04:35 เก็บไว้ลุ้นเหมือนเดิมใช่ใน 6 เดือนที่
00:04:35 → 00:04:39 ผ่านมานะคะมี 3 ใน 5 ข้อนี้นะคะเก็บไว้
00:04:39 → 00:04:42 ก่อนย้ำนะคะทั้ง 2 ภาวะเนาะต้องเกิดขึ้น 6
00:04:42 → 00:04:45 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้นนะคะเนาะข้อแรก 6
00:04:45 → 00:04:48 ใน 9 ข้อที่ 2 3 ใน 5 อ่ะมาดูหัวข้อที่ 3
00:04:48 → 00:04:51 ค่ะดูหัวข้อสุดท้ายอาการสุดท้ายก็จะเป็น
00:04:51 → 00:04:54 หุนหันพันธุ์แล่นนะคะเดี๋ยวดูตามไปเลยนะ
00:04:54 → 00:04:58 คะหุนหันพันแล่นนะคะก็จะมีทั้งหมด 4 ข้อ
00:04:58 → 00:05:02 ย่อยนะคะดูนะคะข้อที่ 1 ก็คือมักโผลงคำ
00:05:02 → 00:05:05 ตอบเมื่อพ่อแม่หรือคุณครูถามคำถามยังไม่
00:05:05 → 00:05:08 จบเลยยังไม่จบก็จะตอบละนี่นๆๆอ่าอะไร
00:05:08 → 00:05:11 อย่างเงี้ยนะคะข้อที่ 2 ก็คือรอคิวไม่
00:05:11 → 00:05:15 เป็นรอคอยไม่ได้นะคะข้อที่ 3 ชอบขัด
00:05:15 → 00:05:19 จังหวะชอบเอ่อสอดแทรกเวลาคนอื่นกำลังพูด
00:05:19 → 00:05:21 เวลาคุยอยู่ผู้ปกครองคุยอยู่หรือคุณครู
00:05:21 → 00:05:25 คุยกันอยู่ก็จะขอพูดแทรกหน่อยนิดนึงนะ
00:05:25 → 00:05:27 ส่วนข้อสุดท้ายก็คือพูดมากแล้วก็พูดเสียง
00:05:27 → 00:05:31 ดังนะคะใน 4 ข้อย่อยนี้เราขอแค่ในช่วง 6
00:05:31 → 00:05:35 เดือนที่ผ่านมาแค่ 1 ข้อนะคะแค่ 1 ข้อถ้า
00:05:35 → 00:05:39 ลองเช็คแล้วเด็กในปกครองของเราเนาะมีตาม
00:05:39 → 00:05:42 ตามเกณฑ์ที่เราบอกเงี้ยค่ะรบกวนไปพบคุณ
00:05:42 → 00:05:44 หมอรีบๆจองคิวเนาะคิวค่อนข้างนานนิดนึงนะ
00:05:45 → 00:05:48 คะอแต่ก็ยังมียังมีเกณฑ์การวินิจฉัยย่อยๆ
00:05:48 → 00:05:50 เพิ่มขึ้นมาอีกก็คือว่าอาการทั้ง 3 อย่าง
00:05:50 → 00:05:53 ที่เราบอกไปอ่ะค่ะจะแสดงในเด็กที่มีอายุ
00:05:53 → 00:05:58 ก่อน 7 ขวบนะคะแล้วก็แสดงในทุกสถานที่ไม่
00:05:58 → 00:06:00 ว่าจะอยู่ในที่บ้านอยู่โรงเรียนอยู่โรง
00:06:00 → 00:06:03 หนังอยู่โรงพยาบาลทุกที่เหมือนกันหมดคือ
00:06:03 → 00:06:05 มีมีอาการนี้เหมือนกันหมดไม่ใช่ว่าอยู่
00:06:05 → 00:06:07 โรงเรียนเป็นแต่อยู่ที่บ้านไม่เป็นอย่าง
00:06:07 → 00:06:09 เงี้ยค่ะหรือว่าอยู่ที่บ้านเป็นอยู่โรง
00:06:09 → 00:06:12 เรียนไม่เป็นอย่างเงี้ยค่ะเนาแล้วก็ข้อ
00:06:12 → 00:06:16 สุดท้ายก็คืออาการในข้อ 1 และข้อ 3 นะคะ
00:06:16 → 00:06:19 ทำให้เขามีปัญหาที่มีปัญหาทางด้านทักษะ
00:06:19 → 00:06:22 การเข้าสังคมแล้วก็ด้านการเรียนรู้จักโลก
00:06:22 → 00:06:25 แล้วเนาะพอที่จะคัดกรองได้ะว่าเด็กใน
00:06:25 → 00:06:28 สังกาศของเรามีภาวะสมาธิสั้นหรือเปล่าที
00:06:28 → 00:06:31 นี้เรามาดูวิธีวิธีการรักษาซึ่งวิธีการ
00:06:31 → 00:06:34 รักษาของสมาธิสั้นนะคะพบว่าไม่มีวิธีใด
00:06:34 → 00:06:38 วิธีนึงที่จะทำให้โรคเนี้ยหายขาดได้ไม่
00:06:38 → 00:06:42 ต้องตกใจเราหมายความว่าเอ่อต้องใช้วิธี
00:06:42 → 00:06:45 การรักษาที่แบบผสมผสานอ่าซึ่งวิธีแรกเลย
00:06:45 → 00:06:49 ที่พวกเราจะแนะนำเนี่ยคือการรักษาด้วยยา
00:06:49 → 00:06:53 ยา 2 ตัวที่พบได้บ่อยๆก็คือตัวของหลลเลย
00:06:53 → 00:06:57 ก็คือิทินกับคอเซนเนาะชื่อ 2 ชื่อนี้ซึ่ง
00:06:57 → 00:06:59 ยา 2 ตัวเนี้ยเป็นยาในกลุ่มเดียวกันคือ
00:06:59 → 00:07:01 กลุ่มที่ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นจะเป็นยาที่
00:07:01 → 00:07:04 ประสิทธิภาพการรักษาสูงที่สุดแล้วก็มีผล
00:07:04 → 00:07:06 ข้างเคียงน้อยที่สุดเนาะเอออาจจะเป็น 2
00:07:06 → 00:07:08 ตัวนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็น 2 ตัวนี้เนาะ
00:07:08 → 00:07:10 ที่คุณหมอจ่ายบ่อยๆเพราะฉะนั้นแต่แต่แต่
00:07:10 → 00:07:14 แต่จะไปหาซื้อในร้านขายยาทั่วไปไม่มีนะคะ
00:07:14 → 00:07:15 ต้องพบคุณหมอเท่านั้นแล้วคุณหมอเขาจะเป็น
00:07:16 → 00:07:19 คนจ่ายยาให้เองออกไปสั่งยาให้นะคะนะคะ
00:07:19 → 00:07:21 ซึ่งนอกจากที่จะให้ทานยาแล้วอย่างที่บอก
00:07:21 → 00:07:24 ไปก็คือเราต้องใช้การรักษาโดยแบบผสมผสาน
00:07:24 → 00:07:26 กันเนาะไม่ใช่แค่ทานยาอย่างเดียวแล้วจะ
00:07:26 → 00:07:29 หายเพราะว่าเมื่อเด็กทานยาแล้วทานยาทำให้
00:07:29 → 00:07:32 เคนิ่งลงนะคะแต่ว่าทานยาไม่ได้ทำให้เขาค
00:07:32 → 00:07:35 มีสมาธิไม่ทำให้ไม่ได้ทำให้เขาครู้จัก
00:07:35 → 00:07:38 วิธีการจัดการควบคุมตัวเองหรือว่าไม่ได้
00:07:38 → 00:07:40 รู้จักวิธีการที่จะทำให้ตัวเองอยู่ใน
00:07:40 → 00:07:44 สังคมได้เนาะการที่จะใช้วิธีเอ่อให้เขาค
00:07:44 → 00:07:47 เรียนรู้แบบเนี้ยค่ะก็คือผ่านการบำบัดนะ
00:07:47 → 00:07:49 คะซึ่งก็คือพวกเรานี่แหละค่ะนักกิจกรรม
00:07:49 → 00:07:51 บำบัดนะคะที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือเขา
00:07:51 → 00:07:54 ได้และก็ไม่ใช่แค่พวกเราเหมือนกันก็จะมี
00:07:54 → 00:07:56 วิธีการบำบัดอย่างอื่นอย่างเช่นดนตรี
00:07:56 → 00:08:01 บำบัดหรือศิลปะบำบัตใช่ก็ดูไปว่าเอ่อตาม
00:08:01 → 00:08:03 สภาพของเด็กแต่ละคนว่าเขาควรที่จะได้รับ
00:08:03 → 00:08:06 การบำบัดแบบไหนเนาะเพราะว่าเวิธีการบำบัด
00:08:06 → 00:08:08 ก็จะคล้ายๆกันอ่ะค่ะก็คือจะช่วยส่งเสริม
00:08:08 → 00:08:11 ทางด้านเ่อการควบคุมตัวเองนะคะการมีสมาธิ
00:08:11 → 00:08:14 จดจ่อกับงานความรับผิดชอบการจัดการตัวเอง
00:08:14 → 00:08:17 นะคะประมาณนี้เนาะส่วนวิธีการต่อไปก็คือ
00:08:18 → 00:08:21 ส่วนสุดท้ายเลยค่ะสุดท้ายเลยเด็กๆไม่ได้
00:08:21 → 00:08:24 อยู่กับเราตลอดนะคะไม่ได้อยู่กับนักบำบัด
00:08:24 → 00:08:27 ทั้งวันหรือว่าไม่ได้อยู่กับเอ่อคุณครู
00:08:27 → 00:08:30 ทั้งวันเอ่อเด็กๆได้อยู่กับผู้ปกครองนะคะ
00:08:30 → 00:08:32 ก็คือการบำบัสุดท้ายก็คือการให้การช่วย
00:08:33 → 00:08:35 เหลือจากผู้ปกครองหรือว่าคุณครูที่จะต้อง
00:08:35 → 00:08:37 ช่วยเหลือเขาทั้งเรื่องอ่าการจัดการตัว
00:08:38 → 00:08:39 เองที่บ้านทั้งเรื่องการเรียนอย่างเงี้ย
00:08:39 → 00:08:42 ค่ะอาจจะต้องผู้ปกครองจะต้องช่วยในการส่ง
00:08:42 → 00:08:44 เสริมศักยภาพของเขาให้ได้มากที่สุดด้วย
00:08:44 → 00:08:48 ต้องดูแลใส่ใจเป็นพิเศษนิดนึงเนาะใช่ค่ะ
00:08:48 → 00:08:50 นี้เป็น 3 3 การรักษาหลักๆเนาะที่เราเอา
00:08:50 → 00:08:53 มานำเสนอกันวันนี้บทบาทของนักกิจกรรม
00:08:53 → 00:08:55 บำบัดที่จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ
00:08:55 → 00:08:57 เด็กสมาธิสั้นใช่่มั้ยคะอย่างแรกเลยเนี่ย
00:08:57 → 00:08:59 เราต้องพาเด็กมาประเมินก่อนค่ะค่ะให้เห็น
00:08:59 → 00:09:02 ตัวเด็กก่อนเนาะแล้วก็คุยกับผู้ปกครองกับ
00:09:02 → 00:09:05 คุณครูว่าพฤติกรรมไหนที่ตอนนี้ที่ต้อง
00:09:06 → 00:09:08 เร่งแก้ไขมากที่สุดเงี้ยคะแล้วเราก็จะใช้
00:09:08 → 00:09:11 เอ่อเทคนิคการปรับพฤติกรรมแต่ละเทคนิค
00:09:12 → 00:09:14 แล้วแต่ค่ะว่าเด็กบางคนจะต้องใช้เทคนิค
00:09:14 → 00:09:17 ไหนยังไงเพื่อปรับพฤติกรรมเด็กแล้วก็แนะ
00:09:17 → 00:09:20 นำคุณครูกับผู้ปกครองให้ไปทำให้เป็นทิศ
00:09:20 → 00:09:22 ทางเดียวกัน
00:09:22 → 00:09:27 [เพลง]
00:09:27 → 00:09:31 ค่ะโดโดยทฤษฎีของกิจกรรมบัตเนี่ยเรามี
00:09:31 → 00:09:35 หน้าที่ที่จะไปช่วยเหลือให้แต่ละบุคคล
00:09:35 → 00:09:37 เนี่ยสามารถทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้
00:09:37 → 00:09:41 ตามศักยภาพตามตามความสุขที่แต่ละคนมีนะ
00:09:41 → 00:09:43 ครับอ่ะในเด็กสมัยสั้น 1 คนถ้าเดินมาหา
00:09:43 → 00:09:45 เราอย่างนี้เราก็จะมองแล้วว่าน้องเมี
00:09:45 → 00:09:48 ปัญหาในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตอะไร
00:09:48 → 00:09:51 หลักๆเลยเรื่องการเรียนหรือเปล่าการทำกิจ
00:09:51 → 00:09:54 ประจำวันด้วยภาวะสมาธิเขาไม่ดีใช่มั้ย
00:09:54 → 00:09:56 ครับเราก็ต้องมาดูแล้วว่าอ่ะด้วยการขาด
00:09:56 → 00:10:00 สมาธิมันบกมันส่งผลต่อการทำกิจกรรมดำเนิน
00:10:00 → 00:10:02 ชีวิตอะไรของเขาบ้างนะครับแล้วกิจกรรม
00:10:02 → 00:10:04 บัตรก็จะมาประเมินแล้วก็ให้กิจกรรมที่ไม่
00:10:04 → 00:10:08 ว่าจะเป็นการส่งเสริมสมาธินะครับกิจกรรม
00:10:08 → 00:10:12 ลดพลังงานลดแรงขับที่เขามีนะครับรวมถึง
00:10:12 → 00:10:16 กิจกรรมส่งเสริมทักษะอื่นๆที่เขาขาดไป
00:10:16 → 00:10:18 เช่นทักษะทางสังคมในการเล่นกับเพื่อนนะ
00:10:18 → 00:10:21 ครับส่งเสริมทักษะการจัดการเวลาการควบคุม
00:10:21 → 00:10:24 ตัวเองนะครับส่งเสริมความมั่นใจในตัวเอง
00:10:24 → 00:10:27 นะครับการกล้าที่จะเผชิญปัญหาทักษะการแก้
00:10:27 → 00:10:30 ไขปัญหานะครับหรือว่าปัญญหาอื่นๆที่อาจจะ
00:10:30 → 00:10:31 เกิดขึ้นในเด็กสมัยสั้นได้เช่นปัญหา
00:10:31 → 00:10:33 เรื่องของกล้ามเนื้อการเขียนการรสายตาแล
00:10:33 → 00:10:36 กิจกรบัตรก็จะมีวิธีเฉพาะในการประเมิน
00:10:36 → 00:10:39 หรือว่าให้การช่วยเหลือทุกๆปัญหาที่กล่าว
00:10:39 → 00:10:42 มาครับกิจกรรมบำบัดคืออะไรนะครับชื่อก็
00:10:42 → 00:10:44 บอกอยู่แล้วว่ากิจกรรมนะครับเดี๋ยวผม
00:10:44 → 00:10:47 อธิบายง่ายๆเลยก็คือถ้ามีใครสักคนนึง
00:10:47 → 00:10:49 เนี่ยที่เขาไม่สามารถทำกิจกรรมการดำเนิน
00:10:50 → 00:10:52 ชีวิตนั้นได้นะครับแบ่งเป็นกรุ๊ปหน่อยก็
00:10:52 → 00:10:55 คืออาจจะมีกิจวัตประจำวันนะครับการทำงาน
00:10:55 → 00:10:59 การเรียนนะครับการพักผ่อนการใช้เวลาว่าง
00:10:59 → 00:11:03 นะครับเมื่อใดที่มีคนนะครับที่ทำกิจกรรม
00:11:03 → 00:11:06 เหล่านี้ไม่ได้เนี่ยไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็
00:11:06 → 00:11:09 ตามเนี่ยนักกิจกรรมบำบัดจะเข้าไปมีบทบาท
00:11:09 → 00:11:11 สำคัญในการที่จะช่วยเหลือให้เขาทำกิจกรรม
00:11:11 → 00:11:15 นั้นได้ผ่านกิจกรรมเหมือนกันอ่ายกตัว
00:11:15 → 00:11:18 อย่างเช่นในภาพเด็กน้อยท่านนี้กำลังทำ
00:11:18 → 00:11:22 อะไรอยู่ครับทานข้าวเป็นกิจวัตประจำวัน
00:11:22 → 00:11:25 อย่างนึงที่ทุกคนจะต้องทำอย่างน้อยวันละ 3
00:11:25 → 00:11:27 ครั้งใช่ไหมครับใช้คำว่าอย่างน้อยนะครับ
00:11:27 → 00:11:30 บางท่านมีมากกว่านั้นอ่าถ้าเด็กคนนี้
00:11:30 → 00:11:33 กล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรงเขาจะกินข้าวได้
00:11:33 → 00:11:37 มยไม่ได้ถ้าเค้ากลืนแล้วสำลักเขาจะกิน
00:11:37 → 00:11:42 ข้าวได้มครับไม่ได้เนาะถ้าสายตาเเรือนราง
00:11:42 → 00:11:46 เขาจะกินข้าวได้ไมครับไม่ได้อ่านกิจกรรม
00:11:46 → 00:11:49 บาทจะมององค์ประกอบในการทำกิจกรรมเหล่า
00:11:49 → 00:11:51 นี้แล้วให้กิจกรรมที่จะอ้าวกิจกรรมอะไรดี
00:11:51 → 00:11:53 เสริมสร้างกล้ามเนื้อมือกิจกรรมอะไรดีไป
00:11:53 → 00:11:55 กระตุ้นกลืนน้องอย่างเงี้ยครับเพื่อส่ง
00:11:55 → 00:11:58 เสริมให้น้องคนนี้เขาทานข้าวได้นั่นแหละ
00:11:58 → 00:12:01 ครับคืองานของกิจกกรรมบำบัดพอเข้าใจคร่าว
00:12:01 → 00:12:04 ๆมั้ครับนะครับโดยเราเนี่ยจะมีพื้นฐานคือ
00:12:04 → 00:12:08 ยึดเอาตามบริบทความต้องการแล้วก็ความสุข
00:12:08 → 00:12:11 พื้นฐานของแต่ละคนไปนะครับเช่นบางทีมี
00:12:11 → 00:12:16 อาม่าอายุ 6 อายุ 70 ละอะท่านท่านชรามาก
00:12:16 → 00:12:18 ละความจำเสื่อมอย่างเงี้ยครับตัวท่านเอง
00:12:18 → 00:12:21 เนี่ยอาจจะไม่ได้ต้องการอยากจะไปนั่งทำ
00:12:21 → 00:12:23 งานแล้วใช่มั้ยครับแต่ลูกหลานยังต้องการ
00:12:24 → 00:12:25 แล้วให้เรามาฝึกเนี่ยบางทีเราก็อาจจะไม่
00:12:25 → 00:12:28 อยากฝึกเนาะเพราะเรามองคนไข้เป็นหลักมอง
00:12:28 → 00:12:30 ผู้รับบริการเป็นหลักถ้าถ้าส่งเสริมให้
00:12:30 → 00:12:32 เค้าทำกิจกรรมน้าได้แล้วแล้วเไม่มีความ
00:12:32 → 00:12:34 สุขก็ไม่มีประโยชน์จริงมั้ยครับนะครับ
00:12:34 → 00:12:37 บริบทอื่นๆก็เลยมีผลสำคัญในการช่วยเหลือ
00:12:37 → 00:12:40 ด้วยนะครับกิจกรรมบำบัติเรายังทำในผู้รับ
00:12:40 → 00:12:42 บริการหลายๆฝ่ายนะครับเช่นเป็นหลักเลย
00:12:42 → 00:12:45 กระตุ้นกลืนเคยเห็นผู้ป่วยอำภภาที่ใส่สาย
00:12:45 → 00:12:48 มั้ครับส่สายอาหารที่ต้องต้องเค้าเรียก
00:12:48 → 00:12:51 ว่าฟีดให้อาหารทางทางสายยาอย่างเงี้ยครับ
00:12:51 → 00:12:54 เราก็จะมาฟื้นฟูสภาพในการฝึกฝึกฝึกการ
00:12:54 → 00:12:57 กลืนนะครับหรือว่าในเด็กที่มีพัฒนาการล่า
00:12:57 → 00:12:59 ช้านะครับแล้วก็จะจัดกิจกรรมเพื่อส่ง
00:12:59 → 00:13:02 เสริมพัฒนาการรอบด้านนะครับหรือว่าในภาพ
00:13:02 → 00:13:04 นี้นะครับผู้รับบริการที่มีปัญหาเรื่อง
00:13:04 → 00:13:07 เกี่ยวกับความจำความคิดนะครับหรือกลุ่ม
00:13:07 → 00:13:10 อัลไซเมอร์เนี่ยเราก็จะมีกิจกรรมในการ
00:13:10 → 00:13:12 ฟื้นฟูหรือว่าคงไว้ซึ่งความสามารถในการทำ
00:13:13 → 00:13:16 งานของสมองนะครับและสุดท้ายอ่าที่เราเป็น
00:13:16 → 00:13:18 พระเอกของงานวันนี้นะครับคือในกลุ่มเด็ก
00:13:18 → 00:13:21 สมาธิสั้นนะครับแล้วก็จะมาวิเคราะห์ปัญหา
00:13:21 → 00:13:23 แล้วก็จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมหรือว่าแก้
00:13:23 → 00:13:26 ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในตัวของน้องๆนะครับ
00:13:26 → 00:13:28 กิจกรรมบาตเกสมาิสัเนี่ยเหมือนที่บอกนะ
00:13:28 → 00:13:30 ครับครับเรามีหน้าที่ในการประยุกต์นะครับ
00:13:30 → 00:13:33 และวิเคราะห์กิจกรรมต่างๆเพื่อกระตุ้นให้
00:13:33 → 00:13:36 เด็กมีการควบคุมตัวเองจัดการตัวเองแล้วก็
00:13:36 → 00:13:40 ส่งเสริมสมาธิให้ดีขึ้นรวมถึงปัญหาต่างๆ
00:13:40 → 00:13:43 ที่อาจเกิดตามมาเป็นขบวนเมื่อเด็กคนนั้น
00:13:43 → 00:13:45 เป็นสมาธิสั้นนอกจากนี้ก็จะเป็นข้อมูลที่
00:13:45 → 00:13:48 สำคัญคือการสัมภาษณ์ผู้ปกครองคนดูแลเด็ก
00:13:48 → 00:13:50 หรือว่าฝากคุณแม่ไปถามคุณครูให้หน่อยว่า
00:13:50 → 00:13:53 น้องๆน้องมีปัญหาอะไรมงเมื่ออยู่ที่บ้าน
00:13:53 → 00:13:55 อยู่ที่โรงเรียนนะครับหรือการประเมิน
00:13:55 → 00:13:57 พฤติกรรมซึ่งเดี๋ยววันนี้เราก็จะคุยกันใน
00:13:57 → 00:14:00 หัวข้อนี้ด้วยนะครับในการปรับพฤติกรรม
00:14:00 → 00:14:02 น้องนะครับหรือว่าการประเมินเฉพาะทางโดย
00:14:02 → 00:14:05 มีแบบประเมินมาตรฐานนะครับเช่นการรับรู้
00:14:05 → 00:14:08 ทางสายตานะครับประเมินการรับความรู้สึก
00:14:08 → 00:14:10 หรือว่า SI นะครับที่ท่านเคยคุ้นหูกัน
00:14:10 → 00:14:13 หรือว่าความสามารถในการเขียนทักษะอะไรที่
00:14:13 → 00:14:16 มันจำเป็นในการเขียนของน้องนะครับนัก
00:14:16 → 00:14:19 กิจการบำบัดเนี่ยก็จะวางแผนการการการ
00:14:19 → 00:14:21 บำบัดหรือว่าการฝึกของน้องนะครับตามปัญหา
00:14:21 → 00:14:24 ที่ได้มานะครับซึ่งเดี๋ยววันนี้นะครับเรา
00:14:24 → 00:14:28 จะเน้น 2 ทฤษฎีหลักคือทฤษฎี sii แล้วก็
00:14:28 → 00:14:29 การปรับพฤติกรรม
00:14:29 → 00:14:32 นะครับ SI หรือ sensory integration นะ
00:14:32 → 00:14:35 ครับแปลเป็นไทยว่าการบูรณาการประสาทความ
00:14:35 → 00:14:38 รู้สึกการะความรู้สึกมีกี่อย่างครับทุก
00:14:38 → 00:14:41 ท่าน 5 อย่างหรือที่ทุกคนอาจจะเคยได้ยิน
00:14:41 → 00:14:43 ว่าประสาทสัมผัสทั้ง 5 นะครับแต่ที่นี้
00:14:43 → 00:14:45 เราไม่อยากใช้คำว่าสัมผัสเพราะสัมผัสแล้ว
00:14:45 → 00:14:48 มันคือตัวย่อยอันนึงคือจากผิวหนังนะครับ
00:14:48 → 00:14:50 ดังนั้นเดี๋ยวเราจะใช้คำว่าการรับความรู้
00:14:50 → 00:14:52 สึกทั้ง 5 ด้านอ่ะมีอะไรมั่งครับทุกท่าน
00:14:52 → 00:14:56 ครับมีมือมือนี่คือผิวหนังนะครับไม่ใช่
00:14:56 → 00:15:00 แต่มือนะครับหลังมือหลังเราผิวหนังทั้ง
00:15:00 → 00:15:02 หมดร่างกายเนี่ยคือการรับความสัมผัสหมด
00:15:02 → 00:15:06 อ่ะอันที่ 2 ครับตานะครับการมองเห็นอัน
00:15:06 → 00:15:10 ที่ 3 รับรสนะครับก็จะเป็นพวกในช่องปากนะ
00:15:10 → 00:15:13 ครับลิ้นคนลิ้นนะครับ
00:15:13 → 00:15:18 อ่ะจมูกแล้วก็หูอ่าอันนี้คือ 5 ด้านที่
00:15:18 → 00:15:21 ที่ทุกท่านรู้เกี่ยวกับเรื่องของระบบรับ
00:15:21 → 00:15:24 ความรู้สึกนะครับแต่เดี๋ยว SI เราพิเศษ
00:15:25 → 00:15:27 หน่อยเดี๋ยวผมจะเรียกการบูรณาการภษาเราค
00:15:27 → 00:15:29 รู้สึกว่า sii เลยนะครับเดี๋ยวเข้าใจตรง
00:15:29 → 00:15:31 กันพๆกันเลยครับมันฟังง่ายดีเนาะอ่ะ SI
00:15:31 → 00:15:33 เราจะเพิ่มมาอีก 2 อันเมื่อกี้ที่ทุกท่าน
00:15:34 → 00:15:38 ดูมีการได้ยินนะครับการรับลดการดมกลิ่น
00:15:38 → 00:15:40 การมองเห็นแล้วก็ผิวสัมผัสนะครับแต่
00:15:40 → 00:15:43 เดี๋ยวมีวงกลมสีแดงนี้ 2 อันอ้า
00:15:43 → 00:15:47 vestibular ทุกท่านรู้จักมครับแปลว่า
00:15:47 → 00:15:51 ระบบการทรงท่าอันนี้คือ n ข้อต่อและกล้าม
00:15:51 → 00:15:53 เนื้ออันนี้คือการรับความรู้สึก 7 ด้าน
00:15:53 → 00:15:57 ที่ SI เขาวิเคราะห์มาเพิ่มมากขึ้นอ่า
00:15:57 → 00:16:00 เข้าใจตรงกันนะครับตอนนี้เราเพิ่มคุณระบบ
00:16:00 → 00:16:04 การทรงท่าแล้วก็ระบบเอข้อต่อและกล้าม
00:16:04 → 00:16:08 เนื้อมานะครับเป็น 7 ด้านแล้วนะครับดัง
00:16:08 → 00:16:12 นั้นเรามารู้จัก SI กันจริงๆได้หรือยัง
00:16:12 → 00:16:15 ครับอ่ะ sii เนี่ยเขาบอกว่ามันเป็นการที่
00:16:15 → 00:16:18 ร่างกายเราเนี่ยรับข้อมูลจากสิ่งเล้าทั้ง
00:16:18 → 00:16:21 7 ด้านเนี่ยเข้ามาเสร็จปุ๊บสมองเนี่ยเขา
00:16:21 → 00:16:25 มีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนะครับจัด
00:16:25 → 00:16:29 ระเบียบข้อมูลแปรผลข้อมูลบูรณาการข้อมูล
00:16:29 → 00:16:32 ต่างๆที่เข้ามาทั้ง 7 ด้านเนี่ยแล้วส่งผล
00:16:32 → 00:16:35 ออกมาเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อการดำเนิน
00:16:35 → 00:16:39 ชีวิตของพวกเราทุกคนยกตัวอย่างครับเด็ก
00:16:39 → 00:16:42 น้อยโดนคุณพ่อคุณแม่กอดอยู่ถ้าเรากอดกัน
00:16:42 → 00:16:45 เนี่ยกอดกันเฉยๆเนี่ยมันได้รับความรู้สึก
00:16:45 → 00:16:49 ผ่านอะไรครับผิวสัมผัสเนาะเราจะรู้สึกยัง
00:16:49 → 00:16:53 ไงเวลาเรากอดกันอุ่นเออรู้สึกแบบผิวหนัง
00:16:53 → 00:16:56 เธอหยาบจังเลยอ่ะผิวหนังเธอนุ่มจังเลยอัน
00:16:56 → 00:16:58 คือแค่ผิวหนังใช่มั้ยครับแต่ถ้าเกิดเป็น
00:16:58 → 00:17:00 ในเชิงของไเนี่ยการบูรณาการเนี่ยเหมือน
00:17:00 → 00:17:03 สมองอ่ะเขาจะเก็บข้อมูลไปเกี่ยวกับผิว
00:17:03 → 00:17:05 สัมผัสเขก็เลยจะบอกว่าเด็กคนไหนเนี่ยที่
00:17:05 → 00:17:09 ได้รับการกอดการได้รับการกอดจากแม่เวลา
00:17:09 → 00:17:12 ให้นมการอุ้มการโอ๋อย่างเงี้ยครับจะช่วย
00:17:12 → 00:17:14 ส่งเสริมให้เด็กเนี่ยรู้สึกอบอุ่นความ
00:17:14 → 00:17:17 สัมพันธ์ของพ่อแม่ดีขึ้นช่วยเรื่องของการ
00:17:17 → 00:17:20 ดูดการรับประทานอาหารอันเนี้ยคือเรื่อง
00:17:20 → 00:17:23 ของ SI ละเพราะสมองมันบูรณาการจากการรับ
00:17:23 → 00:17:26 ความรู้สึกผิวสัมผัสไปแล้วแสดงออกเป็น
00:17:26 → 00:17:29 พฤติกรรมอันนี้เป็นพฤติกรรมที่ซับซ้อนมาก
00:17:29 → 00:17:33 ขึ้นพอเข้าใจมั้ยครับซึ่งถ้าท่านให้มา
00:17:33 → 00:17:35 เป็นนักกิจกรรมบำบัดท่านก็จะได้เรียนว่า
00:17:35 → 00:17:37 การรับความรู้สึกนี้กับความรู้สึกนี้
00:17:37 → 00:17:40 เมื่อได้รับรวมกันจะส่งผลต่อพฤติกรรมใด
00:17:40 → 00:17:42 การได้รับความรู้สึก 3 อย่างนี้ได้รับรวม
00:17:42 → 00:17:45 กันจะส่งผลต่อพฤติกรรมใดอย่างเงี้ครับจะ
00:17:45 → 00:17:47 เป็นอะไรที่ซับซ้อนเพราะว่ามันเป็นการ
00:17:47 → 00:17:51 บูรณาการใช่มั้ยครับอ่ะสรุปเลยว่า 3 การ
00:17:51 → 00:17:55 รับความรู้สึกนี้คือการ
00:17:55 → 00:17:59 สัมผัสการทรงท่าและการรับรู้ผ่าน n ข้อ
00:17:59 → 00:18:02 ต่อและกล้ามเนื้อเนี่ยเมื่อเด็กได้รับการ
00:18:02 → 00:18:05 กระตุ้นจาก 3 ความรู้สึกนี้นะครับจะช่วย
00:18:05 → 00:18:10 ส่งผลในเรื่องของสมาธิการจดจ่อในการทำงาน
00:18:10 → 00:18:15 นะครับช่วงความสนใจก็คือพวกเราทุกคนเนี่ย
00:18:15 → 00:18:17 ได้รับ sii ตั้งแต่เกิดแหละครับตั้งแต่
00:18:17 → 00:18:20 แม่เราอุ้มเราทานนมเรานอนเปยเราไกวเราได้
00:18:20 → 00:18:21 ระบบการทรงท่าใช่มครับเราวิ่งเล่นกับ
00:18:22 → 00:18:26 เพื่อนเราได้โอซีแม่ดูยออกไปเราได้การได้
00:18:26 → 00:18:28 ยินนะครับเราฟังเพลงเราได้การได้ยินเรา
00:18:28 → 00:18:30 มองเราเหเห็นภาพแส่งสีเสียนู่นโตมาเป็น
00:18:30 → 00:18:32 พวกเราทุกคนนี้เพราะพวกเราระบบการ
00:18:32 → 00:18:36 บูรณาการความรู้สึกเรารับม้าเราโอเคเหมาะ
00:18:36 → 00:18:41 สมนะครับแต่ก็จะมีเด็กที่ sii บกพร่อง
00:18:41 → 00:18:45 เพราะอะไรเพราะสมองเา้าเนี่ยการบูรณาการ
00:18:45 → 00:18:47 เนี่ยมันไม่ได้เหมือนพอรับไปแล้วการจัด
00:18:47 → 00:18:50 ระเบียบข้อมูลการแปรผลเนี่ยไม่ดีมันเลยทำ
00:18:50 → 00:18:53 ให้เด็กแสดงพฤติกรรมที่บกพร่องออกมาซึ่ง
00:18:53 → 00:18:55 พฤติกรรมที่บกพร่องมันจะแบ่งเป็น 3 ด้าน
00:18:55 → 00:18:59 นะครับอันแรกคือ Over Response
00:18:59 → 00:19:02 ก็คือการแสดงออกที่มากกว่าปกติหรือเด็กคน
00:19:02 → 00:19:06 ไหนที่เดินทรายไม่ได้เดินหญ้าไม่ได้เลย
00:19:06 → 00:19:09 อ่าเพราะผิวสัมผัสเขารับแล้วเป็นไง
00:19:09 → 00:19:13 วอรใช่ไหมครับทำไมคนปกติทำได้แล้วเขาทำ
00:19:13 → 00:19:17 ไม่ได้อันเนี่ยคือวอรนะครับคือการแสดงออก
00:19:17 → 00:19:19 มากกว่าผีปกติได้ยินเสียงลูกโป่งถูกกัน
00:19:19 → 00:19:23 แล้วหืไม่ได้เลยได้ยินโฟมถูกกันแล้วอืไม่
00:19:23 → 00:19:27 ได้เลยหรือประเภทที่ขับรถยังไม่ออกนอกเขต
00:19:27 → 00:19:31 หมู่บ้านเลยเวียนหัวอ้วกละขอยาแก้มเมารส
00:19:31 → 00:19:35 อันเนี่ยคือ Over respond นะครับต่อไป
00:19:35 → 00:19:39 คือ Under respond ก็คือแสดงออกมาต่ำ
00:19:39 → 00:19:42 เหลือเกินนะครับอาจจะพบในในกลุ่มเพื่อน
00:19:42 → 00:19:44 เราที่รู้สึกว่าเขาหัวเราะไปนานแล้วทำไม
00:19:44 → 00:19:48 คนนี้ยังเฮ้ยเอาไงกับเธอดีเนี่ยนะครับ
00:19:48 → 00:19:53 หรือพวกกินเผ็ดมากๆแล้วไม่รู้สึกเผ็ดอื
00:19:53 → 00:19:56 อย่างเงี้แหละคือการตอบสนองที่ต่ำกว่า
00:19:57 → 00:20:02 ปกติแล้วสุดยใช้น่ากลัวสุด seing กลุ่ม
00:20:02 → 00:20:05 นี้จะเป็นกลุ่มแสวงหาคือฉันยังไม่ได้รับ
00:20:05 → 00:20:08 หรอกฉันไม่รู้ว่าฉันแสดงออกมากหรือน้อย
00:20:08 → 00:20:11 แต่ฉันต้องการเช่นใครบ้าง
00:20:11 → 00:20:15 ที่สมัยเรียนต้องกัดดินสอทุกวันนี้นั่งทำ
00:20:15 → 00:20:19 งานต้องกระดิกเท้าอ้าอันเนคือเราไม่รู้
00:20:19 → 00:20:24 ตัวนะครับมันเป็นการแสวงหาของเราใครที่
00:20:24 → 00:20:27 เวลาทำงานต้องเปิดเพลงต้องได้รับการฟัง
00:20:27 → 00:20:29 เพลงรู้สึกว่าสมองมันจะปลอดโปร่งอย่าง
00:20:29 → 00:20:33 เงี้ยครับคือภาวะบกพร่องที่เรียกว่า seing
00:20:33 → 00:20:37 อย่างพวกกระดิกเท้าก็คือได้อะไรครับเอ็น
00:20:37 → 00:20:40 ข้อต่อะกล้ามเนื้อใช่ไหมยครับอ่ากัดกัด
00:20:40 → 00:20:42 นี่ก็ถือว่าเป็นเอข้อต่อนะครับเป็นพวก
00:20:42 → 00:20:44 กล้ามเนื้อในช่องปากที่ต้องกัดนะครับแต่
00:20:44 → 00:20:47 ถามว่าเมื่อบกพร่องแล้วเราจะดำเนินชีวิต
00:20:47 → 00:20:50 ต่อไปได้ไมไม่ขนาดนั้นเพราะพวกเราทุกคน
00:20:50 → 00:20:54 บางคนก็เป็นนะครับแต่ถ้าในเด็กกลุ่มสมาธิ
00:20:54 → 00:20:57 สั้นเนี่ยที่มีปัญหาปุ๊บเนี่ยมันส่งผลแน่
00:20:57 → 00:21:00 นอนเพะเพราะด้วยภาวะโลกก็ไม่ดีแล้วยังมี
00:21:00 → 00:21:03 ปัญหาพวกนี้ซับซ้อนอีกใช่ไหมครับโดยส่วน
00:21:03 → 00:21:05 ใหญ่เราจะพบเด็กสมสร้าอยู่ในกลุ่มนี้ครับ
00:21:05 → 00:21:09 คือกลุ่ม seeking ทำไมน้องถึงอยู่ไม่สุด
00:21:09 → 00:21:12 ต้องวิ่งตลอดเวลาชอบจริงอะไรที่ต้อง
00:21:12 → 00:21:15 เหวี่ยงหัวไปเหวี่ยงหัวมาชอบเอามือถู
00:21:15 → 00:21:19 กำแพงนอนเอาหน้าถูพื้นเพราะว่าเขาต้องการ
00:21:19 → 00:21:23 มากเป็นพิเศษใช่มครับดังนั้นเดี๋ยวเราจะ
00:21:23 → 00:21:25 มาช่วยกันแต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กสมัย
00:21:25 → 00:21:28 คริสตันทุกคนจะมีปัญหาเรืื่องเรื่องในตัว
00:21:28 → 00:21:31 แสวงหาอย่างเดียวนะครับอาจจะมีปัญหาอื่นๆ
00:21:31 → 00:21:34 ด้วยอาจจะเป็นแสดงมากออกไปมากกว่าปกติ
00:21:34 → 00:21:36 น้อยกว่าปกติก็ได้นะครับทางที่ดีเนี่ยควร
00:21:36 → 00:21:39 เดินทางมาพบนักกิจกรรมบำบัดการประเมิน
00:21:39 → 00:21:41 เนี่ยมันละเอียดมากกว่าสังเกตเยอะครับมัน
00:21:41 → 00:21:44 จะมีแบบประเมินมีท่าทางให้น้องทำนะครับ
00:21:44 → 00:21:47 สำหรับการรักษาหรือว่าการให้การช่วยเหลือ
00:21:47 → 00:21:50 หรือการดูแลเด็กสมัยสั้น 1 คนนะครับถ้า
00:21:50 → 00:21:52 แนะนำเนี่ยผมก็จะแนะนำอยู่ 3 ด้านนะครับ
00:21:52 → 00:21:55 ด้านแรกคือการพบคุณหมอนะครับการพบคุณหมอ
00:21:55 → 00:21:58 เนี่ยคุณหมอจะมีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัย
00:21:58 → 00:22:01 โรคนะคะว่าน้องเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่
00:22:01 → 00:22:03 เป็นนะครับแล้วก็อีกบทบาทนึงก็คือคุณหมอ
00:22:03 → 00:22:06 จะให้คำแนะนำคุณพ่อคุณแม่ว่าจะจัดการยัง
00:22:06 → 00:22:08 ไงต่อเมื่อน้องคนนั้นเป็นสมาธิสั้นรวมถึง
00:22:09 → 00:22:12 การให้ยานะครับซึ่งยาเนี่ยมันจะไปช่วยใน
00:22:12 → 00:22:14 เรื่องของการควบคุมสมาธิให้น้องดีขึ้นนะ
00:22:14 → 00:22:17 ครับซึ่งการให้ยาเนี่ยก็จะมีวิธีของคุณ
00:22:17 → 00:22:19 หมอนะครับคุณหมอก็จะมีวิธีในการตัดสินใจ
00:22:20 → 00:22:22 ว่าเด็กแต่ละคนเนี่ยควรได้ยาหรือว่าไม่
00:22:22 → 00:22:25 ได้รับยานะครับในส่วนที่ 2 เนี่ยเมื่อ
00:22:25 → 00:22:27 เด็กเป็นสมาธิสั้นอย่างเงี้ยครับก็จะต้อง
00:22:27 → 00:22:31 ทำการบำบัดนะครับบำบัดหรือการฝึกทักษะ
00:22:31 → 00:22:33 ต่างๆนะครับเพราะการให้ยาเนี่ยจะช่วย
00:22:33 → 00:22:35 เรื่องของสมาธิแต่บางทีการให้ยาไม่ได้
00:22:36 → 00:22:38 ช่วยให้เด็กพัฒนาการกล้ามเนื้อดีขึ้นไม่
00:22:39 → 00:22:42 ได้ทำให้เด็กมีการตัดสินใจวางแผนการจัด
00:22:42 → 00:22:44 การเวลาดีขึ้นอย่างเงี้ยครับดังนั้นเด็ก
00:22:44 → 00:22:46 ก็อาจจะต้องมีการบำบัดหรือการฝึกอื่นๆ
00:22:46 → 00:22:48 เพิ่มด้วยนะครับในที่นี้ก็คือยกตัวอย่าง
00:22:48 → 00:22:51 เช่นการฝึกกิจกรรมบำบัดนะครับแล้วก็อัน
00:22:51 → 00:22:54 ที่ 3 ที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการดูแล
00:22:54 → 00:22:56 อย่างใกล้ชิดกับบุคคลที่ใกล้ชิดเด็กเองนะ
00:22:56 → 00:22:59 ครับไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองคุณพ่อคุณแม่
00:22:59 → 00:23:01 หรือว่าคุณครูที่โรงเรียน
00:23:01 → 00:23:07 [เพลง]
00:23:07 → 00:23:10 ครับรูปแบบในการจัดกิจกรรมในปีนี้นะครับ
00:23:10 → 00:23:12 เราได้จัดเป็น 2 ส่วนนะครับส่วนแรกจะเป็น
00:23:12 → 00:23:15 เชิงของการบรรยายนะครับก็จะเป็นการบรรยาย
00:23:15 → 00:23:17 โดยทีมของนักกิจกรรมบำบัดนะครับจะเป็นอ
00:23:17 → 00:23:20 บรรยายเรื่องของเชิงทฤษฎีนะครับเรื่องแบบ
00:23:20 → 00:23:22 สมยสั้นคืออะไรนะครับการช่วยเหลือเด็ก
00:23:22 → 00:23:25 สมาิสั้นนะครับการบำบัดเด็กสมสั้นใช้อะไร
00:23:25 → 00:23:27 นะกิจกบำบัติจะช่วยเหลือยังไงนะครับแล้ว
00:23:27 → 00:23:29 ก็ในส่วนของเครึ่องหลังเนี่ยจะเป็น
00:23:29 → 00:23:31 กิจกรรมคล้ายๆเราอยาก workshop เราก็จะ
00:23:31 → 00:23:33 ดึงประเด็นหลักในประสบการณ์การทำงานใน
00:23:33 → 00:23:35 เด็กสิสั้นของนักกิจกรรมบำบัดนะครับขึ้น
00:23:36 → 00:23:38 มา 3 ประเด็นแล้วก็จะมีนักกิจการบำบัติ
00:23:38 → 00:23:40 อยู่ประจำเหมือนเป็นฐานแล้วก็แบ่งผู้เข้า
00:23:40 → 00:23:43 ร่วมอบรมเนี่ยแบ่งเป็น 3 กลุ่มเข้าแต่ละ
00:23:43 → 00:23:45 ฐานไปเวียนฐานอย่างเงี้ยครับเพื่อเพื่อ
00:23:45 → 00:23:47 อะไรเพราะเรามองว่าเราอยากให้เป็นเหมือน
00:23:47 → 00:23:50 กลุ่มเล็กๆให้มีการแชร์กันได้มีการพูดคุย
00:23:50 → 00:23:53 สอบถามแบบแบบเข้าใจกันมากขึ้นใน 3 ปัญหา
00:23:53 → 00:23:55 หลักนี้อ่ะครับเด็กสมาธิสั้นที่บกพร่องใน
00:23:55 → 00:23:58 เรื่องของกล้ามเนื้อมือนะคะและเอ่อในใน
00:23:58 → 00:24:00 เรื่องของการใช้กล้ามเนื้อมัดเลล็กเนาะก็
00:24:00 → 00:24:03 ตรงเนี้ยค่ะพื้นหาของเขาเลยก็คือการใช้
00:24:03 → 00:24:05 กล้ามเนื้อมัดเลล็กหรือการใช้กล้ามเนื้อ
00:24:05 → 00:24:07 มือเนี่ยมันต้องใช้มันเป็นกิจกรรมที่ต้อง
00:24:07 → 00:24:10 ใช้สมาธิหรือการจดจ่อมากเลยทำให้เด็กที่
00:24:10 → 00:24:12 มีภาวะสมาธิสั้นเนี่ยความค้องแค้่ของการ
00:24:12 → 00:24:14 ใช้มือเนี่ยลดน้อยลงหรือว่ามีกำลังกล้าม
00:24:14 → 00:24:17 เนื้อมือน้อยลงอย่างเช่นง่ายๆคือเขาไม่
00:24:17 → 00:24:19 สามารถที่จะติดกระดุมหรือแกะกระดุมของตัว
00:24:19 → 00:24:22 เองได้หรือบางทีบางคนความคองแค้่ของการ
00:24:22 → 00:24:25 ใช้มือไม่มีอย่างเงี้ยค่ะทำให้เอ่อไม่
00:24:25 → 00:24:28 สามารถดึงเอ่อหนังยางยืดออกจากถุงได้ได้
00:24:28 → 00:24:31 หรือว่าไม่สามารถที่จะหยิบจับสิ่งของชิ้น
00:24:31 → 00:24:33 เล็กๆได้อย่างคล่แค้วหรือในเรื่องของเอ่อ
00:24:33 → 00:24:36 กล้ามเนื้อมือที่ไม่มีแรงอย่าเงี้ยค่ะก็
00:24:36 → 00:24:38 จะทำให้เขาเหมือนจับของได้ไม่มั่นคงหรือ
00:24:39 → 00:24:41 ว่าของหล่นหรือตกมือบ่อยเงี้ยค่ะในที่
00:24:41 → 00:24:44 เด่นๆในเด็กสมาธิสั้นที่จะมีปัญหาในด้าน
00:24:44 → 00:24:48 นี้นะคะในกลุ่มของเรานะคะก็จะพูดด้านเอ่อ
00:24:48 → 00:24:51 หลักๆเลย 3 เรื่องนะคะเรื่องที่ 1 จะเป็น
00:24:51 → 00:24:53 เรื่องเกี่ยวกับปัญหาด้านการเขียนและ
00:24:53 → 00:24:56 ปัญหาของกล้ามเนื้อมัดเล็กเนาะแล้วก็ด้าน
00:24:56 → 00:24:59 ที่ 2 ก็คือปัญญหา
00:24:59 → 00:25:02 การรับรู้ทางสายตานะคะแล้วอย่างที่ 3 ก็
00:25:02 → 00:25:05 คือปัญหา LD หรือปัญหาการบกพร่องการบก
00:25:05 → 00:25:09 พร่องทางการเรียนรู้ทำไมเด็กที่มีภาวะ
00:25:09 → 00:25:11 สมาธิสั้นของเราเนี่ยถึงมีปัญหาด้านการ
00:25:11 → 00:25:14 เขียนหรือการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมากมีไ
00:25:14 → 00:25:17 คะเป็นไคะเป็นเนาะตนี้อาจจะเป็นปัญหาที่
00:25:18 → 00:25:20 พบเจอได้บ่อยๆเลยเมื่อตอนเด็กๆมีใครไม่
00:25:20 → 00:25:23 คลานบ้างไหคะลูกเราไม่
00:25:23 → 00:25:29 คลานเกาะเออคืบๆแล้วก็ยืนเลยเดินเลย
00:25:29 → 00:25:32 อ่ะอาจจะยังไม่มีเนาะแต่ว่าที่เราเห็น
00:25:32 → 00:25:34 บ่อยๆเลยก็คือเด็กไม่ค่อยคลานตรงเนี้ย
00:25:34 → 00:25:37 ธรรมชาติพัฒนาการให้ธรรมชาติสร้างให้เรา
00:25:37 → 00:25:40 มาว่าต้องคลานการคลานเนี่ยช่วยให้กกล้าม
00:25:40 → 00:25:43 เนื้อหัวไหล่ของเขาได้ช่วยให้เอ่อเขา
00:25:43 → 00:25:45 เรียกว่ากล้ามเนื้อบริเวณตั้งแต่ไหล่ลงมา
00:25:45 → 00:25:48 จนถึงแขนจนถึงมือเนี่ยมีความแข็งแรงหรือ
00:25:48 → 00:25:50 ว่าได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมอย่างครบ
00:25:50 → 00:25:53 ถ้วนซึ่งถ้าเด็กที่ไม่ได้ไม่คลานตั้งแต่
00:25:53 → 00:25:55 เด็กๆอย่างเงี้ยค่ะอาจจะทำให้การพัฒนาการ
00:25:55 → 00:25:58 ของกล้ามเนื้อตรงเมันมันช้าไปหรือว่าได้
00:25:58 → 00:26:01 อย่างไม่เต็มที่เนาะการกระตุ้นเอ็นข้อต่อ
00:26:01 → 00:26:03 ก็ช่วยทำให้เขาเอ่อมีกำลังกล้ามเนื้อ
00:26:03 → 00:26:05 เพิ่มเติมมากขึ้นด้วยเนาะเอาดูเรื่อง
00:26:06 → 00:26:08 ปัญหาของเรื่องกับการเขียนก่อนว่ากับและ
00:26:08 → 00:26:10 กล้ามเนื้อมัดเล็กว่าแล้วอ่ะก็คลานนี่
00:26:10 → 00:26:13 แล้วทำไมถึงโตมาถึงกล้ามเนื้อก็ไม่ดี
00:26:13 → 00:26:16 เหมือนเดิมการที่ใช้กล้ามเนื้อเมล็กเนี่ย
00:26:16 → 00:26:18 กิจกรรมที่จะต้องใช้กล้ามเนื้อเมล็กเนี่ย
00:26:18 → 00:26:21 เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิและการจดจ่อ
00:26:21 → 00:26:23 มากเป็นพิเศษเนาะอย่างเช่นกิจกรรมการ
00:26:23 → 00:26:25 เขียนเนี่ยแน่นอนอยู่แล้วแหละว่าต้องใช้
00:26:25 → 00:26:28 สมาธิมากๆเลยเด็กสมาธิสร้างของเราก็เลย
00:26:28 → 00:26:30 เลยเขียนไม่ได้เขียนไม่เป็นเขียนไม่เก่ง
00:26:30 → 00:26:32 เนาะหรือว่ากล้ามเนื้อไม่ค่อยแข็งแรง
00:26:32 → 00:26:36 เงี้ยค่ะเพราะว่าอย่างติดกระดุมไม่ได้แกะ
00:26:36 → 00:26:39 ถุงออกมาไม่ได้แกะยางยืดจากถุงพลาสติกออก
00:26:39 → 00:26:42 มาไม่ได้อย่างเงี้ยค่ะหรือว่าเอ่อหยิบจับ
00:26:42 → 00:26:45 ของชิ้นเล็กๆหล่นมือบ่อยๆตกบ่อยอย่าง
00:26:45 → 00:26:47 เงี้ยค่ะเอันเนี้ยก็คือเป็นพวกของปัญหา
00:26:47 → 00:26:50 กล้ามเนื้อมะเเล็กเด็กสมาธิสั้นเราเนาะ
00:26:50 → 00:26:53 ซึ่งเดี๋ยวเราจะค่อยๆดูไปแต่ละอย่างว่า
00:26:53 → 00:26:56 เราแบ่งเป็นยังไงบ้างเนาะอันแรกก็คือแบ่ง
00:26:56 → 00:26:58 เป็นเรื่องของอ่าการเพเพิ่มกำลังกล้าม
00:26:59 → 00:27:02 เนื้อมือก็คือมือไม่มีแรงนะคะเราจะช่วย
00:27:02 → 00:27:04 เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อมือเขที่บ้านได้ยัง
00:27:04 → 00:27:08 ไงบ้างวิธีการที่เราแนะนำนะคะก็จะเป็นใช้
00:27:08 → 00:27:13 การบีบการดึงเนาะเ่าพุตตี้หรือดินน้ำมัน
00:27:13 → 00:27:18 หรือง่ายๆเลยแป้งโดหรือว่าอ่าแป้งเปียก
00:27:18 → 00:27:21 หรือว่าดินเหนียวอย่างงี้ก็ได้ค่ะให้เขา
00:27:21 → 00:27:24 ช่วยดึงช่วยดันช่วยช่วยหยิบออกมาใช้กำลัง
00:27:24 → 00:27:26 กล้ามเนื้อมือใช้แรงมือในการหยิบหยิบขึ้น
00:27:26 → 00:27:31 มาแต่ว่าเราโนักกิจกรรมบำบัดเราให้ใช้
00:27:31 → 00:27:33 ปลายนิ้วมือหรือว่าใช้กิจกรรมผ่านให้เขา
00:27:33 → 00:27:36 ช่วยกระตุ้นช่วยการเล่นนอกเหนือจากการออก
00:27:36 → 00:27:40 กำลังกายอย่างเดียวก็คือมีการเอามาจิ้มๆม
00:27:40 → 00:27:42 เอาของมาจิ้มเอาสิ่งของเล็กๆมาจิ้มตรง
00:27:42 → 00:27:44 เนี้ยเด็กก็จะต้องใช้ปลายนิ้วมากขึ้นอย่า
00:27:44 → 00:27:47 เงี้ยค่ะใช้กำลังในการดึงมันขึ้นมามาก
00:27:47 → 00:27:49 ขึ้นแบบเนี้ยค่ะอันเนี้ยเนาะที่ช่วย
00:27:49 → 00:27:52 กระตุ้นเขาได้กิจกรรมง่ายๆเลยลงน้ำหนักบน
00:27:52 → 00:27:56 โต๊ะคลานหรือว่าการเล่นไถนาที่บ้านเคย
00:27:56 → 00:28:00 เล่นไถนาไยคะกับด็กๆเด็กๆเอามือดันแล้วยก
00:28:00 → 00:28:03 ยกขาขึ้นแลให้เด็กๆไต่หรือคลานไปหรือว่า
00:28:03 → 00:28:07 เล่นเป็นเจ้าหมีไหนใครเป็นหมีคนไหนเป็นเ
00:28:07 → 00:28:10 หมีตัวใหญ่ยกขาขึ้นเอามือดันทานมาแบบเค่ะ
00:28:11 → 00:28:13 อันนี้ก็ช่วยช่วยในเรื่องของการกระตุ้น
00:28:13 → 00:28:16 ของการเพิ่มแรงเขาได้ด้วยหรือว่าจะเป็น
00:28:16 → 00:28:21 การใช้นิ้วให้มากขึ้นโดยการอ่าหิ้วของ
00:28:21 → 00:28:25 หิ้วถุงพลาสติกหิ้วฝักบัวรดน้ำหรือว่า
00:28:25 → 00:28:29 หิ้วเ่ออ่าขวดน้ำอะไอย่างเงี้ยค่ะหรือว่า
00:28:29 → 00:28:32 ขวดนมเงี้ที่มีหูหิ้วอันเนี้ยก็ช่วยในการ
00:28:32 → 00:28:35 เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อมือเขาได้หรือว่าตัว
00:28:35 → 00:28:38 หนีบแบบนี้ที่บ้านมีอย่างเงี้ยค่ะใช้ใน
00:28:39 → 00:28:42 การช่วยให้เขาออกแรงในการบีบบีบอันนี้ก็
00:28:42 → 00:28:45 เป็นการช่วยส่งเสริมเอ่อกล้ามเนื้อมือให้
00:28:45 → 00:28:47 มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นได้กิจกรรมง่าย
00:28:47 → 00:28:51 ๆให้เรายกตัวอย่างที่จะช่วยเพิ่มเอ่อได้
00:28:51 → 00:28:53 อย่างครอบคลุมนะคะในการช่วยเพิ่มกำลัง
00:28:53 → 00:28:56 กล้ามเนื้อมือคือการซักผ้าแล้วก็ให้เด็กๆ
00:28:57 → 00:29:00 มาช่วยตากผ้ายังไงยังไงอ่ะให้ช่วยต่างผ้า
00:29:00 → 00:29:03 ยังไงคุณแม่ยืนสั่งให้เด็กทำอ้าวยกผ้า
00:29:03 → 00:29:07 ขึ้นมาบิดผ้าค่ะบิดผ้าใช่มยเด็กๆก็จะได้
00:29:07 → 00:29:12 การบิดการบีบการกำการคลึงการหมุนทำให้เขา
00:29:12 → 00:29:15 โอเคเนี่ยแรงได้ออกแรงละไม่มีแรงก็ต้อง
00:29:15 → 00:29:18 ให้ออกแรงเยอะๆถึงจะมีแรงเพิ่มมากขึ้น
00:29:18 → 00:29:21 เนาะอ่ะบิดผาเสร็จมาเอามาพาดใช้ตัวหนีบ
00:29:22 → 00:29:24 หนีบตรงเนี้ยค่ะตัวหนีบก็จะช่วยในการ
00:29:24 → 00:29:27 กำลังกล้ามเนื้อของนิ้วมือเขาได้เพิ่มมาก
00:29:27 → 00:29:29 ขึ้นแบบเงี้ยค่ะตัวหนีบเนี่ยก็แล้วแต่
00:29:29 → 00:29:32 ความเหมาะสมของแต่ละแต่ของเด็กๆว่าต้อง
00:29:32 → 00:29:34 ใช้แรงมากแรงน้อยใช้ตัวหนีบที่มีความหนืน
00:29:34 → 00:29:38 มากความหนืนน้อยแล้วแต่กันไปเนาะหรือว่า
00:29:38 → 00:29:41 จะเป็นที่เจาะกระดาษแบบนี้อันนี้ก็จะเป็น
00:29:41 → 00:29:44 นักกิจการบำบัดของเราก็จะวิเคราะห์มาอย่า
00:29:44 → 00:29:46 เงี้ค่ะว่าให้เขาคช่วยเจาะกระดาษนะมีออก
00:29:46 → 00:29:50 แรงในการเจาะๆๆเจาะเสร็จแล้วสิ่งที่ได้มา
00:29:50 → 00:29:53 ใช้มือหรือว่าใช้ปลายนิ้วในการหยิบขึ้นมา
00:29:53 → 00:29:56 แล้วมาแปะตามรูปภาพแบบเนี้ยก็ทำให้เขามี
00:29:56 → 00:29:58 การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของของมือหรือว่า
00:29:58 → 00:30:00 ปลายนิ้วมือความค่องแค่ของการใช้มือเพิ่ม
00:30:00 → 00:30:05 มากขึ้นด้วยนะคะนอกจากว่าเด็กกำลังกล้าม
00:30:05 → 00:30:08 เนื้อมีละมีเยอะละแต่ทำไมถึงแกะกระดมไม่
00:30:08 → 00:30:12 ได้สักทีทำไมถึงพลิกมือพลิกคว่ำพลิกหงาย
00:30:12 → 00:30:14 พลิกหยิบสิ่งของเนี่ยกระจุกกระจิอย่าง
00:30:14 → 00:30:16 เงี้ยไม่ได้สักทีหล่นบ่อยอะไรอย่างเงี้ย
00:30:16 → 00:30:19 ค่ะเขาเรียกว่าเขาไม่มีความค่องแค่ของการ
00:30:19 → 00:30:22 ใช้มือหรือว่าสหสัมพันธ์ของการใช้มือ 2
00:30:22 → 00:30:25 ข้างเนี่ยไม่เอเขาเรียกว่าไม่ดีพอที่จะทำ
00:30:25 → 00:30:28 ให้เขาทำกิจกรรมแบบนั้นได้เนาะสิ่งที่เรา
00:30:28 → 00:30:31 จะให้ก็คือเพิ่มความค้องแค้่ของการใช้มือ
00:30:31 → 00:30:34 อย่างเช่นการใช้ตัวหนีบในการคีบสิ่งของ
00:30:34 → 00:30:37 หรือคีบสิ่งที่เป็นเอ่อวัตถุขนาดเล็กๆ
00:30:37 → 00:30:38 อย่างเงี้ยค่ะอันเนี้ยก็ช่วยกระตุ้นเขา
00:30:38 → 00:30:41 ได้เหมือนกันหรือว่าสหสัมพันธ์ของการใช้
00:30:41 → 00:30:45 มือ 2 ข้างผสานกันกัดกันไกลตัดกระดาษทำไม
00:30:45 → 00:30:48 วงกลมมันไม่เป็นวงกลมอ่ะมันเป็นเหลี่ยมๆ
00:30:48 → 00:30:51 อ่ะทำยังไงอ่ะเด็กๆเขาทำไม่ได้หรือใ
00:30:51 → 00:30:53 พยายามเคลื่อนไหวมือไม่ได้ตรงเนี้ยค่ะ
00:30:53 → 00:30:55 ค่อยๆให้เขากระตุ้นค่อยๆให้เขาทำอันนี้ก็
00:30:55 → 00:30:58 ช่วยเขาได้เหมือนกันเนาะหรือว่าการหยิบ
00:30:58 → 00:31:02 จับของชิ้นเล็กๆโดยใช้ 2 นิ้วแต่สังเกตดู
00:31:02 → 00:31:05 ว่ามันมีในมือด้วยนะคะใช่ไคะอันนี้คือ
00:31:05 → 00:31:07 ความค่องแค่ของการใช้มือการจัดการสิ่งของ
00:31:07 → 00:31:11 ที่อยู่ในมือลูกปัดเม็ดเล็กอ่ะถือไวในมือ
00:31:11 → 00:31:15 นะคุณแม่ขอสีแดงไหนหยิบสีแดงให้หน่อยให้
00:31:15 → 00:31:18 เขาเลือกหยิบให้เขาพยายามที่จะใช้มือใน
00:31:18 → 00:31:20 การจัดการสิ่งของที่อยู่ในมือเขาให้ได้
00:31:20 → 00:31:23 อะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็ช่วยกระตุ้นเขา
00:31:23 → 00:31:25 ได้เนาะให้เขาช่วยให้เขาได้มีความค่องแค่
00:31:25 → 00:31:28 ของการใช้มือเพิ่มมากขึ้นเนาะหรือว่าหยิบ
00:31:28 → 00:31:32 ออกมาแล้วโงไว้ในมือหยิบทีละอันหยิบทีละ
00:31:32 → 00:31:35 อันแล้วใส่ไว้ในมือหยิบทีละอันแล้วใส่ไว้
00:31:35 → 00:31:38 ในมือถือไว้ในมือนะอย่าให้หล่นแบบเยค่ะ
00:31:38 → 00:31:39 อันนี้ก็ช่วยเขาได้
00:31:39 → 00:31:42 เนาะหรือว่าจะเป็นพวกเป๊กบ่อชนิดต่างๆ
00:31:42 → 00:31:45 เป๊กบ่อขนาดเลกขนาดใหญ่เ่าพริกคว่ำพริก
00:31:45 → 00:31:49 หงายอย่างเงี้ค่ะทำได้เหมือนกันเหรือว่า
00:31:49 → 00:31:52 จะเป็นการลอยลูกปัดหรือว่าเนี่ยร้อยลูก
00:31:52 → 00:31:55 ปัดคือสิ่งที่พื้นฐานของเด็กเลยว่าถเด็ก
00:31:55 → 00:31:58 จะต้องทำได้เหมือนกันทุกคนสหสัมพันธ์ของ
00:31:58 → 00:32:01 การใช้มือสามารถทำได้อย่างเงี้ค่ะถ้าเขา
00:32:01 → 00:32:03 ทำไม่ได้ก็ทำให้ความค่องแคงของการใช้มือ
00:32:03 → 00:32:07 เขาลดลงเนาะหรือว่า not แบบ
00:32:07 → 00:32:11 นี้หมุนๆอย่างเงี้ยค่ะเขาก็ต้องจัดการ
00:32:11 → 00:32:15 นิ้วมือหรือว่าง่ายๆเลยชู 1 2 3 4
00:32:15 → 00:32:20 ด้วยกันสิชู 1 2 3 4 5 อย่างเงี้ยค่ะ
00:32:20 → 00:32:22 บางคนแยกนิ้วของตัวเองออกมาไม่ได้เ
00:32:22 → 00:32:26 พัฒนาการเเจัดการสิ่งเจัดการมือตัวเองไม่
00:32:26 → 00:32:28 เป็นแบบเนี้ยเนาะอันนี้ก็จะเป็น
00:32:28 → 00:32:31 สหสัมพันธ์ของการใช้มือเหมือนกันก็คือโยน
00:32:31 → 00:32:36 รับบอลโยนบอลมารับบอลเราสามารถให้กิจกรรม
00:32:36 → 00:32:39 ที่เป็นพวกเนี้ยให้เขาเขาเรียกว่าผสมผสาน
00:32:39 → 00:32:42 กันทั้งด้านการกระตุ้นทั้งเรื่องของสมาธิ
00:32:42 → 00:32:44 การจดจ่อและเรื่องของกล้ามเนื้อมัดเล็ก
00:32:44 → 00:32:48 การใช้มือได้เหมือนกันอย่างที่ 3 ก็คือเ
00:32:48 → 00:32:52 ของเรื่องของเ่อด้านการเขียนนะคะด้านการ
00:32:52 → 00:32:55 เขียนเนี่ยต้องดูว่าเด็กแต่ละคนเนี่ยเขา
00:32:55 → 00:32:57 พัฒนาการทางด้านการเขียนอยู่ในช่วงวัย
00:32:57 → 00:33:00 หรือยยังพัฒนาการทางด้านการจับบินสออยู่
00:33:00 → 00:33:03 ในช่วงวัยหรือยังแต่ว่าในเด็กสมาิสั้นของ
00:33:03 → 00:33:05 เราเนี่ยส่วนใหญ่แล้วก็จะยังอยู่ในกลุ่ม
00:33:05 → 00:33:08 นี้ก็คือ 4 ขวบครึ่งขึ้นไปถึง 7 ขวบตรงเ
00:33:09 → 00:33:11 ค่ะเด็กๆทุกคนจะต้องจับินสได้ถูกรูปแบบ
00:33:11 → 00:33:14 คือจับินส 3 นิ้วนะ
00:33:14 → 00:33:20 คะแบบนี้นิ้วโป้งนิ้วชี้จับนิ้วกลางรอง
00:33:20 → 00:33:22 อยู่ข้างล่างเนาะอันนี้คือการจับนสอที่
00:33:22 → 00:33:25 ถูกวิธีแต่ทำไมเด็กเราจับไม่ได้ทำยังไง
00:33:25 → 00:33:27 ให้ช่วยได้อย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะต้องใช้
00:33:28 → 00:33:30 ตัวช่วยจับในการช่วยเหลือเขาคให้เขาคช่วย
00:33:30 → 00:33:33 จับให้ได้เรียนรู้ให้ได้พอเขาใส่ตัวช่วย
00:33:33 → 00:33:36 จับทำซ้ำๆบ่อยๆเอาตัวช่วยจับออกเขาก็
00:33:36 → 00:33:40 สามารถทำได้หรือว่าพื้นฐานเลยกระตุ้นเลย
00:33:40 → 00:33:43 ดินสอสามเหลี่ยมหรือสีสามเหลี่ยมแบบนี้
00:33:43 → 00:33:46 ที่เค้าที่มันบังคับเขาอยู่แล้วเต้องจับ
00:33:46 → 00:33:49 ในลักษณะของ 3 นิ้วแบบเนี้ยค่ะเนาะก็ช่วย
00:33:50 → 00:33:53 กระตุ้นเขาได้การจับดินสอที่ถูกรูปแบบมี
00:33:53 → 00:33:57 ผลดียังไงมีผลดีให้เด็กจับเ่าเขาคเรียก
00:33:57 → 00:33:59 ว่าพวกคมการเขียนได้อย่างคล่องแคล่วมาก
00:33:59 → 00:34:03 ขึ้นและช่วยลดแรงในการเขียนลงแรงในการ
00:34:03 → 00:34:07 เขียนถ้าเด็กกดแรงก็ทำให้เขาหมดแรงเร็ว
00:34:07 → 00:34:10 เขียนเมื่อยมือง่ายพอละแค่เนี้ยเขียนไป
00:34:10 → 00:34:14 แค่เนี้ยไม่หมดอ่ะหมดแรงละทำไม่ได้ละ
00:34:14 → 00:34:17 เพราะว่าเขากะแรงในการเขียนออกมาไม่ได้
00:34:17 → 00:34:20 อย่างเงี้ค่ะดูจะสังเกตเห็นได้ชัดเลยก็
00:34:20 → 00:34:26 คือตรงนี้เป็นรูปแบบการเขียนที่ไม่ได้ใช้
00:34:26 → 00:34:29 ตัวช่วยจับิสแล้วเขาก็เขียนกดแรงเพราะเขา
00:34:29 → 00:34:31 กะดแรงยังไม่ค่อยเป็นยังไม่ค่อยเก่งเท่า
00:34:31 → 00:34:33 ไหร่การใช้ตัวช่วยจับดินสอก็จะช่วยทำให้
00:34:33 → 00:34:36 เขาเนี่ยค่ะออกแรงได้น้อยลงแล้วก็เขียน
00:34:36 → 00:34:39 ได้นานขึ้นมีความเร็ววขึ้นในการเขียนแบบ
00:34:39 → 00:34:41 เนี้ยค่ะอันนี้คือประโยน์ของตัวช่วยจับิน
00:34:41 → 00:34:44 สอเนาะแต่ว่าเราก็อาจจะเราก็ไม่ได้แนะนำ
00:34:44 → 00:34:46 ให้ใช้ตลอดเนาะให้ใช้ในช่วงแรกที่เราจะ
00:34:46 → 00:34:50 ต้องฝึกพอเขาฝึกเาทำได้ดีแล้วถอดออกเขาก็
00:34:50 → 00:34:54 จะสามารถประยุกต์ใช้ได้ด้วยตัวเองเนาะ
00:34:54 → 00:34:57 หลังจากนั้นพอเามีพัฒนาการทางด้านการ
00:34:57 → 00:35:00 เขียนที่สมวัยอย่างเงี้ยค่ะตามวัยวัยของ
00:35:00 → 00:35:03 เขา 3 ขวบก็ต้องเขียนวงกลมได้ 4 ขวบเขียน
00:35:03 → 00:35:06 สี่เหลี่ยมได้แบบเค่ะในในลักษณะกว้างๆ
00:35:06 → 00:35:09 เนาะอืถ้าเขายังอยู่ในช่วงวัยเยเทำสามารถ
00:35:09 → 00:35:12 ทำได้แต่ในเด็กสมาธิสร้างของเราเนี่ย
00:35:12 → 00:35:14 เาคือโตแล้วแหละสามารถที่จะเขียนสาม
00:35:14 → 00:35:16 เหลี่ยมสี่เหลี่ยมวงกลมนี้ได้นั่นแหละแต่
00:35:16 → 00:35:19 ถ้าเขายังทำไม่ได้ควรที่จะฝึกฝึกพื้นฐาน
00:35:19 → 00:35:22 ตรงนี้ก่อนให้ได้ก่อนเนาะเพราะว่าการ
00:35:22 → 00:35:24 เขียนวงกลมเขียนสี่เหลี่ยมสามเหลี่ยม
00:35:24 → 00:35:26 เนี่ยมันทำให้เขาฟอร์มตัวหรือว่าฟอร์ม
00:35:26 → 00:35:28 วิธีการที่จะเขียนได้ได้ดีขึ้นเนาวางแผน
00:35:29 → 00:35:32 การเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นการทำซ้ำๆบ่อยๆนะ
00:35:32 → 00:35:35 คะร่ำแรกๆอาจจะต้องจับมือทำไปก่อนเขเรียก
00:35:35 → 00:35:38 ว่าลีลามือคุณพ่อคุณแม่ลองไปหาหนังสือ
00:35:38 → 00:35:41 หรือว่าสมุดที่ที่เป็นเอ่อเขาเรียกว่า
00:35:41 → 00:35:44 เป็นลีลามืออ่ะค่ะหมุนซ้ายหมุนขวาวนซ้าย
00:35:44 → 00:35:46 วนขวาอย่างเงี้ยค่ะมันจะช่วยทำให้เขาวาง
00:35:46 → 00:35:49 แผนการเคลื่อนไหวในการหมุนหัวพยัญชนะมย
00:35:49 → 00:35:52 หรือว่าทำเอ่อเลข 8 ทำยังไงอย่างเงี้ยค่ะ
00:35:52 → 00:35:54 เขาถ้าเขารับรู้วิธีการที่จะเคลื่อนไหว
00:35:54 → 00:35:58 มือแบบนี้ได้เขาก็จะเขียนได้เนาะปัญหาการ
00:35:58 → 00:36:00 รับรู้ทางสายตานะคะมีผลกระทบยังไงกับเด็ก
00:36:00 → 00:36:03 สมาธิสั้นเนาะก็ปัญหาการรับรู้ทางสายตา
00:36:03 → 00:36:06 เนี่ยจะทำให้เด็กสมาธิสั้นที่มีปัญหาตรง
00:36:06 → 00:36:09 เนี้ยค่ะมองภาพหรือว่าเรียนรู้อย่างไม่
00:36:09 → 00:36:12 ถูกต้องทำให้เขาคบางคนเขียนกลับหัวกลับ
00:36:12 → 00:36:14 หางหรือว่าเขียนสลับซ้ายขวาหน้าหลังอย่าง
00:36:14 → 00:36:17 เงี้ยค่ะหรือว่าไม่เข้าใจหรือว่าไม่รับ
00:36:17 → 00:36:20 รู้ว่าเอ่อลักษณะของการที่มีของอยู่ข้าง
00:36:20 → 00:36:23 บนข้างล่างซ้ายขวาอยู่ข้างหน้าข้างหลัง
00:36:23 → 00:36:25 เนี่ยทำยังไงหรือว่าเป็นในลักษณะแบบไหน
00:36:25 → 00:36:28 แบบเนี้ยค่ะที่จะเป็นปัญญหากับการรับรู้
00:36:28 → 00:36:31 ทางสายตาเรื่องของปัญหาการรับรู้ทางสายตา
00:36:31 → 00:36:34 หรือ Visual perception ตรงเนี้ยค่ะมัน
00:36:34 → 00:36:37 ไม่มันคนละอย่างกันกับปัญหาการมองนะคะ
00:36:37 → 00:36:41 เพราะการมองก็คือมองเห็นเด็กอ่ะมองเห็น
00:36:41 → 00:36:45 สายตาไม่สั้นแต่การรับรู้ทางสายตาไม่ดีก็
00:36:45 → 00:36:48 คือการที่เขาได้รับข้อมูลจะผ่านอ่าจากการ
00:36:48 → 00:36:51 มองมาหรือผ่านจากการเ่อระบบการรับความรู้
00:36:51 → 00:36:54 สึกต่างๆมาแล้วประมวลผลร่วมกับความเข้าใจ
00:36:54 → 00:36:58 หรือ IQ นะคะร่วมกับความเข้าใจหรือไอคิว
00:36:58 → 00:37:00 แล้วออกมาเสื่อออกมาได้อย่างไม่สมบูรณ์
00:37:00 → 00:37:03 หรืออย่างไม่อย่างไม่ครบถ้วนเหมาะสมอย่า
00:37:03 → 00:37:05 อาจจะยังไม่ค่อยเห็นภาพเราแบ่งตรงเนี้ย
00:37:05 → 00:37:08 ค่ะออกมาเป็น 7 อย่าง 7 ประเภทอย่างที่ 1
00:37:09 → 00:37:13 ก็คือการคงสภาพของวัตถุปัญหาของหลักๆที่
00:37:13 → 00:37:17 เราพบบ่อยๆในเด็กที่มีปัญหานี้ก็คือไม่
00:37:17 → 00:37:20 รู้ว่าพยัญชนะเดียวกันบนกระดานกับบน
00:37:20 → 00:37:22 กระดาษของเขาอ่ะมันคืออันเดียวกันไม่รู้
00:37:22 → 00:37:25 ว่าบนกระดานกไก่แบบเนี้ยแล้วกระดาษกไก่
00:37:25 → 00:37:29 ของเขาคืออันไหนโดยที่พยัญชนะหรือว่าเอ่อ
00:37:29 → 00:37:31 สิ่งที่เขาเห็นน่ะมันเปลี่ยนรูปมัน
00:37:31 → 00:37:34 เปลี่ยนขนาดเปลี่ยนการเลักษณะรูปแบบการ
00:37:34 → 00:37:37 เขียนไปคนละอย่างกันเขาไม่รู้ก็ทำให้การ
00:37:37 → 00:37:40 เขียนของเขาช้าลงหรือว่าการที่จะทำงานใน
00:37:40 → 00:37:42 ห้องของเขาช้าลงอย่างเงี้ค่ะนี้คือวิธี
00:37:42 → 00:37:45 การที่จะกระตุ้นเขาได้หรือว่าแบบฝึกหาที่
00:37:45 → 00:37:48 จะช่วยเหลือเขาได้หาตัว B ทำยังไงเด็กก็
00:37:48 → 00:37:52 ต้องพยายามที่จะเรียนรู้ไปนะหรือว่าหาคำ
00:37:52 → 00:37:56 ว่าเคลียร์คือตัวไหนเงี้ยค่ะคำว่าเคลียร์
00:37:56 → 00:37:58 เปลี่ยนรูปแบบไปตั้งหลายอย่าง
00:37:58 → 00:38:02 ก็ต้องรู้ว่าอันคือคำเดียวกันหรือว่าวง
00:38:02 → 00:38:07 กลมอยู่ตรงไหนในรูปอยู่วงกลมแบบเนี้ยอยู่
00:38:07 → 00:38:10 ในรูปไหนแบบเยค่ะสามเหลี่ยมแบบเนี้ยอยู่
00:38:11 → 00:38:14 ในรูปไหนอย่างเงี้ค่ะอันนี้คือการรู้ทาง
00:38:14 → 00:38:17 สายตาเด็กมองเห็นนะแต่เขาไม่รู้ว่าคือ
00:38:17 → 00:38:21 อะไรยังไงเนาะอันนี้ก็คือมองไม่เห็นในบาง
00:38:21 → 00:38:23 บางส่วนแม้ว่าจะเห็นเพียงบางส่วนเนาะ
00:38:23 → 00:38:25 อย่างเช่นเห็นในแบบฝึกหัที่เราเห็นบ่อยๆ
00:38:25 → 00:38:29 คือครึ่งนึงเป็นรูปหมูเราดูรู้แล้วแหละ
00:38:29 → 00:38:31 ว่ามันคือหมูแต่เด็กไม่รู้ว่ามันคือหมู
00:38:31 → 00:38:33 อย่างเงี้ยค่ะมีรูปอยู่ครึ่งนึงหรือว่า
00:38:33 → 00:38:35 ง่ายๆเลยในอันนี้มันที่หมาอย่างที่แหมบอก
00:38:35 → 00:38:37 ว่ามันเกี่ยวเนื่องกับพวก IQ เนาะถ้า
00:38:37 → 00:38:40 สมมุติว่าเ่อเด็กความเคยชินของเด็กอ่ะค่ะ
00:38:40 → 00:38:44 คำว่าโรงต่อไปก็จะต่อด้วยเรียนโรงเรียน
00:38:44 → 00:38:47 ตรงเนี้ยในเด็กที่เขามีการรู้ทั้งสายตาดี
00:38:47 → 00:38:50 แล้วก็ภาวะไอคิวดีเอ่อควบคู่กันไปเงี้ย
00:38:50 → 00:38:54 ค่ะเขาก็มองบนกระดานมองได้นะรงโอเคคุณครู
00:38:54 → 00:38:56 เขียนปุ๊บลงรู้เลยว่าคำต่อไปต้องเป็นคำ
00:38:56 → 00:38:59 ว่าลงลงโรงเรียนเขียนมาได้เลยตรงเก็ทำให้
00:38:59 → 00:39:01 เด็กเรียนรู้ได้เร็วขึ้นแต่เด็กๆที่มี
00:39:01 → 00:39:04 ปัญหาของเราเนี่ยอาจจะอาจจะค่อยๆเป็นค่อย
00:39:04 → 00:39:07 ๆไปค่อยๆดูเป็นทีละคำอะไรอย่างเงี้ยเนาะ
00:39:07 → 00:39:10 อ่ะอย่างเงี้ยค่ะบางคนก็จะไม่รู้ว่ามัน
00:39:10 → 00:39:13 คืออะไรมันคือคำว่าอะไรแต่เราเราปกติเรา
00:39:13 → 00:39:16 โอเคเรารับรู้ได้แต่เขาไม่เข้าใจอย่าง
00:39:16 → 00:39:19 เงี้ยค่ะหรืออย่างเงี้ยอันไหนคือเลข 8
00:39:19 → 00:39:21 เด็กตอบไม่ได้หรือว่าเด็กยังไม่รู้ต้อง
00:39:21 → 00:39:24 ใช้ระยะเวลาในการคิดนานกว่าจะทำได้อะไร
00:39:24 → 00:39:27 อย่างเงี้ยค่ะต่อไปเรื่องเกี่ยวกับการรับ
00:39:27 → 00:39:30 รู้ตำแหน่งของวัตถุในที่ว่างเด็กที่มี
00:39:30 → 00:39:33 ปัญหาการมองที่มีปัญหาการรับรู้ทางสายตา
00:39:33 → 00:39:36 ในด้านเนี้ยค่ะเขาจะแยกแยะไม่ออกว่าบน
00:39:36 → 00:39:39 ล่างซ้ายขวาคืออะไรตรงไหนเรียกว่าข้างบน
00:39:39 → 00:39:41 ตรงไหนเรียกว่าข้างล่างตรงไหนเรียกว่า
00:39:41 → 00:39:44 ข้างหน้าข้างหลังทำไม่ได้ไม่เข้าใจเี่ค่ะ
00:39:44 → 00:39:46 อันนี้กิจกรรมนี้ก็ช่วยได้หรือว่าที่บ้าน
00:39:47 → 00:39:49 สั่งงานให้ไปหยิบอันนี้ไว้ข้างหน้าหยิบ
00:39:49 → 00:39:51 นี้ไว้ข้างหลังทำยังไงหยิบนี้ไปไว้หลัง
00:39:51 → 00:39:54 บ้านหยิบนี้ไว้ตรงบนโต๊ะเงี้ยค่ะอันเนี้ย
00:39:54 → 00:39:57 ก็เป็นวิธีการกระตุ้นเขาได้เนาะหรือว่า
00:39:57 → 00:40:01 เกมลูกบอลอยู่ตรงไหนอย่างเงี้ยค่ะอันนี้
00:40:01 → 00:40:03 เป็นการรับรู้ระยะห่างระหว่างวัตถุและ
00:40:03 → 00:40:07 ความลึกเด็กที่ทำเอ่อมีปัญหาทางด้านนี้ก็
00:40:07 → 00:40:11 จะทำให้เขาเว้นวักช่องไฟได้ไม่ค่อยสม่ำ
00:40:11 → 00:40:14 เสมอหรือไม่เหมาะสมแต่ว่าอ่าการเขียนเว็บ
00:40:14 → 00:40:16 วรรคช่องไฟเนี่ยมันมันจะเกี่ยวเนื่องกับ
00:40:16 → 00:40:18 เอ่อหลายๆด้านเหมือนกันการรู้เรืองสายตาย
00:40:18 → 00:40:21 หลายๆด้านร่วมด้วยเนาะตัว
00:40:21 → 00:40:25 อย่างอย่างเงี้ค่ะเด็กไม่ได้มีปัญหาแค่
00:40:25 → 00:40:28 เขียนช่องไฟหักเอ่อไม่สม่ำเสมอกันแต่เขา
00:40:28 → 00:40:32 มีปัญหาที่เขียนโยเยเขียนตัวไม่สวยเขียน
00:40:32 → 00:40:35 เ่าอยากๆอยากไม่ได้อย่างเงี้ค่ะทั้ง
00:40:35 → 00:40:37 เรื่องของกล้ามเนื้อในการเขียนกล้ามเนื้อ
00:40:37 → 00:40:40 มือของเขาไม่ค่อยคล่องหรือว่าในเรื่องของ
00:40:40 → 00:40:43 การรับรู้ทางสายตาที่ไม่สามารถที่จะเรียง
00:40:43 → 00:40:46 ลำดับมาได้ว่าตัวที่อยู่ติดการต่อการความ
00:40:46 → 00:40:49 เอ่อการที่จะตัวเล็กตัวใหญ่ทำแบบไหนยังไง
00:40:49 → 00:40:53 เนาะส่วนนี้อันนี้เป็นการลู้ทางสายตาอีก
00:40:53 → 00:40:55 อย่างนึงก็คือเรื่องของการรลู้ตำแหน่งทิศ
00:40:56 → 00:40:58 ทางและสถานที่อธิบายแผนที่ไม่ได้มอง
00:40:58 → 00:41:02 แผนที่ไม่ออกหรือว่าบอกไม่ได้ว่าเมื่อกี้
00:41:02 → 00:41:05 ไปห้องน้ำต้องไปทางไหนต่อต้องเลี้ยวซ้าย
00:41:05 → 00:41:07 เลี้ยวขวาหรือว่าลักษณะวิธีการที่จะไป
00:41:07 → 00:41:10 ห้องน้ำทำยังไงแบบเค่ะอันนี้คือปัญหาอีก
00:41:10 → 00:41:14 อย่างนึงเนาวิธีการแก้ช่วยเหลือแก้ปัญหา
00:41:14 → 00:41:17 ก็คือการช่วยกันเนี่ยค่ะกระตุ้นถึงการ
00:41:17 → 00:41:18 เขียนการ
00:41:18 → 00:41:21 ทำต่อไปอันสุดท้ายคือการรับรู้มิติ
00:41:21 → 00:41:25 สัมพันธ์อันนี้เป็นปัญหามากเขียนพยัญชนะ
00:41:25 → 00:41:28 ไม่ตรงบรรทัดเขียนดับตัวอักษรในคำต่างๆ
00:41:28 → 00:41:31 ไม่ได้เขียนตัวหนังสือกลับด้านหรือเขียน
00:41:31 → 00:41:34 หนังสือข้ามไปข้ามมาเมื่อกี้เขียนตรงนี้
00:41:34 → 00:41:38 อ่ะข้ามไปอีกอันนึงละไปอีกนันนู้นหรือว่า
00:41:38 → 00:41:42 เขียนกลับหัวกลับหางดเด็กกับเอ่อคควายทำ
00:41:42 → 00:41:44 ไม่ได้สักทีแยกกันไม่ได้สักทีอย่างเงี้
00:41:44 → 00:41:46 ค่ะก็เอพสำเภากับถอถุงแบบเนี้ยค่ะ
00:41:46 → 00:41:49 อันเนี้ยเป็นปัญหาของการรับรู้ทางสายตา
00:41:49 → 00:41:52 ด้านการรับรู้มิติสัมพันธ์ที่เขาที่เขา
00:41:52 → 00:41:55 มองแล้วเขาทำไม่ได้ปัญหาเนี้ยค่ะถ้าสมมติ
00:41:55 → 00:41:58 ว่าเราจะดูประเมินได้ประประเมินได้อย่าง
00:41:58 → 00:42:02 อ่าให้ตรงจุดเลยว่าปัญหาตรงเนี้เกิดขึ้น
00:42:02 → 00:42:04 เขารู้ว่าไอเขาเรียกว่ากล้ามเนื้อมือเขา
00:42:04 → 00:42:09 โอเคเขียนได้เขียนเป็นให้ดูตัวถถุงรู้นะ
00:42:09 → 00:42:12 อ่านตรงนี้ออกนะว่าถถุงแต่พอมาเขียนมัน
00:42:12 → 00:42:14 เขียนกลับออกมาเป็นพอสำเภาซึ่งเขาไม่รู้
00:42:14 → 00:42:16 ตัวว่าเขาเขียนพสำเภาออกไปเขาคิดว่าเขา
00:42:16 → 00:42:19 เขียนถอถุงแบบเค่ะเอันเนี้ยคือปัญหาการ
00:42:19 → 00:42:22 รู้ทางมิติสัมพันธ์ที่ยังไม่ค่อยไม่ค่อย
00:42:22 → 00:42:26 เหมาะสมเท่าไหร่ของเด็กเนาะตัวอย่างปัญหา
00:42:26 → 00:42:28 อันนี้เป็นปัญหาของการเขียนโย้ไปโย้มา
00:42:28 → 00:42:31 แล้วก็การเขียนไม่สลับคำเขียนเอ่อไม่
00:42:31 → 00:42:35 เรียงลำดับเนาะหรือว่าเขียนเยค่ะพยเอ่อ
00:42:35 → 00:42:38 ตัวเนี้ยไม้เอกเขียนไม่ได้เว้นไม่ได้อ่ะ
00:42:38 → 00:42:41 ทำยังไงดีหรือว่าไม่รู้ว่าต้องห่างกันแบบ
00:42:41 → 00:42:44 ไหนเขียนให้มันให้มันพอดีเส้นบรรทัดทำยัง
00:42:44 → 00:42:48 ไงเนาะวิธีการแก้ปัญหาหรือว่าการช่วย
00:42:48 → 00:42:51 เหลือเขาก็คือเนี่ยค่ะเกมล่างเส้นต่อจุด
00:42:51 → 00:42:55 เนาะที่เห็นที่ทำได้บ่อยๆหรือว่ามิติ
00:42:55 → 00:42:58 สัมพันธ์การหมุนซ้ายหมุนขวาหมุนของเล่น
00:42:58 → 00:43:01 กิจกรรมหาภาพที่เหมือนกันในลักษณะที่
00:43:01 → 00:43:03 เหมือนกันเหมือนกันเปี๊ยบทำแบบไหนหรือว่า
00:43:04 → 00:43:06 ง่ายๆเลยต่อบล็อกตาม
00:43:06 → 00:43:10 แบบไม่ว่าจะเป็น 2 มิติหรือ 3 มิติต่อให้
00:43:10 → 00:43:13 ดูก่อนแล้วต่อให้เหมือนหรือว่าดูภาพแล้ว
00:43:13 → 00:43:15 ต่ออันนี้ก็ช่วยเขาได้ในเรื่องของปัญหา
00:43:15 → 00:43:18 ตรงนี้ได้เนาะที่เราทำบ่อยๆเลยแล้วก็เห็น
00:43:18 → 00:43:22 ภาพได้อย่างชัดเจนนะคะอันนี้คือที่เราให้
00:43:22 → 00:43:26 ตัวโจทย์อันนี้คือที่เด็กๆทำที่มีปัญหาเเ
00:43:26 → 00:43:29 ก็จะทำไม่ได้เนี่ยรู้ว่าขึ้นมาขึ้นลงยัง
00:43:29 → 00:43:32 ไงบางอันสลับสีกันอย่างเงี้ยค่ะไม่ได้
00:43:32 → 00:43:35 อย่างเงี้ยค่ะแต่เนี้ยเป็นมีแค่เป็นบาง
00:43:35 → 00:43:37 ส่วนในบางจุดแต่ว่าถ้าเด็กๆที่ที่ยังไม่
00:43:37 → 00:43:39 ได้รับการกระตุ้นหรือว่ามีปัญหาทางด้าน
00:43:39 → 00:43:42 นี้อย่างรุนแรงเขาก็จะเนี่ยขึ้นข้างบนน่ะ
00:43:42 → 00:43:45 ไม่รู้ว่าต้องขึ้นข้างบนรู้รู้แค่ว่ามัน
00:43:45 → 00:43:48 อยู่แถวเดียวกันหมดเลยเขาก็จะมองเห็นแค่
00:43:48 → 00:43:50 ภาพว่ามันอยู่แถวเดียวกันแต่ความจริงแล้ว
00:43:50 → 00:43:55 มันขึ้นมีมิติขึ้นมาแบบเนี้ยค่ะโอเคนะคะ
00:43:55 → 00:43:58 อันนี้คือปัญหาการรับรู้ทางสายตาซึ่งมัน
00:43:58 → 00:44:00 ต้องใช้การประเมินอย่างละเอียดนิดนึงเนาะ
00:44:00 → 00:44:03 ในการที่จะรู้ว่าเขามีความบกพร่องหรือว่า
00:44:03 → 00:44:06 ผิดปกติในการรับรู้ในส่วนไหนแต่ว่าถ้าเรา
00:44:06 → 00:44:08 เราจะประเมินง่ายๆของเขาเลยก็คือทำไมเขา
00:44:08 → 00:44:10 เขียนไม่เหมือนคนอื่นทำไมเขาเขียนไม่ได้
00:44:10 → 00:44:13 อย่างเงี้ยค่ะเขียนไม่เขียนเขียนโจยั้วะ
00:44:13 → 00:44:15 ไปเยะมาหรือว่าเขียนกับหัวกับหางอันเนี้ย
00:44:15 → 00:44:17 อันนี้สามารถที่จะเข้ามาขอรับการประเมิน
00:44:17 → 00:44:20 ได้เนาะแล้วก็อย่างที่บอกว่าการรับรู้
00:44:20 → 00:44:21 ทั้งสายตาเนี่ยมันจะเกี่ยวเนื่องกับ
00:44:21 → 00:44:24 เรื่องของไอคหรือว่าความเข้าใจของเด็ก
00:44:24 → 00:44:27 ด้วยถ้าเด็กที่มี IQ ต่ำหรือว่า IQ ที่
00:44:27 → 00:44:29 ที่อย่าไม่เหมาะสมหรือไม่ไอคิวน้อยอย่าง
00:44:29 → 00:44:32 เงี้ค่ะการรักรู้ทั้งสายตาเก็จะน้อยตามไป
00:44:32 → 00:44:35 ด้วยเนาปัญหาด้านการบกพร่องทางการเรียน
00:44:35 → 00:44:37 รู้ของเด็กเนาะหรือว่าเด็ก LD อย่างเงี้ย
00:44:37 → 00:44:40 ค่ะก็จะเป็นปัญหาที่ว่าเด็กเนี่ยไม่
00:44:40 → 00:44:42 สามารถที่จะเรียนรู้หรือว่าไม่สามารถที่
00:44:42 → 00:44:46 จะเ่อเรียนรู้ด้านวิชาการได้อย่างสมวัย
00:44:46 → 00:44:48 ของเขาเนาะเรียนไม่ทันเพื่อนอย่าเงี้ยค่ะ
00:44:48 → 00:44:50 เพื่อนอาจจะไปถึงระดับนี้แต่ความสามารถใน
00:44:50 → 00:44:53 ด้านทักษาของด้านวิชาการของเขาต่ำกว่า
00:44:53 → 00:44:55 ระดับชั้นของเขาที่เขาอยู่เนี่ย 2 ชั้นปี
00:44:55 → 00:44:58 ตรงเนี้ยค่ะคือเรียกว่าบวกพร่องทางการ
00:44:58 → 00:45:01 เรียนรู้ค่ะ LD ก็คือปัญหาของการเรียนรู้
00:45:01 → 00:45:04 ช้าเนาะบกพร่องทางการเรียนรู้ง่ายๆเลย
00:45:04 → 00:45:07 ทำไมเด็กสมาธิสั้นถึงเป็น LD ก็เพราะว่า
00:45:07 → 00:45:10 ไม่มีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมไม่ได้ไม่ได้
00:45:10 → 00:45:14 ตั้งใจสนใจฟังคุณครูพอคุณครูสอนก็ไม่ได้
00:45:14 → 00:45:17 ฟังไม่ได้เรียนรู้ในตอนนั้นใชยไม่ได้
00:45:17 → 00:45:21 ปัญหาเก็บสะสมมาเรื่อยๆทำให้พอถึงในจุด
00:45:21 → 00:45:24 ที่เขาจะต้องทำหรือเขาต้องสะกดคำหรือเขา
00:45:24 → 00:45:26 จะต้องคิดคำนวณหรือเขาจะต้องเขียนอย่าง
00:45:26 → 00:45:29 เงี้ยค่ะเทำไม่ได้เพราะว่าเนี่ยปัญหา
00:45:29 → 00:45:32 สมาธิส่านของเขาที่มันไปจำกัดหรือว่าไปมี
00:45:32 → 00:45:35 ผลกระทบของเขากับเขาเลยทำให้เขาเป็น LD
00:45:35 → 00:45:38 ได้อย่างที่บอกก็คือง่ายๆคือเป็นสมาธิ
00:45:38 → 00:45:41 สั้นไม่มีสมาธิเรียนไม่ทันเป็น LD แบบนี้
00:45:41 → 00:45:44 ง่ายๆเลยความสัมพันธ์ของของเราง่ายๆซึ่ง
00:45:44 → 00:45:46 เรื่อง LD เมันก็เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร
00:45:46 → 00:45:48 ที่จะต้องเรียนรู้กันไปว่าถ้าเด็กมีปัญหา
00:45:48 → 00:45:51 LD ต้องทำยังไงต่อไปอีกแต่ว่าเราสามารถ
00:45:51 → 00:45:53 แก้ปัญหาพื้นฐานง่ายๆก็คือให้เขามีสมาธิ
00:45:53 → 00:45:55 จดจ่อกิจกรรมให้ได้มากที่สุดหรือว่าจดจ่อ
00:45:55 → 00:45:58 กับการเรียนให้ได้มากที่สุดเขาก็จะปัญหา
00:45:58 → 00:46:01 LD ก็จะไม่พบกับเขาได้เนาะเราก็จะได้
00:46:01 → 00:46:04 ช่วยตัดปัญหาเขไปในอีกด้านนึงนะคะเด็กที่
00:46:04 → 00:46:07 มความบกพร่องทางการเรียนรู้นะคะกิจกรรม
00:46:07 → 00:46:09 บำบัดเนี่ยเราจะช่วยได้ในเรื่องของการ
00:46:09 → 00:46:12 กระตุ้นด้านการรับรู้ทางสายตาและกระตุ้น
00:46:12 → 00:46:15 สมาธิหรือการควบคุมตัวเองในการตั้งใจ
00:46:15 → 00:46:17 เรียนหรือจดจ่อกับการเรียนในห้องเรียนให้
00:46:17 → 00:46:20 ได้มากที่สุดท่านผู้ปกครองที่มีความเ่อ
00:46:20 → 00:46:23 วิปกกังวลเกี่ยวกับผลการเรียนของเด็กใช่ม
00:46:23 → 00:46:25 คะที่เป็นเด็กสมาธิสั้นของเราเนาะก็อยาก
00:46:25 → 00:46:28 จะบอกว่าเด็กสมาธิทสัเนี่ยอย่างที่บอกว่า
00:46:28 → 00:46:30 เค้าไม่ได้เป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องหรือ
00:46:30 → 00:46:33 ว่าเป็นเด็กที่ไม่เข้าใจความเข้าใจไม่มี
00:46:33 → 00:46:35 แต่เขาเป็นเด็กที่ไม่สามารถที่จะควบคุม
00:46:35 → 00:46:37 ตัวเองได้งเนี้ยค่ะอยากให้ผู้ปกครองเข้า
00:46:37 → 00:46:41 ใจเขาว่าทำไมเถึงพูดไม่ฟังทำไมสอนอะไรไป
00:46:41 → 00:46:43 ก็ไม่เข้าใจสักทีอย่างเงี้ยค่ะหรือว่าสอน
00:46:43 → 00:46:46 อะไรไปก็ไม่สดจ่อหรือไม่สนใจอย่างเงี้ย
00:46:46 → 00:46:48 ค่ะตรงเนี้ยถ้าเราผู้ปกครองเข้าใจเค้า
00:46:48 → 00:46:51 แล้วสามารถที่จะช่วยเหลือเขาคพยายามแก้
00:46:51 → 00:46:54 ปัญหาไปร่วมกันกับเค้าให้ความเข้าใจให้
00:46:54 → 00:46:56 การซัพพอร์ตเขคหรือว่าส่งเสริมเค้าอย่าง
00:46:56 → 00:46:58 เงี้ยค่ะเขาก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตใน
00:46:58 → 00:47:01 ปกติได้หรือว่ามีผลการเรียนที่เอ่ออยู่ใน
00:47:01 → 00:47:05 เกณฑ์ที่พอใช้ได้ได้ค่ะเหตุผลที่คุณแม่
00:47:05 → 00:47:07 ตัดสินใจเข้ามาเ่ออบรมในครั้งนี้นะคะ
00:47:07 → 00:47:09 เนื่องจากว่าลูกสาวของคุณแม่ค่ะป่วยเป็น
00:47:09 → 00:47:13 โรคสมาธิสั้นแล้วก็การอบรมครั้งนี้คิดว่า
00:47:13 → 00:47:16 จะเป็นประโยชน์เพราะว่าเ่อเป็นการอบรมโดย
00:47:16 → 00:47:19 นักกิจกรรมบำบัดโดยตรงอ่ะค่ะจึงคิดว่าน่า
00:47:19 → 00:47:22 จะนำไปใช้ประโยชน์กับลูกของลูกสาวของ
00:47:22 → 00:47:25 ดิฉันได้มากขึ้นเทคนิคที่ได้รับในการเข้า
00:47:25 → 00:47:30 อบรมครั้งนี้ก็คือเราได้รู้สิ่งที่ควรทำ
00:47:30 → 00:47:33 หรือไม่ทำกับเด็กและอะไรที่ได้รับที่เรา
00:47:33 → 00:47:39 จะต้องให้โอกาสการให้กำลังใจกับเด็กหรือ
00:47:39 → 00:47:43 การที่จะต้องหลีกเลี่ยงในการเข้าไปตีเค้า
00:47:43 → 00:47:45 หรืออะไรอย่าเงี้ยค่ะเราจะได้ในแนวนั้น
00:47:45 → 00:47:49 มากกว่าแล้วก็ได้มีโอกาสที่จะรู้ว่าผู้ปก
00:47:49 → 00:47:52 ครองคนอื่นๆมีปัญหาที่เหมือนเราหรือเปล่า
00:47:52 → 00:47:56 หรือว่าเด็กของเราเนี่ยเหมือนกับลูกของคน
00:47:56 → 00:47:58 อื่นหรือไม่สำหรับผู้ปกครองนะครับหรือว่า
00:47:58 → 00:48:01 คุณครูที่ที่สงสัยว่าบุตรหลานของท่านนะ
00:48:01 → 00:48:04 ครับมีภาวะหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็น
00:48:04 → 00:48:07 สมาชิสั้นหรือเปล่านะครับก็พาสามารถพา
00:48:07 → 00:48:10 น้องนะครับมาประเมินกับนักกิจกรรมบำบัดนะ
00:48:10 → 00:48:12 ครับทางคลินิกกิจกรรมบำบัดศูนย์กายภาพ
00:48:12 → 00:48:15 บำบัดมหาวิวิทยาลัยมหิดลได้นะครับทางทีม
00:48:15 → 00:48:18 กิจกรรมบำบัดของเรานะครับก็จะมีกิจกรรมนะ
00:48:18 → 00:48:21 ครับในการจัดเพื่อประเมินนะครับแล้วก็จะ
00:48:21 → 00:48:23 บอกวิเคราะห์เป็นปัญหานะครับว่าน้องมี
00:48:23 → 00:48:26 ปัญหาอะไรนะครับหรือว่าน้องควรจะต้องส่ง
00:48:26 → 00:48:29 เสริมศักยภาพทางด้านในนะครับทางเรายินดี
00:48:29 → 00:48:32 นะครับจะให้คำปรึกษาหรือว่าตรวจประเมินนะ
00:48:32 → 00:48:35 ครับสำหรับน้องๆนะครับที่ที่คุณพ่อคุณแม่
00:48:35 → 00:48:38 หรือว่าคุณครูสงสัยค่ะว่ามีสภาวะสมาธิ
00:48:38 → 00:48:40 สั้น
00:48:40 → 00:48:42 [เพลง]
00:48:42 → 00:48:45 ครับสำหรับการอบรมความรู้สู่ประชาชน
00:48:45 → 00:48:48 เรื่องเมื่อหนูเป็นสมาธิสั้นจะออกอากาศ
00:48:48 → 00:48:51 ทั้งหมด 2 ตอนท่านผู้ชมสามารถสอบถามข้อ
00:48:51 → 00:48:55 มูลได้ที่คลินิกกิจกรรมบำบัดศูนย์กายภาพ
00:48:55 → 00:48:58 บำบัดคณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดล
00:48:58 → 00:49:04 โทรศัพท์ 02 433 7098 ต่อ 1 หรือทาง
00:49:04 → 00:49:09 เว็บไซต www.pt.ac.th
00:49:09 → 00:49:55 [เพลง]
00:49:55 → 00:49:59 แอ