00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีค่ะหมอพรรักหมอผ่าตัดตาต้อเนื้อต้อ
00:00:03 → 00:00:06 กระจกต้อหินหมอตาเฉพาะทางและต้อหินวันนี้
00:00:06 → 00:00:10 นะคะอยากจะมาสอนทุกคนให้เรียนรู้ในเรื่อง
00:00:10 → 00:00:14 ของยาต้อหินโดยเฉพาะคนที่เป็นต้อหินนะคะ
00:00:14 → 00:00:18 ให้รีบฟังคลิปนี้เลยค่ะคนที่เป็นต้อหินนะ
00:00:18 → 00:00:21 คะสามารถที่จะรักษาได้รักษาถึงแม้ว่าต้อ
00:00:21 → 00:00:25 หินเนี่ยจะไม่ได้หายแต่ก็จะไม่บอดพอไม่
00:00:25 → 00:00:27 บอดเนี่ยก็เหมือนกับแบบคนทั่วไปที่ไม่ได้
00:00:27 → 00:00:30 เป็นอะไรเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องมารักษานะ
00:00:30 → 00:00:33 คะไม่ใช่ว่าเฮ้ยรู้สึกว่าเป็นต้อหินแล้ว
00:00:33 → 00:00:36 มันรักษาไม่ได้เนี่ยฉันไม่รักษาดีกว่าไม่
00:00:36 → 00:00:38 ได้นะคะอันนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดค่ะ
00:00:38 → 00:00:40 การรักษาต้อหินนะคะก็จะมีทั้งหมด 3 อย่าง
00:00:40 → 00:00:43 ด้วยกันค่ะอันแรกก็คือการรักษาด้วยยาอัน
00:00:43 → 00:00:46 ที่ 2 การรักษาด้วยเลเซอร์และสุดท้ายก็
00:00:46 → 00:00:49 คือการรักษาด้วยการผ่าตัดสิ่งที่เราจะ
00:00:49 → 00:00:53 โฟกัสกันในวันนี้ก็คือการรักษาด้วยย ni
00:00:54 → 00:00:57 ขึ้นชื่อว่ายารักษาโรคต้อโรคตาก็จะต้อง
00:00:57 → 00:01:00 เป็นยาหยอดตาถูกต้องมั้ยคะแต่ว่าจริงๆ
00:01:00 → 00:01:02 แล้วเนี่ยยาต้อหินก็จะมีทั้งยากินแล้วก็
00:01:02 → 00:01:06 ยาฉีดแต่เนื่องจากว่าผลแทรกซ้อนของกลุ่ม
00:01:06 → 00:01:09 ยากินเนี่ยจะเป็นเผลแทรกซ้อนที่แกซ้อนที่
00:01:09 → 00:01:12 ค่อนข้างรุดแดงดังนั้นเนี่ยการที่จะรักษา
00:01:12 → 00:01:15 ต้อหินด้วยยากินแล้วก็กินไปตลอดชีวิต
00:01:15 → 00:01:20 เนี่ยก็ไม่นิยมเนี่ยเอ่อสิ่งที่ปลอดภัย
00:01:20 → 00:01:22 สำหรับคนไข้ที่เป็นต้อหินมากกว่าก็คือการ
00:01:23 → 00:01:26 ใช้ยาหยอดดังนั้นยาหยอดก็เลยเป็นเอ่อยา
00:01:26 → 00:01:30 ที่เอ่อใช้ในปัจจุบันในการรักษาผู้ป่วย
00:01:30 → 00:01:33 ต้อหินที่บอกไปนะคะเพราะผลข้างเคียงของ
00:01:33 → 00:01:35 มันเนี่ยน้อยบวกกับเอ่อเรื่องของ
00:01:35 → 00:01:37 ประสิทธิภาพของมันเนี่ยก็ค่อนข้างดีเลย
00:01:37 → 00:01:40 เป็นที่นิยมมากกว่าการกินยาสำหรับวันนี้
00:01:40 → 00:01:44 มาดูวัตถุประสงค์ของเราก่อนว่าทำไมหมอถึง
00:01:44 → 00:01:47 อยากจะเอาเรื่องนี้เนี่ยมาให้ทุกคนได้
00:01:47 → 00:01:50 เรียนนะคะข้อแรกก็คือยาต้อหินเนี่ยเป็น
00:01:50 → 00:01:53 เรื่องที่ขาดไม่ได้ดังนั้นการที่เรามี
00:01:53 → 00:01:56 ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของยาต้อหินก็
00:01:56 → 00:02:00 จะทำให้เราเอ๊ะไม่ขาดยาก็เห็นความสำคัญ
00:02:00 → 00:02:02 มากขึ้นเข้าใจมากขึ้นเหตุผลข้อที่ 2
00:02:02 → 00:02:05 ปัจจุบันยาต้อหินเนี่ยมีแค่ 4-5 กลุ่ม
00:02:05 → 00:02:07 เท่านั้นนะคะดังนั้นเนี่ยมันไม่ได้เป็น
00:02:07 → 00:02:10 อะไรที่ยากที่ทุกคนไม่สามารถเข้าใจได้ก็
00:02:10 → 00:02:13 คือเข้าใจได้นะก็เป็นคนทั่วไปนี่แหละเป็น
00:02:13 → 00:02:15 คนโดยเฉพาะคนที่เป็นนอกหินนี่แหละสามารถ
00:02:15 → 00:02:18 เข้าใจทั้ง 4 ทั้งยา 4 กลุ่ม 5 กลุ่มนี้
00:02:18 → 00:02:21 ได้ซึ่งวันเนี้ยหมอก็จะเอายาที่เป็นตัว
00:02:21 → 00:02:25 ใหม่ล่าสุดมาให้ทุกคนได้ฟังด้วยค่ะเหตุผล
00:02:25 → 00:02:28 ที่ 3 ที่อยากจะเอ่อให้มาเรียนดูนะคะ
00:02:28 → 00:02:31 เพราะว่ายากต้อหินเนี่ยถ้าอยู่ในกลุ่ม
00:02:31 → 00:02:35 เดียวกันจะออกลิบเหมือนกันเลยแต่ว่าจะมี
00:02:35 → 00:02:39 ชื่อยาหลายๆตัวที่แตกต่างกันไปเพราะ
00:02:39 → 00:02:44 ฉะนั้นการที่เรารู้ชื่อยาก็จะทำให้สื่อ
00:02:44 → 00:02:46 สารการเข้าใจระหว่างคุณหมอตหินด้วยใครจำ
00:02:47 → 00:02:49 ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะก็ถ่ายรูปยามาไว้
00:02:49 → 00:02:52 แล้วก็เอาให้หมอดูก็ได้ถ้าสมมุติว่าเรา
00:02:52 → 00:02:57 เข้าใจกลุ่มยาก็จะใช้หยอดตาได้ถูกต้องผล
00:02:58 → 00:03:01 ข้อที่ 4 คือพอเห็นความสำคัญแล้วยาต้อหิน
00:03:01 → 00:03:04 เนี่ยมันแบบจะเป็นเอ่อฝรั่งเขาจะใช้คำว่า
00:03:04 → 00:03:08 Sick with IT คือห้ามขาดยาทุกๆคนรู้
00:03:08 → 00:03:11 กันอยู่อ่ะสมมุติว่าเรางงมากเลยไปหาหมอ
00:03:11 → 00:03:14 แล้วไม่รู้ว่าหมอเนี่ยวินิจฉัยว่าเราเป็น
00:03:14 → 00:03:16 อะไรแต่อยู่ดีๆก็ให้ยาพวกเนี้ยมาที่เป็น
00:03:16 → 00:03:19 ยาต้อหินจำไว้เลยค่ะว่าถ้าเกิดเป็นยาต้อ
00:03:19 → 00:03:22 หิน Stick with it ห้ามขาดต้องให้คุณ
00:03:22 → 00:03:25 หมอบอกให้หยุดยาเท่านั้นหรือว่าเอ่อให้
00:03:25 → 00:03:27 คุณหมอแนะนำเท่านั้นว่าจะหยุดเมื่อไหร่นะ
00:03:27 → 00:03:29 ค่ะดังนั้นสมมุติว่าเรารู้ว่าเฮ้ยอันนี้
00:03:29 → 00:03:32 มันเป็นยาลดความดันตายาต้อหินนินาแล้วก็
00:03:32 → 00:03:34 Stick with it ก็คือหยอดอันเนี้ยไปจน
00:03:34 → 00:03:37 ถึงวันนัดหรือว่าเอ่อโต้องโทรไปถามละว่า
00:03:37 → 00:03:40 อันเนี้ยจะต้องหยุดได้ไหมเหตุผลที่ 5 ก็
00:03:40 → 00:03:43 คืออยากจะให้รู้ผลแทรกซ้อนของยาแต่ละ
00:03:43 → 00:03:46 กลุ่มว่ามีอะไรบ้างเราจะได้เอ้ยเข้าใจว่า
00:03:46 → 00:03:49 เอ้ยอันเนี้ยมันเป็นแบบเหมือนผลข้างเคียง
00:03:49 → 00:03:52 ที่ไม่แรงนะหยอดต่อได้แต่อันเนี้ยเฮ้ยลืม
00:03:52 → 00:03:55 บอกหมอนี่นาเป็นผลข้างเคียงที่แรงของยา
00:03:55 → 00:03:58 กลุ่มนี้จะได้เอ่อเตือนตัวเองเตือนหมอ
00:03:58 → 00:04:01 ด้วยครับก็จะได้แบบใช้ยาได้อย่างปลอดภัย
00:04:01 → 00:04:04 ค่ะสำหรับเนื้อหาในคทนที่จะครอบคลุมเหตุ
00:04:04 → 00:04:07 ผลที่เราจะต้องเรียนทั้งหมดนะก็คืออันแรก
00:04:07 → 00:04:10 นะคะการอ่านชนิดของยาหมออยากจะเอา
00:04:10 → 00:04:13 อันเนี้ยขึ้นมาก่อนเลยเพราะว่าบางทีอ่ะไป
00:04:13 → 00:04:16 ซื้อยาเองที่ร้านขายยาหรือว่าตามร้านค้า
00:04:16 → 00:04:20 ต่างๆตามร้านที่ขายต่างๆก็จะมีการอ่าน
00:04:20 → 00:04:23 ชื่อยาผิดบางทีหมอถามชื่อยาแต่ว่าแบบไป
00:04:23 → 00:04:25 บอกชื่อบริษัทอะไรอย่างเงี้ยก็มันก็เลยทำ
00:04:25 → 00:04:28 ให้เอ่อถ้าเกิดเรามีความรู้ระดับนึงว่า
00:04:28 → 00:04:30 อันไหนคือชื่อยาอันไหนคือคือชื่อบริษัท
00:04:30 → 00:04:33 อ่ะค่ะมันก็จะช่วยให้แบบสื่อสารกันได้
00:04:33 → 00:04:36 ง่ายขึ้น 2 อยากจะให้รู้เรื่องความดันตา
00:04:36 → 00:04:39 ค่ะเพราะว่ายาเ้อหินทุกตัวลดความดันตานะ
00:04:39 → 00:04:41 คีย์ที่สำคัญของการรักษาโรคเต้อหินตอนนี้
00:04:42 → 00:04:45 ณปัจจุบันนี้ก็คือการลดความดันตาค่ะซึ่ง
00:04:45 → 00:04:47 ตัวยาเต้อหินกลุ่มที่อยู่ในปัจจุบันก็คือ
00:04:47 → 00:04:51 ทำเพื่อลดความนานตาแต่มันก็ไม่ได้มียาที่
00:04:51 → 00:04:54 ลดความนานตาแล้วจะรักษาต้อหินได้เท่านั้น
00:04:54 → 00:04:55 ไม่มียากลุ่มอื่นอีกเดี๋ยวเรามาเรียนรู้
00:04:55 → 00:04:58 กันเนื้อหาข้อที่ 3 ที่อยากให้รู้ก็คือ
00:04:58 → 00:05:02 ประวัติของยาต้อหินไม่รู้ว่าเฮ้ยยาตัวไหน
00:05:02 → 00:05:06 นะที่เป็นยาแรกแล้วก็ยาตัวไหนที่เป็นยา
00:05:06 → 00:05:08 กลุ่มสุดท้ายที่มีในโลกของเรานี้แล้วก็
00:05:08 → 00:05:11 ใช้ยังกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกอันที่ 4
00:05:11 → 00:05:14 ก็คือกลุ่มยาต้อหินแต่ละกลุ่มซึ่งมี
00:05:14 → 00:05:17 ลักษณะพิเศษที่จำง่ายแล้วก็มีลักษณะเอ่อ
00:05:17 → 00:05:20 ที่เป็นเอ่อเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มเราก็
00:05:20 → 00:05:22 จะมาเรียนรู้กันทั้งหมด 5 กลุ่มค่ะเนื้อ
00:05:22 → 00:05:25 หาที่ 5 ที่อยากจะให้รู้คือเรื่องของ
00:05:25 → 00:05:29 ฟิวเจอร์หรืออนาคตของยาเ้อหินมันไม่ได้มี
00:05:29 → 00:05:33 แต่ยาลดความดันตานะแต่มันก็จะมียาที่ช่วย
00:05:33 → 00:05:36 กระตุ้นตัวเซลล์ทั่วประสาทตาเซลล์ประสาท
00:05:36 → 00:05:39 ตาต่างๆช่วยป้องกันเซลล์ประสาทตาไม่ให้
00:05:39 → 00:05:42 ตายง่ายบางคนความดันตาสูงแต่ว่าถ้าเกิด
00:05:43 → 00:05:46 ทั่ประสาทตาแข็งแรงเซลล์ประสาทตาแข็งแรง
00:05:46 → 00:05:49 เนี่ยตัวต้อหินก็จะไม่ตายง่ายการมองเห็น
00:05:49 → 00:05:54 ก็ยังคงดีอยู่ซึ่งอนาคตเนี่ยเค้าก็มีการ
00:05:54 → 00:05:56 ศึกษาเรื่องของยาในกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อย
00:05:56 → 00:05:58 ๆซึ่งวันนี้ก็จะมาเล่าให้ฟังด้วยใน
00:05:59 → 00:06:01 ปัจจุบันเนี่ยมันมีอนาคตที่พัฒนา
00:06:01 → 00:06:05 เทคโนโลยีไปอย่างไรบ้างโดยเฉพาะเฮ้ยไม่
00:06:05 → 00:06:07 ต้องหยอดอ่ะฝังไปเลยอะไรเงี้ยวันนี้ก็จะ
00:06:07 → 00:06:09 มาได้มาเรียนรู้นะคะแล้วก็สุดท้ายหมอจะ
00:06:09 → 00:06:12 ให้วิธีการหยอดยาที่ถูกต้องสำหรับคนที่
00:06:12 → 00:06:15 เป็นต้องหินหรือทุกทุกคนเอาไปใช้ได้เป็น
00:06:15 → 00:06:19 หัวข้อสุดท้ายเป็นปสุดท้ายค่ะเนื้อหา
00:06:19 → 00:06:23 อันดับ 1 คือการอ่านฉลากยาค่ะเอ่อเวลาที่
00:06:23 → 00:06:25 อยู่ในยาโดยเฉพาะยาต้อหินเนี่ยอันนี้ก็
00:06:25 → 00:06:28 บอกก่อนนะคะว่าเอายี่ห้อมาให้ดูเนี่ยไม่
00:06:28 → 00:06:30 ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับบริษัทยาอัน
00:06:30 → 00:06:34 นี้นะก็ถือว่าเป็นเอ่อเส study เป็นขวด
00:06:34 → 00:06:37 study ศึกษานะคะไม่ได้มีเอ่อ benefit
00:06:37 → 00:06:40 ทับซ้อน Conflict of Interest อะไรกับ
00:06:40 → 00:06:43 ตัวบริษัทยาใดๆทั้งสิ้นที่จะพูดในวันนี้
00:06:43 → 00:06:46 นะคะอ่ะทีนี้เนี่ยสมมุติว่าเราเห็นแบบนี้
00:06:46 → 00:06:49 ใช่มยลองทายกันดูนะคะว่าอันไหนเนี่ยเป็น
00:06:49 → 00:06:53 ชื่อบริษัทยาอันไหนเป็นชื่อยาแล้วก็อัน
00:06:53 → 00:06:57 ไหนเป็นชื่อยี่ห้อคือยากลุ่มต่างๆเนี่ย
00:06:57 → 00:07:00 มันจะมีชื่อที่เป็นเอ่อชื่อที่เป็นสาร
00:07:00 → 00:07:04 เคมีสารประกอบของมันกับชื่อยี่ห้อยี่ห้อ
00:07:04 → 00:07:07 เนี่ยมันก็จะมีหลายยี่ห้อได้แต่ว่าสาร
00:07:07 → 00:07:09 ประกอบเนี่ยมันเหมือนกันเพราะฉะนั้นกลไก
00:07:09 → 00:07:11 อันออกลิเนี่ยมันก็จะเหมือนกันมันก็จะ
00:07:11 → 00:07:13 เป็นยาถือเป็นยากลุ่มเดียวกันแต่ก็คนละ
00:07:13 → 00:07:16 ยี่ห้ออย่างเช่นถ้าเป็นพาราเซตามอลเนี่ย
00:07:16 → 00:07:19 ก็คือเป็นชื่อลักษณะของตัวยาแต่ว่าถ้า
00:07:19 → 00:07:21 เป็นซาร่า
00:07:21 → 00:07:24 ไิออันเนี้ยก็เป็นชื่อยี่ห้อแต่ว่าก็คือ
00:07:24 → 00:07:26 พาราเหมือนกันลดไข้เหมือนกันแก้ปวดเหมือน
00:07:26 → 00:07:28 กันเป็นต้นอย่างเงี้ยนะคะยาต้อหินก็เช่น
00:07:28 → 00:07:31 เดียวกันเพราะฉะนั้นยาต้องหินกลุ่มแรก
00:07:31 → 00:07:35 กลุ่มกลุ่มหนึก็จะมีหลายยี่ห้อเป็นต้นแบบ
00:07:35 → 00:07:38 นี้นะคะวันนี้ก็จะมาดูกันอ่ะตัวอย่างให้
00:07:38 → 00:07:41 ดูนะคะว่าตัวอันเนี้ยอันไหนเป็นชื่อ
00:07:41 → 00:07:44 ยี่ห้ออันไหนเป็นชื่อบริษัทยาแล้วก็อัน
00:07:44 → 00:07:47 ไหนเป็นชื่อส่วนประกอบเป็นชื่อเอ่อตัว
00:07:47 → 00:07:54 กลุ่มยาเป็นชื่อตัวยา
00:07:54 → 00:07:57 นะก็อย่างนี้นะครับยี่ห้อส่วนใหญ่ก็จะ
00:07:57 → 00:08:01 เล็กๆแล้วอยู่บนมุมๆอันเนี้ยก็คือ santen
00:08:01 → 00:08:04 เป็นชื่อบริษัทยาอ่ะชื่อยี่ห้อยาเนี่ยก็
00:08:04 → 00:08:07 คือจะตัวใหญ่ๆเป็นยี่ห้อนะคะก็คือทาฟ
00:08:07 → 00:08:09 เนี่ยเป็นชื่อยี่ห้อแล้วก็มีเครื่องหมาย
00:08:09 → 00:08:13 การค้าตัว R ห้อยไว้ส่วนสารประกอบที่เป็น
00:08:13 → 00:08:16 สารในเนี้ยก็จะเป็นวงเล็บข้างล่างส่วน
00:08:16 → 00:08:18 ใหญ่แล้วสารประกอบเนี่ยก็จะมีลักษณะเป็น
00:08:18 → 00:08:22 เปอร์เซ็นต์นะคะก็คือทาฟพ
00:08:22 → 00:08:25 0.005% มันก็ต้องมีความเข้มข้นด้วยว่าใน
00:08:25 → 00:08:27 ขวดเนี้ยทาฟพอน่ะมันกี่เปอร์เซ็นต์
00:08:27 → 00:08:31 อันเนี้ยก็คือเป็นชื่อสารที่เป็นยาอยู่ใน
00:08:31 → 00:08:34 ยาขวดนี้ินะคะสรุปก็คือชื่อบริษัทยาเนี่ย
00:08:34 → 00:08:38 จะอยู่แบบข้างบนๆนชื่อยี่ห้อจะอยู่ตรง
00:08:38 → 00:08:41 กลางแล้วก็ตัวใหญ่ส่วนใหญ่ส่วนใหญ่นะแล้ว
00:08:41 → 00:08:45 ก็ตัวที่เป็นสาประกอบมันน่ะเอออันเนี้ย
00:08:45 → 00:08:48 มันจะเป็นมีเปอร์เซ็นต์นำหน้าแล้วก็จะ
00:08:48 → 00:08:53 อยู่เล็กๆนะคะแบบนี้ santen คือชื่อ
00:08:53 → 00:08:56 บริษัทยาทาโฟแทนคือชื่อยี่ห้อยาแล้วสาร
00:08:56 → 00:08:59 ประกอบก็คือทาฟพอสอันนี้ก็คือคือเป็นยา
00:08:59 → 00:09:04 ต้อหินกลุ่มหนึที่จะพูดต่อไปมาดูน้ำตา
00:09:04 → 00:09:06 เทียมกันบ้างน้ำตาเทียมเนี่ยก็ใช้กันบ่อย
00:09:06 → 00:09:09 ชื่อบริษัทยาจะอยู่มุบนอันนี้ก็คือเป็น
00:09:09 → 00:09:12 ชื่อบริษัทยาก็คืออคอนตัวชื่อยี่ห้อก็คือ
00:09:12 → 00:09:15 จะอยู่กลางๆตัวใหญ่ๆอันนี้ที่เห็นตัวใหญ่
00:09:15 → 00:09:18 สุดก็คือ Tear Natural Free อันนี้เป็น
00:09:18 → 00:09:22 ชื่อยี่ห้อ tnf Tear Natural Free
00:09:22 → 00:09:24 ส่วนสารประกอบเขาก็เขียนว่าเป็น lubricant
00:09:24 → 00:09:26 Eye Drop หรือว่า artificial Tear
00:09:26 → 00:09:29 อันเนี้ยก็คือบอกว่าเป็นเยเป็นน้ำตาที
00:09:29 → 00:09:33 เียมยี่ห้อ TE Natural fre โดยบริษัท
00:09:33 → 00:09:36 อคอนเป็นต้นนะคะทุกคนก็ลองดูกันนะถ้าใคร
00:09:36 → 00:09:39 สงสัยแบบอะไรก็มาถามอยากจะให้รู้เพราะว่า
00:09:39 → 00:09:42 บางคนเนี่ยเอ่อไปซื้อยาแบโดยเฉพาะน้ำตา
00:09:42 → 00:09:44 เทียมแล้วบอกชื่อบริษัทยามาอันเนี้ยหมอจะ
00:09:44 → 00:09:47 ไม่แน่ใจว่ามันเป็นยาอะไรเนาะอ่าถ้าเกิด
00:09:47 → 00:09:52 บอกชื่อจำชื่อยี่ห้อก็ได้นะคะหรือจำจำจำ
00:09:52 → 00:09:54 ชื่อยี่ห้อก็จะดีที่สุดเพราะว่าก็จะเข้า
00:09:54 → 00:09:57 ใจกันได้ว่ามันเป็นยาอะไรก็อยากจะให้เอ่อ
00:09:57 → 00:10:01 ทุกคนนะค่ะอ่านทุกคนน่ะรู้คร่าวๆว่าอัน
00:10:01 → 00:10:04 ไหนแบบเออน่าจะเป็นชื่อตัวยาก็ถ้าเกิดจะ
00:10:04 → 00:10:08 จำอันเดียวก็คือจำชื่อยี่ห้อยามาก็จะช่วย
00:10:08 → 00:10:11 ให้หมอเนี่ยเอ่อคิดออกได้มากขึ้นว่าคนไข้
00:10:12 → 00:10:14 เนี่ยใช้ยาอะไรอย่าเป็นประจำต่อมาเรื่อง
00:10:14 → 00:10:16 ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการสร้างน้ำในลูก
00:10:16 → 00:10:20 ตาหรือว่าความดันตานั่นเองค่ะอย่างที่เคย
00:10:20 → 00:10:23 ทำคลิปเกี่ยวกับความดันตานะความดันตา
00:10:23 → 00:10:26 เนี่ยก็คือเกิดจากการที่ของเหลวของน้ำใน
00:10:26 → 00:10:30 ลูกตาเนี่ยมันผลิตออกมาเอ่อเอ่ออวัยวะที่
00:10:30 → 00:10:36 ผลิตเนี่ยก็คืออวัยวะที่เรียกว่า ciliary
00:10:36 → 00:10:40 Body และก็พอมันผลิตออกมามันก็จะต้อง
00:10:40 → 00:10:43 ระบายออกไม่งั้นมันก็ผลิตดันๆๆๆันลูกตามา
00:10:43 → 00:10:46 ใช่มั้ยคะการระบายออกเนี่ยจะระบายออกอยู่
00:10:46 → 00:10:50 ได้ 2 ทางหลังก็คือทางที่เรียกว่า tul
00:10:50 → 00:10:53 mwk กับ EM คาแนลระบายได้ 80% อีกทาง
00:10:54 → 00:10:56 หนึ่งก็คือทาง uos per of fl หรือ
00:10:57 → 00:11:02 ระบายได้ 20% สรุปว่าความดันคือค่าของของ
00:11:02 → 00:11:06 เหลวภายในลูกตาที่เกิดจากความสมดุลของการ
00:11:06 → 00:11:09 สร้างน้ำในลูกตากับการระบายออกจากนอกลูก
00:11:09 → 00:11:14 ตาการสร้างน้ำในลูกตาเราจะเรียกการสร้าง
00:11:14 → 00:11:17 การสร้างน้ำในลูกตาจะสร้างโดยอวัยวะหนึ่ง
00:11:17 → 00:11:20 ชื่อว่า sary Body การระบายออกจะระบาย
00:11:20 → 00:11:25 ออกทางช่องทางส่วนใหญ่ก็ 2-3 ช่องทางแต่
00:11:25 → 00:11:29 ว่าส่วนใหญ่จะระบายออกทาง trabecular mw
00:11:29 → 00:11:33 หรือชาเล็มคะแนว 2 ทางนี้มันจะอยู่ที่
00:11:33 → 00:11:37 ตำแหน่งมุมตาถ้าใครยังไม่เข้าใจไปดูคลิป
00:11:37 → 00:11:40 ในเรื่องของมุมตาและดูคลิปในเรื่องของ
00:11:40 → 00:11:43 ความดันตาเพราะ 2 ตำแหน่งนี้มีผลต่อการ
00:11:43 → 00:11:47 ผ่าตัดและมีผลต่อยาทั้งสิ้นเวลาที่ความ
00:11:47 → 00:11:51 ดันลูกตาจะสูงหรือต่ำจะขึ้นอยู่กับว่าการ
00:11:51 → 00:11:54 สร้างมากน้อยแค่ไหนการระบายออกมากน้อยแค่
00:11:54 → 00:11:57 ไหนถ้าการสร้างเนี่ยสร้างได้มากแต่ระบาย
00:11:57 → 00:12:01 ออกน้อยน้ำก็ก็จะเยอะความดันตาก็จะสูง
00:12:01 → 00:12:05 เหมือนที่เราเปิดก๊อกน้ำถ้าสมมุติว่าตัว
00:12:05 → 00:12:09 ไส้ตัวไส้ที่จะต้องเป็นท่อน้ำทิ้งอ่ะมัน
00:12:09 → 00:12:13 ตันมีเศษอาหารเศษเอ่อเปิดก๊อกน้ำอ่างน้ำ
00:12:13 → 00:12:17 ้งจานนะมันตันน้ำพอเปิดออกมาน้ำมันก็ล้นๆ
00:12:17 → 00:12:20 ๆแล้วก็ดันออกอ่างอเลยนะคะแต่ว่าถ้าเกิด
00:12:20 → 00:12:23 ว่าไอ้ไส้ที่เป็นท่อน้ำทิ้งเนี่ยระบายดี
00:12:23 → 00:12:26 แล้วเราเปิดทางระบายอีกน้ำไหลออกมามันก็
00:12:26 → 00:12:28 ระบายออกระบายได้ดีอันนั้นน่ะความดันตาก็
00:12:28 → 00:12:32 จะให้สูงพอความดันตาสูงแล้วทำลายตัวขั้ว
00:12:32 → 00:12:35 ประสาทตาทำลายลานสายตาอันเนี้ยถึงจะเป็น
00:12:35 → 00:12:40 ภาวะต้อหินทีนี้นะคะเราก็เชื่อว่าถ้าไม่
00:12:40 → 00:12:44 ได้เรานะก็คือมันมีงานวิจัยสรุปเป็นเอ่อ
00:12:44 → 00:12:47 ก็เห็นชัดมากว่าถ้าเกิดรักษาด้วยการลด
00:12:47 → 00:12:50 ความดันตาไม่ว่าจะใช้ยาเลเซอร์หรือผ่าตัด
00:12:50 → 00:12:53 เนี่ยจะช่วยให้ไม่บอดก็คือทำยังไงก็ได้
00:12:53 → 00:12:57 ให้ความดันตามันลดลงนะคะยาก็เช่นเดียวกัน
00:12:57 → 00:13:03 ก็ไปแอชที่เอ่อการทางรับทางทางสร้างให้
00:13:03 → 00:13:07 สร้างน้อยลงกับให้ระบายออกมากขึ้นก็ยา
00:13:07 → 00:13:10 เนี่ยก็จะ Action แค่นี้ก็ทำยังไงก็ได้
00:13:10 → 00:13:15 ให้ตัวอ่าความดันตาเนี่ยมันลดลงเพื่อจะจะ
00:13:15 → 00:13:18 ให้ไม่บอดยาก็จะไปลดลงโดยการแอชอยู่ 2
00:13:18 → 00:13:22 ที่ 1 การสร้างน้ำให้ร้างน้อยลง 2 ระบาย
00:13:22 → 00:13:26 ออกให้ระบายออกมากขึ้นแค่นี้เลยนะค่ะที
00:13:26 → 00:13:28 นี้เนี่ยถามว่าถ้าคนไม่ได้เป็นก้อหิน
00:13:28 → 00:13:30 เนี่ยการการมองเห็นจะเป็นอย่างไรอันนี้ก็
00:13:30 → 00:13:34 เป็นกราฟให้ดูนะคะตัวดูคนปกติเนี่ยจะเป็น
00:13:34 → 00:13:37 รูป A ก็คือเส้นสีเขียวนะคะการมองเห็น
00:13:37 → 00:13:41 เนี่ยข้างบนสุดเป็นการมองเห็นที่ปกติส่วน
00:13:41 → 00:13:44 ข้างล่างสุดลงมาก็คือการมองเห็นที่ดรอ
00:13:44 → 00:13:47 เส้นปะสีดำก็คือ C function impairment
00:13:47 → 00:13:50 หมายถึงว่าการมองเห็นที่แย่ทำให้ใช้ชีวิต
00:13:50 → 00:13:55 ลำบากรูป A เนี่ยเป็นรูปของคนปกติทั่วไป
00:13:55 → 00:13:58 เมื่ออายุมากขึ้นอายุเนี่ยจะเป็นเส้นกราฟ
00:13:58 → 00:14:01 แนว x นะคะก็คือตั้งแต่เกิดถึงตายใช่มั้ย
00:14:02 → 00:14:05 ก็คืออายุก็จะมากขึ้นเรื่อยๆถึงตายคนปกติ
00:14:05 → 00:14:08 เนี่ยจะเป็นแบบ a ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นต้อ
00:14:08 → 00:14:11 หินนะก็คือการมองเห็นก็จะลดลงแต่ว่าไม่
00:14:11 → 00:14:15 ถึง CV function impairment ไม่ได้ถึง
00:14:15 → 00:14:20 ว่าใช้ชีวิตไม่ได้นะคะแบบดีเนี่ยเป็นคน
00:14:20 → 00:14:26 ที่เป็นต้อหินที่คุมได้ไม่มีการโกหรือไม่
00:14:26 → 00:14:29 มีการแบบแย่ลงของโลกเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อ
00:14:29 → 00:14:33 การมองเห็นเนี่ยก็จะไม่ถึง CV function
00:14:33 → 00:14:37 impairment หรือไม่ถึงทำให้การใช้ชีวิต
00:14:37 → 00:14:40 เนี่ยไม่ได้นะอย่างถ้าเกิดเป็นรูป b ก็
00:14:40 → 00:14:44 เช่นเดียวกันก็เป็นคนที่เอ่อการเป็นต้อ
00:14:44 → 00:14:48 หินที่ไม่ได้รุนแรงมากไม่ได้รุนแรงเร็วนะ
00:14:48 → 00:14:50 b กับ D เนี่ยไม่ได้รุนแรงเร็วแต่ C
00:14:50 → 00:14:54 เนี่ยเป็นกลุ่มที่รุนแรงเร็วนะเป็นกลุ่ม
00:14:54 → 00:14:56 ที่รุนแรงเร็วแล้ว E เนี่ยก็จะเป็นต้อหิน
00:14:56 → 00:15:00 ที่รุนแรงเร็วเช่นเดียวกันนะคะไม่เอ่อ
00:15:00 → 00:15:04 อายุไม่เท่าไหร่ก็บอดเลย C ก็จะค่อยๆบอด
00:15:04 → 00:15:07 อย่างช้าๆเหมือนกันถ้าไม่ได้
00:15:07 → 00:15:11 รักษาเพราะฉะนั้นก็ C ก็ค่อยๆบอดอย่างช้า
00:15:12 → 00:15:15 ๆจนกระทั่งเสียชีวิตนะทีนี้เนี่ยจุปประสก
00:15:15 → 00:15:18 เราเนี่ยก็จะต้องยกระดับ E กับ C ให้มัน
00:15:18 → 00:15:24 ขึ้นไปเป็น b D เพราะฉะนั้นถ้าเกิดยก
00:15:24 → 00:15:28 ระดับการมองเห็นขึ้นไปเป็น BD ก็ไม่ได้มี
00:15:28 → 00:15:30 ภาวภวะที่เป็น SE function impairment
00:15:30 → 00:15:33 หรือไม่ได้มีภาวะที่สูญเสียการมองเห็นที่
00:15:33 → 00:15:38 รบกวนกเอ่อคุณภาพของชีวิตอ่ะเอ่อก็คือใช้
00:15:38 → 00:15:40 ชีวิตปกตินัแหละอันนี้ก็เป็นเพราะฉะนั้น
00:15:40 → 00:15:43 นะคะยาต้อหินหรือการรักษาต้อหินเนี่ยก็
00:15:43 → 00:15:47 ต้องยกระดับจากอี C ขึ้นไปให้ได้เป็น BD
00:15:47 → 00:15:51 โอเคนะต่อมานะคะอยากจะให้ดูเรื่องของยา
00:15:51 → 00:15:53 ต้อหินเนี่ยในโลกของเราเนี่ยเกิดขึ้น
00:15:53 → 00:15:56 เมื่อไหร่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1876 ค่ะเป็นยา
00:15:56 → 00:16:00 ตัวแรกที่ชื่อว่ายาพิโรคาปีก็อาจจะมีหลาย
00:16:00 → 00:16:03 คนได้ยาตัวนี้นะแต่ปัจจุบันเนี้ยจะบอกว่า
00:16:03 → 00:16:06 ไม่นิยมใช้กันแล้วมันจะเป็นขวดเดียวมีแบบ
00:16:06 → 00:16:09 ขวดเดียวเลยมีแบบเดียวเลยก็คือฝาสีเขียว
00:16:09 → 00:16:12 อันเนี้ยส่วนใหญ่ก็จะใช้ในกล่อนยิง
00:16:12 → 00:16:15 เลเซอร์หรือว่ากล่อนผ่าตัดตัวอ่าผ่าตัด
00:16:15 → 00:16:18 เต้าหินนี่แหละก็มาหยอดให้เอ่อม่านตาห
00:16:18 → 00:16:21 เนื่องจากว่ายาตัวเนี้ยใช้ไปใช้มาความดัน
00:16:21 → 00:16:24 ตามันขึ้นได้กับมีอาการปวดหัวมองภาพไม่
00:16:24 → 00:16:27 ชัดก็เลยเลิกใช้ในปัจจุบันนี้ไม่ใช้แล้ว
00:16:27 → 00:16:31 นะไม่ค่อยใช้ใช้ในการรักษาต้อหินต่อมาตัว
00:16:31 → 00:16:36 ที่ 2 ที่นิยมใช้มากๆเลยนะคิดดูดิว่าตั้ง
00:16:36 → 00:16:41 แต่ปี 1978 อ่ะตัวแรกก็คือตัวท moral นะ
00:16:41 → 00:16:45 ตัวนี้นะคะต่อมาเนี่ยก็พัฒนามาเรื่อยๆ
00:16:45 → 00:16:49 เป็นกลุ่มที่ 2 ก็คือโซลกับบิซเนี่ยโซล
00:16:49 → 00:16:53 มันปี 1994 ส่วนบิซมันปี 2000 อันเนี้ยก็
00:16:53 → 00:16:57 คือเอ่อเป็นยากลุ่มเดียวกันแต่ว่าตัวที่
00:16:57 → 00:17:02 เปลี่ยนวงการต้อหินเลยเนี่ยก็คือตัวลตาพอ
00:17:02 → 00:17:04 ที่ค้นพบในปี
00:17:04 → 00:17:13 1996 ไม่นานนะ 1996 อ่ะตัวแรก 1978 มา
00:17:13 → 00:17:17 1996 เกือบ 20 ปีนะที่จะค้นพบตัวยะที่ 2
00:17:18 → 00:17:20 อยากจะให้ดูตรงนี้ล่ะค่ะว่า
00:17:20 → 00:17:25 เอ่อกว่าที่จะมาค้นพบตัวยาแบบใหม่มันนาน
00:17:25 → 00:17:27 มากเลยแล้วก็ตัวสุดท้ายในปัจจุบันที่
00:17:27 → 00:17:32 เพิ่งค้นพบไปนะค้นพบในปี
00:17:32 → 00:17:37 2018 จาก 1996 แล้วก็มา 2018 มันยาวนาน
00:17:37 → 00:17:39 มากก็เลยถึงบอก
00:17:39 → 00:17:42 ว่าเราสามารถที่จะเรียนรู้ยาต้อหินได้อ่ะ
00:17:42 → 00:17:46 มันไม่ได้มีเยอะแล้วมันค่อยๆพัฒนากลุ่มยา
00:17:46 → 00:17:49 ไปอ่ะค่ะแต่กลุ่มยาที่เปลี่ยนเนี่ยก็คือ
00:17:49 → 00:17:51 1996 อันเนี้ยมันจะเป็นกลุ่มยาที่
00:17:51 → 00:17:55 เปลี่ยนวงการจริงๆแต่ก่อนเนี้ยเอ่อจะใช้
00:17:55 → 00:17:57 ยากลุ่มแรกเป็นตัวแรกแต่ว่าพอมียากลุ่ม
00:17:58 → 00:17:59 เนี้ออกมาเนี่ย
00:17:59 → 00:18:04 ก็เปลี่ยนเป็นไกด์ไลน์เป็นแนวทางให้หมอตา
00:18:04 → 00:18:07 ต้อหินทั่วโลกเนี่ยรักษาโดยใช้กลุ่มเนี้ย
00:18:07 → 00:18:11 เป็นยากลุ่มแรกก็คือยาไอ้ตัวลตาพอสเนี่ย
00:18:11 → 00:18:14 ที่ 1996 อ่ะนะเออก็เลยเปลี่ยนมาอันนี้
00:18:14 → 00:18:17 ยังไม่ต้องจำไม่ต้องจำชื่อยานะอันนี้เล่า
00:18:17 → 00:18:20 ให้ฟังเฉยๆว่าตั้งแต่ยาตัวแรกมายาตัวที่ 2
00:18:20 → 00:18:23 ที่เปลี่ยนมุงกาเนี่ยก็ 10 กว่าปีละแล้ว
00:18:23 → 00:18:26 ยาตัวใหม่ที่เป็นกลุ่มใหม่เก็ 10-20 ปี
00:18:26 → 00:18:29 อ่ะที่กว่าจะค้นพบก็คือนานมากอกว่าจะได้
00:18:29 → 00:18:33 ยากลุ่มใหม่อมาที่จะลดความดันตานะคะนี้
00:18:33 → 00:18:37 ระหว่างนี้ระหว่างที่เค้ามียากลุ่มที่
00:18:37 → 00:18:41 เรียกว่าเอ่อลตาพอส 1996 เนี่ยยากลุ่ม
00:18:41 → 00:18:45 เนี้ยจะมีการพัฒนาเยอะอ่าก็จะมีตัวนั้น
00:18:45 → 00:18:47 ตัวนี้ตัวนั้นตัวนี้สรุปยากลุ่มเนี้ยมี
00:18:47 → 00:18:50 หลายตัวมากแล้วยากลุ่มเนี้ยมีลักษณะพิเศษ
00:18:50 → 00:18:54 ยากลุ่มอื่นเนี่ยลักษณะมันสมมุติว่าใช้ยา
00:18:54 → 00:18:59 a ได้ผเอ่อใช้ยา a ไปไม่ได้ผลยากลุ่ม
00:18:59 → 00:19:02 เดียวกันมาใช้ยา B ก็ไม่ได้ผลเปลี่ยน
00:19:02 → 00:19:07 ยี่ห้อไม่ได้ผลแต่ยากลุ่มตัว 1996 latan
00:19:07 → 00:19:11 พอเนี่ยเปลี่ยนปึ๊บได้ผลเพราะฉะนั้นมันก็
00:19:11 → 00:19:15 เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมยากลุ่ม Lan พอ 1996
00:19:15 → 00:19:19 เนี่ยถึงมีการพัฒนาได้แบบไปเรื่อยๆเรืยๆๆ
00:19:19 → 00:19:23 ๆมีหลายตัวเลยตอนเมีเยอะมากนะคะสังเกตดู
00:19:23 → 00:19:26 เห็นกราฟนี้ก็จะเห็นคำว่า FC FC ก็คือ
00:19:26 → 00:19:30 เอายา 2 ตัวผสมกันเนาะหลังๆมาตั้งแต่ปี
00:19:30 → 00:19:34 เอ่อ 2000 ขึ้นมาเนี่ยจะมี FC เยอะ FC ก็
00:19:34 → 00:19:37 คือ combination กันน่ะเอ่อเอาเอายามาผสม
00:19:37 → 00:19:41 กันอย่างเงี้ยก็จะมีเยอะเพราะว่าเอ่อถ้า
00:19:41 → 00:19:44 เกิดคิดว่ายาผสมกันมันก็จะดีกว่ายาตัว
00:19:45 → 00:19:47 เดียวใช่มยแล้วก็หยอดแค่หยดเดียวได้ยา 2
00:19:47 → 00:19:49 ตัวอันนี้ก็จะพัฒนาเรื่อยมาเอาตัวนั้นมา
00:19:49 → 00:19:53 ผสมตัวนี้ตัวนั้นมาผสมตัวนี้นะคทีนี้อยาก
00:19:53 → 00:19:55 จะให้ดูยาต้อหินนะคะก็จะแบ่งง่ายๆออกมา
00:19:55 → 00:19:58 เป็น 5 กลุ่มอย่างที่บอกนะไอ้ตัวแรกสุด
00:19:58 → 00:20:02 เลยเนี่ยที่เป็นตัวพี่โคปีเนี่ยตัดทิ้งไป
00:20:02 → 00:20:05 เลยไม่นับกลุ่ม 1 จะเรียกว่ากลุ่มเบต้า
00:20:05 → 00:20:09 blx ไม่ต้องจำชื่อจำแค่ว่ากลุ่ม 1 มา
00:20:09 → 00:20:13 ก่อนกลุ่ม 1 มาก่อนกลุ่ม 2 เรียกว่า
00:20:13 → 00:20:17 carbonic แดสหรือ cei inhibitor
00:20:17 → 00:20:19 carbonic and hydrate inhibitor
00:20:19 → 00:20:22 กลุ่ม 3 เรียกว่า Alpha adic agonist
00:20:22 → 00:20:25 กลุ่ม 4 โส gin บวกไนตริกออกไซด์อันเนี้ย
00:20:25 → 00:20:27 ขอจัดให้เป็นกลุ่มเดียวกันไปเลยแล้วก็
00:20:27 → 00:20:31 กลุ่ม 5 ที่ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งพบค้นพบปี
00:20:31 → 00:20:35 2018 ไม่กี่ปีเลยอ่ะเออแล้วก็เเพิ่งเข้า
00:20:35 → 00:20:39 ไทยมาว่า 2 ปีชื่อว่า Late inhibitor
00:20:39 → 00:20:41 เป็นยากลุ่มใหม่คกลุ่ม 5 ที่เป็นความหวัง
00:20:41 → 00:20:48 ใหม่นะบอกนะคะ 1 2 3 มียาไม่กี่ตัว
00:20:48 → 00:20:52 เอ่อยี่ห้อไม่กี่ยี่ห้อไม่ได้พัฒนามาก
00:20:52 → 00:20:54 เพราะว่าสมมุติว่าใช้ไม่ได้กลุ่ม 1 ไม่
00:20:54 → 00:20:57 ได้ผลเปลี่ยนยี่ห้อไม่มีประโยชน์ใช้กลุ่ม
00:20:57 → 00:20:59 2 ไม่ได้ผลเปลี่ยนยี่ห้อ้อก็อาจจะไม่มี
00:20:59 → 00:21:01 ประโยชน์กลุ่ม 3 ไม่ได้ผลแต่ตัวนี้ไม่ได้
00:21:01 → 00:21:04 ผลเปลี่ยนยี่ห้อไม่มีประโยชน์แต่กลุ่ม 4
00:21:04 → 00:21:06 เปลี่ยนยี่ห้อลองเปลี่ยนยี่ห้อดูมี
00:21:06 → 00:21:09 ประโยชน์เพราะฉะนั้นเนี่ยกลุ่ม 4 ก็เลย
00:21:09 → 00:21:12 เป็นกลุ่มที่ได้รับการพัฒนามามีหลายตัว
00:21:12 → 00:21:15 มากนะแล้วก็กลุ่ม 5 กลุ่มสุดท้ายเก็มีไม่
00:21:15 → 00:21:18 ตอนเนี้มีแค่ตัวเดียวนะคะในประเทศไทยที่
00:21:18 → 00:21:20 เป็นกลุ่ม 5 ที่เกริ่นไปแล้วนะคะว่ายาต้อ
00:21:20 → 00:21:23 หินเนี่ยออก
00:21:23 → 00:21:27 ิหรือว่าแอชแค่ 2 ทางเท่านั้นทางแรกก็คือ
00:21:27 → 00:21:30 ลดการสร้างน้ำทางที่ 2 ก็คือเพิ่มการ
00:21:30 → 00:21:35 ระบายกลุ่มที่ลดการสร้างน้ำก็คือ 1 2 3
00:21:35 → 00:21:37 1 2 3 ลดการสร้างน้ำในลูกตาจะไป
00:21:37 → 00:21:41 แอคชั่นที่ลดการสร้างน้ำในลูกตาส่วนกลุ่ม
00:21:41 → 00:21:47 4 5 โส gin กับโคตรเนี่ยจะไปเพิ่มทาง
00:21:47 → 00:21:51 ระบายน้ำให้ระบายออกได้มากขึ้นนะเพราะ
00:21:51 → 00:21:54 ฉะนั้นเนี่ยบางทีเวลาหมอเลือกยานะก็อาจจะ
00:21:54 → 00:21:58 เลือกแบบเอ้ยกลุ่มที่ลดการสร้างบวกกับ
00:21:58 → 00:22:01 กลุ่มที่ช่วยระบายอย่าเงี้ยก็เลือกมามิก
00:22:01 → 00:22:04 กันมาดูกลุ่มแรกนะคะกลุ่มแรกเนี่ยเอ่อ
00:22:04 → 00:22:09 ชื่อกลุ่มว่าเบต้า blx เบต้าบอกยาที่
00:22:09 → 00:22:13 เอ่อชื่อการค้าของมันก็อาจจะมีิ moral ก
00:22:13 → 00:22:15 coop เป็นต้นอย่างนะคะกลุ่มนี้จะมี
00:22:15 → 00:22:20 ลักษณะสำคัญคือเอ่ออาจจะมีอาการเคืองได้
00:22:20 → 00:22:23 ตอนหยอดแต่ว่าไม่มากนะจากประสบการณ์แล้ว
00:22:23 → 00:22:26 ก็ที่สำคัญคนที่เป็นโรคปอดหัวใจต้องระวัง
00:22:26 → 00:22:29 ยากลุ่มนี้ไม่ได้มีเฉพาะในยาหยอดตาเท่า
00:22:29 → 00:22:33 นั้นเป็นยาที่รักษาโรคความดันกับโรคหัวใจ
00:22:33 → 00:22:35 หรือว่าใครที่เคยเป็นลักษณะเหมือนกับแบบ
00:22:35 → 00:22:39 ใจสัตวเป็นไทรรอยด์ก็จะได้กินยากลุ่มนี้
00:22:39 → 00:22:42 เหมือนกันมีเคสนึงที่ใช้ยากลุ่มนี้แล้ว
00:22:42 → 00:22:47 เอ่อเหมือนกับหัวใจเนี่ยเต้นช้าพอเต้นช้า
00:22:47 → 00:22:50 เสร็จก็มีอาการวูบเนาะมันปั๊มแบบปั๊มไม่
00:22:50 → 00:22:53 ทันไงหัวใจเต้นช้าเนี่ยก็มานอนโรงพยาบาล
00:22:53 → 00:22:55 แล้วก็พอ
00:22:55 → 00:22:58 เอ่อซักประวัติไปเป็นต้อหินแล้วได้ยากม
00:22:58 → 00:23:01 นี้ก็งดยากลุ่มนี้ไปอบหัวใจอ่ะก็กลับมา
00:23:01 → 00:23:03 เต้นเป็นปกติอันนี้ก็ต้องระวังใครที่เป็น
00:23:03 → 00:23:06 โรคหัวใจหรือโรคปอดโรคถุงลมโปงพองโรคหอบ
00:23:06 → 00:23:10 หือที่ต้องพ่นยาอะไรแบจำก็ต้องระวังนะคะ
00:23:10 → 00:23:13 ในยากลุ่มนี้แค่นั้นยากลุ่มที่ 2 นะคะก็
00:23:13 → 00:23:16 คือยากลุ่มที่ชื่อว่า CAI carbonic and
00:23:16 → 00:23:18 hydrate inhibitor อันนี้ก็เป็นตัวที่
00:23:18 → 00:23:22 ค้นพบถัดมานะยาตัวเนี้เนี่ยมันจะเป็นยา
00:23:22 → 00:23:24 กินด้วยที่ชื่อว่าไดออถ้าเกิดใครเนี่ย
00:23:25 → 00:23:27 เป็นนักินเขาที่ต้องไปแบบเออ Attitude
00:23:27 → 00:23:30 ที่สูงๆยาตัวเนี้ยก็จะเป็นยาช่วยที่ลดแบบ
00:23:30 → 00:23:32 Attitude sickness ก็คือกินแบบเหมือน
00:23:33 → 00:23:35 คล้ายๆเป็นยาขับปัสวะด้วยแต่ยาเจะมีผลต่อ
00:23:35 → 00:23:39 ไตแล้วก็มีซาฟาถ้าใครแพ้ซาฟาก็ต้องระวังย
00:23:39 → 00:23:42 ผลเป็นผลต่อไตก็คือเพราะฉะนั้นอก็กินไม่
00:23:42 → 00:23:45 ได้ับไตวายกินจะมือเท้าชาต้องกินกล้วย
00:23:45 → 00:23:48 เยอะๆสำหรับยานี้ถ้าใครได้กินส่วนใหญ่หมอ
00:23:48 → 00:23:52 จะนิยมให้แบบเอ่อคนไข้ที่มีอาการแพ้แพ้ยา
00:23:53 → 00:23:56 ต้อหินแล้วตาแบบแดงตาลอกอันนี้ก็ต้องอาจ
00:23:56 → 00:23:59 จะแบบเปลี่ยนเป็นยากินชั่วคราวก่อนให้ลด
00:23:59 → 00:24:02 ความดันตาสั้นๆก่อนผ่าตัดให้ลดความดันตา
00:24:02 → 00:24:05 ในเคสที่เป็นตหินเฉียบพันแล้วความดันตา 70
00:24:05 → 00:24:08 80 เนี่ยก็ต้องลดลงมาให้เร็วก่อนเป็นต้น
00:24:08 → 00:24:12 หยอดเนี่ยก็มันจะเป็นน้ำขุ่นๆที่ต้อง
00:24:12 → 00:24:14 เขย่าขวดก่อนหยอดหยอดวันละ 2 ครั้งเช่น
00:24:15 → 00:24:18 เดียวกันแล้วเนี่ยถ้าเกิดเอกระจกตาบวมก็
00:24:19 → 00:24:22 จะไม่นิยมแค่นั้นเองนะคะส่วนเอ่ออาจจะมี
00:24:22 → 00:24:25 ตามั้วได้ตอนหยอดไปแรกๆเนาเพราะว่ามัน
00:24:26 → 00:24:28 เป็นแบบเหมือนน้ำขุดๆเยอยจะไม่ค่อยเจอ
00:24:28 → 00:24:33 ปัญหาอะไรกับยานี้กลุ่ม 3 Alpha อินจิ
00:24:33 → 00:24:37 อะกิกลุ่มเนี้ยพบปัญหาบ่อยมากกตาแดงคนไข้
00:24:37 → 00:24:42 แพ้เยอะก็ตาแดงแพ้เยอะตาแดงเนี่ยจะลักษณะ
00:24:42 → 00:24:45 เป็นเยื่อบู่ตาที่อักเสบแล้วก็คันแล้วบาง
00:24:45 → 00:24:47 ทีเนี่ยก็เป็นแบบเหมือนผิวหนังลอกๆอันนี้
00:24:47 → 00:24:51 ก็จะเป็นลักษณะเด็ดของยากลุ่มนี้นะคะปาก
00:24:51 → 00:24:54 แห้งจมูกแห้งได้แต่ก็ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่
00:24:54 → 00:24:57 กลุ่ม 4 ก็คือกลุ่มที่เรียกว่า poa gin
00:24:57 → 00:25:00 analog ค่ะกลุ่มนี้ที่อย่างที่หมอได้
00:25:00 → 00:25:03 เล่าให้ฟังเนาะว่าพอกลุ่มเนี้ยมากลุ่ม
00:25:03 → 00:25:06 เนี้ยมันได้ผลดีมากลดความดันตาได้ดีมาก
00:25:06 → 00:25:09 เอาทางของยุโรปหรือว่าของทั่วโลกเนี่ยเขา
00:25:09 → 00:25:12 ก็เลยเปลี่ยนยาเนี่ยให้เป็นอันดับแรกเป็น
00:25:12 → 00:25:15 ยาที่ใช้ตัวแรกสำหรับคนเป็นต้อหิบเลยนะคะ
00:25:15 → 00:25:19 แต่ว่าตัวเนี้ยมันจะมีแบบผลแทรกซ้อนที่
00:25:19 → 00:25:20 เป็น
00:25:20 → 00:25:25 แบบลักษณะเด่นของมันนะก็คือ 1 ขนตายาว 2
00:25:25 → 00:25:30 ขอบตาค้ำ 3 ไขมันในเบ้าตาเนี่ยลดลงทำให้
00:25:30 → 00:25:37 เบ้าตาลึกตาดำขอบใต้ตานี่ดำเนาะคนที่เป็น
00:25:37 → 00:25:40 ข้างเดียวแล้วหยอดยาเนี่ยยไม่โอเคเพราะ
00:25:40 → 00:25:42 ฉะนั้นเนี่ยคนที่เป็นข้างเดียวก็จะไม่
00:25:42 → 00:25:44 นิยมหยอดยานี้เนื่องจากเรื่องของแบบ
00:25:44 → 00:25:48 คอสเมติกมันทำให้แบบดูไม่ค่อยโอเคก็จะไม่
00:25:48 → 00:25:53 เลือกอ่ากลุ่มนี้ก็เลยถูกพัฒนามาเรื่อยมา
00:25:53 → 00:25:57 จนเพื่อที่จะลดเอ่อผลข้างเคียงของยาตัว
00:25:57 → 00:26:04 นี้พอคนให้มีลักษณะตาแดงตาขนตายาวตาดำตา
00:26:04 → 00:26:07 ลึกอย่าเงี้ยมันก็จะดูแบบเป็นผลข้างเคียง
00:26:07 → 00:26:11 ที่ไม่โอเคค่ะก็เลยได้พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่
00:26:11 → 00:26:16 การไม่ใช้สารการโบถหรือการเปลี่ยนชนิดของ
00:26:16 → 00:26:19 ตัวจับในเซลล์เออให้มันแบบเหมือนผลสร้าง
00:26:19 → 00:26:21 เคียงน้อยลงเพราะฉะนั้นกลุ่มเจะมีการ
00:26:21 → 00:26:24 พัฒนาเยอะนะคะกลุ่มนี้ข้อเด่นๆเนี่ยทุกคน
00:26:24 → 00:26:27 เนี่ยถ้าเกิดหยอดแล้วจะรู้เลยส่วนใหญ่จะ
00:26:27 → 00:26:31 แช่อืมันจะต้องแช่เย็นนะคะเปิดแล้ว
00:26:31 → 00:26:34 ต้องแช่เย็นเนี่ยเป็นข้อเด่นของมันเพราะ
00:26:34 → 00:26:36 ว่ามันแบบเหมือนสระประกอบมันไม่ค่อย
00:26:36 → 00:26:38 เสถียงต้องอยู่ในความเย็นคะก็หยอดวันละ
00:26:38 → 00:26:41 ครั้งเดียวเท่านั้นนอกนั้น 2 ครั้งหมดเลย
00:26:41 → 00:26:45 นะแล้วก็กลุ่มสุดท้ายนะคะก็คือกลุ่ม
00:26:45 → 00:26:49 โมตอร์กลุ่มเนี้ยก็จะช่วยเพิ่มการระบาย
00:26:49 → 00:26:52 น้ำออกในลูกตาเป็นยากลุ่มใหม่เอ่อเชื่อ
00:26:52 → 00:26:58 ว่าทางระบายน้ำอ่ะที่ที่เคยบอกว่าเอ่อ
00:26:58 → 00:27:02 มันมี 2 ทางใหญ่ๆใช่มเอ่อ trabecular mw
00:27:02 → 00:27:07 chem canel uos cur alf กลุ่มเนี้ย
00:27:07 → 00:27:10 มันช่วยได้หมดเลย 3 ทางแต่กลุ่ม poa
00:27:10 → 00:27:13 gandy เนี่ยก็ช่วยแต่ส่วนใหญ่จะช่วยได้
00:27:13 → 00:27:18 แค่ UV col of ก็เลยเชื่อว่ากลุ่ม Lines
00:27:18 → 00:27:20 inhibitor เนี่ยมันจะเป็น Action ที่
00:27:20 → 00:27:24 เพิ่มการระบายน้ำได้ดีขึ้นนะคะแต่ว่าความ
00:27:24 → 00:27:26 การลดความดันตาเนี่ยก็ยังน้อยกว่าในกลุ่ม
00:27:26 → 00:27:29 posta gin น่ะก็ลดลดได้ประมาณ 20-25
00:27:29 → 00:27:32 per ในขณะที่โพส ging เนี่ยลดได้กลุ่ม 4
00:27:32 → 00:27:36 อ่ะลดลดได้เอ่อ 25-35 per กลุ่มเนี้ยลด
00:27:36 → 00:27:40 ได้ 20-25 per ค่ะสคหยอดไปแล้วตาจะแดง
00:27:40 → 00:27:43 ประมาณไม่นานอืเอ่อประมาณครึ่งชั่วโมง
00:27:43 → 00:27:45 หรืออะไรประมาณเนี้แล้วก็หายแดงอาจะมีแสบ
00:27:45 → 00:27:49 ๆได้ก็ให้ทนทนก่อนนะคะในการใช้ยากลุ่มนี้
00:27:49 → 00:27:54 แล้วเดี๋ยวสักพักนึงก็จะดีขึ้นสำหรับตัว
00:27:54 → 00:27:57 สิ่งใหม่ในยาต้อหินที่ผ่านมานะอย่างที่
00:27:57 → 00:28:01 บอกค่ะก็คือ FC ก็คือการเอายา 2 ตัวมาผสม
00:28:01 → 00:28:03 กันเ้าเรียกว่า fix ับ combination มา
00:28:03 → 00:28:06 combination กันนั่นเองส่วนใหญ่แล้วนะคะ
00:28:06 → 00:28:10 ก็จะมียืนพื้นด้วยตัว Tim moral หรือว่า
00:28:10 → 00:28:12 bet blx ก็คือกลุ่ม 1 กลุ่มหนเนี่ยจะ
00:28:13 → 00:28:17 ยืนพื้นแล้วก็บวกกับหลายๆกลุ่ม 1 + 2 1
00:28:17 → 00:28:21 + 3 1 + 4 1 + 5 1 หรือก็จะมียา
00:28:21 → 00:28:24 กลุ่มที่เอากลุ่ม 2 กับกลุ่ม 3 มาบวกกัน
00:28:24 → 00:28:27 ก็มีเช่นเดียวกันค่ะอันเนี้ยก็จะช่วยลด
00:28:27 → 00:28:30 เอ่อเรื่องของการหยอดยาที่มากเกินไปได้
00:28:30 → 00:28:33 รับสารกันบูดที่มากเกินไปอ่ะสิ่งใหม่
00:28:33 → 00:28:37 อย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของตัว
00:28:37 → 00:28:40 เอ่อการเปลี่ยนสารกันบูดแบบไม่มีสารการ
00:28:40 → 00:28:44 บูดค่ะถ้าใครเคยหยอดยาต้อหินแล้วก็หยอด
00:28:44 → 00:28:46 แบบเป็นเหมือนกระเปาะเล็กๆคล้ายๆน้ำตา
00:28:46 → 00:28:49 เทียมที่เป็นแบบใช้วันเดียวแล้วทิ้ง
00:28:49 → 00:28:52 อันเนี้ยก็คือเปลี่ยนแบบเป็นไม่มีสารการ
00:28:52 → 00:28:54 บู่แต่ข้อเสียของไม่มีสารการบู่ก็คือ
00:28:55 → 00:28:56 เนื่องจากกระเปาะมันเล็กเนาะแล้วบางที
00:28:56 → 00:29:00 เนี่ยมันเหยาะยากเอ่อหยอดไม่เข้าตาบ้าง
00:29:00 → 00:29:03 หยิบยากบีบไม่ได้บ้างมือสั่นบ้างถ้าคนที่
00:29:03 → 00:29:06 ส่งอายุแล้วมือสั่นเนี่ยก็จะใช้ยากอันนี้
00:29:06 → 00:29:10 ก็เป็นข้อจำกัดของยาที่เป็นแบบยูนิโดสนะ
00:29:10 → 00:29:13 คะเนื่องจากว่ายาต้อหินเนี่ยปัญหาที่
00:29:13 → 00:29:16 สำคัญก็คือคนไข้ลืมหยอดคนไข้ไม่อยากหยอด
00:29:16 → 00:29:19 หยอดไปไม่ดีขึ้นเลยแล้วทำไมชันต้องหยอด
00:29:19 → 00:29:22 โดยที่เอ่อคนไข้อาจจะแบบไม่ได้เข้าใจว่า
00:29:22 → 00:29:25 การหยอดเนี่ยมันจะช่วยชะลอตามกราฟที่ให้
00:29:25 → 00:29:28 ดูเนาะไม่ให้แบบมันแบบรอปลงเร็วเงี้ยเออ
00:29:28 → 00:29:31 ก็ไม่เห็นความสำคัญไม่อยากหยอดดังนั้น
00:29:31 → 00:29:34 เนี่ยอนาคตของย้าต้อหินก็คือเป็นดรอเส
00:29:34 → 00:29:38 หรือว่าเอ่อดรอปฟรีการที่ไม่ต้องหยดนะคือ
00:29:38 → 00:29:42 การเอาเอ่อจะแบ่งเป็น 2 อย่างก็คือมีการ
00:29:42 → 00:29:45 ผ่าตัดกับไม่ได้ผ่าตัดผ่าตัดเนี่ยก็คือ
00:29:45 → 00:29:48 การฝั่งยานะคะเข้าไปไม่ว่าจะเป็นเข้าไปใน
00:29:48 → 00:29:52 มุมตาเข้าไปในช่องหน้าม่านตาหรือการที่
00:29:52 → 00:29:56 ไม่ต้องขาตัดก็คือเอาไปไว้ในแบบต่อมต่อม
00:29:56 → 00:30:02 ตัวต่อมน้ำตัตาตัวแรกก็คือดู lista ของ
00:30:02 → 00:30:05 บริษัทออแกนะครับอันนี้เป็นตัวเดียวที่
00:30:06 → 00:30:09 fda approve ในปี 2020 ก็ใช้อยู่ในต่าง
00:30:09 → 00:30:12 ประเทศลักษณะเห็นมยคะว่ามันก็จะเป็นแบบ
00:30:12 → 00:30:16 เหมือนตัวฝังเหมือนตัวเล็กๆแล้วก็ใส่เข้า
00:30:16 → 00:30:20 ไปนะคะอันที่ 2 ก็คือไส ose เนี่ยจะเป็น
00:30:21 → 00:30:25 ยาทาพนะคะก็จะฝังเข้าไปในมุมตาแบบนี้เป็น
00:30:25 → 00:30:28 อลูมิเนียมบางตัวก็จะวางแบบนี้นะคะคะบาง
00:30:28 → 00:30:31 ตัวก็อย่างที่บอกนะคะก็จะฝังเข้าไปตัว
00:30:31 → 00:30:34 เอ่อตัวเนี่ยตัวต่อมต่อมน้ำตาตรงเ้าเรียก
00:30:34 → 00:30:38 ว่าพังตั้มเนาะซึ่งปัจจุบันนี้นะคะไอ้
00:30:38 → 00:30:42 เทคโนโลยีที่เป็นฝังๆแบบเนี้ยมีแค่อัน
00:30:42 → 00:30:47 เดียวก็คืออันที่เรียกว่าไดิอแนที่ App
00:30:47 → 00:30:50 ในอเมริกาแต่ตัวอื่นเนี่ยยังอยู่ในขั้นทด
00:30:50 → 00:30:52 ลองเฟส 2 เฟส 3 อยู่ยังไม่ได้เอามาใช้
00:30:52 → 00:30:56 จริงในมนุษย์ซึ่งอยู่ในขั้นพัฒนาอยู่แล้ว
00:30:56 → 00:31:00 ก็ตัวดูเองก็ไม่ได้มีเข้าในประเทศไทยไม่
00:31:00 → 00:31:03 ได้ approve จากอยแต่อย่างใดส่วนใหญ่แล้ว
00:31:03 → 00:31:06 นะคะการฝังยาไอ้พวกเนี้ยก็จะอยู่ได้ 3
00:31:06 → 00:31:09 เดือนจนถึง 1 ปีแล้วแต่ชนิดของตัวยาเอ
00:31:09 → 00:31:11 สิ่งที่เขาฝังเนี่ยเขาก็เอายาไอ้เนี่ย
00:31:11 → 00:31:13 แหละที่พูดไปอ่ะ 1-5 กลุ่มส่วนใหญ่ก็จะ
00:31:13 → 00:31:15 เป็นกลุ่ม 4 ที่เป็นกลุ่มพ gin ที่เป็น
00:31:15 → 00:31:19 กลุ่มที่ิๆมาดัดแปลงแล้วก็ไปใช้ลักษณะของ
00:31:19 → 00:31:21 การปล่อยค่อยๆแล้วก็ฝังเข้าไปในตาส่วน
00:31:21 → 00:31:23 ใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มิซึ่งเอ่ออันเนี้ยก็
00:31:23 → 00:31:26 อยู่ในขั้นทดลองอยู่นะคะยังไม่ได้มีการ
00:31:26 → 00:31:29 ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันก็หวังว่าใน
00:31:29 → 00:31:33 อนาคตก็คือจะจะจะได้ใช้การต่อมานอกจากยา
00:31:33 → 00:31:36 ต้อหินที่จะช่วยลดความดันตาแล้วอย่างที่
00:31:36 → 00:31:39 บอกเกริ่นไปแรกๆอ่ะมันจะมียากลุ่มนึงที่
00:31:39 → 00:31:42 เขาจะเรียกว่า neuroprotection ก็คือการ
00:31:42 → 00:31:45 ป้องกันตัวขั้วปาสาตาค่ะไม่ให้ถูกทำลาย
00:31:45 → 00:31:48 ง่ายสร้างความแข็งแรงให้ขั้วประสาตานะคะ
00:31:48 → 00:31:51 ปัจจุบันนี้นะคะยังไม่ได้ evidence หรือ
00:31:51 → 00:31:56 หลักฐานทางงานวิจัยที่จะเอ่อเอายากลุ่ม
00:31:56 → 00:31:59 เนี้ยมาเป็นยารักษะมบงคนเขาก็ให้คนไข้
00:32:00 → 00:32:02 เอ่อได้ได้รับประทานซึ่งเดี๋ยวจะรีวิว
00:32:02 → 00:32:06 เรื่องนี้อีกทีนึงก็จะมีที่เขาพูดถึงใน
00:32:06 → 00:32:09 ไกด์ไลน์ของยุโรปอ่ะนะเขาก็จะพูดถึงยา 2
00:32:09 → 00:32:12 ตัวนะคะที่ที่ว่าก็ไม่ใช่เป็นยาหรอกเป็น
00:32:12 → 00:32:15 สารเนี่ยแหละที่เรียกว่า cic coline
00:32:15 → 00:32:19 oral solution นะเขบอกว่าถูกจิในเอ่อ
00:32:19 → 00:32:23 gla ใน C European Country นะคะส่วน
00:32:23 → 00:32:24 ตัว
00:32:24 → 00:32:29 กิงโกะ boba เนี่ยก็ใช้ในหมอบางคนแต่ทั้ง
00:32:29 → 00:32:31 นี้ทั้งนั้นไม่ได้มีงานวิใจยรับรองว่าจะ
00:32:31 → 00:32:35 ได้ผลกิงโกะ biloba เนี่ยมันก็จะมีใช้ใน
00:32:35 → 00:32:37 กลุ่มที่เป็นเอ่อโรคสมองเสื่อมป้องกัน
00:32:37 → 00:32:40 สมองเสื่อมด้วยนะคะก็จะเป็นยากลุ่มเดียว
00:32:40 → 00:32:42 กันแล้วก็เดี๋ยวจะต้องรองานวิจัยเกี่ยว
00:32:42 → 00:32:46 กับเรื่องของนโรคก็เป็นเรื่องที่เอ่อที่
00:32:46 → 00:32:49 ค่อนข้างที่จะมีการศึกษาแพร่หลายนะเพราะ
00:32:49 → 00:32:51 ว่าเอ่อเวลาที่ขั้วประสาทตามันแข็งแรงอ่ะ
00:32:51 → 00:32:54 มันก็จะทนทานต่อแบบความนานตาที่มันมาก
00:32:54 → 00:32:57 ขึ้นความนานตาที่มันไม่เสถียรเป็นต้นนะคะ
00:32:57 → 00:33:00 ก็จะช่วยช่วยให้แบบเอ่อเหมือนต้อหินเนี่ย
00:33:00 → 00:33:04 ชะลอช้าลงชะลอช้าลงได้ดังนั้นเนี่ยก็ก็
00:33:04 → 00:33:07 เป็นฟิวเจอร์อีกอันนึงที่เราก็จะรอคอยคำ
00:33:07 → 00:33:10 ตอบจากจากจากงานวิจัยอะไรต่างๆนะคะซึ่ง
00:33:10 → 00:33:13 เดี๋ยวเราก็จะติดตามต่อไปถ้าใครเนี่ยอยาก
00:33:13 → 00:33:15 ติดตามต้องเกาดติดช่องหมอไว้เลยนะกดติด
00:33:15 → 00:33:18 ตามนะคะแล้วก็กดกระดิ่งไว้นะก็จะถ้าเกิด
00:33:18 → 00:33:21 มีอะไรอัปเดตก็จะรีบเอามาแชร์ให้ทุกคนได้
00:33:22 → 00:33:24 ฟังกันนะคะสำหรับเรื่องสุดท้ายที่อยากพูด
00:33:24 → 00:33:27 ในวันนี้นะคะก็คือวิธีการหยอดยาต้อหินค่ะ
00:33:27 → 00:33:30 เอ่อปกติแล้วนะคะถ้าเกิดมียา 2 ตัวก็ห่าง
00:33:30 → 00:33:33 กัน 5 นาทีหรือว่า 2 นาก่อนที่จะหยอดยา
00:33:33 → 00:33:36 เนี่ยก็แนะนำให้ล้างมือให้สะอาดก่อนจับยา
00:33:36 → 00:33:39 เช็คยานะคะว่ามันหมดอายุหรือยังมัน expire
00:33:39 → 00:33:42 หรือยังอันนี้ใช้ได้กับทุกอย่างเลยต่อมา
00:33:42 → 00:33:45 วิธีการหยอดยาข้อแรกเนี่ยจะนั่งหรือนอน
00:33:45 → 00:33:48 หยอดยาก็ได้ค่ะถ้ายานั้นเป็นยาที่เป็น
00:33:48 → 00:33:51 กุ่นๆโดยเฉพาะกลุ่ม 2 ถ้าใครจำได้กลุ่ม 2
00:33:51 → 00:33:54 เนี่ยน้ำขุ่นลักษณะเด่นมันเลยก็จะต้องมี
00:33:54 → 00:33:57 การหยอดยาเอ้ยเขย่าขวดก่อนหยอดยาขั้นที่ 3
00:33:57 → 00:34:00 นะคะใช้มือข้างหนึ่งเอ่อดึงหนังตาลงให้
00:34:00 → 00:34:03 มันเป็นกระเปาะแล้วใช้ข้างนึงจับขวดแล้ว
00:34:03 → 00:34:07 ก็บีบขวดช้าจะจับแล้วก็บีบนะคะบีบขวดยา
00:34:07 → 00:34:12 อย่าให้ปลายขวดยามันสำที่ตาเด็ดขาดแล้วก็
00:34:12 → 00:34:15 หลับตา 1 นาทีค่ะบางคนนะคะกดหัวตาแต่การ
00:34:16 → 00:34:18 กดหัวตาไม่ได้ช่วยให้ยาออกฤทธิ์ในตาได้
00:34:18 → 00:34:21 เร็วขึ้นแต่ช่วยให้ยาเนี่ยมันไม่ลงไปใน
00:34:21 → 00:34:24 ร่างกายส่วนอื่นอย่างเช่นยากลุ่มแรกที่
00:34:24 → 00:34:26 บอกใช่มยก็คือมีปัญหาเกี่ยวกับปอดกับหัว
00:34:27 → 00:34:30 ใจถ้ากของตาเนี้ยก็จะช่วยลดตรงปัญหาที่
00:34:30 → 00:34:32 เกี่ยวกับปอดหัวใจนั้นนะคะก็กดไว้ประมาณ 1
00:34:32 → 00:34:36 นาทีก็ได้เพื่อป้องกันยาซึมเข้ากับกระแส
00:34:36 → 00:34:39 เลือดถ้ามียาขวดที่ 2 หยอดห่างกัน 5 นาที
00:34:39 → 00:34:42 แล้วก็ปิดฝาทันทีหลังหยอดทีนี้นะคะก็ถ้า
00:34:43 → 00:34:45 เกิดเวลาเก็บยาก็จะต้องเก็บให้ถูกต้องจะ
00:34:45 → 00:34:48 มียากลุ่ม 4 ที่จะต้องเก็บในตู้เย็นแล้ว
00:34:48 → 00:34:51 ก็ยากลุ่มเอ่ออื่นๆเนี่ยสามารถที่เก็บใน
00:34:51 → 00:34:54 อุณหภูมิห้องที่ไม่ไม่ไม่มากกว่า 30 องศ
00:34:54 → 00:34:57 ประมาณนี้หรือดูตามฉลากยาก็ได้แล้วก็ห้าม
00:34:57 → 00:35:00 ใช้ยาร่วมกันก็เป็นเนื้อหาทั้งหมดบางคน
00:35:00 → 00:35:03 อาจหัวบวมถ้าคนไม่ได้เป็นต้อหินอาจจะไม่
00:35:03 → 00:35:07 อินแต่ถ้าเป็นต้อหินเนี่ยก็มาฟังเถอะค่ะ
00:35:07 → 00:35:10 อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเฮ้ยยาของเรากลุ่ม
00:35:10 → 00:35:13 ไหนนะเออลองดูยาเราได้กี่ตัวน้ากลุ่มไหน
00:35:13 → 00:35:15 นะอะไรประมาณนี้เราจะได้รู้ว่าเออยาเรา
00:35:15 → 00:35:19 เนี่ยทำให้ลูกตาความดลูกตาลดจากการที่
00:35:19 → 00:35:22 เพิ่มการระบายน้ำเฮ้ยยาเราได้ยากลุ่มใหม่
00:35:22 → 00:35:25 นี่นาอะไรอย่างเงี้ยเป็นต้นมันก็จะได้
00:35:25 → 00:35:28 สนุกกับการเรียนรู้เรื่องยาต้อหินนะคะเทค
00:35:28 → 00:35:30 Message นิดเดียวค่ะรู้แล้วใช่ไมั้ยคะะ
00:35:30 → 00:35:33 ว่ายาต้อหินเนี่ยมีทั้งหมด 5 กลุ่มถ้าวัน
00:35:33 → 00:35:36 ใดก็ตามที่เราได้หยอดยาทั้ง 5 กลุ่มนี้
00:35:36 → 00:35:39 และยามันเป็นยาลดความนันตาให้ Stick with
00:35:39 → 00:35:43 it อย่าาหยอดยาอย่าหยุดยาแม้ว่าเราเนี่ย
00:35:43 → 00:35:46 อาจจะแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นยาอะไรเรา
00:35:46 → 00:35:49 เป็นโรคอะไรเราเป็นต้อหิงหรือยังแต่วันใด
00:35:49 → 00:35:52 ก็ตามที่คุณหมอจ่ายยาในกลุ่มนี้ก่อนหยุด
00:35:52 → 00:35:55 ยาฝากถามคุณหมอที่จ่ายยาว่าหยุดยาได้หรือ
00:35:55 → 00:35:58 ยังอย่าหยุดยาเองแล้วก็ขาดยาไปไม่ได้มา
00:35:58 → 00:36:01 ตามนัดอันนั้นน่ะจะอันตรายเพราะว่าเรา
00:36:01 → 00:36:06 อยากจะทำกราฟของทุกคนเป็นกราฟ a b D
00:36:06 → 00:36:10 ไม่อยากให้ทุกคนเป็นกราฟ C หรือ E มาช่วย
00:36:10 → 00:36:13 กันนะค่ะสำหรับช่องนี้นะคะก็จะนำความรู้
00:36:13 → 00:36:15 ที่อัปเดตความรู้ที่เจาะลึกเกี่ยวกับใน
00:36:16 → 00:36:19 เรื่องของตาสมองวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการ
00:36:19 → 00:36:22 hack leverage เรื่องของ Health
00:36:22 → 00:36:26 Performance ให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม
00:36:26 → 00:36:29 ๆกันแล้วก็ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงเป็นพพๆ
00:36:29 → 00:36:32 กันสำหรับวันนี้ฝากกดไลค์กดแชร์แล้วก็
00:36:32 → 00:36:35 สวัสดีค่ะ