00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:12 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 คุณผู้ฟังครับตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาที่ไป
00:00:42 → 00:00:44 บรรยายโดยเฉพาะยิ่งในสถาบันการศึกษานะ
00:00:44 → 00:00:47 ครับเราก็จะพบสถานการณ์สถานการณ์หนึ่ง
00:00:47 → 00:00:51 บ่อยๆนะครับแล้วก็บางทีเราก็เห็นในข่าว
00:00:51 → 00:00:54 ด้วยนะครับเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูลลี่
00:00:54 → 00:00:56 กันนะครับโดยมากนะครับเรื่องการบูลลี่
00:00:56 → 00:00:59 หลักๆใหญ่ๆที่คนในสังคมให้ความสนใจก็คือ
00:00:59 → 00:01:04 ในสถาบันการศึกษานะครับเพราะว่ามันส่งผล
00:01:04 → 00:01:07 เสียอย่างมากมายผมเองเวลาที่เดินทางไป
00:01:07 → 00:01:09 อุทยานในโรงเรียนผมก็จะเจอเยอะเหมือนกัน
00:01:09 → 00:01:12 เด็กๆที่ไปยุ่งเกี่ยวกับการบูลลี่ไม่ว่า
00:01:12 → 00:01:15 จะเป็นคนที่โดนบูลลี่หรือคนที่ไปบูลลี่คน
00:01:15 → 00:01:16 อื่น
00:01:16 → 00:01:18 ไปเจอเยอะจนกระทั่งผมมีความรู้สึกว่าผม
00:01:18 → 00:01:23 อยากจะตั้งชมรมครับผมตั้งชื่อชมรมว่าชมรม
00:01:23 → 00:01:25 คนบูลลี่
00:01:25 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:32 คุณผู้ฟังครับแล้วชมรมคนบูลลี่เนี่ยคนที่
00:01:32 → 00:01:35 จะมาเข้าในชมรมเนี่ยคือใครครับคือคนโดน
00:01:35 → 00:01:39 บูลลี่หรือคนที่ไปบูลลี่คนอื่น
00:01:39 → 00:01:42 ต้องบอกก่อนนะครับว่าคำว่าบูลลี่เนี่ยมัน
00:01:42 → 00:01:48 ก็ถ้าเป็นสมัยก่อนเนี่ยก็คงจะบอกว่าพอพูด
00:01:48 → 00:01:51 ถึงคำว่าบูลลี่พวกหลายคนสมัยสมัยก่อนนะ
00:01:51 → 00:01:55 แปลว่าอะไรหมายถึงอะไรแต่สมัยนี้เนี่ยผม
00:01:55 → 00:02:00 เชื่อว่าคำๆนี้ในการเป็นคำสามัญที่ไม่ว่า
00:02:00 → 00:02:03 จะใครนะชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงแม่ค้าร้าน
00:02:03 → 00:02:08 ตลาดนักวิชาการเคยได้ยินรู้และเข้าใจโดย
00:02:08 → 00:02:12 ไม่ต้องอธิบายเนี่ยว่าบูลลี่มันคืออะไร
00:02:12 → 00:02:14 แต่ถ้าใครต้องการการอธิบายผมก็จะขออนุญาต
00:02:15 → 00:02:17 อธิบายอย่างย่อๆสั้นๆเลยครับก็คือการ
00:02:17 → 00:02:18 กลั่นแกล้งกันนั่นเองนะ
00:02:18 → 00:02:21 การกลั่นแกล้งกันการไปดูถูกดูแคลนใคร
00:02:21 → 00:02:26 เนี่ยการบูลลี่เนี่ยไปไปรถทอนคุณค่าเขาไป
00:02:26 → 00:02:29 ดูถูกเหยียดหยามเขาอะไรอย่างนี้ก็อยู่ใน
00:02:29 → 00:02:31 ตระกูลของการบูลลี่ทั้งนั้นแหละไปแกล้ง
00:02:31 → 00:02:36 เขาไปทำให้เขาเดือดร้อนรำคาญถูกใจไปทำ
00:02:36 → 00:02:39 ร้ายร่างกายทำร้ายจิตใจเขาอะไรอย่างนี้นะ
00:02:39 → 00:02:41 ฮะก็คือเป็นเรื่องของการบูลลี่เนี่ยแล้ว
00:02:41 → 00:02:45 ที่มันอยากตั้งชมรมน่าจะมีคนจำนวนเยอะนะ
00:02:45 → 00:02:49 ฮะที่น่าจะต้องเข้ามาในชมรมนี้แล้วใคร
00:02:49 → 00:02:52 ต้องเข้าครับคนโดนบูลลี่หรือคนที่เป็น
00:02:52 → 00:02:56 บูลลี่เขาผมก็อยากจะบอกว่าต้องเข้ามาทั้ง
00:02:56 → 00:03:00 สองล่ะครับเพียงแต่ว่าชมรมนี้เนี่ยเข้ามา
00:03:00 → 00:03:01 เพื่ออะไรครับ
00:03:01 → 00:03:05 เพื่อจะได้รู้ว่าถ้าเกิดคุณเป็นคนที่ถูก
00:03:06 → 00:03:09 เขาบูลลี่เนี่ยคุณควรจะทำยังไง
00:03:09 → 00:03:13 คุณจะเอาตัวรอดยังไงจากการโดนบูลลี่หรือ
00:03:13 → 00:03:14 คุณจะมีความ
00:03:14 → 00:03:17 สุขมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ได้ไงถ้าคุณ
00:03:17 → 00:03:18 โดนบูลลี่
00:03:18 → 00:03:22 ในขณะเดียวกันถ้าคนที่เที่ยวไปบูลลี่ใคร
00:03:22 → 00:03:24 ต่อใครที่เอาไปกลั่นแกล้งใครต่อใครเที่ยว
00:03:24 → 00:03:27 ไปทำร้ายร่างกายทำร้ายจิตใจใครต่อใคร
00:03:27 → 00:03:31 เนี่ยเข้ามาชมรมนี้คุณก็จะได้รู้ว่า
00:03:31 → 00:03:33 ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น
00:03:33 → 00:03:36 เพราะคุณสามารถเชื่อไหมครับว่าคนจำนวนมาก
00:03:36 → 00:03:40 ทำไปโดยที่ก็ไม่รู้นะว่าทำไมถึงทำโดยไม่
00:03:40 → 00:03:43 รู้ตัวนะแต่ก็ทำ
00:03:43 → 00:03:46 เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าทำไมเราถึงทำผม
00:03:46 → 00:03:48 เชื่อว่าดีไม่ดีเราก็อาจจะเลิกทำแบบนั้น
00:03:48 → 00:03:52 นะครับหรือถ้าเรา
00:03:52 → 00:03:56 รู้ว่าทำไมแล้วถ้าเกิดเราเข้าชมรมนี้บาง
00:03:57 → 00:04:01 ทีเราก็อาจจะเข้าใจคนที่โดนบูลลี่มากขึ้น
00:04:01 → 00:04:04 เราก็อาจจะเลิกบุหรี่ไปก็ได้ก็เป็นไปได้
00:04:04 → 00:04:07 ใช่ไหมครับอันนี้ก็เป็นต้องบอกต้องเรียน
00:04:07 → 00:04:09 คุณผู้ฟังนะครับว่านี่เป็นจินตนาการของผม
00:04:09 → 00:04:12 ล้วนๆเลยนะครับเพราะว่าอะไรเพราะว่าเวลา
00:04:12 → 00:04:15 ที่เราไปเจอเด็กๆครับในสถาบันศึกษาเนี่ย
00:04:15 → 00:04:18 หลายคนเนี่ยมาปรึกษาส่วนตัวครับว่า
00:04:18 → 00:04:22 อาจารย์ครับผมโดนบูลลี่ผมทำยังไงดี
00:04:22 → 00:04:26 คือถ้าเกิดคนที่มาบูลลี่เนี่ยเคยมีเคสนึง
00:04:26 → 00:04:31 เลยนะครับมาปรึกษาว่าผมโดนบูลลี่เนี่ยผม
00:04:31 → 00:04:32 ควรทำยังไงดี
00:04:32 → 00:04:35 แทนที่ผมจะบอกว่าวันนั้นพอเขาถามปุ๊บ
00:04:35 → 00:04:37 เนี่ยแทนที่ผมเจอ
00:04:37 → 00:04:40 บอกว่าถ้าโดน bully ควรทำยังไงเนี่ย
00:04:40 → 00:04:45 ผมก็เลยนึกว่าผมควรถามเขาดีกว่าว่าคุณรู้
00:04:45 → 00:04:47 ไหมว่าทำไม
00:04:47 → 00:04:53 คนบางคนถึงไปบูลลี่คนอื่น
00:04:53 → 00:04:55 เพราะว่าผมมีความเชื่อว่า
00:04:55 → 00:04:59 ตอนนี้คนที่มาปรึกษาผมอ่ะคือคนที่โดน
00:04:59 → 00:05:04 บูลลี่เพราะฉะนั้นผมก็จะมีหลักคิดอยู่ว่า
00:05:04 → 00:05:08 ถ้าใครสักคนมาปรึกษาเราเกี่ยวกับบุคคลที่
00:05:08 → 00:05:12 3 แล้วจะถามว่าควรจะจัดการยังไงกับบุคคล
00:05:12 → 00:05:16 ที่ 3 เนี่ยผมบอกได้เลยว่าผมจะไม่ทำนะ
00:05:16 → 00:05:19 ถ้าใครมาปรึกษาผม
00:05:19 → 00:05:22 ในสถานการณ์บางอย่างที่เกี่ยวกับคนบุคคล
00:05:22 → 00:05:24 ที่ 3
00:05:24 → 00:05:27 สิ่งที่ผมจะแนะนำก็คือผมจะแนะนำคนที่มา
00:05:27 → 00:05:30 ปรึกษานี่แหละไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกกระทำ
00:05:30 → 00:05:31 หรือเป็นผู้กระทำ
00:05:31 → 00:05:35 สำหรับผมนะผมมีหลักอยู่แค่ว่าคนที่ต้อง
00:05:35 → 00:05:37 ปรับปรุงตัวหรือต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
00:05:37 → 00:05:40 เปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนอะไรก็ตามทีเนี่ย
00:05:40 → 00:05:42 คือคนที่อยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ
00:05:42 → 00:05:46 คนที่มาปรึกษาคนที่มาขอคำแนะนำนี่แหละมี
00:05:46 → 00:05:48 หน้าที่ต้องเปลี่ยนตัวเอง
00:05:48 → 00:05:52 เพราะว่าคนสองคนคุยกันแต่ว่าไปคุยเรื่อง
00:05:52 → 00:05:55 ให้คนที่ 3 เปลี่ยนแปลงตัวเองมันไม่มี
00:05:55 → 00:05:56 ครับ
00:05:56 → 00:06:00 มันไม่มีเพราะฉะนั้นวันนั้นเนี่ยคนที่มา
00:06:00 → 00:06:03 คุยกับผมคือคนที่ถูกบุหรี่
00:06:03 → 00:06:06 และถามผมว่าจะไปจัดการไงกับไอ้คนที่มา
00:06:06 → 00:06:08 บูลลี่เขา
00:06:08 → 00:06:11 อย่างนี้หลักเกณฑ์ผมเลยครับคนที่ต้อง
00:06:11 → 00:06:14 เปลี่ยนแปลงคือตัวคุณเลยแหละเพราะคุณมา
00:06:14 → 00:06:15 คุยกับผม
00:06:15 → 00:06:19 ผมจะไม่สามารถที่จะบอกให้คุณไปจัดการกับ
00:06:19 → 00:06:20 คนที่ 3 ได้
00:06:20 → 00:06:22 เขาบอกว่าเขาอยากรู้วิธีว่าจะทำยังไงกับ
00:06:22 → 00:06:25 คนที่ผมบูลลี่ใช่ไหมแต่ผมกลับฐานเพราะว่า
00:06:25 → 00:06:29 แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมคนบางคนถึงไปบูลลี่
00:06:29 → 00:06:31 คนอื่น
00:06:31 → 00:06:33 เขาก็บอกไม่รู้ครับ
00:06:33 → 00:06:37 ผมก็เลยยกตัวอย่างว่าสมมุติว่านะครับใน
00:06:37 → 00:06:40 การแข่งขันกีฬาฟุตบอลก็ได้
00:06:40 → 00:06:43 มี 2 ทีมแข่งกัน
00:06:43 → 00:06:44 แล้ว
00:06:44 → 00:06:49 นักบอลคนหนึ่งได้ลูกบอลกำลังเลี้ยงลูกบอล
00:06:49 → 00:06:53 ไปเพื่อจะไปยิงให้เข้าเข้าโกเข้าประตู
00:06:53 → 00:06:57 อีกฝั่งนึงฝั่งตรงข้ามระหว่างที่คนที่ได้
00:06:57 → 00:07:00 ลูกบอลเลี้ยงอยู่เนี่ยแล้วก็เลยจะไปยิง
00:07:00 → 00:07:03 เนี่ยปรากฏว่าไอ้ทีมคู่แข่งเนี่ยมาถึง
00:07:03 → 00:07:04 ครับ
00:07:04 → 00:07:09 ดึงเสื้อเลยครับดึงเสื้ออีกคนนึงที่กำลัง
00:07:09 → 00:07:13 เลี้ยงบอลอยู่เนี่ยผมก็ถามว่าคนที่กำลัง
00:07:13 → 00:07:16 เลี้ยงลูกบอลแล้วจะไปยิงเข้าประตูกับคน
00:07:16 → 00:07:20 ที่ดิ่งเสื้อเนี่ยคนไหนวิ่งเร็วกว่ากันดู
00:07:20 → 00:07:23 จากรูปการณ์แล้วใครวิ่งเร็วกว่ากันเขาก็
00:07:23 → 00:07:26 นึกสภาพนึงเขาบอกเออ
00:07:26 → 00:07:31 เนื่องจากว่าไอ้คนที่ต้องการสกัดน่ะมัน
00:07:31 → 00:07:34 วิ่งไม่ทันใช่ไหมมันก็เลยต้องดึงเสื้อเขา
00:07:34 → 00:07:35 ไง
00:07:35 → 00:07:37 แสดงว่า
00:07:37 → 00:07:40 ไอ้คนที่วิ่งเร็วกว่าคือใครครับคือคนที่
00:07:40 → 00:07:42 เลี้ยงลูกบอล
00:07:42 → 00:07:45 กำลังจะไปยิงมันวิ่งอยู่ข้างหน้า
00:07:45 → 00:07:49 ส่วนไอ้คนที่ต้องสกัดเนี่ยมันวิ่งไม่ทัน
00:07:49 → 00:07:52 มันวิ่งช้ากว่าเขามันก็เลยใช้วิธีอะไร
00:07:52 → 00:07:56 ครับวิ่งไม่ทันทำไงก็ดึงเสื้อสิครับซึ่ง
00:07:56 → 00:07:59 การดึงเสื้อดึงอะไรอย่างนี้มันในแง่ของ
00:07:59 → 00:08:01 กติกาฟุตบอลก็คือ found ใช่ไหม
00:08:01 → 00:08:05 ผิดกติกาผมก็เลยบอกว่าเห็นไหมว่า
00:08:05 → 00:08:09 ถ้าเราเปรียบเทียบกับคนสองคนคนนึงโดน
00:08:09 → 00:08:12 กระทำก็คือโดนบูลลี่
00:08:12 → 00:08:16 กับคนบูลลี่ก็คือคนที่ไปกระทำเขาเนี่ยถ้า
00:08:16 → 00:08:19 เทียบกรณีนี้เนี่ยคนที่โดนกระทำคือคนที่
00:08:19 → 00:08:21 วิ่งอยู่ข้างหน้าวิ่งเร็วกว่า
00:08:21 → 00:08:25 ส่วนคนที่ไปดึงเขาไปกระทำเขาก็คือคนโบลี่
00:08:25 → 00:08:29 เนี่ยดิ่งเข้าไว้เพราะอะไรเฮ้ยถ้าปล่อย
00:08:29 → 00:08:32 ให้เขาวิ่งไปข้างหน้ามันก็ยิ่งประตูดิ
00:08:32 → 00:08:35 เพราะฉะนั้นอย่ากระนั้นเลยดึงมันเลยดี
00:08:35 → 00:08:36 กว่า
00:08:36 → 00:08:39 มันวิ่งเร็วกว่าเรามันเก่งกว่าเราเราก็
00:08:39 → 00:08:43 เลยต้องทำไงต้องผิดกติกาคือถ้าเอาตัวต่อ
00:08:43 → 00:08:45 ตัววิ่งเนี่ยสู้มันไม่ได้ต้องทำไงก็ต้อง
00:08:45 → 00:08:46 นอกกติกา
00:08:46 → 00:08:49 คิดว่ากรรมการไม่เห็นดึงเสื้อมันเลยนะ
00:08:49 → 00:08:53 ครับผมก็บอกเขาว่าคุณเห็นไหมว่าส่วนใหญ่
00:08:53 → 00:08:56 คนที่ไป
00:08:56 → 00:08:59 ดึงเสื้อขาวเนี่ยเป็นเพราะอะไรเป็นเพราะ
00:08:59 → 00:09:02 ว่าสู้กันตัวต่อตัวสู้ไม่ได้ครับ
00:09:03 → 00:09:07 ต้องเล่นนอกกติกาต้องดึงมันเพราะฉะนั้น
00:09:07 → 00:09:11 ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่ไปบูลลี่คนอื่นนะ
00:09:11 → 00:09:14 เพราะอะไรรู้ไหมครับเหตุผลหนึ่งเลยนะ
00:09:14 → 00:09:19 เพราะว่าคนที่ไปบูลลี่คนอื่นเนี่ย
00:09:19 → 00:09:23 มองว่าไอ้คนนั้นเนี่ยมันเก่งกว่าเราเรา
00:09:23 → 00:09:27 อ่ะสู้มันไม่ได้ในกติกาเนี่ยก็คือมัน
00:09:27 → 00:09:29 เรียนเก่งกว่าเรา
00:09:29 → 00:09:31 สอบได้ดีกว่าเรา
00:09:31 → 00:09:36 ทำงานศิลปะสวยกว่าเราเล่นกีฬาได้เก่งกว่า
00:09:36 → 00:09:39 เรามันวิ่งเร็วกว่าเรา
00:09:39 → 00:09:42 ที่ผมอยากจะบอกกับน้องคนนั้นวันนั้นนะ
00:09:42 → 00:09:46 ครับคุณผู้ฟังก็คืออยากจะบอกเขาว่าถ้าคุณ
00:09:46 → 00:09:48 โดนบุหรี่ให้จำไว้ว่า
00:09:48 → 00:09:53 นั่นแสดงว่าตัวคุณน่ะอยู่เหนือกว่าเขาคุณ
00:09:53 → 00:09:55 เก่งกว่าเขา
00:09:55 → 00:09:59 เขาก็เลยดึงคุณไงคุณวิ่งเร็วกว่าเขา
00:09:59 → 00:10:03 เขาก็เลยต้องดึงคุณให้หลงมาตามเท่าฉัน
00:10:03 → 00:10:07 อันนั้นเป็นวิธีที่สู้กันตัวตัวเขาสู้คุณ
00:10:07 → 00:10:10 ไม่ได้ในเรื่องความเก่งในเรื่องความ
00:10:10 → 00:10:14 การเรียนในเรื่องอะไรเขาสู้คุณไม่ได้เขา
00:10:14 → 00:10:17 ก็เลยต้องใช้วิธีการดึงเสื้อคุณเอาไว้
00:10:17 → 00:10:20 ด้วยการอะไรด้วยการบูลลี่การบูลลี่ก็คือ
00:10:20 → 00:10:23 อะไรเขาก็จะพยายามหา
00:10:23 → 00:10:27 ข้อใดของคุณไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง
00:10:27 → 00:10:30 แต่ถ้าเกิดเขาสังเกตเห็นและเขาจะขยายสิ่ง
00:10:30 → 00:10:33 นั้นถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นก็ไม่ได้เป็น
00:10:33 → 00:10:36 ข้อด้อยอะไรมากมายสมมุตินะครับแล้วสังเกต
00:10:36 → 00:10:38 ไหมผมถามเขาบอกว่าน้องสังเกตไหมว่าเวลา
00:10:38 → 00:10:40 ที่คนบูลลี่กันเนี่ย
00:10:40 → 00:10:43 ไอ้คนที่โดนบูลลี่เนี่ยจะโดนไอ้คนที่
00:10:43 → 00:10:48 บูลลี่พูดอะไรบ้างยกตัวอย่างเช่นเขาก็จะ
00:10:48 → 00:10:51 มาเรียกเราว่าไอ้เตี้ยอย่างนี้
00:10:51 → 00:10:57 ไอ้ดำไอ้มืดไอ้อ้วนไอ้ผอมไออะไรคือเขาจะ
00:10:57 → 00:11:01 หาลักษณะของเราไม่ว่าจะเป็นลักษณะทาง
00:11:01 → 00:11:02 กายภาพหรือ
00:11:02 → 00:11:08 ทักษะหรืออะไรก็ตามทีเนี่ยที่เขารู้สึก
00:11:08 → 00:11:12 ว่าดูเหมือนว่ามันน่าจะเป็นข้อด้อยของเรา
00:11:12 → 00:11:16 แล้วเขาจะเอาสิ่งนั้นเนี่ยมาขยายให้มัน
00:11:16 → 00:11:18 ใหญ่ขึ้นเพื่ออะไรครับ
00:11:18 → 00:11:22 เพื่อให้เราเนี่ย
00:11:22 → 00:11:24 ลงมาด้อยเท่าเขา
00:11:24 → 00:11:28 พูดง่ายๆก็คือคนที่เที่ยวไปบูลลี่คนอื่น
00:11:28 → 00:11:30 เนี่ยส่วนใหญ่เลยนะครับ
00:11:30 → 00:11:34 เหตุผลเนี่ยมาจากเรื่องนี้เลยคือตัวเองไง
00:11:34 → 00:11:35 สู้เขาไม่ได้
00:11:35 → 00:11:40 เป็นนักบอลที่วิ่งเร็วไม่เท่าเขาถึงต้อง
00:11:40 → 00:11:43 ไปดึงเขาไงถ้าวิ่งเร็วกว่าเขาจะไปถึงเขา
00:11:43 → 00:11:47 ทำไมล่ะก็วิ่งแซงหน้าไปแล้วไปตัดลูกจบแต่
00:11:47 → 00:11:49 ที่ต้องดึงเพราะอะไรเพราะวิ่งเร็วสู้เขา
00:11:49 → 00:11:50 ไม่ได้
00:11:50 → 00:11:54 เพราะฉะนั้นเนี่ยวันนั้นที่ผมถามคำถามนี้
00:11:54 → 00:11:57 ครับคุณผู้ฟังผมอยากจะให้น้องเขารู้ว่า
00:11:57 → 00:12:02 การที่คนคนนึงโดนบูลลี่สาเหตุใหญ่ๆหลักๆ
00:12:02 → 00:12:05 ก็คือว่าคุณเหนือกว่า
00:12:05 → 00:12:09 คนที่บูลลี่คุณเนี่ยเขามองว่าคุณเนี่ยๆ
00:12:09 → 00:12:10 กว่าเขา
00:12:10 → 00:12:12 คุณเก่งกว่าเขาคุณน่ะมีดีกว่าเขาเพราะ
00:12:12 → 00:12:13 ฉะนั้น
00:12:13 → 00:12:17 ผมแค่อยากจะบอกเขาว่าอันดับแรกถ้าคุณโดน
00:12:17 → 00:12:21 บูลลี่นะจงภูมิใจคุณอาจจะไม่ชอบมันก็ได้
00:12:21 → 00:12:24 ถ้ามันไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำร้ายร่าง
00:12:24 → 00:12:27 กายให้บาดเจ็บให้ล้มตายนะความคิดแรกที่
00:12:27 → 00:12:30 ต้องเข้ามาในหัวก็คือถ้าโดนบูลลี่นะ
00:12:30 → 00:12:33 จำไว้เลยว่าไอ้คนที่บูลลี่เรา
00:12:33 → 00:12:38 เขามีลึกๆในความคิดเขาก็คือเขาสู้เราไม่
00:12:38 → 00:12:38 ได้
00:12:38 → 00:12:42 ด้วยด้านใดด้านหนึ่ง
00:12:42 → 00:12:47 เขาจึงต้องพยายามหาข้อที่เขารู้สึกว่าเรา
00:12:47 → 00:12:50 ด้อยแล้วเจอ
00:12:50 → 00:12:53 เล็กนิดเดียวแล้วเขาจะเอาสิ่งนั้นมาขยาย
00:12:53 → 00:12:54 ให้ใหญ่ขึ้น
00:12:54 → 00:12:58 เพื่อเป็นการดึงเราลงมาเพราะฉะนั้น
00:12:58 → 00:13:02 ประเด็นแรกนะครับคุณผู้ฟังผมบอกน้องคน
00:13:02 → 00:13:05 นั้นวันนั้นว่าเมื่อไหร่ที่โดนบูลลี่ให้
00:13:05 → 00:13:07 จำไว้ว่า
00:13:07 → 00:13:12 เขามองว่าเราเหนื่อยกว่าเขาและเราควรมี
00:13:12 → 00:13:16 ความภาคภูมิใจในสิ่งนี้ว่าเราเจ๋งกว่าเขา
00:13:16 → 00:13:19 ส่วนจะจัดการยังไงกับเขาเนี่ยอันนั้นอีก
00:13:19 → 00:13:20 เรื่องหนึ่ง
00:13:20 → 00:13:23 แต่สิ่งที่เราจัดการได้ก็คือเมื่อไหร่ที่
00:13:23 → 00:13:27 โดนบูลลี่อย่ารู้สึกเสียใจหรือน้อยใจหรือ
00:13:27 → 00:13:30 เลือกต่ำต่ำต้อยกับสิ่งที่เขาพูดกับสิ่ง
00:13:30 → 00:13:33 ที่เข้ามาขยายผลเพราะนั้นไม่ใช่ของจริง
00:13:33 → 00:13:38 ของจริงคือเราเหนือกว่าเขา
00:13:38 → 00:13:41 มันแทบจะเป็นอย่างนี้เสมอเลยนะครับ
00:13:41 → 00:13:44 เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเรื่องของชมรมคน
00:13:44 → 00:13:48 บูลลี่นะครับเพื่อเราจะได้เข้าใจว่าทำไม
00:13:48 → 00:13:52 เราถึงโดนบูลลี่และทำไมเขาถึงมาบุรีเรา
00:13:52 → 00:13:57 ถ้าเราแก้ตรงนี้ได้เราก็จะเบาสบายใจไป
00:13:57 → 00:13:59 เปราะหนึ่งนะครับแล้วเดี๋ยวตอนนี้เราพัก
00:13:59 → 00:14:01 ฟังเพลงสักครู่ครับคุณฟังเดี๋ยวช่วงหน้า
00:14:01 → 00:14:07 มาพบกับชมรมคนบูลลี่อีกภาคหนึ่งครับช่วง
00:14:07 → 00:14:15 หน้าครับสักครู่ครับ
00:14:15 → 00:14:24 [เพลง]
00:14:26 → 00:14:38 ห้ามมันเอามา Fever Ready You
00:14:38 → 00:14:44 [เพลง]
00:16:23 → 00:16:30 [ปรบมือ]
00:16:30 → 00:16:39 [เพลง]
00:16:52 → 00:16:55 ครับคุณผู้ฟังศัลยกรรมความสุขตอนนี้นะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับก็ว่าด้วยเรื่องของชมรมคนบูลลี่นะ
00:16:58 → 00:17:01 ครับทั้งโดนบูลลี่และก็ไปบูลลี่เขานะครับ
00:17:01 → 00:17:05 มาคนที่โดนบูลลี่และคนที่ชอบไปเที่ยว
00:17:05 → 00:17:08 บูลลี่ใครมากองรวมกันอยู่ในชมรมนี้เลย
00:17:08 → 00:17:11 ครับมารวมตัวกันเพื่ออะไรครับเพื่อเราจะ
00:17:11 → 00:17:15 ได้รู้แล้วก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
00:17:15 → 00:17:16 พฤติกรรมการบูลลี่
00:17:17 → 00:17:20 ทั้งโดนบูลลี่และเที่ยวไปบูลลี่คนอื่น
00:17:20 → 00:17:22 เพราะเราเข้าใจแล้วผมมีความเชื่อว่า
00:17:22 → 00:17:24 สถานการณ์เรื่องนี้จะดีขึ้น
00:17:24 → 00:17:28 คนที่โดนบูลลี่ก็ไม่ต้องนึกเสียใจไม่ต้อง
00:17:28 → 00:17:32 น้อยใจไม่ต้องรู้สึกต่ำต้อยเหมือนกับโดน
00:17:32 → 00:17:35 ไล่ฆ่าเพราะอะไรเพราะว่าถ้าเราเป็นคนเก่ง
00:17:35 → 00:17:37 เราเป็นคนมีค่าแล้วเนี่ยคำพูดของคนเนี่ย
00:17:37 → 00:17:41 ไม่สามารถทำให้คุณค่าของตัวเราลดลงได้เลย
00:17:41 → 00:17:44 แต่ที่ผมพูดไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ก็คือ
00:17:44 → 00:17:46 ถ้าโดนบูลลี่อันดับแรกเลย
00:17:46 → 00:17:48 จงภูมิใจเลยครับ
00:17:48 → 00:17:49 ว่า
00:17:49 → 00:17:54 ในความเป็นจริงแล้วในมุมมองของเขาเขารู้
00:17:54 → 00:17:58 สึกว่าเขาด้อยกว่าเราเราเหนือกว่าเขา
00:17:58 → 00:18:02 เขาจึงพยายามใช้กระบวนการการบูลลี่เพื่อ
00:18:02 → 00:18:04 ทำให้เราต่ำลงครับ
00:18:04 → 00:18:08 แต่จริงๆถ้าเราไม่ใส่ใจเขาก็ไม่สามารถทำ
00:18:08 → 00:18:10 ให้เราต่ำลงได้
00:18:10 → 00:18:13 ทีนี้ผมอยากจะมาขออนุญาตแบ่งปัน
00:18:13 → 00:18:17 เรื่องเกี่ยวกับชมรมคนบุรีรัมย์
00:18:17 → 00:18:20 ในมุมของคนบูลลี่
00:18:20 → 00:18:22 ในมุมของคนบูลลี่เนี่ยอย่างที่บอกแล้วใช่
00:18:22 → 00:18:24 ไหมครับว่าส่วนใหญ่นะครับจริงๆมันก็ไม่
00:18:24 → 00:18:28 ได้เป็นกฎตายตัวนะครับแต่ว่าส่วนใหญ่ที่
00:18:28 → 00:18:31 เกิดขึ้นเนี่ยเราจะพบเลยว่าคนคนนั้นเนี่ย
00:18:31 → 00:18:34 เขามีความรู้สึกว่าเขาอยากเขาด้อยจริงๆ
00:18:34 → 00:18:37 แล้วเนี่ยแล้วเขาอยากจะโดดเด่นขึ้นมาบ้าง
00:18:37 → 00:18:41 แต่วิธีการที่เขาใช้เนี่ยมันเขาเข้าใจผิด
00:18:41 → 00:18:45 ว่านั่นน่ะคือทำให้เขาให้เขาแบบ
00:18:45 → 00:18:49 มาทัดเทียมกับอีกคนนึงที่เขาแบบเฮ้ยมัน
00:18:49 → 00:18:51 เก่งกว่าเราแล้วนั่นน่ะทำให้เขารู้สึก
00:18:51 → 00:18:55 เข้ามาทักเทียมแต่เปล่าเลยครับอันนั้น
00:18:55 → 00:18:59 เนี่ยมันทำให้ตัวเขาเองอ่ะต้องถอยต่ำลงไป
00:18:59 → 00:19:02 อีกนะครับเพราะว่าอะไรเพราะว่าเอาง่ายๆ
00:19:02 → 00:19:04 ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องเดิมเลยนะครับ
00:19:04 → 00:19:08 เรื่องเรื่องการแข่งฟุตบอลเนี่ยเราเห็น
00:19:08 → 00:19:11 คู่แข่งเราเก่งกว่าเรามาเลี้ยงไปจะไปยิง
00:19:11 → 00:19:15 กำลังจะยิงลูกบอลเข้าประตูของเราแล้ว
00:19:15 → 00:19:18 เนี่ยเราวิ่งไม่ทันเขาเราก็เลยใช้กระบวน
00:19:18 → 00:19:23 การบูลลี่คือเตะตัดขามันดึงเสื้อมันอะไร
00:19:23 → 00:19:25 อีกก็ตามทีเนี่ยนะซึ่งมันผิดกติกาเนี่ย
00:19:25 → 00:19:28 แต่เราก็คาดหวังว่ากรรมการจะไม่เห็น
00:19:28 → 00:19:33 แต่ปรากฏว่าคนที่บูลลี่หรือคนที่ทำผิด
00:19:33 → 00:19:35 กติกาเหล่านี้เนี่ยลืมไปว่า
00:19:35 → 00:19:37 ส่วนใหญ่เนี่ย
00:19:37 → 00:19:40 ไม่เห็นแต่แทบจะไม่มีครับเพราะยิ่งสมัย
00:19:40 → 00:19:43 นี้ใช่ไหมฮะสมัยก่อนนี่ยังอาจจะเป็นไปได้
00:19:43 → 00:19:46 สมัยนี้ยิ่งยากเลยนะครับคือกล้องอยู่รอบ
00:19:46 → 00:19:49 ทิศเลยนะเพราะฉะนั้นเนี่ยไม่มุมใดก็มุม
00:19:49 → 00:19:51 หนึ่งเห็นแน่นอน
00:19:51 → 00:19:54 กรรมการเขาก็ต้องเห็นแน่นอนนะครับแล้วพอ
00:19:54 → 00:19:56 เห็นแล้วเกิดอะไรขึ้นครับ
00:19:56 → 00:20:00 เรากลายเป็นว่าเสียหายหนักกว่าเดิมครับ
00:20:00 → 00:20:03 ถ้าเปรียบเทียบกับฟุตบอลนะครับเขากำลังจะ
00:20:03 → 00:20:08 ยิงแล้วเรากลัวว่าเขาจะชนะเราเตะตัดขามัน
00:20:08 → 00:20:12 ดึงมันปุ๊บเราทำฟาวล์ทำฟาวล์คืออะไรครับ
00:20:12 → 00:20:16 เสียลูกโทษสิครับตอนนี้โอ้โหคือถ้าเราไม่
00:20:16 → 00:20:19 ทำฟาวล์เขาอาจจะให้เขายิงเองว่าอาจจะยิง
00:20:19 → 00:20:21 เข้าหรืออาจจะยิงไม่เข้าก็ยังไม่แน่นอน
00:20:21 → 00:20:22 ใช่ไหมครับ
00:20:22 → 00:20:26 แล้วก็อาจจะรับได้หรือรับไม่ได้อันนี้มี
00:20:26 → 00:20:28 เตือนก็เป็นเปอร์เซ็นต์ใช่ไหมครับแต่ว่า
00:20:28 → 00:20:32 ถ้าโดนฟาวล์แล้วในเขตโทษก็โดนยิงลูกโทษ
00:20:32 → 00:20:35 ทันทีโดนยิงลูกโทษนี่เปอร์เซ็นต์ที่จะ
00:20:35 → 00:20:39 เสียประตูนี่สูงขึ้นทันที
00:20:39 → 00:20:42 ที่ผมเปรียบเทียบกับฟุตบอลเนี่ยคุณผู้ฟัง
00:20:42 → 00:20:45 ครับเพราะอะไรครับมันเป็นกรณีเดียวกันเลย
00:20:45 → 00:20:46 ครับ
00:20:46 → 00:20:49 ถ้าเรารู้สึกว่าเราด้อยกว่าใครเราก็เลย
00:20:49 → 00:20:52 ใช้กระบวนการบูลลี่ดึงเขาลงมา
00:20:52 → 00:20:55 แล้วเราเข้าใจว่านี่คือทำให้เราตัวเราสูง
00:20:55 → 00:20:57 ขึ้นเปล่าเลยครับ
00:20:57 → 00:21:00 สมัยนี้ก็เหมือนกันครับเหมือนกับฟุตบอล
00:21:00 → 00:21:05 เลยครับกล้องอยู่รอบรอบสนามไปหมดครับ
00:21:05 → 00:21:08 แล้วสมัยนี้มีกล้องด้านบนด้วยนะครับที่
00:21:08 → 00:21:11 ลอยอยู่บนอากาศด้วยมันเห็นทุกอย่างชัดมาก
00:21:11 → 00:21:14 แล้วในชีวิตจริงของเราเนี่ยครับเวลาที่
00:21:14 → 00:21:17 เราไปบูลลี่ที่ไม่ใช่เกมกีฬานี้นะครับ
00:21:17 → 00:21:22 เหมือนกันเป๊ะครับกล้องหรือสายตาของคนจับ
00:21:22 → 00:21:25 จ้องอยู่เนี่ยทั้งสายตาจริงทั้งกล้องทั้ง
00:21:25 → 00:21:29 โซเชียลมีเดียอู้หูมันจับอยู่รอบเราหมด
00:21:29 → 00:21:33 โอกาสที่เราจะหลุดล่อสายตา
00:21:33 → 00:21:36 ยากมากครับแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เหมือน
00:21:36 → 00:21:39 ฟุตบอลนะเราไปทำฟาร์มในชีวิตเนี่ยไม่ใช่
00:21:39 → 00:21:42 ในเกมฟุตบอลการบูลลี่ก็คือการไปทำซาวด์
00:21:42 → 00:21:44 นี่แหละ
00:21:44 → 00:21:48 ในชีวิตทำฟาร์มโดนเตะลูกโทษคืออะไรครับ
00:21:48 → 00:21:51 เราโดนสังคมประนามนะ
00:21:51 → 00:21:54 ครับจากเดิมที่เราสู้ก็ไม่ได้อยู่แล้ว
00:21:54 → 00:21:58 เนี่ยเราเนี่ยเป็นคนทำให้ตัวเราเองเนี่ย
00:21:58 → 00:22:01 จงธรณีไปอีกเลยเพราะว่าทีนี้สังคมประนาม
00:22:01 → 00:22:04 ครับโอ้คราวนี้หนักกว่าเดิมอีกครับ
00:22:04 → 00:22:07 คือระหว่างเชื่อไหมครับว่า
00:22:07 → 00:22:11 อีกกรณีหนึ่งครับที่คนที่ไปเที่ยวไป
00:22:12 → 00:22:13 บูลลี่คนอื่นเนี่ย
00:22:13 → 00:22:16 อีกกรณีหนึ่งที่เห็นได้เยอะมากเลยก็คือคน
00:22:16 → 00:22:20 ที่มีความรู้สึกว่า
00:22:20 → 00:22:24 อยากจะทำตัวเองให้คือเขาบูลลี่เพราะเขา
00:22:24 → 00:22:26 เรียกร้องความสนใจ
00:22:26 → 00:22:30 เขาอยากจะเป็นที่สังเกตอยากจะอยากจะมีตัว
00:22:30 → 00:22:35 ตนเพียงแต่เขาลืมไปครับว่าการมีตัวตนแบบ
00:22:35 → 00:22:39 นี้เนี่ยมันเป็นจุดสนใจจริงครับไฟ
00:22:39 → 00:22:42 สปอร์ตไลท์ส่องมาจริงๆเลยครับแต่ไม่ใช่ 2
00:22:42 → 00:22:46 ในฐานะที่คุณเป็นตัวแสดงนำ
00:22:46 → 00:22:50 ไม่ได้ไฟส่องมาที่คุณจริง
00:22:50 → 00:22:52 แต่คุณไม่ได้เป็นผู้แสดงนำไม่ได้เป็นพระ
00:22:52 → 00:22:57 เอกแต่ว่าไฟส่องมาแล้วบอกว่าคุณคือผู้
00:22:57 → 00:23:00 ร้ายครับโอ้โหคราวนี้ก็เหมือนเดิมครับ
00:23:00 → 00:23:03 หนักกว่าเดิมอีกแล้วคุณผู้ฟังเชื่อไหม
00:23:03 → 00:23:05 ครับว่าในยุคปัจจุบันนี้
00:23:05 → 00:23:08 ลักษณะของการที่เข้าใจผิดประเด็นเหล่านี้
00:23:08 → 00:23:11 เนี่ยแม้กระทั่งในวงการสื่อก็มีนะครับผม
00:23:11 → 00:23:12 เคยเห็น
00:23:12 → 00:23:16 ผมชื่อว่าคุณผู้ฟังเคยน่าจะยังพอจำได้ถ้า
00:23:16 → 00:23:19 เกิดใครยังจำได้นะครับมีภาพยนตร์เรื่อง
00:23:19 → 00:23:23 หนึ่งนะครับต้องการที่จะโปรโมทหนังตัวเอง
00:23:24 → 00:23:27 โดยใช้วิธีการปกติการประมูลนั้นก็ทำโฆษณา
00:23:27 → 00:23:29 ประชาสัมพันธ์อะไรก็ไปเงี้ยก็ใช้งบประมาณ
00:23:29 → 00:23:32 เยอะนะครับแต่อันนี้วิธีที่เขาใช้ก็คือ
00:23:32 → 00:23:37 เขาใช้ดาราแสดงนำครับมาทำเรื่องบางเรื่อง
00:23:37 → 00:23:39 ที่ผิดกฎหมาย
00:23:39 → 00:23:44 ในที่สาธารณะแล้วก็เป็นข่าวเลยครับโอ้โห
00:23:44 → 00:23:49 โดนวิจารณ์แหลกราเลยแต่ว่าคนทำหนังเนี่ย
00:23:49 → 00:23:54 ทีมโฆษณาเนี่ยมองว่าอันนั้นเนี่ยคือการ
00:23:54 → 00:23:57 โฆษณาที่มีประสิทธิภาพที่สุดครับเพราะ
00:23:57 → 00:23:58 อะไร
00:23:58 → 00:24:01 แทบไม่ได้ใช้เงินเลยครับอย่างมากก็คือทำ
00:24:01 → 00:24:04 ผิดกฎหมายในที่สาธารณะบางกรณีเนี่ยโดน
00:24:04 → 00:24:06 ปรับ 500 บาทครับ
00:24:06 → 00:24:10 โดนปรับแค่ 500 บาทแต่ว่าเป็นที่กล่าว
00:24:10 → 00:24:15 ขวัญถึงในหนังสือพิมพ์ในสื่อทุกแขนงครับ
00:24:15 → 00:24:18 ทุกคนเลยรู้หมดเลยว่าเอ้าหนังเรื่องนี้
00:24:18 → 00:24:22 เสร็จแล้วนี่ที่ดาราคนนี้แสดงอ่ะพร้อมจะ
00:24:22 → 00:24:23 ฉายแล้ว
00:24:23 → 00:24:26 ทุกคนรู้หมดเลยเพราะมีการประชาสัมพันธ์
00:24:26 → 00:24:30 โดยใช้กระบวนการแบบนี้เลยครับแบบเข้าใจ
00:24:30 → 00:24:33 ผิดคือเรียกร้องความสนใจเหมือนกับคนที่ไป
00:24:33 → 00:24:36 บูลลี่เขาเนี่ยเพราะต้องการเรียกร้องความ
00:24:36 → 00:24:37 สนใจ
00:24:37 → 00:24:41 แล้วได้รับความสนใจจริงไหมจริงครับได้รับ
00:24:41 → 00:24:45 จริงเหมือนหนังเนี่ยเป็นโฆษณาแบบนี้คนรู้
00:24:45 → 00:24:48 ไหมว่าหนังมาแล้วรู้ครับแล้วสนใจไหมสนใจ
00:24:48 → 00:24:52 ครับแต่เขาสนใจในฐานะที่โอ้ย
00:24:52 → 00:24:56 ทำไมถึงโฆษณาแบบนี้ล่ะคือเสียภาพพจน์ไป
00:24:56 → 00:24:57 เลยครับ
00:24:57 → 00:25:01 หรือบางรายการรายการทีวีรายการดังๆมาราย
00:25:01 → 00:25:05 การเลยนะครับใช้กระบวนการนี้เลยครับเป็น
00:25:05 → 00:25:07 กระบวนการที่ทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูก
00:25:07 → 00:25:10 ต้องฝืนกระแสสังคม
00:25:10 → 00:25:14 เพื่ออะไรแล้วถ่ายทอดออกไปเพื่ออะไรเพื่อ
00:25:14 → 00:25:17 ให้โดนวิจารณ์ครับเพื่อให้คนด่าทั้งเมือง
00:25:17 → 00:25:20 เลยครับแต่เขามองว่านั่นน่ะคือการประสบ
00:25:20 → 00:25:22 ความสำเร็จในแง่ของการประชาสัมพันธ์ที่
00:25:22 → 00:25:25 ใช้เงินน้อยมาก
00:25:25 → 00:25:28 อย่างมากก็แค่โดนปรับไม่กี่บาท
00:25:28 → 00:25:30 แต่ว่าเป็นที่พูดถึง
00:25:30 → 00:25:34 แต่เขาลืมไปว่าถูกต้องครับคนพูดพูดถึง
00:25:34 → 00:25:38 จริงครับแต่พูดถึงในแง่ลบแล้วหลังจากนั้น
00:25:38 → 00:25:42 ชื่อเสียงคุณก็จะไปในเชิงลบ
00:25:42 → 00:25:46 ตลอดไปครับจากนั้นก่อนหน้านั้นถ้าคุณทำ
00:25:46 → 00:25:49 สิ่งดีๆมาก็ไม่เหลือเลย
00:25:49 → 00:25:53 เพราะว่าคุณเป็นคนทำลายชื่อเสียงของตัว
00:25:53 → 00:25:56 เองด้วยวิธีคิดตื้นๆแค่นี้
00:25:56 → 00:25:59 หรืออันนี้มันสืบเนื่องมาจากเรื่องของการ
00:25:59 → 00:26:02 บูลลี่คือคนบูลลี่ที่ต้องการ
00:26:02 → 00:26:06 อยากมีตัวตนอยากเป็นที่สนใจอยากให้ใครต่อ
00:26:06 → 00:26:08 ใครมาสนใจเราบ้าง
00:26:08 → 00:26:11 โดยเข้าใจผิดว่านั่นคือเป็นวิธีที่ถูก
00:26:11 → 00:26:16 ต้องแต่ว่าเขาลืมไปว่าคนสนใจเขาจริงๆครับ
00:26:16 → 00:26:20 เอาไฟส่องมาที่เขาจริงๆเขาโดดเด่นจริงๆ
00:26:20 → 00:26:23 แต่โดดเด่นในฐานะของผู้ร้าย
00:26:24 → 00:26:27 แล้วแต่ในความเป็นจริงแล้วผลที่เกิดขึ้น
00:26:27 → 00:26:30 ในชีวิตคืออะไรครับชีวิตเขาที่รู้สึกว่า
00:26:30 → 00:26:33 ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้วจนต้องจนกระทั่ง
00:26:33 → 00:26:35 มาเรียกร้องความสนใจเนี่ยเพราะใช้วิธีนี้
00:26:35 → 00:26:40 คราวนี้เลยถูกสังคมเหยียบย่ำจมธรณีไปเลย
00:26:40 → 00:26:42 ครับเพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับอันนี้คือ
00:26:42 → 00:26:45 จริงรายการของผมที่มีความรู้สึกว่า
00:26:45 → 00:26:49 อยากจะเจออยากจะมีชมรมชมรมหนึ่งให้คน
00:26:49 → 00:26:52 บูลลี่มารวมตัวกันที่นี่ครับ
00:26:52 → 00:26:55 เราจะได้เข้าใจกันและกันครับว่าคนที่โดน
00:26:55 → 00:26:57 บูลลี่ไม่ต้องเสียใจ
00:26:57 → 00:27:00 เพราะในความจริงคือเราเจ๋งกว่าเขา
00:27:00 → 00:27:04 ส่วนไอ้คนที่ไปบูลลี่เขาเนี่ยคุณอยากจะ
00:27:04 → 00:27:07 เรียกร้องความสนใจผู้ใหญ่จะมีตัวตน
00:27:07 → 00:27:11 ใช้วิธีอื่นเพราะวิธีนี้คุณจะเป็นที่สนใจ
00:27:11 → 00:27:15 จริงครับแต่ว่าในแง่ลบแล้วชีวิตคุณกลาย
00:27:15 → 00:27:19 เป็นตกต่ำมากกว่าเดิมแล้วก็จมธรณีไปเลย
00:27:19 → 00:27:22 เพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับ
00:27:22 → 00:27:24 สถานการณ์เรื่องเกี่ยวกับ bully เนี่ยผม
00:27:24 → 00:27:25 มีความเชื่อว่า
00:27:25 → 00:27:28 ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้าใจในเรื่องนี้นะครับ
00:27:28 → 00:27:32 สถานการณ์เรื่องนี้ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆแต่
00:27:32 → 00:27:35 ถ้าเรายังปล่อยให้มันดำเนินต่อไปตาม
00:27:35 → 00:27:38 ยุทธหัตถกรรมแบบนี้นะครับสถานการณ์ก็จะ
00:27:38 → 00:27:41 แย่ลงไปเรื่อยๆก็เลยเป็นที่มาของชมรมคน
00:27:41 → 00:27:45 บูลลี่นี่แหละครับรายการศัลยกรรมความสุข
00:27:45 → 00:27:47 รายการที่จะมุ่งเน้นให้ทุกท่านได้มีชีวิต
00:27:47 → 00:27:50 ที่มีความสุขมากขึ้นนะครับแล้วก็มีความ
00:27:50 → 00:27:52 ทุกข์น้อยลง
00:27:52 → 00:27:57 โดยอาศัยแง่คิดแล้วก็มุมมองของตัวเราเอง
00:27:57 → 00:28:00 วันนี้ผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ต้องลาไปก่อนนะ
00:28:00 → 00:28:02 ครับขอบพระคุณคุณผู้ฟังทุกท่านสำหรับการ
00:28:02 → 00:28:05 ติดตามอย่างสม่ำเสมอนะครับวันนี้ลาไปก่อน
00:28:05 → 00:28:09 ครับสวัสดีครับ
00:28:09 → 00:28:12 ตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของ
00:28:12 → 00:28:26 ไทย beautiful
00:28:26 → 00:28:31 [เพลง]