00:00:00 → 00:00:02 เหมือนเวลาเราดูในหนังแล้วเห็นเป็นแฟลตลน
00:00:02 → 00:00:04 อย่างเงี้ยหัวใจหยุดเต้นละแต่ณตอนนั้นน่ะ
00:00:04 → 00:00:07 สมองเราจะยังไม่ตายเพราะว่าสมองกว่าจะตาย
00:00:07 → 00:00:10 เนี่ยต้องขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างน้อย 4
00:00:10 → 00:00:13 นาทีคนที่ผ่านประสบการณ์ความตายไปแล้วคือ
00:00:13 → 00:00:15 เห็นแล้วล่ะหัวใจหยุดเต้นมันก็จะแบ่งออก
00:00:15 → 00:00:18 เป็น 3 กลุ่มกลุ่มแรกเลยภาพตัดหายไป 2
00:00:18 → 00:00:21 วันไม่รู้ว่าหายไปไหนกลุ่มที่ 2 จะเห็น
00:00:21 → 00:00:26 แสงสีขาวสว่างสุขสงบรวมสบายไปด้วยอยากที่
00:00:26 → 00:00:28 จะอยู่ในแสงกลุ่มที่ 3 ก่อนที่จะเสีย
00:00:28 → 00:00:32 ชีวิตจะมีภาพแชบย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว
00:00:33 → 00:00:36 ให้เห็นภาพตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงอดีตตอน
00:00:36 → 00:00:39 เด็กจนสุดท้ายเนี่ยเมื่อมัจจุราชจะเอาตัว
00:00:39 → 00:00:42 ไปต่อให้เอ็งเทพแค่ไหนอ่ะเอ็งก็เอาไม่
00:00:42 → 00:00:45 อยู่ร่างกายเนี้ยมันผูกพังแล้วมันไม่
00:00:45 → 00:00:48 สามารถใช้งานได้ต่อไปแล้วที่เขาออกจาก
00:00:48 → 00:00:51 ร่างนี้ไปที่อื่นเป็นการทำให้เขาพ้นทุกข์
00:00:51 → 00:00:54 เพราะฉะนั้นเราไม่ควรที่จะเสียใจมนุษย์
00:00:54 → 00:00:57 เราเนี่ยตราบใดนะที่ยังยึดอยู่กับร่าง
00:00:57 → 00:01:00 อยู่ต่อให้ร่างมันผูกพังแค่ไหนก็ไม่ม
00:01:00 → 00:01:03 ปล่อยตรงเนี้ยสำคัญพูดที่เขาเข้าใจว่า
00:01:03 → 00:01:05 ร่างเยมันอยู่ไม่ได้แล้วมันถึงเวลาที่
00:01:05 → 00:01:09 ต้องไปแล้วก็ชี้ทางให้ไปในสิ่งที่เคยทำ
00:01:09 → 00:01:13 ความดีไว้ในอดีตเวลาใช้ชีวิตน่ะให้นึกถึง
00:01:13 → 00:01:16 ว่าถ้าตอนตายถ้าเขาถามว่าในชีวิตที่ผ่าน
00:01:16 → 00:01:20 มาทำความดีอะไรบ้างขอให้นึกให้ออกเกลาแก้
00:01:20 → 00:01:24 โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:01:24 → 00:01:27 โรคสวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับ
00:01:27 → 00:01:30 รายการเกาแก้โลกค่ะซึ่งแน่นอนว่าวันนี้
00:01:30 → 00:01:33 เราก็อยู่กันกับคุณหมอเกมแพทย์เฉพาะทาง
00:01:33 → 00:01:36 บาตเดียวนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอครับค่ะซึ่ง
00:01:36 → 00:01:39 เราเคยคุยกับคุณหมอไปแล้วถึง 2 Ep นะคะ
00:01:39 → 00:01:41 แล้วก็ EP นี้ก็จะเป็นพูดถึงเกี่ยวกับ
00:01:41 → 00:01:44 เรื่องสัจธรรมของชีวิตวิธีรับมือกับความ
00:01:44 → 00:01:46 ตายความธรรมดาของชีวิตค่ะฟังหัวข้อแล้วคน
00:01:46 → 00:01:49 อาจจะอืรู้สึกน่ากลัวรู้สึกหดหู่แต่จริงๆ
00:01:49 → 00:01:51 แล้วอยากจะบอกว่ามันอาจจะไม่ได้น่ากลัว
00:01:51 → 00:01:53 ขนาดนั้นหรือต่อให้มันน่ากลัวเราก็ต้อง
00:01:53 → 00:01:55 เจออยู่ดีฉะนั้นฟังเถอะค่ะเชื่อว่าเป็น
00:01:55 → 00:01:57 ประโยชน์ต่อทุกคนอย่างมากแน่ๆนอนค่ะคำถาม
00:01:57 → 00:02:00 แรกอันนี้อยากรู้เหมือนกันว่าเคยได้ยิน
00:02:00 → 00:02:02 ตามข่าวว่าคนที่เขาตายแล้วฟื้นขึ้นมา
00:02:02 → 00:02:05 เนี่ยค่ะกรณีเคสแบบเนี้ยจริงมยหรือว่ามัน
00:02:05 → 00:02:09 เป็นแค่การมโนของคนเฉยๆคะอืก็หมอก็เคยทำ
00:02:09 → 00:02:12 คล้ายๆทำคลิปเกี่ยวกับพวกเยนะมันก็เหมือน
00:02:12 → 00:02:14 เป็นการทำรีเสิร์ชนั่นแหละเพราะว่าหมอจะ
00:02:15 → 00:02:18 ไม่ได้ดูแค่เคสไปเคสเดียวแต่หมอจะดูเคส
00:02:18 → 00:02:20 ทั้งในประเทศแล้วก็ต่างประเทศด้วยอ่าว่า
00:02:20 → 00:02:23 เกิดกี่เคสแล้วก็ต่างประเทศเกิดกี่เคส
00:02:23 → 00:02:26 เกือบทุกเคสเลยก็คือว่าส่วนใหญ่แล้วแพทย์
00:02:26 → 00:02:29 แผนปัจจุบันประเมินว่าให้ไปเสียชีวิตที่
00:02:29 → 00:02:33 บ้านตอนนั้นยังไม่ได้มีการตรวจพฟชัดเจน
00:02:33 → 00:02:36 ว่าคนไข้ตายแล้วหรือยังตรวจวัดไวทอลไซเ
00:02:36 → 00:02:39 เรียกว่าสัญญาณชีพแล้วคราวนี้พอคนไข้กลับ
00:02:39 → 00:02:42 มาอยู่ที่บ้านคนรอบตัวเห็นก็คิดว่าเออ
00:02:42 → 00:02:45 สงสัยว่าตายแล้วก็จัดงงจัดงานอันนี้ส่วน
00:02:45 → 00:02:48 นึงเลยจะเป็นแบบนี้ก็คือยังไม่ได้มีการ
00:02:48 → 00:02:53 ตายที่แท้จริง 2 พบว่าเมื่อตายแล้วยังไม่
00:02:53 → 00:02:57 ได้มีการทำชะล้างร่างกายหรือเตรียมร่าง
00:02:57 → 00:03:00 กายหรือการดองร่างกายเพื่อที่จะจะทำการ
00:03:00 → 00:03:03 ชาปนกิจก็คือยังไม่ได้อ่ายังไม่ได้เอางยย
00:03:03 → 00:03:06 ไม่ได้ฉีดยา้าพดพูดชาวตามชาว่าไม่ได้ฉีด
00:03:06 → 00:03:09 ยาดองศพอ่ะ 2 ข้อนี้ถ้าสมมุติว่าผ่านข้อ 2
00:03:09 → 00:03:12 ไปแล้วแล้วมาฟื้นเนี่ยยังไม่เคยเจอในความ
00:03:12 → 00:03:14 หมายคือถ้าฉีดยาดองศพมาเนี่ยยังไงคุณต้อง
00:03:14 → 00:03:17 ตายแน่ๆคุณจะไม่มีทางฟื้นแน่นอนเพราะ
00:03:17 → 00:03:19 ฉะนั้นมันก็จะหยุดอยู่แค่อันที่ 1 ก็คือ
00:03:19 → 00:03:23 ว่ายังไม่ได้มีการตรวจวัดสัญญาณชีพที่ชัด
00:03:23 → 00:03:26 เจนว่าตายจริงหรือเปล่าเอแล้วแบบเยคะก่อน
00:03:26 → 00:03:28 ที่คนเราจะแบบเสียชีวิตลงอวัยวะไหนที่เขา
00:03:28 → 00:03:31 จะหยุดทำงานเป็นยงแรกค่ะโดยปกติอ่ะมันจะ
00:03:31 → 00:03:34 ต้องเป็นหัวใจกันมันจะต้องหยุดเต้นอ่าหัว
00:03:34 → 00:03:36 ใจต้องหยุดเต้นกันเหมือนเวลาเราดูในหนัง
00:03:36 → 00:03:38 แล้วเห็นเป็นแฟชลายอย่างเงี้ยหัวใจหยุด
00:03:38 → 00:03:41 เต้นละแต่ณตอนนั้นน่ะสมองเราจะยังไม่ตาย
00:03:41 → 00:03:44 มันยังมีเวลาอยู่เพราะว่าสมองกว่าจะตาย
00:03:44 → 00:03:47 เนี่ยต้องขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างน้อย 4
00:03:47 → 00:03:51 นาทีสมองถึงได้ตายบางคนถึงว่าแบบว่าจมน้ำ
00:03:51 → 00:03:54 ไปแล้วเอากลับขึ้นมาปั๊มๆๆยังรอดอยู่
00:03:54 → 00:03:58 เพราะสนองก็จะทนการขาดเลือดขาดออกซิเจน
00:03:58 → 00:04:01 ได้ในระดับหนึ่งหรือบางจมน้ำแล้วน้ำเย็น
00:04:01 → 00:04:04 สมองของคนพวกนี้ก็จะอดทนต่อการขาดเลือด
00:04:04 → 00:04:06 ได้นานกว่า 4 นาทีเพราะฉะนั้นเวลาเขา
00:04:06 → 00:04:10 ประเมินคนไข้ว่าเสียชีวิตหรือไม่เสีย
00:04:10 → 00:04:14 ชีวิตนอกจากดูสัญญาณชีพแล้วหัวใจแล้วว่า
00:04:14 → 00:04:16 เต้นอยู่หรือเปล่าเขาต้องดูด้วยว่าการทำ
00:04:16 → 00:04:19 งานของสมองทำงนมันหยุดไปหรือยังวิธีการ
00:04:19 → 00:04:24 เ้าก็ตรวจอที่เาตรวจไงก็ส่องไฟอ่าดูรู
00:04:24 → 00:04:27 ม่านตาใช่มยจับตาแล้วก็กรอกไปมาดูเเรียก
00:04:27 → 00:04:30 ว่า dra อายว่าตาเนี่มันเคลื่อนที่แบบ
00:04:30 → 00:04:32 ตุ๊กตาหรือเปล่าเคยเห็นตาตุ๊กตาที่มันจะ
00:04:32 → 00:04:35 ฟิกอยู่อย่างเงี้ยเคลื่อนที่ไปยังอยู่
00:04:35 → 00:04:37 อย่างงี้อะไรอย่างเงี้ยนะเก็จะดู 2 อัน
00:04:37 → 00:04:40 นี้เบื้องต้นว่าเออแหกตาดูแล้วก็ดูว่าคน
00:04:40 → 00:04:43 ไข้นั้นเสียชีวิตหรือยังเพราะฉะนั้นสมอง
00:04:43 → 00:04:45 ก็จะเป็นส่วนที่ 2 ที่จะต้องประเมินแล้ว
00:04:45 → 00:04:47 อย่างเงี้ยค่ะหนูเคยได้ยินมาว่าก่อนที่คน
00:04:47 → 00:04:50 เราจะเสียชีวิตอ่ะเหมือนจะเป็นแชบแล้วก็
00:04:50 → 00:04:53 เป็นภาพที่เราทั้งชีวิตที่เราเคยทำต่างๆ
00:04:53 → 00:04:55 มาเพบๆขึ้นมาอยากรู้ว่าอันนี้จริงหรือ
00:04:55 → 00:04:57 เปล่าคะคุณหมอทางการแพทย์คุณหมอวินิจฉัย
00:04:57 → 00:04:59 ได้ว่ายังไงเพราะว่าคุณหมอบอกว่าสมองมัน
00:04:59 → 00:05:01 ตายหลังหัวใจใช่มยคะมันต้อง 4 นาทีหัวใจ
00:05:01 → 00:05:03 มันหยุดก่อนแล้วสมองมันถึงจะหยุดตาม
00:05:04 → 00:05:05 ฉะนั้นระหว่างที่หัวใจมันหยุดไปได้แต่
00:05:05 → 00:05:07 สมองมันยังทำงานอยู่เนี่ยมันเป็นไปได้ม
00:05:07 → 00:05:09 ว่าเออคนใคร่จะแบบเห็นภาพในอดีตที่มันฉาย
00:05:09 → 00:05:13 พึบๆๆขึ้นมาคือเขาบอกว่าไอ้ช่องว่างของ
00:05:13 → 00:05:16 เวลาตรงเนี้ยนะคนแต่ละคนที่ผ่าน
00:05:16 → 00:05:19 ประสบการณ์ความตายภาษาแพทย์ก็จะเรียกว่า
00:05:19 → 00:05:22 Near Death experience คนที่ผ่าน
00:05:22 → 00:05:24 ประสบการณ์ความตายไปแล้วคือเห็นแล้วล่ะ
00:05:24 → 00:05:27 หัวใจหยุดเต้นหรือหัวใจหยุดเต้นแล้วมีการ
00:05:27 → 00:05:30 ปั๊มมันก็จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มกลุ่มแรก
00:05:30 → 00:05:32 เลยเหมือนที่หมอเล่า Episode แล้วก็คือ
00:05:32 → 00:05:35 กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปส่งห้องฉุกเฉิน
00:05:35 → 00:05:38 ปึ๊บภาพตัดจอดับหายไป 2 วันก็ไม่ได้หายไป
00:05:39 → 00:05:42 ไหนไม่รู้ว่าหายไปไหนกลุ่มที่ 2 จะเห็น
00:05:42 → 00:05:46 แสงสีขาวอันนี้แล้วแต่บุคคลแสงนั้นจะมี
00:05:46 → 00:05:49 องค์ประกอบทางนี้สว่างสุขแล้วก็สงบจริงๆ
00:05:49 → 00:05:52 รวมสบายไปด้วยแสงนั้นเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:05:52 → 00:05:56 รู้สึกว่าอบอุ่นอยากที่จะอยู่ในแสงนั้น
00:05:56 → 00:05:58 อยากที่จะเดินตามแสงนั้นไปอันนี้เขาก็
00:05:58 → 00:06:01 เล่าประสบกการนี้มาเลยนะว่าคนที่จิตใจดี
00:06:01 → 00:06:04 ทำดีเนี่ยไปอย่างเงี้ยแสงสีขาวมาและกับ
00:06:04 → 00:06:07 กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ก่อนที่จะเสียชีวิต
00:06:07 → 00:06:12 มักจะมีภาพแชบย้อนกลับไปอย่างรวดเร็วให้
00:06:12 → 00:06:15 เห็นภาพตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงอดีตตอนเด็ก
00:06:15 → 00:06:20 ปึ๊บขึ้นมาโดยที่ในสภาวะของเราที่เราเห็น
00:06:20 → 00:06:23 เนี่ยมันจะเป็นเวลาไม่นานแต่ในสมองเรา
00:06:23 → 00:06:26 เนี่ยมันย้อนเวลากลับเข้าไปเป็นเวลาเห็นม
00:06:26 → 00:06:29 20-3 ปีสมมุติย้อนกลับไปจนถึงเด็กถามว่า
00:06:29 → 00:06:32 มันเพราะอะไรทางการแพทย์เขาก็อธิบายว่า
00:06:33 → 00:06:35 มันก็คือเรื่องของเลือดที่มันไปเลี้ยง
00:06:35 → 00:06:38 สมองนั่นแหละก็คือพอหัวใจหยุดเต้นจาก
00:06:38 → 00:06:41 สาเหตุใดๆก็แล้วแต่อาจจะหัวใจวายหรืออะไร
00:06:41 → 00:06:45 เงี้ยพอเลือดมันไม่ไปเลี้ยงสมองส่วนนึง
00:06:45 → 00:06:48 มันก็เกิดการทำงานมากกว่าอีกส่วนนึงเอ่อ
00:06:48 → 00:06:52 เหมือนกับง่ายๆว่าส่วนเนี้ยอ่ะสมองในสมอง
00:06:52 → 00:06:55 เราทั้งหมดเนี่ยมันจะมีส่วนนึงที่อึดต่อ
00:06:55 → 00:06:58 การขาดเลือดอันนี้มันชื่อว่าอะไรนะอ่าเ
00:06:58 → 00:07:02 paral อืสมองส่วนด้านข้างหูก็แล้วกันอ่า
00:07:02 → 00:07:05 สมองส่วนหูเนี่ยจะเป็นส่วนที่ทนการขาด
00:07:05 → 00:07:08 เลือดได้นานกว่าส่วนอื่นเพราะฉะนั้นในบาง
00:07:08 → 00:07:11 ทีเราก็จะเห็นว่าคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นไป
00:07:11 → 00:07:14 แล้วแต่เขายังได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นอยู่
00:07:14 → 00:07:18 ในห้องฉุกเฉินได้ยินเสียงหมอทำนู่นทำนี่
00:07:18 → 00:07:20 ได้ยินเสียงหมอตะโกนเรียกยาอย่างงู้น
00:07:20 → 00:07:21 อย่างงี้เพราะสมองส่วนนี้เขายังทำงานอยู่
00:07:22 → 00:07:25 อ่าคราวนี้พอสมองขาดเลือดในส่วนอื่นที่
00:07:25 → 00:07:28 เป็นสมองเก็บความทรงจำอย่างที่บอกว่าพอ
00:07:28 → 00:07:31 มันมีการแย่งเลือดมาเลี้ยงเนี่ยสมองส่วน
00:07:31 → 00:07:34 ที่เก็บความทรงจำก็ดูดเลือดเข้ามาเลี้ยง
00:07:34 → 00:07:36 การทำงานของมันมากขึ้นนะเพราะมันก็ไม่
00:07:36 → 00:07:40 อยากตายใช่มั้ยมันก็เลยทำให้เราย้อนภาพ
00:07:40 → 00:07:43 ที่เห็นขึ้นมาส่วนอีกสมองส่วนนึงเป็นสมอง
00:07:43 → 00:07:46 ส่วนที่ดวงตาที่ควบคุมอยู่ occipital บ
00:07:46 → 00:07:49 หรือเส้นประสาทตาเนี่ยพอมันขาดเลือดเขาก็
00:07:49 → 00:07:52 บอกว่าสาเหตุพอมันขาดเลือดเนี่ยมันก็เลย
00:07:52 → 00:07:56 ทำให้คนเนี่ยเห็นภาพเป็นสีขาวแว้บขึ้นมา
00:07:56 → 00:07:58 นี่คือคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์การทำงานของ
00:07:58 → 00:08:01 สมองนั่นแหละที่มันเริ่มมีการขาดเลือดเลย
00:08:01 → 00:08:04 ทำให้ประสบการณ์ต่างๆของแต่ละคนเนี่ยไม่
00:08:04 → 00:08:07 เหมือนกันบางคนบอกว่าภาพตัดก็จริงมองไม่
00:08:07 → 00:08:09 เห็นอะไรเลยแต่หูเขายังได้ยินเหมือนกันก็
00:08:09 → 00:08:11 มีอันนี้คือเขาฟื้นแล้วมาเล่าให้ฟังใช่
00:08:11 → 00:08:14 ประสบการณ์พวกเนี้ยอย่างที่บอกว่าหมอเคย
00:08:14 → 00:08:17 ทำคลิปพวกนี้แหละหมอก็จะไปหาของทั่วโลกคน
00:08:17 → 00:08:19 เเป็นเป็นพันเป็นหมื่นคนนะที่มี
00:08:19 → 00:08:21 ประสบการณ์ Near desperation เนี่ยก็คือ
00:08:21 → 00:08:24 ว่าประสบการณ์ใกล้ตายแต่กลับมาเล่าให้ฟัง
00:08:24 → 00:08:28 ได้ว่าเไปประสบเจออะไรมาแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:08:28 → 00:08:32 นั้นในแต่ละคนที่ประสบก็ขึ้นอยู่กับพื้น
00:08:32 → 00:08:35 ฐานและวัฒนธรรมของแต่ละคนสมมุติว่าเราไป
00:08:35 → 00:08:39 ดูเราไปอ่านเหตุการณ์ในฝรั่งไปเจอเวลาพอ
00:08:39 → 00:08:42 เว้ยประสบการณ์ใกล้ตายลืมตาขึ้นมาเจอแสง
00:08:42 → 00:08:45 สีขาวอบอุ่นเหลือเกินเจอญาติพี่น้องที่
00:08:45 → 00:08:49 เสียชีวิตไปแล้วมารอรับพาไปสู่ดินแดนอัน
00:08:49 → 00:08:53 เป็นนิรันดร์ของพระเจ้านี้คือเขื่อคือ
00:08:53 → 00:08:56 ยุโรปยุโรปใช่มั้ยศาสนาคริสต์นะถ้าเป็นคน
00:08:56 → 00:09:01 ไทยตื่นขึ้นมาปรากฏว่าเอ๊ะมีคนใส่จุง
00:09:01 → 00:09:07 กระเบนออตัวใหญ่เพาเดินไปไปถึงก็ไปยืนรอ
00:09:07 → 00:09:12 คิวมีคนหนูตัวใหญ่มากเลยพิจารณาคดีพาไปดู
00:09:12 → 00:09:15 นรกกับสวรรค์นู่นนี่นั่นก็คือความเชื่อ
00:09:15 → 00:09:18 ของคนไทยของของแต่ละพื้นที่ของของแต่ละ
00:09:18 → 00:09:22 ศาสนาวัฒนธรรมการที่เขากลับมาเล่าเรื่อง
00:09:22 → 00:09:25 จริงหรือเปล่าไม่รู้อันนี้สงสัยเหมือนกัน
00:09:25 → 00:09:29 แต่ว่าทุกคนจะเล่าเรื่องสตอรี่คล้ายๆกัน
00:09:29 → 00:09:31 อันนี้หนูก็สงสัยเหมือนกันอย่างเมื่อกี้
00:09:31 → 00:09:33 หมอพูดว่าของฝรั่งอ่ะเขาคก็ซื้อแสงสีขาว
00:09:33 → 00:09:35 เขาก็แบบไปหาพระเจ้าอะไรเงี้ยแล้วทำไมพอ
00:09:35 → 00:09:37 เป็นของไทยถึงไปนรกตลอดเลยถึงแบบว่าสน
00:09:37 → 00:09:40 ต้องจองกระเบนตลอดเลยจริงๆของฝรั่งก็มีไป
00:09:40 → 00:09:44 นรกนะนรกของฝรั่งก็ก็เป็นลักษณะมืดมีผีมี
00:09:44 → 00:09:47 อะไรแบบของเขาอ่ะนะแบบของเส่วนของไทย
00:09:47 → 00:09:51 เนี่ยในมุมมองที่คนมาเล่าเรื่องนรกเพราะ
00:09:51 → 00:09:55 ส่วนนึงอยากจะแฝงว่าให้คนทำความดีทำบุญ
00:09:55 → 00:09:58 เก็บสะสมบุญไปนะจะได้ไปสวรรค์หลีกเลี่ยง
00:09:58 → 00:10:02 การทำชั่วเรื่องเล่าจึงเป็นเรื่องที่เอา
00:10:02 → 00:10:04 มาเตือนสติเหมือนเป็นกุศโลบายหรรือเปล่า
00:10:04 → 00:10:07 เพื่ออ่าว่ามีนรกจริงๆนะอืเธอไม่อยากไป
00:10:08 → 00:10:11 นรกใช่มยเธอก็ต้องทำความดีอะไรเงี้ยอัน
00:10:11 → 00:10:13 นี้อยากให้คุณหมอเล่าเคสแปลกๆบ้างที่
00:10:13 → 00:10:16 อธิบายไม่ได้ในทางการแพทย์ที่คุณหมออาจจะ
00:10:16 → 00:10:18 เคยเจอเองกับตัวก็ได้หรือว่าอาจจะเคยอ่าน
00:10:18 → 00:10:21 ตามข่าวหรือที่ไปเสิร์ชมาก็ได้เอ้เคยเจอ
00:10:21 → 00:10:24 กับตัวเองในในในชีวิตเนี่ยมีเคสนึงตอน
00:10:24 → 00:10:28 สมัยเป็นศัลแพทย์ฝึกหัดตอนนั้นก็ไปเข้า
00:10:28 → 00:10:32 เคสผ่าตัดหัวใจเคสหลอดเลือดหัวใจตีบหมอ
00:10:32 → 00:10:34 เขาก็จะใช้วิธีการมันจะมีวิธีการผ่าตัด
00:10:34 → 00:10:36 หลายวิธีแล้วกันเคสเนี้ยเป็นเคสที่หมอ
00:10:36 → 00:10:39 เข้าก็คือเขาใช้ Heart R Machine Heart
00:10:39 → 00:10:41 R Machine ก็คือทำให้หัวใจเนี่ยหยุด
00:10:41 → 00:10:44 เต้นกันโดยที่เลือดส่วนอื่นๆเนี่ยทำงาน
00:10:44 → 00:10:46 อยู่โดยใช้ตัว Heart R Machine เนี่ย
00:10:46 → 00:10:49 เป็นตัวปั๊มเลือดแทนเพฉะนั้นเราจะได้สผ่า
00:10:49 → 00:10:52 ตัดได้เป็นระยะเวลานานๆเลือดยังไปเลี้ยง
00:10:52 → 00:10:56 ไปแขนขาไปสมองอะไรได้อยู่โดยเคสเนี้ยหัว
00:10:56 → 00:10:58 ใจก็หยุดเต้นไปแล้วแล้วก็ทำการเปลี่ยน
00:10:58 → 00:11:00 ถ่ายเส้นเลือดเอาเส้นเลือดใหม่มาต่อขั้ว
00:11:00 → 00:11:02 กับเส้นเลือดเก่าที่ไม่ได้ตันอะไรอย่าง
00:11:02 → 00:11:04 เงี้ยนะอ่าอันนี้ก็คือวิธีการผ่านตัดใน
00:11:04 → 00:11:09 เคสเนี้ยเป็นเคสที่ยากจะอธิบายของจริงไหน
00:11:09 → 00:11:12 ลองช่วยอธิบายนิดนึงในระหว่างผ่าตัดโดย
00:11:12 → 00:11:16 ปกติสัญแพทย์ส่วนใหญ่พอคนไข้หลับเขาก็จะ
00:11:16 → 00:11:18 เปิดเพลงเพราะอย่างที่บอกว่าเวลาผ่าตัด
00:11:18 → 00:11:20 มันเครียดเปิดเพลงเหรอคะอ่าเปิดเพลงก็
00:11:20 → 00:11:23 แล้วแต่ว่าหัวหน้าศัลแพทย์วันนั้นเนี่ย
00:11:23 → 00:11:27 ชอบแนวไหนบางคนชอบหมอลำก็เปิดหมอลำไปมัน
00:11:27 → 00:11:30 ไม่ทำให้หลุดโฟกัสหรอกคมันไม่ทำให้หลุด
00:11:30 → 00:11:32 โฟกัสหรอคะมันไม่ได้หลุดโฟกัสหรอกอเพราะ
00:11:32 → 00:11:35 ว่าเวลาผ่าตัดเขยังโฟกัสแหละคือบางคนน่ะ
00:11:35 → 00:11:39 ชอบมองว่าเอ๊ะหมอเปิดอะไรไปแล้วออกรำแต้
00:11:39 → 00:11:42 เลยหรือเปล่าวะอะไรอย่างเงี้ยนะไม่ใช่เา
00:11:42 → 00:11:45 เปิดไปให้มันผ่านหูแต่เขาอาโฟกัสอยู่บาง
00:11:45 → 00:11:48 คนพื้นฐานไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนามาก็
00:11:48 → 00:11:53 จะเปิดคลาสสิคบีโทเฟนโชแปงอะไรก็แต่นะ
00:11:53 → 00:11:56 Number 5 number 6 อะไรของเคนะก็เปิด
00:11:56 → 00:11:58 ไปวันนั้นเก็เปิดเพลงธรรมดาแต่ว่าวันนั้น
00:11:59 → 00:12:01 เนี่ยเนี่ยถ้าจำได้ผิดอาจารย์เก็จะชอบ
00:12:01 → 00:12:04 เพลงไทยแหละเาก็จะเปิดพวก 106.5 อะไร
00:12:04 → 00:12:06 อย่างเงี้ยนะในสมัยนั้นนะเออก็เปิดเพลง
00:12:06 → 00:12:10 ไทยไปแล้วก็ช่วยผ่าตัดสัแดงจะมีหมอที่
00:12:10 → 00:12:13 เป็นหมอหัวใจเนี่ยอย่างน้อยเนี่ย 3 ท่าน
00:12:13 → 00:12:16 ส่วนเราเนี่ยเป็นสัแดงก็จะเป็นเค้าเรียก
00:12:16 → 00:12:18 ว่ามือ 4 ก็แล้วกันมือ 4 ก็คอยช่วยอยู่
00:12:18 → 00:12:21 ห่างๆช่วยมันเป็นลูกมือคช่วยเออช่วยๆแหก
00:12:21 → 00:12:24 นู่นแหกนี่ช่วยซักชั่นนู่นนี่นั่นอะไร
00:12:24 → 00:12:26 อย่างเงี้ยนะอ่ะตามเรื่องปรากฏว่าเราก็
00:12:26 → 00:12:31 ช่วยผ่าตัดไปแล้วก็เอ่อง่วงบ่ายแล้วน่ะ
00:12:31 → 00:12:34 เวลาผ่าตัดของศัลแพทย์นะ 99:00 นเนี่ยถึง
00:12:34 → 00:12:37 16:00 นเนี่ยยังยืนอยู่แล้วนะโหถึง 16:00
00:12:37 → 00:12:42 นเออโไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำนะยืนอย่างเงี้ย
00:12:42 → 00:12:46 บางทีก็บอกว่างั้นเราก็มันก็ง่วงไงยืน
00:12:46 → 00:12:49 แล้วก็ไม่มีอะไรทำก็ให้เราดึงแหกทรวงอก
00:12:49 → 00:12:52 ไว้อย่างเงี้ยแล้วก็ดึงแล้วก็หลับบหลับรุ
00:12:52 → 00:12:55 เหรอคะจริงนี่พูดเรื่องจริงพอเราหลับ
00:12:55 → 00:13:00 อาจารย์เ้าก็จะใช้ศอกกระทุ้งอือแล้วก็จะ
00:13:00 → 00:13:03 ตื่นถ้าเราหลับอยู่นิ่งๆก็โอเคไม่เกิด
00:13:03 → 00:13:06 อะไรขึ้นแต่พอเราหลับแล้วบางทีอ่ะงกเรา
00:13:06 → 00:13:09 เริ่มเอียงเราจะไปชนเ้าเขาก็จะกระตุก
00:13:09 → 00:13:12 กระตุหรือบางทีแม้ในตอนผ่าตัดอาจารย์เขา
00:13:12 → 00:13:15 ก็จะชวนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้น
00:13:15 → 00:13:18 เพื่อไม่ให้คนที่ร่วมผ่าตัดเนี่ยหลับแต่
00:13:19 → 00:13:21 ไอ้แน่นอนว่าบางทีมันเลือดพุ่งออกมาทุกคน
00:13:21 → 00:13:24 มันตื่นเต้นอย่างนั้นน่ะอันนั้นอันนั้น
00:13:24 → 00:13:26 อีกเรื่องนึงนะถ้าทุกอย่างมันสมูทดีอ่ะ
00:13:26 → 00:13:30 แล้วคุณก็มีเพลงเบาๆคลาสิฟังนะโอกาสคุน
00:13:30 → 00:13:33 นี้ชอ่ะคราวนี้การผ่าตัดในเคสเนี้ยก็ผ่าน
00:13:33 → 00:13:36 ไปได้ด้วยดีตอนเช้าเราก็มีหน้าที่มาดูคน
00:13:36 → 00:13:39 ไข้หน้าที่เราก็คือว่าดูคนไข้หายใจได้ดี
00:13:39 → 00:13:42 หรือยังถ้าหายใจได้ดีแล้วเนี่ยก็เอาท่อ
00:13:42 → 00:13:45 ช่วยหายใจเนี่ยออกตอนเช้าเราก็มาดูโอเค
00:13:45 → 00:13:48 อาจารย์ก็มาดูกันแค่แล้วบอกอ่ะเคสนี้อ
00:13:48 → 00:13:50 ทิ้วอฟทิ้วก็คือเอาท่อช่วยหายใจออกหมอก็
00:13:51 → 00:13:54 มาโบว์บัลลูนให้เล็กลงมันจะมีบัลลูนเล็กๆ
00:13:54 → 00:13:57 อยู่ในคอนะพอบัลลูนเล็กลงเราก็ดึงเราก็
00:13:57 → 00:14:00 บอกคนไข้รู้ตัวนะคนไข้ก็แต่พูดเสียงออกมา
00:14:00 → 00:14:03 ไม่ได้เราก็อ่ะค่อยๆดึงนะนิดนึงนะนิดนึง
00:14:03 → 00:14:05 นะนิดนึงนะมันจะพอถึงแถวนี้มันจะเหมือน
00:14:05 → 00:14:07 อย่าากจะอ้วกนึกออกป่ะพอดึงออกมาอ่ะคนไข้
00:14:07 → 00:14:10 ก็ถุยน้ำลายเราก็อ้าวเช็ดน้ำลายนะครับมา
00:14:10 → 00:14:13 เช็ดน้ำลายอะไรเรียบร้อยเราก็เอาท่อช่วย
00:14:13 → 00:14:18 หายใจใส่ถังขยะเราก็มาทำแผลคนไข้ต่อคนไข้
00:14:18 → 00:14:22 ก็พูดนะเมื่อวานน่ะหมอยืนหลับเราบอกฮึรู้
00:14:22 → 00:14:25 ได้ไงอ่ะว่าหมอยืนหลับเราก็แซวคนไข้บอกจะ
00:14:25 → 00:14:28 รู้ได้ไงเนี่ยคนไข้อ่ะหลับอยู่ไม่ใช่หรออ
00:14:28 → 00:14:30 คือเาแบบสลบแบบหลับเออเพราะว่าเพราะว่า
00:14:30 → 00:14:32 หัวใจก็หยุดเต้นด้วยใส่ท่อช่วยหายใจด้วย
00:14:32 → 00:14:35 ก็ต้องสลบสิจะมารู้ได้ไงหมอนอนหลับเบอก
00:14:35 → 00:14:38 ว่าผมมาเห็นหมอเวลาผ่าตัดคุณไม่สามารถ
00:14:38 → 00:14:41 เห็นัแหเป่าเพราะว่ามันจะมีที่กั้นอย่าง
00:14:41 → 00:14:45 เงี้ยอ๋อหัวคนไข้เนี่ยจะจะถูกที่กั้นผ้า
00:14:45 → 00:14:48 เนี่ยกั้นอยู่อีกฝั่งนึงแล้วในช่องอกเขา
00:14:48 → 00:14:50 ก็จะอีกฝั่งนึงใช่ป่ะอเพราะงั้นคนไข้
00:14:50 → 00:14:53 Impossible ที่จะเห็นได้ที่จะมาเห็นว่า
00:14:54 → 00:14:57 ใครหลับหรือใครทำอะไรก็ไม่ได้สนใจหรอกก็
00:14:57 → 00:15:00 คงแซวฉันไปเรื่อยแล้วมั้งอะไรงั้นนะบฏว่า
00:15:00 → 00:15:04 หมอผมยังได้ยินด้วยนะว่าเนี่ยเปิดเพลงนี้
00:15:04 → 00:15:08 อยู่เราก็แบบเฮ้ยคนไข้ไม่หลับว่า
00:15:08 → 00:15:12 เรื่องใหญ่เรื่องใหญ่แล้วเว้ยไปตามสตาฟก็
00:15:12 → 00:15:14 คืออาจารย์ที่เป็นหมอผ่าตัดบอกอาจารย์
00:15:14 → 00:15:18 จารยคนไข้อ่ะบอกว่าผมอ่ะยืนหลับบอกว่าผม
00:15:18 → 00:15:21 ยืนหลับยังไม่พอนะเขายังรู้ด้วยว่า
00:15:21 → 00:15:23 อาจารย์คุยอะไรกันน่ะแถมยังรู้ด้วยว่าเรา
00:15:24 → 00:15:26 เปิดเพลงอะไรในห้องผ่าตัดนี่คือเรื่อง
00:15:26 → 00:15:31 จริงคราวนี้ยกโขยงไปคุยกับคนไข้ว่าไหนลอง
00:15:31 → 00:15:34 เล่าให้ฟังหน่อยซิเอเรื่องราวมันเป็นยัง
00:15:34 → 00:15:37 ไงอะไรอย่าเงี้ยคนไข้บอกว่าผมอ่ะได้ยิน
00:15:37 → 00:15:39 ทุกอย่างนะหมอนี่ยังพูดเรื่องนี้เรื่อง
00:15:39 → 00:15:41 นี้เลยเนี่ยเล่าเรื่องลูกไปนู่นไปนี่ใช่ม
00:15:41 → 00:15:44 เนี่ยแล้วก็เปิดเพลงนี้ๆๆเขาจับราย
00:15:44 → 00:15:46 ละเอียดได้หมดแล้วบอกว่าแล้วเห็นไอ้
00:15:47 → 00:15:50 อดุลชัยมันยืนหลับได้ไงอ่ะผมมันลอยตัว
00:15:50 → 00:15:54 อยู่ในห้องผ่าตัดผมไม่ได้นอนนะหมอผมลอย
00:15:54 → 00:15:59 อยู่บนห้องผ่าตัดเหนือส่วนในสิ่งที่ผมมอง
00:15:59 → 00:16:03 ลงมาผมจึงเห็นว่าหมอเนี่ยหลับอยู่หมอคุย
00:16:03 → 00:16:06 กันแล้วหมอผมก็ยังเห็นหัวใจผมด้วยอื
00:16:06 → 00:16:08 เหมือนเขาจะสื่อว่าเขาอ่ะเป็นวิญญาณลอยไป
00:16:08 → 00:16:11 ข้างบนแล้วเขาเห็นทั้งหมดเหตุการณ์ทำนอง
00:16:11 → 00:16:15 นี้ค่ะไม่ได้เกิดขึ้นกับหมอคนเดียวในต่าง
00:16:15 → 00:16:18 ประเทศเนี่ยคุณแทบจะไปเปิดเจอเลยว่ามันมี
00:16:18 → 00:16:21 เหตุการณ์คล้ายๆอย่างเงี้ยคือคนไข้ถูกดม
00:16:21 → 00:16:23 ยางสลบแล้วหัวใจหยุดเต้นแล้วแต่เขาบอกว่า
00:16:23 → 00:16:26 เขยังอยู่ในห้องนั่นแหละเขาลอยอยู่บนห้อง
00:16:26 → 00:16:29 แล้วเเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น
00:16:29 → 00:16:31 อันนี้อธิบายยังไงอ่ะใช่อันนี้ก็อธิบาย
00:16:31 → 00:16:35 ไม่ได้ไม่มีอะไรพูดด้วยหมอดมยาเถามว่า
00:16:35 → 00:16:37 แล้วคุณผ่าตอนผ่าตัดเจ็บมั้ยบอกไม่ไม่รู้
00:16:37 → 00:16:39 สึกไม่เจ็บอะไรทั้งสิ้นแต่อันนี้คือกรณี
00:16:39 → 00:16:42 ที่เขายังไม่เสียชีวิตถูกมั้ยคะในทางการ
00:16:42 → 00:16:44 แพทย์สมมุตินะเพราะว่าหัวใจหยุดเต้นแล้ว
00:16:44 → 00:16:48 ไงใช่ๆเก็คือในภาวะนี่คือหัวใจไม่เต้นละ
00:16:48 → 00:16:50 สมองยังทำงานอยู่แหละเพราะว่ามีเลือดไป
00:16:50 → 00:16:54 เลี้ยงขึ้นเข้าหาหลังแมงฉีดแต่เขาเห็น
00:16:54 → 00:16:57 เหตุการณ์จากข้างบนได้ไงอือธิบายไม่ได้
00:16:57 → 00:17:01 อธิบายไม่ได้จนกกว่าจะไปเป็นคนนั้นซะเอง
00:17:01 → 00:17:03 คือต้องบอกว่ามันก็ไม่ได้เกิดกับทุกคนไง
00:17:03 → 00:17:06 เดี๋ยวไม่ใช่ว่าทุกคนแบบเอ้ยดมยาฉลบแล้ว
00:17:06 → 00:17:09 จะนู่นนี่นั่นเพราะเพราะโดยส่วนตัวตัวเอง
00:17:09 → 00:17:14 ตอนที่ถูกผ่าตัดแล้วก็ดมยาสลบเนี่ยก็ภาพ
00:17:14 → 00:17:17 ตัดหไปเออมาตื่นมาอีกทีนึงก็คือห้องรอง
00:17:17 → 00:17:21 ฟื้นไม่ได้ไปเห็นเหตุการณ์ในห้องผ่าตัด
00:17:21 → 00:17:24 หรือไม่ได้อะไรทั้งสิ้นนแต่ละคนก็ไม่
00:17:24 → 00:17:26 เหมือนกันแล้วก็ไม่ได้บอกว่าหมอที่ดมยา
00:17:26 → 00:17:30 ฉลบดมไม่ดีนะเพราะว่าเก็ดมตามปกติอ่ะเออ
00:17:30 → 00:17:33 แต่ทำไมเคสนี้ถึงได้เป็นเคสแบบนี้แล้วมัน
00:17:33 → 00:17:36 ก็ไม่ได้เกิดทุกเคสในหมื่นเคส 1000 เคส
00:17:36 → 00:17:39 เอออาจจะมีสักเคสนึงที่มีประสบการณ์
00:17:39 → 00:17:42 ลักษณะดังกล่าวอันนี้ก็คืออยากรู้ส่วนตัว
00:17:42 → 00:17:45 ะจักในๆเราก็พูดถึงเรื่องความตายความพลัด
00:17:45 → 00:17:47 พากอะไรอย่างงี้ได้ใช่มั้ยคะที่อยากรู้
00:17:47 → 00:17:49 ว่าก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอย่างที่
00:17:49 → 00:17:51 ประสบการณ์ที่คุณหมอเคยเล่ามาว่าคนที่เขา
00:17:51 → 00:17:53 แบบใกล้ตายหรือเฉียดตายแล้วเขาก็ฟื้นกลับ
00:17:53 → 00:17:55 มาได้อะไรเงี้ยสิ่งที่เขาเสียดายที่สุด
00:17:56 → 00:17:58 อ่ะค่ะตอนที่เครู้สึกว่าเอ้ยเขาจะต้องจาก
00:17:58 → 00:18:00 ไปแล้วนะมันมีอะไรที่เค้ารู้สึกว่าเออ
00:18:00 → 00:18:02 เค้าเสียดายที่ไม่ได้ทำบ้างอันนี้ตอบยาก
00:18:03 → 00:18:06 นะหมอว่าประสบการณ์การเสียชีวิตเป็น
00:18:06 → 00:18:08 เรื่องส่วนตัวแล้วเรืองสูนบุคคลอย่าง
00:18:08 → 00:18:11 สมมุติว่าเค้าคงไม่มาบอกหมอหรอกว่าหมอแหม
00:18:12 → 00:18:14 ผมอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศเี่ไม่ได้ไป
00:18:14 → 00:18:16 เลยอะไรงเค้าคงไม่บอกแต่เอาจจะบอกยากแต่
00:18:16 → 00:18:19 ให้ดูไว้ก่อนว่าคนเราอ่ะเวลาเสียชีวิต
00:18:19 → 00:18:23 เนี่ยเราอยากเสียแบบไหนดีกว่าเราอยากเสีย
00:18:23 → 00:18:26 แบบมีท่อช่วยหายใจเฟอร์นิเจอร์ทางการ
00:18:26 → 00:18:29 แพทย์ระโยงระยางตัวเราไปหมดแบบเนี้ยเรา
00:18:29 → 00:18:32 ไม่สามารถพูดได้ด้วยซ้ำไปว่าหมอผมอยากไป
00:18:32 → 00:18:35 เที่ยวต่างประเทศหรืออยากจะทำอะไรครั้ง
00:18:35 → 00:18:39 สุดท้ายกับอีกแบบนึงก็คือรู้ตัวและว่าจะ
00:18:39 → 00:18:42 เสียชีวิตไอ้อย่างเงี้ยยังพอได้สติว่าจะ
00:18:42 → 00:18:45 อยากจะทำอะไรอยากจะสั่งเสียอะไรกับญาติ
00:18:45 → 00:18:49 เพราะฉะนั้นต้องดูก่อนว่าในบริบทของการ
00:18:49 → 00:18:53 เสียชีวิตเนี่ยคุณอยากจะเสียแบบไหนคุณ
00:18:53 → 00:18:56 อยากจะเสียแบบที่เฟอร์นิเจอร์เต็มตัวหรือ
00:18:56 → 00:18:59 อยากจะเสียแบบนอนสงบนิ่งแล้วเสียชีวิตไป
00:18:59 → 00:19:03 หลับสบายๆไอ้ตรงเนี้ยมันจะมีความสำคัญถึง
00:19:03 → 00:19:07 กรณีคนพูดเรื่องตายดีนะตายดีในที่นี้ก็
00:19:07 → 00:19:11 คือว่าในบางคนที่ป่วยไม่สบายหมอบอกะระยะ
00:19:11 → 00:19:15 ที่ 4 มันไม่หายแล้วล่ะเราจะมีทางส่งคน
00:19:15 → 00:19:19 พวกเนี้ยตายดีได้อย่างไรก็จะแบ่งหมอเป็น 2
00:19:19 → 00:19:22 กลุ่มและแบ่งความคิดของคนเป็น 2 กลุ่ม
00:19:22 → 00:19:27 กลุ่มนึงสนับสนุนการตายดีโดยทางการแพทย์
00:19:27 → 00:19:31 มันคืออะไรคะง่ายๆก็คือสมมุติเาไม่สบาย
00:19:31 → 00:19:33 เราเห็นแล้วว่าจะเสียชีวิตก็ฉีดยาให้เขา
00:19:33 → 00:19:38 หลับซะนึกออกมเขาก็จะได้ไปดีนะมาคุยกับคน
00:19:38 → 00:19:41 ไข้ล่ะเสร็จแล้วแต่อีกกลุ่มนึงก็บอกว่า
00:19:41 → 00:19:44 ไม่ใช่นะอย่างเงี้ยไม่ได้เรียกว่าตายดี
00:19:44 → 00:19:48 การที่คุณฉีดยาเข้าไปการที่มีการแพทย์มา
00:19:48 → 00:19:51 แทรกแซงอย่างเงี้ยมันไม่ได้เรียกว่าตายดี
00:19:51 → 00:19:54 และไม่ได้ตายตามธรรมชาติหมอก็จะแบ่งอย่าง
00:19:54 → 00:19:56 ที่บอกเป็น 2 กลุ่มแล้วให้ไปคุยกับคนไ
00:19:56 → 00:19:58 ทั้ง 2 กลุ่ม
00:19:58 → 00:20:01 โอ้ยก็ฉีดยาให้เค้าไปอีกกลุ่มหนึ่งบอกไม่
00:20:01 → 00:20:04 เห็นด้วยคุณมีการพลาดแทรกแซงตอนนี้ก็ยัง
00:20:04 → 00:20:07 เป็นปัญหากันกลุ่มที่เห็นด้วยก็จะมีคนไข้
00:20:07 → 00:20:10 กลุ่มนึงที่เห็นด้วยกับหมอเหมือนกันค่ะจะ
00:20:10 → 00:20:13 มีคนไข้ว่าเค้าไม่อยากอยู่แล้วอ่ะอายุ
00:20:13 → 00:20:17 เยอะละอยากไปละอ่าหมอช่วยทำให้ตายดีหน่อย
00:20:17 → 00:20:20 ได้มั้ยกับหมออีกกลุ่มนึงบอกป้ายายอย่าง
00:20:20 → 00:20:24 เงี้ยหมอคนที่ทำเนี่ยควรจะติดคุกนะเพราะ
00:20:24 → 00:20:27 ว่าถือว่าเป็นการฆ่าแล้วแบบนี้เราทำอย่าง
00:20:27 → 00:20:29 งี้ไม่ได้หรอคะก็ให้หมอ 2 กลุ่มที่เห็น
00:20:29 → 00:20:31 ต่างกันไปคุยกับคนไข้ทั้ง 2 กลุ่มเลยแล้ว
00:20:31 → 00:20:33 ให้คนไข้เลือกเองถามว่าเลือกเองได้มต้อง
00:20:33 → 00:20:38 บอกว่าลักษณะเนี้ยในต่างประเทศบางประเทศ
00:20:38 → 00:20:42 บอกว่าทำได้เช่นสวิตเซอร์แลนด์บางประเทศ
00:20:42 → 00:20:46 ซึ่งประเทศส่วนใหญ่บอกว่ามันไม่ได้ไม่ได้
00:20:46 → 00:20:48 เพราะมันขัดกับหลักศาสนาหรือเปล่าคะหรือ
00:20:48 → 00:20:51 ว่าเพราะอะไรหลักศาสนาหรือเปล่าอันนี้ตอบ
00:20:51 → 00:20:54 ยากแต่ถ้าเป็นศาสนาก็คือหมอคนที่ทำเนี่ย
00:20:55 → 00:20:58 ผิดศีล 5 ข้อปาณาติบาตก็คือการการฆ่า
00:20:58 → 00:21:02 สัตว์ถึงแม้คุณจะทำก็ผมเห็นเคอยากจะตาย
00:21:02 → 00:21:06 อ่ะผมก็ฉีดยาให้เค้าอ่ะผมผิดด้วยหรอ
00:21:06 → 00:21:10 ปาณาติปาตาไม่มีข้อยกเว้นบาปก็คือบาปกรรม
00:21:10 → 00:21:12 อ่ะมันจะเป็นตัวกำหนดการกระทำของเรา
00:21:12 → 00:21:16 สมมุติว่าเราคิดว่าสิ่งที่เราทำเราทำ
00:21:16 → 00:21:20 เพราะหน้าที่ใช่มยถามนิดนึงในหน้าที่ดัง
00:21:20 → 00:21:22 กล่าวไม่ใช่ว่าไม่ทั้งหน้าที่แพทย์ก็แล้ว
00:21:22 → 00:21:26 กันเดี๋ยวไปพูดอาทีปอื่นนะในเคสที่เราดู
00:21:26 → 00:21:30 แลทั้งหมดเนี่ยเราดูแลด้วยใจอันเป็นกุศล
00:21:30 → 00:21:34 ทุกเคสหรือเปล่าหรือมีอกุศลเข้ามาแทรก
00:21:34 → 00:21:37 อย่างกรณีอย่างสมมุติว่าเราฉีดยาให้คนไข้
00:21:37 → 00:21:40 เสียชีวิตเชื่อเหลือเกินสมมุติว่ามี 100
00:21:40 → 00:21:43 เคสไม่ได้มีทั้ง 100 เคสหรอกที่คุณทำด้วย
00:21:43 → 00:21:48 กุศลจิตมันจะต้องมีหลุดอกุศลจิตมาฉีดยา
00:21:48 → 00:21:52 ให้คนไข้เสียชีวิตแน่นอนเพราะนั้นถ้าถาม
00:21:52 → 00:21:56 ว่าสำหรับหมอถามว่าสนับสนุนการตายดีไหม
00:21:56 → 00:22:01 ตอบว่าสนับสนุนนะอนะพูดไว้ในที่นี้แต่ให้
00:22:01 → 00:22:06 ตายดีแบบธรรมชาติการแพทย์ไม่ควรแทรกแซงเ
00:22:06 → 00:22:09 หายใจไม่ได้อย่าไปใส่ท่อช่วยเหใจให้เขา
00:22:09 → 00:22:12 ถ้าเขาเขียนไวแล้วว่า nr nr ก็คือ non
00:22:12 → 00:22:15 resuscitate อย่างที่เราบอกว่าให้คนไข้
00:22:15 → 00:22:17 ตัดสินใจได้เองมในเมื่อเป็นชีวิตเ้าเราจะ
00:22:17 → 00:22:21 มีใบให้เขียนตอนต้นนว่าให้ญาติมารับรู้
00:22:21 → 00:22:24 ด้วยว่าถ้าเมื่อถึงวาระสุดท้ายเนี่ยจะให้
00:22:24 → 00:22:29 ช่วยชีวิตสุดกำลังมถ้าตัวเค้าญาติเบอกให้
00:22:29 → 00:22:33 เขียนไว้ว่า nr non
00:22:33 → 00:22:35 resuscitation เมื่อถึงเวลาสุดท้ายเราจะ
00:22:35 → 00:22:39 ปล่อยให้เขาไปตามธรรมชาติอืหายใจไม่ได้ก็
00:22:40 → 00:22:44 คือปล่อยไขก็อาจจะให้แสออกซิเจนนิดนึงอืๆ
00:22:44 → 00:22:50 ให้เพอหายใจแล้วค่อยๆไปเรื่อยๆอแต่จะไม่
00:22:50 → 00:22:54 มีการแพทย์มาแทรกแซงให้เขาไวขึ้นถ้าเขา
00:22:54 → 00:22:59 ปวดเจ็บปวดรวดร้าวเราจะฉีดยาแก้ปวดให้แต่
00:22:59 → 00:23:02 ยาแก้ปวดที่เราฉีดไม่ใช่
00:23:02 → 00:23:06 วอร์ดสเพื่อที่จะไปกดการหายใจหรืออะไรก็
00:23:06 → 00:23:10 แล้วแต่ตายดีแบบธรรมชาติและมีคุณภาพควรจะ
00:23:10 → 00:23:13 เป็นแบบนั้นแต่ไม่ใช่ในแบบที่ต่างประเทศ
00:23:13 → 00:23:17 ทำเคยมีข่าวอยู่นะเข้าไปในตู้เตียงนอนเลย
00:23:17 → 00:23:20 เข้าไปนอนแล้วปล่อยแก๊สออกแล้วก็มีฉีดยา
00:23:20 → 00:23:24 ให้คนไข้ตายในนั้นใครสมัครใจเดินเข้าไปทำ
00:23:24 → 00:23:26 ให้ตายอันนี้นึกถึงช่วงสงครามโลกเลยที่
00:23:26 → 00:23:29 ถ้าให้แก๊สแล้วให้คนเสียชีวแบบนั้นมันมี
00:23:29 → 00:23:32 มีเหมือนกันจริงๆยังมีข่าวอยู่เลยล่าสุด
00:23:32 → 00:23:34 นี่แหละว่าเขาเอาเครื่องเไปแอบทำในป่า
00:23:34 → 00:23:38 เพราะว่าเพะผิดกฎหมายเออเพราะมันมีกฎหมาย
00:23:38 → 00:23:41 กฎหมายเนี่ยยังไม่ได้ยอมรับทั่วโลกใน
00:23:41 → 00:23:43 ประเทศไทยก็อย่างที่บอกว่าเป็นเมืองพุทธ
00:23:43 → 00:23:46 พุทธแบบแปลกๆก็แล้วกันใช้คำว่าพุทธก็ยัง
00:23:46 → 00:23:49 มีผิดอะไรเยอะแยะแหละแต่หมอยังเชื่อมั่น
00:23:49 → 00:23:49 ว่า
00:23:49 → 00:23:53 ปาณาติปาตาหรือการฆ่าสัตว์เป็นบาปอันสูง
00:23:53 → 00:23:57 สุดใน 5 ข้อเลยนะเพราะมันถูกเลือกมาเป็น
00:23:57 → 00:24:00 ข้อที่ 1 นึกออกป่ะถูกแล้วมันเป็นข้อที่ 1
00:24:00 → 00:24:03 ฉะนั้นไม่ควรทำถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ให้หลีก
00:24:03 → 00:24:05 เลี่ยงทีนี้อยากรู้ต่อบ้างในฐานะที่คุณ
00:24:05 → 00:24:08 หมอเป็นหมอแล้วก็ทำงานในอาชีพนี้มานาน
00:24:08 → 00:24:11 แล้วอยากรู้ว่าวิธีรับมือกับความตายแบบ
00:24:11 → 00:24:14 เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วอคุณหมอ
00:24:14 → 00:24:16 มีวิธีแนะนำยังไงบ้างอันนี้กรณีของที่
00:24:16 → 00:24:19 เป็นคนไข้ที่เขาใกล้จะเสียชีวิตแล้วกับ
00:24:19 → 00:24:22 กรณีที่ญาติที่เป็นญาติอเออเขาคควรจะทำใจ
00:24:22 → 00:24:26 ยังไงอันนี้ executive สุดเลยนะก็คือค่ะ
00:24:26 → 00:24:31 พูดในฐานะยากอืหมอเพูดในฐานะญาติก็คือคุณ
00:24:31 → 00:24:35 พ่อหมอเนี่ยเสียชีวิตไปประมาณซัก 7-8 ปี
00:24:35 → 00:24:38 แล้วพ่อหมอเนี่ยป่วยเป็นเนื้องอกชนิดนึง
00:24:38 → 00:24:41 ก็แล้วกันนะอ่าใช้คำพูดว่าเป็นเนื้องอก
00:24:41 → 00:24:43 ที่ชื่อว่า bowen disease เป็นมะเร็งผิว
00:24:44 → 00:24:46 หนังชนิดนึงก็แล้วกันหมอเนี่ยตรวจว่าพ่อ
00:24:46 → 00:24:49 หมอเนี่ยเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเนี้ยมา
00:24:49 → 00:24:52 หลายสบปีแล้วหเองด้วหมอตรวจเองเลยเจอ
00:24:52 → 00:24:56 เนี่ยแล้วหมอก็พาพ่อรักษาเองและผ่าตัดให้
00:24:56 → 00:24:59 พ่อเองในการรักษาโบเว่นเพราะโวนซเนี่ยมัน
00:24:59 → 00:25:02 ไม่ใช่เป็นแค่ตำแหน่งใดตำแหน่งนึงมันเป็น
00:25:02 → 00:25:06 ได้ทั่วๆตัวสาเหตุก็เกิดจากศาหนูสมัยก่อน
00:25:06 → 00:25:09 เ้ามหาวิทยาลัยเหมืองแร่นะพ่อก็ไปอยู่แถว
00:25:09 → 00:25:12 ๆนั้นแหละก็ได้รับสาหนูก็เวลาผ่านมา 10
00:25:12 → 00:25:17 ปีหมอก็ดูแลพ่อหมอเนี่ยมาโดยตลอดพอพ่อหมอ
00:25:17 → 00:25:20 เนี่ยป่วยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหมอ
00:25:20 → 00:25:24 ก็พาไปรักษากับหมอที่ดีที่สุดสวนหัวใจบอก
00:25:24 → 00:25:28 โอ้ยพ่ออยู่ได้ 80 ปีแน่นอนสบายหัวเส้น
00:25:28 → 00:25:31 เลือดใหม่ละมีอะไรเนี่ยรักษากับหมอที่ดี
00:25:31 → 00:25:35 ที่สุดเพราะว่าเราเข้าถึงหมอได้ไหวกว่าคน
00:25:35 → 00:25:37 อื่นเพราะเราเป็นหมอใช่มั้ยเราเลือกหมอ
00:25:37 → 00:25:40 ได้บอกเฮ้ยพ่อฉันเองรักษาให้หน่อยจนสุด
00:25:40 → 00:25:43 ท้ายเนี่ยมันมีวันนึงก็คือว่าพี่สาวเนี่ย
00:25:43 → 00:25:48 ไปสังเกตว่าเอ๊ะกางเกงในของพ่อเนี่ยเลอะ
00:25:48 → 00:25:51 เลือดเขาก็เลยถามพ่อว่ามันเกิดอะไรขึ้น
00:25:51 → 00:25:54 พ่อก็บอกอ๋อมีแผลที่ขาหีดก็ไม่ได้คิดว่า
00:25:54 → 00:25:57 อะไรก็คิดว่าเป็นแผลธรรมดาคราวนี้เลือด
00:25:57 → 00:26:00 อ่ะมันไม่หยุดซักทีนึงมันก็เลอะกางเกงใน
00:26:00 → 00:26:03 อยู่ก็เลยไปเค้นว่าตกลงว่าเลือดอะไรกัน
00:26:03 → 00:26:06 แน่เออปรากฏว่าเปิดขาหนีบขึ้นมาเป็นก้อน
00:26:06 → 00:26:10 ที่ขาหนีบแล้วก็มีแผลแตกออกมาคราวนี้พี่
00:26:10 → 00:26:13 สาวหมอก็เรียกหมอไปดูหมอเห็นแล้วหมอก็แบบ
00:26:13 → 00:26:17 ลูบหน้ารูปตาในใจรู้แล้วมันคือมะเร็งก็
00:26:18 → 00:26:21 แล้วกันพ่อหมอพูดมาคำนึงบอกว่าไม่เอาเคมี
00:26:21 → 00:26:25 บำบัดนะเราก็บอกว่าได้เดี๋ยวจะรักษาวิธี
00:26:25 → 00:26:29 อื่นคก้อนตัวแล้วก็แตกปะทุนะหมอก็ติดต่อ
00:26:29 → 00:26:31 เพื่อนว่ามีวิธีการไหนบ้างที่จะจัดการไอ้
00:26:31 → 00:26:34 ตัวมะเร็งเนี่ยปรากฏว่าเพื่อนก็บอกอ๋อใช้
00:26:34 → 00:26:37 วิธีการฉายรังสีเนี่ยเครื่องมาใหม่ล่าสุด
00:26:37 → 00:26:42 ยิงทะลุเข้าไปในก้อนได้แน่นอนรับรองพามา
00:26:42 → 00:26:47 เกมพามาเราก็พามาก็ยิงตๆๆๆๆๆพ่อๆก็ยังไม่
00:26:48 → 00:26:50 อยากผ่าตัดด้วยแล้วก็อย่างอื่นก็ยังไม่มี
00:26:50 → 00:26:53 อะไรก็ดู staging ก็คือว่ามีเฉพาะก้อนตรง
00:26:53 → 00:26:57 นี้ในโป่งในปอดอะไรยังไม่มียิงไปซักเดือน
00:26:57 → 00:27:01 นึงก็ก็ดูปรากฏเอ๊ะก้อนก็ไม่ลดขนาดแผล
00:27:01 → 00:27:04 เนี่ยก็ยังดูไม่ค่อยดีก็เลยตัดสินใจว่า
00:27:04 → 00:27:07 อ่ะผ่านมาเดือนนึงและรักษาครบคอร์สในการ
00:27:07 → 00:27:11 ยิงรังสีแล้วเนี่ยไม่หายก้อนไม่เรอนก็
00:27:11 → 00:27:14 ต้องผ่าตัดเราก็มีหมอมือหนึ่งพอหลังผ่า
00:27:14 → 00:27:17 ตัดเสร็จอยู่ดีๆเนี่ยแผลก็ดูโอเคละแต่
00:27:17 → 00:27:20 อยู่ดีๆพ่อหมอเสะอึกสะอึกสะอึกสะอึกเอ้ก็
00:27:20 → 00:27:24 แปลกใจว่าเพราะอะไรก็เลยทำ CT สแกนซ้ำ
00:27:24 → 00:27:28 ปรากฏว่าเต็มปอดและเออเนื้องอกกระจายเต็ม
00:27:28 → 00:27:32 ปอดเลยโหเรานี่แบบเราคิดในใจนะตอนนั้น
00:27:32 → 00:27:35 สิ่งแรกที่คิดเลยว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปี
00:27:35 → 00:27:39 เนี่ยที่พ่อรักษากับหมอที่เก่งๆอืทั่ว
00:27:39 → 00:27:42 ประเทศละระดับเทพหมดเรายังเอาไม่อยู่เลย
00:27:42 → 00:27:44 คือระหว่างที่รักษานั้นก็ไม่ไม่ไม่เจอ
00:27:44 → 00:27:46 มะเร็งในปอดถูกมั้ยคะเคเคก็ไม่ได้เป็น
00:27:46 → 00:27:49 มะเร็งปอดมันมันเป็นการกระจายของเนื้องอก
00:27:49 → 00:27:52 ไปที่ปอดคือต้องบอกว่าณวันนั้นน่ะคิดเลย
00:27:52 → 00:27:57 ว่าเมื่อมัจจุราชจะเอาตัวไปต่อให้เอ็งเทพ
00:27:57 → 00:27:59 แค่ไหนอ่ะเอ็งก็เอาไม่อยู่เาแสดงให้เห็น
00:27:59 → 00:28:02 แล้วว่ามะเร็งผิวหนังมันเกิดขึ้นที่ที่
00:28:02 → 00:28:05 ถ้าเราเห็นด้วยตาเราจับพ่อผ่าหมดมาเป็น
00:28:05 → 00:28:09 เวลา 10 ปีะแต่มันไปเกิดในตำแหน่งที่เรา
00:28:09 → 00:28:11 ไม่เห็นไปเกิดในร่มผ้าเกิดในกางเกงตอน
00:28:11 → 00:28:14 นั้นน่ะถึงได้บอกว่าได้รู้คำตอบว่าต่อให้
00:28:14 → 00:28:17 เราเทพแค่ไหนนะมีทีมงานที่เทพแค่ไหนถ้า
00:28:17 → 00:28:19 ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปยังไงเขาก็ต้องไป
00:28:19 → 00:28:23 มัจุราชจะหาทางเสมอในการที่จะจัดการกับ
00:28:24 → 00:28:26 เราแล้วอย่างงี้คุณพ่อของคุณหมอเแบบเทำใจ
00:28:26 → 00:28:30 ยังไงหรือวางใจยังไงตอนนี้ก็ถึงว่าพอเรา
00:28:30 → 00:28:34 รู้แล้วว่าพ่อเนี่ยสงสัยไม่น่าจะรอดะนะ
00:28:34 → 00:28:38 พ่อก็มีแค่อาการเหนื่อยสะอึกหายใจไม่ได้
00:28:38 → 00:28:40 เพราะว่าก้อนมะเร็งมันอยู่เต็มปอดใช่ป่ะ
00:28:40 → 00:28:43 ที่กระจายเงี้ยก้อนมันก็โตขึ้นเรื่อยๆมี
00:28:43 → 00:28:47 อยู่วันนึงตอนนั้นพ่อนอนรโรงพยาบาลตอน
00:28:47 → 00:28:50 กลางคืนหายใจไม่ออกปรากฏว่าหมอที่อยู่เวร
00:28:50 → 00:28:53 เขาก็ใส่ท่อช่วยหายใจให้น้องคนที่สนิทกับ
00:28:53 → 00:28:57 หมอก็มาโทรศัพท์หาเลยพี่ๆน้องที่อยู่เวร
00:28:57 → 00:29:00 น่ะเคไม่รู้เคสเขาใส่่ท่อช่วยหายใจไปก่อน
00:29:00 → 00:29:03 เพราะเห็นว่าพ่อพี่เนี่ยหายใจไม่ดีพี่เอา
00:29:03 → 00:29:07 ท่อออกเลยนะน้องคนนี้เป็นหมอนะเพราะว่า
00:29:07 → 00:29:10 ถ้าใส่ไว้ต่อไปน่ะคือมันก็พูดตรงไปตรงมา
00:29:10 → 00:29:13 บอกพี่ก็รู้ใช่มยว่ามันไม่หายการใส่ท่อ
00:29:13 → 00:29:17 ต่อไปมีแต่ทรมานพ่อพี่แม้พ่อพี่จะหายใจ
00:29:17 → 00:29:21 ได้เราก็โทรศัพท์คุยกับญาติพี่น้องนี่บอก
00:29:21 → 00:29:24 ได้เลยนะมันคือกระบวนการที่ทุกบ้านจะเกิด
00:29:24 → 00:29:27 ขึ้นก็คือเราเป็นน้องคนสุดท้องเราไม่
00:29:27 → 00:29:29 สามารถตัดสินจใจได้หรอกแม้แต่ว่าเราเป็น
00:29:29 → 00:29:33 หมอเพราะทุกคนเ่ะจะโยนมาให้เราเนี่ยตัด
00:29:33 → 00:29:36 สินใจแต่เราตัดสินใจไม่ได้หรอกก็คุยกัน
00:29:36 → 00:29:39 ทุกคนว่าเออมันมาถึงจุดนี้ละทุกคนก็บอก
00:29:39 → 00:29:43 ว่าอ่ะงั้นโอเคเราต้องเซ็นยินยอม nr ก็
00:29:43 → 00:29:45 คือ non resuscitation ก็เอาท่อช่วยหาย
00:29:45 → 00:29:48 ใจออกคราวเนี้ยทางโรงพยาบาลก็บอกว่าเออ
00:29:48 → 00:29:52 งั้นก็ใช้วิธีการใส่ไอ้ตัวสายออกซิเจนที่
00:29:52 → 00:29:55 เป็น High Flow อัดออกซิเจนอัดลมเข้าไป
00:29:55 → 00:29:58 คือตอนเก็จะเข้ามาในถึงว่าที่หมอคือเคย
00:29:58 → 00:30:00 พูดไว้ตอนต้นว่าเราจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์
00:30:00 → 00:30:03 ทางการแพทย์เยอะแยะนะเราจะไม่เจาะคอไม่
00:30:03 → 00:30:07 ใส่ท่อไม่อะไรนะแต่โอเคออกซิเจนเรายังให้
00:30:07 → 00:30:12 อยู่วันสุดท้ายในชีวิตของพ่อหมอหมอคือคน
00:30:12 → 00:30:14 สุดท้ายที่อยู่กับพ่อเพราะว่าหมอติดผ่า
00:30:14 → 00:30:16 ตัดจากที่นู่นที่นี่พี่สาวหมอหรืออะไรเา
00:30:16 → 00:30:18 ก็มาเยี่ยมตอนเช้าไปหมดแล้วะหมอก็มาตอน
00:30:18 → 00:30:22 เย็นตอนอยู่ในห้องห้องพักคนไข้หมอก็เข้า
00:30:22 → 00:30:25 ไปก็รู้สึกโทำไมห้องเนี่ยเตียงที่พ่อนอน
00:30:25 → 00:30:28 เนี่ยมันร้อนอย่างงี้วะแต่ห้องที่จองให้
00:30:28 → 00:30:31 เนี่ยเป็นห้องพิเศษ VIP นะกว้างขวางนะ
00:30:31 → 00:30:34 แล้วก็เปิดแอร์อยู่แต่เตียงที่พ่อนอนนี่
00:30:34 → 00:30:38 ร้อนเหลือเกินเราก็ไปถึงก็คุยกับพ่อพ่อ
00:30:38 → 00:30:40 เป็นยังไงบ้างบอกทุกอย่างมันก็ดีแหละแต่
00:30:40 → 00:30:43 ว่ามันเนี่ยในเนี้ยมันไม่ค่อยดีเราก็
00:30:43 → 00:30:48 เอ๊จะคุยกับพ่อยังไงดีน้าเราเราก็เลยบอก
00:30:48 → 00:30:52 ว่าพ่อเอาความจริงมยเนี่ยที่พ่อเป็นน่ะ
00:30:52 → 00:30:55 มันไม่หายนะคือเราทำเต็มที่ะตอนเนี้ย
00:30:55 → 00:30:58 เนื้องอกเนี่ยมันกระจายไปที่ปอดหมดละทั้ง
00:30:58 → 00:31:03 2 ฝั่งมันจะไม่หายนะพ่อมีอะไรอยากจะบอก
00:31:03 → 00:31:07 เกมบ้างมั้ยหรือพ่อมีอะไรที่จะอยากจะสั่ง
00:31:07 → 00:31:09 เสียเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าหรืออยากจะ
00:31:09 → 00:31:12 ให้ทำอะไรพ่อหมอก็บอกไม่มีไม่มีอะไรละเรา
00:31:12 → 00:31:16 ก็บอกพ่อแน่ใจนะบอกไม่มีเพราะฉะนั้นคำถาม
00:31:16 → 00:31:19 ที่น้องถามเนี่ยหมอโดนมาหมดะในฐานะญาตินะ
00:31:19 → 00:31:23 เราก็บอกว่าพ่อเนี่ยแต่เกมเนี่ยอยากให้
00:31:23 → 00:31:26 พ่อทำอะไรบางอย่างพ่อจำตอนเด็กๆได้มยตอน
00:31:26 → 00:31:30 เด็กๆที่พ่อพาเกมเนี่ยไปเที่ยววัดไปไหว้
00:31:30 → 00:31:34 พระไปสวดมนต์นู่นนี่นั่นเราก็จะเล่า
00:31:34 → 00:31:37 เรื่องการทำบุญอให้เขานึกถึงแต่สิ่งดีๆ
00:31:37 → 00:31:40 อ่าเล่าเรื่องการทำบุญที่เากับเราเนี่ย
00:31:40 → 00:31:43 เคยทำด้วยกันบอกเนี่ยพ่อจำหลวงพี่ได้มย
00:31:43 → 00:31:46 นี่นะนู่นี่เก็เล่าให้พ่อระลึกถึงเราก็
00:31:46 → 00:31:50 บอกว่าพ่อให้พ่อนึกถึงเรื่องตอนช่วงนี้นะ
00:31:50 → 00:31:53 ช่วงที่เราทำบุญด้วยกันไปที่วัดไปเจอหลวง
00:31:53 → 00:31:56 พี่ตอนเนี้ยพ่อนึกถึงแต่เรื่องนี้เลย
00:31:56 → 00:32:00 เชื่อมว่าเตียงที่เขานอนอยู่ที่ร้อนๆน่ะ
00:32:00 → 00:32:04 เย็นขึ้นมาทันทีเลยนี่คือความจริงนะจาก
00:32:04 → 00:32:06 ปากหมอเองนะว่าแล้วเราก็บอกว่าเรารู้
00:32:06 → 00:32:10 แล้วะว่าเราเหนี่ยวนำใจเขาครั้งสุดท้าย
00:32:10 → 00:32:13 เนี่ยให้ไปในทิศทางที่ดีเรื่องที่ค้างคา
00:32:13 → 00:32:17 ใจเาเนี่ยไม่มีเก็จะได้ไปสบายเขาจะได้ไป
00:32:17 → 00:32:21 ในทิศทางที่ดีให้เขานึกถึงแต่สิ่งที่ดีๆ
00:32:21 → 00:32:25 สิ่งที่เคยทำความดีไว้ในอดีตกุศลกรรมที่
00:32:25 → 00:32:29 ดีที่เคยทำไว้ทำบุญไว้ในอดีตให้ตอนเนี้ย
00:32:29 → 00:32:33 ต้องนึกนึกอย่างเดียวอ่าแล้วมันก็เกิด
00:32:33 → 00:32:35 เหตุการณ์ั้นขึ้นจริงๆว่าเตียงนอนที่พ่อ
00:32:35 → 00:32:38 นอนอยู่เนี่ยมันเย็นขึ้นมาเลยจากที่ร้อนๆ
00:32:38 → 00:32:40 เนี่ยเราก็ไม่รู้นะว่ามันเกิดจากเพราะ
00:32:40 → 00:32:42 อะไรแต่มันเย็นเราอยู่กับพ่อเรา 2 คนเนี่
00:32:42 → 00:32:45 แหละแล้วเราก็เดินออกมาอเราก็บอกว่าพ่อ
00:32:46 → 00:32:48 21:00 นละเราบอกว่าพ่อเดี๋ยวเกมกลับบ้าน
00:32:48 → 00:32:51 ก่อนนะพ่อนึกถึงแต่เรื่องนี้ไว้นะสบายๆ
00:32:51 → 00:32:54 เราก็มาบอกพยาบาลเออพี่พยาบาลพ่อผมอ่ะ
00:32:55 → 00:32:57 พร้อมไปแล้วนะก็บอกแค่เนี้ยแล้วเราก็กลับ
00:32:57 → 00:33:00 บ้าน 22:00 นจาก 21:00 นไป 22:00 นโรง
00:33:00 → 00:33:04 พยาบาลโทรมาพ่อเสียแล้วนะครับคุณ
00:33:04 → 00:33:09 หมอขับหลดไปอ่าเนี่คือเหตุการณ์ที่เกิด
00:33:09 → 00:33:12 ขึ้นทั้งหมดแลเล่าในฐานะญาตก็คือว่าถ้า
00:33:12 → 00:33:15 เป็นไปได้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่าให้คน
00:33:15 → 00:33:19 ไข้มีห่วงเราไม่ไปร้องไห้ภูมิไฟไม่มีน้ำ
00:33:19 → 00:33:23 ตาสักหยดจากหน้าหมอเพื่อไม่ให้เขาแบบรู้
00:33:23 → 00:33:27 สึกเป็นห่วงกวใช่เพียงแต่บอกว่าพ่อถึง
00:33:27 → 00:33:31 เวลาะต้องไปละไปนึกถึงกุศลกรรมทำความดี
00:33:31 → 00:33:35 ที่เคยทำเอาไว้จะได้ไปในสิ่งที่ดีอย่าให้
00:33:35 → 00:33:39 ไปนึกถึงสิ่งที่ไม่ดีอันนี้คือสิ่งที่
00:33:39 → 00:33:43 สำคัญเลยในวาระสุดท้ายส่วนใครจะพฟได้ว่า
00:33:43 → 00:33:46 ไปดีหรือไม่ดีเนี่ยไม่ดีไม่มีใครรู้ไม่มี
00:33:46 → 00:33:49 ใครรู้แต่เรารู้ว่าเราส่งคุณพ่อของเรา
00:33:49 → 00:33:53 เนี่ยไปในทางที่ดีอยู่แล้วเพราะว่าเรารู้
00:33:53 → 00:33:56 สึกได้ว่าเตียงที่เขานอนอยู่เนี่ยมันเย็น
00:33:56 → 00:34:01 ขึ้นมาทันทีทันใดที่พ่อนึกถึงเรื่องความ
00:34:01 → 00:34:04 ดีในอดีตอันนี้คือกรณีที่คุณหมอเออแบบ
00:34:04 → 00:34:06 เล่าให้ฟังเป็นกรณีของของคุณหมอกับคุณพ่อ
00:34:06 → 00:34:09 ใช่มั้ยคอ่าใช่แล้วอย่างเงี้ยอยากรู้ว่า
00:34:09 → 00:34:11 เรื่องการพิจารณาความตายเรื่องการคือเรา
00:34:11 → 00:34:13 รู้อยู่แล้วว่าเวียนว่ายตายเกิดมันเป็น
00:34:13 → 00:34:16 เรื่องปกติอือของชีวิตใช่มั้ยคะมันคือการ
00:34:16 → 00:34:18 พลัดพราจากคนที่เรารักจากสิ่งของที่เรา
00:34:18 → 00:34:20 รักมันเป็นทุกข์มันเป็นปกติอยู่แล้วเราจะ
00:34:20 → 00:34:22 พิจารณาความตายได้ยังไงเมื่อถึงวันนั้น
00:34:22 → 00:34:24 วันที่เราจะต้องจากคนที่เรารักอย่างกรณี
00:34:24 → 00:34:26 ของคุณหมอเงี้ยที่ต้องจากคุณพ่อไปหรือคน
00:34:26 → 00:34:29 อื่นที่เขาจะต้องสูญเสียคนที่เขารักไปอ่ะ
00:34:29 → 00:34:31 เขาจะทำใจยังไงดีอันนี้คือเป็นการลกับจิต
00:34:31 → 00:34:33 ใจตัวเองแล้วคะว่าเออเราควรจะฝึกจิตใจยัง
00:34:33 → 00:34:38 ไงดีเราสิ่งที่เราจะต้องคิดนะอืก็คือให้
00:34:38 → 00:34:42 คิดตามปกติร่างกายเนี้ยที่พ่ออยู่เนี่ย
00:34:42 → 00:34:46 มันผูกพังแล้วอืมันไม่สามารถใช้งานได้ต่อ
00:34:46 → 00:34:50 ไปแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือให้พ่อย้ายจาก
00:34:50 → 00:34:54 ร่างเนี้ยออกไปสู่ที่อื่นอืความทุกข์
00:34:54 → 00:34:58 ทรมานนั้นก็จะหมดไปดังนั้นการที่เออกจาก
00:34:58 → 00:35:01 ร่างนี้ไปที่อื่นเป็นการทำให้เขาพ้นทุกข์
00:35:01 → 00:35:03 เพราะฉะนั้นเราไม่ควรที่จะเสียใจแล้วพอ
00:35:03 → 00:35:07 เขาหลุดออกร่างตรงนี้ไปเนี่ยเรารู้ว่าเรา
00:35:07 → 00:35:10 แนะนำให้เขานึกถึงสิ่งที่ดีเขาก็จะไปดี
00:35:10 → 00:35:14 เชื่อมั้ยอย่างนึงพอหมอพูดตรงเนี้ยมนุษย์
00:35:14 → 00:35:17 เราเนี่ยอตราบใดนะที่ยังยึดอยู่กับร่าง
00:35:17 → 00:35:20 อยู่อ่ะต่อให้ร่างมันผูกพังแค่ไหนก็ไม่
00:35:20 → 00:35:23 ยอมปล่อยตรงเนี้ยสำคัญเจะต้องยอมปล่อย
00:35:23 → 00:35:25 ร่างที่ผูกพังเราจะต้องพูดให้เขาเข้าใจ
00:35:25 → 00:35:28 ว่าร่างเยมันอยู่ไม่ได้แล้วมันถึงเวลาที่
00:35:28 → 00:35:32 ต้องไปแล้วก็ชี้ทางให้ไปในสิ่งที่เคยทำ
00:35:32 → 00:35:36 ความดีไว้ในอดีตอืเพราะบางคนน่ะลืมไปแล้ว
00:35:36 → 00:35:39 ว่าก็เคยทำอะไรมาบ้างเคยทำอะไรมาบ้างตอน
00:35:39 → 00:35:42 สุดท้ายส่วนใหญ่น่ะมักจะมีกังวลลูกหลาน
00:35:42 → 00:35:46 ร้องไห้สทรัพย์สมบัติยังไม่ได้แบ่งนู่น
00:35:46 → 00:35:48 นี่นั่นลูกหลานทะเลาะกันข้างเตียง
00:35:48 → 00:35:52 อันเนี้ยมันเป็นเรื่องที่คนตายก่อนตายยัง
00:35:52 → 00:35:55 ไม่สุขเลยแล้วตายไปจะสุขได้ยังไงใช่ค่ะ
00:35:55 → 00:35:58 อันนี้คือก็อยากจะบอกคุณผู้ชมนะนะคะทุกคน
00:35:58 → 00:36:01 ให้ฟังว่าคือที่ยกท็อปปิกนี้มาพูดคุยกัน
00:36:01 → 00:36:03 คือเราไม่ได้อยากให้ทุกคนรู้สึกกลัวว่า
00:36:03 → 00:36:05 เฮ้ยมันคือเป็นเรื่องหดหูอะไรไม่ใช่แต่
00:36:05 → 00:36:08 อยากให้ทุกคนตระหนักแล้วก็เ่อใช้ชีวิตของ
00:36:08 → 00:36:09 ตัวเองให้ดีมากขึ้นเพราะว่าเราไม่มีทาง
00:36:10 → 00:36:11 รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นวันไหนเราจะมีชีวิต
00:36:11 → 00:36:13 อยู่ได้ถึงวันไหนเราไม่มีทางรู้ใช่มั้ยคะ
00:36:13 → 00:36:15 งั้นคำถามสุดท้ายแล้วขอให้คุณหมอแนะนำกับ
00:36:15 → 00:36:17 คุณผู้ชมทางบ้านนิดนึงว่าเราควรจะใช้
00:36:17 → 00:36:19 ชีวิตเราเรายังไงดีให้มันคุ้มค่าแล้วก็มี
00:36:19 → 00:36:22 ความสุขในทุกวินาทีที่เรายังมีโอกาสอยู่
00:36:22 → 00:36:24 อ่ะค่ะเออต้องบอกอย่างงี้ก็คือว่าเวลาใช้
00:36:24 → 00:36:29 ชีวิตเนี่ยอืให้นึกถึงว่าถ้าตอนตายมีคนมา
00:36:29 → 00:36:32 ถามเราว่าตอนมีชีวิตอยู่อ่ะทำความดีอะไร
00:36:32 → 00:36:34 บ้างนึกออก
00:36:34 → 00:36:40 มยโอ๊ะเยอะค่ะให้จดจำเอาไว้สักเรื่องนึง
00:36:40 → 00:36:43 ว่าเรื่องไหนที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่อง
00:36:43 → 00:36:46 ที่เราทำความดีเราจะได้ไปตอบเทุกขเมื่อ
00:36:46 → 00:36:49 ถึงเวลานั้นที่เขาพิจารณาว่าในชีวิตที่
00:36:49 → 00:36:52 คุณอุตส่าห์ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วเนี่ย
00:36:52 → 00:36:55 ทำความดีอะไรบ้างแล้วเราตอบได้เต็มปากว่า
00:36:55 → 00:37:00 หนูทำนู่นทำนี่มาเราก็จะได้สบายใจดังนั้น
00:37:00 → 00:37:02 การทำความดีอ่ะแน่นอนว่ามันไม่ได้ไป
00:37:02 → 00:37:05 เบียดเบียนใครบางทีคุณร่ำรวยขึ้นมาอย่าง
00:37:05 → 00:37:08 เงี้ยคุณเอาเงินบาปไปทำบุญอมันก็ไม่ได้ดี
00:37:08 → 00:37:11 อยู่แล้วคุณก็รู้อยู่แก่ใจนึออกมเพราะ
00:37:11 → 00:37:14 ฉะนั้นเราใช้ชีวิตแบบทำความดีก็ไม่ไป
00:37:14 → 00:37:17 เบียดเบียนใครทำความชั่วมันเบียดเบียนคน
00:37:17 → 00:37:20 อื่นหมอก็คงแนะนำได้ประมาณนี้เท่านั้น
00:37:20 → 00:37:23 แหละแล้วก็อย่างที่บอกว่าเมื่อตายแล้วถ้า
00:37:23 → 00:37:26 เขาถามว่าในชีวิตที่ผ่านมาทำความดีอะไร
00:37:26 → 00:37:30 บ้างค่ะขอให้นึกให้ออกอืก็คือให้เรามีสติ
00:37:30 → 00:37:32 มีสมาธิตระหนักรู้กับชีวิตปัจจุบันแล้วก็
00:37:32 → 00:37:34 ทุกเวลาที่เรายังมีโอกาสมีชีวิตอยู่เนี่ย
00:37:34 → 00:37:36 ทำในสิ่งที่ดีๆทั้งต่อตัวเองและต่อผู้
00:37:36 → 00:37:38 อื่นไว้ด้วยนะคะสำหรับวันนี้โอหได้ข้อคิด
00:37:38 → 00:37:41 ดีๆมากมายเชื่อว่าคุณผู้ชมทางบ้านนะคะก็
00:37:41 → 00:37:44 คงจะรู้สึกเหมือนกันอย่าลืมกดไลค์กดแชร์
00:37:44 → 00:37:46 กดติดตามด้วยนะคะถ้าเกิดใครมีคำถามถามได้
00:37:46 → 00:37:48 ที่ใต้คอมเมนต์เลยค่ะแล้วเดี๋ยวทางทีมงาน
00:37:49 → 00:37:51 นะคะก็จะไปคัดเลือกแล้วก็มาถามคุณหมอให้
00:37:51 → 00:37:54 ค่ะหรือว่าถ้าอยากรู้แบบรวดเร็วกว่านี้ก็
00:37:54 → 00:37:56 คือไปติดตามได้ที่เพจแพทย์เฉพาะทางบาท
00:37:56 → 00:37:59 เดียวของคุณหมอได้เลยนะคะสำหรับวันนี้พวก
00:37:59 → 00:38:01 เราทั้ง 2 คนต้องขอตัวลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:38:01 → 00:38:05 คุณหมอสวัสดีค่ะ
00:38:05 → 00:38:24 [เพลง]