00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมก็จะมาพูดเรื่องเกี่ยว
00:00:03 → 00:00:06 ข้องกับ kation therapy นะครับหรือการทำ
00:00:06 → 00:00:09 kation การล้างผิออกจากร่างกายนะครับว่า
00:00:09 → 00:00:12 มันคืออะไรนะครับมันมีประโยชน์อย่างที่
00:00:12 → 00:00:15 หลายๆคนเคยได้ยินจริงหรือเปล่านะครับแล้ว
00:00:15 → 00:00:17 มันทำยังไงมันมีปัญหาหรือเปล่าเวลาที่เรา
00:00:17 → 00:00:20 ทำเข้าไปนะครับก็เดี๋ยวจะเล่าเรื่องนี้
00:00:20 → 00:00:22 ให้ฟังกันเลยนะครับแล้วผมก็จะแปะลิงก์
00:00:22 → 00:00:23 เรื่องเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่เกี่ยว
00:00:24 → 00:00:26 ข้องกับคชซึ่งผมคิดว่ามันค่อนข้างครอบ
00:00:27 → 00:00:30 คลุมประเด็นต่างๆนะครับแล้วก็มีเว็บไซต์
00:00:30 → 00:00:32 อันนึงซึ่งผมอยากจะให้ทุกท่านเข้าไปดูนะ
00:00:32 → 00:00:35 ครับผมก็จะแปะให้ด้วยเลยนะครับพบกับผมนะ
00:00:35 → 00:00:37 ครับนายแพทย์ธนีธนียวันนะครับเป็นอาจารย์
00:00:37 → 00:00:39 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:00:39 → 00:00:41 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:41 → 00:00:46 บำบัดนะฮะคิชคืออะไรนะครับคิชเนี่ยมัน
00:00:46 → 00:00:49 เป็นการที่เราให้ารเข้าไปสักอย่างนึง
00:00:49 → 00:00:51 เนี่ยนะครับแล้วก็จะไปจับเอาโลหะหนักต่าง
00:00:51 → 00:00:54 ๆซึ่งเป็นอันตรายอยู่ในร่างกายของเรา
00:00:54 → 00:00:57 เนี่ยออกไปทิ้งนะครับก็จะเป็นการป้องกัน
00:00:57 → 00:01:00 การเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นจากโลหหนักชต่างๆ
00:01:00 → 00:01:04 ยกตัวอย่างเช่นสารตะกั่วสารปรอดแคดเมียม
00:01:04 → 00:01:07 นะครับอ่าสารหนูอย่างเงี้ยเป็นต้นนะครับ
00:01:07 → 00:01:09 รวมถึงบางครั้งก็เป็นธาตุเหล็กของเราด้วย
00:01:09 → 00:01:11 นี่แหละครับที่อาจจะมีการเกิดธาตุเหล็ก
00:01:11 → 00:01:14 เกินอันนั้นก็จะนับเป็นคิชนะครับ kation
00:01:14 → 00:01:17 therapy เนี่ยนะครับมีที่ใช้ในการแพทย์
00:01:17 → 00:01:20 อยู่เหมือนกันนะครับคือใช้ในกรณีที่มี
00:01:20 → 00:01:23 ปัญหาจากโลหะหนักบางอย่างที่เป็นพิษจน
00:01:23 → 00:01:26 เกินไปเช่นว่าท่านได้พิษจากตะกั่วที่สูง
00:01:26 → 00:01:28 จนเกินไปนะครับมันก็จะเกิดปัญหาเรื่อง
00:01:28 → 00:01:31 โลหิตจางการปวดท้องการการคลืนใคลื่นไส้
00:01:31 → 00:01:34 อาเจียนหรือโรคต่างๆมากมายนะครับถ้ามัน
00:01:34 → 00:01:36 เป็นภาวะเป็นพิษของโลหะพวกนี้เราก็จะใช้
00:01:36 → 00:01:40 การทำคีชเพื่อที่จะรักษานะครับหรือในคน
00:01:40 → 00:01:42 ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกินในร่างกายยกตัว
00:01:42 → 00:01:45 อย่างเช่นคนที่เป็นซีเมียนะครับกลุ่มพวก
00:01:45 → 00:01:48 เนี้ยก็อาจจะต้องมีการให้ยาขับธาตุเหล็ก
00:01:48 → 00:01:50 นะครับแต่ก็มักจะเป็นการขับธาตุเหล็กที่
00:01:50 → 00:01:53 เป็นกรณีแตกต่างจากคีชเปีที่เราได้ยินทั่
00:01:53 → 00:01:57 ัไปนะครับนี่คือที่ใช้ในทางการแพทย์ที่
00:01:57 → 00:02:00 เรามีเท่านั้นนะครับเรายังไม่มีการใช้ใน
00:02:00 → 00:02:04 ทางการแพทย์ที่ยอมรับในกรณีอื่นๆนะฮะแต่
00:02:04 → 00:02:07 ที่สำคัญคือเราได้ยินมาจากหลายๆที่นะครับ
00:02:07 → 00:02:11 โดยเฉพาะอ่าตามคลินิกนะครับตามโรงพยาบาล
00:02:11 → 00:02:14 หลายๆโรงพยาบาลก็จะมีการทำคีชหรือว่าเป็น
00:02:14 → 00:02:17 ศูนย์คีเลชั่นนะครับเา้าก็จะมีการโฆษณา
00:02:17 → 00:02:20 ว่ามันเป็นการล้างสารพิษออกจากร่างกายนะ
00:02:20 → 00:02:23 ครับเพราะว่าสารพิษต่างๆเหล่านี้ทำให้
00:02:23 → 00:02:26 ท่านมีอาการหลายๆอย่างยกตัวอย่างเช่นถ้า
00:02:26 → 00:02:28 ท่านทำการทำคิชไปแล้วท่านก็จะสามารถที่
00:02:28 → 00:02:31 แก้ไขภาวะพวกนี้ได้นะครับคืออะไรบ้างนะมี
00:02:31 → 00:02:34 โฆษณาเยอะแยะเช่นปวดหัวเรื้อรังนะครับ
00:02:34 → 00:02:37 เป็นผื่นภูมิแพ้นะครับหายใจลำบากนะครับ
00:02:37 → 00:02:41 บางคนมีโรคหลอดเลือดนะครับโรค ncd non
00:02:41 → 00:02:43 comical disease นะครับเบาหวานความดัน
00:02:43 → 00:02:45 ไขมันก็จะช่วยเรื่องพวกนี้ได้นะครับช่วย
00:02:45 → 00:02:48 เรื่องของอัลไซเมอร์ช่วยออทิซึมช่วยป้อง
00:02:48 → 00:02:50 กันมะเร็งนะครับช่วยป้องกันไม่ให้หลอด
00:02:50 → 00:02:53 เลือดส่วนปลายมันอุดตันนะครับคนที่มีโรค
00:02:53 → 00:02:55 หลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองก็จะช่วย
00:02:55 → 00:02:59 สามารถแก้ไขภาวะพวกนี้ได้นะครับคือสรุป
00:02:59 → 00:03:03 ว่าฟังง่ายๆคือแก้ไขทุกโรคนะครับแล้วก็
00:03:03 → 00:03:05 อาจจะมีการเขียนว่าคนไหนที่เหมาะสำหรับ
00:03:05 → 00:03:07 การทำพวกนี้นะครับก็จะเขียนไว้หลายๆโลค
00:03:07 → 00:03:09 อย่างที่เมื่อกี้ผมเล่าไปนะครับแล้วบาง
00:03:09 → 00:03:12 กรณีก็จะมีบางโรงพยาบาลเขียนว่าสำหรับผู้
00:03:12 → 00:03:16 ที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเองนะครับผู้ที่
00:03:16 → 00:03:19 ต้องการใส่ใจสุขภาพตัวเองก็แนะนำให้ทำคีช
00:03:19 → 00:03:22 นะฮะนี่คือสิ่งที่เราจะเห็นโฆษณาได้ตาม
00:03:22 → 00:03:26 ที่ต่างๆนะครับที่เาทำคีชกันนะครับอ่ะ
00:03:26 → 00:03:31 แล้วเวลาทำคีชเนี่ยนะครับบางคนก็เวลาไป
00:03:31 → 00:03:35 ตรวจเนี่ยก็จะมีวิธีในการดูว่าเออคนเนี้ย
00:03:35 → 00:03:37 มีปัญหามนะครับเพราะว่าอย่างที่ผมบอกคือ
00:03:37 → 00:03:40 คีชเนี่ยมันมีประโยชน์จริงในทางการแพทย์
00:03:40 → 00:03:44 แต่จะต้องเป็นคนที่มีภาวะมีสารโลหะหนัก
00:03:44 → 00:03:46 เนี่ยเกินในร่างกายเท่านั้นถึงจะมี
00:03:46 → 00:03:49 ประโยชน์นะครับถ้าแล้วมันอีกอย่างนึงคือ
00:03:49 → 00:03:52 มันต้องเกินเกินแบบเกินมากๆด้วยนะครับถึง
00:03:52 → 00:03:54 จะได้ประโยชน์ยกตัวอย่างเช่นตะกั่วเนี่ย
00:03:54 → 00:03:56 ครับถ้าตะกั่วเป็นพิษเนี่ยตะกั่วในร่าง
00:03:57 → 00:03:59 กายเราสูงเกิน 5 เนี่ยผิดปกติแล้วนะครับ
00:03:59 → 00:04:03 แต่ต้องสูงเกิน 50 การทำคิชถึงจะคุ้มค่า
00:04:03 → 00:04:06 เสี่ยงคุ้มค่าเสี่ยงแปลว่าอะไรครับแปลว่า
00:04:06 → 00:04:08 คิชก็มีความเสี่ยงครับเดี๋ยวเราจะพูดกัน
00:04:08 → 00:04:10 ต่อไปว่ามันเสี่ยงอะไรบ้างนะครับแล้วมัน
00:04:10 → 00:04:12 จะเกิดปัญหาอะไรได้บ้างถ้าเราทำ kation
00:04:12 → 00:04:15 kation โดยที่เราไม่รู้ตัวนะครับ
00:04:15 → 00:04:20 อ่าทีนี้เราต้องมารู้ก่อนว่าเวลาที่เราไป
00:04:20 → 00:04:22 ตรวจเนี่ยเาจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีโลหะ
00:04:22 → 00:04:24 หนักเกินในร่างกายหรือว่าคนไหนที่มี
00:04:25 → 00:04:28 ประโยชน์นะครับแน่นอนมันมีบางที่ไม่ตรวจ
00:04:28 → 00:04:30 เลยด้วยซ้ำไปแล้วก็ชักชวนให้ท่านไปทำนะ
00:04:30 → 00:04:32 ครับผมไม่แนะนำให้ท่านไปทำได้โดยที่ท่าน
00:04:32 → 00:04:35 ยังไม่ได้ตรวจนะครับแต่ถ้าท่านที่ไปตรวจ
00:04:35 → 00:04:38 แล้วนะครับก็จะต้องระวังกลเม็ดบางอย่างนะ
00:04:38 → 00:04:41 ครับกลเม็ดอะไรที่ kation Center ต่างๆ
00:04:41 → 00:04:44 จะใช้ที่อเมริกาก็มีการทำแบบนี้นะครับ
00:04:44 → 00:04:47 กลเม็ดที่ 1 การเจาะเลือดเราไปตรวจนี่
00:04:47 → 00:04:50 แหละครับดูหาโลหะหนักชนิดต่างๆนะครับ
00:04:50 → 00:04:53 ปัญหาของการทำแบบนี้อย่างที่ผมบอกคือถ้า
00:04:53 → 00:04:57 โลฮาหนักเกินนะครับไม่ใช่เราจำเป็นจะต้อง
00:04:57 → 00:05:00 รักษาทุกรายนะครับเราจะต้องรักษาก็ต่อ
00:05:00 → 00:05:03 เมื่อมันสูงจนเกินไปยกตัวอย่างเช่นในกรณี
00:05:03 → 00:05:06 ของอตะกั่วเมื่อกี้ที่ผมบอกคือมันต้องสูง
00:05:06 → 00:05:10 เกิน 50 นะครับถ้ามันไม่สูงกว่า 50 ก็ไม่
00:05:10 → 00:05:12 มีความจำเป็นจะต้องไปให้ kation therapy
00:05:12 → 00:05:15 เพราะว่ามันจะได้ผลเสียเป็นผลข้างเคียงมา
00:05:15 → 00:05:19 มากกว่านะครับหรือถ้าเป็นพวกแคดเมียมหรือ
00:05:19 → 00:05:21 เป็นอะไรพวกนี้เราอาจจะต้องตรวจปัสสาวะนะ
00:05:21 → 00:05:24 ครับแล้วที่อเมริกาเนี่ยมันจะมีบางศูนย์
00:05:24 → 00:05:27 คือเขาจะบอกว่าโอเควิธีที่แน่นอนที่สุด
00:05:27 → 00:05:29 เนี่ยเราจะลองให้คีชกับท่านไปก่อนนะนะ
00:05:29 → 00:05:31 แล้วหลังจากนั้นอีก 2 วันให้ท่านมาตรวจ
00:05:31 → 00:05:34 ปัสสาวะดูว่ามันมีการขับโลหะหนักออกมามาก
00:05:34 → 00:05:36 หรือเปล่าถ้ามันมีการขับโลหะหนักออกมามาก
00:05:36 → 00:05:39 เนี่ยมันก็แปลว่าท่านเนี่ยน่าจะมีโลหะ
00:05:39 → 00:05:41 หนักมากอยู่ในร่างกายนะครับนั่นก็คือเป็น
00:05:41 → 00:05:43 สิ่งที่เอ่อทำให้ท่านควรจะต้องได้รับการ
00:05:43 → 00:05:48 ทำคีชต่อไปอันเนี้ยร้อยทั้งร้อยทุกคน
00:05:48 → 00:05:51 เนี่ยได้รับคีชเปีไปแล้วอีก 2 วันมาตรวจ
00:05:51 → 00:05:55 ในปัสสาวะมันจะสูงขึ้นทุกคนทุกคนนะครับ
00:05:55 → 00:05:58 นั่นแปลว่าเขาใช้วิธีนี้ในการขายคิช
00:05:58 → 00:06:00 therapy ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นแต่
00:06:00 → 00:06:03 อย่างใดนะครับมันเป็นแบบนี้แะครับเพราะ
00:06:03 → 00:06:05 ว่ายาพวกนี้เข้าไปก็จะขับเอาโลหะหนักที่
00:06:05 → 00:06:07 มีอยู่ในร่างกายของท่านไม่ว่าจะอะไรก็ออก
00:06:07 → 00:06:10 มางั้นผลมันก็จะเป็นบวกทุกคนนะครับไม่มี
00:06:10 → 00:06:13 คนไหนที่ไม่ไม่เป็นบวกเลยสักคนงั้นการทำ
00:06:14 → 00:06:16 แบบนี้เนี่ยพูดง่ายๆมันเป็นการหลอกลวงเลย
00:06:16 → 00:06:19 นะครับนี้ผมพูดตรงๆเลยนะมันเป็นการหลอก
00:06:19 → 00:06:22 ลวงในการที่บอกโอ้เนี่ยทำให้ทำให้ทุกคน
00:06:22 → 00:06:24 เราตกใจว่าเฮ้ยในร่างกายเรามีโลหะหนัก
00:06:24 → 00:06:26 ด้วยแฮะเราได้คีชเปิไปแล้วมันเอาออกมา
00:06:26 → 00:06:29 ด้วยอย่างนี้เราควรจะต้องทำคีชต่อนะครับ
00:06:29 → 00:06:32 ซึ่งซึ่งมันไม่ถูกต้องนะครับหรือการตรวจ
00:06:32 → 00:06:35 เลือดอีกก็เหมือนกันนะครับเพราะว่าบาง
00:06:35 → 00:06:37 ครั้งเป็นการตรวจเลือดที่ไม่ใช่การตรวจ
00:06:37 → 00:06:40 แบบมาตรฐานนะครับพอมันไม่ใช่การตรวจแบบ
00:06:40 → 00:06:43 มาตรฐานนั้นสิ่งที่ได้ออกมาแปรผลเนี่ยมัน
00:06:43 → 00:06:46 ก็จะไม่เข้ามาตรฐานดังนั้นมันก็ไม่สามารถ
00:06:46 → 00:06:49 ใช้ตรงนั้นในการบอกได้ว่าควรจะหรือไม่ควร
00:06:49 → 00:06:51 ในการให้คิชแต่เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่มัน
00:06:51 → 00:06:54 สูงเกินค่าปกติไม่ว่าจะเกินไปนิดเดียว
00:06:54 → 00:06:56 เค้าก็จะบอกว่าท่านควรจะใช้ kation
00:06:56 → 00:06:59 therapy เรียบร้อยแล้วนะครับมากไปกว่า
00:06:59 → 00:07:02 นั้นอีกบางโรงพยาบาลอาจจะเคยได้ยินนะครับ
00:07:02 → 00:07:05 ทำ Life Blood analysis คืออะไรเจาะ
00:07:05 → 00:07:08 เลือดปนี้เอาไปหยดแล้วก็ดูกล้องจุลทัศน์
00:07:08 → 00:07:10 ดูลักษณะของเม็ดเลือดนะครับแล้วบอกได้เลย
00:07:10 → 00:07:12 ว่าโอ้ไอ้เม็ดเลือดแบบนี้เนี่ยท่านมีโลหะ
00:07:12 → 00:07:15 หนักเกินในร่างกายท่านจะต้องได้รับการทำ
00:07:15 → 00:07:18 คีช therapy นะครับเอ่อเลือดของท่านไหล
00:07:18 → 00:07:20 เวียนไม่ดีมันมีเซลล์ที่มันมีหนาวมาวเยอะ
00:07:20 → 00:07:23 ๆนะครับเซลล์นี้มันดูเหี่ยวๆอันนี้มันดู
00:07:24 → 00:07:27 หน้าตามันบุ๋มๆนะครับท่านต้องมีโรคโรคไต่
00:07:27 → 00:07:30 มีโรคตัดท่านต้องไปทำการการทำคิชเปีเพื่อ
00:07:30 → 00:07:33 รักษานะครับก็จะบอกว่าอันเนี้ยมันเป็นอัน
00:07:33 → 00:07:36 นึงที่เรียกว่า pud Science หรือ
00:07:36 → 00:07:38 วิทยาศาสตร์ปลอมนะครับการที่เจาะเอาเลือด
00:07:38 → 00:07:41 ไปตรวจแล้วก็ส่องกล้องดูนทัศน์ดูเนี่ย
00:07:41 → 00:07:44 แล้วเจอแบบนั้นเนี่ยไม่ได้บอกอะไรทั้ง
00:07:44 → 00:07:46 สิ้นนะครับมีหลายภาวะที่ทำให้เลือดมัน
00:07:46 → 00:07:49 เป็นแบบนั้นได้ยกตัวอย่างเช่นท่านทาน้ำมา
00:07:49 → 00:07:51 ไม่พอนะครับการที่เขาเอาเลือดไปตรวจเนี่ย
00:07:51 → 00:07:53 บางทีภาวะที่มันแห้งอุณหภูมิที่มัน
00:07:53 → 00:07:55 เปลี่ยนนะครับหรือทิ้งเลือดไว้นานหรือ
00:07:55 → 00:07:56 อะไรก็แล้วแต่นะครับทำให้เม็ดเลื่อนมี
00:07:56 → 00:07:59 ลักษณะผิดปกติแบบนั้นได้นะครับเวลาที่เรา
00:07:59 → 00:08:03 จะแปลผลลักษณะของเม็ดเลือดแบบนั้นเนี่ยใน
00:08:03 → 00:08:05 ทางการแพทย์มันทำได้นะครับมันมีแบบนั้น
00:08:05 → 00:08:07 จริงๆแต่เขาจะไม่ใช่เอาเลือดไปหยุดแล้วไป
00:08:07 → 00:08:10 ส่องนะครับวิธีในการทำก็คือจะมีสไลด์อัน
00:08:10 → 00:08:13 นึงหยดเลือดเข้าไปนะครับแล้วเอาที่ไถ
00:08:13 → 00:08:16 สไลด์เนี่ยไถนะครับให้เม็ดเลือดมันกระจาย
00:08:16 → 00:08:18 ตัวกันในสไลด์แล้วหลังจากนั้นเนี่ยเราเอา
00:08:18 → 00:08:21 ไปิกนะครับก็คือไปการทำให้เม็ดเลือดเนี่ย
00:08:21 → 00:08:24 มันติดอยู่ตัวกับตัวสไลด์แล้วเราเอาสไลด์
00:08:24 → 00:08:27 นั้นน่ะไปส่องดูนะครับมันจะเห็นลักษณะของ
00:08:27 → 00:08:29 เม็ดเลือกที่มีความผิดปกติได้แล้วถ้ามี
00:08:29 → 00:08:31 ความผิดปกติอันนั้นมันก็บ่งบอกได้ถึงภาวะ
00:08:31 → 00:08:34 ชนิดต่างๆแต่ไม่ได้บ่งบอกว่าท่านมีโลหะ
00:08:34 → 00:08:36 หนักในร่างกายเกิดนนะครับการตรวจเม็ด
00:08:36 → 00:08:39 เลือดไม่สามารถบอกได้ว่าร่างกายของท่าน
00:08:39 → 00:08:43 นั้นมีโลหะหนักเกิดนแต่อย่างใดนะครับจะ
00:08:43 → 00:08:45 ต้องตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะเท่านั้น
00:08:45 → 00:08:48 แล้วการตรวจก็จะต้องเป็นการตรวจที่ได้
00:08:48 → 00:08:51 มาตรฐานเท่านั้นนะครับอะไรที่มันดูเหมือน
00:08:51 → 00:08:54 จะเกินความเป็นจริงมันก็มักจะเกินความ
00:08:54 → 00:08:56 เป็นจริงเอ่อไว้คราวหน้าเนี่ยผมจะมาเล่า
00:08:56 → 00:08:59 เรื่องนึงให้ฟังนะครับเรื่องของบริษัท
00:08:59 → 00:09:02 ชื่อ teros นะครับโดยคุณเอ Elizabeth
00:09:02 → 00:09:04 Home นะครับซึ่งเป็นการหลอกลวงต้มตุ๋น
00:09:04 → 00:09:07 ทั้งโลกเลยนะครับเอ่อบริษัทเนี้ยตอนแรกก็
00:09:07 → 00:09:09 คือเป็นผู้หญิงคนนึงชื่อ albet Home เ
00:09:09 → 00:09:11 ก่อตั้งนะครับเดี๋ยวผมไวเล่าในคลิปต่อไป
00:09:11 → 00:09:15 แล้วกันนะครับคนนี้เาคือบอกว่าเอาเลือด
00:09:15 → 00:09:17 หยดเดียวเนี่ยสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ทุก
00:09:17 → 00:09:19 อย่างเอาไปเข้าเครื่องของเขาคเครื่องแนอ
00:09:19 → 00:09:21 ตัวนี้นะสามารถบอกได้เลยว่าท่านเป็นเป็น
00:09:21 → 00:09:23 มะเร็งเป็นมะหวัเป็นอะไรคุมได้แค่ไหนคือ
00:09:23 → 00:09:25 สามารถบอกได้ทุกอย่างมีโรคติดเชื้ออะไร
00:09:25 → 00:09:27 บอกได้นะครับแล้วทุกคนก็แห่ไปลงทุนกับเค
00:09:27 → 00:09:30 หมดเลยนะครับสุดท้ายก็เจอว่าเป็นการลวง
00:09:30 → 00:09:33 โลกทั้งหมดเลยนะครับก็โดนเข้าคุกเรียบ
00:09:33 → 00:09:34 ร้อยแล้วนะครับเดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่า
00:09:34 → 00:09:37 แล้วกันนะครับอ่ะเรากลับมาที่เรื่องของคช
00:09:37 → 00:09:40 ของเราต่อนะครับคชเนี่ยนะ
00:09:40 → 00:09:45 ครับที่เราทำการรักษาทางการแพทย์เนี่ย
00:09:45 → 00:09:47 อย่างที่เมื่อกี้บอกนะครับมีประโยชน์
00:09:47 → 00:09:49 เฉพาะกรณีที่โลหะหนักในร่างกายมันเกินแบบ
00:09:49 → 00:09:52 สูงๆเท่านั้นนะครับอีกกรณีนึงซึ่งมีการ
00:09:52 → 00:09:56 อ้างอิงงาวิจัยบ่อยๆคือ tact trial นะ
00:09:56 → 00:10:01 ครับมันย่อมาจากว่าเอ่อชื่อมันเต็มๆคือ t
00:10:01 → 00:10:04 a นะครับ TCH นะครับหรือ trial to
00:10:04 → 00:10:07 assess kation therapy นะครับซึ่งออก
00:10:07 → 00:10:11 มาน่าจะนานมากแล้วประมาณสักปี 2013 หรือ
00:10:11 → 00:10:14 อะไรเนี่ยแหละครับตัวนี้เนี่ยเคไปเจอว่า
00:10:14 → 00:10:17 มันมีผลดีในคนที่มีโรคเบาหวานนะครับแล้ว
00:10:17 → 00:10:20 ก็มีโรคหัวใจนะฮะอาจจะมีการสวนหัวใจทำ
00:10:20 → 00:10:23 บลูนหัวหัวใจไปแล้วเนี่ยคนกลุ่มนี้เนี่ย
00:10:23 → 00:10:26 ถ้าเอามาทำ kation therapy เนี่ยเเจอว่า
00:10:26 → 00:10:28 มีโอกาสเกิดปัญหาต่อหัวใจได้น้อยกว่า
00:10:28 → 00:10:31 กลุ่มที่ไม่ทำนะครับแล้วเนี่ยเป็นแค่งาน
00:10:31 → 00:10:34 ศึกษา 1 งานเท่านั้นในบรรดางานหลายๆงาน
00:10:34 → 00:10:37 ซึ่งมันใหญ่เพียงพอที่จะสามารถตอบคำถาม
00:10:37 → 00:10:39 เหล่านี้ได้นะครับแต่เนื่องจากว่ามันเป็น
00:10:39 → 00:10:43 การศึกษาแค่ครั้งเดียวยังไม่มีการศึกษา
00:10:43 → 00:10:46 ครั้งต่อไปที่ออกมาเป็นการยืนยันผลอันนี้
00:10:46 → 00:10:49 นะครับผลการทดลองครั้งที่ 2 หรือที่เรียก
00:10:49 → 00:10:51 ว่า Tag to เนี่ยกำลังทำอยู่นะครับเพื่อ
00:10:51 → 00:10:54 จะตอบคำถามอันนี้ดังนั้นทาง American
00:10:54 → 00:10:56 Heart association หรือสมาคมโรคหัวใจ
00:10:57 → 00:10:59 ของประเทศอเมริกาเนี่ยยังไม่แนะนำทำให้
00:10:59 → 00:11:03 การทำคิชเปีเป็นสิ่งที่สมควรในคนที่มีโรค
00:11:03 → 00:11:06 หลอดเลือดหัวใจแม้ว่าจะมีเบาหวานก็ตามแต่
00:11:06 → 00:11:10 ถ้าท่านต้องการที่จะไปทำนั้นนี่ก็คือเป็น
00:11:10 → 00:11:13 ข้อมูลอันเดียวที่มีนะครับโรคๆอื่นไม่
00:11:13 → 00:11:15 สามารถที่จะช่วยได้นะครับถ้าสมมุติว่า
00:11:15 → 00:11:18 ท่านคิดว่า kation therapy ท่านสมควรทำ
00:11:18 → 00:11:21 เช่นท่านอาจจะมีโรคหัวใจเคยทำบอลลูนทำไพา
00:11:21 → 00:11:23 ไปนะครับแล้วมีเบาหวานหรือมีหลอดเลือดสวน
00:11:23 → 00:11:26 ปลายที่อุดตันเช่นเป็นแผลเ่อจากหลอดเลือด
00:11:26 → 00:11:28 อุดตันที่ขาอะไรอย่างเงี้ยนะครับแล้วถ้า
00:11:28 → 00:11:31 ท่านจะไปทำอันเนี้ยเป็นอันเดียวที่อาจจะ
00:11:31 → 00:11:33 พอมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามันช่วยได้
00:11:33 → 00:11:36 นะครับแต่ถ้านอกเหนือจากนี้เช่นบอกว่าเออ
00:11:36 → 00:11:39 การทำคีเลชั่นสามารถป้องกันอัลไซเมอร์
00:11:39 → 00:11:41 ป้องกันมะเร็งทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้นล้าง
00:11:41 → 00:11:43 พิษในตับล้างพิษในกระแสเลือดนะครับทำให้
00:11:43 → 00:11:47 ไขมันเราลดลงพวกเนี้ยไม่ได้ผลทั้งสิ้นไม่
00:11:47 → 00:11:50 มีข้อมูลทางการแพทย์อะไรทั้งสิ้นทั้งสิ้น
00:11:50 → 00:11:54 นะครับอ่าเรารู้ละว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่
00:11:54 → 00:11:58 ได้ต่อมาข้อเสียของคิชคืออะไร
00:11:58 → 00:12:02 อ่า kation เนี่ยมันมีหลายๆอย่างที่เรา
00:12:02 → 00:12:04 สามารถใช้ได้นะครับอาจะมีชื่อ
00:12:04 → 00:12:08 penicillamine diam cal B อ่า edta
00:12:08 → 00:12:11 แต่ตัวที่ใช้กันในทางทางปฏิบัติเนี่ยนะ
00:12:11 → 00:12:15 ครับท่านจะได้ยินคำว่า edta นะครับอ่า
00:12:15 → 00:12:18 edta ตัวนี้เนี่ยครับจริงๆมันเป็นสารที่
00:12:18 → 00:12:20 เราเอาไว้ใช้ในเวลาเราเจาะเลือดนะครับ
00:12:20 → 00:12:22 หลอดเลือดเราเนี่ยถเรามีสารกันเลือดแข็ง
00:12:22 → 00:12:24 ตัวเราจะใส่สาร edta เข้าไปมันจะทำให้
00:12:24 → 00:12:26 เลือดเราไม่แข็งตัวนะครับแต่ไอ้สารตัว
00:12:26 → 00:12:28 เนี้ยมันจะเป็นสารที่เข้าไปจับกับโลหะ
00:12:28 → 00:12:31 หนักในร่างกายนะครับแล้วก็เป็นสารที่ผม
00:12:31 → 00:12:33 เสิร์ชในเว็บไซต์ของประเทศไทยก็เป็นตัว
00:12:33 → 00:12:35 ที่ใช้กันนะครับซึ่งก็เป็นตัวเดียวกับที่
00:12:35 → 00:12:38 อเมริกาในคลินิกที่มีคีชนะครับทั้งหมดนะ
00:12:38 → 00:12:42 ฮะตัวนี้คือ Clinic creation เนี้เค้าจะ
00:12:42 → 00:12:44 ให้ edta มันก็จะไปจับกับโลฮาหนักแล้วทำ
00:12:44 → 00:12:48 ให้ขับโลหะหนักนั้นออกไปทางปัสสาวะนะครับ
00:12:48 → 00:12:51 ข้อเสียของการทำคีชคืออะไรนะครับ
00:12:51 → 00:12:55 อ่ะคนที่ทำเนี่ยมันจะมีอาการผลข้างเคียง
00:12:55 → 00:12:59 นะครับเช่นคลื่นไส้อาเรียนความดันตกหัวใจ
00:12:59 → 00:13:03 มีปัญหาไตวายได้นะครับแล้วที่สำคัญคือมัน
00:13:03 → 00:13:05 ไปจับโลหหนักและหนึ่งในโลหะหนักที่สำคัญ
00:13:05 → 00:13:08 มากๆของร่างกายก็คือแคลเซียมครับจะมี
00:13:08 → 00:13:11 อาการแคลเซียมตกได้ฉับพลัแคลเซียมตกเกิด
00:13:11 → 00:13:15 อะไรขึ้นครับอ่าท่านที่เคยเป็นแทนเด็กอาจ
00:13:15 → 00:13:20 จะรู้ดีนั่นคืออาการแคลเซียมตกครับใจสั่น
00:13:20 → 00:13:23 นะมือมือสั่นเลยบางคนมือจีบเกร็งนะครับ
00:13:24 → 00:13:26 บางคนชักเลยก็มีนะครับบางคนความดันตก
00:13:26 → 00:13:29 รุนแรงนั่นแหละครับคืออาการของแคลเซียม
00:13:29 → 00:13:31 เส้มตกอย่างฉับพลันนะครับไม่ใช่ว่ามันไม่
00:13:31 → 00:13:33 เกิดนะครับมันเกิดขึ้นได้แล้วก็ผมเห็น
00:13:33 → 00:13:37 หลายเว็บไซต์เนี่ยบางทีเขียนบอกว่าโอ้การ
00:13:37 → 00:13:39 ใช้ edta เพื่อททำ creation เป็นที่ยอม
00:13:39 → 00:13:42 รับกันในทางการแพทย์ทั่วโลกทำมาแล้วหลาย
00:13:42 → 00:13:45 รายไม่เคยเกิดปัญหาเลยอันเนี้ยข้อมูลไม่
00:13:45 → 00:13:48 จริงเลยนะครับไม่จริงนะมันมีปัญหาเรารู้
00:13:48 → 00:13:50 กันอยู่แล้วว่ามันมีปัญหานะไม่งั้นเนี่ย
00:13:50 → 00:13:53 เค้าก็ไม่เค้าก็คงจะทำกันเต็มไปหมดแล้วนะ
00:13:53 → 00:13:56 ครับเนี่ยมันคือปัญหานะแล้วปัญหาก็คือ
00:13:56 → 00:13:58 วิทยาศาสตร์ปลองพวกนี้มันสามารถที่จะทำ
00:13:58 → 00:14:01 เงินให้ได้ดังนั้นก็จะมีคนออกมาพยายามจะ
00:14:01 → 00:14:04 ใช้นะครับทำคิชหลายๆครั้งก็จะแนะนำเราบอก
00:14:04 → 00:14:07 ว่าเออแต่ละคนเนี่ยอาจจะต้องทำไม่เท่ากัน
00:14:07 → 00:14:09 นะขึ้นอยู่กับว่าสภาพร่างกายเป็นยังไงนะ
00:14:09 → 00:14:11 ครับทำ 3 ครั้ง 5 ครั้ง 10 ครั้งหรือบาง
00:14:11 → 00:14:14 กรณีก็เยอะกว่านั้นนะครับก็ก็แล้วแต่นะ
00:14:14 → 00:14:17 ครับเนี่ยของพวกเนี้ยคือมันมีผลข้างเคียง
00:14:17 → 00:14:19 เช่นนี้ด้วยนะครับบางคนทำไปแล้วเกือบตาย
00:14:19 → 00:14:21 แล้วก็มีผมก็เคยได้ยินมานะครับบอกว่าโอ
00:14:21 → 00:14:23 ช็อต้องไปห้องฉุกเฉินเลยครับก็คือ
00:14:23 → 00:14:26 แคลเซียมมันตกนะครับนอกเหนือจากนี้เนี่ย
00:14:26 → 00:14:30 ตัว edta มันยังไปจับกับธาตุสังกสีหรือ
00:14:30 → 00:14:33 ซิงค์ในร่างกายของเราด้วยนะครับคุ้นๆมั้ย
00:14:33 → 00:14:36 ครับซิงค์นี่เราทำทำไมที่เราสมัยก่อนเคย
00:14:36 → 00:14:38 บอกว่าเอ๊ซิงคนี่เรากินเพื่อเอ่อเสริม
00:14:38 → 00:14:42 ต้านภูมิต้านทานของเรานะครับแต่จริงๆมัน
00:14:42 → 00:14:44 กินเข้าไปไม่ได้ช่วยอะไเรื่องภูมิต้านทาน
00:14:44 → 00:14:46 นะครับมันช่วยในคนที่เขาขาดแร่ธาตุตัว
00:14:46 → 00:14:48 ซิงค์ตัวนี้นะครับถึงจะช่วยได้ถ้าท่านไม่
00:14:48 → 00:14:50 ได้ขาดกินเข้าไปก็ไม่ได้ช่วยนะครับแต่ว่า
00:14:50 → 00:14:53 ท่านใช้ edta ฉีดเข้าไปเนี่ยนะครับมันจะ
00:14:53 → 00:14:55 ไปขับเอาตัวนี้ออกมาด้วยนะครับคือ kation
00:14:55 → 00:14:59 เนี่ยมันก็มีตั้งแต่ประมาณักทำเนี่ย Set
00:14:59 → 00:15:01 ชนึงประมาณ 2 ชมถ- 4 ช่มแล้วแต่ว่าทำมาก
00:15:01 → 00:15:06 น้อยแค่ไหนนะครับถ้าถ้ามันก็นานๆนะครับทน
00:15:06 → 00:15:08 ก็นั่งไปนอนอยู่ตรงนั้นนะครับแล้ว
00:15:08 → 00:15:10 คีเลชั่นแต่ละที่เขาก็จะไม่เหมือนกันด้วย
00:15:10 → 00:15:12 ก็คือบางคนบอกว่าในน้ำคีเลชั่นก็จะมีผสม
00:15:12 → 00:15:15 วิตามินผสมสารต่างๆนะเกือแร่ต่างๆลงไป
00:15:15 → 00:15:18 ด้วยหรือบางคนก็มีให้กินนะนะบางคนก็แบบ
00:15:18 → 00:15:22 เออกลัวพพวกนี้มันไม่ดีก็จะมีอ่าวิตามิน
00:15:22 → 00:15:24 ให้กินเป็นวิตามินชุดอะไรพวกเยนะครับอัน
00:15:24 → 00:15:26 นั้นก็เป็นตัวที่เป็น
00:15:26 → 00:15:29 อ่าทำเหมือนกับให้เป็นกิมิเป็นเป็นธุรกิจ
00:15:29 → 00:15:32 อะไรพวกเนี้ยนะครับก็จะช่วยอ่อทำให้เขา
00:15:32 → 00:15:34 สามารถขายคอร์สพวกนี้ได้นะครับแต่ว่า
00:15:34 → 00:15:36 สำหรับผมเนี่ยก็คิดว่าอาจจะไม่ได้มี
00:15:36 → 00:15:39 ประโยชน์มากสำหรับหลายๆคนนะครับถ้าคนที่
00:15:39 → 00:15:41 จะพอมีประโยชน์ได้บ้างก็อย่างที่บอกไปก็
00:15:41 → 00:15:43 คือมีโรคหัวใจโรคเบาหวานนะครับหรือมีหลอด
00:15:43 → 00:15:45 เลือดส่วนปลายเนี่ยมีการอุดตันไปนะครับ
00:15:45 → 00:15:48 พวกนี้อาจจะพอมีประโยชน์บ้างแล้วมันก็มี
00:15:48 → 00:15:51 งานวิจัยที่รองรับอยู่ 1 งานนะครับส่วน
00:15:51 → 00:15:53 งานวิจัยอื่นๆที่ออกมาเนี่ยที่นอกเหนือ
00:15:53 → 00:15:55 จากงานชื่อ TCH trial เนี่ยนะครับมันยัง
00:15:55 → 00:15:57 เป็นงานวิจัยที่เล็กๆนะครับข้อมูลยังไม่
00:15:57 → 00:16:01 แน่ไม่นอนแล้วก็ก็เอ่อวิธีในการทำคีช
00:16:01 → 00:16:03 เนี่ยแต่ละที่ก็ทำไม่เหมือนกันนะครับมัน
00:16:03 → 00:16:06 ทำให้ได้ข้อสรุปค่อนข้างยากนะครับ
00:16:06 → 00:16:09 อ่ะดังนั้นแล้วเนี่ยเรื่องของ kation
00:16:09 → 00:16:12 therapy ในปัจจุบันเนะครับในทางการแพทย์
00:16:12 → 00:16:16 มีจริงๆนะครับคือมีในคนที่ได้ภาวะโลหะ
00:16:16 → 00:16:18 หนักเกินในร่างกายแบบจริงๆนะพวกนี้ก็จะมี
00:16:18 → 00:16:20 อาการเยอะนะครับต้องไปตรวจเช่นมีปวดท้อง
00:16:21 → 00:16:23 เรื้อรังนะครับมีอะไรพวกเนี้ยนะหรือมี
00:16:23 → 00:16:25 โลหิตจางนะครับหรือมีระบบประสาทที่มันผิด
00:16:25 → 00:16:27 ปติไปพวกเนี้ยต้องไปตรวจแล้วตรวจถ้ามัน
00:16:27 → 00:16:30 เกินเยอะๆก็แน่นอนต้องทำนะครับพวกนั้นมี
00:16:30 → 00:16:33 ประโยชน์นะครับแต่พวกที่ไปตรวจเลือดด้วย
00:16:33 → 00:16:35 วิธีที่ไม่มาตรฐานหรือไม่ได้ตรวจก่อน
00:16:35 → 00:16:37 เนี่ยคือคือไม่ควรทำเลยนะครับถ้าไม่เคย
00:16:37 → 00:16:39 ตรวจมาก่อนแล้วไปทำกีชผมคิดว่ามันไม่คุ้ม
00:16:39 → 00:16:42 นะครับถ้าตรวจก็ต้องแน่ใจว่าเป็นการตรวจ
00:16:42 → 00:16:45 ที่เป็นมาตรฐานนะครับจะเป็นมาตรฐานท่านจะ
00:16:45 → 00:16:47 ทราบได้ยังไงท่านไปค้นเว็บไซต์ที่มันเป็น
00:16:47 → 00:16:50 มาตรฐานเลยครับแล้วท่านดูว่าเวลาเกิดพิษ
00:16:50 → 00:16:53 จากโลหะหนักชนิดต่างๆเนี่ยเตรวจกันยังไง
00:16:53 → 00:16:54 แล้วท่านก็จะเห็นนะครับเพราะถ้าผมบอกไป
00:16:55 → 00:16:56 แล้วท่านอาจจะบอกเอ้อเดี๋ยวผมออกมาแล้ว
00:16:56 → 00:16:59 มันไม่ตรงกับที่คนอื่นเขาบอกนะมันก็ก็จะ
00:16:59 → 00:17:01 ไม่ใช่ท่านสามารถหาได้ด้วยตัวเองว่าวิธี
00:17:01 → 00:17:03 การดูเนี่ยเดูกันยังไงแล้วดูกันคค่าเท่า
00:17:04 → 00:17:07 ไหร่บ้างถึงจะต้องทำคชนะครับแล้วทำยังไง
00:17:07 → 00:17:10 ท่านสามารถหาข้อมูลได้เองและอย่างนึงซึ่ง
00:17:10 → 00:17:14 ผมอยากจะให้ท่านสังเกตนะครับอมี 2 อย่าง
00:17:14 → 00:17:17 อย่างแรกที่อยากจะให้สังเกตก็คือทำไม
00:17:17 → 00:17:20 ประกันถึงไม่จ่ายคีชทำไมประกันถึงไม่จ่าย
00:17:21 → 00:17:25 ท่านจะต้องจ่ายเงินเองอ่าถ้า kation
00:17:25 → 00:17:28 therapy เนี่ยมันดีจริงๆถ้าการรักษา
00:17:28 → 00:17:30 อย่างใดอย่างหนึ่งเนี่ยมันดีมากจริงๆ
00:17:30 → 00:17:32 เนี่ยนะครับแล้วมันมีข้อมูลออกมาแล้วว่า
00:17:32 → 00:17:35 ชัดเจนว่ามันได้ผลนะครับไม่มีทางที่
00:17:35 → 00:17:39 บริษัทประกันเขาจะเถียงได้นะครับว่าเฮ้ย
00:17:39 → 00:17:41 ข้อมูลตัวเนี้ยมันออกมาชัดเจนทั่วโลกแล้ว
00:17:41 → 00:17:44 นะว่ามันได้ผลจริงๆผลดีมีประโยชน์แล้วไม่
00:17:44 → 00:17:46 มีโทษมากไปกว่าประโยชน์นะครับถ้าเป็นแบบ
00:17:46 → 00:17:49 นั้นเนี่ยบริษัทประกันต้องโดนบังคับให้
00:17:49 → 00:17:52 จ่ายแน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธไม่ยอม
00:17:52 → 00:17:57 จ่ายในสิ่งที่จะได้ประโยชน์แล้วไม่มีโทษ
00:17:57 → 00:18:00 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การรักษานั้นยังไม่
00:18:00 → 00:18:03 ได้รับการพิสูจน์ให้ชัดเจนว่ามันมี
00:18:03 → 00:18:07 ประโยชน์มากกว่าโทษแล้วมันจำเป็นประกันก็
00:18:07 → 00:18:12 ไม่จ่ายครับนะง่ายๆเลยตรงๆเลยนะอีกอย่าง
00:18:12 → 00:18:14 นึงซึ่งอยากจะให้ท่านลองคิดดูเพราะว่าบาง
00:18:14 → 00:18:16 คนก็บอกว่าเอ๊วิทยาศาสตร์เนี่ยนะครับมัน
00:18:17 → 00:18:19 มีอะไรใหม่ออกมาเนี่ยนะครับทำไมผมจะต้อง
00:18:20 → 00:18:22 ออกมารู้สึกว่าคัดค้านทุกครั้งมันน่าจะ
00:18:22 → 00:18:24 เป็นอะไรที่โอใหม่ล่าสุดแล้วคนที่เขารู้
00:18:24 → 00:18:27 เนี่ยเป็นเพราะว่าเขาอยู่ในวงการมานานเคเ
00:18:27 → 00:18:29 ทราบเรื่องนี้นานเค้ารู้สึกว่าตัวเอง
00:18:29 → 00:18:33 เนี่ยอยู่แนวหน้าของวิทยาการแล้วก็นั่น
00:18:33 → 00:18:38 แหละครับวิทยาการมันนำหน้าไปเสมอก่อนที่
00:18:38 → 00:18:41 เราจะออกมาบอกว่ามันได้ผลแล้วก็บรรจุเข้า
00:18:41 → 00:18:45 ไปอยู่ในข้อควรปฏิบัติทางการแพทย์อันนี้
00:18:45 → 00:18:47 ต้องอันนี้ต้องชื่นชมนะครับว่ามันเป็น
00:18:47 → 00:18:49 อย่างนั้นจริงๆคือเวลาที่เราจะบรรจุเข้า
00:18:49 → 00:18:51 ไปในสิ่งที่ต้องการทำทางการแพทย์แบบเป็น
00:18:51 → 00:18:54 มาตรฐานนั้นมันจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
00:18:54 → 00:18:57 ให้ชัดเจนดังนั้นแปลว่ามันจะมีกลุ่มนึง
00:18:57 → 00:19:00 ซึ่งมันมีข้อข้อมูลใหม่แล้วมันถูกจริงๆนะ
00:19:00 → 00:19:02 ครับแล้วก็ทำอย่างงั้นก็ถูกแต่ท่านอยากจะ
00:19:02 → 00:19:06 เป็นหนูรองยาตรงนั้นหรือเปล่าครับนะะแล้ว
00:19:06 → 00:19:08 ที่อเมริกาเนี่ยเป็นอย่างนี้จริงๆคือถ้า
00:19:08 → 00:19:10 ท่านต้องการที่จะได้วิทยาการใหม่ที่สุด
00:19:10 → 00:19:13 ซึ่งยังไม่ได้รับการบรรจุลงในมาตรฐานการ
00:19:13 → 00:19:16 แพทย์ก็จะต้องทำในเงื่อนไขของงานวิจัย
00:19:16 → 00:19:18 นั่นทำได้เช่นพวกงานวิจัยยามะเร็งโรคใหม่
00:19:18 → 00:19:21 ๆท่านอยู่ในงานวิจัยโอเคไม่มีปัญหาเพราะ
00:19:21 → 00:19:24 ว่าท่านทราบข้อข้อดีข้อเสียและรู้ตัวว่า
00:19:24 → 00:19:27 ข้อมูลสนับสนุน 100% ยังไม่มีและตัวท่าน
00:19:27 → 00:19:30 เองก็คืออื่นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการวิจัย
00:19:30 → 00:19:34 อยู่นะครับอ่ะต้องรู้ตรงนี้นะครับแต่มัน
00:19:34 → 00:19:36 ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่งานวิจัยเหล่า
00:19:36 → 00:19:39 นี้นั้นทำออกไปแล้วสุดท้ายมันไม่ได้ผล
00:19:39 → 00:19:42 กลับได้โทษขึ้นมาแทนแล้วต้องยกเลิกหลาย
00:19:42 → 00:19:44 ครั้งนะครับหลายครั้งมากเลยนะครับที่ต้อง
00:19:45 → 00:19:46 ยกเลิกดัง
00:19:46 → 00:19:49 นั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของผมนะครับที่จะ
00:19:49 → 00:19:53 ต้องมาบอกว่าเอ้องานวิจัยเหล่าเอ่อการทำ
00:19:53 → 00:19:55 creation เปิเนี่ยมันไม่ได้ผลมันไม่ใช่
00:19:55 → 00:19:58 เป็นสิ่งที่ผมต้องไปพิสูจน์ให้คนเหล่า
00:19:58 → 00:20:01 เนี้ยรู้ว่างานวิจัยต่างๆมันไม่ดีหรือว่า
00:20:01 → 00:20:03 เป็นผมที่ต้องไปพิสูจน์ว่า kation
00:20:03 → 00:20:05 therapy มันไม่ได้ผลแต่มันต้องเป็นหน้า
00:20:05 → 00:20:07 ที่ของคนที่สั่งจ่าย kation เปิต่างหาก
00:20:07 → 00:20:10 ที่ต้องมาพิสูจน์ให้ผมแล้วก็ทุกๆคนในโลก
00:20:10 → 00:20:13 เนี้ยรู้ว่ามันได้ประโยชน์อย่างไรเาจะ
00:20:13 → 00:20:16 ต้องทำพิสูจน์ให้ได้ด้วยหลักเกณฑ์ทาง
00:20:16 → 00:20:18 วิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับกันใน
00:20:18 → 00:20:21 ปัจจุบันทั่วไปด้วยการวิจัยนะครับไม่ใช่
00:20:21 → 00:20:24 ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวไม่ใช่ด้วยการไปทด
00:20:24 → 00:20:26 ลองแล้วก็บอกต่อๆกันมาไม่ใช่ด้วยการที่
00:20:26 → 00:20:29 เอ๊ยคนนี้ทำแล้วรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรง
00:20:29 → 00:20:31 แล้วก็เอาคนนั้นมาดูแต่ไม่ได้ไปดูคนที่
00:20:31 → 00:20:35 เหลือว่าเค้าเป็นยังไงนะครับอ่าดังนั้น
00:20:35 → 00:20:38 โดยสรุปแล้วนะครับ kion therapy นะครับ
00:20:38 → 00:20:41 ในทางด้านที่ไม่ใช่การแพทย์นั้นส่วนตัวผม
00:20:41 → 00:20:44 นะครับยังไม่แนะนำให้ทำนะครับแต่ถ้าท่าน
00:20:44 → 00:20:47 ต้องการจะทำกลุ่มที่อาจจะพอมีประโยชน์
00:20:47 → 00:20:49 บ้างก็คือกลุ่มที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:20:49 → 00:20:51 หลอดเลือดส่วนปลายแล้วก็มีเบาหวานกลุ่ม
00:20:51 → 00:20:54 นี้อาจจะพอได้ประโยชน์บ้างนะครับส่วนจะ
00:20:54 → 00:20:56 ต้องทำกี่ครั้งทำยังไงยังไม่มีใครสามารถ
00:20:56 → 00:20:59 ตอบได้เพราะว่ามันยังไม่ชัดเจนนะครับแล้ว
00:20:59 → 00:21:03 ผลข้างเคียงที่เกิดจากการทำกีชเปีนั้นมี
00:21:03 → 00:21:05 นะครับไม่ใช่ไม่มีเช่นอ่อนเพลียคลื่นไส
00:21:06 → 00:21:08 อาเจียนความดันตกเป็นหัวใจวายกำเริบขึ้น
00:21:08 → 00:21:11 มาไตวายกำเริบขึ้นมาคนที่มีโรคไตเลื้อลัง
00:21:11 → 00:21:14 ก็ต้องระวังนะครับอาจจะมีอารแคลเซียมตก
00:21:14 → 00:21:17 รุนแรงนะครับพวกนี้ก็อาจจะมีการชักได้นะ
00:21:17 → 00:21:20 ครับมีอาการความดันตกได้มีอาการที่แพนิค
00:21:20 → 00:21:23 เกิดขึ้นมานะครับมือจีบเท้าเป็นตะคิวเก็ง
00:21:23 → 00:21:26 ขึ้นมามือตะคิวเก็งขึ้นมานะครับปากชาหน้า
00:21:26 → 00:21:29 ชาอย่างเงี้ก็เป็นได้นะครับนั่นคือผลเสีย
00:21:29 → 00:21:31 ที่เกิดขึ้นได้นะครับแล้วส่วนตัวผมคิดว่า
00:21:31 → 00:21:34 ถ้ามันไม่อยู่ในเอ่อข้อบงชี้ทางการแพทย์
00:21:34 → 00:21:37 เช่นมีโลฮาหนักเกินจริงๆเกินแบบเยอะๆ
00:21:37 → 00:21:39 เนี่ยนะครับการไปเสียงทำแบบเนี้ยไม่ค่อย
00:21:39 → 00:21:41 คุ้มแล้วมันก็เสียตังค์ด้วยนะครับแต่ถ้า
00:21:41 → 00:21:43 ท่านรวยมากนะครับไม่มีปัญหาเรื่องของการ
00:21:43 → 00:21:45 เสียตังค์แล้วก็ท่านไม่ได้กังวลกับผลข้าง
00:21:45 → 00:21:47 เคียงเหล่านี้ท่านคิดว่าท่านมีความมี
00:21:48 → 00:21:51 ประโยชน์มากพอท่านก็สามารถที่จะทำได้นะ
00:21:51 → 00:21:53 ครับส่วนคำกล่าวที่โฆษณาทุกๆอย่างนะครับ
00:21:53 → 00:21:55 ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอัลไซเมอร์ทำให้
00:21:55 → 00:21:58 ปอดดีล้างตับนะครับล้างพิษออกไปจากเลือด
00:21:58 → 00:22:02 นะครับทำให้เอ่อพวกอโรหรือว่าพวกที่หลอด
00:22:02 → 00:22:04 เลือดอุตันมันดีขึ้นนะครับเหล่าเนี้ยทั้ง
00:22:04 → 00:22:07 หมดเนี่ยไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามันจริงเลยสัก
00:22:07 → 00:22:10 อย่างนะครับโอเควันนี้ก็ฝากไว้เท่านี้นะ
00:22:10 → 00:22:12 ครับใครมีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้นะ
00:22:12 → 00:22:16 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ