00:00:13 → 00:00:28 [เพลง]
00:00:28 → 00:00:31 แ
00:00:31 → 00:00:36 สัญญาณเตือนโรคพิสันรู้เร็วชะลอได้มี
00:00:36 → 00:00:39 อาการสั่นโดยเฉพาะเวลาที่อยู่นิ่งๆอาการ
00:00:39 → 00:00:41 เริ่มต้นของโรค
00:00:41 → 00:00:46 พิสันนอนละเมอหนึ่งในสัญญาณเตือนโรค
00:00:46 → 00:00:50 Parkinson กินแบบ meditan Diet ลดความ
00:00:50 → 00:00:53 เสี่ยงเกิดโรค Parkinson ติดตามเรื่องราว
00:00:53 → 00:00:58 ทั้งหมดได้ในรายการ TNN Health วัน
00:00:58 → 00:01:00 นี้
00:01:00 → 00:01:03 สวัสดีค่ะขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการ
00:01:03 → 00:01:06 TNN Health ค่ะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:01:06 → 00:01:09 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN He
00:01:09 → 00:01:12 นะคะและดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัตรดาวจัง
00:01:12 → 00:01:15 วังกรแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
00:01:15 → 00:01:18 พร้อมที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
00:01:18 → 00:01:23 พาคุณผู้ชมเข้าถึงทุกสาระสุขภาพไปด้วยกัน
00:01:23 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 ค่ะ
00:01:31 → 00:01:35 [เพลง]
00:01:35 → 00:01:38 ในสัปดาห์นี้ค่ะคุณผู้ชมเราจะมารู้จัก
00:01:38 → 00:01:41 เรื่องของสัญญาณเตือนโรคพาร์กินสันรู้
00:01:41 → 00:01:45 เร็วชะลอได้กันพาร์กินสันนะคะเป็นโรคที่
00:01:45 → 00:01:48 หลายคนค่ะเข้าใจว่ามีความสั่นของมือของ
00:01:48 → 00:01:51 ตัวของแขนขาร่างกายแต่ไม่ใช่เพียงเท่า
00:01:51 → 00:01:54 นั้นค่ะเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของ
00:01:54 → 00:01:58 สารที่อยู่ในสมองอีกด้วยโรคพาร์กินสัน
00:01:58 → 00:02:01 เป็นโรคความเสื่อมของของระบบประสาทซึ่งจะ
00:02:01 → 00:02:04 ส่งผลให้สารโดปามีนในสมองที่ควบคุมการ
00:02:04 → 00:02:07 เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อลดลงและเกิดการ
00:02:07 → 00:02:11 เคลื่อนไหวที่ผิดปกติตามมาแล้วโดปามีนคือ
00:02:11 → 00:02:14 อะไรโดปามีนหรือสารแห่งความสุขเป็นสาร
00:02:14 → 00:02:18 เคมีในสมองที่จัดอยู่ในกลุ่มแคทลินสร้าง
00:02:18 → 00:02:21 มาจากกรดอะมิโนชนิดไทโรซีนโดยอาศัยการทำ
00:02:21 → 00:02:24 งานของเอนไซมไทโรซีนไฮดรอกซิลเมื่อ
00:02:24 → 00:02:28 โดปามีนถุกหลังออกมาจะส่งผลต่ออารมณ์โดย
00:02:28 → 00:02:31 โดปามีนจะเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจความ
00:02:31 → 00:02:34 ชื่นชอบความปิติยินดีและเมื่อทำสิ่งใด
00:02:34 → 00:02:36 แล้วรู้สึกมีความสุขร่างกายจะหลั่ง
00:02:36 → 00:02:39 โดปามีนออกมาโดปามีนที่หลังออกมานี้จะ
00:02:39 → 00:02:41 กระตุ้นให้ต้องการทำสิ่งนั้นหรือพฤติกรรม
00:02:42 → 00:02:43 นั้นมากยิ่งขึ้นด้วยความมั่นใจ
00:02:43 → 00:02:47 กระตือรือร้นและท่า่าให้ก้าวไปสู่ความ
00:02:47 → 00:02:50 สำเร็จทั้งนี้นะคะโดปามีนเนี่ยยังมีความ
00:02:50 → 00:02:53 สำคัญในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อน
00:02:53 → 00:02:57 ไหวอีกด้วยสารโดปามีนนี้มีความสำคัญต่อ
00:02:57 → 00:03:00 การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
00:03:00 → 00:03:02 การตายของเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตโดปามีน
00:03:02 → 00:03:05 นั้นเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุแต่ในผู้ป่วย
00:03:05 → 00:03:08 โรคพาร์กินสันพบว่ามีเซลล์ตายมากกว่า
00:03:08 → 00:03:11 ครึ่งหนึ่งของทั้งหมดนอกจากเรื่องของ
00:03:11 → 00:03:14 โดปามีนแล้วยังมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิด
00:03:14 → 00:03:17 โรคพาร์กินสันได้อีกค่ะสาเหตุสำคัญของการ
00:03:17 → 00:03:21 เกิดโรคปารกินสันนอกจากความชราภาพของสมอง
00:03:21 → 00:03:23 ที่มีผลทำให้เซลล์สมองสร้างสรรค์โดปามีน
00:03:23 → 00:03:28 ได้ลดลงพันธุกรรมยาเช่นยากล่อมประสาทหรือ
00:03:28 → 00:03:31 ยานอนหลับชนิดที่ออกกดหรือต้านการสร้าง
00:03:31 → 00:03:35 สารโดปามีนยาลดความดันโลหิตสูงบางชนิดยา
00:03:35 → 00:03:38 กลุ่มต้านแคลเซียมที่ใช้ในโรคหัวใจก็อาจ
00:03:38 → 00:03:41 จะส่งผลให้เกิดโรคได้นอกจากนี้ยังมีโรค
00:03:41 → 00:03:44 เช่นภาวะหลอดเลือดในสมองอุตันทำให้เซลล์
00:03:44 → 00:03:47 สมองที่สร้างโดปามีนมีจำนวนน้อยหรือหมดไป
00:03:47 → 00:03:51 สมองขาดออกซิเจนศีรษะถูกกระทบกระเทือนจาก
00:03:51 → 00:03:54 อุบัติเหตุการอักเสบของสมองโรคทาง
00:03:54 → 00:03:56 พันธุกรรมเช่นโรควิสันก็สามารถเป็นสาเหตุ
00:03:56 → 00:04:00 ของพิสันได้สำหรับสำหรับอาการเด่นของโรค
00:04:00 → 00:04:03 พิสันนั้นจะเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวนะ
00:04:03 → 00:04:06 คะนั่นคือเมื่ออยู่เฉยๆก็มีอาการสั่นขึ้น
00:04:06 → 00:04:10 มาโดยกล้ามเนื้อแข็งเกร็งการเคลื่อนไหว
00:04:10 → 00:04:14 ช้าก้าวขาลำบากก้าวเท้าได้สั้นๆ 6 ล้ม
00:04:14 → 00:04:17 ง่ายขณะที่อาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ
00:04:17 → 00:04:20 เคลื่อนไหวคือนอนละเมอฝันร้ายบ่อยๆท้อง
00:04:20 → 00:04:25 ผูกเรื้อรังมีภาวะซึมเศร้าพูดเสียงเบาพูด
00:04:25 → 00:04:28 ช้าลงผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจมีปัญหา
00:04:28 → 00:04:32 การกลืนอาหารลำบากและสำลักบ่อยช่วงหน้า
00:04:32 → 00:04:35 ค่ะคุณผู้ชมห้ามพลาดค่ะเพราะเราจะไปรู้
00:04:35 → 00:04:38 ว่าวิธีในการตรวจคัดกรองภาวะโรค
00:04:38 → 00:04:41 พาร์กินสันทำให้เรารู้กันแต่เนิ่นๆเพื่อ
00:04:41 → 00:04:43 ที่จะรักษากันก่อนเป็นอย่างไรติดตามได้ใน
00:04:44 → 00:04:48 รายการ TNN H ช่วงหน้า
00:04:48 → 00:04:58 [เพลง]
00:04:58 → 00:04:59 ค่ะ
00:04:59 → 00:05:21 [เพลง]
00:05:21 → 00:05:23 กลับเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการ TNN
00:05:23 → 00:05:26 Health ค่ะดังที่ทราบไปในช่วงแรกนะคะว่า
00:05:26 → 00:05:30 อาการของโรคพิสันไม่ใช่มีเพียงแค่บางท่าน
00:05:30 → 00:05:33 นอนหลับแล้วนอนละเมออาจมีความเสี่ยงด้วย
00:05:33 → 00:05:36 ดังนั้นในวันนี้ค่ะเราจะพาคุณผู้ชมนะคะไป
00:05:36 → 00:05:38 รู้เรื่องราวเกี่ยวกับากินสันมากขึ้นซึ่ง
00:05:39 → 00:05:41 เราโชคดีค่ะได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์
00:05:41 → 00:05:44 นายแพทย์รุ่งโรจนทิพยสิริหัวหน้าศูนย์
00:05:44 → 00:05:47 ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพากินสันและ
00:05:48 → 00:05:51 กลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติโรงพยาบาล
00:05:51 → 00:05:54 จุฬาลงกรณ์สภากาชาติไทยไปฟังอาจารย์กัน
00:05:54 → 00:05:58 [เพลง]
00:05:58 → 00:06:00 ค่ะ
00:06:00 → 00:06:03 อาจารย์คะขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะคะใคร
00:06:03 → 00:06:05 ที่มีความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรค
00:06:05 → 00:06:09 พาร์กินสันคะเวลาเราซักประวัติจากผู้ป่วย
00:06:09 → 00:06:11 หรือมีความกลุ่มเสี่ยงเนี่ยเราจะต้องซัก
00:06:11 → 00:06:15 ดีๆเพราะว่าบางทีมันไม่ใช่ปัจจัยข้อใดข้อ
00:06:15 → 00:06:17 หนึ่งที่ไปเพิ่มความเสี่ยงเขาเยอะขึ้น
00:06:17 → 00:06:20 เสมอไปนะครับแล้วก็เช่นเดียวกันปัจจัยทาง
00:06:20 → 00:06:22 พันธุกรรมมันเป็นสิ่งที่เรารู้ใหม่นะครับ
00:06:22 → 00:06:25 ผู้สูงวัยในรุ่นเก่าๆเนี่ยเขาอาจจะเป็น
00:06:25 → 00:06:27 Parkinson แต่ครอบครัวไม่ทราบซะด้วยซะ
00:06:27 → 00:06:29 ซ้ำไปเพราะว่าสมัยก่อนการรักการการ
00:06:29 → 00:06:32 วินิจฉัยการรักษาโรคพินันยังไม่ค่อยดี
00:06:32 → 00:06:34 เท่าไหร่เพงั้นเราจะซักถึงปัจจัยเสี่ยง
00:06:35 → 00:06:37 ร่วมหลายๆอย่างนะครับอย่างที่คหพูดเมื่อ
00:06:37 → 00:06:40 กี้นี้ถูกเลยว่าเป็นญาติสายตรงหรือเปล่า
00:06:40 → 00:06:42 นะครับญาติที่เป็นเป็นพาร์กินสันอายุน้อย
00:06:42 → 00:06:47 มยนะครับมีกี่คนนะครับในครอบครัวในลักษณะ
00:06:47 → 00:06:49 แบบนี้ลักษณะอาการเเป็นอย่างไรลักษณะ
00:06:49 → 00:06:52 อาการของกลุ่มพันธุกรรมจะมีความแตกต่าง
00:06:52 → 00:06:54 กับกลุ่ม Parkinson อื่นๆด้วยนะครับขึ้น
00:06:54 → 00:06:57 อยู่กับยีนหรืออะไรต่างๆด้วยเราก็จะถามลง
00:06:57 → 00:07:00 ลึกในจุดตรงนี้มากขึ้นนะครับแล้วก็เสร็จ
00:07:00 → 00:07:02 แล้วเราก็จะมาประมวลผลว่าเอ๊ะความเสี่ยง
00:07:02 → 00:07:05 ผู้ป่วยเป็นอย่างไรอาจารย์คะสัญญาณเตือน
00:07:05 → 00:07:08 ของโรคพิสันเนี่ยมีอะไรบ้างคะแล้วการนอน
00:07:08 → 00:07:11 ละเมอเนี่ยเกี่ยวข้องกับพิสันอย่างไรคะ
00:07:11 → 00:07:15 ครับจริงๆอาการของโรคพิสันเนี่ยเรายังพูด
00:07:15 → 00:07:17 ถึงเรื่องอาการของการเคลื่อนไหวอยู่เนอัน
00:07:17 → 00:07:18 นั้นยังเป็นอาการหลักของผู้ป่วยนะครับ
00:07:19 → 00:07:21 เพราะฉะนั้นอาการหลักของเขาคือการเคลื่อน
00:07:21 → 00:07:24 ไหวที่เริ่มขึ้นข้างใดข้างนึงก่อนนะครับ
00:07:24 → 00:07:27 โรคผากิ่นสเป็นโรคที่ไม่เท่ากัน 2 ข้าง
00:07:27 → 00:07:30 เวลาซักประวัติพป่วยไปเนี้ยเคบอกว่าเจะ
00:07:30 → 00:07:33 เริ่มข้างเดียวนะครับสิ่งที่เห็นชัดที่
00:07:33 → 00:07:35 สุดก็สั่นเนอะที่เราเคยคุยกันและหลายๆ
00:07:35 → 00:07:38 ท่านรู้นะครับสั่นเวลาผู้ป่วยเผลอๆเป็น
00:07:38 → 00:07:40 อาการแรกเริ่มเลยครับผมโดยเฉพาะที่ปลาย
00:07:40 → 00:07:44 นิ้วนะครับบางทีญาติจะสังเกตดูว่าเอ๊ะ
00:07:44 → 00:07:47 ทำไมนั่งดูทีวีอยู่คุณพ่อคุณแม่เขาสั่น
00:07:47 → 00:07:50 เวลานั่งดูทีวีโดยที่ผู้ป่วยอาจจะไม่รู้
00:07:50 → 00:07:52 ตัวนะครับอันนี้เป็นอาการที่ที่ที่ค่อน
00:07:52 → 00:07:55 ข้างชัดและบ่งบอกว่าความโอกาสที่จะเป็นพา
00:07:55 → 00:07:58 กินส้นค่อนข้างเยอะเดินแล้วมือสั่นอยู่
00:07:58 → 00:08:01 ด้านนึงอันนั้นก็เป็นอาการที่ค่อนข้างชัด
00:08:01 → 00:08:05 นะครับเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิมอันนี้
00:08:05 → 00:08:08 ประเมินยากใช่มครับเอ๊ะช้าลงเพราะอะไร
00:08:08 → 00:08:11 อายุที่เพิ่มขึ้นข้อไม่ดีหรือเปล่ากล้าม
00:08:11 → 00:08:14 เนื้ออ่อนแรงหรือเปล่าแต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็น
00:08:14 → 00:08:17 เรื่องของภาสันมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นแล้ว
00:08:17 → 00:08:19 เอ๊ะทำไมช้าด้านนึงดูเกรงๆด้านนึงเดินและ
00:08:20 → 00:08:22 แขนไม่ค่อยแกว่งด้านนึงอันนี้เป็นลักษณะ
00:08:22 → 00:08:25 อาการที่เรารู้กันนะครับผมว่าเห็นผู้ป่วย
00:08:25 → 00:08:28 แบบนี้เรามีเกณฑ์การวินิจฉัยส่วนใหญ่บบาง
00:08:28 → 00:08:30 ทีหมอเห็นอย่างงี้เราสามารถวินิจฉัยได้
00:08:30 → 00:08:33 เลยนะครับคราวนี้เรื่องปัจจัยเสี่ยงมี
00:08:33 → 00:08:36 ความแตกต่างกันนะครับแต่ปัจจุบันที่พูดไป
00:08:36 → 00:08:38 ในโรคพิสันมันมันมีมันมี trajectory การ
00:08:38 → 00:08:41 ดำเนินโลกที่ค่อนข้างยาวแบบนี้สมมุติ
00:08:41 → 00:08:46 อาการเริ่มตรงนี้นะครับมองย้อนกลับไปจะมี
00:08:46 → 00:08:49 อาการนำมาก่อนนะครับเขาเรียกว่าอาการนำนะ
00:08:49 → 00:08:51 ครับก่อนที่ผู้ป่วยจะเป็น Parkinson นะ
00:08:52 → 00:08:53 ครับพูดถึงเมื่อกี้นี้ที่เราเด่นชัดคือ
00:08:53 → 00:08:57 เรื่องของการนอนละเมอกางดึกท้องผูกเรื้อ
00:08:57 → 00:09:02 รังนะครับดมกลิ่นไม่ได้นะครับซึมเศร้า
00:09:02 → 00:09:05 หรือการเอ่อควบคุมในเรื่องของระบบเอ่อ
00:09:05 → 00:09:08 ปัสสาวะการขับถ่ายหรืออะไรต่างๆในจุดตรง
00:09:08 → 00:09:10 นี้นะครับความรู้สึกทางเพศที่ลดลงหรือ
00:09:10 → 00:09:13 อะไรต่างๆในจุดตรงนี้นะครับก็จะเป็นอาการ
00:09:13 → 00:09:16 ที่นำมาก่อนแต่แต่ละตัวมีน้ำหนักไม่เท่า
00:09:16 → 00:09:19 กันอย่างที่เราคุยกันเมื่อกี้นี้หมอจะ
00:09:19 → 00:09:23 เน้นตัวสำคัญำคัญนะครับผมว่าละเมอกลางดึก
00:09:23 → 00:09:26 การละเมอกลางดึกนี่เป็นเป็นปัญหาที่ที่
00:09:26 → 00:09:29 เดี๋ยวนี้สังคมเข้าใจเยอะขึ้นนะครับแต่
00:09:29 → 00:09:32 ผู้ป่วยบางทีเยังตอบเองไม่ได้นะว่าเขา
00:09:32 → 00:09:34 ละเมอหรือไม่ละเมอเพงั้นเวลาเราถามเรื่อง
00:09:34 → 00:09:37 ของการละเมอปั๊บเราต้องไปถามที่เอ่อสามี
00:09:37 → 00:09:40 ภรรยาของผผู้ป่วยละเาละเมินหรือเปล่าใน
00:09:41 → 00:09:43 ปัจจุบันเนี้ยมีแบบสอบถามที่ในเรื่องของ
00:09:43 → 00:09:46 การประเมินในเรื่องของการนอนละเมอและมี
00:09:46 → 00:09:48 การตรวจในเรื่องของการนอนละเมอด้วยเช่น
00:09:48 → 00:09:52 เดียวกันซึ่งเดี๋ยวเนี้ยสิ่งหนึ่งที่หมอ
00:09:52 → 00:09:54 มักจะแนะนำกลุ่มเสี่ยงถ้าเสงสัยนะเดี๋ยว
00:09:54 → 00:09:57 นี้มันง่ายมากขึ้นเยอะอ่ะด้วยเทคโนโลยีใน
00:09:57 → 00:09:59 ปัจจุบันเราบอกให้เคติดกล้องเลยเล็กๆที่
00:09:59 → 00:10:03 ในห้องนอนน่ะติดไว้สักอาทิตย์นึงอ่ะเริ่ม
00:10:03 → 00:10:05 ได้ข้อมูลแล้วว่าเ้ามีปัญหาหรือเปล่านะ
00:10:05 → 00:10:08 ครับคราวนี้การนอนละเมอในจุดตรงเนี้ยเอ่อ
00:10:08 → 00:10:11 มันไม่เหมือนนอนละเมอเด็กๆนะมันมีความแตก
00:10:11 → 00:10:15 ต่างละเมอในผู้สูงวัยเนี่ยนะครับผมเอ่อ
00:10:15 → 00:10:18 มันมักจะมาร่วมกับอาการฝันนะครับงั้นเรา
00:10:18 → 00:10:21 จะใช้คำว่า Dream enactment Behavior
00:10:21 → 00:10:25 Dream คือการฝันนะครับ enactment ก็คือเ
00:10:25 → 00:10:28 เ react ออกมานะครับที่ออกมาเป็นในลักษณะ
00:10:28 → 00:10:31 ของพฤติกันนะครับเวลาเ react ออกมาอาจจะ
00:10:31 → 00:10:35 เป็นในลักษณะของนอนๆอยู่แล้วพูดพูดนู่น
00:10:36 → 00:10:38 พูดนี่อะไรต่างๆในจุดตรงนี้นะครับหรือบาง
00:10:38 → 00:10:41 ครั้งออกมาเป็นในลักษณะท่าทางเนาะบางคน
00:10:41 → 00:10:44 รุนแรงมียกมือยกไม้หรืออะไรต่างๆบางรายตก
00:10:44 → 00:10:47 เตียงก็มีเพราะว่าอะไรเพราะว่าเขา rect
00:10:47 → 00:10:50 จากสิ่งที่เขาฝันสิ่งที่เขาฝันในกลุ่ม
00:10:50 → 00:10:53 นอนมพวกนี้มักจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่า
00:10:53 → 00:10:56 กลัวตื่นเต้นผู้ป่วยครึ่งนึงพอจำได้ว่า
00:10:56 → 00:10:59 ฝันอะไรเขจะเล่าเลยว่าอื้อหือทำไมเหมหมอ
00:10:59 → 00:11:02 ผมไปผจญภัยอะไรต่างๆในลักษณะแบบนี้อันอัน
00:11:02 → 00:11:04 นี้เป็นสิ่งที่ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่
00:11:04 → 00:11:07 ค่อนข้างสำคัญนะครับในปัจจุบันเนี่ยกลุ่ม
00:11:07 → 00:11:11 ผู้ใหญ่ถ้ามีลักษณะอาการแบบนี้มักจะต้อง
00:11:11 → 00:11:13 ตรวจให้ละเอียดเพราะว่าอาจจะเป็นเรื่อง
00:11:13 → 00:11:16 ของอาการทางสมองอย่างได้อย่างนึงโรค
00:11:16 → 00:11:19 พาร์กินสันมีกี่ระยะคะอาจารย์ครับจริงๆ
00:11:19 → 00:11:21 เนี่ยเป็นคำถามที่คนไข้หรือครอบครัวมักจะ
00:11:22 → 00:11:24 ถามบ่อยเพราะว่าเขาจะกังวนเอ๊ะเราเป็น
00:11:24 → 00:11:27 ระยะต้นระยะกลางระยะปลายนะครับจริงๆมันมี
00:11:27 → 00:11:30 เกณฑ์นะเอ่อในเรื่องของการดูระยะของโรค
00:11:30 → 00:11:33 พาร์กินสันแต่แต่หมอมักจะขอเรียนว่าอย่าง
00:11:33 → 00:11:36 นี้มันเป็นเรื่องของเอ่อการวิจัยโดยส่วน
00:11:36 → 00:11:38 ใหญ่ที่เราจะพูดถึงเรื่องของระยะนะครับ
00:11:38 → 00:11:41 แล้วก็เวลาถ้าผู้ป่วยรักษาดีขึ้นการตอบ
00:11:41 → 00:11:44 สนองต่อยาดีขึ้นอะไรต่างๆบางทีระยะมันถอย
00:11:44 → 00:11:46 ลงก็มีนะเพราะฉะนั้นหมอไม่อยากให้แบบผู้
00:11:46 → 00:11:49 ป่วยหลายๆท่านไปกังวลว่าอุ้ยเอ่อฉันเป็น
00:11:49 → 00:11:53 ระยะ 4 แล้วระยะอะไรต่างๆตรงนี้มันมัน
00:11:53 → 00:11:55 เอ่อใช้ในเรื่องของการวิจัยนะครับแต่หมอ
00:11:55 → 00:11:58 เรียนคร่าวๆอย่างนี้ครับว่าเอ่อเค้าแบ่ง
00:11:58 → 00:12:02 ระยะตามลักษณะอาการของผู้ป่วยนะครับผู้
00:12:02 → 00:12:04 ป่วยระยะที่ 1 ก็มักจะมีอาการอยู่แค่
00:12:04 → 00:12:07 เพียงข้างเดียวของร่างกายนะครับระยะที่ 2
00:12:07 → 00:12:10 ก็ 2 ข้างนะครับ 3 ก็คือ 2 ข้างบวกตรง
00:12:10 → 00:12:12 กลางของร่างกาย 4 หรือ 5 ก็ต้องใช้พบ
00:12:12 → 00:12:15 อุปกรณ์ช่วยเหลือการเคลื่อนไหวอะไรต่างๆ
00:12:15 → 00:12:17 นะครับมีปัญหาในเรื่องของการทรงตัวนะครับ
00:12:17 → 00:12:20 นี้เป็นเกณฑ์อันนึงที่เรามักจะใช้คร่าวๆ
00:12:20 → 00:12:23 นะครับแต่ว่าเวลาเรารักษาผู้ป่วยใน
00:12:23 → 00:12:26 ปัจจุบันเนี่ยเราจะเน้นเรื่องของกิจวัตร
00:12:26 → 00:12:30 ประจำวันเราเน้นในเรื่องของฟังที่เขาทำ
00:12:30 → 00:12:33 ว่ากินข้าวได้ไเมื่อกี้คคนที่แล้วเราคุย
00:12:33 → 00:12:36 กันเรื่องเอ่อลู้กจักเตียงได้เปล่ากิจวัต
00:12:36 → 00:12:39 ประจำวันเขเป็นอย่างไรนะครับแล้วเมื่อเรา
00:12:39 → 00:12:42 ปรับยาหรือให้การรักษาไปแล้วเนี่ยสิ่ง
00:12:42 → 00:12:44 นั้นเขาดีขึ้นไมคุณภาพชีวิตเขาดีขึ้นหรือ
00:12:44 → 00:12:47 เปล่ากลับไปทำงานได้หรือไม่หรืออะไรต่างๆ
00:12:47 → 00:12:48 พวกนี้เป็นสิ่งที่เรามองมากกว่าเวลาเรา
00:12:48 → 00:12:52 รักษาผู้ป่วยอาจารย์คะแล้วเราจะมีวิธีคัด
00:12:52 → 00:12:56 กรองผู้ป่วยพิสันอย่างไรคะเอ่อเดี๋ยวนี้
00:12:56 → 00:12:58 ด้วยเทคโนโลยีอะไรต่างๆเนี่ยเราสามารถที่
00:12:58 → 00:13:01 ที่จะตรวจผู้ป่วย Parkinson ได้ในหลายรูป
00:13:01 → 00:13:04 แบบนะครับเอ่อ tradition จริงๆก็คือการ
00:13:04 → 00:13:06 เจอแพทย์นะ face to face แล้วก็ตรวจ
00:13:06 → 00:13:08 ร่างกายอย่างที่เราคุยกันในช่วงแรกแต่
00:13:08 → 00:13:10 เดี๋ยวนี้ด้วยเทคโนโลยีเนี่ยเราตรวจผู้
00:13:10 → 00:13:14 ป่วยได้หลายๆคนไปพร้อมๆกันนะครับโดยใช้ใน
00:13:14 → 00:13:17 เทคโนโลยีคราวนี้สิ่งที่เราสรีนโดยส่วน
00:13:17 → 00:13:20 ใหญ่เนี่ยเราก็จะสรนในเรื่องของปัญหาทาง
00:13:20 → 00:13:22 ด้านการเคลื่อนไหวอย่างที่เราคุยเมื่อกี้
00:13:22 → 00:13:25 นี้นะครับทางศูนย์ pinson เราเนี่ยก็มีมี
00:13:25 → 00:13:28 แอปพลิเคชันนะครับที่เราใช้สกรีนในเรื่อง
00:13:28 → 00:13:31 ของเอ่อปัญหาของผู้ป่วยที่เป็น Parkinson
00:13:31 → 00:13:35 ในบางครั้งเนี่ยคนไข้เขายังไม่มีอาการเรา
00:13:35 → 00:13:39 ก็สกรีนเจอแล้วหมอยกตัวอย่างเสียงนะครับ
00:13:39 → 00:13:42 ทีเังรู้สึกว่าเสียงเพูดได้ปกยังได้ปกติ
00:13:42 → 00:13:45 อยู่เลยแต่จริงๆพอมาวัดจริงๆเป็นมาตรฐาน
00:13:45 → 00:13:49 แล้ว่ามันไม่ใช่แล้วสมมุตินะหมอให้ออก
00:13:49 → 00:13:52 เสียงอายาวๆ
00:13:52 → 00:13:56 อาเงี้ย 10 วินาทีเนี้ยเราได้ค่าวัดมา
00:13:56 → 00:14:00 ประมาณ 25 ค่านะครับแล้วการออกเสียงปั๊บเ
00:14:00 → 00:14:03 สามารถแยกได้เลยว่าเป็น Parkinson หรือ
00:14:03 → 00:14:05 ไม่ใช่ Parkinson เรามีข้อมูลที่ค่อนข้าง
00:14:05 → 00:14:08 เยอะนะครับและในปัจจุบันเรื่องของปัญญา
00:14:08 → 00:14:10 ประดิษฐ์อะไรต่างๆเราเอามาใช้เยอะเลย
00:14:10 → 00:14:12 เสียงเป็นตัวอย่างอันหนึ่งนะครับอีกอัน
00:14:12 → 00:14:16 นึงที่เราทำก็คือในเรื่องของเอ่อลายมือนะ
00:14:16 → 00:14:20 ครับการวาดนะครับแม้กระทั่งการเขียนนะ
00:14:20 → 00:14:23 ครับเป็นลายมือนะครับเราจะเห็นเลยว่าเอ่อ
00:14:23 → 00:14:25 ผู้ป่วยเนี่ยจะมีการเขียนที่ตัวตัว
00:14:25 → 00:14:29 หนังสือเจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆนะครับแล้ว
00:14:29 → 00:14:31 ก็หรือไม่ว่าเวลาเขาวาดเป็นวงก้นหอยแล้ว
00:14:31 → 00:14:32 จะเห็นว่าผู้ป่วยบางดายวาดแล้วก็จะมี
00:14:32 → 00:14:36 ลักษณะของอสั่นแล้วก็เล็กๆในจุดตรงนี้
00:14:36 → 00:14:39 ด้วยนะครับหลายๆองค์ประกอบพวกเนี้ยเรามา
00:14:39 → 00:14:41 รวมกันแล้วเราก็จะได้ค่าอันนึงนะครับที่
00:14:41 → 00:14:44 ประเมินถึงความเสี่ยงของผู้ป่วยนะครับ
00:14:44 → 00:14:46 หรือบางรายก็อาจจะเป็นเกณฑ์ที่เข้าเป็น
00:14:46 → 00:14:49 โรคพิสันแล้วอย่างนี้เป็นต้นครับอาจารย์
00:14:49 → 00:14:52 คะแล้วการรักษาโรคพิสันจะต้องทำอย่างไรคะ
00:14:52 → 00:14:55 จริงๆอย่างนี้ครับว่าโรคากิเนี่ยเป็นโรค
00:14:55 → 00:14:57 ที่รักษาได้มากๆเลยนะหมอเน้นอย่างนี้
00:14:58 → 00:15:00 เพราะว่าเอ่อการรักษาโรคพาร์กินสันเนี่ย
00:15:00 → 00:15:03 ก้าวหน้าไปมากนะครับผมแล้วก็ในปัจจุบันมี
00:15:03 → 00:15:06 การรักษาหลายๆรูปแบบนะครับที่แน่ๆก็คือ
00:15:06 → 00:15:09 เรื่องของยาที่รับประทานยาจะไปเพิ่มสาร
00:15:09 → 00:15:12 โดปามีนในระบบประสาทสารโดปามีนเป็นสาร
00:15:12 → 00:15:14 สื่อประสาทที่ขาดในผู้ป่วยพิสันเพราะ
00:15:14 → 00:15:17 ฉะนั้นเราเน้นเรื่องของการทดแทนสาร
00:15:17 → 00:15:20 โดปามีนที่สม่ำเสมอนะครับและต่อเนื่อง
00:15:20 → 00:15:23 เพรางั้นเราบอกคนไข้ว่าคุณต้องทานยาต่อ
00:15:23 → 00:15:26 เนื่องและสม่ำเสมอโรคพาร์กินสันรักษาได้
00:15:26 → 00:15:28 ดีแต่ยังไม่หายขาดในปัจจุบันนะนะครับ
00:15:28 → 00:15:30 เพราะฉะนั้นเราเน้นว่าพอผู้ป่วยทานยา
00:15:31 → 00:15:33 อาการดีขึ้นปั๊บคุณต้องทานต่อเนื่องทาน
00:15:33 → 00:15:36 สม่ำเสมอนะครับและยังต้องพบแพทย์อยู่นะ
00:15:36 → 00:15:38 พวกเราต้องคอยประเมินอาการหรืออะไรต่างๆ
00:15:38 → 00:15:40 ว่าเขาตอบสนองเป็นอย่างไรคราวนี้ในผู้
00:15:40 → 00:15:44 ป่วยบางรายเนี่ยก็จะมีเรื่องของการที่ยา
00:15:44 → 00:15:47 คุมอาการได้ไม่ดีพอนะครับผู้ป่วยบางราย
00:15:47 → 00:15:51 เนี่ยพอพอระยะเวลาของโรคที่นานขึ้นเนี่ย
00:15:51 → 00:15:55 ประสิทธิภาพของยาที่จะคุมอาการได้ต่อ
00:15:55 → 00:15:57 เนื่องมันน้อยลงเพราะฉะนั้นผู้ป่วยเจะมี
00:15:57 → 00:16:00 อาการเราจะใช้สักับแพท์ On Off นะครับ on
00:16:00 → 00:16:02 ก็เหมือนกับ Switch on เคลื่อนไหวได้ดี
00:16:02 → 00:16:05 Off ก็เหมือนกับถูกปิดสวิตชก็เคลื่อนไหว
00:16:05 → 00:16:09 ช้าเกรงอาการกลับมาอาการเจะสลับนะเดี๋ยว
00:16:10 → 00:16:12 ดีเดี๋ยวไม่ดีเดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดีแล้วมัน
00:16:12 → 00:16:15 จะมีความสัมพันธ์กับมื้อยาว่าเอ๊ะยาสมัย
00:16:15 → 00:16:18 ก่อน 4 ช่ม 5 ช่วโมงไม่มีปัญหาเดี๋ยวนี้
00:16:18 → 00:16:20 เหลือ 3 ชั่วโมง 2 ชั่วโมงอะไรต่างๆอย่า
00:16:20 → 00:16:23 งี้เป็นต้นเขาก็จะเริ่มมีปัญหาในจุดตรง
00:16:23 → 00:16:26 นี้ยาทานก็คุมไม่พอเดี๋ยวนี้ก็มีการรักษา
00:16:26 → 00:16:29 โดยใช้เอ่ออุปกรณ์มากขึ้นนะครับเอ่อมี
00:16:29 → 00:16:31 เรื่องของการผ่าตัดที่เราเรียกว่า Deep
00:16:31 → 00:16:34 Brain stimulation นะครับผู้ป่วยมาจะ
00:16:34 → 00:16:36 เข้าใช้คำว่าฝั่งชิปเข้าไปในสมองเกระตุ้น
00:16:36 → 00:16:39 สมองด้วยไฟฟฟ้านี้คือส่วนหนึ่งมียาฉีดนะ
00:16:39 → 00:16:43 ครับใต้ผิวหนังที่เอ่อช่วยให้ยาได้สม่ำ
00:16:43 → 00:16:45 เสมอที่ศูนย์ากินสันเราก็มีการรักษาพวก
00:16:45 → 00:16:48 นี้ทั้งหมดนะครับนี้เป็นการรักษาที่ที่
00:16:48 → 00:16:51 เพิ่มจากยาที่ที่รับประทานขอขอบพระคุณ
00:16:51 → 00:16:55 ศาสตราจารย์นายแพทย์รุ่งโรจนทิพยสิริหัว
00:16:55 → 00:16:58 หน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคาิ
00:16:58 → 00:17:01 และกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติโรง
00:17:01 → 00:17:04 พยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาตไทยค่ะและในช่วง
00:17:04 → 00:17:07 หน้านะคะคุณผู้ชมห้ามพลาดค่ะเพราะเราจะพา
00:17:07 → 00:17:09 คุณผู้ชมไปรู้ว่าจะต้องรับประทานอาหารแบบ
00:17:09 → 00:17:12 ไหนปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างเพื่อป้องกันโรค
00:17:12 → 00:17:16 พาร์กินสันกันติดตามได้ในรายการ t&n H
00:17:16 → 00:17:19 ช่วงหน้า
00:17:19 → 00:17:27 [เพลง]
00:17:27 → 00:17:30 ค่ะ
00:17:30 → 00:17:52 [เพลง]
00:17:52 → 00:17:55 กลับเข้าสู่ช่วงที่ 3 ของรายการ tn and
00:17:55 → 00:17:57 Health ค่ะในสัปดาห์นี้นะคะเราอยู่กันใน
00:17:57 → 00:18:01 เรื่องของสัญญาณเตือนโรคพาร์กินสันรู้
00:18:01 → 00:18:04 เร็วชะลอได้หลายคนค่ะอาจจะยังไม่ทราบว่า
00:18:04 → 00:18:07 การรับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรวมถึง
00:18:07 → 00:18:10 การออกกำลังกายที่ถูกวิธีนั้นมีส่วนในการ
00:18:10 → 00:18:14 ช่วยป้องกันพิสันได้โภชนาการอาจจะเป็น
00:18:14 → 00:18:16 ปัจจัยที่มีส่วนต่อการเกิดโรค Parkinson
00:18:17 → 00:18:20 ได้โดยสารอาหารบางอย่างอาจจะมีผลทำให้มี
00:18:20 → 00:18:23 การทำลายของระบบประสาทเพิ่มขึ้นในขณะที่
00:18:23 → 00:18:26 สารอาหารบางอย่างอาจจะมีผลต่อการชะลอการ
00:18:26 → 00:18:30 สูญเสียของระบบประสาทได้ได้มีการศึกษาพบ
00:18:30 → 00:18:33 ว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนช่วยลดภาวะ
00:18:33 → 00:18:36 เสี่ยงต่อการเป็นโรคพาร์กินสัน
00:18:36 → 00:18:39 ได้หลายๆท่านมักจะถามเรื่องอาหารเนว่า
00:18:39 → 00:18:42 อาหารในปัจจุบันเกินยังไงดีที่จะช่วยป้อง
00:18:42 → 00:18:44 กันโรคสมองเสื่อมโรคในเรื่องของโรคพาก
00:18:44 → 00:18:47 กินสันนะครับเอิ่เดี๋ยวนี้มีข้อมูลเยอะ
00:18:47 → 00:18:49 ขึ้นนะครับผมว่านอกเหนือจากเราต้องทาน
00:18:49 → 00:18:52 อาหารให้ครบ 5 หมู่แล้วเนี่ยในปัจจุบัน
00:18:52 → 00:18:56 เนี่ยเขามองไปถึงว่าอาหารอะไรที่ช่วยทำ
00:18:56 → 00:18:59 ให้เราสุขภาพดีข้อมูลหลายๆอย่างเไม่ว่าจะ
00:18:59 → 00:19:02 เป็นเรื่องของโรคหัวใจโรคสมองต่างๆจะไปลง
00:19:02 → 00:19:05 ที่ในเรื่องของ meditan Diet นะครับแต่
00:19:05 → 00:19:08 เวลาพูดถึง mediterranean Diet คนไทย
00:19:08 → 00:19:10 หลายๆคนอาจจะไม่รู้จักเอ๊ะมันหมายถึงว่า
00:19:10 → 00:19:13 อะไรมันแค่น้ำมันมะกอกตรงนั้นหรือเปล่า
00:19:13 → 00:19:15 หรือว่าอะไรต่างๆตรงนี้นะครับหมอแนะนำนะ
00:19:15 → 00:19:18 ครับผมว่าเราต้องไปดูนิดนึงมันมีลักษณะ
00:19:18 → 00:19:20 วิธีการทานเินเขาเรียกว่า mediterranean
00:19:20 → 00:19:23 Diet Pyramid นะครับพีรมิดก็เป็นใน
00:19:23 → 00:19:26 ลักษณะนี้ใช่ไหมครับฐานกว้างก็คือทาน
00:19:26 → 00:19:29 ประจำเป็นพวกอะไรเป็นพวกพืชผัก 5 สี
00:19:29 → 00:19:33 ธัญญพืชหรืออะไรต่างๆอสิ่งที่อยู่ข้างบน
00:19:33 → 00:19:36 ก็จะทานถี่น้อยลงนะครับอย่างเช่นพวกกลุ่ม
00:19:36 → 00:19:38 เนื้อแดงๆเนาะอาทิตย์นึงครั้งเดียวหรือ
00:19:38 → 00:19:42 นานๆกินทีนะในในลักษณะนี้เป็นต้นคนไทยจะ
00:19:42 → 00:19:46 ทำอย่างไรล่ะนะครับเราคงไม่ได้กิน meditan
00:19:46 → 00:19:48 Diet ทุกวันใช่ไหมมครับเราลองมาเปรียบ
00:19:48 → 00:19:51 เทียบดูกับลักษณะอาหารไทยอะไรที่เราจะทด
00:19:51 → 00:19:54 แทนได้สำหรับการกินแบบเมดิเตอร์เรเนียน
00:19:54 → 00:19:57 เป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่มีลักษณะ
00:19:57 → 00:20:01 ดังนี้คือใช้น้ำมันมะกอกเน้นการรับประทาน
00:20:01 → 00:20:05 ถั่วต่างๆผักผลไม้รับประทานเนื้อสัตว์ไข
00:20:05 → 00:20:08 มันสัตว์น้อยเน้นการรับประทานปลาและสัตว์
00:20:08 → 00:20:12 ปีกอาหารลักษณะดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับ
00:20:12 → 00:20:16 การลดลงของไอรอหรือตัวชี้วัดทางชีวภาพของ
00:20:16 → 00:20:20 ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งลดภาวะโรคหลอดเลือด
00:20:20 → 00:20:25 สมองหรือว่าสตกเบาหวานและลดการฝ่อของสมอง
00:20:25 → 00:20:26 ดังนั้นการรับประทานอาหารแบบ
00:20:26 → 00:20:28 เมดิเตอร์เรเนียน
00:20:28 → 00:20:32 อาจจะช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคพิสัน
00:20:32 → 00:20:35 ได้ที่สำคัญค่ะคุณผู้ชมจะต้องรับประทาน
00:20:35 → 00:20:39 อาหารที่ถูกสุขลักษณะสะอาดปราศจากการป่น
00:20:39 → 00:20:42 เปื้อนของเคมีพันธุ์และเชื้อโรคนะคะและ
00:20:42 → 00:20:44 ที่สำคัญอย่างนึงเลยในเรื่องของ
00:20:44 → 00:20:46 พาร์กินสันนั่นคือเรื่องของแอลกอฮอล์ค่ะ
00:20:46 → 00:20:49 แอลกอฮอล์นะคะหลายท่านนะคะได้ยินมาว่าการ
00:20:49 → 00:20:52 ดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยจะดีต่อสุขภาพ
00:20:52 → 00:20:55 แต่ต้องเน้นย้ำค่ะว่าที่มีงานศึกษาวิจัย
00:20:55 → 00:20:58 จะเป็นกลุ่มวายแดงซึ่งจะมีรสชาติเฝื่อนรส
00:20:58 → 00:21:00 ชาติฝาดนะคะจะไม่ใช่แอลกอฮอล์กลุ่มเบียร์
00:21:00 → 00:21:03 หรือว่าวิสกี้และจะต้องดื่มในปริมาณที่
00:21:03 → 00:21:06 เล็กน้อยเท่านั้นก็คือ 1-2 ริงค่ะคราวนี้
00:21:06 → 00:21:09 ค่ะในเรื่องของวายแดงเนี่ยจะมีสารที่ช่วย
00:21:09 → 00:21:12 ในการดูแลสมองก็คือ res fatal นะคะที่จะ
00:21:12 → 00:21:15 อยู่ในพวกวายแดงแต่อย่างไรก็ตามค่ะการ
00:21:15 → 00:21:18 ดื่มแอลกอฮอล์กลุ่มอื่นและการดื่มใน
00:21:18 → 00:21:21 ปริมาณที่มากจะกลายเป็นทำลายสมองของท่าน
00:21:21 → 00:21:25 ได้สำหรับวันนี้นะคะรายการ TNN Health
00:21:25 → 00:21:28 ก็ขอขอบคุณคุณผู้ชมทุกท่านค่ะที่ติดตาม
00:21:28 → 00:21:31 รับชมรายการจนมาถึงตอนนี้และถ้าท่านอยาก
00:21:31 → 00:21:35 รับชมย้อนหลังค่ะติดตามได้ทางช่อง YouTube
00:21:35 → 00:21:38 แต่ถ้าท่านใดชอบชมรายการสดค่ะ Facebook
00:21:38 → 00:21:41 TNN Life และ TNN Health ค่ะและอย่า
00:21:41 → 00:21:43 ลืมนะคะต้องติดตามรายการ TNN Health
00:21:43 → 00:21:47 เป็นประจำค่ะทุกวันเสาร์เวลาดี 15:00 น -
00:21:47 → 00:21:52 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 และถ้าท่านใด
00:21:52 → 00:21:55 ค่ะอยากรับชมรีรันค่ะสามารถรับชมได้ทุก
00:21:55 → 00:22:00 บ่ายวันจันทร์เวลา 143 30 นถึง 15:00 น
00:22:00 → 00:22:02 ไม่เพียงเท่านี้นะคะเอาใจคนตื่นเช้าวัน
00:22:02 → 00:22:07 เสาร์ค่ะเวลา 600 น- 6 30 นาทีไม่เพียง
00:22:07 → 00:22:10 เท่านี้นะคะท่านใดอยากมีคุณหมออยู่ใกล้
00:22:10 → 00:22:13 ตัวใกล้ใจท่านนะคะหยิบโทรศัพท์มือถือของ
00:22:13 → 00:22:15 ท่านขึ้นมาค่ะเข้าไปใน LINE
00:22:15 → 00:22:20 แอปพลิเคชันสามารถพิมพ์นะคะ @t nn h e
00:22:20 → 00:22:24 a t @t Health เพียงเท่านี้ค่ะสาระ
00:22:24 → 00:22:27 สุขภาพดีๆก็เหมือนมีคุณหมออยู่ใกล้ตัว
00:22:27 → 00:22:29 ใกล้ใจแต่ง่ายไปกว่านั้นอีกค่ะหยิบ
00:22:29 → 00:22:32 โทรศัพท์มือถือใช้วิธีสแกน QR cde ก็ได้
00:22:32 → 00:22:35 ค่ะที่มุมจอด้านล่างเพียงเท่านี้คุณหมอก็
00:22:35 → 00:22:38 อยู่ใกล้ตัวท่านแล้วค่ะสำหรับวันนี้หมอ
00:22:38 → 00:22:41 ดาวและทีมงานต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับวัน
00:22:41 → 00:22:44 นี้ TNN Health สวัสดี
00:22:44 → 00:22:56 [เพลง]
00:22:56 → 00:23:02 ค่ะ
00:23:02 → 00:23:26 [เพลง]
00:23:26 → 00:23:38 เ
00:23:38 → 00:23:41 อ