00:00:00 → 00:00:03 ในช่วงปีที่ผ่านมานะครับผมมีโอกาสได้ไป
00:00:03 → 00:00:05 บรรยายหรือว่าไปทอคโชว์เกี่ยวกับการดูแล
00:00:05 → 00:00:08 สุขภาพตามบริษัทต่างๆเยอะแยะเลยนะครับและ
00:00:08 → 00:00:11 เวลาที่ผมไปเนี่ยผมก็มักจะชวนทุกคนให้ทำ
00:00:11 → 00:00:14 If เพราะว่าการทำ If นี่มีประโยชน์มาก
00:00:14 → 00:00:17 ตั้งแต่การลดน้ำหนักลดไขมันเพิ่มกระบวน
00:00:17 → 00:00:20 การออฟีหรือกำจัดขยะภายในร่างกายทำให้เรา
00:00:20 → 00:00:23 เนี่ยชะลอไว้ได้ด้วยนะครับทีนี้พอทุกคน
00:00:23 → 00:00:26 ฟังเนี่ยก็รู้สึกว่าโอเคอยากทำแต่ว่าก็จะ
00:00:26 → 00:00:29 มีคำถามที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะมีคำถามอยู่
00:00:29 → 00:00:32 2 3 คำถามที่มักจะเจอเหมือนๆกันเลยนะ
00:00:32 → 00:00:34 ครับเช่นการทำ If เนี่ยทำให้เกิดโรค
00:00:34 → 00:00:37 กระเพาะหรือเปล่าหรือว่าเอ๊ตอนที่ทำ If
00:00:37 → 00:00:40 เนี่ยเราควรจะกินอะไร If ถึงจะไม่แตกหรือ
00:00:40 → 00:00:42 ว่าการทำ If เนี่ยทำให้กล้ามเนื้อเราหายม
00:00:42 → 00:00:45 นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยผมก็เลยคิดว่าแฟนๆ
00:00:45 → 00:00:49 ทโทหลายคนที่ทำ If อยู่อาจจะมีคำถามแนวย
00:00:49 → 00:00:51 เดียวกันวันนี้ผมก็เลยอยากจะมาเคลียร์คำ
00:00:51 → 00:00:53 ถามเหล่านี้ให้ทุกคนหวังว่าจะเป็น
00:00:53 → 00:00:55 ประโยชน์กับคนที่กำลังทำ If อยู่เดี๋ยวไป
00:00:55 → 00:00:56 ดูกันว่าคำถามเหลนี้คำตอบของมันคืออะไร
00:00:56 → 00:00:59 ครับ This is the Standard podcast
00:00:59 → 00:01:02 Eye Opening for your
00:01:02 → 00:01:05 ears Top to Toe podcast สุขภาพที่
00:01:05 → 00:01:09 ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:09 → 00:01:13 เท้ามาเริ่มที่คำถามแรกนะครับว่าการทำ If
00:01:13 → 00:01:15 เนี่ยทำให้เราเป็นโรคกระเพาะหรือเปล่านะ
00:01:15 → 00:01:20 ฮะคำตอบก็คือว่าถ้าคุณไม่เคยมีประวัติการ
00:01:20 → 00:01:22 เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือว่ามีแผลใน
00:01:22 → 00:01:25 กระเพาะมาก่อนนะครับถ้าทำ If อย่างถูก
00:01:25 → 00:01:28 วิธีเนี่ยโอกาสที่จะทำให้เป็นโรคกระเพาะ
00:01:28 → 00:01:31 เนี่ยไม่เยอะครับแต่ถ้าเกิดว่าคุณเคยมี
00:01:31 → 00:01:33 ประวัตินะครับเป็นโรคกระเพาะเคยติดเชื้อ
00:01:33 → 00:01:35 ในกระเพาะเก่อนเคยเป็นกระเพาะอักเสบเนี่ย
00:01:35 → 00:01:37 การทำไมันสามารถไปทริกเกอร์หรือว่า
00:01:37 → 00:01:39 กระตุ้นให้อาการเหล่านั้นมันแย่ลงได้
00:01:39 → 00:01:41 เพราะฉะนั้นการทำไของคนที่เคยเป็นโรค
00:01:41 → 00:01:44 กระเพาะอาจจะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
00:01:44 → 00:01:46 นะครับจริงๆเผมพยายามไปหาว่ามันมีใครทำ
00:01:46 → 00:01:49 วิจัยหรือว่ามีการทำ clinical trial
00:01:49 → 00:01:52 ศึกษาว่าเฮ้ยทำ If แล้วมันส่งผลให้เกิด
00:01:52 → 00:01:54 โรคกระเพาะมั้ยแต่มันก็พอเป็นการศึกษานะ
00:01:54 → 00:01:56 ครับว่าคนที่เป็นโรคอย่างเช่นโรคกดไหล
00:01:56 → 00:01:58 ย้อนโรคที่ทางเดือนอาหารมีปัญหาเนี่ยแล้ว
00:01:58 → 00:02:01 ไปทำไ f เนี่ยมันมันทำให้ผลเป็นยังไงนะ
00:02:01 → 00:02:04 ครับก็เจอว่าจริงๆการทำ If เนี่ยมัน
00:02:04 → 00:02:07 สามารถที่จะช่วยคนที่เป็นโรคกรดไหล่ย้อน
00:02:07 → 00:02:09 ได้ด้วยนะเดี๋ยวเล่าให้ฟังนะครับทีนี้
00:02:09 → 00:02:11 กลับมาที่โรคกระเพาะอาหารหรือว่าแผลใน
00:02:11 → 00:02:13 กระเพาะอาหารก่อนนะครับสาเหตุจริงๆเนี่ย
00:02:13 → 00:02:16 มันคืออะไรจริงๆมันมีสาเหตุหลักอยู่ 2
00:02:16 → 00:02:18 อย่างนะครับอย่างที่ 1 คือเกิดจากกรดใน
00:02:19 → 00:02:21 กระเพาะอาหารเนี่ยมันเยอะมากจนเกินไปนะ
00:02:21 → 00:02:24 ครับพอมันมีกรดเยอะมันก็ไปทำลายเยื่อบุ
00:02:24 → 00:02:27 กระเพาะอาหารทำให้มันอ่อนแอหรือเป็นแผลพอ
00:02:27 → 00:02:29 มันเป็นแผลปึ๊บเนี่ยมันก็จะ sensitive
00:02:29 → 00:02:32 กับกรดและทำให้เรารู้สึกเจ็บได้นะครับ
00:02:32 → 00:02:34 หรือบางทีถ้ากรดเยอะเกินไปเนี่ยมันก็
00:02:34 → 00:02:36 สามารถจะทะลักแล้วก็ย้อนกลับขึ้นมาทาง
00:02:37 → 00:02:39 หลอดอาหารของเราทำให้เรารู้สึกปวดแสบปวด
00:02:39 → 00:02:42 ร้อนบริเวณทรวงอกหรือว่าแสบคอได้นะครับ
00:02:42 → 00:02:44 นั่นคือสาเหตุที่ 1 สาเหตุที่ 2 นะครับ
00:02:44 → 00:02:46 คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า
00:02:46 → 00:02:50 helicobacter p นะครับซึ่งเจ้าเชื้อ
00:02:50 → 00:02:52 แบคทีเรียตัวนี้นะครับถ้าเกิดมันไปอยู่ใน
00:02:52 → 00:02:54 กระเพาะอาหารของเราแล้วเนี่ยมันสามารถที่
00:02:54 → 00:02:57 จะปล่อยสารอักเสบที่ไปทำลายเยื่อบุผิว
00:02:57 → 00:03:00 กระเพาะได้นะครับเมื่อเยื่อเสื่อบุผิว
00:03:00 → 00:03:02 กระเพาะเนี่ยมันถูกทำลายเมื่อไหร่เนี่ย
00:03:02 → 00:03:04 ผิวกระเพาะเราเมันก็จะ sensitive กับกรด
00:03:04 → 00:03:07 แล้วก็ทำให้เกิดเป็นแผลได้นะฮะทีนี้มาดู
00:03:07 → 00:03:10 กันครับว่าการทำ If เนี่ยมันไปเกี่ยวข้อง
00:03:10 → 00:03:13 กับ 2 สาเหตุนี้ไมนะครับแน่นอนทำ If
00:03:13 → 00:03:15 เนี่ยมันไม่เกี่ยวข้องกับแบคทีเรียเลยนะ
00:03:15 → 00:03:17 ครับไอ้เจ้าเฮลิโคแบคเตอร์เนี่ยไม่เกี่ยว
00:03:17 → 00:03:20 เลยเพราะฉะนั้นไม่มีผลแต่การทำเเนี่ยอาจ
00:03:20 → 00:03:23 จะส่งผลกับปริมาณของกรดในกระเพาะอาหารได้
00:03:23 → 00:03:26 นะครับถามว่าทำไมจริงๆแล้วเนี่ยในกระเพาะ
00:03:26 → 00:03:28 อาหารของเราเนี่ยมันหลั่งกรดออกมาเรื่อยๆ
00:03:28 → 00:03:30 อยู่แล้วนะครับเพื่อให้ตเียมพร้อมว่า
00:03:30 → 00:03:32 เมื่อไหร่ที่เรากินอาหารเข้าไปเนี่ยมัน
00:03:32 → 00:03:34 ต้องพร้อมที่จะย่อยเพราะว่าเอนไซม์หรือ
00:03:34 → 00:03:36 ว่าน้ำย่อยที่ย่อยอาหารในกระเพาะเนี่ยมัน
00:03:36 → 00:03:40 ทำงานได้ดีในภาวะเป็นกรดนั่นเองเวลาที่
00:03:40 → 00:03:42 เราไม่ได้กินอาหารเป็นระยะเวลานานอย่าง
00:03:42 → 00:03:46 การทำ If ช่วงที่เราาติเนี่ยนะครับแน่นอน
00:03:46 → 00:03:48 กรดมันก็หลัออกมาเรื่อยๆเรื่อยๆเนาะแล้ว
00:03:49 → 00:03:51 พอมันไม่มีอาหารตกไปที่กระพ้อเนี่ยกรดมัน
00:03:51 → 00:03:54 ก็อาจจะสะสมได้นะครับแล้วถ้าเกิดว่าใครก็
00:03:54 → 00:03:57 ตามที่อาจจะโดยพันธุกรรมหรือว่าโดย
00:03:57 → 00:04:00 ไลฟ์สไตล์ของเราเนี่ยครับหรือว่าใครก็ตาม
00:04:00 → 00:04:02 ที่ร่างกายเนี่ยมักจะหลั่งกรดออกมาเยอะ
00:04:02 → 00:04:04 เป็นพิเศษกว่าเพื่อนเนี่ยมันก็อาจจะมีแนว
00:04:04 → 00:04:08 โน้มที่กรดอาจจะสะสมแล้วก็อาจจะส่งผลให้
00:04:08 → 00:04:11 มีการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้นะครับแต่
00:04:11 → 00:04:14 อย่าเพิ่งตกใจครับถ้าเราทำ If แบบถูกวิธี
00:04:14 → 00:04:17 เนี่ยโอกาสที่กรดสะสมเยอะหรือว่าโอกาสให้
00:04:18 → 00:04:20 เกิดผลข้างเคียงทำลายกระเพาะอาหารหรือว่า
00:04:20 → 00:04:23 ทางเดินหารของเราเนี่ยมันก็จะลดลงได้ครับ
00:04:23 → 00:04:26 คำถามคือแล้วการทำ If ถูกวิธีเนี่ยมันควร
00:04:26 → 00:04:28 จะทำยังไงนะครับช่วงที่เราทำ If เนี่ยมัน
00:04:28 → 00:04:31 แบ่งเป็น 2 ช่วงชงคือช่วงที่เรา fasting
00:04:31 → 00:04:34 ก็คือไม่กินอาหารเลยกับช่วงที่กินอาหาร
00:04:34 → 00:04:36 ได้นะครับช่วงที่เราไม่กินอาหารเนี่ยสิ่ง
00:04:36 → 00:04:40 ที่เราควรจะทำมากๆเลยนะครับคือการดื่มน้ำ
00:04:40 → 00:04:43 เข้าไปเยอะๆครับช่วงที่เราฟาสเนี่ยอย่า
00:04:43 → 00:04:44 เข้าใจผิดนะว่าไม่ควรจะกินอะไรเลยเป็น
00:04:45 → 00:04:47 ช่วงที่เราเสี่ยงที่เราจะดีไฮเดรตหรือขาด
00:04:47 → 00:04:50 น้ำนะครับการที่เราดื่มน้ำไปเยอะมากๆช่วง
00:04:50 → 00:04:53 เนี้ยนะครับให้ร่างกายมันไฮเดรตเนี่ยมัน
00:04:53 → 00:04:56 สามารถที่จะช่วยลดการหลั่งกรดออกมาใน
00:04:56 → 00:04:59 กระเพาะอาหารได้นะฮะเพราะฉะนั้นการที่เรา
00:04:59 → 00:05:02 Stay hydrate คือกินน้ำเยอะแล้วก็อ่ะ
00:05:02 → 00:05:05 บางคนอาจจะแบบเบื่อการกินน้ำเปล่านะครับ
00:05:05 → 00:05:08 อาจจะกินน้ำชาเข้าไปช่วยหรือการกินกาแฟ
00:05:08 → 00:05:12 การกินน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุเยอะๆเนี่ยนะ
00:05:12 → 00:05:14 ครับหรือมีวิตามินเข้าไปเนี่ยสามารถที่จะ
00:05:14 → 00:05:17 ช่วยได้เลยนะครับทำให้ปริมาณกรดในกระเพาะ
00:05:17 → 00:05:19 อาหารของเราเนี่ยมันไม่เยอะจนเกินไปครับ
00:05:19 → 00:05:21 การดื่มน้ำเนี่ยเป็นเทคนิคนึงเลยที่จะ
00:05:21 → 00:05:24 ช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค
00:05:24 → 00:05:26 กระเพาะจากการทำ If ได้นะครับทีนี้มันมี
00:05:26 → 00:05:29 อีกช่วงนึงคือช่วงที่หลังจาก fasting และ
00:05:29 → 00:05:32 ช่วงเรากินอาหารได้เนี่ยเราควรจะทำยังไง
00:05:32 → 00:05:35 ต้องบอกว่าวิธีการที่ดีนะครับคือการที่
00:05:35 → 00:05:37 เราทำให้การ transit คือการเปลี่ยนจาก
00:05:37 → 00:05:40 ช่วง Fast เป็นช่วงที่กินได้เนี่ยไปแบบ
00:05:40 → 00:05:43 ค่อนข้าง Smooth Smooth คือยังไงคือช่วง
00:05:43 → 00:05:45 แรกๆที่เราเริ่มกินอาหารเนี่ยด้วยความที่
00:05:45 → 00:05:48 กระเพาะอาหารมันพักมานานหลายชั่วโมงเนี่ย
00:05:48 → 00:05:51 เราควรจะค่อยๆให้กระเพาะมันปรับตัวเอง
00:05:51 → 00:05:53 ครับเราไม่ควรจะให้กระเพาะอาหารเนี่ยทำ
00:05:53 → 00:05:56 งานหนักมากจนเกินไปนะครับไม่ใช่ว่าโอ้โห
00:05:56 → 00:05:59 พอพ้นระยะฟ้าปึ๊บจัดหนักจัดเต็มกินอาหาร
00:05:59 → 00:06:02 มื้อใหญ่กินนอาหารที่มันย่อยยากมันเยอะๆ
00:06:02 → 00:06:05 ของทอดของรสจัดๆอย่างเงี้ยพอมันเจองาน
00:06:05 → 00:06:07 หนักตู้มเจออาหารมาเยอะๆเนี่ยกับอาหาร
00:06:08 → 00:06:09 เนี่ยมันก็จะหลั่งกรดออกมาเต็มที่เลยนะ
00:06:09 → 00:06:12 ครับถ้าเราทำแบบนั้นบ่อยๆเนี่ยร่างกาย
00:06:12 → 00:06:15 เนี่ยมันจะเคยชินแล้วมันก็จะอ้าวเธอกิน
00:06:15 → 00:06:18 อาหารมื้อใหญ่ๆมื้อหนักๆเยอะๆหรอแสดงว่า
00:06:18 → 00:06:21 เราอ่ะต้องหลั่งกรดออกไปเยอะๆเยอะๆนะครับ
00:06:21 → 00:06:23 พอกระเพาะอาหารเนี่ยมันเรียนรู้แบบนั้น
00:06:23 → 00:06:26 เนี่ยเวลาที่เราทำฟาติวันหลังๆเนี่ยมันก็
00:06:26 → 00:06:29 จะหลั่งกรดออกมาเยอะขึ้นเยอะขึ้นเยอะขึ้น
00:06:29 → 00:06:31 ซึ่งไม่ดีกับร่างกายของเราเลยในขณะเดียว
00:06:31 → 00:06:34 กันถ้าเราค่อยๆทิคือมื้อแรกๆหลังจากที่
00:06:34 → 00:06:36 เรากินได้เนี่ยค่อยๆกินจากอาหารที่เบาๆ
00:06:36 → 00:06:39 ก่อนอาหารที่ย่อยง่ายเช่นเนื้อปลาเนื้อ
00:06:39 → 00:06:42 ไก่กินผักผลไม้เยอะๆอาหารที่ไม่ค่อยมีมัน
00:06:43 → 00:06:45 หรือกินไขมันก็ได้แต่เป็นไขมันที่มี
00:06:45 → 00:06:48 ประโยชน์นะครับให้กระเพาะอาหารเนี่ยค่อยๆ
00:06:48 → 00:06:51 ปรับตัวปรับตัวนะครับกรดมันจะไม่หลังมา
00:06:51 → 00:06:54 เยอะเกินไปแล้วมันก็จะเคยชินแล้วก็เรียน
00:06:54 → 00:06:58 รู้ว่าโอเคเราไม่ต้องหลั่งกรดเยอะก็ทำงาน
00:06:58 → 00:07:01 พอได้เอาอยู่นะครับกดก็จะไม่หลัเยอะช่วง
00:07:01 → 00:07:03 ที่เราาติแล้วก็จะลดความเสี่ยงได้นะครับ
00:07:03 → 00:07:06 ถามว่าควรจะกินอะไรได้บ้างนะครับที่ผมบอก
00:07:06 → 00:07:09 ไปกินอาหารเบาๆฮะก็คือเนื้อไก่เนื้อปลา
00:07:09 → 00:07:12 พวกผักที่มีไฟเบอร์เยอะๆเลี่ยงเนื้อแดง
00:07:12 → 00:07:15 เลี่ยงพวก process Meat process Food
00:07:15 → 00:07:17 นะครับเพราะว่าอาหารเหล่านั้นเนี่ยมักจะ
00:07:17 → 00:07:21 มีสารเจือปนค่อนข้างเยอะและทำให้กระเพาะ
00:07:21 → 00:07:22 อาหารเนี่ยมันทำงานหนักมากเกินไปนะครับ
00:07:22 → 00:07:25 ผักผลไม้กินได้เลยกิน probiotics ได้คือ
00:07:25 → 00:07:28 พวกแบคทีเรียเนี่ยกินได้นะครับยิ่งหลัง
00:07:28 → 00:07:31 จากทำ If ใหม่ๆแล้วเรากินพวก probiotics
00:07:31 → 00:07:33 หรือ prebiotic เนี่ยจะเป็นประโยชน์มากๆ
00:07:33 → 00:07:36 เลยเพราะมันจะรีเซตกระเพาะอาหารแล้วก็ลำ
00:07:36 → 00:07:38 ไส้เราให้มันแบบโอ้สุขภาพดีขึ้นได้อย่าง
00:07:38 → 00:07:41 รวดเร็วนะครับเลี่ยงไขมันเลี่ยงของทอด
00:07:41 → 00:07:43 เลี่ยงอาหารรสจัดก็คือทั้งเค็มจัดเปรี้ยว
00:07:43 → 00:07:46 จัดแล้วก็เผ็ดจัดฮะมีเสริมนิดนึงครับใคร
00:07:46 → 00:07:49 ที่ทำ If นะครับควรจะเลี่ยงการกิน
00:07:49 → 00:07:52 แอลกอฮอล์แล้วก็ควรจะลดการสูบบุหรี่ด้วย
00:07:52 → 00:07:54 ถ้าคุณเป็นคนสูบบุหรี่นะฮะถามว่าสูบ
00:07:54 → 00:07:57 บุหรี่มันเกี่ยวข้องยังไงอจะบอกว่าใน
00:07:57 → 00:08:00 บุหรี่นี่นะครับนอกจากมันจะมีสัพิษที่ไป
00:08:00 → 00:08:02 ทำลายปอดแล้วเนี่ยครับสารพิษหลายๆอย่าง
00:08:02 → 00:08:06 ของบุหรี่เนี่ยมันไปทำลายกระเพาะอาหารไป
00:08:06 → 00:08:09 ทำลายแบคทีเรีย community ของแบคทีเรีย
00:08:09 → 00:08:11 ที่อยู่ในทางเดินอาหารด้วยนะครับเพราะ
00:08:11 → 00:08:13 ฉะนั้นการถ้าเราไม่สูบบุหรี่เนี่ยมันก็จะ
00:08:13 → 00:08:15 เป็นการ preserve แล้วก็ดูแลไอ้เจ้า
00:08:15 → 00:08:18 community ของแบคทีเรียให้มันสมบูรณ์
00:08:18 → 00:08:20 แข็งแรงเพราะแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร
00:08:20 → 00:08:23 เนี่ยมันส่งผลต่อสุขภาพกระเพาะแล้วก็ลำ
00:08:23 → 00:08:25 ไส้ด้วยเช่นเดียวกันครับแอลกอฮอล์เนี่ย
00:08:25 → 00:08:28 ครับการที่เรากินแอลกอฮอล์มันก็ไปทำลาย
00:08:28 → 00:08:31 ทั้งแบคทีเรียไปทำลายทั้งเยื่อบุผิวต่างๆ
00:08:31 → 00:08:34 ในกาพอหันเช่นกันเพราะฉะนั้นการที่เราไม่
00:08:34 → 00:08:37 สูบบุหรี่แล้วก็ลดการกินแอลกอฮอล์ก็จะทำ
00:08:37 → 00:08:40 ให้ทั้งกระเพาะอาหารลำไส้ต่างๆสุขภาพมัน
00:08:40 → 00:08:43 ดีแล้วก็แข็งแรงพร้อมที่จะทนทานกับกรดมาก
00:08:43 → 00:08:46 ยิ่งขึ้นนะครับคำถามที่ 2 การทำ If เนี่ย
00:08:46 → 00:08:50 ทำให้กล้ามหายไหมคำตอบก็คือถ้าคุณทำ If
00:08:50 → 00:08:53 แล้วคุณกินนโปรตีนไม่ถึงรวมถึงไม่ออก
00:08:54 → 00:08:56 กำลังกายพวก Strength Training แล้วล่ะ
00:08:56 → 00:08:59 ก็กล้ามเนื้อมีสิทธิ์หายแน่นอนครับในขณะ
00:08:59 → 00:09:02 เดียวกันถ้าคุณทำ If แล้วคุณกินโปรตีนใน
00:09:02 → 00:09:06 ปริมาณที่มากเพียงพอรวมถึงพาตัวเองไปออก
00:09:06 → 00:09:07 กำลังกายที่เป็น Strength Training หรือ
00:09:07 → 00:09:09 weight Training นะครับเพื่อกระตุ้นการ
00:09:09 → 00:09:13 สร้างกล้ามเนื้อรับรองว่ากล้ามเนื้อคุณจะ
00:09:13 → 00:09:15 ไม่หายเผลอๆเนี่ยกล้ามเนื้อคุณจะเพิ่ม
00:09:15 → 00:09:19 ขึ้นด้วยนะครับน่าสนใจมากนะครับผมไปดูงาน
00:09:19 → 00:09:21 วิจัย clinical trial หลายตัวเลยนะครับ
00:09:21 → 00:09:24 ที่ศึกษาว่าเออทำ If แล้วมันส่งผลต่อ
00:09:24 → 00:09:26 เปอร์เซ็นต Read mas ยังไงบ้างมีคนทำ
00:09:26 → 00:09:28 เยอะจนถึงขั้นมีการทำ Meta analysis นะ
00:09:29 → 00:09:31 ครับมีเป็นแบบ 10 ๆงานวิจัยเลยแล้วก็เจอ
00:09:32 → 00:09:34 ว่าจริงๆแล้วรูปแบบของการกินอาหารไดเอต
00:09:34 → 00:09:37 ต่างๆที่เป็นการไดเอตเพื่อสุขภาพเพื่อลด
00:09:37 → 00:09:39 น้ำหนักไม่ว่าจะเป็นการทำ I หรือว่าเป็น
00:09:39 → 00:09:41 การคุมปริมาณแคลอรี่ที่เรียกว่า
00:09:41 → 00:09:45 restricted แอนะครับหรือจะเป็นการทำคีต
00:09:45 → 00:09:48 การทำอาหารกินอาหารแบบ meditan อะไรก็ตาม
00:09:48 → 00:09:50 ที่เขาบอกว่ากินแล้ว Healthy แล้วสามารถ
00:09:50 → 00:09:53 จะลดน้ำหนักได้เนี่ยนะครับสามารถที่จะทำ
00:09:53 → 00:09:56 ให้กล้ามเนื้อของเราเนี่ยลดลงได้นะครับ
00:09:56 → 00:09:58 เพราะอะไรเวลาที่เรากินอาหาร Healthy
00:09:58 → 00:10:00 เนี่ยครับเรามีแนวแนวโน้มที่จะน้ำหนักลด
00:10:00 → 00:10:03 อยู่แล้วสิ่งที่เขาเจอก็คือว่า 75% ของ
00:10:03 → 00:10:05 น้ำหนักที่ลดลงเนี่ยครับมักจะมาจากไขมัน
00:10:05 → 00:10:09 ที่ลดลงไปหรือว่าน้ำที่ลดลงไปในขณะที่อีก
00:10:09 → 00:10:12 25% ของน้ำหนักที่หายไปเนี่ยมันมักจะมา
00:10:12 → 00:10:15 จากกล้ามเนื้อหรือ Lean mas ที่มันหายไป
00:10:15 → 00:10:17 นั่นเองนะครับแล้วถ้าเกิดว่าเราไม่อยากจะ
00:10:17 → 00:10:19 กล้ามเนื้อหายในขณะที่ทำ If เนี่ยควรจะทำ
00:10:19 → 00:10:22 ยังไงมีอยู่ 2 อย่างที่ควรจะทำครับอย่าง
00:10:22 → 00:10:26 แรกคือกินโปรตีนให้ถึงฮะผมเคยเล่าไปในตอน
00:10:26 → 00:10:28 Episode ว่าเราควรจะกินโปรตีนเท่าไหร่
00:10:28 → 00:10:30 หลักการมันคล้ายๆกันเลยครับคือถ้าเรา
00:10:30 → 00:10:32 ต้องการจะบอกคือการเพิ่มกล้ามเนี่ยครับ
00:10:32 → 00:10:35 ควรจะกินโปรตีนที่เยอะขึ้นตัวเลขมันคือ
00:10:35 → 00:10:38 ประมาณ 1.6 - 2.2 เท่าของน้ำหนักตัวนะ
00:10:38 → 00:10:41 ครับแล้วผมก็บอกว่าในช่วงที่เราต้องการจะ
00:10:41 → 00:10:45 ีนคือการกำจัดไขมันเนี่ยเป็นช่วงที่กล้าม
00:10:45 → 00:10:48 เนื้อมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียหรือหายไป
00:10:48 → 00:10:50 เราควรจะกินโปรตีนที่มันสูงขึ้นอีกมาก
00:10:50 → 00:10:53 กว่าตอน bu เฟสด้วยซ้ำไปนะครับคือควรจะ
00:10:53 → 00:10:57 เพิ่มโปรตีนไปที่ 1.8 - 2.7 เท่าของน้ำ
00:10:57 → 00:10:59 หนักตัวเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้กล้าม
00:10:59 → 00:11:02 เนื้อมันสูญเสียหลักการเดียวกันทำไม f มี
00:11:03 → 00:11:05 โอกาสที่กล้ามเนื้อจะหายเพราะฉะนั้นกิน
00:11:05 → 00:11:08 โปรตีนต้องสูงขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่
00:11:08 → 00:11:10 ให้กล้ามเนื้อหายนั่นเองนะครับอย่างที่ 2
00:11:10 → 00:11:12 ครับกินนโปรตีนเพิ่มขึ้นอย่างเดียวมันไม่
00:11:12 → 00:11:15 พอครับต้องไปออกกำลังกายที่ทำให้กล้าม
00:11:15 → 00:11:18 เนื้อมันทำงานหนักด้วยถามว่าทำไมคือการ
00:11:18 → 00:11:21 ที่เราไปเล่นเวทเนี่ยให้กล้ามเนื้อมันถูก
00:11:21 → 00:11:24 ทำลายเนี่ยครับเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ
00:11:24 → 00:11:26 เนี่ยมันสร้างใหม่นะครับการที่เรากิน
00:11:26 → 00:11:28 โปรตีนเยอะเพียงอย่างเดียวแต่ว่าไม่ได้
00:11:28 → 00:11:30 กระตุ้นการซ่อมทำกล้ามเนื้อเนี่ยมันก็ไม่
00:11:30 → 00:11:32 ได้ช่วยให้กล้ามเนื้อมันเพิ่มมากขึ้น
00:11:32 → 00:11:34 เพราะฉะนั้นเราไม่อยากสูญเสียกล้ามเนื้อ
00:11:34 → 00:11:37 ต้องเล่นเวทด้วยขณะที่ทำ If แล้วกล้าม
00:11:37 → 00:11:40 เนื้อคุณจะไม่หายนั่นเองฮะมาถึงคำถามสุด
00:11:40 → 00:11:42 ท้ายครับคำถามนี้น่าสนใจมากๆนะครับว่า
00:11:42 → 00:11:45 ระหว่างการทำ If เนี่ยเรากินอะไรได้บ้าง
00:11:45 → 00:11:48 หรือมีอะไรที่เราไม่ควรกินที่จะทำให้ If
00:11:48 → 00:11:51 เนี่ยมันแตกนะครับคำตอบของคำถามเยนะครับ
00:11:51 → 00:11:56 อยู่ที่ว่าคุณทำ If เพื่ออะไรถ้าคุณทำ If
00:11:56 → 00:12:00 เพื่อเร่งกระบวนการออโต้จี้ก็คือการไป
00:12:00 → 00:12:03 กระตุ้นให้ร่างกายเนี่ยมันกำจัดของเสีย
00:12:03 → 00:12:05 หรือว่าต้องการที่จะพักอวัยวะต่างๆที่
00:12:05 → 00:12:06 เกี่ยวกับการย่อยอาหารไม่ว่าจะเป็น
00:12:06 → 00:12:10 กระเพาะลำไส้นี่นะครับคุณไม่สามารถจะกิน
00:12:10 → 00:12:13 อะไรก็ตามที่มีแคลอรี่ได้เลยครับแม้แต่ 1
00:12:13 → 00:12:16 แคลอรี่ก็ทำให้ If แตกก็คือทำให้กระบวน
00:12:16 → 00:12:19 การ aut fy เนี่ยมันหยุดลงทำให้กระบวน
00:12:19 → 00:12:22 การกัดเสหรือการพักระบบย่อยอาหารเนี่ยมัน
00:12:22 → 00:12:24 ถูกทลายไปนะครับสิ่งที่คุณกินได้เท่านั้น
00:12:24 → 00:12:28 มีเพียงแค่น้ำเปล่าแล้วก็น้ำชาที่ไม่มี
00:12:28 → 00:12:32 การเติมอะไรก็ตามที่มีแคลี่เช่นนมน้ำผึ้ง
00:12:32 → 00:12:36 หรือว่าน้ำตาลนะครับแม้กระทั่งกาแฟครับก็
00:12:36 → 00:12:38 ทำให้ If แตกได้ถ้าเป้าหมายของคุณคือ aut
00:12:38 → 00:12:42 fy เพราะว่าในกาแฟเนี่ยครับมันแทบจะไม่
00:12:42 → 00:12:44 มีแคลอรี่ก็จริงแต่มันอาจจะยังมีอยู่
00:12:44 → 00:12:48 ประมาณ 1 ถึง 2 แคลอรี่ก็ทำให้ If แตกได้
00:12:48 → 00:12:51 ครับในขณะเดียวกันครับถ้าเกิดว่าคุณทำ If
00:12:51 → 00:12:55 เพื่อต้องการจะลดไขมันหรือเพื่อ Boost
00:12:55 → 00:12:57 metabolism คือทำให้กระบวนการเผาผลาญใน
00:12:57 → 00:13:00 ร่างกายเนี่ยมันทำงานได้ดีขึ้นนะครับ
00:13:00 → 00:13:03 ช้อยส์ของอาหารที่คุณยังสามารถจะกินได้
00:13:03 → 00:13:06 ระหว่างทำ If เนี่ยมันจะเยอะมากขึ้นนะ
00:13:06 → 00:13:09 ครับถามว่าหลักการมันคืออะไรถ้าเราทำ If
00:13:09 → 00:13:12 เพื่อต้องการ OST ให้ร่างกายใช้ไขมันหลัก
00:13:12 → 00:13:16 การคือคุณสามารถจะกินอาหารที่ไม่กระตุ้น
00:13:16 → 00:13:18 อินซูลินครับอะไรก็ตามที่ไม่กระตุ้น
00:13:18 → 00:13:21 อินซูลินเนี่ยยังโอเคอยู่คือ If ไม่แตก
00:13:21 → 00:13:23 ถามว่าอะไรบ้างอ่ะที่ไม่กระตุ้นอินซูลิน
00:13:23 → 00:13:26 แน่นอนแคลอรี่ต้องน้อยมากๆนะครับ 0
00:13:26 → 00:13:29 แคลอรี่เนี่ยดีที่สุดแต่ 1 ถึงถึง 2 หรือ
00:13:29 → 00:13:32 ไม่เกิน 10 แคลอรี่อาจจะยังพอไหวถ้าสิ่ง
00:13:32 → 00:13:34 ที่เรากินเนี่ยมันไม่ไปทริกเกอร์อินซูลิน
00:13:34 → 00:13:37 ผมลิสมาให้แล้วมีอยู่ 10 อย่างครับที่เรา
00:13:37 → 00:13:39 กินได้ในช่วงที่เรากำลัง fasting อยู่
00:13:39 → 00:13:42 แล้วไม่ทำให้ If แตกนะครับอย่างแรกครับ
00:13:42 → 00:13:45 คือน้ำครับจริงๆน้ำอย่างที่บอกไปนะครับ
00:13:45 → 00:13:47 เป็นสิ่งที่สำคัญมากแลควรจะกินเยอะๆเลยนะ
00:13:47 → 00:13:49 ครับระหว่างที่ If เพราะเรามีความเสี่ยง
00:13:49 → 00:13:52 ที่จะดีไฮเดรตได้นะครับถามว่าน้ำที่กิน
00:13:52 → 00:13:55 ได้มีอะไรบ้างแน่นอนน้ำเปล่าน้ำแร่นะครับ
00:13:55 → 00:13:58 sparkling Water คือน้ำอัดแก๊สที่ไม่
00:13:58 → 00:14:01 ได้มีเติมน้ำตาอะไรเยกินได้นะครับน้ำพวก
00:14:01 → 00:14:04 สปอิงที่เป็นอิเล็กโตรไลต์ที่ไม่เติมน้ำ
00:14:04 → 00:14:07 ตาลกินได้นะครับเพราะจริงๆแล้วนอกจากร่าง
00:14:07 → 00:14:09 กายต้องการน้ำแล้วร่างกายต้องการเกลือแร่
00:14:09 → 00:14:12 เยอะมากๆเลยนะครับช่วงที่เราทำฟาตินะฮะ
00:14:12 → 00:14:15 โดยเฉพาะเกลือแร่ที่เป็นโซเดียม
00:14:15 → 00:14:17 แมกนีเซียมโปแตสเซียมพวกนี้นะครับสำคัญ
00:14:17 → 00:14:21 มากๆสามารถจะกินได้ถามว่าโซเดียมอืมทำยัง
00:14:21 → 00:14:24 ไงล่ะจริงๆเราเอาเกลือใส่เข้าไปในน้ำนิด
00:14:24 → 00:14:26 หน่อยนะครับแล้วดื่มแทนที่จะดื่มน้ำเป่า
00:14:26 → 00:14:28 เพี้ยวๆเนี่ยก็ได้เกลือแร่แล้วนะครับช่วย
00:14:28 → 00:14:30 ได้เยอะเยอะมากๆเลยเพราะฉะนั้นใครที่ไม่
00:14:30 → 00:14:33 เคยลองกินน้ำเกลือช่วงที่ฟาติเนี่ยสามารถ
00:14:33 → 00:14:35 จะกินได้นะครับสิ่งที่กินได้อย่างที่ 2
00:14:35 → 00:14:38 นะครับคือน้ำชาครับโอ้โหชาเนี่ยกินได้เลย
00:14:38 → 00:14:41 ครับคือกินชาเนี่ยออโต fy ก็ไม่แตกคือรส
00:14:41 → 00:14:43 ไขมันก็ไม่แตกนะครับแต่มีข้อแม้อยู่นะ
00:14:43 → 00:14:45 ครับว่าน้ำชาเนี่ยต้องไม่เติมอะไรที่มัน
00:14:45 → 00:14:48 หวานๆนะครับน้ำผึ้งน้ำตาลอะไรเงี้ยก็ควร
00:14:48 → 00:14:51 จะเลี่ยงนะครับนมก็กินไม่ได้ในนมมีน้ำตาล
00:14:51 → 00:14:53 นะครับทุกคนเพราะฉะนั้นไม่ควรจะแอดเข้าไป
00:14:53 → 00:14:57 อย่างที่บอกว่าชาชาเขียวชาอู่หลงชาขาวชา
00:14:57 → 00:15:00 ดำเนี่ยกินได้เลยนะครับในชาเนี่ยมี poy
00:15:00 → 00:15:03 phenol ค่อนข้างสูงนะครับสามารถที่จะโห
00:15:03 → 00:15:06 ทั้ง burn Fat แล้วก็กระตุ้นอโต fy ได้
00:15:06 → 00:15:08 ด้วยนะครับมีข้อควรระวานิดนึงครับถ้าเกิด
00:15:08 → 00:15:11 ว่าใครทำ If เพื่อต้องการจะพักกระเพาะ
00:15:11 → 00:15:13 อาหารไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานเลยเนี่ยนะ
00:15:13 → 00:15:16 ครับชาบางประเภทเนี่ยมันมีคาเฟอีนอยู่
00:15:16 → 00:15:19 ค่อนข้างสูงยกตัวอย่างเช่นชาเขียวการกิน
00:15:19 → 00:15:21 ชาเขียวที่มีคาเฟอีนสูงเนี่ยนะครับทำให้
00:15:21 → 00:15:23 กระเพาะอาหารเรามันไม่ได้พักเพราะฉะนั้น
00:15:23 → 00:15:27 เนี่ยมันก็อาจจะ If แตกได้ในมุมของกัดเรส
00:15:27 → 00:15:30 นะครับคุณควรจะจะไปเลือกกินชาอื่นเช่นอาจ
00:15:30 → 00:15:33 จะเป็นชาเปปเปอร์มินหรือว่าอาจจะเป็น
00:15:33 → 00:15:36 สมุนไพรอย่างขิงก็ได้นะครับถ้าเอาขิงไปชง
00:15:36 → 00:15:38 เป็นชาเนี่ยก็จะเซฟกว่าถ้าต้องการให้กับ
00:15:38 → 00:15:40 เพะอาหารมันพักนะครับอย่างที่ 3 ที่กิน
00:15:40 → 00:15:43 ได้คือกาแฟครับต้องเน้นย้ำว่าเป็นกาแฟดำ
00:15:43 → 00:15:45 ที่ไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่นมไม่ใส่อะไรเลยนะ
00:15:45 → 00:15:49 ครับคือกินกาแฟบอกไปว่าทำให้ aut fy แตก
00:15:50 → 00:15:52 แต่รสไขมันไม่แตกในกาแฟเนี่ยจะมีแคลี่
00:15:52 → 00:15:54 อยู่ 1-2 แคลอรี่เพราะฉะนั้นเรากินได้นะ
00:15:54 → 00:15:55 ครับไม่เยอะเกินไปไม่ได้ไปกระตุ้น
00:15:55 → 00:15:57 อินซูลินนะครับในกาแฟถ้าเกิดว่าใครรู้สึก
00:15:57 → 00:16:00 ว่าโอโหกินกาแฟดำไม่ไหวอ่ะขอเพิ่มอะไรบาง
00:16:00 → 00:16:03 อย่างได้มจริงๆว่าผมก็ไปเจอมาครับเฮ้ยมัน
00:16:03 → 00:16:05 มีบางอย่างที่เพิ่มเข้าไปในกาแฟดำได้แล้ว
00:16:05 → 00:16:08 มันยังเวิร์คอยู่นั่นก็คือ Good Fat
00:16:08 → 00:16:10 หรือว่าไขมันดีนะครับใครที่เป็นสายกาแฟ
00:16:10 → 00:16:12 เนี่ยอาจจะรู้จักกับ bulletproof Coffee
00:16:12 → 00:16:16 คือการเติมไขมันหรือเนยนิดๆเนี่ยลงไปใน
00:16:16 → 00:16:19 กาแฟนะครับถามว่าการเติมน้ำมันหรือไขมัน
00:16:19 → 00:16:21 ลงไปในกาแฟเนี่ยทำไม If ถึงไม่แตกเพราะ
00:16:21 → 00:16:24 ว่าอย่างที่บอกไปเราไม่ต้องการอะไรก็ตาม
00:16:24 → 00:16:27 ที่มันไปกระตุ้นอินซูลินหรือว่าเป็นน้ำ
00:16:27 → 00:16:31 ตาลเผอิญไขมันดีในปริมาณที่ไม่เยอะนะครับ
00:16:31 → 00:16:33 มันยังไม่ไปกระตุ้นอินซูลินแล้วมันก็ไม่
00:16:33 → 00:16:36 ใช่น้ำตาลด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยมันสามารถ
00:16:36 → 00:16:38 ที่จะเป็นทริกเล็กๆที่เรายังพอชีทแล้วก็
00:16:39 → 00:16:41 กินเข้าไปได้แล้วทำให้ If ไม่แตกนะครับ
00:16:41 → 00:16:44 มันก็เลยีดมาสู่ข้อที่ 4 ครับสิ่งที่เรา
00:16:44 → 00:16:46 กินได้คือไขมันแล้วก็น้ำมันดีครับถามว่า
00:16:46 → 00:16:50 มีอะไรบ้างคือเนยครีมน้ำมันดีๆเช่นน้ำมัน
00:16:50 → 00:16:53 มะกอกนะครับน้ำมันมะพร้าว mct Oil นะ
00:16:53 → 00:16:55 ครับโอ้เดี๋ยวนี้ mct Oil ค่อนข้างดังนะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับกินได้ครับแต่ถามว่าไอ้พวกเนี้ยมันก็
00:16:58 → 00:17:00 มีแคลอรี่อยู่เนาะเราต้องการลิมิตทั้ง
00:17:00 → 00:17:03 แคลอรี่และลิมิตทั้งน้ำตาลและอินซูลินกิน
00:17:03 → 00:17:06 ได้ไม่เยอะครับไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะเพราะ
00:17:06 → 00:17:08 ฉะนั้นการแอดน้ำมันเนี้ยลงไปในกาแฟประมาณ
00:17:08 → 00:17:10 1 ช้อนโต๊ะเนี่ยยังโอเคอยู่ไข่มันไม่แตก
00:17:10 → 00:17:14 หรือใครแบบเป็นสายกินโอลีฟ Oil เป็นช้อน
00:17:14 → 00:17:16 อะไรเงี้ยครับกินเข้าไปอย่าเงี้ยยังได้
00:17:16 → 00:17:18 อยู่นะครับไม่แตกเนาะแต่อยกินเยอะเกินไป
00:17:18 → 00:17:21 นะครับอย่างที่ 5 ที่กินได้คือสมุนไพร
00:17:21 → 00:17:24 แล้วก็เครื่องเทศครับก็คือ erb กับสไปซ์
00:17:24 → 00:17:27 นะครับอบกับสไปซ์เนี่ยแคลอรี่มันน้อยมากๆ
00:17:27 → 00:17:30 นะครับถามว่ากินได้มยกินได้ครับไม่เกิน 1
00:17:30 → 00:17:32 ช้อนชา 1 ช้อนชาจะกินอะไรได้ถามว่าแล้วจะ
00:17:32 → 00:17:35 กินยังไงอ่ะไอ้ 1 ช้อนชามันคือการเอา erb
00:17:35 → 00:17:39 กับสไปซ์เนี่ยมันไป infuse กับน้ำครับให้
00:17:39 → 00:17:43 น้ำเนี่ยมันมีกลิ่นหรือว่ามีรสนิดๆที่ทำ
00:17:43 → 00:17:45 ให้เรารู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อในการกิน
00:17:45 → 00:17:47 น้ำเปล่านะครับถามว่ามีเอิร์บกับสไปซ์
00:17:47 → 00:17:49 อะไรบ้างที่เราสามารถจะไปลองได้ยกตัว
00:17:49 → 00:17:52 อย่างได้เลยนะครับเช่นตะไคร้ซินนามอนหรือ
00:17:52 → 00:17:55 ว่าอบเชยนะครับคาดอหรือว่าลูกกระวานนะ
00:17:55 → 00:17:59 ครับนัดเหม็กหรือว่าจันทร์เทศผักชิวอะไร
00:17:59 → 00:18:01 เงี้ยครับมันสามารถที่จะไป infuse กับน้ำ
00:18:01 → 00:18:03 เปล่าแล้วก็ทำให้เอ้ยน้ำเปล่ามันไม่น่า
00:18:03 → 00:18:06 เบื่อบางคนแบบ If กินแต่น้ำเปล่ามันน่า
00:18:06 → 00:18:08 เบื่อเนาะอบกับสไปซ์ใส่เข้าไปได้นะครับ
00:18:08 → 00:18:12 สิ่งที่เราอาจจะเลี่ยงนิดๆนะครับคืออ่าผม
00:18:12 → 00:18:17 ไปเจอว่าพริกไทยดำหรือว่าออริกาโนพาลอะไร
00:18:17 → 00:18:19 เครับมันสามารถกระตุ้นอินซูลินได้เพราะ
00:18:20 → 00:18:22 ฉะนั้นถ้าอยากใส่ earthz อาจจะเลี่ยงพวก
00:18:22 → 00:18:25 นี้นะครับอย่างที่ 6 ที่กินได้ครับคือ
00:18:25 → 00:18:28 Apple cer vinegar ครับมันคือน้ำส้มใส
00:18:28 → 00:18:30 ชูนั่นเองจริงๆมันไม่ได้ลิมิตแค่ Apple
00:18:30 → 00:18:33 ไอร์วิการนะน้ำส้มสายชูอะไรก็ตามเนี่ยนะ
00:18:33 → 00:18:35 ครับสามารถจะพอกินได้ทั้งนั้นนะครับ
00:18:35 → 00:18:38 ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะคือการกินน้ำส้มสายชู
00:18:38 → 00:18:40 หรือ Apple ไอ vinegar เนี่ยเราพูดบ่อย
00:18:40 → 00:18:44 มากว่ากินไปเนี่ยมันช่วยชะลอการที่น้ำตาล
00:18:44 → 00:18:46 มันทะลักเข้าไปในเลือดมันสามารถที่จะช่วย
00:18:46 → 00:18:49 ลดการพีของอินซูลินได้นะครับเพราะว่าการ
00:18:49 → 00:18:51 ที่เรากิน Apple cer วิก้าที่มีความเป็น
00:18:51 → 00:18:54 กรดเนี่ยมันทำงานตั้งแต่ในปากเลยในปากเรา
00:18:54 → 00:18:57 มีความเป็นกรดปึ๊บเนี่ยนะครับน้ำย่อยใน
00:18:57 → 00:19:00 ปากที่มันย่อยแป้งมันต้องทำงานได้ดีใน
00:19:00 → 00:19:02 ภาวะที่ค่อนข้างเป็นด่างพอมันเป็นกรด
00:19:02 → 00:19:05 เนี่ยมันก็ทำให้ลดปริมาณการย่อย
00:19:05 → 00:19:08 คาร์โบไฮเดรตหรือว่าแป้งตั้งแต่ในปากทำ
00:19:08 → 00:19:11 ให้เวลามันลงไปกระเพาะเนี่ยครับพวกแป้ง
00:19:11 → 00:19:13 ต่างๆเนี่ยมันก็จะย่อยช้าลงนั่นเองเป็น
00:19:13 → 00:19:15 เหตุผลว่าทำไม Apple Cider veg เนี่ย
00:19:15 → 00:19:17 คือตัวช่วยมากๆเลยของคนที่เป็นโรคเบาหวา
00:19:17 → 00:19:20 หรือว่าคนที่คอนเซิร์นเรื่องน้ำตาลใน
00:19:20 → 00:19:22 เลือดพุ่งนะครับเพราะฉะนั้นกินได้ครับ
00:19:22 → 00:19:24 สามารถจะเจือจางกับน้ำแล้วก็จิบแล้วก็
00:19:24 → 00:19:26 ดื่มได้ทางที่ดีนะครับช่วงเวลาที่เหมาะ
00:19:26 → 00:19:28 กับการกิน Apple ไอร์ vinegar ระหว่าง
00:19:28 → 00:19:31 Fast ิงที่สุดคือช่วง transit ก็คือช่วง
00:19:31 → 00:19:33 ที่เราจะเปลี่ยนจากการที่กินไม่ได้ไปกิน
00:19:33 → 00:19:36 ได้เพราะถ้าเรากิน Apple Cider vegar
00:19:36 → 00:19:37 ก่อนที่เราจะเริ่มมื้ออาหารประมาณสัก
00:19:37 → 00:19:40 ครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงเนี่ยมันก็จะ
00:19:40 → 00:19:42 เสริมการทำงานเลยครับจะช่วยป้องกันไม่ให้
00:19:42 → 00:19:45 น้ำตาลเนี่ยมันทะลักเข้าไปในเลือดได้เร็ว
00:19:45 → 00:19:47 แล้วก็ป้องกันเบาหวาดให้เราได้ด้วยอีกทาง
00:19:47 → 00:19:49 นึงนะครับอย่างที่ 7 ที่กินได้ครับคล้ายๆ
00:19:49 → 00:19:52 กับวิการก็คือน้ำมะนาวครับมันก็มีความ
00:19:52 → 00:19:54 เปรี้ยวนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยบีบน้ำ
00:19:54 → 00:19:57 มะนาวลงในน้ำนิดหน่อยไป infuse ก็ได้ครับ
00:19:57 → 00:19:59 ทำให้น้ำเปล่าของคุณมันอร่อยขึ้นนะครับ
00:19:59 → 00:20:02 แต่ต้องระวังอย่าเยอะเกินไปเพราะว่าใน
00:20:02 → 00:20:06 มะนาวเองเนี่ยนะครับมันก็มีน้ำตาลอยู่นิด
00:20:06 → 00:20:08 ๆนะครับแต่ด้วยความที่ฟัสเนี่ยเป็นน้ำตาล
00:20:09 → 00:20:11 ที่ GI ค่อนข้างต่ำเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็
00:20:11 → 00:20:13 ยังอาจจะพอเติมเข้าไปในน้ำได้นิดหน่อย
00:20:13 → 00:20:16 แล้วก็ยังไม่ไปกระตุ้นอินซูลินแลทำให้ If
00:20:16 → 00:20:19 ไม่แตกนะครับอย่างที่ 8 ครับคือ Natural
00:20:19 → 00:20:22 sweetener ก็คือสารทดแทนความหวานที่ไม่
00:20:22 → 00:20:25 ใช่น้ำตาลครับจริงๆมันมีสารทดแทนความหวาน
00:20:25 → 00:20:30 หลายตัวที่ 0 แคลอรีถูกมั้ยครับที่กินได้
00:20:30 → 00:20:33 ถามว่ามีอะไรกินได้ผมแนะนำเลยนะครับคือ
00:20:33 → 00:20:36 กินหญ้าหวานกับกินหล่อฮังกล้วยหรือว่ามัง
00:20:36 → 00:20:39 ฟรุด 2 ตัวเนี้ยเรียกได้ว่าค่อนข้างเซฟนะ
00:20:39 → 00:20:42 ครับคือแคลี่ 0% ด้วยแล้วมันก็ไม่ไป
00:20:42 → 00:20:44 ทริกเกอร์อินซูลินด้วยนะครับทีนี้หลายคน
00:20:44 → 00:20:47 อาจจะมีคำถามว่าเอ้ามันยังมี sweeter อีก
00:20:47 → 00:20:49 หลายตัวเลยอาจจะเป็น sweeter ที่เป็นแนว
00:20:49 → 00:20:52 สังเคราะห์หน่อยมันก็ูแคลอรี่เหมือนกัน
00:20:52 → 00:20:56 เช่นเจอในเ่อน้ำอัดลมที่เป็น zer แต่างๆ
00:20:56 → 00:20:59 นะครับผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้ If แตก
00:20:59 → 00:21:01 เนี่ยมันไม่ได้มีแค่เรื่องแคลอรี่แต่มัน
00:21:01 → 00:21:03 ต้องไม่ไปทริกเกอร์อินซูลินด้วยนะครับไอ้
00:21:03 → 00:21:07 เจ้า sweeteners นอกจากสียหรือว่า mon fr
00:21:07 → 00:21:09 นี่นะครับที่เป็นซินเทติกหลายตัวเนี่ย
00:21:09 → 00:21:12 ครับูแควก็จริงแต่มันสามารถจะไปทริกเกอร์
00:21:13 → 00:21:15 อิซูลินได้ด้วยเพราะฉะนั้นก็ทำให้ If แตก
00:21:15 → 00:21:18 ได้เช่นกันเพราะงั้นทางที่ดีระหว่างทำ If
00:21:18 → 00:21:20 เนี่ยเลี่ยงน้ำอัดลมแม้ว่ามันจะเป็นศูย์
00:21:21 → 00:21:24 แควก็จะดีที่สุดนะครับแต่ข้อควรระวังของ
00:21:24 → 00:21:26 เจ้าหญ้าหวานหรือว่า mon fr นี่นะครับ
00:21:26 → 00:21:29 คือถ้าใครทำ If แล้วต้องการจะ
00:21:29 → 00:21:31 Boost aut fy มันทำให้ aut fy แตกได้
00:21:31 → 00:21:34 ครับเพราะว่าความหวานเมื่อสัมผัสกับลิ้น
00:21:34 → 00:21:36 เราปุ๊บเนี่ยนะครับมันจะไปบอกสมองทันที
00:21:36 → 00:21:38 ว่าเอ้ยตอนนี้เรากำลังกินอาหาร aut fy
00:21:38 → 00:21:41 จะหยุดทำงานทันทีเพราะฉะนั้นถ้าต้องการ
00:21:41 → 00:21:43 aut fy แบบสมบูรณ์เลยนะครับก็ควรจะ
00:21:43 → 00:21:46 เลี่ยง Sweet terner เช่นกันครับตัวที่ 9
00:21:47 → 00:21:49 ที่กินได้ครับอันนี้ผมแบบเคยมองข้ามไป
00:21:49 → 00:21:52 แล้วก็เอ้ยเพิ่งรู้ใช่คือวิตามินครับมัน
00:21:52 → 00:21:54 มีวิตามิน 2 ตัวที่ละลายในน้ำคือ b กับ C
00:21:54 → 00:21:57 เนาะเพราะฉะนั้นระหว่างที่เราทำ If ถ้า
00:21:57 → 00:21:59 เกิดว่าต้องการการที่จะให้ร่างกายยังรู้
00:21:59 → 00:22:02 สึกเฟรชเนี่ยเรากินวิตามิน b กับ C ได้
00:22:02 → 00:22:04 เพราะมันละลายในน้ำนะครับยิ่งเป็นอัดเม็ด
00:22:04 → 00:22:07 หรือละลายน้ำอะไรเงี้ยแล้วเช็คดีๆว่ามัน
00:22:07 → 00:22:09 ไม่มีน้ำตานะครับกินได้อย่างน้อยร่างกาย
00:22:09 → 00:22:12 ก็จะเฟรชขึ้นรู้สึกสดชื่นขึ้นระหว่างที่
00:22:12 → 00:22:16 ทำ If ครับสุดท้ายคือข้อที่ 10 ครับคือยา
00:22:16 → 00:22:20 ครับคือเคสเในกรณีที่ใครเ่อมีโรคประจำตัว
00:22:20 → 00:22:23 แล้วต้องกินยานะครับคือยาในรูปของ
00:22:23 → 00:22:25 แท็บเล็ตที่เป็นเม็ดๆเนี่ยนะครับกินเข้า
00:22:25 → 00:22:27 ไปแล้วเนี่ยมันไม่มีแคลอรี่แล้วก็ไม่
00:22:27 → 00:22:29 กระตุ้นอินซูลินเพราะเพราะฉะนั้นคุณกิน
00:22:29 → 00:22:31 ได้นะครับจริงๆใครที่มีโรคประจำตัวและ
00:22:31 → 00:22:34 ต้องกินยาตลอดเวลาเนี่ยควรจะปรึกษาคุณหมอ
00:22:34 → 00:22:37 ก่อนว่ามันโอเคมั้ยถ้าเราจะทำ If เนาะแต่
00:22:37 → 00:22:40 ข้อครัวระวังครับถ้าเกิดว่าเป็นยาบาง
00:22:40 → 00:22:44 ประเภทที่เป็นยาในรูปของยาน้ำเป็นยาไซรับ
00:22:44 → 00:22:46 หรือบางทีเนี่ยมาในรูปแบบของกัมมี่นะครับ
00:22:47 → 00:22:50 พวกเนี้ยมีน้ำตาลแน่นอนกินแล้วเนี่ยไแตก
00:22:50 → 00:22:53 นะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยปรึกษาคุณหมอก่อน
00:22:53 → 00:22:55 ขอหาความรู้แล้วกันว่าไอ้ยาที่เรากิน
00:22:55 → 00:22:57 เนี่ยมันมีน้ำตาลหรือมันไปทริกเกอร์
00:22:57 → 00:23:00 อินซูลินหรรือเปล่าถ้ามันมีมี If แตกแน่
00:23:00 → 00:23:03 นอนนะครับกินไม่ได้นะครับโอเคนั่นคือ 10
00:23:03 → 00:23:06 อย่างที่เราพอจะกินได้นะครับแล้วทำให้ If
00:23:06 → 00:23:08 ไม่แตกในกรณีที่เราต้องการจะลดไขมันนะ
00:23:08 → 00:23:10 ครับสุดท้ายแล้วนะครับผมอยากจะเชิญชวนทุก
00:23:10 → 00:23:13 คนให้ทำ If นะครับเพราะ If เนี่ยมันมี
00:23:13 → 00:23:17 ประโยชน์จริงๆครับลดไขมันเพิ่มกระบวนการ
00:23:17 → 00:23:19 metabolism นะครับเพิ่ม immune เพิ่ม
00:23:19 → 00:23:22 กระบวนการ Auto fy และยิ่งถ้าเกิดทำ If
00:23:22 → 00:23:25 นานๆเนี่ยไปปลุกการสร้างสเตมเซลล์ได้ด้วย
00:23:25 → 00:23:28 นะครับเป็นยาวิเศษที่ไม่ต้องเสียตังคเลย
00:23:29 → 00:23:31 นะครับแต่ว่าช่วยดูแลร่างกายของเราให้
00:23:31 → 00:23:33 แข็งสมบูรณ์แข็งแรงมากยิ่งขึ้นแล้วก็ชะลอ
00:23:33 → 00:23:35 ไวด้วยนะครับแต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนระมัด
00:23:35 → 00:23:37 ระวังก็คือว่าการทำ If เหมือนการออกกำลัง
00:23:37 → 00:23:40 กายครับต้องค่อยๆเทรนร่างกายมือใหม่ค่อยๆ
00:23:40 → 00:23:43 ฝึกอดจากจำนวนชั่วโมงน้อยๆครับ 12 ช่วโมง
00:23:43 → 00:23:46 แล้วถ้ารู้สึกว่าร่างกายไหวมอนิเตอร์ตัว
00:23:46 → 00:23:48 เองนะถ้าไหวก็ค่อยเพิ่มเป็น 16 เป็น 18
00:23:48 → 00:23:51 เป็น 20 เป็น 24 นะครับดูตัวเองอยู่เสมอ
00:23:51 → 00:23:54 If ไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับมันขึ้น
00:23:54 → 00:23:56 อยู่กับสภาพร่างกายของเรานะถ้าเราเป็นโรค
00:23:56 → 00:23:59 ประจำตัวหรือกำลังตั้งคันให้นมบุตนะครับ
00:23:59 → 00:24:03 มีประจำเดือนอายุน้อยกว่า 18 ปีมีประวัติ
00:24:03 → 00:24:06 เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดือนอาหารการทำ If
00:24:06 → 00:24:08 ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นอาจจะไม่เหมาะ
00:24:08 → 00:24:11 กับคุณก็ได้เพราะฉะนั้นต้องใส่ใจตัวเองทำ
00:24:11 → 00:24:13 If กินน้ำเยอะๆด้วยนะครับเพราะว่าร่าง
00:24:13 → 00:24:16 กายควรจะ Stay ไฮเดรตก็จะป้องกันไม่ให้
00:24:16 → 00:24:19 เราเกิด Side เฟคที่เกิดจากการทำ If นะ
00:24:19 → 00:24:21 ครับถ้าเกิดว่าคุณทำ If อย่างถูกวิธีนะ
00:24:21 → 00:24:24 ครับรับรองว่าโอกาสที่จะได้ sze เฟคจาก
00:24:24 → 00:24:27 การทำไเนี่ยน้อยลงแล้วก็ได้ประโยชน์เต็มๆ
00:24:27 → 00:24:29 นะครับไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงในการ
00:24:29 → 00:24:32 เป็นโรคเบาหวาแล้วก็ช่วยในการชะลอไวได้
00:24:32 → 00:24:34 อย่างแน่นอน
00:24:34 → 00:24:39 ครับ To To the Standard podcast ey
00:24:39 → 00:24:43 Opening for your ears