00:00:06 → 00:00:08 การขาดอากาศหายใจเนี่ยมันน่ากลัวยังไงก็
00:00:08 → 00:00:11 คือคนเราเนี่ยเริ่มต้นจากกลไกร่างกายเรา
00:00:11 → 00:00:13 เนอะเคยได้ยินใช่ไหมครับว่าถ้าสมองขาด
00:00:13 → 00:00:15 เลือดแค่ 4 นาทีเราจะหมดสติแล้วก็กลาย
00:00:15 → 00:00:17 เป็นเจ้าหญิงนิทราไปเลยจริงๆแล้วอ่ะอากาศ
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยมันสำคัญมากเพราะว่าเราต้องใช้
00:00:20 → 00:00:21 ออกซิเจนเนี่ยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ปอดเอา
00:00:21 → 00:00:23 คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเมื่อเราหายใจไม่
00:00:23 → 00:00:25 ได้เนี่ยของเสียก็คือคาร์บอนไดออกไซด์
00:00:25 → 00:00:28 หรือมันก็จะคลั่งเพราะว่าแค่ 30 วินาทีนะ
00:00:28 → 00:00:30 ครับที่เราขาดอากาศหายใจเนี่ยก็จะหมดสติ
00:00:30 → 00:00:33 ก่อนแล้วถ้าทิ้งไว้สักพักนึง 4 นาทีก็จะ
00:00:33 → 00:00:36 เกิดภาวะสมองตายแล้วก็หัวใจหยุดเต้นแล้ว
00:00:36 → 00:00:39 ก็เป็นภาวะที่เราเห็นในเหตุการณ์ที่มีคน
00:00:39 → 00:00:40 CBR กันเยอะๆอ่ะครับทุกอย่างมันเกิดขึ้น
00:00:40 → 00:00:42 เร็วมากเลย
00:00:42 → 00:00:46 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:46 → 00:00:52 การโรงหมอกิตฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:52 → 00:00:55 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:55 → 00:00:57 การโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะวัน
00:00:57 → 00:01:00 นี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระกัน
00:01:00 → 00:01:03 ได้ค่ะวันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องของภาวะ
00:01:03 → 00:01:06 การขาดอากาศหายใจแม้เราจะอยู่ในที่โล่งก็
00:01:06 → 00:01:08 ตามนั้นเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
00:01:08 → 00:01:11 ค่ะเดี๋ยวเราจะคุยกับนายแพทย์ชัยธวัชชื่อ
00:01:11 → 00:01:14 ลือชาแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินศูนย์การแพทย์
00:01:14 → 00:01:17 กาญจนาภิเษกคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
00:01:17 → 00:01:20 มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคะ
00:01:20 → 00:01:23 ครับสวัสดี
00:01:23 → 00:01:28 ว่าในช่วงที่เวลาที่เรามีการเฉลิมฉลอง
00:01:28 → 00:01:31 หรือเทศกาลอะไรต่างๆเนี่ยจะมีคนประชาชน
00:01:31 → 00:01:34 จำนวนมากเข้ามาร่วมงานเยอะแยะมากมายนะคะ
00:01:34 → 00:01:37 ซึ่งอันนี้เราจะคุยในภาพรวมว่าเวลาที่เจอ
00:01:37 → 00:01:39 เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ที่คนเข้าไปเยอะ
00:01:39 → 00:01:43 แยะมากมายเนี่ยมันก็อาจจะมีเหตุการณ์ที่
00:01:43 → 00:01:46 เกิดขึ้นสำหรับคนที่เข้าไปในงานที่มีคน
00:01:46 → 00:01:48 เยอะๆแบบนี้ได้เหมือนกันอย่างเช่นว่าอาจ
00:01:48 → 00:01:53 จะเป็นลมอาจจะรู้สึกแบบอึดอัดจะไม่สบาย
00:01:53 → 00:01:56 ตัวนะคะรู้สึกว่าคนมันเยอะเกินไปจะออกก็
00:01:56 → 00:01:59 ออกไม่ได้จะเดินต่อก็เอ๊ะจะไปยังไงดีอ่ะ
00:01:59 → 00:02:02 นะคะแล้วก็อาจจะเป็นเหตุให้บางคนเนี่ยล้ม
00:02:02 → 00:02:05 ลงหรือว่าอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บอะไร
00:02:05 → 00:02:07 ต่างๆเหล่านี้นะคะทีนี้มันก็มีเรื่องที่
00:02:07 → 00:02:10 น่าสนใจค่ะคุณหมอว่าเอ๊ะการที่เราเข้าไป
00:02:10 → 00:02:15 ในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากๆนะคะจะเป็นพื้น
00:02:15 → 00:02:19 ที่โล่งก็ตามแต่ทำไมยังมีเหตุการณ์ที่มี
00:02:19 → 00:02:22 คนได้รับอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตได้
00:02:22 → 00:02:25 ถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่โล่งนะคะคุณหมอครับ
00:02:25 → 00:02:28 ก็จริงๆต้องบอกว่าทุกเหตุการณ์การใช้
00:02:28 → 00:02:30 เรียกว่าการชุมนุมหรือว่าการที่มีคนมารวม
00:02:30 → 00:02:32 ตัวกันเยอะๆนะครับมันมีเกิดเหตุไม่คาดฝัน
00:02:33 → 00:02:36 ได้เสมออยู่แล้วแล้วก็จากคำว่าพื้นที่
00:02:36 → 00:02:38 โล่งเนี่ยอย่างเหตุการณ์ in Thailand นะ
00:02:38 → 00:02:40 ครับตอนแรกก็เป็นซอยโล่งๆพื้นที่โล่งๆ
00:02:40 → 00:02:42 เนาะแต่ว่าวันนั้นน่ะเกิดการแท็กเข้าไป
00:02:42 → 00:02:45 ถึงเขาเห็นว่าในข่าวบอกว่า 1 แสนคนเนี้ย
00:02:45 → 00:02:47 จากพื้นที่โลกก็จะกลายเป็นพื้นที่แออัด
00:02:47 → 00:02:50 ขึ้นมาโดยปริยายนะครับหรือสนามกีฬาโล่งๆ
00:02:50 → 00:02:51 อย่างเงี้ยเราจัดคอนเสิร์ตอะไรสักอย่าง
00:02:51 → 00:02:52 นึงใช่มั้ยครับ
00:02:52 → 00:02:55 จากสนามกีฬาที่เราเห็นโล่งๆโปร่งสบายเนาะ
00:02:55 → 00:03:00 เมื่อเกิดการคนเข้ามาปริมาณมากๆก็จะกลาย
00:03:00 → 00:03:02 เป็นพื้นที่แออัดแล้วก็อย่างที่บอกอากาศ
00:03:02 → 00:03:05 ที่มันอยู่บริเวณนั้นก็จะเริ่มมีความ
00:03:05 → 00:03:08 ขัดเหมือนเหมือนคนแย่งกันหายใจครับบริเวณ
00:03:08 → 00:03:12 นั้นเนาะไปอยู่ติดๆกันนะครับก็ทำให้ทำให้
00:03:12 → 00:03:14 เกิดการขาดอากาศถ้าแต่ไม่ใช่หมายถึงว่ามี
00:03:14 → 00:03:17 จำนวนคนเท่านี้จะเกิดการขาดอากาศได้เท่า
00:03:17 → 00:03:18 นั้นนะครับคือมันต้องมีเหตุการณ์หลายๆ
00:03:18 → 00:03:22 อย่างผสมปนเปกันจนเกิดอาการขาดอากาศหายใจ
00:03:22 → 00:03:25 ในในเขตชนบทแต่ก็เดี๋ยวจะให้ความรู้ก่อน
00:03:25 → 00:03:27 นิดนึงนะครับว่าการขาดอากาศหายใจเนี่ยมัน
00:03:27 → 00:03:30 น่ากลัวยังไงก็คือคนเราเนี่ยมันเริ่มต้น
00:03:30 → 00:03:32 จากกลไกร่างกายเราเนาะคือเคยได้ยินใช่ไหม
00:03:33 → 00:03:35 ครับว่าถ้าสมองขาดเลือดแค่ 4 นาทีเราจะ
00:03:35 → 00:03:38 หมดสติแล้วก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปเลย
00:03:38 → 00:03:39 เคยได้ยินไหมครับ
00:03:39 → 00:03:43 ครับจริงๆแล้วอ่ะอากาศเนี่ยมันสำคัญมาก
00:03:43 → 00:03:45 เพราะว่าเราต้องใช้ออกซิเจนเนี่ยไปเลี้ยง
00:03:45 → 00:03:47 ส่วนต่างๆของร่างกายในการแลกเปลี่ยนแก๊ส
00:03:47 → 00:03:50 เนาะออกซิเจนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ปอดเอา
00:03:50 → 00:03:52 คาร์บอนไดออกไซด์ออกมานะครับเมื่อเราหาย
00:03:52 → 00:03:53 ใจไม่ได้เนี่ยของเสียก็คือ
00:03:53 → 00:03:56 คาร์บอนไดออกไซด์หรือมันก็จะคลั่งจริงๆ
00:03:56 → 00:03:59 เขาเขาบอกว่าแค่ 30 วินาทีนะครับที่เรา
00:03:59 → 00:04:02 ขาดอากาศหายใจเนี่ยก็จะหมดสติก่อนแล้วถ้า
00:04:02 → 00:04:05 ทิ้งไว้สักพักนึง 4 นาทีก็จะเกิดภาวะสมอง
00:04:05 → 00:04:08 ตายแล้วก็หัวใจหยุดเต้นแล้วก็เป็นภาวะไข้
00:04:08 → 00:04:10 แดดไอเรซจากที่เราเห็นในเหตุการณ์ที่มีคน
00:04:10 → 00:04:13 CPR กันเยอะๆครับจริงๆทุกอย่างมันเกิด
00:04:13 → 00:04:16 ขึ้นเร็วมากเลยหมายความว่าภายใน 30
00:04:16 → 00:04:18 วินาทีถ้าสมมุติช่วงจังหวะนั้นเราขาด
00:04:18 → 00:04:22 อากาศหายใจแต่ว่าหลังจาก 30 วินาทีไป
00:04:22 → 00:04:25 บังเอิญว่าเราอาจจะเขาเรียกว่าอะไรดี
00:04:25 → 00:04:28 กระสุนขึ้นมาแบบเพื่อที่จะเอาอากาศได้
00:04:28 → 00:04:30 เนี่ยมันก็ยังสามารถที่จะแบบเอ้ยเราก็ยัง
00:04:30 → 00:04:33 ไม่ได้มีอ่าความเสี่ยงในการที่จะหมดสติ
00:04:33 → 00:04:37 แล้วก็คือมันจะเรียกว่ามันจะเริ่มเหมือน
00:04:37 → 00:04:40 ว่าคือมันจะเป็นอาการเตือนก่อนครับคือมัน
00:04:40 → 00:04:43 จะเหมือนคนเราไม่แน่ใจว่าเราเคยเหมือนเรา
00:04:43 → 00:04:46 กลั้นหายใจแล้วเหมือนเรากระเสือกกระสนใน
00:04:46 → 00:04:49 ในใต้น้ำครับเวลาเราเด็กๆอ่ะเราดำน้ำแข่ง
00:04:49 → 00:04:50 กับเพื่อนเนาะแล้วก็เฮ้ยมันไม่ไหวแล้วมัน
00:04:50 → 00:04:52 จะกระเสือกกระสุนขึ้นมามันจะมีช่วงที่
00:04:52 → 00:04:55 ร่างกายเราพยายามแบบเฮือกขึ้นมาพยายาม
00:04:55 → 00:04:58 ต้องหาสเปคการหายใจขึ้นมาก่อนประมาณนี้
00:04:58 → 00:05:01 ซึ่งวินาที 30 วินาทีเนี่ยถ้าเราเกษตร
00:05:01 → 00:05:03 กระสนหรือว่ามีคนช่วยเราขึ้นมาได้ก่อนที่
00:05:03 → 00:05:06 จะหมดสติแล้วก็โดนเหยียบย่ำไปกับชนเนี่ย
00:05:06 → 00:05:08 ก็จะเป็นเขาเรียกว่า Golden Period ที่
00:05:08 → 00:05:11 เราจะยังขึ้นมาได้อยู่นะครับแต่ที่บอกไป
00:05:11 → 00:05:14 ว่าถ้าสมมุติว่าแต่ก็ไม่เป็นไรถึงขั้นว่า
00:05:14 → 00:05:16 ถ้าเราหมดสติไปแล้วอ่ะหรือว่าใครแดกไอเรส
00:05:16 → 00:05:18 ไปแล้วถ้าเรารู้จักการ CPR เดี๋ยวเราจะ
00:05:18 → 00:05:21 พูดให้ฟังเนาะเราก็จะสามารถช่วยชีวิตคน
00:05:21 → 00:05:23 ที่เหมือนตายไปแล้วกลับขึ้นมาได้นะครับผม
00:05:24 → 00:05:26 ซึ่งเป็นหน้าที่ผมที่ทำอยู่ทุกวันนี้นะ
00:05:26 → 00:05:29 ครับใช่ครับแต่ว่ามันก็ต้องย้อนกลับไปตรง
00:05:29 → 00:05:32 ภาพตรงที่ว่าเฮ้ยคนเยอะๆก็จริงอ่ะแต่เป็น
00:05:32 → 00:05:34 พื้นที่โล่งอ่ะคือตอนเบียดเสียดยัดเยียด
00:05:34 → 00:05:38 คนมันเยอะจริงๆค่ะแต่มันมันจะอะไรที่ทำ
00:05:38 → 00:05:40 ให้เรารู้สึกว่าเฮ้ยเราเริ่มหายใจติดขัด
00:05:40 → 00:05:43 และเริ่มหายใจไม่ออกแล้วทั้งที่จริงๆพื้น
00:05:43 → 00:05:46 ที่โล่งเนี่ยเราก็มองว่าอ่าเหนือศีรษะเรา
00:05:46 → 00:05:48 ขึ้นไปเนี่ยมันไม่ได้มีอะไรเป็นห้องปิด
00:05:48 → 00:05:51 หรือมีอะไรมาบังอยู่ภายในโดมหรือภายใน
00:05:51 → 00:05:52 เอ่อ
00:05:52 → 00:05:55 สถานที่อาคารอะไรแบบนี้มันเป็นพิษพื้นที่
00:05:55 → 00:05:58 โล่งนะแต่ทำไมเรายังสามารถที่จะแบบมีความ
00:05:58 → 00:06:02 อึดอัดหรือว่าเราสภาพแบบโดนเบียดจริงๆ
00:06:02 → 00:06:05 แล้วมันไปทำอะไรกับระบบการหายใจของเรา
00:06:05 → 00:06:07 อะไรยังไงไหมคะเพราะตรงนี้ก็คือหน้าของ
00:06:07 → 00:06:11 น่าสนใจเหมือนกันนะก็เมื่อมีคนเบียดเสียด
00:06:11 → 00:06:13 แต่จริงๆต้องบอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตจาก
00:06:13 → 00:06:16 การที่มีเหตุการณ์ชุลมุนหรือว่าการเหยียบ
00:06:16 → 00:06:19 กันตายหรือว่าการเปลี่ยนเศษของคนต้องไม่
00:06:19 → 00:06:21 นับอีกแถวกนะครับก็มีเหตุการณ์ที่เราเห็น
00:06:21 → 00:06:23 บทเรียนมาเยอะแยะเลยตั้งแต่พวกอ่าสนาม
00:06:23 → 00:06:26 กีฬาคอนเสิร์ตการชุมนุมต่างๆเนาะคือจริงๆ
00:06:27 → 00:06:29 เขามีมีการวิจัยหนึ่งบอกว่าเวลาที่เรา
00:06:29 → 00:06:33 อยู่กับคนเยอะๆอ่ะครับความมีมีเค้าเก็บ
00:06:33 → 00:06:35 ข้อมูลเนาะเขาบอกว่าความแพนิคความกลัว
00:06:35 → 00:06:39 หรือว่าอะไรก็ตามที่ที่มันอยู่ในจิตใจเรา
00:06:39 → 00:06:42 อ่ะมันจะมันจะมีความสูงสูงขึ้นมากว่าปกติ
00:06:42 → 00:06:44 เวลาคนเยอะๆแพ็คแน่นๆกลายเป็นเป็นเหมือน
00:06:44 → 00:06:47 เป็นรีเฟรชของร่างกายเราว่าเฮ้ยเราจะกลัว
00:06:47 → 00:06:49 กังวลจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราไหมดังนั้น
00:06:49 → 00:06:53 อย่างอย่างเหตุการณ์เหมือนแค่
00:06:53 → 00:06:57 เหมือนมีแค่สัญญาว่ามีไฟไหม้หรือสักอย่าง
00:06:57 → 00:06:59 นะครับผมไม่แน่ใจในเหตุการณ์นี้แค่มี
00:06:59 → 00:07:00 เสียงตะโกนว่ามีเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปุ๊บ
00:07:00 → 00:07:05 ทุกคนที่อยู่ในในดงมวลมหาประชาชนที่ที่มา
00:07:05 → 00:07:08 ที่อีแทออนก็เหมือนกับโกลาหลแล้วก็วิ่ง
00:07:08 → 00:07:11 ดันเบียดเสียดกันก็เลยนำไปสู่ว่าจากที่
00:07:11 → 00:07:14 ตอนแรกก็แน่นอยู่แล้วพอเกิดแรงดันแรงผลัก
00:07:14 → 00:07:18 ของคนจากด้านหลังดันไปเรื่อยๆๆคนเราคิดดู
00:07:18 → 00:07:22 นะครับจาก 1 คนผัก 2 คน 3 คน 4 คนแรงผัก
00:07:22 → 00:07:24 เนี่ยเรื่อยๆส่งไปเรื่อยจนถึงคนที่คนที่
00:07:24 → 00:07:26 คนที่หมื่นอย่างเงี้ยแรงเนี่ยมันก็ดัน
00:07:26 → 00:07:28 ขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นเรื่อยๆจนเกิดเป็นศพก็
00:07:28 → 00:07:31 ตะกล่ำขึ้นจนเกิดเป็นแรงอัดที่ทำให้เรา
00:07:31 → 00:07:33 ไม่สามารถแม้แต่จะหายใจที่ทำให้หน้าอกเรา
00:07:33 → 00:07:36 เขยิบขยายขึ้นได้อันเนี้ยครับก็จะเป็น
00:07:36 → 00:07:37 อย่างที่ผมบอกพอเราไม่หายไม่สามารถหายใจ
00:07:37 → 00:07:40 ได้แลกเปลี่ยนแกไม่ได้ก็เป็นที่มาที่ทำ
00:07:40 → 00:07:43 ให้เราเสียชีวิตได้มันซ้ำไปมากกว่านี้มัน
00:07:43 → 00:07:45 จะมีเรื่องที่ว่าล้มอีกครับแต่เขาเรียก
00:07:45 → 00:07:47 ว่าโดน Mido effect
00:07:47 → 00:07:52 เนาะลี่โดมิโนคือพอมีการเบียดเสียดดันกัน
00:07:52 → 00:07:54 พอมีคนหนึ่งคนที่ล้มปุ๊บมันไม่ใช่แค่ 1
00:07:54 → 00:07:58 คนที่ล้มนะคือคนลองนึกภาพโดมิโนนะครับก็
00:07:58 → 00:08:00 คือพอ 1 คนล้มปุ๊บมันก็ล้มๆๆไปเรื่อยๆ
00:08:00 → 00:08:03 เรื่อยๆแล้วพอมาล้มปุ๊บเนี่ยแรงดันที่มัน
00:08:03 → 00:08:06 ดันมาอีกเนี่ยคนที่นอกจากนอกจากที่จะเกิด
00:08:06 → 00:08:09 การล้มทับๆกันนะนึกภาพคนที่ล้มคนที่ 1 2
00:08:09 → 00:08:12 3 4 มันก็โดนอัดๆๆอย่างที่บอกไปกลไกที่
00:08:12 → 00:08:15 จะเสียชีวิตคือการที่เราหายใจไม่ได้วัน
00:08:15 → 00:08:18 ที่โดนล้มอัดอัดไม่ว่าจะโดนล้มอัดไปกับ
00:08:18 → 00:08:21 กำแพงล้มลงไปที่พื้นก็ตามแต่นะครับก็คือ
00:08:21 → 00:08:23 นั่นแหละครับเกิดจากทั้งหมดทั้งปวงก็คือ
00:08:24 → 00:08:27 เอ๊ะทำไมที่โลกถึงเสียชีวิตได้คือข้างบน
00:08:27 → 00:08:29 โล่งจริงแต่ด้านล่างอย่างที่บอกไปครับ
00:08:29 → 00:08:32 กำแพงมนุษย์ตัวมนุษย์ที่อัดกันแรงกดที่
00:08:32 → 00:08:33 เกิดจากการ
00:08:33 → 00:08:38 กระการโดนโดนเหยียบโดนเหยียบคนไข้คนไข้
00:08:38 → 00:08:41 เอ้ยชนใครเออผู้ประสบภัยก็ไม่สามารถหายใจ
00:08:41 → 00:08:44 ได้ก็นำไปสู่การเสียชีวิตความขาวเศร้าตาม
00:08:45 → 00:08:48 ที่มาได้ก็เลยไม่ไม่ใช่มองว่าโอ้โหที่ที่
00:08:48 → 00:08:51 ต้องโล่งเป็นสนามกีฬาใหญ่โตทำไมก็ยังมี
00:08:51 → 00:08:54 เหตุเหยียบกันตายเพราะว่าอย่างที่บอกที่
00:08:54 → 00:08:56 ผมบอกโล่งแค่ไหนแต่ถ้าคนเบียดเสียดกัน
00:08:56 → 00:08:59 เกินเกินกว่าคือแต่ตามหลักการแพทย์จะมี
00:08:59 → 00:09:03 จริงๆมันมีเขาบอกว่าถ้าเกินผู้มาชุมนุม
00:09:03 → 00:09:05 เกิน 1,000 คนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อะไร
00:09:05 → 00:09:06 ก็ตามนะครับเขาบอกว่าเนี่ยเป็นถือว่าเป็น
00:09:06 → 00:09:10 การประชุมที่มีจำนวนคนมากและซึ่งตามการ
00:09:10 → 00:09:13 แพทย์ฉุกเฉินของทางอเมริกาเขาๆค่อนข้างทำ
00:09:13 → 00:09:15 ได้ดีเขาบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ผู้จัดงานน่ะ
00:09:15 → 00:09:19 ต้องมีแผนการรับมือเลยว่าเฮ้ยเมื่อคุณมี
00:09:19 → 00:09:22 คนมีคนมารวมตัวกันเกิน 1,000 คนเนี้ยทีม
00:09:22 → 00:09:24 แพทย์อยู่ตรงไหนทางออกฉุกเฉินมีตรงไหน
00:09:24 → 00:09:27 บ้างต้องรายงานให้ทางการให้ทราบเลยค่อน
00:09:27 → 00:09:29 ข้างจะเข้มงวดเหมือนกันคือในประเทศไทย
00:09:29 → 00:09:31 หรือว่าในทางเอเชียผมว่าน่าจะยังไม่ได้มี
00:09:31 → 00:09:34 กฎหมายบางทีชัดเจนเราก็คงไม่ได้คิดค้นคน
00:09:34 → 00:09:36 จัดงานเองอาจจะไม่ได้คิดว่าจะมีคนจำนวน
00:09:36 → 00:09:40 เป็นหลักพันเข้ามาหรือเปล่าอันนี้เดานะคะ
00:09:40 → 00:09:43 แต่ว่าคือจริงๆไม่ว่าจะเป็นตัวคนที่ไป
00:09:43 → 00:09:46 อยู่ในสถานการณ์การเอ่อจะงานเทศกาลการ
00:09:46 → 00:09:49 ชุมนุมอะไรก็ได้แล้วแต่ที่มีจำนวนคนเยอะๆ
00:09:49 → 00:10:52 จะมีหลักร้อยหรือหลักพันก็แล้วแต่เราก็
00:10:52 → 00:10:56 ควรจะออกจากพื้นที่นั้นจริงๆก็มีตัวเลข
00:10:56 → 00:11:00 อีกอันนี้ผมว่ามันเป็นทฤษฎีไปหน่อย
00:11:00 → 00:11:05 คือเขาบอกว่ามีมีวิจัยบอกว่าคนคนประมาณ
00:11:05 → 00:11:07 2-4 คนต่อตารางเมตรนะครับนึกภาพ 1 ตาราง
00:11:07 → 00:11:11 เมตรเนาะถ้าแค่มีแค่ 2-4 คนเนี่ยจะปลอด
00:11:11 → 00:11:15 ภัยแต่ถ้าเกินประมาณ 6-10 คนเนี่ยต้อง
00:11:15 → 00:11:18 เฝ้าระวังแล้วว่าเริ่มมีความแออัดของผู้
00:11:18 → 00:11:21 คนขึ้นมาครับแต่ถ้ามากกว่า 10 คนต่อตาราง
00:11:21 → 00:11:24 เมตรนึกภาพนะถึงตารางเมตรถึงคูณ 1 ตาราง
00:11:24 → 00:11:26 เมตรเนี่ยมีคนอัดกันอยู่เสิร์ฟมากกว่า 10
00:11:26 → 00:11:28 คนเนี้ยเขาออกไปสถานการณ์อันตรายและถ้า
00:11:28 → 00:11:33 เอ่อผู้รับฝากผู้ชมผู้ฟังผู้ฟังได้ฟัง
00:11:33 → 00:11:35 อยู่แล้วรู้สึกว่าตัวเองอ่ะต้องต้องไป
00:11:35 → 00:11:37 อยู่ในที่ๆโอ้โหรอบข้างมากกว่า 10 คนแล้ว
00:11:37 → 00:11:39 เงี้ยเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงที่จะ
00:11:39 → 00:11:43 เกิดภาวะการการแออัดแล้วก็นำไปสู่การขาด
00:11:43 → 00:11:47 อากาศหายใจในเหตุที่มีคนเยอะๆนะครับก็อาจ
00:11:47 → 00:11:50 จะต้องหลีกเลี่ยงถ้าเห็นในๆๆในคลิป tiktok
00:11:50 → 00:11:53 ของของจะมีมีใน tiktok คนนึงที่เขาเห็น
00:11:53 → 00:11:56 ว่าโอ้โหขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าไปอ่ะเขามอง
00:11:56 → 00:11:58 แล้วคาดการณ์ข้างหน้าเนี่ยไม่มีทางเดิน
00:11:58 → 00:12:01 เลยไม่มีมันเกิน 10 10 คนต่อตารางเมตร
00:12:01 → 00:12:04 แน่ๆแล้วอย่างที่ 1 คือเราต้องถอยเขาเอา
00:12:04 → 00:12:06 อย่างนี้เค้ามีสติเค้ามองว่าไม่ได้แล้ว
00:12:06 → 00:12:09 สถานการณ์กูไม่ปลอดภัยคือในในแพทฉุกเฉิน
00:12:09 → 00:12:12 นะครับจริงๆเราอยากช่วยคนไข้เต็มๆเต็ม
00:12:12 → 00:12:15 ความสามารถเรานะแต่สมมติว่าตัวผมเองเนี่ย
00:12:15 → 00:12:18 เข้าไปช่วยคนไข้แต่ว่าคนไข้อ่ะแต่การรอบ
00:12:18 → 00:12:21 ข้างเช่นเส้นไฟช็อตนะครับไฟช็อตเนี่ยแต่
00:12:21 → 00:12:24 ว่าโหสายไฟยังแตะพื้นอยู่น้ำเจิ่งนองคือ
00:12:24 → 00:12:26 ถ้าผมเข้าไปเนี่ยตายแน่นอนอย่างเงี้ยถ้า
00:12:26 → 00:12:29 จะเรียกว่าประกันประเมิน 40 ตี้ก็คือก็
00:12:29 → 00:12:33 คือซีนเค้าเรียกว่าสถานการณ์ของณเวลานั้น
00:12:33 → 00:12:35 ที่เราจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยอ่ะไม่
00:12:35 → 00:12:37 ปลอดภัยพอแบบเนี้ยหมอเราก็จะไม่เข้าไป
00:12:37 → 00:12:39 ช่วยนะครับอาจจะมองว่าอุ๊ยหมอใจร้ายจัง
00:12:39 → 00:12:41 เลยแต่ถ้าเราเข้าไปเนี่ยจากผู้ป่วย 1 คน
00:12:41 → 00:12:45 กลายเป็น 2 คนและ 3 คนและ 4 คนเนี่ยก็คือ
00:12:45 → 00:12:47 เป็นๆเอามาประยุกต์ประยุกต์ให้คุณผู้ฟัง
00:12:47 → 00:12:49 ทราบเหมือนกันว่าทุกอย่างเราต้องมีสติ
00:12:49 → 00:12:51 แล้วก็ต้องประเมินสถานการณ์ให้ให้รอบเขา
00:12:51 → 00:12:55 ต้องรอบคอบคำว่าอย่าไปไม่ปลอดภัยแล้วเรา
00:12:55 → 00:12:57 อุตส่าห์แต่งตัวมาสวยจริงเตรียมจะมาตัดหู
00:12:57 → 00:13:00 แต่ดูแล้วเป็นแสนคนอัดอยู่ในนี้ไม่เอาดี
00:13:00 → 00:13:04 กว่าหรอกใช่ไม่ไหวแล้วว่าผมว่าจุดๆนึงอาจ
00:13:04 → 00:13:05 จะต้องถอยนะครับอันนี้อย่างที่ 1 คือ
00:13:06 → 00:13:09 ประเมินตั้งแต่แรกเลยว่าว่าเราคาดการณ์
00:13:09 → 00:13:12 แล้วแบบนี้ไม่ปลอดภัยไม่เซฟอันเนี้ยเราก็
00:13:12 → 00:13:15 ถอยเลยนะครับ 2 2 ก็คืออีกอันนึงที่เป็น
00:13:15 → 00:13:19 เหมือนทริปๆเล็กๆนะครับก็คือพวกอ่าชุดชุด
00:13:19 → 00:13:23 ต่างๆที่เราสวมใส่มาอย่างเช่นอย่างเช่นใน
00:13:23 → 00:13:26 ในเทศกาลของ ethai Water ผมเข้าใจว่า
00:13:26 → 00:13:28 เป็นไงฮาโลวีนที่ทุกคนต้องการมาเฉลิมฉลอง
00:13:28 → 00:13:31 เนาะหลายคนก็ใส่ส้นสูงใส่เสื้อผ้าแบบแต่ง
00:13:31 → 00:13:34 ตัวเป็นแฟนซีมีความแบบระงงระยางใช่มั้ยฮะ
00:13:34 → 00:13:37 มีผ้าผ้าคลุมผ้าคลุมมีนู่นนี่นั่น
00:13:37 → 00:13:39 Accessory เยอะแยะไอ้พวกเนี้ยก็เป็นอีก
00:13:39 → 00:13:43 หนึ่งอย่างที่จะทำให้เอ่อเราอ่ะเกิดการ
00:13:43 → 00:13:46 พลาดทำให้อยู่ในจุดที่มันอับไม่สามารถหาย
00:13:46 → 00:13:50 ใจได้เพราะอะไรถ้าอยู่ใส่ส้นสูงหรือมีไอ้
00:13:50 → 00:13:53 ภาพต่างๆที่มันเลวๆเนาะค่ะไปเกี่ยวโดนใช่
00:13:53 → 00:13:56 มั้ยครับหรือว่าคนไปเกี่ยวโดนคนละคนอีกคน
00:13:56 → 00:13:58 นึงวิ่งแล้วฉุดเราล้มอย่างเงี้ยอะไรอย่าง
00:13:58 → 00:14:00 เงี้ยครับหรือว่าส้นสูงก็รู้อยู่แล้วว่า
00:14:00 → 00:14:02 ทรงตัวไม่ดีอย่างเงี้ยก็จะนำไปสู่การที่
00:14:02 → 00:14:06 เราโดนล้มลงไปแล้วก็โดนเหยียบแล้วก็ขาด
00:14:06 → 00:14:08 อากาศหายใจในที่สุดอันนี้ก็เป็นวิธีป้อง
00:14:08 → 00:14:10 กันเล็กๆน้อยๆที่ผมจะๆแนะนำครับแล้วก็
00:14:10 → 00:14:12 วิธีเอาตัวกลับมาเอาตัวรอดก่อนแล้วกัน
00:14:12 → 00:14:14 เนาะถ้าสมมุติว่าตกตกอยู่ในสมมุติว่าอ่ะ
00:14:14 → 00:14:17 ลงๆตัวเข้าไปแล้วมันอยากเที่ยวมากจริงๆ
00:14:17 → 00:14:19 เราเข้าไปอยู่ในฝูงชนไม่ว่าจะเหตุการณ์ใด
00:14:19 → 00:14:22 ก็ตามทั้งคอนเสิร์ตทั้งงานเฉลิมฉลองต่างๆ
00:14:22 → 00:14:24 ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้เนาะเพราะว่ามันเป็นเรา
00:14:24 → 00:14:27 โพสต์โควิดแล้วก็ใกล้จะช่วงปีใหม่คริสมาส
00:14:27 → 00:14:30 ใช้ท่านว่าผมก็เป็นน่าสนใจนะครับที่ๆเอา
00:14:30 → 00:14:33 เรื่องนี้มาพูดนะครับก็ยินดีที่ๆจะพูดให้
00:14:33 → 00:14:36 ฟังนะครับก็คือเขาก็บอกว่าเวลาเราเข้าไป
00:14:36 → 00:14:40 อยู่ในบริเวณนั้นนะครับคิดง่ายๆครับเรา
00:14:40 → 00:14:43 ต้องการทำยังไงก็ได้คิดว่าเอ่อให้เรา
00:14:43 → 00:14:45 สามารถหายใจได้
00:14:45 → 00:14:48 การที่เราจะเสียชีวิตจากการที่เราอยู่ใน
00:14:48 → 00:14:50 ที่ที่คนเยอะๆคืออะไรคือที่เราขาดอากาศ
00:14:50 → 00:14:52 หายใจถูกไหมครับ
00:14:52 → 00:14:54 นะคิดคิดง่ายๆว่าเราจะเอาตัวรอดก็คือทำไง
00:14:54 → 00:14:58 ก็ได้ให้เราสามารถหายใจเข้าออกได้ตลอดรอด
00:14:58 → 00:15:02 ฝั่งไปจนจบงานแค่นั้นเองก็คือเขาก็มีทริป
00:15:02 → 00:15:04 และทริปเล็กๆไม่รู้ว่ามันเล็กหรือเปล่านะ
00:15:04 → 00:15:06 เขาบอกว่าเวลาสมมุติคนเข้ามารอบข้างให้
00:15:06 → 00:15:08 เราเหมือนตั้งการ์ดเหมือนนักมวยอ่ะครับ
00:15:08 → 00:15:11 เพราะเวลาเราตั้งการ์ดเนี่ยเราคิดสภาพว่า
00:15:11 → 00:15:14 มือกับแขนเรามันจะตั้งแต่ประมาณจมูกไปถึง
00:15:14 → 00:15:17 ประมาณอกเนี่ยก็ประมาณนึงแล้วทำให้อย่าง
00:15:17 → 00:15:20 น้อยจมูกหายใจได้ขยายได้แค่นี้เราก็รอด
00:15:20 → 00:15:21 แล้วครับเราก็จะไม่เกิดการขาดอากาศแบบ
00:15:21 → 00:15:24 ครับผมอันนี้คือวิธีนึงตั้งแต่แบบนักมวย
00:15:24 → 00:15:27 ก็ได้หรือจะทำเหมือนก่อนอบกอดอกให้สร้าง
00:15:27 → 00:15:29 เป็น Space ส่วนตัวขึ้นมาที่บริเวณช่องอก
00:15:29 → 00:15:32 ก็ได้ครับอย่างน้อยคือถ้าจมูกจมูกมันไว้
00:15:32 → 00:15:34 เลยใบหน้าเราบางทีเราอาจจะพอหันซ้ายหัน
00:15:34 → 00:15:36 ขวาได้แต่ว่าหน้าอกเราเนี่ยถ้ามันโดนบีบ
00:15:36 → 00:15:38 อัดเข้ามา squid เข้ามาเนี่ยแล้วหายใจไม่
00:15:38 → 00:15:40 ได้อันเนี้ยจะเลือกใหญ่กว่าก็ก็จะมีบางคน
00:15:40 → 00:15:42 หมอบางท่านแนะนำว่าอย่างน้อยสร้างพื้นที่
00:15:42 → 00:15:44 บริเวณหน้าอกเราให้มันให้ทรวงอกเราสามารถ
00:15:44 → 00:15:47 ขยายขึ้นลงได้แค่นี้ก็เป็นวิธีการเอาตัว
00:15:47 → 00:15:49 รอดแบบหนึ่งแล้วครับอ๋อก็เหมือนกับว่า
00:15:49 → 00:16:52 อย่างถ้าในมุมมองของแพทย์ฉุกเฉินเองเนี่ย
00:16:52 → 00:16:55 ไปทางไหนไม่ได้เนี่ยเราก็ต้องมีวิธีการ
00:16:55 → 00:16:58 ตัวเองเอาไว้แล้วก็พยายามที่แบบอันนี้ก็
00:16:58 → 00:17:00 สำคัญเนาะคุณหมอคืออย่าล้มเนาะใช่มั้ย
00:17:00 → 00:17:03 จริงๆผมก็มีอีกนิดนึงเขาบอกว่าถ้าสมมุติ
00:17:03 → 00:17:06 ว่าไม่ๆไม่รอดและแต่งตัวมาเต็มแล้วโดน
00:17:06 → 00:17:08 ผลักดันลมและเขาก็บอกว่าคือฝรั่งเขาจะใช้
00:17:09 → 00:17:11 คำว่า kerry Your Body in to the
00:17:11 → 00:17:14 ball ก็คือเหมือนทำตัวเองเป็นลูกบอลครับ
00:17:14 → 00:17:16 นึกภาพออกไหม
00:17:16 → 00:17:19 ไม่ใช่ไม่เชิงกลิ้งไปกลิ้งมาคือเหมือนคดๆ
00:17:19 → 00:17:22 ตัวเพื่ออะไรเพื่อถ้าเราขดตัวแล้วยกตัว
00:17:22 → 00:17:24 ขึ้นมานึกนึกภาพออกไหมครับเราจะก็จะมี
00:17:24 → 00:17:27 เหมือนยังไงดีเหมือนเราก้มก้มลงไปแล้วก็
00:17:27 → 00:17:30 จะเรียกว่า Banking ก็ไม่ถูกนะคือทำทำตัว
00:17:30 → 00:17:33 เป็นกลมๆอ่ะครับเพราะว่าการที่เราทำตัว
00:17:33 → 00:17:35 กลมๆเนี่ยร่างกายเราจะโค้งขึ้นมาอย่างที่
00:17:35 → 00:17:38 บอกสิ่งที่ผมบอกไปทำยังไงก็ได้ให้อกหน้า
00:17:38 → 00:17:40 อกมันไม่ติดกับพื้นอ่ะพอหน้าออกมาติดกับ
00:17:40 → 00:17:42 ติดกับพื้นปุ๊บเราหายใจไม่ออกก็เลยแหละ
00:17:42 → 00:17:45 เสียชีวิตใช่มั้ยพอๆทีนี้เราเผลอโดนผลัก
00:17:45 → 00:17:47 ล้มไปแล้วอย่างน้อยคนโตขึ้นมาเออใช้มา 6
00:17:47 → 00:17:51 ตัวขึ้นมาให้มันกลมๆกลมๆสร้างสเปคที่หน้า
00:17:51 → 00:17:54 อกขึ้นมานะครับแล้วก็เอาหัวกดลงไปอ่ะทำ
00:17:54 → 00:17:57 ตัวเป็นลูกบอลนะครับอ่าแล้วก็อย่างน้อย
00:17:57 → 00:17:59 อันนี้ก็จะป้องกันป้องกันไม่ให้แบบอย่าง
00:17:59 → 00:18:01 น้อยถ้าเขาเหยียบเขาเตะอะไรออกมาเดี๋ยว
00:18:01 → 00:18:03 เราก็เดี๋ยวค่อยเจ็บตัวบอกชอบตอบช้ำแค่
00:18:03 → 00:18:06 รอบๆเราอย่างน้อยเราไม่ขาดอากาศแน่ๆแต่
00:18:06 → 00:18:09 ที่สำคัญคือต้องมีสติแล้วก็ลุกขึ้นมาให้
00:18:09 → 00:18:11 เร็วที่สุดแล้วก็ขอความช่วยเหลืออันนี้นะ
00:18:11 → 00:18:14 ครับแต่อันนี้คือเป็นทริปๆแบบในกรณีตอก
00:18:15 → 00:18:18 แล้วล้มแล้วก็อย่างน้อยอย่าให้อกมันไปชิด
00:18:18 → 00:18:20 พื้นต้องสร้างสเปรย์ให้กับอกหน้าอกเราให้
00:18:20 → 00:18:23 หายใจได้อารมณ์เหมือนตัวนี้เลยอ่ะนึกถึง
00:18:23 → 00:18:28 ตัวเอ่อตอนนี้ใช่ๆที่แบบพอไปโดนปุ๊บเขาก็
00:18:28 → 00:18:33 จะคดตัวกลม
00:18:33 → 00:18:35 ฝรั่งเค้าบอกว่าเป็นเคอรี่
00:18:35 → 00:18:40 อินเทอร์ฟอ่ะ
00:18:40 → 00:18:43 แต่ว่าแต่ว่าอย่างน้อยคือคือต้องกิคือ
00:18:43 → 00:18:45 ต้องคือทำตัวเบาเป็นลูกบอลแต่ว่าอยู่นิ่ง
00:18:45 → 00:18:47 ๆตรงนั้นแต่ผมก็ตอบยากได้อาจจะโดนเตะไป
00:18:47 → 00:18:50 เตะมาแต่อย่างน้อยมันก็มีที่ที่สเปซอ่ะ
00:18:50 → 00:18:53 ให้ๆๆหน้าอกเราขยายหายใจได้อาจจะเจ็บ
00:18:53 → 00:18:55 อย่างที่บอกว่าเจ็บตรงแขนขาที่โดนเตะบ้าง
00:18:55 → 00:18:58 แต่อย่างน้อยคือๆคือถ้ามันแขนหักขาหักไม่
00:18:58 → 00:19:00 ถึงตายครับเข้าใจมั้ยฮะแต่ถ้าเราขาดอากาศ
00:19:00 → 00:19:03 หายใจที่ผมบอกไป 4 นาทีตายเลยไม่แต่ว่า
00:19:03 → 00:19:04 ถ้าเกิดอย่างนั้นน่ะคือเราไม่ทันจะแบบ
00:19:04 → 00:19:08 เค้าเรียกอะไรม้วนตัวขดตัวแบบกลมๆอ่ะโดน
00:19:08 → 00:19:10 เหยียบไปแล้วอย่างเงี้ยก็ไม่ไหวเนาะอาจจะ
00:19:10 → 00:19:13 จุกได้นะเกิดบางทีถ้าเรามีมีสติพอพอจะ
00:19:13 → 00:19:16 กรึบๆๆๆขึ้นมานิดนึงทำตัวเป็นลูกบอลแต่
00:19:16 → 00:19:18 ว่าอย่างที่บอกทั้งนี้ทั้งนั้นอยากถึง
00:19:18 → 00:19:21 ขั้นล้มครับใช่ส่งทรงตัวให้อยู่ก่อนคือ
00:19:21 → 00:19:24 วันนี้ๆคือคือเหมือนแบบผมอยากให้เหมือน
00:19:24 → 00:19:26 เป็นวิธีเอาตัวรอดที่แบบถ้าเราคิดไม่ออก
00:19:26 → 00:19:28 บอกไม่ถูกแล้วตอนนั้นมันถึงตอนนั้นมันโจร
00:19:28 → 00:19:30 ตัวแล้วอ่ะเราต้องทำแบบนี้แต่อย่างที่บอก
00:19:30 → 00:19:33 อ่ะผมกลับมาอีกทีนึงว่าถ้าตกไปสถานการณ์
00:19:33 → 00:19:36 แบบเนี้ยอย่างที่บอกทำไงก็ได้อย่าล้มแล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ก็อ่าทำอย่างที่บอกทำสร้างสเปซให้ตัวเอง
00:19:39 → 00:19:43 ก่อนครับอยากให้ใครมาดันเราได้แล้วก็อีก
00:19:43 → 00:19:45 อันนึงที่เขาแนะนำว่าเท้าอ่ะต้องแบบมั่น
00:19:45 → 00:19:48 คงติดพื้นตลอดไม่ใช่แบบขานึงไปไต่กำแพง
00:19:48 → 00:19:50 เพราะอีกขานึงตีนเกาะรั้วอะไรอย่างนี้คือ
00:19:50 → 00:19:52 การที่ขาโดยขา 1 ไม่ได้แตะกับพื้นเนี่ย
00:19:52 → 00:19:54 เขาบอกว่าอีกหนึ่งความเสี่ยงเหมือนกัน
00:19:54 → 00:19:56 เพราะหลายคนจะพยายามปีนหนีหรืออะไรอย่าง
00:19:56 → 00:19:58 เงี้ยแต่การปีนเนี่ยสมมุติพยายามปีนไปปี
00:19:58 → 00:20:00 มาพลาดล้มมันอันนี้ก็เรียบร้อยเหมือนกัน
00:20:00 → 00:20:03 ก็ลงมากับพื้นใช่ครับผมคือๆเหมือนกับว่า
00:20:03 → 00:20:06 สิ่งที่เราคุยกันตรงเนี้ยมันเกิดอะไรขึ้น
00:20:06 → 00:20:09 ก็ได้ในสถานการณ์ที่เราไม่รู้หรอกว่าเรา
00:20:09 → 00:20:12 ไปตรงนั้นเนี่ยมันจะเกิดอะไรแต่แค่ว่ามัน
00:20:12 → 00:20:14 มีบทเรียนหลายๆเหตุการณ์เข้ามาแล้วเนี่ย
00:20:14 → 00:20:18 ก็ให้คุณผู้ฟังที่จะต้องไปร่วมในงานต่างๆ
00:20:18 → 00:20:21 นะคะไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่เนี่ยก็คือจะ
00:20:21 → 00:20:24 ต้องระวังตัวเองถึงแม้ว่าโอเคตรงนั้น
00:20:24 → 00:20:25 เนี่ยพื้นที่อาจจะ
00:20:25 → 00:20:29 โล่งหน่อยนะคะอาจจะไม่ได้หูถึงขั้นแบบ
00:20:29 → 00:20:32 อย่างของพื้นที่เล็กๆแบบอีเทวอนแต่ว่ามัน
00:20:32 → 00:20:35 ก็เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่
00:20:35 → 00:20:39 คาดคิดมีเหตุการณ์ที่เอ่ออยู่ๆมีคนตะโกน
00:20:39 → 00:20:41 อะไรขึ้นมาสักอย่างนึงหรือมีอะไรที่มัน
00:20:41 → 00:20:44 แบบเกินความคาดหมายขึ้นมาเนี่ยเราจะได้
00:20:44 → 00:20:47 รู้ว่าเราควรที่จะประคองตัวเองยังไงทำตัว
00:20:47 → 00:20:50 เองยังไงให้รอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตตรง
00:20:50 → 00:20:54 นั้นได้อ่ะเนาะอืมโอ้ยแต่มันก็ยังอย่าง
00:20:54 → 00:20:57 บ้านเราถ้าจะเป็นสถานการณ์อะไรที่มัน
00:20:57 → 00:20:58 คล้ายๆแบบอย่างเงี้ย
00:20:59 → 00:21:03 ก็ช่วงเทศกาลนะน่าจะเยอะใช่ไหมคะใช่ครับ
00:21:03 → 00:21:08 ที่มาเคาท์ดาวน์กันปีใหม่แน่ๆเคาท์ดาวน์
00:21:08 → 00:21:11 จำนวนคนเยอะๆที่เราไม่สามารถจะประเมินคน
00:21:11 → 00:21:15 ได้ว่าคนจะมาจำนวนเท่าไหร่ใช่ไหมคะใช่
00:21:15 → 00:21:17 ครับจริงๆอันนี้ผมก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ
00:21:17 → 00:21:20 คือหลายครั้งอ่ะตัวผมเองเป็นแพทย์ฉุกเฉิน
00:21:20 → 00:21:23 เนี่ยหลายครั้งเวลางานวิ่งหรือว่างาน
00:21:23 → 00:21:26 คอนเสิร์ตผมก็ได้รับให้เป็นแบบให้ให้คำ
00:21:26 → 00:21:30 ปรึกษาเนาะคือจะเป็นความประมาทหรือยังไง
00:21:30 → 00:21:32 ผมไม่แน่ใจคือหลายครั้งอาจจะมีความคิดที่
00:21:32 → 00:21:34 เกิดแบบว่าเฮ้ยคุณหมออย่าเพิ่งคิดมากไป
00:21:34 → 00:21:35 ถึงขนาดนั้นมันยังไม่เกิดขึ้นเลยเดี๋ยว
00:21:35 → 00:21:38 ถ้าเกิดขึ้นน่ะเดี๋ยวค่อยคิดกันซึ่งผมว่า
00:21:38 → 00:21:40 มันไม่ถูกต้องนะผมว่าเราต้องมีทุกอย่าง
00:21:40 → 00:21:43 เราต้องมีแพลนแพลนแบบแพนเอแทนดีแฟนซีตลอด
00:21:43 → 00:21:46 ว่าถ้าเกิดอย่างนี้ขึ้นยังไงต้องทำยังไง
00:21:46 → 00:21:48 ต่ออะไรยังไม่ใช่ว่าพอเกิดขึ้นปุ๊บแล้ว
00:21:48 → 00:21:50 ค่อยมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนั้นจริงๆแล้ว
00:21:50 → 00:21:53 อย่างที่ผมบอกไปอ่ะเราไม่อยากให้ต้องทำ
00:21:53 → 00:21:55 ตัวเป็นลูกบอลด้วยคนเตะอย่างนั้นหรอกอัน
00:21:55 → 00:21:57 นั้นคือปลายปลายทางแล้วคือเราจนมุมแล้ว
00:21:57 → 00:21:59 แต่ว่าทุกอย่างถ้าเราป้องกันไม่ให้เกิด
00:21:59 → 00:22:02 ถึงขั้นการเบียดเสียดการที่มาชุมนุมโดย
00:22:02 → 00:22:05 ที่เกินเกินความจำเป็นหรือว่าเกิดการผลัก
00:22:06 → 00:22:09 กันคือสิ่งที่แพทย์เราแพทย์อยากให้มีการ
00:22:09 → 00:22:13 แบบมีการวางแผนให้มันดีกว่านี้ครับก็คือ
00:22:13 → 00:22:15 อันนี้คือวิธีป้องกันคือ planning เนี่ย
00:22:15 → 00:22:18 สำคัญมากเลยอย่างที่ผมบอกไปว่าว่าจริงๆ
00:22:18 → 00:22:22 การรวมตัวในที่ที่โล่งๆอ่ะผมแบ่งเป็น 2
00:22:22 → 00:22:25 แบบนะครับคือแบบที่เราประเมินประมาณการ
00:22:25 → 00:22:28 ได้กับแบบที่เราประมาณการไม่ได้อย่างเช่น
00:22:28 → 00:22:31 ประมาณการได้ก็อย่างเช่นอ่าคอนเสิร์ตหรือ
00:22:31 → 00:22:35 ว่าอ่าการมาการมาการจัดคอนเทนต์อะไรสัก
00:22:35 → 00:22:37 อย่างที่แบบมีตั๋วเข้าชมที่ชัดเจนนะครับ
00:22:37 → 00:22:40 เราจะรู้เฮ้ยตัวเขาเนี่ยเราขายไป 23,000
00:22:40 → 00:22:43 บาทอ่าเราเราสามารถรู้จำนวนคนแล้วก็รู้
00:22:43 → 00:22:46 สถานที่ว่าเราจัดที่เวนิวตรงนี้เราจัดที่
00:22:46 → 00:22:49 สเตเดียมนี้ทางออกเป็นยังไงอย่างเงี้ยผม
00:22:49 → 00:22:51 ว่าอันนี้ง่ายคือถ้าเราก็เรามีแพลนว่า
00:22:51 → 00:22:54 เซเนกิทางออกแบบนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบ
00:22:54 → 00:22:56 นี้อ่ายังไงอีกอันนึงที่สำคัญมากอันนี้
00:22:56 → 00:22:59 อยากจะเป็น Voice ของแพทย์ฉุกเฉินนะครับ
00:22:59 → 00:23:04 ก็คือหลายครั้งเรามีแผ่นทางออกทางเข้าดี
00:23:04 → 00:23:07 จริงๆแต่ไม่มี plan ให้แพทย์เข้าตีแผ่น
00:23:07 → 00:23:10 ว่าสมมุติว่าถ้ามีแบบนี้ขึ้นแพทย์จะเข้า
00:23:10 → 00:23:12 ทางไหนมันต้องบอกไหมเพราะว่าทุกคนก็หลาย
00:23:12 → 00:23:15 ครั้งก็เออเราอยากอยากจัดงานให้มันคนเข้า
00:23:15 → 00:23:18 มาเยอะที่สุดเนาะกลายเป็น Cloud ไปหมดแต่
00:23:18 → 00:23:20 พอมันเกิดขึ้นจริงๆแพทย์จะเข้ามาพูดง่ายๆ
00:23:21 → 00:23:24 จะเอารถพยาบาลเนี่ยเข้าไปเข้าไปถึงสนาม
00:23:24 → 00:23:26 นี้ได้ยังไงอะไรอย่างเงี้ยบางๆสนามบาง
00:23:26 → 00:23:28 สนามที่ได้มาตรฐานเขาจะมีอย่างถ้าเคยเห็น
00:23:28 → 00:23:32 ในในในในในต่างประเทศเนาะที่รถพยาบาลเข้า
00:23:32 → 00:23:34 มาปุ๊บรับได้เลยอะไรอย่างเงี้ยซึ่งเรามี
00:23:34 → 00:23:37 แค่บางสนามนะครับบอกได้เลยว่าบางสนาม
00:23:37 → 00:23:40 ฟุตบอลจริงๆที่สามารถลดเข้ามาถึงแต่หลายๆ
00:23:40 → 00:23:43 ๆอีกหลายๆสนามที่ผมเคยไปเนี่ยยังๆยังคิด
00:23:43 → 00:23:45 ไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดเหตุแบบถึงใครแดก
00:23:45 → 00:23:46 Alert CPR จริงเหมือนนักบอลที่เราเห็น
00:23:46 → 00:23:50 ในข่าวเนาะเราไม่สามารถจะเอารถพยาบาลเข้า
00:23:50 → 00:23:52 ไปรับเขาได้นะเอออันนี้ไปอีกอันนึงที่ผม
00:23:52 → 00:23:55 อยากจะฝากผู้ใหญ่ไปว่าถ้าคืออย่ามองข้าม
00:23:55 → 00:23:57 ตรงนี้แม้ว่าจะเป็นแค่อุ๊ยมันไม่เกิดบ่อย
00:23:57 → 00:23:59 หรอกหมอคิดมากอะไรแต่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นมา
00:23:59 → 00:24:01 จริงมันคือมันคือหนึ่งชีวิตที่เราไม่รู้
00:24:01 → 00:24:03 แล้วเค้าเป็นพ่อใครเขาเป็นใครคนสำคัญใน
00:24:03 → 00:24:06 ครอบครัวคนนึงเนาะคือถ้าๆเราถ้าการแพทย์
00:24:06 → 00:24:09 เราสามารถเข้าถึงได้เร็วมันก็เซฟไลฟ์เขา
00:24:09 → 00:24:11 ได้ครับอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ที่
00:24:11 → 00:24:13 อย่างเขาอีแทวอนก็ก็มีคอมเมนต์นะครับว่า
00:24:13 → 00:24:17 ว่าอ่ารถรถพยาบาลหรือว่าอ่าทีมช่วยเหลือ
00:24:17 → 00:24:19 ทางการแพทย์เข้าไม่ได้เพราะว่ามันโดนมัน
00:24:19 → 00:24:22 แพ็คแน่นจริงๆแล้วทางลึกออกไหมครับเทศกาล
00:24:22 → 00:24:25 น่ะรถๆรถธรรมดาก็เยอะมากๆแล้วรถก็ติดไง
00:24:25 → 00:24:29 เออไม่มีที่แหวกให้รถพยาบาลเข้าเลยคือคือ
00:24:29 → 00:24:31 อันนี้ก็เป็นอีกอันนึงที่ที่
00:24:31 → 00:24:33 คือเราก็ไม่อยากให้เกิดถึงขั้นว่าเราต้อง
00:24:33 → 00:24:35 มาใช้บริการพวกผมอ่ะนะแต่ว่าก็คือถ้ามัน
00:24:36 → 00:24:38 เกิดต้องใช้จริงๆเราก็ควรต้องมีแพลนในการ
00:24:38 → 00:24:40 รับมือส่วนนี้ครับผมอยากจะฝากไว้นะครับ
00:24:40 → 00:24:43 แล้วก็วิธีป้องกันเนี่ยอย่างนึงก็ที่
00:24:43 → 00:24:46 กล่าวไปครับก็คือเรื่องการแต่งตัวที่มัน
00:24:46 → 00:24:48 เหมาะให้เหมาะสมสามารถทำเองให้แบบไม่ไม่
00:24:48 → 00:24:52 ล้มง่ายแต่ก็พยายามอย่าไปคนเดียวอ่าถ้า
00:24:52 → 00:24:54 เรามีบัดดี้มีเพื่อนเนี่ยเราเป็นอะไรไป
00:24:54 → 00:24:57 เพื่อนเราก็ยังเฮ้ยหายไปไหนวะ
00:24:57 → 00:24:59 อยู่ตรงไหนก็ว่ามีคนตามหากันได้นะครับ
00:24:59 → 00:25:02 แล้วก็ตัวเองต้องพก ID Card พกโทรศัพท์
00:25:02 → 00:25:05 ไว้ตลอดเวลานะครับผมนะครับแล้วก็แล้วก็
00:25:05 → 00:25:08 เป็นไปได้ก็เขาบอกเข้าไปอันนี้เป็นทริป
00:25:08 → 00:25:09 เล็กๆเขาบอกว่าอย่าพยายามอยู่ตรงกลาง
00:25:09 → 00:25:12 เพราะว่าตรงกลางนี้เป็นที่ๆมีความเสี่ยง
00:25:12 → 00:25:16 ที่จะโดนเหยียบโดนทับแล้วก็เป็น Domino
00:25:16 → 00:25:19 เยอะหรือว่าไปชิดเต็มติดกำแพงเกินไปก็อัน
00:25:19 → 00:25:21 นั้นก็เสี่ยงเพราะโดนอัดเข้ากำแพงก็เกิด
00:25:21 → 00:25:24 การเอ่อขากะหายใจได้แล้วก็ที่สำคัญสุด
00:25:24 → 00:25:27 ท้ายนะครับตั้งสตินะครับถึงแม้วันนี้ผมจะ
00:25:27 → 00:25:29 สอนอะไรไปเต็มที่เนี่ยพยายามให้ทิปอะไรไป
00:25:29 → 00:25:33 เต็มที่แต่ว่าวันนั้นโหแพนิคโกลาหลใจมีคน
00:25:33 → 00:25:35 มีเสียงร้องว่ามีไฟไหม้มีอะไรอย่างเงี้ย
00:25:35 → 00:25:40 ก็ไหลไปตามฝูงชนสติเตลิดก็เกิดปัญหาแล้ว
00:25:40 → 00:25:43 ก็นำไปสู่คณะกรรมครับผมก็ต้องระวังด้วยนะ
00:25:43 → 00:25:46 ฮะคนจัดงานเองคนที่ไปงานเองนะคะก็ต้อง
00:25:46 → 00:25:49 ระวังในทุกมิติเลยแหละนะคะต่อไปเราอาจจะ
00:25:49 → 00:25:52 เห็นภาพนะคะการไปงานตรงกลางจะไม่มีคนไงจะ
00:25:52 → 00:25:55 มีแต่คนรอบนอกคุณหมอบอกว่าอย่าไปอยู่ตรง
00:25:55 → 00:25:57 กลางนะคะอ่ะวันนี้ก็ได้แนวทางไว้นะคะ
00:25:57 → 00:26:00 เพราะว่ามันก็จะมีช่วงเทศกาลซีซั่นต่างๆ
00:26:00 → 00:26:03 อะไรแบบนี้แหละค่ะให้เป็นแนวทางไว้เนาะ
00:26:03 → 00:26:04 ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรให้คุณหมอ
00:26:04 → 00:26:07 ว่างแหละดีแล้วนะคะ
00:26:07 → 00:26:10 ไม่ต้องไปใช้งานคุณหมอยิงห้องฉุกเฉินตอน
00:26:10 → 00:26:12 ช่วงปีใหม่นี้ก็บอกได้เลยว่านี่ก็จะ
00:26:12 → 00:26:14 สมรภูมิรบๆอยู่แล้วอย่าๆเพิ่มอย่าเพิ่ม
00:26:14 → 00:26:17 สมรภูมิให้หมอฉุกเฉินหรือหมอเราต้องทำงาน
00:26:17 → 00:26:19 เพิ่มเลยนะไม่ต้องกลัวคุณหมอว่าค่ะไม่
00:26:19 → 00:26:21 ต้องกลัวคุณหมอว่าง
00:26:21 → 00:26:25 สำหรับในในอันนี้เรื่องราววันนี้ก็ได้แนว
00:26:25 → 00:26:26 ทางกันไปเรียบร้อยแล้วนะคะขอบคุณคุณหมอ
00:26:26 → 00:26:28 ค่ะที่มาร่วมพูดคุยในรายการโรงพยาบาลของ
00:26:28 → 00:26:32 เราด้วยนะคะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะขอบคุณมาก
00:26:32 → 00:26:34 ครับสวัสดีครับเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังค่ะหมด
00:26:34 → 00:26:36 เวลาแล้วกับรายการโรงหมอทาง Thai PBS
00:26:36 → 00:26:39 ผ่อนคลายนะคะเราจะพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ
00:26:39 → 00:26:41 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังนะคะวันนี้ลาไปก่อน
00:26:41 → 00:26:45 สวัสดีค่ะ This Is Choice PBS โคตรแคส
00:26:45 → 00:26:47 การทำ CPR สำคัญอย่างไรต่อการช่วยชีวิต
00:26:47 → 00:26:50 ผู้ที่ประสบเหตุบางอย่างที่ไม่หายใจนาย
00:26:50 → 00:26:53 แพทย์ชัยวัฒน์ชื่อลือชาศูนย์การแพทย์
00:26:53 → 00:26:56 กาญจนาภิเษกคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมา
00:26:56 → 00:26:58 เล่าให้ฟังครับ
00:26:58 → 00:27:01 การ CPR คือถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Cardio
00:27:01 → 00:27:03 Primer
00:27:03 → 00:27:07 ชีพจริงๆเป็นการใช้แค่สมองและสองมือเรานะ
00:27:07 → 00:27:09 ครับก็สามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วนะผมให้คำ
00:27:09 → 00:27:13 จำกัดความตรงนี้ไว้เลยนะครับก็คือเมื่อคน
00:27:13 → 00:27:15 เราหมดสติอ่ะครับผมไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใด
00:27:15 → 00:27:18 ๆก็ตามนะครับเมื่อเราพอจะหยุดเต้นเราจะทำ
00:27:18 → 00:27:20 ยังไงก็ได้เพื่อให้หัวใจนี้มันกลับมาเต้น
00:27:20 → 00:27:23 ชั่วคราวก่อนเพราะฉะนั้นการกดบริเวณหน้า
00:27:24 → 00:27:27 อกนะครับก็จะเป็นการทำให้หัวใจเนี่ยกลับ
00:27:27 → 00:27:28 มาเต้นได้ปกติ
00:27:28 → 00:27:32 มันเต้นชั่วคราวก่อนตึงๆๆภาพหัวใจเราอยู่
00:27:33 → 00:27:35 ตรงนึกนึกภาพก่อนนะครับว่าร่างกายคนเรา
00:27:35 → 00:27:38 เนาะหัวใจอยู่ตรงหน้าอกเยอะไปทางด้านซ้าย
00:27:38 → 00:27:40 นิดนึงนะครับผมซึ่งเมื่อหัวใจหยุดเต้นจาก
00:27:40 → 00:27:43 เหตุใดๆก็ตามเนี่ยถ้ามันหยุดเต้นไปนานๆ
00:27:43 → 00:27:46 เนี่ยเลือดจะไปเลี้ยงเลือดเท่ากับร่างกาย
00:27:46 → 00:27:49 เรา Shut Down ไปเนี่ยหัวใจที่มันปั๊ม
00:27:49 → 00:27:51 เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายอ่ะมัน
00:27:51 → 00:27:54 ก็ไม่ๆเกิดขึ้นนะครับสมองขาดเลือดไปขาด
00:27:54 → 00:27:56 เลือดตัดขาดเลือดก็ทำให้อวัยวะเหล่านี้
00:27:57 → 00:27:58 ไวน์
00:27:58 → 00:28:01 ก็สามารถทำงานได้ระหว่างนี้ระหว่างที่เรา
00:28:01 → 00:28:04 ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นจากอะไรอย่างน้อย
00:28:04 → 00:28:07 เนี่ยให้หัวใจมันปั๊มขึ้นมาก่อนให้มันให้
00:28:07 → 00:28:09 มันบีบตัวให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของ
00:28:09 → 00:28:12 ร่างกายให้มันให้มันรีเสิร์ฟไว้ก่อนชั่ว
00:28:12 → 00:28:15 คราวเพราะฉะนั้นการที่เราเอามือกดไปหน้า
00:28:15 → 00:28:17 อกก็คือเหมือนเราอ่ะเอามือนี้ไปบีบบริเวณ
00:28:17 → 00:28:21 หัวใจให้เลือดมันปั๊มให้เลือดมันปั๊มไป
00:28:21 → 00:28:23 เลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายเป็นการยื้อ
00:28:23 → 00:28:27 ชีวิตเราไว้ก่อนก่อนที่จะทีมแพทย์จะมาถึง
00:28:27 → 00:28:30 หรือว่าก่อนที่จะเราจะได้รับการรักษาจาก
00:28:30 → 00:28:32 ทีมแพทย์อ่ะครับเมื่อเราเห็นคนนอนหมดสติ
00:28:32 → 00:28:33 อย่างเงี้ยอันดับแรกคือเข้าไปปลุกเกือบ
00:28:33 → 00:28:35 ปลุกตื่นก่อนเพราะฉะนั้นสมมุติว่าเอ้ย
00:28:35 → 00:28:37 เค้าจะหลับอยู่หรือเปล่าอย่างเงี้ยเพราะ
00:28:37 → 00:28:39 ฉะนั้นถ้าเราตกที่ตกที่บริเวณไหล่หรือ
00:28:39 → 00:28:41 เรียกเขาดังๆเนี่ยเขาก็ถ้าไม่หลับลึกจริง
00:28:41 → 00:28:43 ๆก็ต้องตื่นอยู่แล้วเขาก็จะตื่นขึ้นมา
00:28:43 → 00:28:47 ต้องรู้สึกตัวตอนที่เราวันที่เราตบหน้าอก
00:28:47 → 00:28:49 แล้วจริงๆเขามีกันคือแต่จะต้องเปิดเปิด
00:28:49 → 00:28:52 เสื้อออกแล้วดูว่าหน้าอกขยับหรือเปล่าถ้า
00:28:52 → 00:28:54 หน้าอกถ้าตบแล้วไม่ตื่นหน้าอกไม่ขยับ
00:28:54 → 00:28:56 อย่างเงี้ยคือไม่ถึงขั้นต้องเอามือไปอัน
00:28:56 → 00:28:59 ที่จมูกนะครับจริงๆเราดูดูคร่าวๆที่ที่
00:28:59 → 00:29:01 หน้าอกก็เพราะว่าขยับไหมแบบเนี้ยประมาณ 10
00:29:01 → 00:29:05 วินาทีถึงวินาทีนะครับก็อาจจะสตาร์ท CBR
00:29:05 → 00:29:09 เริ่มการกดหน้าอกได้เลย
00:29:09 → 00:29:14 This Is Choice
00:29:14 → 00:29:17 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:29:17 → 00:29:19 ของไทยพีแดช็อต
00:29:19 → 00:29:22 spotify soundcloud Google podcast
00:29:22 → 00:29:25 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:25 → 00:29:32 ThaiPBS portcast Thai PBS beautiful
00:29:32 → 00:29:37 [เพลง]