00:00:00 → 00:00:03 เอาปูพื้นความรู้กันก่อนเลยค่ะว่าตัวตับ
00:00:03 → 00:00:07 แล้วก็ท่อน้ำดีเนี่ยเ่ออวัยวะทั้ง 2 นี้
00:00:07 → 00:00:10 มีไว้ทำไมในร่างกายเามีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
00:00:10 → 00:00:14 คะคุณหมอเอ่อถ้าเริ่มต้นจริงๆคือในง่ายๆ
00:00:14 → 00:00:16 ก็ต้องต้องเอ่อเริ่มจากตับก่อนแล้วกันนะ
00:00:16 → 00:00:18 ครับค่ะเอ่อตับส่วนใหญ่เนี่ยก็มีหน้าที่
00:00:18 → 00:00:22 ในการเอ่อกรองอาหารที่ได้มาจากตัวการย่อย
00:00:22 → 00:00:25 อาหารจากลำไส้นะครับคือลำไส้จะผ่านจากการ
00:00:25 → 00:00:27 ทานอาหารทางปากแล้วก็ย่อยจากกระเพาะผ่าน
00:00:27 → 00:00:30 กาะลำไส้เล็กแล้วก็ดูดซึมจากตัวลำไส้เล็ก
00:00:30 → 00:00:32 เนี่ยผ่านเซเลือดเข้าที่ตัวตับครับตับก็
00:00:32 → 00:00:35 จะที่ในการกรองของที่เราต้องการเก็บไว้
00:00:35 → 00:00:37 ใช้ของที่ไม่ต้องการก็ทำลายทิ้งค่ะก็
00:00:37 → 00:00:39 คล้ายๆว่าเราพาอาจะสีที่ไม่ต้องการเช่น
00:00:40 → 00:00:41 ดื่มเห้าแอลกอฮอล์ร่างกายไม่ต้องการตับก็
00:00:41 → 00:00:44 ทำงานลักในการจัดการก็เกิดตับแข็งอะไรแบบ
00:00:44 → 00:00:47 นี้ครับหลักการง่ายๆอืส่วนตัวน้ำดีเนี่ย
00:00:47 → 00:00:49 ก็คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดักตัวตับเนี่ยจะ
00:00:49 → 00:00:51 ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการย่อยอาหารครับหลัง
00:00:51 → 00:00:54 จากที่ตัวดูซึมสหารตัวตับแล้วเนี่ยตับจาก
00:00:54 → 00:00:56 กองสิที่ต้องใช้เก็บไม่ใช้ที่ไม่ต้องใช้
00:00:56 → 00:00:59 ก็กำจัดทิ้งอแล้วหน้าที่อีกอย่างคือที่ไอ
00:00:59 → 00:01:01 การสร้างน้ำดีน้ำดีส่วนใหญ่ใช้ในการย่อย
00:01:01 → 00:01:04 อาหารครับที่เป็นพวกไขมันพวกที่เกี่ยว
00:01:04 → 00:01:06 ข้องกับพวกอ่าเกลือเกลือแร่และวิตามินบาง
00:01:06 → 00:01:09 ตัวครับผมซึ่งจะหลังผ่านท่อน้ำดีเข้าไปใน
00:01:09 → 00:01:11 ลำไส้เพื่อใช้ในการย่อยอาหารแล้วก็ดูซึม
00:01:11 → 00:01:14 ตับบนกับที่ตับเหมือนเดิมครับผมอื
00:01:14 → 00:01:17 อืค่ะก็ถือว่าเป็น
00:01:17 → 00:01:21 เอ่ออวัยวะที่คอยกรองสิ่งต่างๆที่เข้ามา
00:01:21 → 00:01:25 ในร่างกายเนาะแล้วสำหรับที่เราเกริ่นไปใน
00:01:25 → 00:01:28 หัวข้อเมื่อสักครู่ว่าการกินปลาน้ำจืดแบบ
00:01:28 → 00:01:32 ดิบๆเนี่ยเอ่อมันเสี่ยงมะเร็งตับมั้ยเอ่อ
00:01:32 → 00:01:35 นอกจากนี้เนี่ยมันมีปัจจัยอื่นที่เสี่ยง
00:01:35 → 00:01:38 อีกมั้ยคะคุณหมอคือต้องแยกก่อนว่าในบ้าน
00:01:38 → 00:01:40 เราเนี่ยมะเร็งตับเนี่ยมันมีได้หลักๆอยู่
00:01:40 → 00:01:43 หลายแบบแต่ว่าที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ชนิดคือ
00:01:43 → 00:01:45 มะเร็งของตัวเนื้อตับเองกับมะเร็งของตัว
00:01:45 → 00:01:48 ท่อน้ำดีในตับค่ะเอ่อสาเหตุแต่ละอันก็จะ
00:01:48 → 00:01:50 คนละอย่างกันครับเพถ้าเป็นจากตัวมะเร็ง
00:01:50 → 00:01:53 เนื้อตับเองเนี่ยยสาเหตุก็จะเกิดจากพวก
00:01:53 → 00:01:56 เอ่อทันเหล้าดืสุราาแอลกอฮอล์แล้วก็จาก
00:01:56 → 00:01:58 วลัตับอักเสบ B หรือ C อือฮึแล้วก็ส่วนใน
00:01:58 → 00:02:01 กลุ่มที่เป็นจากทอเพน้ำดีในตับเนี่ยก็ัก
00:02:01 → 00:02:03 จะเกิดจากการติดพยาธไปไว้ในตับซึ่งอนี้
00:02:03 → 00:02:05 เกิดจากการทานอาหารดิบอย่างที่เล่าให้ฟัง
00:02:05 → 00:02:09 เมื่อกี้นะครับผมอ๋อค่ะอือฮึอันนี้อ่าต่อ
00:02:09 → 00:02:12 เลยฮอันนี้ดิบเนี่ยหมายถึงเฉพาะน้ำจืด
00:02:12 → 00:02:15 หรือว่าอ่าอาหารทะเลแบบซาซิมิที่เรารับ
00:02:15 → 00:02:19 ประทานกันในตอนนี้ในท้องตลาดคะคุณหมอเอ่อ
00:02:19 → 00:02:21 ข้อมูลทางการแพทย์ตอนนี้เนี่ยในบ้านเรา
00:02:21 → 00:02:23 ที่เจอบ่อยคือทางอีสานกับทางเหนือเนี่ย
00:02:23 → 00:02:26 เป็นอาหารที่เป็นจากปลาน้ำจืดซึ่งพวกปลา
00:02:27 → 00:02:29 ทะเลเอ่ออาหารญี่ปุ่นเในความจริงๆก็คือ
00:02:29 → 00:02:31 ไม่เกี่ยวข้องกันครับเพราะว่ามันไม่ได้มี
00:02:31 → 00:02:34 พยาธิที่เหมือนกันครับเอ่อในพื้นที่บ้าน
00:02:34 → 00:02:36 เราทางอีสานเนี่ยเอ่อพยาตวต่ำเนี่ยเป็น
00:02:36 → 00:02:40 อันที่อพแล้วว่ามีปัจจัยเสี่ยงเป็นสาเหตุ
00:02:40 → 00:02:42 ของการเกิดมะเร็งท่าน้ำดีครับซึ่งอนี้มัน
00:02:42 → 00:02:45 เป็นในพื้นที่เฉพาะฮะแล้วก็บางต้องเรียก
00:02:45 → 00:02:47 ว่าในพื้นที่อื่นๆในโลกเก็จะไม่ได้มี
00:02:47 → 00:02:50 เหมือนกับบ้านเราครับผมอคือถ้าเกิดว่าเรา
00:02:50 → 00:02:52 ไปทานปลาน้ำจืดในประเทศอื่นเนี่ยถ้าไม่มี
00:02:52 → 00:02:54 พยาธแบบเดียวกันเนี่ยเราก็อาจจะไม่ได้ติด
00:02:54 → 00:02:56 แบบจับบ้านเราแต่โดยหลักการคือเราก็ต้อง
00:02:56 → 00:02:59 พยายามลนลงให้ทุกคนทานอาหารที่สูงก็ทำ
00:02:59 → 00:03:02 ร้อนๆแล้วใหม่ๆครับคงไม่มีใครแนะนำว่าเออ
00:03:02 → 00:03:06 ถึงแม้ไปประเทศอื่นแล้วกินปลาดิดปลาจาก
00:03:06 → 00:03:08 น้ำจืดได้ซึ่งก็คงไม่ควรทำอย่างนั้นครับ
00:03:08 → 00:03:11 อือซึ่งตัวพยาธเ่อที่อยู่ในปลาน้ำจืดบ้าน
00:03:11 → 00:03:15 เรามันก็จะเป็นเหมือนสิ่งของเฉพาะถิ่นที่
00:03:15 → 00:03:18 อยู่ในแหล่งแหล่งธรรมชาติของแต่ละถิ่น
00:03:18 → 00:03:21 นั้นๆใช่มยมันทำให้เราเข้าไปอยู่ในตัวปลา
00:03:21 → 00:03:24 ซึ่งพอเรากินเข้าไปแล้วก็ได้รับตัวพยาธ
00:03:24 → 00:03:26 นี้เข้าไปในร่างกายมันก็ส่งผลกระทบต่อ
00:03:26 → 00:03:30 อวัยวะต่างๆในร่างกายของเราคือจริงๆแล้ว
00:03:31 → 00:03:33 มันก็เป็นเป็นวงจรนะถ้าเราเคยเห็นวงจรการ
00:03:33 → 00:03:37 เกิดพยาธมันจะเริ่มจากที่เอางๆมันจะพยาธ
00:03:37 → 00:03:39 อยู่ในปลาอพอเราจับปลาขึ้นมาเราไม่ได้ทำ
00:03:40 → 00:03:42 ให้สุงเนี่ยเรากินให้ดิบๆแล้วก็ติดพยาธพอ
00:03:42 → 00:03:46 คนติดพยาธิเ่อจากการที่ผ่านร่างกายคนเรา
00:03:46 → 00:03:48 ก็มีติดในร่างกายส่วนหนึ่งก็ถ่ายทิ้งไปใน
00:03:48 → 00:03:50 อุจจาระอการถ่ายเนี่ยซึ่งในสมัยก่อนเนี่ย
00:03:50 → 00:03:53 การขับถ่ายซึ่งไม่มีสุขที่ดีเนี่ยไม่มี
00:03:53 → 00:03:56 การผ่านพวกปำบัดก็จะถ่ายลงตามแบบทุ่งตาม
00:03:57 → 00:03:59 น้ำซึ่งพอลงกลับไปในน้ำเหมือนเดิมเนี่ย
00:03:59 → 00:04:01 ครับคตัวไข่พยาจากอุจจาระเนี่ยก็จะปนเข้า
00:04:01 → 00:04:04 ไปในหอยน้ำจืดอแล้วต้อง่านจากหอยเนี่ย
00:04:04 → 00:04:06 เข้าไปสู่ปลาพอปลาเสร็จคนก็กินแล้วก็วน
00:04:06 → 00:04:08 กันไปเรื่อยๆเครับซึ่งก็ทำให้เหมือนกับวง
00:04:08 → 00:04:11 จรนี้มันไม่เคยที่จะหายไปทุที่เราก็
00:04:11 → 00:04:14 พยายามจะลลงทุกขั้นตอนเพื่อที่จะให้สินี้
00:04:14 → 00:04:17 ไม่เกิดขึ้นในการตัดทีละขั้นตอนเช่นตลงง
00:04:17 → 00:04:19 ให้มีการทำสู้มแบบสูๆลักษณะมีการทำบ่อ
00:04:19 → 00:04:21 บำบัดเพื่อตัดปัญหาเรืื่องการขับถ่ายลง
00:04:21 → 00:04:24 แหล่งน้ำดลงเรื่องการเอ่อกำจัดเรื่องหอย
00:04:24 → 00:04:27 กับกำจัดเรืื่องพยาธในน้ำปลาให้สุกเพื่อ
00:04:27 → 00:04:30 ไม่ให้คนที่จะกินปลาดิกติดจพยาเราพยายาม
00:04:30 → 00:04:33 ตัดทุกขั้นตอนเพื่อจะให้ไอ้การวงจรพยาธเ
00:04:33 → 00:04:35 มันหายไปแต่ก็ยังไม่สำเร็จแต่ยังพยายาม
00:04:35 → 00:04:38 อยู่ซึ่งพุนี้ก็ทำได้ดีขึ้นก่อนครับแสดง
00:04:38 → 00:04:41 ว่าพยาธใบไม้ในตับเองเนี่ยแหละเป็นตัวที่
00:04:42 → 00:04:45 เอ่อส่งผลต่อต่อต่อตับโดยตรงหรือเปล่า
00:04:46 → 00:04:50 ครับหรือมันมันมันยังทำอ่าอันตรายตอื่น
00:04:50 → 00:04:52 ได้โดหลักการเนี่ยคือพยาธเนี่ยพอติดเข้า
00:04:52 → 00:04:54 ไปในร่างกายเนี่ยมันจะไม่ได้ส่งผลทันทีฮะ
00:04:54 → 00:04:57 มันจะเป็นส่งผลในแง่เรพระยะเรรัคือว่าพอ
00:04:57 → 00:05:00 หลังติดเข้าไปในร่างกายเยมันจะออกผลทำให้
00:05:00 → 00:05:02 แตับอักเสบหรือรังแล้วค่อยทอดน้ำดีกลาย
00:05:02 → 00:05:05 เป็นมะเร็งเไปใช้เวลาหลายสิบปีครับโดย
00:05:05 → 00:05:08 เฉลี่ยเคว่าตั้งแต่เริ่มติดน่ะถึงเริ่ม
00:05:08 → 00:05:10 เป็นเนี่ยในทางประเทศไทยเโดยอายุไขเฉลี่ย
00:05:10 → 00:05:13 ที่เริ่มเป็นเ่ะประมาณสัก 40-50 ปีซึ่ง
00:05:13 → 00:05:16 เป็นประชากรารฮะก็ชื่อว่าติดตั้งแต่สมัย
00:05:16 → 00:05:19 อายุยังน้อยๆเช่นติดตั้งแต่ตอนยังเด็กอาจ
00:05:19 → 00:05:21 จะแบบเอ่อบรรบุรุษพ่อแม่ปู่ย่าตายายทาน
00:05:21 → 00:05:24 อาหารเหมือนกันเด็กก็กินเหมือนกันครับก็
00:05:24 → 00:05:26 ปิดพยาธแล้วก็ไม่รักษาพอโตขึ้นมาพยาธก็
00:05:26 → 00:05:28 อยู่ในร่างกายแบบเื้อรังวันนึงก็เป็น
00:05:28 → 00:05:31 มเร็งขึ้นมาอืึทุกนี้ก็พยายามจะต้องย้อน
00:05:31 → 00:05:33 กลับไปตั้งแต่สมัยยุ่นรุ่นเด็กๆพยายามจะ
00:05:33 → 00:05:37 สอนให้เด็กไม่ทานพยายามสอนพ่อแม่บรรทเอคน
00:05:37 → 00:05:39 ที่อยู่ปัจจุบันเให้เลิกทานแต่ถ้าจะทานเย
00:05:39 → 00:05:42 ทำให้สุขเพื่อให้ทุกคนสามารถที่เทานด้วย
00:05:42 → 00:05:44 กันได้แล้วไม่เสียงไม่อะไรพวกนี้ครับอือื
00:05:45 → 00:05:49 ค่ะเอ่อแล้วนอกจากตัวอาหารที่เป็นปลาน้ำ
00:05:49 → 00:05:52 จืดแบบดิบแล้วที่มันจะเสี่ยงพยาธิในเอ่อ
00:05:52 → 00:05:55 ใบไม้ตับที่จะนำมาสู่มะเร็งในที่สุดเนะคะ
00:05:55 → 00:05:58 ถ้าเราบริโภคเป็นเวลานานเนี่ยมันยังมี
00:05:58 → 00:06:01 ปัจจัยอาหารชชนิดอื่นๆอีกมยคะคุณหมอที่จะ
00:06:01 → 00:06:04 เอ่อเป็นตัวปัจจัยเร่งหรือเป็นความเสี่ยง
00:06:04 → 00:06:06 ที่จะทำให้เกิดมะเร็งตับหรือว่ามะเร็งท่อ
00:06:06 → 00:06:09 น้ำดีอ่ะค่ะเออถ้าในแง่อาหารก็จะมีอย่าง
00:06:09 → 00:06:11 เช่นมะเร็งเซลล์ตับก็จะเป็นพวกกลุ่มพวก
00:06:11 → 00:06:14 ไอ้ถั่วเชื้อราที่ติดพวกอัลฟาทอกซินเคย
00:06:14 → 00:06:18 ได้ยินนะฮะทำให้เกิดมะเร็งต่ำได้แล้วก็
00:06:18 → 00:06:20 ส่วนอย่างอื่นก็อาจจะเป็นปัจจัยพวกเอ่อ
00:06:21 → 00:06:23 เอ่อพวกอาหารที่อาจจะมีข้อมูลรองรับน้อย
00:06:23 → 00:06:28 เช่นพวกไอ้เอ่ออาหารเสริมบางชนิดเอ่อยา
00:06:28 → 00:06:30 เสพติดบางประเภทแต่ว่าเก็ยังไม่มากเท่า
00:06:30 → 00:06:32 ไหร่ที่จะทำให้บอกว่ามันใชแล้วจะเกิดไพวก
00:06:32 → 00:06:34 นี้ครับซึ่งเป็นตัวกระตุ้นที่อาจจะเป็น
00:06:34 → 00:06:36 ตัวกระตุ้นร่วมที่ร่วมกับอาหารที่ทาน
00:06:36 → 00:06:38 ประจำก็มีส่วนได้กเตือนน้อยอยู่ครับออ๋อ
00:06:38 → 00:06:42 ค่ะถั่วนี่เฉพาะถั่วลิส่งหรือถั่วแบบหลาย
00:06:42 → 00:06:46 ๆเอ่อเอจะเป็นถั่วที่เราเก็บไม่ดีฮะใน
00:06:46 → 00:06:48 บ้านเราคือการเก็บันนี้อาจจะปากแล้วเก็บ
00:06:48 → 00:06:50 อาจจะชื้นแล้วก็ขึ้นราาซึ่งว่าเป็นถั่ว
00:06:50 → 00:06:53 ที่ติดเชื้อราาครับถ้าเป็นถั่วปกติที่โส
00:06:53 → 00:06:55 สะอาดทำอย่างดีแล้วก็ไม่ติดเชื้ออะไรก็ทำ
00:06:55 → 00:06:59 ได้ครับอ๋ออันนี้ก็ต้องดูความสะอาดอ่าตอน
00:06:59 → 00:07:03 ที่ซื้อมาแล้วก็ดูว่าถั่วเก่ามยเอคือใหม่
00:07:03 → 00:07:06 ที่เราเก่าที่อื่นอะไรเงี้ยิชมเราก็ไม่มี
00:07:06 → 00:07:08 ทางดูได้ครับเพราะว่าอย่างร้านอาหารที่
00:07:08 → 00:07:10 ใส่ไว้ในเ่อถ้วยเพื่อให้ใช้เนี่ยแล้วยอม
00:07:10 → 00:07:13 รับว่าไม่มีทางดูได้แล้วของใหม่ของเก่าหร
00:07:13 → 00:07:15 เปล่าในหลักการก็คือถ้าเราไม่รู้แหลังที่
00:07:15 → 00:07:18 มาที่พยายามแนะนำคใช้ือว่าพยายามอย่าใช้
00:07:18 → 00:07:22 ครับอืครับอย่างอย่างกรณีถ้าย้อนกลับไป
00:07:22 → 00:07:25 อย่างเพวกสัตว์น้ำจืดที่เอ่อนอกจากปลาที่
00:07:25 → 00:07:28 เราจะเห็นเห็นการรับประทานบ่อยๆครับมัน
00:07:28 → 00:07:32 ยังมีเรื่องของพวกปูนาพวกเอ่อกุ้งเต้น
00:07:32 → 00:07:35 อะไรอย่างเงี้ยฮคุณหมอมันพยาธใบไม้ตับมัน
00:07:35 → 00:07:39 อยู่ในสัตว์พวกนี้มครับอืเท่าที่ผมพอทราบ
00:07:39 → 00:07:42 เนี่ยมันมันไม่มีนะฮะแต่ว่ามันจะได้พยาท
00:07:42 → 00:07:45 จากอย่างอื่นแทนะจะติดเชื้อโรคที่เป็นจาก
00:07:45 → 00:07:47 แหล่งน้ำจากสัตว์ที่ไม่สพวกอะไรแทนซึ่ง
00:07:47 → 00:07:50 เอ่อจะว่ากันตามจริงๆคือททันดิบเกือบทุก
00:07:50 → 00:07:54 ชนิดไม่ได้อเป็นสิ่งที่ควรจะทำในสุขขะ
00:07:54 → 00:07:56 ทั่วไปครับก็ต้องพยายามบอกว่าถ้าเีกเรืง
00:07:56 → 00:07:59 ได้ทำให้สุขก่อนทุกชนิดน่าจะดีกว่าครับอื
00:07:59 → 00:08:02 คือเราไม่ติดพาตก็ติดแว่าพยาธอื่นแทนติด
00:08:02 → 00:08:04 เชโรคอื่นแทนที่ให้เกิดโรคอื่นแทนได้ด้วย
00:08:04 → 00:08:10 ครับอือืค่ะโอนี่เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าถ้า
00:08:10 → 00:08:12 เขาบริโภคมาตั้งแต่เด็กเนี่ยจะเริ่มพบ
00:08:12 → 00:08:16 อาการเนี่ยประมาณ 40-50 ปีระยะเวลาก่อตัว
00:08:16 → 00:08:20 มันราวๆ 30 ปีเลยใช่มั้ยคะเนี่ยมันถือว่า
00:08:20 → 00:08:24 เป็นไเงียบค่ะจริงๆมันเริ่มพบในคนอายุ
00:08:24 → 00:08:26 น้อยลงเรื่อยๆครับก็ยังไม่มากแต่ที่เจอ
00:08:26 → 00:08:29 อายุน้อยมักจะในพื้นที่ทางอีสานทางเหนือ
00:08:29 → 00:08:32 ที่เป็นที่ระบาดส่วนในส่วนกลางบางภาคที่
00:08:32 → 00:08:35 ไม่ได้มีการทานอหารเก็เเจอค่อนข้างน้อย
00:08:35 → 00:08:37 อยู่แต่ทั่วไปทุกนี้เพยายามรลงในการป้อง
00:08:37 → 00:08:41 กันและแก้ปัญหาเช่นมีการคัดกรองอพยาธหรือ
00:08:41 → 00:08:43 การใช้ปัสสาวะใชอุจาระในการตรวจถ้าพพ
00:08:43 → 00:08:45 ประชากรในพื้นที่นั้นติดก็จะมีการให้ยา
00:08:46 → 00:08:48 ถ่ายพยาธจัดการพยาธเพื่อไม่ให้มันก่อปหา
00:08:48 → 00:08:51 ระะยาวอซึอันนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้ทุก
00:08:51 → 00:08:53 พื้นที่แต่ก็ยังมีการพยายามถ้าเราพอทราบ
00:08:53 → 00:08:57 ข้อมูลที่ทางรัฐบาลทางบตนพยายามจะลลงช่วง
00:08:57 → 00:09:00 ช่วงปีปีนี้นะสร้างโปรเจกที่จะพยายาม
00:09:00 → 00:09:03 กำจัดพยาธิกำจัดตัวทำให้ปลาสะอาดทำให้
00:09:03 → 00:09:06 มะรงท้อมดีเนี่ยหายไปทำให้มีการคัดกรองคน
00:09:07 → 00:09:09 ที่เป็นจะได้เข้าระบบการรักษาได้เร็วขึ้น
00:09:09 → 00:09:11 ก็มีการเพิ่มเติมขั้นตอนเหล่าเนี้ยมาก
00:09:11 → 00:09:13 ขึ้นเพื่อให้ประชากรได้รับความปลอดภัยมาก
00:09:13 → 00:09:16 ขึ้นนะครับออค่ะอันนี้สงสัยนิดนึงค่ะคุณ
00:09:16 → 00:09:19 หมอขาเราคุยกันเรื่องของปลาน้ำจืดอะไร
00:09:19 → 00:09:22 เงี้ยนะคะซึ่งอาจจะมาเป็นในรูปแบบของเมนู
00:09:22 → 00:09:25 ก้อยอะไรเงี้ยแต่ก้อยอย่างอีกอีกเมนูนึง
00:09:25 → 00:09:28 ที่เห็นอยู่บ่อยอยู่เหมือนกันคือก้อย
00:09:28 → 00:09:31 เนื้อเนื้อสดที่เขามาทำก้อยโดยที่ไม่ผ่าน
00:09:31 → 00:09:34 การปรุงสุกเนี่ยเอ่อจะมีลักษณะพยาธแบบ
00:09:34 → 00:09:37 เดียวกันที่จะก่อให้เกิดมะเร็งตับได้มคะ
00:09:37 → 00:09:42 ออไม่ครับไม่เหมือนกันครับคือก็เป็นพยาธ
00:09:42 → 00:09:44 เชื้อโรคชนิดอื่นแทนครับคืออย่างที่เลให้
00:09:44 → 00:09:47 ฟังคืออืไม่มีใครที่แนะนำหรือให้กินอาหาร
00:09:47 → 00:09:50 สดที่เป็นเนื้อทุกชนิดทำให้เป็นทำดิบๆอ
00:09:50 → 00:09:53 ครับต้องยอังว่ามันอาจจะโชคไม่ดีเกิดติด
00:09:53 → 00:09:55 เสื้อโรคอย่างอื่นได้ครับแต่พยาธในเนื้อ
00:09:55 → 00:09:59 คงไม่เกี่ยวข้องกันแสดงว่าการปรุงสุกเอง
00:09:59 → 00:10:02 เองเนี่ยมันจะลดเรื่องของปัจจัยเสี่ยงที่
00:10:02 → 00:10:04 ตัวพยาธเองไม่ว่าจะชนิดไหนก็ตามที่อยู่ใน
00:10:04 → 00:10:07 เนื้อสัตว์ตั้งแต่ปลลงมาที่เราคุยกันเอ่อ
00:10:07 → 00:10:10 ในครั้งนี้เองไปถึงอ่าสัตว์ชนิดต่างๆ
00:10:10 → 00:10:12 เนี่ยมันลดปัปัจจัยเสี่ยงหรือว่าการเอ่อ
00:10:12 → 00:10:16 เข้าไปแพร่เพราะพันอยู่ในร่างกายเราได้
00:10:16 → 00:10:20 เลยถูกต้องครับเป็นสิ่งที่เราควรจะทำอ่ะ
00:10:20 → 00:10:23 เป็นสิ่งที่ควรจะสอนทุกคนว่าควรทำอาหารทำ
00:10:23 → 00:10:28 ร้อนทำใหม่ทำสะอาดให้คนอออ่ะถ้าอย่างงี้
00:10:28 → 00:10:30 เราย้อนกลับไปคนที่สมมุติฟังอยู่แล้วรู้
00:10:30 → 00:10:34 สึกว่าเอ้ยอาจจะอยู่ในในข่ายที่เคยรับ
00:10:34 → 00:10:37 ประทานแบบอาหารอย่างปลาน้ำจืดหรือว่าอะไร
00:10:37 → 00:10:41 แบบเยดิบๆมาก่อนในตั้งแต่สมัยเ่อวัยวัย
00:10:42 → 00:10:45 รุ่นหรือว่าเด็กๆมาแล้วเนี่ยแล้วแล้วพอ
00:10:45 → 00:10:49 เข้าสู่วัยวัยเย 30 40 เราจะสังเกตอาการ
00:10:49 → 00:10:52 ตัวเองได้ไงครับว่าเข้าขายว่าจะมีผลจาก
00:10:52 → 00:10:55 เอ่อเรื่องนี้หรือแล้วก็จะเป็นมีโอกาส
00:10:55 → 00:10:57 เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับมะเร็งทอดน้ำดี
00:10:57 → 00:11:00 ได้ครับคุณหมอต้องยับว่าไม่มีอาการ
00:11:00 → 00:11:03 ครับก็คือว่าอารว่าถ้าเกิดเราคิดว่าเรา
00:11:03 → 00:11:07 เคยทานหรือสงสัยเนี่ยให้ไปรับการตรวจครับ
00:11:07 → 00:11:09 ก็การตรวจก็การตรวจจาก 2 หลักเป็นทาง
00:11:09 → 00:11:12 อุรักปัสสวะอึทุกตรวจที่ต่างกันสามารถ
00:11:12 → 00:11:15 ตรวจได้ว่าเอองจะติดพยาธตัวนี้หรือเปล่า
00:11:15 → 00:11:18 เราติดพยาธเนี่ยเออสถาบันไอ้โรงพยาบาลที่
00:11:18 → 00:11:22 ดูแลก็ต้องมีการให้ยาถยพยาธ 3 แต่ต้อง
00:11:22 → 00:11:24 เข้าใจว่าหลักการว่าคือหลังจากรักษาแล้ว
00:11:24 → 00:11:27 กินยาแล้วก็อย่ากลับไปกินอีกครับเพราะ
00:11:27 → 00:11:28 ปัญหาที่เราเจอส่วนใหญญ่คือหลังจากรักษา
00:11:28 → 00:11:31 เสรก็ยังกลับไปทานอาหารดิต่อซึ่งนี่มัน
00:11:31 → 00:11:33 ไม่ได้ช่วยอะไรทำให้โอกาสที่มันจะดุยาวแล
00:11:33 → 00:11:36 เกิดปญหาอนาคตก็ยังอยู่เหมือนเดิมอถ้า
00:11:36 → 00:11:38 เข้าใจว่าเราเรากลัวเรากังวลว่าจะเป็นเรา
00:11:38 → 00:11:41 ควรไปตรวจตรวจเสพรักษาเรียบร้อยก็มีการ
00:11:41 → 00:11:43 ติดตามซึ่งอันนี้ก็ต้องบอกว่าก็ต้องเลิก
00:11:43 → 00:11:47 ผ่านด้วยอืไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับผมอืการ
00:11:47 → 00:11:51 รักษาอย่างที่ว่านี่ก็คืออขับตัวพยาธนี้
00:11:51 → 00:11:54 ออกมาหรือว่ามันรักษาตัวที่ตัวตับกับท่อ
00:11:54 → 00:11:57 น้ำดีเลยครับคุณหมอคืออันนี้ต้องยอมรับ
00:11:57 → 00:11:59 ว่าการรักษาการผ่ายพยาธเป็นการจัพยาติที่
00:11:59 → 00:12:01 อยู่ในร่างกายแต่มันไม่สามารถจัดการสิ่ง
00:12:01 → 00:12:04 ที่พยาธมันทำกับร่างกายเราไว้เช่นเอ่อ
00:12:04 → 00:12:06 สร้างความเสียหายจัดการที่มันอักเสบหือ
00:12:06 → 00:12:09 รังคนที่มีประวัติว่าเคยกินตรวจเจลก็เป็น
00:12:09 → 00:12:12 ถึงแม้กำจัดพยาธแล้วก็ต้องจำเป็นต้องตรวจ
00:12:12 → 00:12:15 ติดตามตลอดลการจะต้องควรถ้าเป็นไปได้ควร
00:12:15 → 00:12:18 จะหนซาวตัวต่ำอย่างน้อยสักปีละครั้งตลอด
00:12:18 → 00:12:20 ชีวิตเพื่อคอยระวังว่าอาจจะมีจุดไหนที่
00:12:20 → 00:12:23 มันอาจจะแม้พยาทไม่มีแล้วแต่ักเสษมันยัง
00:12:23 → 00:12:25 คงอยู่มันเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมาการเจอตอน
00:12:25 → 00:12:27 เป็นระยะน้อยๆในการรักษาก็ยังสามารถทำได้
00:12:27 → 00:12:31 อยู่ครับอืค่ะการติดตามในระยะ 1 ปีนี้ถือ
00:12:31 → 00:12:34 ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะว่าที่คุณหมอ
00:12:34 → 00:12:37 บอกว่ากบางครั้งบางกรณีเนี่ยไม่รู้เลย
00:12:37 → 00:12:39 แล้วมันเป็นภัยเงียบมารู้อีกครั้งนึง
00:12:39 → 00:12:42 เนี่ยอาจจะอาจจะเกือบสายไปแล้วรักษายาก
00:12:42 → 00:12:46 ขึ้นอันเนี้ยพอถ้าเรา foll ใน 1 ปีครั้ง
00:12:46 → 00:12:49 นึงสำหรับการตรวจตับถ้าหากว่าพบเนี่ย
00:12:49 → 00:12:53 สามารถรักษาให้หายขาดได้มคะคุณหมอเออต้อง
00:12:53 → 00:12:55 ขึ้นถือว่าจุดที่เราเจอเป็นระยะเท่าไหร่
00:12:55 → 00:12:58 ครับส่วนใหญ่ถ้าคนที่ตรวจประจำแล้วแบ
00:12:58 → 00:13:00 เผอิญเจอในปีที่เพิ่งตรวจขึ้นมาเนี่ย
00:13:01 → 00:13:03 โอกาสที่จะเจอว่าเป็นระยะท้ายๆจะเจอค่อน
00:13:03 → 00:13:05 ข้างยากครับค่ะแต่ถ้าเกิดคนที่ไม่เคยตรวจ
00:13:05 → 00:13:07 เลยอยู่ๆมีอาการแล้วค่อยไปตูจบางครั้งก็
00:13:07 → 00:13:09 อาจจะเจอระยะที่เป็นมากแล้วอาจจะลำบากก็
00:13:09 → 00:13:13 ได้ครับอืค่ะที่บอกว่าอยู่ๆมีอาการเอาการ
00:13:13 → 00:13:17 ของคำว่าเอ่อมะเร็งตับหรือว่าท่อน้ำดี
00:13:17 → 00:13:20 เนี่ยมันมันบ่งบอกลักษณะอาการออกมาภายนอก
00:13:20 → 00:13:23 ที่สังเกตได้ยังไงบ้างคะคุณหมออาการส่วน
00:13:23 → 00:13:25 ใหญ่ที่เจอมักจะเป็นอาการของระยะที่เป็น
00:13:25 → 00:13:27 เพทายแล้วเท่านั้นเลยครับถ้าคนไเริ่มมี
00:13:27 → 00:13:30 อาการเค่ะเราที่เจอบ่อยคือไขจะมาเรื่อง
00:13:30 → 00:13:33 ว่าเอ่อมีตัวเหลืองตาเหลืองตัวพยาธเมัน
00:13:33 → 00:13:36 เกิดมะเร็งตรงคั่ตับทำลายขั้วตับทำให้ตัว
00:13:36 → 00:13:39 น้ำดีที่ซ้าจับๆเนี่ยไม่สามารถไหลลงนำไส้
00:13:39 → 00:13:41 ได้ก็จะเกิดการอุดตันทอน้ำดีแล้วก็มีต
00:13:41 → 00:13:44 เหองตาเหลืองขึ้นมาซึ่งที่เจอบ่อยับลงไป
00:13:44 → 00:13:46 ก็เป็นอาการที่เช่นเช่นว่าปวดท้องเนื้อ
00:13:46 → 00:13:49 รังางค้ำเจอก้อนที่ใต้ชายโครงข้างขวาอมี
00:13:49 → 00:13:53 ท้องบวมขาบวมมีน้ำในท้องเป็นกลุ่มที่อาจ
00:13:53 → 00:13:54 จะเป็นระยะท้ายๆแล้วครับผมถ้ามีอาการ
00:13:55 → 00:13:57 เหล่าเนี้ยการตรวจมักจะเจอทักษเป็นจาก
00:13:57 → 00:14:00 มะเร็งจริงๆนะคบเป็นระยะท้ายๆมเร็งส่วน
00:14:00 → 00:14:02 ใหญ่ระยะเริ่มต้นมักจะไม่มีอาการเลยครับ
00:14:02 → 00:14:03 ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเนื้อตัดเองหรือมะเร็ง
00:14:03 → 00:14:09 ท้อน้ำดีก็เามครับออืโอ้โหเอ่อแสดงว่าฟัง
00:14:09 → 00:14:12 แล้วเครียดอ่ะยังไม่เครียดยังไม่เครียด
00:14:12 → 00:14:17 เอ่อแสดงว่าโอโหคนที่ไปหาโรงพยาบาลไป
00:14:17 → 00:14:19 รักษาสแล้วเนี่ยแสดงว่าอยู่ในข่าที่ค่อน
00:14:19 → 00:14:22 ข้างที่จะมีอาการรุนแรงแล้วถึงจะไปหาคุณ
00:14:22 → 00:14:25 หมอได้นะฮะซึ่งซึ่งต้องยอมรับใช่มั้ยคุณ
00:14:25 → 00:14:27 หมอว่าจริงๆแล้วคนเราทั่วไปอ่ะหลายๆโรค
00:14:27 → 00:14:29 ไม่ต้องเฉพาะโรคเนี่ยถ้าไม่มีอาการเขาก็
00:14:30 → 00:14:32 ไม่ค่อยอยากจะไปหาหมอสักเท่าไหร่เอ่ออัน
00:14:32 → 00:14:34 นี้เป็นเรื่องจริงครับคุณโรงพยาบาลส่วน
00:14:34 → 00:14:36 ใหญ่ที่ตรจพบมะเร็งทอดน้ำดีหรือมะเร็งตับ
00:14:36 → 00:14:38 เนี่ยมันจะเป็นระยะท้ายเนื่องจากว่ามาตอน
00:14:38 → 00:14:41 ที่มีอาการแล้วอืคือทางสาสุขก็พยายามจะ
00:14:41 → 00:14:44 รณรงคเพื่อให้คนทุกคนเนี่ยเข้ารับการตรวจ
00:14:44 → 00:14:47 เพราะว่าพบว่าการตรวจเถึงแม้จะอาจจะไม่
00:14:47 → 00:14:49 เจออะไรก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเกิดเจอเนี่ยเรา
00:14:49 → 00:14:51 เจอในจุดที่มันยังรักษาได้อยู่อเสามารถ
00:14:51 → 00:14:54 ช่วยประชากรนั้นช่วยบุคลากรช่วยอยากทำให้
00:14:54 → 00:14:57 เอ่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยเนี่ยไปดีจ
00:14:57 → 00:14:59 ว่าบุคลากรที่เป็นมเร็งส่วนใหญ่เนี่ยอ
00:14:59 → 00:15:01 เป็นอายุซึ่งไปทำงานถ้าเราไม่โดให้เจอ
00:15:01 → 00:15:04 ปล่อยให้เป็นการรักษาไม่ได้ก็จะสูญเสีย
00:15:04 → 00:15:07 บุคลากรนั้นไปมันก็ไม่ไม่ดีถ้าเลือกได้
00:15:07 → 00:15:10 เราสามารถลงทุนรนๆการที่ป้องกันการตรวจ
00:15:10 → 00:15:13 ค้นหาการรักษาน่าจะดีกว่าการตรวจเนี่ยมัน
00:15:13 → 00:15:16 ตรวจได้จากจุดไหนครับว่าเรามีความเสี่ยง
00:15:16 → 00:15:20 จากเอ่อเลือดจากอุจจระจากเอ่ออะไรจากจุด
00:15:20 → 00:15:22 ไหนครับคุณก็ต้องแยกกถ้าได้แยกยาตเราก็
00:15:22 → 00:15:24 ใช้การตรวจปัสสาวะกับอุจจาระที่ใช้ตรวจ
00:15:24 → 00:15:27 ปัจจุบันนี้นะฮะตัวตับเองมะเร็งตับเนี่ย
00:15:27 → 00:15:31 การตรวจที่ดีตอนนี้เจะทำอด้าาวตับครับอื
00:15:31 → 00:15:34 จะองเห็นเจอในตัวตับว่าตับเรามีจุดมีก้อน
00:15:34 → 00:15:36 อะไรมั้ยมีทอน้ำดีที่มันโป่งขยายมีอะไร
00:15:36 → 00:15:39 แปลกๆที่มบอกว่าจะเป็นมะเร็งท่อนดีกับ
00:15:39 → 00:15:40 มะเร็งเซล์ตับบ้างหรรือเปล่าซึ่งนักซา
00:15:40 → 00:15:43 เป็นอันที่น่าจะดีกว่าอืค่ะทั่วไปที่อาจ
00:15:43 → 00:15:45 จะไม่เห็นอะไรหรือว่าการเจาะเลือดพวกดู
00:15:45 → 00:15:47 ฆ่ามะเร็งซึ่งอันนี้ก็บางครั้งก็ไม่ได้
00:15:47 → 00:15:50 ช่วยอะไรแต่ว่าการ ex น่าจะดีกว่าครับอื
00:15:50 → 00:15:53 ค่ะระหว่างรักษาตัวมะเร็งตักก่อนกับเ่อ
00:15:53 → 00:15:55 เอาเจ้าตัวพยาธออกจากร่างกายก่อนส่วน
00:15:55 → 00:15:58 อย่างไหรต้องทำอย่างแรกครับคุณหมอเอจริงๆ
00:15:58 → 00:16:00 ผมผมคิดว่าต้องทำไปด้วยกันฮโดยหลักการคือ
00:16:00 → 00:16:02 ถ้าเราเจอคนที่เป็นพยาธิเยเราขับพยาธ
00:16:02 → 00:16:05 เสร็จก็ต้องปรวจทำองตับต่อว่ามีหรือเปล่า
00:16:05 → 00:16:07 เพราะบางคนอาจจะมีอยู่แล้วถ้าตวจแล้วไม่
00:16:07 → 00:16:09 มีก็ควรจะมีการติดตามต่อหลายปีไปครับเพ
00:16:09 → 00:16:12 คอยเฝ้าระวังว่าไม่ให้มีปัญหาแล้วควรจะ
00:16:12 → 00:16:14 ไอ้ติตามหลายปีอีกดีว่าจะได้มาคอยซักถาม
00:16:14 → 00:16:17 ว่ากลับไปกินอีกมั้ยยกเลิกได้มั้ยังต้อง
00:16:17 → 00:16:20 เช็คพยาซ้ำมยอะไรแบบนี้ด้วยครับค่ะอที่
00:16:20 → 00:16:23 คุณหมอบอกว่าเอ่อการตรวจเช็คมะเร็งตับนี่
00:16:23 → 00:16:26 ใช้วิธีการอัตซาวเนี่ยราคาอัตซาวนี่มัน
00:16:26 → 00:16:31 แพงมากมสามารถเข้าถึงได้มากน้อยแค่ไหนคะอ
00:16:31 → 00:16:33 ผมไม่แน่ใจราคาแต่ที่ผมทราบของโรงพยาบาล
00:16:33 → 00:16:35 ผมเนี่ยราคาเป็นหลักร้อยครับราคาไม่ได้
00:16:36 → 00:16:38 แพงครับแล้วก็การตรวจเนี่ยถ้ามีข้อหมูชี้
00:16:38 → 00:16:41 ชัดเจนเช่นว่ามีประวัติการปิดพยาธหือ
00:16:41 → 00:16:43 อาจารยหรืออะไรสงสัยในการส่งตรวจเรามีข้อ
00:16:43 → 00:16:45 หมู่ชี้ทำมมันไม่ได้เสียไปได้จ่าอยู่แล้ว
00:16:45 → 00:16:50 ครับอือืค่ะอือๆเอ่อพอสมมุติเอ่อพูดไปถึง
00:16:50 → 00:16:52 การรักษาเรื่องของสมมุติเราต้องเข้าสู่
00:16:52 → 00:16:54 กระบวนการรักษามะเร็งตักหรือว่ามงมะเร็ง
00:16:54 → 00:16:57 ทอดน้ำดีแล้วเนี่ย
00:16:57 → 00:17:02 เอ่อมันมันมันมันหายไปเลยชิเอ่อตับหายไป
00:17:03 → 00:17:05 เลยทอดน้ำดีหายไปเลยหรือว่ามันมันมันยัง
00:17:05 → 00:17:08 สามารถใช้งานได้อยู่ครับคุณบอเอ่อคือจริง
00:17:08 → 00:17:10 ๆหลักการทั่วไปก็จะรักษามเร็งก็ต้องเล่า
00:17:10 → 00:17:13 ให้ฟังว่ามีหลายชนิดนะฮะมีหลายชแต่เอ่อดี
00:17:14 → 00:17:17 สุดคือการตัดตัดออกหรือเปลี่ยนอไปการให้
00:17:17 → 00:17:19 เคมีในการฉายหนังสือซึ่งการพิจารณาการ
00:17:19 → 00:17:21 เลือกใช้ขึ้นหรือว่าเราเจอมะเร็งในจุดที่
00:17:21 → 00:17:23 เป็นระยะเท่าไหร่ครับถ้าเป็นในระยะเริ่ม
00:17:23 → 00:17:26 แรกเนี่ยจะรักษาโดยการตัดออกหรือเปลี่ยน
00:17:26 → 00:17:29 ตัดเก็เป็นอันทิจะเรียกว่าดีที่สุดอยู่ป
00:17:29 → 00:17:31 ซึ่งการตัดออกหรืออะไรก็ตามเนี่ยก็เป็น
00:17:31 → 00:17:33 การทำให้ตัวตัดนั้นหายไปส่วนนึงแล้วก็
00:17:33 → 00:17:36 ต้องคงเหลือส่วนที่เหลือไว้ให้ใช้งานต้อง
00:17:36 → 00:17:37 มีการดูก่อนว่าเอตับส่วนที่เหลือมัน
00:17:37 → 00:17:40 ปริมาตพอมั้ยการทำงานดีมมีการประเมินกับ
00:17:40 → 00:17:43 คนไข้รยนั้นเสภาพตับดีไม่ดีสามารถผ่าได้
00:17:43 → 00:17:46 หรือเปล่าค่ะถ้าตับดีผ่าตับได้เหลือตับ
00:17:46 → 00:17:49 เพียงพอก็่าตัดอถ้าเกิดไม่ไหวไม่ดีก็ถ้า
00:17:49 → 00:17:51 ต้องใช้วิธีอื่นเช่นสายรังสีเคมีก็ต้องไป
00:17:51 → 00:17:54 ว่ากันต่าต่อซึ่งที่เราเจข้างเป็นระยะ
00:17:54 → 00:17:57 หลังอถ้าเป็นระยะค่อนข้างน้อยเทางทงรักษา
00:17:57 → 00:18:00 ก็จะมีหลากหลายวิิธีครับอึว่ามะเร็งที่
00:18:00 → 00:18:01 เป็นนั้นเป็นยังไงเช่นมะเร็งตับเหนือตับ
00:18:02 → 00:18:04 เองกับมะเร็งเ้าน้ำดีเนี่ยการรักษาก็จะค
00:18:04 → 00:18:07 รูปแบบกันเป็นส่วนใหญ่อการโคมะเรงจะไม่
00:18:07 → 00:18:09 เหมือนกันอย่างมะเร็งตัวเื้อตับเองเนี่ย
00:18:09 → 00:18:12 ถ้าเป็นระยะน้อยบางครั้งเนี่ยอาจจะถ้า
00:18:12 → 00:18:14 เกิดเป็นจุดที่เล็กมากอาจจะไม่ได้ผ่าตับ
00:18:14 → 00:18:17 อาจจะใช้การที่ไฟฟ้าด้วยความร้อนฉีดยาให้
00:18:17 → 00:18:20 มันหายไปแต่ถ้าเป็นมเร็งของตัวโน้ำดีสือแ
00:18:20 → 00:18:23 เป็นระยะเล็กส่วนใหญ่ก็จะได้นำไวตัดออกอ
00:18:23 → 00:18:24 เป็นรที่ระยะเพิ่มขึ้นก็ต้องดูว่าแต่ละ
00:18:24 → 00:18:28 ชนิดเมันไปทางไหนมันมีการลุกรามไปแค่ไหน
00:18:28 → 00:18:30 ทำลายตรงไหนของตับไปแล้วบ้างแล้วก็ค่อยดู
00:18:30 → 00:18:33 ว่าแต่ละอันสามารถทำอย่างได้บ้างอือืถ้า
00:18:33 → 00:18:35 ลงรายละเอียดก็ต้องไล่เป็นระยะของโลกแล้ว
00:18:35 → 00:18:40 ก็อาจจะอืนจะนานอค่ะก็จะพอจะเห็นภาพบ้าง
00:18:40 → 00:18:43 อันนี้เป็นคร่าวๆที่คุณหมอน่าจะอธิบาย
00:18:43 → 00:18:45 เรื่องของหลักการให้ให้คุณผู้ฟังเข้าใจ
00:18:45 → 00:18:48 ได้พอพอเห็นภาพตามมานะฮะว่าขั้นตอนมัน
00:18:48 → 00:18:51 ต้องเป็นยังไงแสดงว่าสิ่งที่คุณหมอบอกถ้า
00:18:51 → 00:18:54 เราตรวจร่างกายหรือว่ามีความรู้รู้ตัวเอง
00:18:54 → 00:18:57 ว่าเอ้ยฉันจะเสี่ยงป่าไม่รู้อะไรขอไปตรวจ
00:18:57 → 00:19:00 ก่อนถ้ามันเจอแล้วมันเป็นตั้งแต่แรกเล็กๆ
00:19:01 → 00:19:04 น้อยๆมันสามารถที่จะเลือกวิธีการดูแลตัว
00:19:04 → 00:19:07 เองได้ค่อนข้างที่จะเยอะกว่าแล้วมันก็ก็
00:19:07 → 00:19:10 จะโอกาสมันที่จะเอ่อขั้นตอนในการรักษาก็
00:19:10 → 00:19:13 น้อยกว่ามั้ยคุณหมอหรือว่ามันยุ่งยากกัน
00:19:13 → 00:19:16 โอกาสที่จะหายก็มีสูงกว่าโอกาสขั้นตอนคือ
00:19:16 → 00:19:17 จริงๆคนที่เป็นระยะน้อยทุกอย่างก็เริ่มจะ
00:19:17 → 00:19:20 ดีกว่าอยู่แล้วครับคือต้องพยายามแจ้งว่า
00:19:20 → 00:19:22 เหมือนกับถ้าเป็นได้ก็หลีกเลี่ยงการทาน
00:19:22 → 00:19:24 ของดิบถ้าทานแล้วไม่มีทางเลือกก็ต้องไป
00:19:24 → 00:19:27 ตรวจตรวจเก็ต้องรักษารักษาแล้วก็ต้องติด
00:19:27 → 00:19:30 ตามค่ะทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าการที่จะ
00:19:30 → 00:19:32 รอให้คนไข้เป็นมะเร็งแล้วค่อยมารักษา
00:19:32 → 00:19:34 เนี่ยถ้าเราคัดกรองแล้วเจอตอนเป็นระยะ
00:19:34 → 00:19:37 น้อยเนี่ยจะรักษาได้ผลดีกว่าใช้ทรัพยากร
00:19:37 → 00:19:40 น้อยกว่าคไข้มีโอกาสหายมากกว่าึดีกว่าที่
00:19:40 → 00:19:41 เราอาจจะรอให้คไข้มีอาการเดินเข้าโรง
00:19:41 → 00:19:43 พาบาลซึ่งกลุ่มเนี้ยมักเป็นมากการรักษา
00:19:44 → 00:19:45 มักทำไม่ได้
00:19:45 → 00:19:49 อค่ะคุณหมอบอกเมื่อสักครู่ว่าถ้าเป็น
00:19:49 → 00:19:51 มะเร็งตับเอ่อวิธีการรักษาหนึ่งในนั้นก็
00:19:51 → 00:19:54 คือการตัดตับบางส่วนออกไปหรือว่าถ้าเป็น
00:19:54 → 00:19:57 ท่อน้ำดีก็อาจจะตัดบางส่วนออกไปไอ้ความ
00:19:57 → 00:20:01 เชื่อที่ว่าตับงอกใหม่ได้เนี่ยมันข้อเท็จ
00:20:01 → 00:20:03 จริงเป็นยังไงคะแล้วท่อน้ำดีมันมันงอกได้
00:20:03 → 00:20:05 ใหเหมือนเหมือนที่เขาเชื่อว่าตับงอกได้ไ
00:20:05 → 00:20:08 คะเอจริงๆแล้วโดยโดยหลักการตับสามารถงอก
00:20:08 → 00:20:11 ได้ครับแต่ว่าไออัตราการงอกเมันจะไม่ไม่
00:20:11 → 00:20:14 เหมือนกันในช่วงประชากรช่วงอายุครับอคน
00:20:14 → 00:20:16 ส่วนใหญ่ในช่วงอายุที่ยังน้อยเนี่ยโอกาส
00:20:16 → 00:20:18 ที่ตับจะงอกจะมีมากกว่าเพราะว่าระบบร่าง
00:20:18 → 00:20:22 กายยังดีตัวตับไม่ได้ผันไอ้พวกของเสียพวก
00:20:22 → 00:20:24 เล้าพวกอะไรมาแล้วคนที่อายุมากหรือว่ามี
00:20:24 → 00:20:27 ปัจจัยพื้นฐานที่ไม่ตัดไม่ดีเช่นจะตัด
00:20:27 → 00:20:29 แข็งเดิมจัไวรัส B ไวรัส C จะกินเหล้า
00:20:29 → 00:20:32 อยู่เดิมผมนี้หลักตาแต่ตับั้จนี้งอกขึ้น
00:20:32 → 00:20:35 มาเพราะว่าตัวตับมันโดนทำลายมีพาืตับไป
00:20:35 → 00:20:37 แล้วครับอนั้นคือเวลาที่เราจะผ่าตัดตักคน
00:20:37 → 00:20:39 ไข้แต่ละลายเนี่ยเราต้องดูหลายๆอย่างเป็น
00:20:39 → 00:20:41 องค์ประกอบเช่นจากช่วงอายุถ้าผ่าตัดในคน
00:20:41 → 00:20:44 อายุน้อยเนี่ยโอกาสที่ตักจะสามารถงอกได้
00:20:44 → 00:20:46 แลตับค่อนข้างเหลือพอในการผ่าตับก็มีมาก
00:20:46 → 00:20:49 กว่าแต่ผ่านในคนไข้ที่อายุมากร่างกายไม่
00:20:49 → 00:20:52 แข็งแรงสภาพตับที่แขงอยู่เดิมการคำนนการ
00:20:52 → 00:20:54 ตัดๆก็จะอีกแบบนึงเพราะว่าจะมีความเสี่ยง
00:20:54 → 00:20:56 เนื่องจากว่าคนไข้เหล่านี้เนี่ยตัดหลัง
00:20:56 → 00:20:58 ตัดแล้วจะไม่งอกงั้นคือต้องต้องคิดว่า
00:20:58 → 00:21:01 เผื่อว่าให้ตับพอก่อนที่จะผ่าสามารถผ่า
00:21:01 → 00:21:04 ได้มันต่าซึบางคนอาจจะต้องเผื่อเลยว่าคน
00:21:04 → 00:21:06 นี้ตับสะงอกนิดหน่อยอารผ่าตัดเนี่ยถ้าตับ
00:21:06 → 00:21:09 มันจะเหลือต้ำกึ่นก็สามารถทำได้ซึ่งรา
00:21:09 → 00:21:11 ละเอียดก็คือว่าถ้าคนแค่คิดว่าตับน่าจะ
00:21:11 → 00:21:13 ไม่ดีต้องพยายามเหลือตับให้เยอะเพราะตับ
00:21:13 → 00:21:16 จะไม่งอกอีกแล้วแต่ถ้าเกิดไขสภาพตับดีนะ
00:21:16 → 00:21:19 สามารถตักได้มากหลือตักน้อยได้ครับค่ะ่ง
00:21:19 → 00:21:21 ในข้อมูลกันพวกนี้มันจะมีคำนวณเป็นสกอร์
00:21:21 → 00:21:24 เป็นอะไรว่าคนไข้แต่ละลายเนี่ยสามารถผ่า
00:21:24 → 00:21:25 ได้ไม่ได้อยู่แล้วเพราะว่ามันเป็นความ
00:21:25 → 00:21:28 ปลอดภัยของคุณไข้เวลาผ่าครับค่ะไอ้สกอร
00:21:28 → 00:21:30 คำนวณถ้าเกิดว่าคนนี้ผ่านมาตัดได้เนี่ยก็
00:21:30 → 00:21:33 สว่าเรียบร้อยไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอแต่
00:21:33 → 00:21:35 คำนวณไปแล้วเนี่ยมันค่อนข้างดวอันตรายสูม
00:21:35 → 00:21:37 เสี่ยก็ต้องหาวิธีอื่นเช่นทำให้ตัวตับมัน
00:21:37 → 00:21:40 โตขึ้นทำให้ตัวมะเร็งเล็กลงก่อนเช่นอาจจะ
00:21:40 → 00:21:44 ไปให้เคมีสายรังสีก่อนเทำให้ตัวตับมันเล็
00:21:44 → 00:21:46 ตลงกว่านี้เอ้ยตัวมเร็งเล็ลงกว่านี้เส
00:21:46 → 00:21:49 เลือดเพื่อให้ตับโตขึ้นทำให้การผัดตับๆเ
00:21:49 → 00:21:51 เหลือตับปริมาณมากกว่าเดิมให้ปอไมายิ่ง
00:21:51 → 00:21:54 ขึ้นครับค่ะแล้วในส่วนท่อน้ำดีนี่เขางอก
00:21:54 → 00:21:57 ได้เหมือนตัดยคะหรือว่าตัดแล้วตัดเลยตัด
00:21:57 → 00:21:59 แล้วตัดเลยครับเพต้องน้ำดีไม่งอกครับผม
00:21:59 → 00:22:01 มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวในเนื้อตับครับมัน
00:22:01 → 00:22:03 เป็นที่ที่รับน้ำดีจากตัวเซลล์ตับไหลลงไป
00:22:04 → 00:22:05 ตัวน้ำไส้ซึ่งพอตับไปแล้วเจะไม่ได้งอก
00:22:05 → 00:22:08 ขึ้นมาอแต่ตัวสัเองสามารถงอกได้ครับแต่
00:22:08 → 00:22:11 ว่าที่ทำส่วนใหญ่เคนอายุมากมักไม่ค่อยงอก
00:22:11 → 00:22:13 เท่าไหร่เนื่องจากว่าสภาพตับมักผ่านอะไร
00:22:13 → 00:22:16 สามาทำให้ตัไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอายุ
00:22:16 → 00:22:20 น้อยครับอคผ่านการใช้งานมาอย่างโชคโชนนี่
00:22:20 → 00:22:24 ก็จะเอ่อมีความเสี่ยงในการอัตราการงอกของ
00:22:24 → 00:22:28 ตับก็จะน้อยกว่าคนอื่นเขาอีกนะคะออกทุก
00:22:28 → 00:22:30 เรื่องเลยไม่ได้ใช้การงอกในการคำนวณบ
00:22:30 → 00:22:32 เนื่องจากเรามองว่าเอ่อคนเสียให้เราผ่ามา
00:22:32 → 00:22:34 เป็นส่วนที่โอกาสจะไม่ค่อยงอกอยู่แล้ว
00:22:34 → 00:22:36 แล้วถ้าเกิดว่าเราเื่อว่าจะงอกไว้แล้ว
00:22:36 → 00:22:39 เกิดตับไม่งอกขึ้นมาของไขหลังพตัดจะออื
00:22:39 → 00:22:43 ครับอ่ะคุณหมอเมีคำถามน่าสนใจเอ่อถ้า
00:22:43 → 00:22:47 สมมุติเราเรารู้ตัวเองว่ากินของดิบไปแล้ว
00:22:47 → 00:22:50 เนี่ยเอ่อเป็นปลาดิบปลาน้ำจืดก็แล้วแต่
00:22:50 → 00:22:54 สมมุติเราเรารู้ตัวเองกินไปเอ่อเอ้ยหยุด
00:22:54 → 00:22:57 เราก็เราอีกวันนึงเราไปซื้อยาถ่ายพยาธมา
00:22:57 → 00:22:59 เลยอย่างอย่าเงี้ยเพื่อป้องกันอย่างเงี้ย
00:22:59 → 00:23:02 มันได้มั้ยครับเออจริงๆต้องตอบว่ามันก็
00:23:02 → 00:23:05 อาจจะไม่ได้ช่วยหรือช่วยก็ได้อาจจะช่วย
00:23:05 → 00:23:07 ที่อาจจะมีอยู่แล้วแต่บางครั้งจุดที่เรา
00:23:07 → 00:23:09 ติดเข้าไปเพึ่งๆกินเนี่ยยาตอาจจะยังไม่
00:23:09 → 00:23:11 ไม่ครบวงจอคือยังไม่ได้เข้าไปในโทรศัพท์
00:23:11 → 00:23:13 แต่ไปถ่ายอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆแล้ว
00:23:13 → 00:23:16 ท่าแนะนำคือว่าควรจะตรวจก่อนว่าเรามีพยาธ
00:23:16 → 00:23:19 ในตัวเช่นถ้ามันอยู่ในตัวเรามันจะผลิตตัว
00:23:19 → 00:23:22 เ่อไข่พยาธจะถ่ายอุจจาระในปสวะซึ่งถ้าเรา
00:23:22 → 00:23:25 เช็คเซลล์ว่าเออเรามีไข่พยาธนะในอุจจาระเ
00:23:25 → 00:23:28 ตรวจเซลเซลล์พยาธในตัวปัสสวะแสดงว่าร่าง
00:23:28 → 00:23:30 กายมันมีการผลิตพยาธได้จริงนั่นคือพยาธ
00:23:31 → 00:23:33 มันอยู่ในตัวเราค่ะใช้ยาท่ายกันต้อง
00:23:33 → 00:23:35 จำเป็นอก็ไม่ได้เชียร์ให้แบบว่ากินปุ๊บ
00:23:35 → 00:23:37 ซื้อยาถ่ายกินอะไรเยอันนี้ไม่ไม่ควรทำ
00:23:37 → 00:23:40 ครับอเพราะตัวยาเองยาวคือการถ่ายพยาทพวก
00:23:40 → 00:23:43 เยยาก็มีกว่าถ่ายไปร่างกายกันที่ต้องกิน
00:23:43 → 00:23:47 ยาถ่ายพยาธทุกปีก็ไม่ใช่สีเหลังคค่ะอือ๋อ
00:23:47 → 00:23:52 เออพอมีเหมือนกับเอาเข้าแล้วเอาออกอะไร
00:23:52 → 00:23:56 อย่าเงี้ยใช่มั้ยเออแต่พอพูดถึงเรื่องของ
00:23:56 → 00:24:00 การดูแลร่างกายอ่ะถ้าคนป่วยเป็นมะเรงตับ
00:24:00 → 00:24:03 แล้วทมะเรงท่อน้ำดีแล้วเขามีวิธีการดูแล
00:24:03 → 00:24:07 ร่างกายเอ่อยังไงบ้างมีคำแนะนำอะไรให้ผู้
00:24:07 → 00:24:11 ป่วยกลุ่มนี้บ้างคะคุณหมออืก็ต้องดูว่า
00:24:11 → 00:24:13 เป็นกลุ่มที่เ่อต้องต้องเรียนกันถ้าเกิด
00:24:13 → 00:24:15 เป็นกลุ่มที่สามารถผ่าตัดได้รักษาได้
00:24:15 → 00:24:17 เนี่ยก็ถ้าระวังรอผ่าตัดก็ต้องหม่อมแค่
00:24:17 → 00:24:20 ว่าให้ต้องรักษาสุขภาพอย่าให้เจ็บป่วย
00:24:20 → 00:24:23 แล้วก็ต้องลดะเรื่องสิ่งที่อาจจะทำปัญหา
00:24:23 → 00:24:26 กระตัดเช่นถ้าเกิดมีประวัติทาของดิบกิน
00:24:26 → 00:24:29 เหล้าอะไรเงี้ยก็ต้องเลิกฮะพู้ากเสพติด
00:24:29 → 00:24:32 ใช้สมุนไพรใช้ก็ต้องเริ่มเหมือนกันอจั
00:24:32 → 00:24:34 เสร็จก็ต้องดูแลงสุขภาพต่อหลีกเลี่ยงสิ่ง
00:24:34 → 00:24:36 ที่เป็นปัจจัยเรื่องปับทั้งหลายเช่นไม่
00:24:36 → 00:24:38 ใช่ว่าผ่าเสร็จแล้วก็กลับไปกินเหล้าต่อ
00:24:38 → 00:24:41 ผ่าตัดแล้วไปกินปาดิต่องี้ก็คงไม่คทำ
00:24:41 → 00:24:43 อย่างงั้นอส่วนในกลุ่มซึ่งอาจจะผ่าตัดไม่
00:24:43 → 00:24:45 ได้ต้องพึ่งเคมีรังสีพวกนี้ก็ต้องแบบว่า
00:24:45 → 00:24:48 เื่จากรักษาเรัการะยะยาวก็ต้องแบบเอรักษา
00:24:48 → 00:24:51 สุขภาพทของมีประโยชน์พัก่อให้เพียงพออย่า
00:24:51 → 00:24:54 เจ็บโวดว่าการักษามันอาจจะเป็นแบบเเกี่
00:24:54 → 00:24:56 เวลาอีกหลายเดือนถ้าไม่แข็งแรงการักษามัน
00:24:56 → 00:24:59 ก็ไม่ต่อเนื่องซึ่งผลก็จะไม่ดีอะไรเครับ
00:24:59 → 00:25:04 อืค่ะครับๆเออมีถามเข้ามาค่ะคุณหมอคะว่า
00:25:04 → 00:25:07 อันนี้อาจจะไปเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของ
00:25:07 → 00:25:11 ตัวเอ่อไวรัสตับอักเสบ B อักเสบ C เขาถาม
00:25:11 → 00:25:14 ว่าคนที่บริจาคเลือดบ่อยบๆมีโอกาสความ
00:25:14 → 00:25:18 เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับน้อยกว่าคนที่
00:25:18 → 00:25:21 ไม่ได้บริจาคเลือดหรือเปล่าเอไม่เกี่ยว
00:25:21 → 00:25:24 ครับเกี่ยกันครับคือไวรัส B ไวรัส C
00:25:24 → 00:25:25 เนี่ยมันจะอยู่ในเลือดถ้าเกิดว่าเรา
00:25:25 → 00:25:28 บริจาคเลือดเจะเช็คก่อนรับจอยู่แล้วว่า
00:25:28 → 00:25:30 เราเป็นหรือเปล่าค่ะถ้าเช็คว่าเป็นเเลือด
00:25:30 → 00:25:32 ก็จะไม่รับให้ใช้เพราะว่ามันสามารถไปติด
00:25:32 → 00:25:35 ต่อคนที่รับเลือดได้อผมคิดว่าถ้าในความ
00:25:35 → 00:25:37 หมายคือถ้าคนไปริจหรือแล้วตรวจเจอเนี่ยก็
00:25:37 → 00:25:39 เป็นการเหมือนคัดกรองว่าเจอเป็นโรคนี้ก็
00:25:39 → 00:25:42 ควรจะไปรักษาอย่างไวรัส C ทุกวันนี้ก็มี
00:25:42 → 00:25:44 ยารักษาไวรัส B ยังไม่มีแต่ว่ามียาต้าน
00:25:44 → 00:25:47 ไวรัสถ้าเกิดเจอว่าคนไข้เป็นเนี่ยการ
00:25:47 → 00:25:49 บริจาคเลือดนะก็ต้องส่งไปเข้าระบบการ
00:25:49 → 00:25:51 รักษาพวกนี้ก็จะต่างกสมัยก่อนซึ่ง
00:25:51 → 00:25:53 อันเนี้ยในสมัยก่อนความเชื่อวรั b กับ C
00:25:53 → 00:25:55 ถือว่าพอเจอแล้วไม่ได้ทำอะไรทุันนี้ก็
00:25:55 → 00:25:57 รักษาไม่ใช่อย่างงั้นแล้วเพราะว่าต้องแนะ
00:25:57 → 00:25:58 นำว่าคนที่ที่เป็นทุกคนต้องเข้าระบบต้อง
00:25:59 → 00:26:00 มีการตรวจติดตามเพราะว่าไวรั b กับ C
00:26:00 → 00:26:03 เนี่ยมีคนไข้บางสุ่มบางกลุ่มที่สภาพปับ
00:26:03 → 00:26:06 อาจจะแยกลงในอนาคตเกิดมเร็งต่ำขึ้นมาใน
00:26:06 → 00:26:08 ความเชื่อเก่าเราเชื่อว่าเป็นแล้วไม่ได้
00:26:08 → 00:26:10 เกิดปัญหาเรื่องมะเร็งอะไรถ้าเป็นมะเร็ง
00:26:10 → 00:26:12 ระยะที่ถ้าเป็นไวรัสมีชที่มันอาจจะไม่ได้
00:26:12 → 00:26:15 แทีนี้เพะว่าถึงแม้แคทีไม่แทีก็มีความ
00:26:15 → 00:26:18 เสี่ยไม่เหมือนกันนั้นคือทุกคนควรจะตรวจ
00:26:18 → 00:26:21 ดีกว่าอราว่าใครก็ตามที่มีเชื้อไวรัส B
00:26:21 → 00:26:23 ไวรัส C นะควรจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข
00:26:23 → 00:26:26 เริ่มการรักษาคนบางคนอาจจะเป็นไม่เยอะอาจ
00:26:26 → 00:26:29 จะแค่ติดตามคาเจาเลทุก 6 เดือนแต่ถ้าเป็น
00:26:29 → 00:26:32 เยอะต้องมีการับต้านไวรัสหือถ้าเกิดต้อง
00:26:32 → 00:26:34 รักษาไวรัสก็จะมีการให้ยาต้านไวรัสรักษา
00:26:34 → 00:26:37 หลังรักษาเสร็จแล้วก็ต้องหลักการติดตาม
00:26:37 → 00:26:39 เหมือนกันทุก 6 1 ปีตลอดชีวิตเนื่องจาก
00:26:39 → 00:26:41 ว่ากับ C บางทีมันไม่ได้เพิ่งเป็นอาจะ
00:26:41 → 00:26:44 เป็นตั้งแต่เกิดแล้วก็ได้อไปแล้วเนี่ยถึง
00:26:44 → 00:26:46 แม้จะหายไม่หายก็แล้วแต่ความเสียหายที่
00:26:46 → 00:26:49 มันทำลายตัวต่ำไว้จากไวัอักสบเก็ยังคอยู่
00:26:49 → 00:26:53 หลักการประดีว่าถึงแม้กำจัดตัวสาเหตุไป
00:26:53 → 00:26:56 แล้วความเสียหายที่เคยทิ้งไว้ยังอยู่ติด
00:26:56 → 00:26:59 ตามไจำเป็นติดตามตลอดชีวิตจุดที่เป็น
00:26:59 → 00:27:01 มะเร็งขึ้นมาก็ต้องรักษาถ้าเป็นระยะน้อย
00:27:01 → 00:27:03 ก็ง่ายถ้าไม่ตรวจไม่เจอปล่อยให้เป็นเยอะ
00:27:03 → 00:27:07 ก็รักษาลำบากครับอเออฟังแล้วเออแล้วเราจะ
00:27:07 → 00:27:10 รู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นไวรัสตับอักเสบ b
00:27:10 → 00:27:12 กับ C คะคุณหมอเพต้องต่อเลือดเลยครับ
00:27:12 → 00:27:15 เพราะบอกว่าไม่ไม่มีทางที่ที่ทั่วไปจะ
00:27:15 → 00:27:18 สามารถตรวจได้เพราะว่าต้องยอมรับว่ามัน
00:27:18 → 00:27:20 ไม่ใช่การตรวจเลือดในแบบปกติที่คนจะตรวจ
00:27:20 → 00:27:22 สุขภาพแล้วเจอเพราะว่าไม่แก่ตสุขภาพส่วน
00:27:22 → 00:27:25 ใหญ่จะไม่รวมพวกนี้เข้าไปครับเพราะมันติด
00:27:25 → 00:27:28 ปัญหาเรื่องที่ว่าอาจจะพอตรวจเสร็จมบางที
00:27:28 → 00:27:30 ถ้าเกิดตรวจเจอเนี่ยทงการทำประกันอะไรบาง
00:27:30 → 00:27:32 อย่างจะทำไม่ได้เพราะไวรัส B หรือ C
00:27:32 → 00:27:35 เนี่ยจะมีความเสียเืมะเร็งทำให้บางครั้ง
00:27:35 → 00:27:37 เวลาคให้ไปตรวจสุขภาพทั่วไปเยเหมือนกับ
00:27:37 → 00:27:40 เวลาจะมีการตรวจพวกเยก็มีขออนุญาตงไก่อน
00:27:40 → 00:27:43 ว่าจะขอเจาะซึ่งบางครั้งไก็ไม่จให้เจาะ
00:27:43 → 00:27:45 เพราะว่าเกิดเจาะเจอบางอย่างทันประกันไม่
00:27:45 → 00:27:48 ได้บคนยถ้าเกิดอยากตรวจจริงๆต้องยอรว่า
00:27:48 → 00:27:50 คือต้องไปตรวจเฉพาะเองโอกาสที่จะเจอว่าไป
00:27:50 → 00:27:53 บางโรงพยาบาลแล้วโรงพบาตรวจให้เจาะให้เลย
00:27:53 → 00:27:55 เนี่ยต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เป็นไปได้ยาก
00:27:55 → 00:27:57 อาจจะมีปัญหาเรื่องเรื่องการร้องเรียนว่า
00:27:57 → 00:27:59 เอเป็นเจาะมาต้องใทำประกันตัวอย่างเได้อื
00:27:59 → 00:28:03 อ๋อค่ะแต่ว่าถ้าเจ้าตัวประสงค์เวลาตรรวจ
00:28:03 → 00:28:06 สุขภาพประจำปีอะไรอย่างเงี้ยก็แจ้งได้
00:28:06 → 00:28:08 แจ้งได้เลยผมว่าจริงๆควรจะตรวจด้วยซ้ำไป
00:28:08 → 00:28:10 ครับซึ่งจริงๆเอาตามความจริงคือวล b กับ
00:28:10 → 00:28:12 วล C เนี่ยมันติดจากเอ่อเรียกว่าการติด
00:28:12 → 00:28:15 ค่อนข้างยากอ่ะติดจากทางเพศสัมพันธ์ทำดับ
00:28:15 → 00:28:18 เลิที่จากคนที่เป็นากพ่อแม่ให้ากพ่อให้
00:28:18 → 00:28:19 แม่จากแม่ให้ลูกอะไรก็แล้วแต่ซึ่งพวก
00:28:19 → 00:28:22 เนี้ยบาทั้งคนเป็นเราไม่รู้อือแต่ต้องยอม
00:28:22 → 00:28:24 รับว่าพวกนี้จริงๆในปัจจุบันเนี้ยโอกาส
00:28:24 → 00:28:25 เจอจะไม่ได้เยอะมากเนื่องจากว่าถ้าเราพอ
00:28:25 → 00:28:28 เคยได้ยินข้อมูลเอือสัก 30-40 ปีก่อน
00:28:28 → 00:28:30 เนี่ยรัฐบาลอนุมัติให้การฉีดวัคซีนป้อง
00:28:30 → 00:28:32 กันไวรัสบิเนี่ยเป็นการฉีดที่จำเป็นต้อง
00:28:32 → 00:28:35 ฉีดกเด็กได้เกิดทุกรายในประชากรไทยอค่ะ
00:28:35 → 00:28:38 คือในยุคนั้นถึงปัจจุบันเนี้ยเด็กที่เกิด
00:28:38 → 00:28:40 จากแม่ไวรัส B เนี่ยดไวัคซีนเนี่ยโอกาส
00:28:40 → 00:28:43 ติดจะต่ำลงไปมากอแต่ก็มีบางรายที่อาจจะ
00:28:43 → 00:28:45 เกิดแล้วไม่ได้ฉีดหรือฉีดแล้ววัคซีนป้อง
00:28:45 → 00:28:47 กันไม่ได้ก็ติดไวรัส B มาซึ่งอันนี้ต้อง
00:28:47 → 00:28:49 บอกว่าโอกาสเซรจะค่อนข้างน้อยอยู่หลๆว่า
00:28:49 → 00:28:52 ถ้าเกิดว่าสงสัยเนี่ยก็ต้องไล่ในบ้านดู
00:28:52 → 00:28:54 ว่ามีใครเป็นบ้างหรรือเปล่าอถ้ามีพ่อเป็น
00:28:54 → 00:28:56 ไวรัส B แม่เป็นไวรัส B หรือเป็นไวรัส C
00:28:56 → 00:28:59 ก็แล้วแต่ค่ะนี้ต้องระวังต้องไปค้นหาว่า
00:28:59 → 00:29:02 คุณพ่อเป็นพี่ต้องคุณพ่อเป็นหือเปล่าพ่อ
00:29:02 → 00:29:04 แม่คุณพ่อเป็นมยครับตัวคุณแม่เป็นรือ
00:29:04 → 00:29:06 เปล่าแล้วตัวเราตัวพี่น้องเป็นหรือเปล่าอ
00:29:06 → 00:29:08 ถ้าเกิดไม่มีประวัตคนไปในบ้านเลยอันนี้ก็
00:29:08 → 00:29:11 ต้องดูชดว่ามีตรวจหรือเปล่าครับถ้ามีการ
00:29:11 → 00:29:13 ตรวจว่ามีคนไปในบ้านเก็ต้องไปนั่งดูว่า
00:29:13 → 00:29:15 ใครมีความเสี่ยงบ้างแล้วควรจะไล่ตูดกัน
00:29:15 → 00:29:17 แต่ถ้าเช็คในบ้านแล้วไม่มีคนเป็นเลยเรา
00:29:17 → 00:29:19 เช็คเองเราไม่เป็นก็ก็ไม่เป็นก็ถือว่า
00:29:19 → 00:29:21 เรียบร้อยกันอืส่วนการไม่เป็นก็ูต่อไปว่า
00:29:21 → 00:29:23 เรามีภูมิต้านทานหรือเปล่าถ้าเรามีภูมิ
00:29:23 → 00:29:26 ต้านทานเอย่าเช่นรบีภูมิต้านทานมั้ยถ้ามี
00:29:26 → 00:29:29 ก็ไม่ต้องถีซีซ้ำออืถ้าวักซีนแล้วเนี่ย
00:29:29 → 00:29:31 ภูมิมันตั่นหรือภูมิมันตกก็ต้องมีีดเพิ่ม
00:29:31 → 00:29:34 ส่วนไวรัสซีในการรักษาไม่มีเอ่อไม่มีไม่
00:29:34 → 00:29:36 มีการให้วัคซีนมีเป็นการรักษาถ้าเกิดว่า
00:29:37 → 00:29:39 เช็คแล้วไม่ได้เป็นก็ต้องระวังถ้าเกิดเรา
00:29:39 → 00:29:42 ไม่ปิดก็ไม่เป็นไรครับอืเอ่อเหมือนภูมิ
00:29:42 → 00:29:46 หรือว่าไวรัสที่เอตัวภูมิที่เราฉีดเข้าไป
00:29:46 → 00:29:48 ในร่างกายอ่ะค่ะเขาอยู่กับเราได้นานเท่า
00:29:48 → 00:29:51 ไหร่คะเพราะหมอบอกว่าเดี๋ยวภูมิมันก็จะลด
00:29:51 → 00:29:53 ลงอะไรเงี้ยค่ะคือจริงๆในของอูเนี่ยเรา
00:29:53 → 00:29:56 ชื่อว่าถ้าฉีดกระตุ้นครบ 3 เข็มตั้งแต่
00:29:56 → 00:29:58 เกิดตอนภายหลังเโอกาสที่มันจะอยู่ตอด
00:29:58 → 00:30:00 ชีวิตจะสูงมากคแต่มีบางขั้นบางรายซึ่งมัน
00:30:00 → 00:30:02 อาจจะตกลงแล้วมันก็น้อยลงซึ่งอันเนี้ยบาง
00:30:02 → 00:30:05 รายต้องกระตุ้นเพิ่มแต่ว่ามันขึ้นกับ
00:30:05 → 00:30:06 ปัจจัยความเสี่ยงด้วยครับเพราะว่าอย่าง
00:30:06 → 00:30:09 ที่เราเล่าให้ฟังว่าเอ่อการเป็นกับการติด
00:30:09 → 00:30:11 เนี่ยมันติดจาก 2-3 อย่างเช่นจับให้
00:30:11 → 00:30:14 สัมพันธ์จับระดับเลือดที่เป็นซึ่ง
00:30:14 → 00:30:16 อันเนี้ยถ้าถามว่าเราไม่ได้เสี่ยงถ้าเรา
00:30:16 → 00:30:18 อายุมากไม่ได้เสี่ยงอะไรเลยเราฉีดวัคซีน
00:30:18 → 00:30:21 มาแล้วภูมมันตกต้องฉีดซ้ำมั้ยฉีดกระตุ้น
00:30:21 → 00:30:23 มั้ยอันนี้มันแล้วแต่ในายไปครับค่ะถ้าเรา
00:30:23 → 00:30:25 อาจจะเสี่ยงใน 2 ข้อที่ว่ายังอยู่อายุยัง
00:30:25 → 00:30:27 มายังเสี่ยงอยู่ก็ก็ควรฉีดกระตุ้นแต่ถ้า
00:30:27 → 00:30:30 ไม่ได้เสี่ยงแล้วก็อาจจะไม่จำเป็นครับอื
00:30:30 → 00:30:34 ครับก็มีความเข้าใจมากขึ้นสำหรับไวลัสตัด
00:30:34 → 00:30:39 อักเสบ B เลซีเนาะนะครับเอ่อสำหรับข้อ
00:30:39 → 00:30:42 ความที่คุณผู้ฟังส่งเข้ามาครับคุณหมอเอ่อ
00:30:42 → 00:30:45 ยังถามถึงเรื่องเกี่ยวกับประเด็นของดิบ
00:30:45 → 00:30:49 อยู่คุณหมอเอ่อทานแซลมอนดิบกุ้งแช่น้ำปลา
00:30:49 → 00:30:55 ปูทะเลสดเอ่อมีโอกาสเป็นพยาธอื่นๆด้วย
00:30:55 → 00:30:58 หรือเปล่าครับครับครับคือตับถ้าเป็นของ
00:30:58 → 00:31:00 ทะเลไม่เกี่ยวข้องนะครับไม่เกี่ยวข้องกัน
00:31:00 → 00:31:03 สามารถติดพญาตอื่นแทนได้ครับคือจริงๆก็บ
00:31:03 → 00:31:05 ว่าการกินพวกดิบๆอย่างที่ว่าเนี่ยคือไม่
00:31:05 → 00:31:08 แนะนำเพราะว่าถึงแม้ไม่ได้พยายาทตัดตัว
00:31:08 → 00:31:10 ได้อย่างอื่นแทนจะเป็นเชื้อโรคอื่นแทน
00:31:10 → 00:31:13 เช่นพวกเชื้อคล้สมองอักเสบที่กินแล้วเกิด
00:31:13 → 00:31:16 ปัญหาติดพยาธเกิดขึ้นสมองเกิดอะไรแปลกๆ
00:31:16 → 00:31:18 ซึ่งเื่อนี้ก็มีได้ทั่วไปครับต้องยอมรับ
00:31:18 → 00:31:21 ว่าไม่ควรทานของที่ที่ดิบครับอืคือแมอ
00:31:21 → 00:31:24 จริงๆเนี่ยก็มีการลลงว่ามันจริงๆก็ไม่ได้
00:31:24 → 00:31:26 ถึงกับห้ามกินแลทำอย่างสะอาดเี้ดูอย่าง
00:31:26 → 00:31:29 ถูกสุสณะเนี่ยสามารถพินได้แต่ถามว่าเรา
00:31:29 → 00:31:31 เรามั่นใจกับสิ่งที่เราได้มาจากที่เรากิน
00:31:31 → 00:31:34 แต่ละที่แค่ไหนไม่ขึ้นกับว่าเราต้องเลือก
00:31:34 → 00:31:36 ครับอคไม่มีใครบอกว่าเราเลี้ยงปลาอย่างดี
00:31:36 → 00:31:39 โพเสปลาอย่างสะอาดเรียบร้อยไม่สกปรกเลย
00:31:39 → 00:31:42 ก่อนถึงประส่งเรากินผมคิดว่ามันคงไม่มี
00:31:42 → 00:31:44 ใครกรับรองอะไรแบบนั้นครับก็จตามร้าน
00:31:44 → 00:31:47 อาหารทำดีๆได้อีกเรื่องนึงครับอืทางการ
00:31:47 → 00:31:49 แพทย์ก็บอกว่าเออคือมันก็ไม่ใช่เข้าห้าม
00:31:49 → 00:31:51 เนื่องจากว่ากลุ่มเหล่านี้อย่างแซมอนไม่
00:31:51 → 00:31:53 ได้มีพยาตมในบ้านเราแต่ถามว่ามันเป็นอัน
00:31:53 → 00:31:55 นี้ควรจะแนะนำให้กินมยก็ต้องบอกว่าในของ
00:31:55 → 00:31:59 ดินเนี่ยก็ต้องบอกว่าทะเลเทะเเลดีกว่าอื
00:31:59 → 00:32:03 ครับเอ่อซึ่งๆซึ่งคุณหมอหลายๆท่านก็พูดมา
00:32:03 → 00:32:08 คล้ายๆกันตลอดเราอย่าเอ่อรับประทานของดิบ
00:32:08 → 00:32:11 จนเป็นกิจวัตรนะคุณหมอเนาะคือเข้าใจนะ
00:32:11 → 00:32:13 เรื่องของความเทสเรื่องของรสชาติเรื่อง
00:32:13 → 00:32:16 ของเอ่ออาหารการกินในปัจจุบันมันมีมันมี
00:32:16 → 00:32:19 วัฒนธรรมที่ค่อนข้างหลากหลายแล้วก็เข้ามา
00:32:19 → 00:32:22 แต่ว่าถ้ากินบ่อยๆหรือว่าเอ่อไม่ไม่เลือก
00:32:22 → 00:32:25 ในการรับประทานเลยผมว่ามันก็อาจจะส่งผล
00:32:25 → 00:32:28 ต่อสุขภาพของตัวเองได้ด้วยอันนี้ต้องต้อง
00:32:28 → 00:32:30 ใส่ใจนะคุณมอเรื่องของการรับประทานหลายๆ
00:32:30 → 00:32:33 อย่างผมผมคไม่บอกคนไหนอยากให้คนไข้กิน
00:32:33 → 00:32:35 อะไรก็ได้หรือกินเหล้าได้ซึ่งไม่มีใครทำ
00:32:35 → 00:32:37 อย่างงั้นอยู่ต้องบอกว่าเอ้มันไม่มีข้อ
00:32:37 → 00:32:39 มูลหรือว่ามีข้อมูลซึอาจจะแบบเสี่ยงถ้า
00:32:39 → 00:32:43 เลือกได้กินของที่ 3 เอ่อคุณผู้ฟังถามมา
00:32:43 → 00:32:47 ค่ะว่าเคยเป็นไวรัสตับอักเสบเอจะมีผลอะไร
00:32:47 → 00:32:50 กับร่างกายหรือมีอะไรต้องกังวลมยหลังจาก
00:32:50 → 00:32:53 ที่หายแล้วอะไรเงี้ยค่ะอืเขไม่ไม่ไม่
00:32:53 → 00:32:55 เกี่ยวครับไวรัส a นี่ไม่ได้เป็นไวรัสที่
00:32:55 → 00:32:57 เหลือหลังครับหลังจากที่ติดก็หายก็เสีย
00:32:57 → 00:32:59 หายครับทั่วไปเนี่ยก็จะเจอได้จากการติด
00:32:59 → 00:33:02 พวกอาจากการทานอาหารทานน้ำที่เป็นกลุ่ม
00:33:02 → 00:33:04 ที่จะได้ยินข่าวเช่นมีเด็กติดทั้งโรง
00:33:04 → 00:33:07 เรียนมีการติดในหมู่ประชากรที่กินเลี้ยง
00:33:07 → 00:33:09 ร่วมกันในแบบึติดแล้วหายก็คือหายไม่ได้
00:33:09 → 00:33:12 เป็นโรคเรื้อลักครับออ่าแต่ไวรัส b กับ C
00:33:12 → 00:33:14 ซึ่งติดอีกคนละแบบกันซึ่งอันนี้เป็นติดาก
00:33:14 → 00:33:15 ทางเลือดหทำให้สัมพันธซึ่งอันเนี้ยเป็น
00:33:15 → 00:33:17 ไวรัสซึ่งเรื้อรังแล้วก็จะไม่หายถ้าเกิด
00:33:17 → 00:33:20 รักษาไม่ควบคุมให้ดีเนี่ยโอกาสเกิดปัญหา
00:33:20 → 00:33:22 เรื่องตัดแข็งเรืมะเร็งได้ก็จะมีแค่ b
00:33:22 → 00:33:24 กับ C 2 ตัวสรัเอี่ไม่ไม่เกี่ยวข้องกัน
00:33:25 → 00:33:28 ครับมีคุณผู้ฟังเ่าบ่นมานิดหน่อยฮคุณหมอ
00:33:28 → 00:33:31 บอกว่าถั่วเนี่ยดูยากจริงๆนะอย่างที่คุณ
00:33:31 → 00:33:35 หมอบอกเลยถ้าเกี่ยวกับเรื่องของถั่วเก่า
00:33:35 → 00:33:36 ถั่วใหม่ถั่วเป็นเชื้อราอะไรเงี้ยค่อน
00:33:36 → 00:33:39 ข้างที่จะดูยากนะถ้าเราไปซื้อตามตลาดมา
00:33:39 → 00:33:41 จริงๆต้องำรว่าถ้าเลิกได้คืออย่าใช้ดี
00:33:41 → 00:33:43 กว่าครับเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าทิที่
00:33:43 → 00:33:46 ทำมาสะอาดหรือเปล่าอือาจจะต้องเลือกแบบ
00:33:46 → 00:33:48 เอ่อผมเห็นต่างจังหวัดต่างจังหวัดเขาไม่
00:33:48 → 00:33:50 ค่อยไม่ค่อยเท่าไหร่นะเขาจะใช้ขั้วเอง
00:33:51 → 00:33:55 ใหม่ๆซะส่วนใหญ่นะครับส่วนแต่บ้านเราเอ่อ
00:33:55 → 00:33:59 ในเมืองอาจจะเรื่องเรื่องของตึกสูงตึกลา
00:33:59 → 00:34:01 บ้านช่องอะไรเงี้ยอาจจะเป็นปัญหาอุปสรรค
00:34:01 → 00:34:05 ในการทำอะไรสวดๆใหม่ๆจริก็ต้องหลายๆอย่าง
00:34:05 → 00:34:08 ก็ต้องเลือกนะคุณหมอนะมันมีอายุของเขามัน
00:34:08 → 00:34:11 มีแบบเอ่อมันมีอายุแล้วก็มีพิษภัยของเขา
00:34:11 → 00:34:15 อยู่ซ่อนอยู่พอสมควรนะครับในบางอย่าง
00:34:15 → 00:34:19 อืมคนญี่ปุ่นเป็นโรคนี้มยครับน่าจะเป็น
00:34:19 → 00:34:21 เหมที่เราคุยกันมะเร็งตับและท่อดนดี
00:34:21 → 00:34:23 ญี่ปุ่นจะเป็นอีกแบบคือมะเร็งของญี่ปุ่น
00:34:23 → 00:34:26 ถ้าเป็นมะเร็งเนื้อตับจากบซมีเหมือนกัน
00:34:26 → 00:34:28 ครับค่ะพ่อมีก็เป็นเหมือนกันแต่ว่าเป็น
00:34:28 → 00:34:31 จากทยาทคนละตัวครับอือือือเพราะไม่ได้
00:34:31 → 00:34:33 เปิดจากไอ้ตัวปาดิตเหมือนบ้านเราเป็นจอีก
00:34:33 → 00:34:36 อย่างอีกอย่างนึงปแก่นครับอืของญี่ปุ่น
00:34:36 → 00:34:38 จริงๆเนี่ยไอ้ตัวตัวมะเร็งท่อมนี้เคค่อน
00:34:38 → 00:34:40 ข้างดีกับบ้านเราเพราะว่ามะเร็งที่เป็น
00:34:41 → 00:34:44 จากพยาธตัวของญี่ปุ่นเมันค่อนข้างเอาช้า
00:34:44 → 00:34:47 ค่อนข้างลุกรามช้ากว่าอือของไทยจะค่อน
00:34:47 → 00:34:49 ข้างหนักกว่าครับมันเป็นตัวมเร็งตัว
00:34:49 → 00:34:52 สาเหตุที่เกิดคนละตัวกันครับครับค่ะอือฮะ
00:34:52 → 00:34:56 อ่าท้ายที่สุดค่ะคุณหมอคำเอ่ออยากคุณหมอ
00:34:56 → 00:34:59 อยากเท่าที่รักษาคนไข้มาค่ะมีคนไข้คนไหน
00:34:59 → 00:35:02 อยากแชร์ประสบการณ์ให้คุณผู้ฟังได้เรียน
00:35:02 → 00:35:06 รู้แลกเปลี่ยนกันไปพร้อมๆกันมั้ยคะ
00:35:06 → 00:35:11 เออคงคงเล่ารายละเอียดคนไข้ไม่ได้ออค่ะ
00:35:11 → 00:35:14 แบบยกเคสตัวอย่างอะไรอย่าเงี้ยค่ะเออคง
00:35:14 → 00:35:17 ไม่ควรนะก็คงบอกได้เพียงแค่ว่าเออถ้าเป็น
00:35:17 → 00:35:19 ไปได้เนี่ยผมผมแนะนำว่าการรักษาโรคพวก
00:35:19 → 00:35:21 เนี้ยเราเจอตอนที่ไม่เป็นระยะท้ายเี่มัน
00:35:21 → 00:35:24 ลำบากครับอืถ้าเลือกได้เราควรจะต้องใส่ใจ
00:35:24 → 00:35:25 สุขภาพแล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจจะมี
00:35:26 → 00:35:28 ความเสี่ยงอืออแล้วควรจะตรวจสุขภาพประจำ
00:35:28 → 00:35:32 ปีต้องบอกให้รว่าเรื่องของตควจะทำอาเพราะ
00:35:32 → 00:35:34 เนี่ยเป็นอันที่สามารถช่ยดูได้ค่อนข้าง
00:35:34 → 00:35:37 หลากหลายมากแล้วก็ตอนนี้นักซาวเนี่ยในการ
00:35:37 → 00:35:39 ตรวจสุขภาพเองมันยังไม่รมเข้าไปในการตรวจ
00:35:39 → 00:35:42 ทุกๆที่ั้ต้องไปขอเพิ่มต่างหากผมมองว่า
00:35:42 → 00:35:45 มันไม่ได้แพงอะไรถ้าผมแนะนำได้ว่าผมแนะนำ
00:35:45 → 00:35:48 ยากที่เราเนี่ยคือเวลาไปเจาะเลือดตรวจเปอ
00:35:48 → 00:35:51 ตรวจประจำปีอะไรเงี้ยก็ขอาตเพิ่มไปแล้วก็
00:35:51 → 00:35:54 เสียไปผมว่าที่น่าจะดีกว่า้าที่ไหนมี
00:35:54 → 00:35:57 แพคเกจตสุขภาพซึ่งมอยู่แล้วก็ทำได้ก็ทำไป
00:35:57 → 00:35:59 เถอะมองว่าเป็นอันที่มันมันควรจะทำเพราะ
00:35:59 → 00:36:01 ว่าพวนี้ถ้าเรารู้ข้อมูลเนี่ยมะเร็งตัด
00:36:01 → 00:36:04 เองในคนไทยเนี่ยในผู้ชายเป็นอันดับ 1 มา
00:36:04 → 00:36:07 10 ปี่ะฮะส่วนผู้หญิงเป็นอันดับ 2 -3
00:36:07 → 00:36:09 มา 7 8 ปีแล้วเหมือนกันซึ่งอมันมากขึ้น
00:36:09 → 00:36:12 เรื่อยๆซึ่งการที่จะตรวจเจอเี่จริๆแล้ว
00:36:12 → 00:36:14 ถ้าโดยที่ไม่มีอาจารย์แทบไม่มีทางเลยถ้า
00:36:14 → 00:36:16 ไม่ทำอรักซาหรือว่าไปตรวจอะไบางอย่างแล้ว
00:36:16 → 00:36:19 เบเอิ้นไปเจอซึ่งถ้าเราไม่เช็คเลยเนี่ย
00:36:19 → 00:36:21 เราปล่อยให้มีอาจารย์เ่ะจะรักษาบางทีมัน
00:36:21 → 00:36:24 สายไปแล้วครับอือเออผมก็เลยมันมันน่าจะมี
00:36:24 → 00:36:27 คนแอบคิดนะคุณหมอนนะแบบว่า
00:36:27 → 00:36:30 โดยเฉพาะเอ่อที่แบบวัยรุ่นอยู่ใหม่ๆอยู่
00:36:30 → 00:36:33 เพิ่งได้ประสบการณ์ชีวิตอะไรเงี้ยนะฮะ
00:36:33 → 00:36:37 เอ้ยเอ่อพิ่งอายุ 10 กว่า 20 กว่าโอยคุณ
00:36:37 → 00:36:40 หมอบอกว่าเอ่อนู่นกว่าจะออกดอกออกผลกว่า
00:36:41 → 00:36:45 จะเป็นอาการก็ 30 ปลาย 40 ไปแล้วกินได้นะ
00:36:45 → 00:36:47 เดี๋ยวโอหใช้เวลานานกว่าจะเป็นอันเนี้ย
00:36:47 → 00:36:51 คุณหมอคิดเห็นกับกับความคิดยังไงต้องยอ
00:36:51 → 00:36:53 รับว่ามันก็เป็นความจริงที่มันเป็นข้อมูล
00:36:53 → 00:36:56 จริงอ่ะคือจะกินก็กินคือตปัญหาคือว่าแล้ว
00:36:56 → 00:36:58 เราจะรู้ได้ไงว่าเราจะเป็นเมื่อไหร่จะ
00:36:58 → 00:37:00 เป็นเร็วเป็นน้อยหรือเป็นหรือไม่เป็นเลย
00:37:00 → 00:37:03 ก็ได้ผมก็เจอคนหลายๆบอกว่าเออสูบบุหรี่
00:37:03 → 00:37:04 เราไม่เคยเป็นมะเร็งเลยซึ่งอันนี้ก็เป็น
00:37:04 → 00:37:06 ความจริงที่บางคนก็ยังโชคดีว่าเป็นแต่
00:37:06 → 00:37:09 แล้วเป็นความโชคดีเฉพาะคนแต่ต้องว่าคน
00:37:09 → 00:37:12 ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเราใช้กินปิดไปเรื่อยๆดิบ
00:37:12 → 00:37:14 ๆทุกวันไปตลอดไม่เคยรักษาพยาอะไรเลยวัน
00:37:14 → 00:37:17 นึงเราก็จะเกิดมะเร็งท่อนมีขึ้นมาแต่ถาม
00:37:17 → 00:37:18 ว่ามันมากน้อยอัตรามากน้อยแค่ไหนเนี่ยมัน
00:37:18 → 00:37:20 ไม่ใช่ทุกคนที่กินแล้วจำเป็นแต่ว่าส่วน
00:37:20 → 00:37:23 ใหญ่ของประชากร้ากินเราจำเป็นครับต้อง
00:37:23 → 00:37:25 พยายามแจ้งว่าถ้าเลือกได้อย่าไปเสี่ยก
00:37:25 → 00:37:27 ชีวิตเลยครับเพว่าทุกวันนี้เอาจริงๆถ้า
00:37:27 → 00:37:29 เคยเจอคไข้ที่อายุสัก 10 กว่า 20 กว่า
00:37:29 → 00:37:31 แล้วเป็นร่อมดีเนี่ยอันนี้มีจริงแล้ว
00:37:31 → 00:37:34 เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆครับอออาจาร์คือดู
00:37:34 → 00:37:37 แล้วน่ากังวลเลยใช่มั้ยคะคุณหมอใช่ๆครับ
00:37:37 → 00:37:38 ในประชากรในพื้นที่ที่เสี่ยงเนี่ยผมว่า
00:37:38 → 00:37:41 เจอในอัตราตัวเลขที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ
00:37:41 → 00:37:43 ครับอือซึ่งถ้าพยายามลลงงจริงๆเนี่ยเรา
00:37:43 → 00:37:45 ควรจะเจอแต่คนที่อายุมากรุ่นที่เขาไม่กิน
00:37:45 → 00:37:47 แล้วว่าได้กลายเป็นว่าบางทีเนี่ยอาจจะ
00:37:47 → 00:37:50 เริ่มกินตั้งแต่อายุไม่เป็นหลักขวบ 2 ขวบ
00:37:50 → 00:37:52 อายุ 20 ก็เริ่มเป็นแล้วก็เริ่มมีแล้ว
00:37:52 → 00:37:54 ครับอืซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นอันที่เรา
00:37:54 → 00:37:55 ก็ตกใจกันแล้วก็มองว่ามันไม่ควรจะเป็น
00:37:55 → 00:37:58 อย่าอือต้องพยายามนลงให้หลังว่าเออย่าไป
00:37:58 → 00:38:00 เสี่ยงนะครับแต่คิดว่าเราจะโชคดีไปตลอดผม
00:38:00 → 00:38:02 เชื่อว่าผมว่าของกินเรามีเยอะนะฮะไม่ต้อง
00:38:02 → 00:38:05 ไปต้องกินของดิบๆก็ได้ครับอของอร่อยตั้ง
00:38:05 → 00:38:08 หลายอย่างที่เราสามารถกินได้มีผู้ฟังแชร์
00:38:08 → 00:38:09 ประสบการณ์เหมือนกันเอ่อบอกว่าไม่ทาน
00:38:09 → 00:38:12 ประดิษฐเลยแม้แต่ตอนที่เรียนอยู่ญี่ปุ่น
00:38:12 → 00:38:15 ก็ไม่เคยทานเหมือนกันก็ถือว่าเป็นการลด
00:38:15 → 00:38:18 ความเสี่ยงของตัวเองนะคุณหวังนะการไม่กิน
00:38:18 → 00:38:20 ของดิบไม่ว่าจะปลาดิบหรืออะไรดิบก็แล้ว
00:38:20 → 00:38:23 แต่โดยเฉพาะหมูดิบเนื้อดิบอะไรเหล่าเนี้ย
00:38:23 → 00:38:27 เป็นปัญหาทุกปีนะคุณหมอเออมันเป็นอะไรที่
00:38:27 → 00:38:30 ผมว่ามันผมผมเอยู่ญี่ปุ่นเๆผมก็ไม่กิน
00:38:30 → 00:38:33 ครับต้องกินอาหารที่ทำสุกๆเยอะแยะครับอ
00:38:33 → 00:38:35 ไม่ต้องกินเหมือนกันก็ได้ครับครับเมนูสุข
00:38:35 → 00:38:40 ก็อร่อยค่ะะก็อร่อยนะโอเคครับคุณหมอครับ
00:38:40 → 00:38:44 วันนี้ถือว่าคุณผู้ฟังมาได้ประสบการณ์
00:38:44 → 00:38:47 เรื่องนี้ใหม่ๆแล้วก็ได้รู้จักกับโรคนี้
00:38:47 → 00:38:50 มากขึ้นแล้วก็เข้าใจโรคนี้ว่ามันกฏอาการ
00:38:50 → 00:38:53 ค่อนข้างยากถ้าปรากฏอาการแล้วแสดงว่าเข้า
00:38:53 → 00:38:55 ข่ายที่จะอยู่ในระยะท้ายๆแล้วคุณหมอจะได้
00:38:55 → 00:38:58 ระมัดระวังตัวกันเนาะแล้วก็ใครมีความ
00:38:58 → 00:39:00 เสี่ยงอย่างที่คุณหมอบอกเลยไปตรวจร่างกาย
00:39:00 → 00:39:04 ซะหน่อยไปตรวจหาหาเชื้อซะหน่อยนะจะได้อ่า
00:39:04 → 00:39:06 รักษาแต่เนินๆจะดีกว่าถ้าเป็นนะครับไม่
00:39:06 → 00:39:09 เป็นก็ดีไปขอบคุณคุณหมอมากครับวันนี้ครับ
00:39:09 → 00:39:12 ครับผมครับครับขอบคุณครับสวัสดีครับคุณ
00:39:12 → 00:39:16 หมอครับสวัสดีค่ะครับ