00:00:00 → 00:00:02 bpd หรือ borderline Personal disorder
00:00:02 → 00:00:05 นะครับอาการเป็นยังไงสาเหตุคืออะไรรักษา
00:00:05 → 00:00:09 ยังไงหายได้ไมภายในคลิปเดียวนะครับก็ bpd
00:00:09 → 00:00:11 นะครับต้องเข้าใจว่ามันคือเกิดจาก 2
00:00:12 → 00:00:14 ฟีเจอร์หลักๆที่เป็นปัญหานะครับอย่างแรก
00:00:14 → 00:00:17 คือตัวตนที่ไม่มั่นคงหรือ sense of Self
00:00:17 → 00:00:20 ที่ไม่มั่นคงอย่างที่ 2 ก็คือสมองของคุณ
00:00:20 → 00:00:23 เนี่ยมีการรับรู้อารมณ์ลบแล้วก็ได้ไวแล้ว
00:00:23 → 00:00:26 ก็รุนแรงกว่าคนอื่นนะครับตัวตนที่ไม่มั่น
00:00:26 → 00:00:29 คงคืออะไรนะครับอย่างแรกอ่าสมมุติผมมีตัว
00:00:29 → 00:00:32 ตนที่มั่นคงงแล้วกันนะครับสมมุติผมสอบได้
00:00:32 → 00:00:34 คะแนนที่ไม่ดีนะครับผมจะไม่ให้ไม่ให้การ
00:00:34 → 00:00:37 สอบได้คะแนนที่ไม่ดีเนี่ยมาบอกว่าผมเนี่ย
00:00:37 → 00:00:40 ไม่มีคุณค่านะครับเพราะว่าผมก็ตั้งใจอ่าน
00:00:40 → 00:00:43 หนังสืออ่าอ่านหนังสือทุกวันเลยนะครับ
00:00:43 → 00:00:46 เป็นนักเรียนที่ดีไม่โกงข้อสอบนะครับเป็น
00:00:46 → 00:00:49 พ่อเอ่อเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่นะครับเป็น
00:00:49 → 00:00:52 เพื่อนที่ดีนะครับผมจะไม่ให้การสอบได้
00:00:52 → 00:00:54 คะแนนที่ไม่ดีเนี่ยมาบอกว่าผมเนี่ยไม่มี
00:00:54 → 00:00:56 คุณค่าในฐานะมนุษย์คนนึงนะครับอันนี้คือ
00:00:56 → 00:00:58 ตัวตนที่มั่นคงสมมุติเรามีตัวตนที่ไม่
00:00:58 → 00:01:01 มั่นคงเนี่ยมันเกิดอะไรขึ้นนะครับมันทำ
00:01:01 → 00:01:04 ให้เราเนี่ยจริงๆไม่รู้ว่าเราเป็นยังไง
00:01:04 → 00:01:06 ที่โลกภายในของเราเนี่ยเราไม่รู้เราเป็น
00:01:06 → 00:01:10 คนยังไงมันทำให้อะไรนะครับมันทำให้อ่าเรา
00:01:10 → 00:01:12 จะเป็นคนดีไม่ดีมีคุณค่าไม่มีคุณค่าเนี่ย
00:01:12 → 00:01:16 ขึ้นกับภายนอกบอกว่าเราเป็นยังไงมันเลยทำ
00:01:16 → 00:01:18 ให้เวลาเราจะเป็นคนยังไงเนี่ยขึ้นกับภาย
00:01:18 → 00:01:21 นอกเนี่ยดูแลเรายังไงนะครับยกตัวอย่าง
00:01:21 → 00:01:23 เช่นสมมุติแฟนดูแลเราด้วยความรักและความ
00:01:23 → 00:01:26 ห่วงใยเราก็รู้สึกว่าเรารักตัวเองแลเรามี
00:01:26 → 00:01:29 คุณค่ามีแฟนเปลี่ยนไปนิดนึงงานยุ่งนิด
00:01:29 → 00:01:32 หน่อยไปต่างจังหวัดนะครับไม่ได้คุยกับเรา
00:01:32 → 00:01:35 เหมือนเดิมนะครับเราก็จะสงสัยว่าเอ้ยแฟน
00:01:35 → 00:01:38 เปลี่ยนไปแฟนไม่รักเราหรือเปล่าพอแฟนไม่
00:01:38 → 00:01:40 รักเราเราก็รู้สึกว่าเราไม่มีคุณค่าแล้ว
00:01:40 → 00:01:43 มันก็ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในแง่ของความ
00:01:43 → 00:01:46 สัมพันธ์นะครับมันทำให้เวลาเราคบกับใครนะ
00:01:46 → 00:01:48 ครับมันต้องคล้ายๆ Pretend To Be
00:01:48 → 00:01:51 Someone ยกตัวอย่างเช่นเราคบกับแฟนคนนึง
00:01:51 → 00:01:54 ช่วงคบกันแรกๆเชอบเล่นกีฬานี้จริงๆเราไม่
00:01:54 → 00:01:58 ได้ชอบขนาดนั้นแต่ว่าแฟนชอบเราเลยต้องชอบ
00:01:58 → 00:02:01 ตามเพราะว่าถ้าเรากลัวว่าเขาจะไม่รักเรา
00:02:01 → 00:02:03 ถ้าเราไม่ชอบตามเค้าถึงชุดนึงเราฝืนไปได้
00:02:04 → 00:02:06 4-5 เดือนนะครับแฟนก็รู้สึกว่าเอ้ยคุณก็
00:02:06 → 00:02:08 ไม่ได้ชอบกีฬานี้ขนาดนั้นนี่แฟนก็จะแบบ
00:02:08 → 00:02:11 ไม่ได้ชวนคุณไปและพอเ้าไม่ได้ชวนคุณคุณก็
00:02:11 → 00:02:14 จะทริกเกอร์ว่าเอ้ยแฟนเปลี่ยนไปแฟนไม่รัก
00:02:14 → 00:02:17 เราหรือเปล่าเราไม่มีคุณค่าหรอนะครับทำ
00:02:17 → 00:02:19 ให้ความสัมพันธ์เนี่ยมันไม่มั่นคงเกิด
00:02:19 → 00:02:21 ขึ้นนะครับเวลาแฟนเปลี่ยนไปนิดนึงเรารู้
00:02:21 → 00:02:24 สึกว่าเราไม่มีคุณค่าเรารู้สึกว่างเปล่า
00:02:24 → 00:02:27 เรากังวลใจมากๆนะครับอันเนี้ยเป็นอ่าคอ
00:02:27 → 00:02:30 ฟีเจอร์อันแรกก็คือรู้สึกว่าตัวตนไม่มั่น
00:02:30 → 00:02:32 คงมันทำให้เกิดอาการของ borderline
00:02:32 → 00:02:33 personality disorder หลายๆอย่างนะครับ
00:02:33 → 00:02:36 ตามเกณฑ์การวินิจฉัยอย่างเช่นอย่างแรกก็
00:02:36 → 00:02:38 คือตัวตนที่ไม่มั่นคงหรือ Identity
00:02:38 → 00:02:40 disturbance นะครับอย่างที่ 2 คือความ
00:02:40 → 00:02:42 สัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงหรือ unstable
00:02:42 → 00:02:45 relationship อ่าอย่างที่ 3 นะครับคือมี
00:02:45 → 00:02:48 ความกลัวว่าเขาจะทอดทิ้งเราอยู่ตลอดหคือ
00:02:48 → 00:02:49 Fear of abandonment ใช่่ไหมมครับ
00:02:49 → 00:02:51 อย่างที่ 4 คือมีความรู้สึกว่างเปล่าหรือ
00:02:51 → 00:02:54 chronic Feeling of emptiness นะครับ
00:02:54 → 00:02:56 อันนี้คืออย่างแรกเรื่องของตัวตนที่ไม่
00:02:56 → 00:03:00 มั่นคงอีกอย่างที่เป็นปัญหาคนไข้ bpd
00:03:00 → 00:03:02 เนาะก็คือเป็นการจับอารมณ์ลบที่ไวแล้วก็
00:03:02 → 00:03:05 รุนแรงกว่าคนอื่นนะครับเราพบว่าในคนไข้
00:03:05 → 00:03:09 ppd มีงานวิจัยรองรับเลยว่าสมองส่วนอิา
00:03:09 → 00:03:12 เนี่ยเล็กกว่าคนอื่นสมองส่วนอิาเนี่ยทำ
00:03:12 → 00:03:13 หน้าที่เกี่ยวกับเรื่องของการควบคุม
00:03:13 → 00:03:15 อารมณ์ทำให้เขาเนี่ยควบคุมอารมณ์ได้ไม่
00:03:15 → 00:03:18 ค่อยดีเท่าคนทั่วไปนะครับอย่างต่อไปเราพบ
00:03:18 → 00:03:23 ว่าคนไข้ bpd นะครับมีการจับอารมณ์ลบผ่าน
00:03:23 → 00:03:26 สีหน้าได้ไวกว่าคนทั่วไปในงานวิจัยเนี่ย
00:03:26 → 00:03:29 เราพบว่าอ่าคนทั่วไปเนี่ยจะจับอารมณ์ลบ
00:03:29 → 00:03:32 ทางสีได้ได้ที่ประมาณ 82% ของการแสดงสี
00:03:32 → 00:03:35 หน้าที่เป็นอารมณ์ลบแต่ถ้าเป็นคนไข้ bpd
00:03:35 → 00:03:38 เนี่ยเจับได้ไวัที่ประมาณ 73% ก็คือเขา
00:03:38 → 00:03:40 จับอารมณ์ลบผ่านสีหน้าของคนได้ไวกว่าคน
00:03:40 → 00:03:43 ทั่วไปนะครับอย่างต่อไปที่เราพบนะครับก็
00:03:43 → 00:03:49 คือเราพบว่าคนไ bpd เนี่ยอ่าจะจับอ่าสิ่ง
00:03:49 → 00:03:51 ที่สิ่งที่เข้ามาเที่มันเป็นคล้ายๆสิ่ง
00:03:51 → 00:03:55 ปกติหรือสิ่งที่เป็นบวกเนี่ยเแปลความเป็น
00:03:55 → 00:03:58 ลบได้ไวกว่าคนทั่วไปทำให้เกิดอาการนะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ก็คือว่าอารมณ์เนี่ยมันจะพุ่งเร็วโกรธก็
00:04:01 → 00:04:04 โกรธเร็วมากปี๊ดเลยนะฮะรู้สึกผิดรู้สึก
00:04:04 → 00:04:07 ผิดมากรุนแรงเลยแล้วก็จะมีพฤติกรรมที่มัน
00:04:07 → 00:04:09 หุนหันพัน์แล่นที่ตอบสนองกับอารมณ์ที่มัน
00:04:09 → 00:04:12 พุ่งเร็วนะครับยกตัวอย่างเช่นนะฮะสมมุติ
00:04:13 → 00:04:15 คนเราปกติเจอเรื่องๆนึงเนี่ยสัก 10
00:04:15 → 00:04:17 วินาทีถึงจะโกรธแล้วจะโกรธอยู่ประมาณสัก
00:04:17 → 00:04:20 ชั่วโมงนึง 10 นาทีแล้วก็หายอย่างงี้นะ
00:04:20 → 00:04:22 ครับแต่คนให้ bpd นะฮะจะโกรธตั้งแต่
00:04:22 → 00:04:24 วินาทีแรกเลยแล้วอาจจะโกรธเป็นวันได้เลย
00:04:24 → 00:04:27 นะครับหรือบางคนจะโกรธเร็วลงเร็วก็ได้นะ
00:04:27 → 00:04:30 ครับมันทำให้เกิดอาการของคนไข bpd หลายๆ
00:04:30 → 00:04:32 อย่างที่อยู่ในเกณฑ์การวินิจฉัยนะครับอ่า
00:04:32 → 00:04:34 ข้อแรกก็คือ 1 คืออารมณ์ไม่คงที่นะครับ
00:04:34 → 00:04:37 แล้วก็อารมณ์ปีดเร็วนะฮะก็จะเป็นตรงกับ
00:04:37 → 00:04:41 ข้ออ่าข้อ 6 ของเกณฑ์ควินิจฉัย effective
00:04:41 → 00:04:43 instability Due to Mark reactivity
00:04:43 → 00:04:46 of mood นะครับอย่างที่ 2 นะครับก็คือ
00:04:46 → 00:04:48 มีความโกรธที่ไม่สมเหตุสมผลและควบคุมความ
00:04:48 → 00:04:50 โกรธไม่ได้นะครับก็อยู่ในเกณฑการวินิจฉัย
00:04:50 → 00:04:53 ข้อ 8 inappropriate intense Anger or
00:04:53 → 00:04:55 difficult to Control Anger นะครับ
00:04:55 → 00:04:57 อ่าเกณฑ์อีกข้อนึงที่เข้าได้ก็คือมีทำ
00:04:57 → 00:05:00 อะไรที่มันเสี่ยงแล้วหุ่นหันพันแรกนะครับ
00:05:00 → 00:05:03 ก็จะเป็นข้อข้อ 4 impulsivity นะครับและ
00:05:03 → 00:05:05 อีกอย่างนึงก็คือมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง
00:05:05 → 00:05:07 นะครับพฤติกรรมทำร้ายตัวเองในคนให้ ppd
00:05:07 → 00:05:10 ก็จะเป็นเกณฑ์การวินิจฉัยข้อ 5 recurrent
00:05:10 → 00:05:11 suicidal Behavior หรือว่า Self
00:05:11 → 00:05:13 manipulating Behavior นะครับซึ่งการทำ
00:05:13 → 00:05:15 ร้ายตัวเองในคให้ bpd เนี่ยจริงๆเป็นการ
00:05:15 → 00:05:18 จัดการอารมณ์ของเค้านะครับทำให้แบบคนข้า
00:05:18 → 00:05:21 จะบอกว่ามันรู้สึกว่างเปล่ารู้สึกแย่ภาย
00:05:21 → 00:05:23 ในใจเนี่ยมันต้องมีความรู้สึกทางกายเพื่อ
00:05:23 → 00:05:26 มาดึงอารมณ์ของเค้านะครับถึงจะอารมณ์มัน
00:05:26 → 00:05:28 จะนิ่งขึ้นนะครับอันนี้ก็เป็น 8 ข้อนะนะ
00:05:28 → 00:05:31 ในเกณฑการวินิจฉัยส่วนข้อที่ 9 เนี่ย
00:05:31 → 00:05:33 เรียกว่า dissociation มันคือบุคลิก
00:05:33 → 00:05:36 วิปลาสนะครับมันเริ่มไอ้อันอาการนี้มัน
00:05:36 → 00:05:38 เกิดจากทั้ง 2 อย่างเลยคือตัวตนที่ไม่
00:05:38 → 00:05:41 มั่นคงบวกกับอารมณ์ที่มันปรีดเร็วพุ่ง
00:05:41 → 00:05:44 เร็วลงเร็วนะครับทั้ง 2 เยมันทำให้เกิด
00:05:44 → 00:05:46 ว่ามันเหมือนตัวเราเนี่ยไม่มีตัวตนแล้วก็
00:05:46 → 00:05:48 มันเกิดการ dissociate dissociate คือ
00:05:48 → 00:05:51 แบบแบบเหมือนไม่มีตัวตนของตัวเองแล้วมัน
00:05:51 → 00:05:53 dissociate ออกไปอย่าเงี้นะครับลองฟัง
00:05:53 → 00:05:56 ได้ในคลิปนี้แล้วะกันบุคลิกวิปลาสนะครับ
00:05:56 → 00:05:58 ทีนี้สาเหตุของไอ้ตัวตนที่ไม่มั่นคงกับ
00:05:58 → 00:06:01 อารมณ์ลบที่มันไวมากๆเนี่ยเกิดจากากอะไร
00:06:01 → 00:06:04 นะฮะก็ต้องบอกว่าเกิดจากทั้งพันธุกรรม
00:06:04 → 00:06:06 แล้วก็สิ่งแวดล้อมนะครับพันธุกรรมเนี่ย
00:06:06 → 00:06:10 เราพบว่าถ้าคนในครอบครัวเป็น bpd หรือมี
00:06:10 → 00:06:12 ปัญหาควบคุมอารมณ์แล้วมีความหุ่นหันพัน
00:06:12 → 00:06:16 แล่นก็จะเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกเนี่ยเป็น
00:06:16 → 00:06:18 borderline personality disorder ได้
00:06:18 → 00:06:20 ง่ายกว่าคนอื่นแต่ต้องบวกกับสิ่งแวดล้อม
00:06:20 → 00:06:22 ด้วยนะครับสิ่งแวดล้อมคือเติบโตมาในสิ่ง
00:06:22 → 00:06:26 แวดล้อมที่มีคล้ายๆ tra หรือบาดแผลทางใจ
00:06:26 → 00:06:28 ก็เป็นทั้งพันธุกรรมและก็สิ่งแวดล้อมรวม
00:06:29 → 00:06:32 กันทำให้เกิด bpd ได้นะครับทีนี้ถ้าถาม
00:06:32 → 00:06:36 ว่ามันรักษาหายแค่ไหนนะครับก็ต้องบอกว่า
00:06:36 → 00:06:38 ดูตามวิจัยอันนี้นะครับเาพบว่าเคตามดูคน
00:06:38 → 00:06:42 ไข้ bpd ที่ระยะ 10 ปีหลังจากรักษานะเคพบ
00:06:42 → 00:06:45 ว่า 88% ของคนไข้เนี่ยอาการสงบนะครับคือ
00:06:45 → 00:06:48 แปลว่ามันเป็นโรคที่รักษาหายได้เยอะนะฮะ
00:06:48 → 00:06:50 คืออาการสงบในที่นี่หมายถึงว่ามันอาการ
00:06:50 → 00:06:52 เนี่ยอาจจะหลงเร็วอยู่บ้างแต่ว่าไม่ได้
00:06:52 → 00:06:55 ครบเกณฑ์การวินิจฉัยโรค bpd นะครับเราก็
00:06:55 → 00:06:58 จะเรียกว่าอาการสงบนะครับทีนี้ถามว่าการ
00:06:58 → 00:07:01 รักษาเนี่ยมีวิธีการอะไรบ้างนะก็การรักษา
00:07:01 → 00:07:04 มีทั้งการหลักๆจะเป็นการทำจิตบำบัดนะครับ
00:07:04 → 00:07:07 ยาเป็นแค่การรักษาที่ตามอาการเฉยๆนะฮะจิต
00:07:07 → 00:07:10 บำบัดของ bpd เนี่ยเราจะแนะทำเรียกว่ามี
00:07:10 → 00:07:13 แบบมาตรฐานเลยนะเรียกว่า di Electrical
00:07:13 → 00:07:15 Behavior therapy หรือ dbt นะฮะมันเป็น
00:07:16 → 00:07:19 ส่วนผสมระหว่าง mindfulness บวกกับ cbt
00:07:19 → 00:07:21 mindfulness คือการฝึกสติ cbt คือการ
00:07:21 → 00:07:24 ปรับความคิดและพฤติกรรมนะครับลองศึกษากัน
00:07:24 → 00:07:27 ได้การฝึกสถิติเนี่ช่วยในคนไข้ bpd เยอะ
00:07:27 → 00:07:29 เพราะว่าทำให้รู้ทันอารมณ์ของตัวเองและ
00:07:29 → 00:07:32 และไม่เป็นทาสของอารมณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ
00:07:32 → 00:07:35 มีการรักษาอื่นๆนะครับถ้าคนให้มี tra เรา
00:07:35 → 00:07:38 อาจจะทำ emdr ก็ได้ emdr คือการ Eye
00:07:38 → 00:07:41 movement desensitize reprocessing ก็
00:07:41 → 00:07:43 คือเป็นการอ่าถ้ามีบาดแหทางใจมันจะทำให้
00:07:43 → 00:07:47 เกิดปมบางอย่างในสมองมันก็เป็นการไปแก้ปม
00:07:47 → 00:07:49 พวกนั้นนะครับประมาณนั้นก็จะช่วยได้
00:07:49 → 00:07:51 เหมือนกัน emdr หรือว่าเป็นการทำประบัติ
00:07:51 → 00:07:54 cpt เฉยๆก็ได้นะครับหรือว่าเป็นการแบบมี
00:07:54 → 00:07:58 แฟนที่เค้ามั่นคงพอให้เรามีความสัมพันธ์
00:07:58 → 00:08:02 ที่มั่นคงนะครับ bpd ก็จะค่อยๆดีขึ้นนะ
00:08:02 → 00:08:05 ครับแล้วก็อ่าการรักษาด้วยยานะครับการ
00:08:05 → 00:08:07 รักษาด้วยยาเนี่ยเราจะใช้ส่วนใหญ่จะใช้
00:08:07 → 00:08:10 เฉพาะคนไข้ที่มีวินิจฉัยโรคร่วมอื่นๆเช่น
00:08:10 → 00:08:13 คนไเป็นซุมเศร้าเป็นวิตกกวลเป็นไบโพล่า
00:08:13 → 00:08:16 แล้วก็ให้ยารักษากลุ่มพวกนั้นนะครับหรือ
00:08:16 → 00:08:19 ถ้าคนแไม่ได้มีโรคร่วมแต่ว่ามีอาการเยอะ
00:08:19 → 00:08:22 นะครับเราจะมีการให้ยาเช่นมีปัญหาคู่ภรม
00:08:22 → 00:08:24 เราก็มีการให้ยาที่ช่วยคูมอารม์ให้ได้มี
00:08:25 → 00:08:27 อารมณ์เศร้าบ่อยเราอาจจะให้ยาต้านเศร้า
00:08:27 → 00:08:29 ช่วยก็ได้นะครับก็น่าจะประมาณนี้ครับ
00:08:29 → 00:08:31 สำหรับคนไข้ bpd หรือ borderline
00:08:31 → 00:08:34 personality disorder อ่ายาวนิดนึงคลิป
00:08:34 → 00:08:37 นี้นะครับก็ค่อนข้างละเอียดสรุปว่า bpd เ
00:08:37 → 00:08:39 เป็นโรคที่จริงๆหายได้โอกาสหายเนี่ยสูง
00:08:39 → 00:08:42 มากเลยนะครับก็ลองเข้ารับการรักษาดูนะ
00:08:42 → 00:08:44 ครับ