00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell ัง for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:31 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับคุณผู้ฟังทุกท่าน
00:00:31 → 00:00:34 เข้าสู่ฟัง for He podcast ค่ะอีกหนึ่ง
00:00:34 → 00:00:37 รายการดีๆนะคะที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:37 → 00:00:39 เกี่ยวกับสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์โดย
00:00:39 → 00:00:41 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์
00:00:41 → 00:00:44 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะวันนี้พบกับทิป
00:00:44 → 00:00:46 สมัชญานอ่านักประชาสัมพันธ์จากงาน
00:00:46 → 00:00:49 ประชาสัมพันธ์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:00:49 → 00:00:52 เชียงใหม่เช่นเคยนะคะเราพบกันเป็นประจำ
00:00:52 → 00:00:54 ทุกสัปดาห์แบบนี้เลยค่ะวันนี้เราจะมาคุย
00:00:54 → 00:00:58 กันเรื่องของตากระตุกค่ะเชื่อว่าคุณผู้
00:00:58 → 00:01:00 ฟังหลายท่านที่ฟังรายการอยู่วันนี้น่าจะ
00:01:00 → 00:01:04 มีความเชื่อที่ว่าควาร้ายซ้ายดีใช่มั้ยคะ
00:01:04 → 00:01:07 เดี๋ยววันนี้มาฟังกันค่ะว่าในทางการแพทย์
00:01:07 → 00:01:11 ขวาร้ายซ้ายดีจริงหรือไม่หรือที่จริงแล้ว
00:01:11 → 00:01:14 ตากระตุกเราเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายอะไร
00:01:14 → 00:01:17 ได้บ้างนะคะเดี๋ยววันนี้ 1 ท่านค่ะที่จะ
00:01:17 → 00:01:20 มาให้ข้อมูลกับเรานะคะขอต้อนรับรอง
00:01:20 → 00:01:25 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงลินดาหันสพิทยาคม
00:01:25 → 00:01:28 หาวิทยาลัยเชียงใหม่สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ
00:01:28 → 00:01:31 คะสวัสดีค่ะค่ะค่ะอย่างที่บอกเลยว่าวัน
00:01:31 → 00:01:34 นี้เราจะคุยกันเรื่องของตาเชื่อว่าหลายคน
00:01:34 → 00:01:37 น่าจะมีความเชื่อเกี่ยวกับขวาร้ายซ้ายดี
00:01:37 → 00:01:41 ค่ะอาจารย์วันนี้จะมาฟังมือฟังในแนวทาง
00:01:41 → 00:01:43 การแพทย์กันบ้างว่าจริงๆแล้วขวาร้ายซ้าย
00:01:43 → 00:01:46 ดีจริงหรือเปล่านะคะความเชื่อที่ว่าตา
00:01:46 → 00:01:50 กระตุกขวาร้ายซ้ายดีในทางการแพทย์อาจารย์
00:01:50 → 00:01:53 มองเรื่องนี้ยังไงบ้างคะถ้าถามตามทฤษฎี
00:01:53 → 00:01:56 เลยนะคะทางการแพทย์ก็คงไม่ได้มีความเชื่อ
00:01:56 → 00:02:00 นี้ค่ะอการที่เ่อกล้ามเนื้อตามีการกระตุก
00:02:00 → 00:02:04 หรือว่ามีการเขม็นก็อาจจะเกิดจากโรคได้
00:02:04 → 00:02:07 ค่ะอน่าจะไม่ได้เกิดจากดวงหรืออะไรประมาณ
00:02:07 → 00:02:09 นได้เกี่ยวกับขวาลายซ้าดีนะคะอาารคิดว่า
00:02:09 → 00:02:13 นะคะค่ะค่ะแล้วอย่างตากระตุกที่เราเป็น
00:02:13 → 00:02:16 กันอยู่บ่อยๆจริงๆแล้วสาเหตุการเกิดมันมา
00:02:16 → 00:02:19 จากอะไรได้บ้างคะอาจารย์ค่ะคนไข้ที่มี
00:02:19 → 00:02:21 ปัญหาเรื่องของหนังตากระตุกเนี่ยเรา
00:02:21 → 00:02:24 สามารถที่จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มโรคใหญ่ใหญ่
00:02:24 → 00:02:27 นะคะอันแรกก็คือเป็นกล้ามเนื้อเปลือกตา
00:02:27 → 00:02:31 เขมนก็คือมีการกระตุกเล็กๆน้อยๆหรือว่า
00:02:31 → 00:02:34 เราจะรู้สึกว่ามันเป็นพริ้วๆเฉยๆนะคะซึ่ง
00:02:34 → 00:02:38 ในกลุ่มนี้เนี่ยมักจะเป็นแค่ข้างเดียว
00:02:38 → 00:02:41 แล้วก็ส่วนใหญ่มักจะเป็นแค่เปลือกตาบน
00:02:41 → 00:02:44 หรือเปลือกตาล่างก็คือจะไม่ได้เอ่อกระตุก
00:02:44 → 00:02:47 พร้อมกันทั้งบนและล่างนะคะซึ่งกลุ่มนี้ก็
00:02:47 → 00:02:50 จะเป็นกลุ่มที่เจอได้ค่อนข้างบ่อยค่ะแล้ว
00:02:50 → 00:02:54 ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุอใช่กลุ่มที่
00:02:54 → 00:02:56 2 ก็จะเป็นกลุ่มที่เราเรียกว่าเป็นกล้าม
00:02:56 → 00:02:59 เนื้อเปลือกตากริงกระตุกซึ่งอันเนี้ยมัน
00:02:59 → 00:03:02 ก็จะจะกระตุกทั้งเปิดตาบนและล่างแล้วก็
00:03:02 → 00:03:05 มักจะเป็นทั้ง 2 ตานะคะ 2 ข้างเลยใช่มใช่
00:03:05 → 00:03:09 เป็นทั้ง 2 ข้างแล้วก็ความรุนแรงก็คล้ายๆ
00:03:09 → 00:03:12 อันแรกเลยค่ะก็คือสามารถเป็นตั้งแต่น้อยๆ
00:03:12 → 00:03:14 หรือบางครั้งอาจจะกระตุกจนลืมตาไม่ขึ้น
00:03:15 → 00:03:18 เลยก็ได้ก็คือรุนแรงถึงขั้นลืมตาไม่ขึ้น
00:03:19 → 00:03:21 ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายในชีวิตประจำวัน
00:03:21 → 00:03:25 เช่นคนไข้อาจจะกำลังขับรถอยู่แล้วเกิดการ
00:03:25 → 00:03:27 กระตุกจนกระพริบคล้างแล้วก็ไม่สามารถลืม
00:03:27 → 00:03:30 ตาได้ก็ทำให้คนไข้อาจจะมีอันตรายเนื่อง
00:03:30 → 00:03:34 จากว่าขับรถอยู่ค่ะส่วนกลุ่มโรคที่ 3 จะ
00:03:34 → 00:03:37 เป็นกลุ่มโรคที่มีการกระตุกของหนังตาเนาะ
00:03:37 → 00:03:39 มักจะเป็นแค่ข้างเดียวแต่ว่าจะมีการ
00:03:39 → 00:03:43 กระตุกของใบหน้าข้างนั้นๆร่วมด้วยนะคะ
00:03:43 → 00:03:46 ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นโรคที่เอ่อมีสาเหตุที่
00:03:46 → 00:03:49 อันตรายด้วยค่ะค่ะนี้คือ 3 กลุ่มใหญ่ๆที่
00:03:49 → 00:03:52 อาจารย์พูดให้เราเห็นภาพว่าจริงๆแล้วตา
00:03:52 → 00:03:55 กระตุกมันเกิดจากอะไรได้บ้าง 3 กลุ่มแบบ
00:03:55 → 00:03:58 นี้แล้วก็มีอาการแบบไหนบ้างพูดถึงแต่ละ
00:03:58 → 00:04:00 กลุ่มอาการ
00:04:00 → 00:04:03 ค่ะอาจารย์คะแต่ละกลุ่มอาการเสี่ยงที่จะ
00:04:03 → 00:04:08 เป็นโรคอะไรได้บ้างคะโอเคก็เอากลุ่มแรกนะ
00:04:08 → 00:04:10 คะที่เมื่อเมื่อสักครู่เราเกริไว้ก็คือ
00:04:10 → 00:04:14 กล้ามเนื้อเปลือตาเขม่นค่ะเ่ามักจะเป็น
00:04:14 → 00:04:17 แค่ข้างเดียวอเป็นแค่เปิดตาบนหรือเปิดตา
00:04:17 → 00:04:19 ล่างแล้วก็มักจะไม่ค่อยรุนแรงนะคะส่วน
00:04:19 → 00:04:23 ใหญ่ก็จะกระตุกประมาณซักเป็นวินาทีแล้วก็
00:04:23 → 00:04:25 หายไปแต่ว่าบางรายอาจจะนานเป็นนาทีหรือ
00:04:25 → 00:04:28 ชั่วโมงได้นะคะแล้วก็เป็นเป็นหายๆส่วน
00:04:28 → 00:04:32 ใหญ่มันก็จะหายไปไม่ค่อยเป็นนานนะคะสัก
00:04:32 → 00:04:35 อาทิตย์นึงไม่ค่อยเกินอาทิตย์ก็ก็จะหายไป
00:04:35 → 00:04:38 เองนะคะซึ่งอันเนี้ยมักจะไม่ได้เกิดจาก
00:04:38 → 00:04:41 โรคที่อันตรายนะคะไม่ได้เกิดจากสาเหตุจาก
00:04:41 → 00:04:44 ในสมองแล้วก็ทางการแพทย์จริงๆก็ยังไม่
00:04:44 → 00:04:47 ทราบสาเหตุค่ะแต่ว่าเราเชื่อว่ามักจะ
00:04:47 → 00:04:50 สัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงบางอย่างนะคะที่
00:04:50 → 00:04:54 ทำให้เราเกิดอาการนั่นก็คือเอ่อความ
00:04:54 → 00:04:57 เครียดพักผ่อนน้อยนะคะมีความเหนื่อยล้า
00:04:57 → 00:05:01 ทานคาเฟอีนมากเกินไปดื่มแอลกอฮอหรือว่ามี
00:05:01 → 00:05:04 การสูบบุหรี่หรือบางครั้งอาจจะกระตุ้น
00:05:04 → 00:05:06 ด้วยอาการที่มีสาเหตุที่ทำให้เกิดราคาย
00:05:07 → 00:05:10 เคืองในตาข้างนั้นๆก็ทำให้เกิดเปือกตา
00:05:10 → 00:05:13 เขม็นได้ซึ่งมักจะไม่ค่อยสัมพันธ์กับโลก
00:05:13 → 00:05:16 ทางสมองเท่าไหร่ค่ะคือเหมือนอาการแรกคือ
00:05:17 → 00:05:20 เป็นอาการเพียงเล็กน้อยใช่คะแล้วก็ซึ่งก็
00:05:20 → 00:05:24 เป็นอันที่พวกเรามักจะพูดถึงก็คือคดีี่ค
00:05:24 → 00:05:26 ค่ะประมาณนั้นใช่ค่ะแล้วส่วนใหญ่ลอง
00:05:26 → 00:05:28 สังเกตดูก็มักจะไม่มีอาการอื่นร่วมแต่
00:05:29 → 00:05:32 จริงๆแล้วเอ่อถ้าเราพักผ่อนดีๆคายความ
00:05:32 → 00:05:35 เครียดอะไรประมาณนี้มันก็จะค่อยๆหายไปค่ะ
00:05:35 → 00:05:38 ค่ะอืก็จะหายเองได้ใช่มคะใช่อย่างบางคน
00:05:38 → 00:05:41 บอกว่าขวาลายซะดีเอามือหยิบๆปัดๆทิ้งก็
00:05:41 → 00:05:43 หายแล้วนะคะอาจารย์อันนี้คือความเชื่อใช่
00:05:43 → 00:05:46 แต่จริงๆคือมันก็จะหายของมันเองอยู่แล้ว
00:05:46 → 00:05:48 ประมาณนั้นค่ะเพราะว่าไม่ได้เกิดจากอ่า
00:05:48 → 00:05:51 สาเหตุที่อันตรายค่ะส่วนกลุ่มโรคที่ 2 ก็
00:05:51 → 00:05:54 คือกล้ามเนื้อเปือตากรงกระตุกที่เมื่อกี้
00:05:54 → 00:05:57 เกริ่นไว้ว่ามันจะเป็นทั้ง 2 ข้างเนาะมัก
00:05:57 → 00:06:00 จะเป็น 2 ข้างอันนี้ก็จริงๆแล้วก็ยังไม่
00:06:00 → 00:06:04 ทราบสาเหตุที่แน่ชัดนะคะแต่ก็มีบางทฤษฎี
00:06:04 → 00:06:08 คิดว่าเกิดจากมีความผิดปกติของสมองบริเวณ
00:06:08 → 00:06:13 ที่เราเรียกว่าเซอแกงเกลี่ยซึ่งคำอ่ออ่า
00:06:13 → 00:06:15 ส่วนประกอบคำว่าเซอแกงเกรี่เนี่ยเป็นส่วน
00:06:15 → 00:06:18 หนึ่งของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ
00:06:18 → 00:06:21 กล้ามเนื้อค่ะประสานการเคลื่อนไหวของ
00:06:21 → 00:06:23 กล้ามเนื้อแล้วก็ความตึงของกล้ามเนื้อ
00:06:23 → 00:06:25 เพราะฉะนั้นเชื่อว่าถ้ามันมีความผิดปกติ
00:06:25 → 00:06:28 ของสมองส่วนนี้ก็อาจจะทำให้กล้ามเนื้อใน
00:06:28 → 00:06:30 ร่างกายมีความผิดปกติอย่างเช่นกล้ามเนื้อ
00:06:30 → 00:06:33 รอบดวงตาก็อาจจะกระตุกผิดปกติมากขึ้นกว่า
00:06:33 → 00:06:37 ปกติในบางรายอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาโต้ตอบ
00:06:37 → 00:06:40 ที่ควบคุมไม่ได้ที่เราเรียกว่ารีเฟลกนะคะ
00:06:40 → 00:06:43 พวกนี้ส่วนใหญ่เกิดจากมีโรคตาที่ผิดปกติ
00:06:43 → 00:06:47 อย่างเช่นตาแห้งค่ะหรือว่ามีตาอักเสบค่ะ
00:06:47 → 00:06:50 ซึ่งถ้าเกิดว่าเตากระตุกนั้นเกิดจากภาวะ
00:06:50 → 00:06:53 ตาแห้งหรือตาอักเสบเปื่อตาอักเสบเราต้อง
00:06:53 → 00:06:56 รักษาค่ะถ้าเรารักษาเรื่องของตาแห้งตา
00:06:56 → 00:06:59 อักเสบดีขึ้นเรื่องของหนังตากระตุก็จะดี
00:06:59 → 00:07:02 ขึ้นค่ะค่ะแต่ว่ากลุ่มอาการที่ 2 เนี่ยใน
00:07:02 → 00:07:05 บางรายก็อาจจะสัมพันธ์กับโรคทางสมองบาง
00:07:05 → 00:07:08 โรคได้นะคะไม่ว่าจะเป็นโรคของปอบประสาท
00:07:08 → 00:07:11 เสื่อมค่ะหรือว่ากลุ่มของภูมิกันบกล่อง
00:07:11 → 00:07:14 ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทใช่ค่ะเพราะ
00:07:14 → 00:07:17 ฉะนั้นเราก็อาจจะต้องมาตรวจละเอียดโดย
00:07:17 → 00:07:20 แพทย์ว่าเรามีอ่าความผิดปกติอย่างอื่น
00:07:20 → 00:07:22 ร่วมด้วยหรือเปล่าถ้ามีความผิดปติอย่าง
00:07:22 → 00:07:23 อื่นร่วมด้วยก็อาจจะต้องตรวจเพิ่มเติม
00:07:23 → 00:07:27 เพื่อหาสาเหตุค่ะอืกลุ่มอาการที่ 2 ก็จะ
00:07:27 → 00:07:30 เหมือนจะเป็นเยอะกว่าอาการเยอะขึ้นใช่นิด
00:07:30 → 00:07:34 ใช่ค่ะแต่ว่ามันก็ยังมีเอ่อปัจจัยเสี่ยง
00:07:34 → 00:07:37 อีกอันนึงที่ทำให้อาการของคนไข้เป็นเพิ่ม
00:07:37 → 00:07:41 ขึ้นก็ได้แก่ความเครียดเหมือนเดิมค่ะความ
00:07:41 → 00:07:44 เครียดก็ก็ยังเป็นเ่อสาเหตุที่ทำให้ภาวะ
00:07:44 → 00:07:47 หนังตากระตุกเป็นเพิ่มขึ้นได้ค่ะกลุ่ม
00:07:47 → 00:07:50 อาการที่ 3 ก็คือเป็นกระตุของหนังตาเ่อ
00:07:50 → 00:07:52 ข้างใดข้างนึงร่วมกับใบหน้ากระตุกร่วม
00:07:52 → 00:07:55 ด้วยนะคะซึ่งอันนี้เนี่ยเนื่องจากว่าตัว
00:07:55 → 00:07:58 กล้ามเนื้อหน้าเนี่ยควบคุมด้วยเส้นประสาท
00:07:58 → 00:08:01 สมองคู่ที่ 7 นะคะเพราะงั้นถ้าในคนไข้ที่
00:08:02 → 00:08:04 มีการกระตุกของใบหน้าครึ่งซีกเนี่ยมักจะ
00:08:04 → 00:08:08 มีสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของอะไรก็
00:08:08 → 00:08:11 ตามที่ไปกระตุ้นหรือว่าไปทำให้เส้นประสาท
00:08:11 → 00:08:15 สมองคู่ที่ 7 ผิดปกติอย่างเช่นหลอดเลือด
00:08:15 → 00:08:19 ตรงบริเวณศีรษะและคอไปกดเส้นประสาทสมอง
00:08:19 → 00:08:22 คู่ที่ 7 นะคะหรือว่าเคยได้รับอุบัติเหตุ
00:08:22 → 00:08:26 ของสมองอ่าเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 หรือ
00:08:26 → 00:08:29 เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เคยอักเสบมาก่อน
00:08:29 → 00:08:32 ค่ะนี้ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะเ่าใบหน้า
00:08:32 → 00:08:36 ครึ่งซี่กระตุกตามมาได้นะคะอืเพราะฉะนั้น
00:08:36 → 00:08:40 ในกลุ่มนี้อ่าจริงๆสาเหตุมันอาจจะเกิดจาก
00:08:40 → 00:08:43 โรคที่อันตรายได้บางรายอาจจะเกิดจากเนื้อ
00:08:43 → 00:08:45 งอกก็ได้นะคะเพราะฉะนั้นในกลุ่มนี้ก็แนะ
00:08:46 → 00:08:49 นำว่าควรจะมาตรวจเพื่อที่จะมองหาเ่อความ
00:08:49 → 00:08:52 คติอื่นๆที่ชวนสงสัยสมมุติว่าเราสงสัย
00:08:52 → 00:08:54 เป็นเนื้องอกเนี่ยการรักษาก็อาจจะต้องมี
00:08:54 → 00:08:59 การตรวจเพิ่มเติมเช่นสแกนสมองเพื่ออ่าหา
00:08:59 → 00:09:02 สัสาเหตุว่าใบหน้าที่กระตุครึ่งซีกนั้น
00:09:02 → 00:09:05 เกิดจากอะไรค่ะค่ะอืดูเหมือนว่ากลุ่ม
00:09:05 → 00:09:09 อาการที่ 3 น่าจะรุนแรงที่สุดแล้วนะคะแต่
00:09:09 → 00:09:13 ว่าดูปัจจัยเสี่ยงต่างๆสาเหตุหลักๆเหมือน
00:09:13 → 00:09:17 จะมีมาจากความเครียดนะคะอาจารย์แล้วการ
00:09:17 → 00:09:21 ที่เราจ้องหน้าจอนานๆมีผลต่อการกระตุกของ
00:09:21 → 00:09:24 ตาเรามั้ยคะอาจจะไม่ได้เป็นสาเหตุค่ะแต่
00:09:24 → 00:09:27 ว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้อาการเพิ่มขึ้นค่ะ
00:09:27 → 00:09:31 เพราะฉะนั้นการพักสายตาอพักผ่อนใครเครียด
00:09:31 → 00:09:34 พวกนี้ก็อาจจะทำให้อาการหน้อยลงหรือว่าใน
00:09:34 → 00:09:36 กลุ่มโรคแรกที่อาการไม่เยอะเนี่ยมันก็อาจ
00:09:36 → 00:09:39 จะหายไปเองได้ค่ะอืก็ต้องดูว่าอาการเรา
00:09:40 → 00:09:43 เป็นอยู่ในระดับไหนแล้วแบบนี้ตากระตุกแบบ
00:09:43 → 00:09:47 ไหนคะที่เราควรจะต้องรีบมาพบแพทย์ก็คือ
00:09:47 → 00:09:49 ถ้ามีอาการนี้ก็คือผิดปกติแล้วเงี้ยค่ะ
00:09:49 → 00:09:53 ถ้าเกิดว่าเกิดอ่าการกระตุกที่มีอาการ
00:09:53 → 00:09:56 อื่นร่วมด้วยอย่างเช่นหนังตาตกหรือว่า
00:09:56 → 00:09:59 กระตุกเกร็งมากเกินไปจนหนังตาปิดแล้วลืม
00:09:59 → 00:10:03 ตาไม่ขึ้นนะคะอมีการกระตุกของใบหน้ากล้าม
00:10:03 → 00:10:07 เนื้อใบหน้าร่วมด้วยมีเห็นภาพซ้อนหรือว่า
00:10:07 → 00:10:10 มีอาการระคายเคืองตาแห้งตาแดงหรือว่าตา
00:10:10 → 00:10:14 อักเสบพวกนี้ก็อาจจะต้องเ่อพบแพทยเพื่อหา
00:10:14 → 00:10:17 สาเหตุเนาะหรือบางรายอาจจะมีเรื่องของการ
00:10:17 → 00:10:20 ได้ยินผิดปกติอาจจะเกิดจากเนื้อง้อที่ไป
00:10:20 → 00:10:23 กดตรงเส้นประสาทสมองใกล้ๆกันอย่าเงี้ยค่ะ
00:10:23 → 00:10:26 ถ้ามีหนังตากระตุกใบหน้ากระตุกร่วมกับการ
00:10:26 → 00:10:30 ได้ยินของหูข้างเดียวกันผิดปกติอันนี้ก็
00:10:30 → 00:10:33 เป็นลักษณะที่จะต้องมาพบแพทย์เร็วที่สุด
00:10:33 → 00:10:35 อ่ะค่ะค่ะแล้วอย่างสมมุติว่าเรามีอาการ
00:10:35 → 00:10:38 ผิดปกติเกี่ยวกับตามาค่ะอาจารย์อย่างที่
00:10:38 → 00:10:41 อาจารย์บอกว่าอาจจะมีตากระตุกหรือว่าใบ
00:10:41 → 00:10:44 หน้ากระตุกด้วยครึ่งซีกการวินิจฉัยหรือ
00:10:44 → 00:10:48 ว่าการรักษาโรคของหมอเงี้ยค่ะจะมีแนวทาง
00:10:48 → 00:10:51 ในการรักษายังไงบ้างค่ะโอเคเ่าถ้าเป็น
00:10:51 → 00:10:55 กลุ่มแรกอ่ากล้ามเนื้อตาเขม็นนะคะอย่าง
00:10:55 → 00:10:57 ที่บอกไปแล้วว่าส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ
00:10:57 → 00:11:00 เกิดขึ้นเองและไม่อันตรายค่ะนะะแต่ว่ามี
00:11:00 → 00:11:04 ปัจัยปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดมากขึ้นก็
00:11:04 → 00:11:08 คือความเครียดพักผ่อนน้อยเ่อดืมแอลกอฮอล์
00:11:08 → 00:11:11 สูบบุหรี่หรือว่าคาเฟอีนมากเกินไปนะคะพวก
00:11:11 → 00:11:13 นี้เราก็แค่เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงพักผ่อนให้
00:11:14 → 00:11:17 เพียงพอใครเครียดในบางรายที่เป็นเยอะจริง
00:11:17 → 00:11:21 ๆถึงขั้นรู้สึกว่ารำคาญอาจจะทานยากด
00:11:21 → 00:11:25 ประสาทเพื่อคลายกล้ามเนื้อได้นะคะหรือบาง
00:11:25 → 00:11:30 รายที่กระตุกรุนแรงมากๆอาจจะฉีดตัวิั
00:11:30 → 00:11:33 ท็อกซินเคยได้ยินมั้ยคะตัวที่เ่อทำให้
00:11:33 → 00:11:35 กล้ามเนื้ออัมพาตอ่ะค่ะก็จะทำให้กระตุก
00:11:35 → 00:11:38 หน้อยลงนะคะแต่ส่วนใหญ่แล้วในกลุ่มแก
00:11:38 → 00:11:41 กลุ่มแรกเนี่ยมันเป็นกลุ่มที่อาการน้อย
00:11:41 → 00:11:43 อ่ะค่ะส่วนใหญ่หมอก็ไม่ค่อยแนะนำฉีก็คือ
00:11:43 → 00:11:45 เพิ่มความมั่นใจให้คนไข้ว่าโอเคมันเป็น
00:11:46 → 00:11:49 โรคที่ไม่ได้อันตรายแล้วก็เกิดจากที่เรา
00:11:49 → 00:11:52 พักผ่อนน้อยก็คือพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ
00:11:52 → 00:11:56 ไม่เครียดเลี่ยงอ่าแอลกอฮอล์เลี่ยงบุหรี่
00:11:56 → 00:11:59 เลี่ยงคาเฟอีนงดดื่มชากาแฟไปก่อนอะไ
00:11:59 → 00:12:02 ประมาณค่ะส่วนใหญก็จะดีขึ้นค่ะถ้าไม่ค่อย
00:12:02 → 00:12:04 มีราที่จะต้องถึงขั้นฉีดยาส่วนกลุ่มที่ 2
00:12:04 → 00:12:07 นะคะกล้ามเนื้อเปิดตาเกงกระตุกเนี่ยกลุ่ม
00:12:07 → 00:12:11 นี้จะมีทั้งคนที่อาการน้อยจนกระทั่งอาการ
00:12:11 → 00:12:14 เยอะมากๆที่เมื่อสักครู่เกินไปก็คือบีบจน
00:12:14 → 00:12:17 ตาลืมไม่ได้อ่าอันนี้ก็ค่อนข้างอันตราย
00:12:17 → 00:12:20 โดยเฉพาะเวลาเราทำอะไรที่มันสำคัญเช่นขับ
00:12:21 → 00:12:23 รถหรือว่ากำลังใช้เครื่องจักอยู่อะไรอย่า
00:12:23 → 00:12:25 เงี้ยอันนี้อันตรายเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:12:25 → 00:12:29 รักษาก็มีหลักๆเลยก็คือ 1 คือรักษาสาเหตุ
00:12:30 → 00:12:32 ก่อนสาเหตุกระตุ้นเนี่ยก็คือตาแห้งตา
00:12:32 → 00:12:34 อักเสบใช่มั้ยคะเราอันนี้เราอาจจะต้องมา
00:12:34 → 00:12:37 พบแพทย์จากสุแพทย์ดูว่าโอเคหนังตาที่
00:12:37 → 00:12:40 กระตุของเราเนี่ยเกิดจากตาแห้งหรือว่าตา
00:12:40 → 00:12:43 อักเสบหรือเปล่าถ้าใช่ก็คือจะต้องรักษา
00:12:43 → 00:12:46 ให้ดีอาการกระตุก็จะน้อยลงแล้วก็จะดีขึ้น
00:12:46 → 00:12:50 นะคะอันที่ 2 ก็คือถ้าสมมุติว่าเรารักษา
00:12:50 → 00:12:53 เรื่องของตาเห้งตาอักเสบดีแล้วก็ยังมี
00:12:53 → 00:12:56 กระตุกรุนแรงเนี่ยเราอาจจะทานยากดระบบ
00:12:56 → 00:12:59 ประสาทส่วนกลางได้ก็คือทำให้กล้ามเนื้อ
00:12:59 → 00:13:03 ตัวก็เป็นส่วนนึงที่สามารถที่จะช่วยให้
00:13:03 → 00:13:06 อาการน้อยลงได้นะคะอันสุดท้ายก็เหมือน
00:13:06 → 00:13:08 กลุ่มแรกคือถ้าอาการเยอะมากๆหรือว่ามีผล
00:13:09 → 00:13:11 ต่อชีวิตประจำวันค่อนข้างเยอะหมอก็จะแนะ
00:13:11 → 00:13:15 นำเรื่องของฉีดิัท็อกซินเหมือนกันเพื่อ
00:13:15 → 00:13:18 ให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาผ่อนคลายเป็นอัมภาต
00:13:18 → 00:13:21 มันก็จะไม่บีบอ่ะค่ะมันจะมีผลต่อร่างกาย
00:13:21 → 00:13:23 เราภายหลังมยคะอาจารย์คะท็อกซินตัวนี้ไม่
00:13:23 → 00:13:26 มีผลค่ะแล้วแล้วจะได้อ่าออกฤทธิ์อยู่
00:13:26 → 00:13:29 ประมาณ 3 เดือน 3-4 เดือนผข้างเคียงค่อน
00:13:29 → 00:13:33 ข้างน้อยนะคะถ้าเราฉีถูกวิธีนะคะแต่ว่าผล
00:13:33 → 00:13:36 ข้างเคียงที่อาจจะเจอได้อย่างเช่นหนังตา
00:13:36 → 00:13:39 ตกเห็นภาพซ้อนหรือว่ามีจ้ำตรงบริเวณที่
00:13:39 → 00:13:42 ฉีดก็อาจจะเจอได้บ้างนะคะแต่ว่าส่วนใหญ่
00:13:42 → 00:13:45 มันก็จะเป็นอ่าภาวะไส้ซ้อนที่ชั่วคราวถ้า
00:13:45 → 00:13:50 หนังตาตกพอยาหมดลิฟมันก็จะหายออค่ะข้อ
00:13:50 → 00:13:53 เสียของมันก็คือยาตัวนี้ค่อนข้างแพงนะคะ
00:13:53 → 00:13:55 แล้วก็สิทธิ์การรักษาอาจจะไม่ได้ครอบคลุม
00:13:55 → 00:13:59 ทุกสิทธิ์นะคะแล้วก็ออกฤทธิ์แค่ 3-4
00:13:59 → 00:14:01 เดือนมันไม่ได้อ่อฤทธิ์ไปตลอดคือฉีดครั้ง
00:14:01 → 00:14:04 เดียวไม่พอก็คือฉีดครั้งเดียวพอหมดฤทธิ์
00:14:04 → 00:14:06 ปุ๊บเนี่ยอาการก็จะกลับมาแล้วอาจจะต้องมา
00:14:06 → 00:14:09 ฉีดซ้ำทุกๆ 3-4 เดือนมันฉีดได้บ่อยขนาด
00:14:09 → 00:14:12 ไหนคะอาจารย์คะยทุกๆ 3-4 เดือนไปต่อ
00:14:12 → 00:14:14 เนื่องได้เลยค่ะไม่ไม่ได้อันตรายค่ะ
00:14:14 → 00:14:17 เนื่องจากว่าการออกลิฟเป็นแค่ชั่วคราวมัน
00:14:17 → 00:14:20 ไม่ได้สะสมหรือว่าไม่ได้อยู่ยาวตลอดอ่ะ
00:14:20 → 00:14:24 ค่ะส่วนกลุ่มที่ 3 นะคะกลุ่มที่ 3 เอ่อ
00:14:24 → 00:14:26 กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งกระตุกครึ่งซีก
00:14:26 → 00:14:30 เนี่ยค่ะอ่าการรักษาจคล้ายๆกับกลุ่มที่ 2
00:14:30 → 00:14:34 ก็คือถ้าเกร็งเยอะเราก็จะให้ทานยากดระบบ
00:14:34 → 00:14:37 ประสาสค่ะแต่ก็มีกลุ่มนึงที่เกงกระตุก
00:14:37 → 00:14:39 ค่อนข้างเยอะแล้วก็ทานยาก็อาจจะไม่ได้
00:14:39 → 00:14:43 ช่วยก็คือยังกระตุกรุนแรงก็แนะนำฉีดยา
00:14:43 → 00:14:47 โบทูลินัมท็อกซินเหมือนกันนะคะก็เ่าหลัก
00:14:47 → 00:14:49 การก็เหมือนกันค่ะฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อ
00:14:49 → 00:14:53 อัมพาแล้วเอ่อมันก็จะไม่เกรงกระตุกแต่ว่า
00:14:53 → 00:14:55 ข้อเสียคือ 3-4 เดือนมันก็ต้องคนแ่ก็จะ
00:14:55 → 00:14:59 กลับมาฉีดใหม่แล้วก็เวลาฉีดก็จะฉีดหลาย
00:14:59 → 00:15:01 หลายเข็มอยู่ก็คืออาจจะเจ็บนิดนึงเนาะแต่
00:15:02 → 00:15:06 แต่ละครั้งก็คือประมาณสัก 5 ถึง 6 จุดต่อ
00:15:06 → 00:15:09 ครั้งนะคะการรักษาอีกทางเลื่องนึงของ
00:15:09 → 00:15:12 กลุ่มนี้ก็คือการผัตัดค่ะอแล้วก็ถ้า
00:15:12 → 00:15:15 สมมุติว่าบีบเกร็งมากๆในกลุ่มกลุ่มนี้เรา
00:15:15 → 00:15:19 อาจจะไปอ่ารักษาที่สาเหตุเมื่อสักครู่เรา
00:15:19 → 00:15:20 แจ้งไว้ว่ามันอาจจะเกิดจากเส้นเลือดที่ไป
00:15:21 → 00:15:23 กดทับใช่มั้ยคะเราก็จะพาตาดแล้วก็เอาเส้น
00:15:23 → 00:15:26 เลือดที่มันไปกดทับอ่ะยกขึ้นมาไม่ให้มัน
00:15:26 → 00:15:29 ไปกดทับเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อืก็เป็น
00:15:29 → 00:15:32 วิีเหมือนกันแต่เนื่องจากว่าวิธีนี้มี
00:15:32 → 00:15:35 โอกาสที่จะเกิดภาวะแกซ้อนได้ค่อนข้างง่าย
00:15:35 → 00:15:37 ค่ะมันอาจจะทำให้เส้นประสาสมองคู่ที่ 7
00:15:38 → 00:15:41 เอามาพฤกไปเลยทำให้คนไข้ไม่สามารถที่จะ
00:15:41 → 00:15:43 ขยับใบหน้าได้เพราะฉะนั้นก็คือเป็น
00:15:43 → 00:15:47 ปัจจุบันนี้ก็ไม่ค่อยนิยมทำกันแล้วค่ะก็
00:15:47 → 00:15:50 อาจจะเป็นการฉีดโบัท็อกซินเป็นหลักค่ะค่ะ
00:15:50 → 00:15:55 อันนี้ก็คือการรักษาสำหรับแนวทางของแพทย์
00:15:55 → 00:15:57 ก็แล้วแต่ว่าอาการแต่ละคนนั้นอาการมาก
00:15:57 → 00:16:01 น้อยขนาดไหนอาการน้อยไม่มีอะไรเยอะก็
00:16:01 → 00:16:03 อย่างที่อาจารย์หมอบอกว่าก็แนะนำให้พัก
00:16:03 → 00:16:06 ผ่อนให้เพียงพออาจจะเลี่ยงคาเฟอีนกั้นสู
00:16:06 → 00:16:08 เบอร์รี่กันดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆนอนหลับพัก
00:16:08 → 00:16:11 ผ่อนให้เพียงพอก็อาจจะช่วยได้ก็อาจจะหาย
00:16:11 → 00:16:14 ได้ในบางรายที่มีปัญหาการนอนหลับเยอะจริง
00:16:14 → 00:16:17 ๆเนี่ยก็อาจจะทานยานอนหลับก็อาจจะช่วยได้
00:16:17 → 00:16:21 นะคะแต่ก็ไม่แนะนำทานเองเนื่องจากว่าอาจ
00:16:21 → 00:16:24 จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะประเมินเนาะ
00:16:24 → 00:16:28 ไม่ไม่ไม่อย่างนั้นก็คือถ้าเราทานยาอ่า
00:16:28 → 00:16:30 นอนหลับโดยที่ไม่จำเป็นอย่างเงี้ยก็ก็
00:16:30 → 00:16:33 อันตรายเช่นกันค่ะอค่ะเพราะฉะนั้นทุก
00:16:33 → 00:16:35 อย่างก็ต้องปรึกษาแพทย์แล้วถ้าเกิดว่า
00:16:35 → 00:16:39 เป็นเยอะก็ควรจะรีบมาพบจักสุแพทย์เหมือน
00:16:39 → 00:16:42 กันนะคะเพื่อจะได้วินิจฉัยหาโรคอื่นๆที่
00:16:42 → 00:16:45 อาจจะแทรกซ้อนหรือว่าโลกอื่นๆที่อาจจะ
00:16:45 → 00:16:48 ซ่อนอยู่ได้นะคะอย่างที่บอกว่าจริงๆแล้ว
00:16:48 → 00:16:51 ความเชื่อเรื่องของขวาร้ายซ้ายดีนี่อาจจะ
00:16:51 → 00:16:54 ไม่ถูกต้องนะคะอาจารย์ถ้าถ้าถ้าทางทฤษฎี
00:16:54 → 00:16:58 จริงของทางการแพทย์นะคะก็ไม่ไม่คิดว่าไม่
00:16:58 → 00:17:03 น่าจะค่ะไม่แนะนำให้เชื่อแบบนี้นะคะก็อาจ
00:17:03 → 00:17:05 จะต้องสังเกตอาการถ้าเกิดว่ามีอาการเยอะ
00:17:05 → 00:17:08 ก็รีบมาหาคุณหมอนะคะวันนี้ขอบพระคุณ
00:17:08 → 00:17:11 อาจารย์มากๆเลยนะคะที่มาพูดคุยแล้วก็ให้
00:17:11 → 00:17:13 ความรู้ในรายการขอบพระคุณค่ะค่ะยินดีค่ะ
00:17:13 → 00:17:18 สวัสดีค่ะ cmu podcast f for help
00:17:18 → 00:17:24 เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัวเรา