00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับคุณหมอครับสวัสดีครับสวัสดี
00:00:03 → 00:00:08 ท่านผู้ฟังทุกท่านนะครับสวัสดีครับ
00:00:08 → 00:00:13 ผมคุณหมอครับมาถึงเรื่องของลมชักลมชัก
00:00:13 → 00:00:15 เนี่ยจริงๆคือมันเขาเรียกว่ามันเป็นอาการ
00:00:15 → 00:00:19 หรือว่ามันมันเป็นถึงสิ่งที่เราต้องจำกัด
00:00:19 → 00:00:23 ความมันว่าเป็นโรคเลยครับ
00:00:23 → 00:00:27 ก็คือเป็นกลุ่มเป็นถ้าคนที่ถูกวินิจฉัย
00:00:27 → 00:00:30 เป็นโรคลมชักนะครับส่วนใหญ่แล้วจะต้องมี
00:00:30 → 00:00:34 อาการชักนะครับ
00:00:34 → 00:00:38 อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไปนะครับก็จะถือว่า
00:00:38 → 00:00:42 เป็นทุกคนนั้นก็จะเป็นโรคลงชักครับผมหมาย
00:00:42 → 00:00:44 ความว่าปัจจัยกระตุ้นนี่หมายความว่าไม่
00:00:44 → 00:00:47 ได้เกิดจากอาการป่วยอื่นๆเข้ามาใช่ไหม
00:00:47 → 00:00:50 ครับเป็นอาการของโรคนี้โดยเฉพาะขึ้นมา
00:00:50 → 00:00:54 ก็คือเหมือนกับคนไข้เดินมาหาเราเนี่ยเขา
00:00:54 → 00:00:57 จะมาเล่าให้ฟังว่าเขาอาจจะมีอาการที่น่า
00:00:57 → 00:01:00 จะน่าจะเป็นลักษณะอาการชานะครับแล้วก็มี
00:01:00 → 00:01:03 อาการแบบนี้อย่างน้อยอย่างน้อย 2 ครั้ง
00:01:03 → 00:01:07 แล้วก็การที่เขามีอาการเนี่ย
00:01:07 → 00:01:11 มีปัจจัยกระตุ้นเช่นอาจจะไม่ได้ไปใช้สาร
00:01:11 → 00:01:15 เสพติดอาจจะไม่ได้เป็นลักษณะให้ไม่ได้
00:01:15 → 00:01:18 เป็นลักษณะแบบเอ่อมีเรื่องของน้ำตาลสูง
00:01:18 → 00:01:22 หรือว่ามีเกลือแร่ผิดปกติ
00:01:22 → 00:01:26 วินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักครับ
00:01:26 → 00:01:30 ทีนี้ก็เลยอยากจะทราบว่าไอ้อาการลมชักนะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับคุณหมอครับถ้ามันไม่มีปัจจัยกระตุ้น
00:01:33 → 00:01:36 แล้วอยู่ๆเนี่ยมันเกิดขึ้นกับคนเราได้ยัง
00:01:36 → 00:01:39 ไงบ้างครับคุณหมอครับต้องเรียกว่าอาการ
00:01:39 → 00:01:42 ฉากนะครับก็คือลักษณะเนี่ยมันคือเป็น
00:01:42 → 00:01:46 ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจากการที่สมอง
00:01:46 → 00:01:50 เนี่ยถูกกระตุ้นนะครับปกติสมองเราเนี่ย
00:01:50 → 00:01:53 ถูกเรียกว่าติดต่อกันด้วยระบบไฟฟ้านะครับ
00:01:53 → 00:01:56 เมื่อมีอาการชักเนี่ยก็คือในวินาทีนั้น
00:01:56 → 00:01:59 เนี่ยก็จะมีลักษณะสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติ
00:01:59 → 00:02:02 เกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งของสมองหรือ
00:02:02 → 00:02:04 ว่าทุกบริเวณพร้อมๆกันนะครับเสร็จแล้ว
00:02:04 → 00:02:07 เนี่ยมันก็จะเป็นลักษณะไฟฟ้าที่ผิดปกตินะ
00:02:07 → 00:02:11 ครับก็จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยที่ที่เป็นโรค
00:02:11 → 00:02:13 นี้ก็มีอาการนะครับมีอาการชักออกมาโดยที่
00:02:13 → 00:02:19 ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ครับไฟฟ้ามันไฟ
00:02:19 → 00:02:22 ฟ้าที่ว่ามันมันเป็นยังไงอ่ะอยากจะให้
00:02:22 → 00:02:25 ช่วยอธิบายให้ความรู้กับเราทั้งสองคนที่
00:02:25 → 00:02:27 อาจจะความรู้น้อยมากไปหน่อยเรื่องนี้ฮะ
00:02:27 → 00:02:28 คุณหมอ
00:02:28 → 00:02:31 ครับก็คือปกติแล้วร่างกายเราเนี่ยครับ
00:02:31 → 00:02:34 สมมุติว่าเราสั่งให้มือขวาเราเนี่ยนะครับ
00:02:34 → 00:02:37 ยกมือขยับขึ้นมาเนี่ยครับมันก็จะเกิดจาก
00:02:37 → 00:02:41 กระบวนการที่เรียกว่าจิตขึ้นมาครับ
00:02:41 → 00:02:44 ก็จะมีสัญญาณไฟฟ้าจากจุดที่เป็นจุดสั่ง
00:02:45 → 00:02:46 การนะครับวิ่งตาม
00:02:46 → 00:02:56 สายไฟหรือวิ่งตามจุดที่เชื่อมต่อนะครับ
00:02:56 → 00:03:28 ขนาดของ
00:03:28 → 00:03:34 ลักษณะของของการเกิดโรคนี้ลักษณะความผิด
00:03:34 → 00:03:35 ปกติของคลื่นไฟฟ้า
00:03:35 → 00:03:39 มันต้นสายไปเห็นแท้จริงแล้วเนี่ยมันมาจาก
00:03:39 → 00:03:43 อะไรได้บ้างครับหลักๆนี่คืออะไรแล้วก็พบ
00:03:43 → 00:03:45 มากคืออะไรนะ
00:03:45 → 00:03:48 สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการชักนะครับแล้วก็
00:03:48 → 00:03:51 เป็นโรคลมชักเนี่ยคืออาจจะมีมาหลายมีจาก
00:03:51 → 00:03:54 หลายสาเหตุนะครับสาเหตุที่พบบ่อยเนี่ย
00:03:54 → 00:03:57 เช่นอาจจะมีลักษณะเป็นแพ็กเป็นที่บริเวณ
00:03:57 → 00:04:02 ผิวสมองบางส่วนนะครับที่มีการเชื่อมต่อ
00:04:02 → 00:04:06 กับหลายๆจุดนะครับสมองนะครับเช่นสมองที่
00:04:06 → 00:04:08 เป็นบริเวณข้างหูทั้งสองข้างเนี่ยนะครับ
00:04:08 → 00:04:11 ก็จะเป็นจุดที่มีการเชื่อมต่อกับสมองส่วน
00:04:11 → 00:04:15 อื่นๆแล้วก็เป็นจุดที่ใช้เก็บความทรงจำ
00:04:15 → 00:04:16 ระยะสั้น
00:04:16 → 00:04:19 ถ้ามีความผิดปกติเช่นบางครั้งอาจจะมี
00:04:19 → 00:04:21 ลักษณะเป็นแผลเป็นนะครับหรือว่ามีเส้น
00:04:21 → 00:04:24 เลือดหรือมีก้อนอะไร
00:04:24 → 00:04:26 ครับ
00:04:26 → 00:04:29 แล้วก็ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคลมชักตามมาได้
00:04:29 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:34 ลงมาก็จะเป็นลักษณะพันธุกรรมบางอย่างนะ
00:04:34 → 00:04:38 ครับที่กระตุ้นให้เกิดไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจ
00:04:38 → 00:04:42 จะบางจุดหรือทุกจุดในสมองนะครับแต่ว่า
00:04:42 → 00:04:45 เป็นเกี่ยวกับเรื่องของ
00:04:45 → 00:04:47 เกี่ยวกับเรื่องของโรคภูมิคุ้มกันทำร้าย
00:04:47 → 00:04:50 ตัวเองบางส่วนนะครับแต่ว่าเป็นอาจจะมีตัว
00:04:50 → 00:04:53 แรกมีไข้หรืออะไรเงี้ยครับก็จะเป็นตัว
00:04:53 → 00:04:59 กระตุ้นทำให้แบบมีอาการอ่าครับอืม
00:04:59 → 00:05:04 ที่บอกว่าแผลบนผิวสมองใช่ไหมฮะตรงนี้เอง
00:05:04 → 00:05:08 มันเกิดมาจากสายด้วยสาเหตุอะไรครับแผลตรง
00:05:08 → 00:05:13 จุดนั้นจริงๆต้องเรียกว่าในระหว่างที่
00:05:13 → 00:05:16 สมองที่พัฒนาขึ้นมาในวัยเด็กนะครับจน
00:05:16 → 00:05:19 กระทั่งถึงตอนโตขึ้นมาเนี่ยสมองบางจุด
00:05:19 → 00:05:23 เนี่ยมีลักษณะไวต่อการขาดอากาศนะครับ
00:05:23 → 00:05:26 เนื้อเชื่อว่าในบางจุดนี้ครับ
00:05:26 → 00:05:30 เป็นแผลเป็นที่เกิดจากบริเวณผิวสมองข้าง
00:05:30 → 00:05:33 หูบางครั้งเนี่ยคือในช่วงเด็กนะครับหรือ
00:05:33 → 00:05:37 ว่าในช่วงที่ที่ก่อนคลอดหรือระหว่างคลอด
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยครับอาจจะมีเคยมีไข้สูงแล้วก็มีการ
00:05:40 → 00:05:43 ทักนะครับตั้งแต่วัยเด็กก็อาจจะเป็น
00:05:43 → 00:05:47 ลักษณะคล้ายกับบริเวณดังกล่าวเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 นะครับอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้เกิดเป็น
00:05:51 → 00:05:56 แผลเป็นบริเวณดังกล่าวขึ้นมาได้
00:05:56 → 00:05:58 ใช่ครับบางคนก็เป็นตั้งแต่เด็กบางคนก็
00:05:58 → 00:06:01 ต้องเป็นตั้งแต่ในครั้งนะครับหรือบางคน
00:06:01 → 00:06:04 เป็นตอนคลอดสาเหตุค่อนข้างเยอะครับ
00:06:04 → 00:06:07 เดี๋ยวผมขอเพิ่มเติมตรงผิวสมองนิดนึงอัน
00:06:07 → 00:06:09 นี้มันเกี่ยวกับเรื่องของอุบัติเหตุอะไร
00:06:09 → 00:06:11 ที่อาจจะเกี่ยวกับกระทบกระเทือนได้ด้าน
00:06:11 → 00:06:13 ศีรษะอะไรอย่างนี้เกี่ยวข้องด้วยไหมครับ
00:06:13 → 00:06:15 คุณหมอครับเกี่ยวข้องครับเป็นไปได้หมดเลย
00:06:15 → 00:06:19 ครับเช่นกรณีที่เป็นลักษณะเคยพลัดตกจาก
00:06:19 → 00:06:22 ที่สูงอุบัติเหตุทางศีรษะหรือว่าเคยเป็น
00:06:22 → 00:06:24 เส้นเลือดสมองตีบหรือเส้นเลือดสมองแตกที่
00:06:24 → 00:06:27 บริเวณผิวสมองก็เป็น 5 ให้เกิดอาการชักไป
00:06:27 → 00:06:30 ทางนั้นครับอือส่วนพันธุกรรมเนี่ยคือหมาย
00:06:30 → 00:06:34 ความว่าถ้าเรามีญาติๆคุณพ่อคุณแม่ที่มี
00:06:34 → 00:06:38 อาการเคยเป็นโรคลมชักมาก่อนเนี่ยมันจะสืบ
00:06:38 → 00:06:41 ต่อโรคนี้ไปทางลูกๆหลานๆได้ด้วยใช่ไหมฮะ
00:06:41 → 00:06:45 ใช่ครับบางประเภทครับของโลกอ่ะครับก็คือ
00:06:45 → 00:06:47 ที่เป็นโรคลมชักเนี่ยอาจจะมีอาการบาง
00:06:47 → 00:06:53 อย่างนะครับหรือเช่นแบบมีผิวผิดปกติหัวใจ
00:06:53 → 00:06:55 ผิดปกตินะครับแล้วก็อาจจะมีเรื่องของผิว
00:06:55 → 00:06:57 สมองเนี่ยที่เป็นรหัสเป็นก้อนนะครับพวก
00:06:57 → 00:07:01 นี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อหรือ
00:07:01 → 00:07:04 แม่นะครับส่วนลูกได้ครับแล้วก็ทำให้รุ่น
00:07:04 → 00:07:06 ต่อๆมาเนี่ยก็มีโอกาสเป็นโรคลมชักหรือว่า
00:07:06 → 00:07:13 มีความผิดปกติที่ผิวสมองมากกว่าครับผม
00:07:13 → 00:07:19 โดยที่เราอาจจะไม่ไม่ทราบสาเหตุหรือว่า
00:07:19 → 00:07:21 มันมีสาเหตุที่นอกเหนือจากที่คุณหมอได้
00:07:21 → 00:07:24 ได้กล่าวมาบ้างไหมฮะ
00:07:24 → 00:07:27 ต้องเรียนว่าถ้าผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลนะ
00:07:27 → 00:07:29 ครับส่วนหนึ่งของของแพทย์นะครับก็จะเป็น
00:07:29 → 00:07:33 การหาสาเหตุในบางส่วนเนี่ยหลังจากหา
00:07:33 → 00:07:35 สาเหตุไปจนครบถ้วนแล้วอ่ะครับก็ไม่ทราบ
00:07:35 → 00:07:38 สาเหตุอันนี้ก็คงมีสาเหตุแต่ว่าตอนนี้ณ
00:07:38 → 00:07:41 ปัจจุบันเราอาจจะยังไม่ทราบว่าทำไมคนไข้
00:07:41 → 00:07:43 ถึงชัดนะครับก็จุดนี้ก็มีเขาเรียกว่าเป็น
00:07:43 → 00:07:46 โรคลมชักที่ไม่ทราบสาเหตุจริงๆครับ
00:07:46 → 00:07:51 ลักษณะอาการที่คุณหมอว่ามารวมทั้งสาเหตุ
00:07:51 → 00:07:54 ต่างๆเนี่ยเท่าที่คุณหมอมีข้อมูลอยู่ใน
00:07:54 → 00:07:56 มือฮะส่วนใหญ่เนี่ยมันมักจะเกิดขึ้นกับคน
00:07:56 → 00:08:00 ช่วงวัยไหนแล้วก็เพศไหนที่มันมีโอกาสเจอ
00:08:00 → 00:08:04 ได้ได้เยอะมากกว่ากันนะคุณหมอครับต้อง
00:08:04 → 00:08:06 เรียนว่าจริงๆแล้วครับพบได้ตลอดชีวิตนะ
00:08:06 → 00:08:10 ครับก็ของการก็มีต้นแบบต้องบอกว่าประมาณ
00:08:10 → 00:08:13 1-2% ของประชากรนะครับเขาจะมีโอกาสเป็น
00:08:13 → 00:08:16 โรคลมชักได้นะครับต้องเรียนว่าในกลุ่มที่
00:08:16 → 00:08:19 เป็นเอ่อประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศด้อย
00:08:19 → 00:08:21 พัฒนาเนี่ยครับก็มีโอกาสจะพบได้สูงกว่า
00:08:21 → 00:08:24 ประเทศที่พัฒนาแล้วนะครับซึ่งอันนี้ก็อาจ
00:08:24 → 00:08:27 จะปัจจัยจากการที่การคลอดการดูแลระหว่าง
00:08:27 → 00:08:29 ตั้งครรภ์หรือการดูแลระหว่างช่วงเด็กหรือ
00:08:29 → 00:08:32 วัยรุ่นก็อาจจะมีปัจจัยนะครับดังนั้นก็
00:08:32 → 00:08:34 จริงๆต้องเรียนว่าส่วนในประเทศที่พัฒนา
00:08:34 → 00:08:36 แล้วเนี่ยก็อาจจะเป็นโรคลมชักที่เจอจาก
00:08:36 → 00:08:40 เรื่องของความอายุสูงอายุมากขึ้นนะครับ
00:08:40 → 00:08:43 แล้วก็อาจจะเป็นกลุ่มโรคสมองเสื่อมเส้น
00:08:43 → 00:08:46 เลือดสมองตีบหรือว่าเป็นจากกลุ่มที่เป็น
00:08:46 → 00:08:47 ลักษณะเป็นโรค ncd
00:08:47 → 00:08:50 อาจจะมีลักษณะเป็นเส้นเลือดสมองตีบหรือ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าหรือว่าเป็นเส้นเลือดสมองแตกอะไรอย่าง
00:08:52 → 00:08:54 นี้ครับมาก็เป็นไปได้ครับเพราะฉะนั้นดัง
00:08:54 → 00:08:57 นั้นก็คือต้องเรียนวัดเจอได้ทักได้ได้
00:08:57 → 00:09:01 ตลอดชีวิต
00:09:01 → 00:09:06 ก็หมายความว่าสมมุติถ้าเดินมาสัก 100 คน
00:09:06 → 00:09:08 เนี่ย 1-2 คนเนี่ยต้องมีละที่มีโอกาสเป็น
00:09:08 → 00:09:10 โรคลมชักใช่ไหมครับ
00:09:10 → 00:09:13 ถูกต้องเลยครับแล้วก็คุณหมอที่อยู่เวรนะ
00:09:13 → 00:09:16 ครับหรือว่าอยู่ที่ห้องฉุกเฉินนะครับก็
00:09:16 → 00:09:18 ประมาณเช่นกันครับประมาณ 1-2% นะครับ
00:09:18 → 00:09:20 เพราะฉะนั้นคุณหมอทุกท่านก็จะต้องเคยเจอ
00:09:21 → 00:09:23 อ่าคนไทยที่เป็นโรคลมชักไปอยู่ตามห้อง
00:09:23 → 00:09:27 ฉุกเฉินนะครับแต่ว่าตามผู้ป่วยนอกต่างๆ
00:09:27 → 00:09:33 น่ากลัวนะก็ถือว่าเป็นหนึ่งโรคที่ที่เจอ
00:09:33 → 00:09:36 แล้วหลายๆคนไม่กล้าเข้าไปช่วยเออใช่อาการ
00:09:36 → 00:09:38 ที่เกิดขึ้นต้องถามคุณหมอก่อนเลยว่าการ
00:09:38 → 00:09:42 ที่เกิดขึ้นมันจะปรากฏลักษณะอาการยังไง
00:09:42 → 00:09:44 บ้างมั้ยฮะแล้วก็มันจะจำเป็นข้อสังเกตของ
00:09:44 → 00:09:46 เราได้ด้วย
00:09:46 → 00:09:49 แยกใหญ่ๆนะครับสำหรับอาการชักนะครับมันจะ
00:09:49 → 00:09:52 มีอาการชักบางจุดนะครับบางจุดก็อาจจะมี
00:09:52 → 00:09:55 ลักษณะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวนะครับหรือว่า
00:09:55 → 00:09:57 เป็นชาที่เป็นลักษณะชัดที่เป็นพร้อมกัน
00:09:57 → 00:10:00 ทุกจุดในสมองนะครับส่วนใหญ่อันนี้จะไม่
00:10:00 → 00:10:04 ค่อยรู้ตัวครับผมก็จะเป็นลักษณะอาการที่
00:10:04 → 00:10:06 แบ่งเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ครับ
00:10:06 → 00:10:10 แบบที่เป็นบางจุดอ่ะครับบางท่านนะครับผู้
00:10:10 → 00:10:12 ป่วยบางคนมักจะมีอาการนำมาก่อนเรียกว่า
00:10:12 → 00:10:15 เป็นออร่านะครับอาจจะมีอาการเตือนนิดนึง
00:10:15 → 00:10:18 นะครับอาจจะห้ามผู้ป่วยเนี่ยได้รับการ
00:10:18 → 00:10:22 ให้ความรู้มาก่อนนะครับบางท่านเนี่ยจะ
00:10:22 → 00:10:24 สามารถบอกคนที่อยู่ข้างๆได้หรือบอกเพื่อน
00:10:24 → 00:10:29 สนิทได้ว่าใกล้จะมีอาการละนะครับ
00:10:29 → 00:10:32 ข้อสังเกตของตัวบุคคลนั้นด้วยว่าเฮ้ยมัน
00:10:32 → 00:10:34 จะมีอาการเบื้องต้นหมามันจะเหมือนกันหมด
00:10:34 → 00:10:38 ทุกคนไหมคะที่ป่วยเป็นโรคลมชักแบบนี้ไม่
00:10:38 → 00:10:40 เหมือนกันครับแต่ว่าต้องเรียนว่าจะมีแบบ
00:10:40 → 00:10:43 ใหญ่ๆซึ่งแบบใหญ่ๆหมายถึงว่าเป็นกลุ่มคน
00:10:43 → 00:10:46 ไข้ที่พบบ่อยนะครับที่เราอาจจะมีอาการนำ
00:10:46 → 00:10:49 นะครับเช่นในกลุ่มคนไข้ที่มีแผลเป็นที่
00:10:49 → 00:10:52 ผิวสมองเนี่ยครับส่วนใหญ่เขาจะนอนด้วยกัน
00:10:52 → 00:10:55 ลักษณะหัวๆอยู่ๆในท้องหรือว่าลักษณะ
00:10:55 → 00:10:59 เหมือนระลึกถึงความทรงจำเก่าๆก่อนแล้วการ
00:10:59 → 00:11:02 ชักก็จะพอบอกเพื่อนเขาได้ครับว่าเขาจะทำ
00:11:02 → 00:11:04 งาน
00:11:05 → 00:11:07 มันสามารถบอกได้ขนาดนั้นอันนี้คือในกรณี
00:11:07 → 00:11:11 ที่ที่พอจะมีสัญญาณที่พอจะจับได้ใช่ไหม
00:11:11 → 00:11:14 ครับแล้วก็บอกให้คนอื่นเตรียมรับมือเพื่อ
00:11:14 → 00:11:16 ที่จะทำการช่วยเหลือใช่ไหมฮะ
00:11:16 → 00:11:19 แต่บางคนก็คือไม่มีอาการแจ้งให้ทราบไม่
00:11:19 → 00:11:21 ได้ครับก็คือ
00:11:21 → 00:11:24 ลักษณะเวลาชักอ่ะคุณหมอครับอันนี้อันนี้
00:11:24 → 00:11:27 ถามโดยที่ผมอาจจะมีประสบการณ์ในการเจอ
00:11:27 → 00:11:30 ค่อนข้างน้อยมากอยากจะให้คุณหมอช่วย
00:11:30 → 00:11:34 อธิบายนิดนึงเวลาเวลาคนไข้ที่มีโรคลมชัก
00:11:34 → 00:11:38 ในลักษณะประมาณไหนฮะอ๋อเผื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:11:38 → 00:11:42 ทางบ้านที่ฟังอยู่อาจจะอาจจะเจอกันได้วัน
00:11:42 → 00:11:44 ใดวันหนึ่งมันจะได้สังเกตได้ว่าเออเจอแบบ
00:11:44 → 00:11:46 นี้เขาเรียกว่าเป็นโรคลมชักแล้วพอจะมี
00:11:46 → 00:11:49 วิธีการที่จะแนะนำยังไงได้บ้างฮะกับการ
00:11:49 → 00:11:51 ปฏิบัติหรือว่าช่วยเหลือ
00:11:51 → 00:11:54 ผมจริงๆต้องเรียนว่าเวลาที่เจอผู้ป่วยนะ
00:11:54 → 00:11:57 ครับอาจจะมีคล้ายๆกันนะครับอาจจะเป็น
00:11:57 → 00:12:00 ลักษณะเราช่วงแรกเนี่ยครับคนไข้อาจจะมี
00:12:00 → 00:12:04 อาจจะมีอาการแบบอย่างใช้ทำกิจวัตรประจำ
00:12:04 → 00:12:07 วันอะไรอยู่นะครับเสร็จแล้วก็อาจจะเกิด
00:12:07 → 00:12:10 เสียงดังหรือว่าเป็นเสียงของพลตกล้มหรือ
00:12:10 → 00:12:13 ว่าเสียงเอ่ออุปกรณ์ต่างๆนะครับแล้วก็ตาม
00:12:13 → 00:12:15 มาด้วยคนไข้ก็จะเริ่มลักษณะคล้ายๆกับ
00:12:15 → 00:12:18 เหมือนเราเห็นว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้นะ
00:12:18 → 00:12:19 ครับ
00:12:19 → 00:12:22 จะเคลื่อนที่หรือว่าเคลื่อนไหวที่บริเวณ
00:12:22 → 00:12:25 จุดต่างๆของร่างกายเช่นแขนขาดหน้าต่างนี้
00:12:25 → 00:12:27 นะครับอาจจะมีลักษณะเคลื่อนไหวไปเองนะ
00:12:27 → 00:12:30 ครับสักพักนึงเนี่ยคนไข้ก็จะเริ่มมีอาการ
00:12:30 → 00:12:33 เกร็งนะครับที่บริเวณแขนขาหน้าหรือใบหน้า
00:12:33 → 00:12:36 นะครับก่อนนะครับแล้วก็มีอาการกระตุกนะ
00:12:36 → 00:12:39 ครับแล้วก็ตอนช่วงนี้ก็จะเป็นเกร็งกระตุก
00:12:39 → 00:12:42 ทั้งตัวนะครับในกลุ่มคนไข้บางประเภทนะ
00:12:42 → 00:12:44 ครับหลังจากที่เกรงกระตุกเสร็จสักพักนึง
00:12:44 → 00:12:47 ครับคนไข้ก็จะหยุดพักนะครับก็จะเป็นช่วง
00:12:47 → 00:12:50 ที่แบบลักษณะจะได้ยินเสียงคือใครคือใคร
00:12:50 → 00:12:52 ของการหายใจแล้วก็คนไข้ก็จะนิ่งไปนะครับ
00:12:52 → 00:12:55 เหมือนคล้ายๆหมดสติแล้วก็อีกสักพักนึงคน
00:12:55 → 00:12:57 ไข้ก็จะตื่นขึ้นมาเองนะครับอันนี้จะเป็น
00:12:57 → 00:13:00 ที่เราพบกันบ่อยๆนะครับสำหรับคนไข้โรคลม
00:13:00 → 00:13:01 ชัก
00:13:01 → 00:13:05 ลักษณะอาการแบบนี้ครับคุณหมอครับมันมัน
00:13:05 → 00:13:07 เหมือนในอดีตที่เขามักจะเรียกว่าผีเข้า
00:13:07 → 00:13:09 อะไรอย่างนี้ด้วยไหมฮะ
00:13:09 → 00:13:14 ใช่ครับ
00:13:14 → 00:13:18 ถูกวินิจฉัยอ่ะครับว่าจะเป็นโรคจิตเวชนะ
00:13:18 → 00:13:20 ครับหรือว่ามงคลอาจจะเป็นผีเข้าครับแล้ว
00:13:20 → 00:13:24 ก็มีกรณีที่เป็นถึงกับการทำร้ายร่างกายนะ
00:13:24 → 00:13:26 ครับโดยที่ไม่คาดสาเหตุนะครับก็มีหลายแบบ
00:13:27 → 00:13:29 เลยครับอันนี้ก็คือเป็นส่วนหนึ่งของของ
00:13:29 → 00:13:33 อาการที่เรียกว่าลมชักเลยใช่มั้ยฮะใช่ถูก
00:13:33 → 00:13:35 ต้องครับก็ขึ้นอยู่กับว่าไฟฟ้าที่กล่าวไป
00:13:36 → 00:13:38 ตอนต้นนะครับว่ามันเดินทางจากจุดไหนไปจุด
00:13:38 → 00:13:42 ไหนครับก็เมื่อเดินทางถึงจุดที่ควบคุมตรง
00:13:42 → 00:13:45 บริเวณต่างๆของร่างกายก็จะเกิดอาการต่างๆ
00:13:45 → 00:13:46 ขึ้นมาครับ
00:13:46 → 00:13:52 อย่างนี้พอเป็นเป็นแล้วเมื่อเป็นแล้ว
00:13:52 → 00:13:56 คนที่เห็นเหตุการณ์ควรจะช่วยเหลือยังไงดี
00:13:56 → 00:14:01 แล้วมอง Step ต่อไปควรจะนำตัวไปรักษายัง
00:14:01 → 00:14:03 ไงได้บ้างครับคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:08 เห็นคนไข้โรคลมชักนะครับก็คือจริงๆก็เรา
00:14:08 → 00:14:11 จะประชาสัมพันธ์เรื่องของการช่วย
00:14:11 → 00:14:14 ปฐมพยาบาลโดยไม่งัดไม่ง้างไม่ถามไม่กดนะ
00:14:14 → 00:14:16 ครับก็คือไม่ทั้งหมดให้คนไข้หยุดพักเองนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับไม่เห็นคนไข้เริ่มคลังนะครับก็ดูเวลา
00:14:19 → 00:14:22 ก่อนนะครับปกติแล้วเนี่ยคนไข้เขาจะชักไม่
00:14:22 → 00:14:24 เกินไม่เกินสักประมาณสัก 3 นาทีนะครับ
00:14:24 → 00:14:28 เต็มที่นะครับเริ่มตั้งแต่ตอนจุดจุดตั้ง
00:14:28 → 00:14:30 แต่เริ่มจนกระทั่งจบนะครับเพราะฉะนั้น
00:14:30 → 00:14:34 เอ่อช่วงแรกนะครับก็คือจับคนไข้นอนตะแคง
00:14:34 → 00:14:37 นะครับซ้ายหรือขวาก็ได้นะครับ
00:14:37 → 00:14:41 เพื่อให้คนไข้ทางเดินหายใจเปิดโล่งนะครับ
00:14:41 → 00:14:45 การนอนตะแคงไม่ไหวนะครับก็อาจจะใช้มือนะ
00:14:45 → 00:14:48 ครับบิดใบหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่งก่อนนะ
00:14:48 → 00:14:51 ครับให้คนไข้เขาก็อยู่ในท่าที่ค่อนข้าง
00:14:51 → 00:14:55 สบายนะครับก็ดึกก็ช่วยดูว่าแบบเออดัง
00:14:55 → 00:14:57 กล่าวเนี่ยมีอุบัติเหตุอันตรายใดๆหรือ
00:14:57 → 00:14:59 เปล่านะครับก็ถ้าไม่มีอะไรก็ปล่อยคนไข้
00:14:59 → 00:15:03 เขาค่อยๆชาร์จไปนะครับโดยที่ไม่ไม่ใส่
00:15:03 → 00:15:07 อะไรไปในปากคนไข้นะครับแล้วก็คอยช่วย
00:15:07 → 00:15:09 เหลือประถมพยาบาลเช่นใครเสื้อผ้าอะไร
00:15:09 → 00:15:11 อย่างนี้นะครับแล้วก็เดี๋ยวคนไข้เขาก็จะ
00:15:11 → 00:15:14 หยุดพักเองนะครับดังนั้นก็ปกติแล้วเนี่ย
00:15:14 → 00:15:17 จะเป็นเราก็จะประเมินนะครับหรือว่าคนไข้
00:15:17 → 00:15:20 รู้ตัวหรืออยากนะครับบางท่านเคยเรียน
00:15:20 → 00:15:23 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะครับจะทำชีพจรว่าคน
00:15:23 → 00:15:27 ไข้กลับมาเป็นปกติไหมมีชีวิตในตอนเช้า
00:15:27 → 00:15:28 หรือเบาหรือแพรวหรือว่าหยุดเต้นหรือเปล่า
00:15:28 → 00:15:32 นะครับท่านมีอะไรสักครั้งนึงคนไข้จะเริ่ม
00:15:32 → 00:15:35 ฟื้นนะครับแล้วก็ถามตอบได้ปกตินะครับแล้ว
00:15:35 → 00:15:39 ก็ถ้ามีผู้อื่นอยู่นะครับก็อาจจะคอยโทร
00:15:39 → 00:15:42 เรียก 1669 นะครับก็เรียกรถพยาบาลแล้วก็
00:15:42 → 00:15:44 นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
00:15:44 → 00:15:48 ถ้าที่คุณหมอบอก 3 นาทีเนี่ยในฐานะถ้าคน
00:15:48 → 00:15:50 ที่เห็นอยู่ตลอดเนี่ยมันนานเหมือนกันนะ
00:15:50 → 00:15:53 คุณหมอนะคนเขาอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นนาย
00:15:53 → 00:15:56 ขนาดนี้มันมีโอกาสที่จะแบบนำไปสู่อาการ
00:15:56 → 00:15:59 อื่นหรือว่าอันตรายอื่นๆด้วยไหมครับคุณ
00:15:59 → 00:16:03 หมอฮะ
00:16:03 → 00:16:06 คนไข้จะทำอยู่ประมาณสักแค่นาทีเดียวนะ
00:16:06 → 00:16:09 ครับแต่ถ้าเกิดกลุ่มคนไข้ที่ฉากและช้าง
00:16:09 → 00:16:11 ต่อเนื่องไม่หยุดนะครับก็ส่วนใหญ่มักจะ
00:16:11 → 00:16:14 แบบเริ่มชักแล้วก็ชักไปเรื่อยๆเกิน 3
00:16:14 → 00:16:18 นาที 5 นาทีอันนี้คืออันตรายเพราะว่าจะทำ
00:16:18 → 00:16:21 ให้สมองของเขาเนี่ยครับที่เป็นไฟฟ้าที่
00:16:21 → 00:16:25 ปกติเนี่ยคือเอ่อไปเรื่อยๆนะครับอันตราย
00:16:25 → 00:16:28 ถึงชีวิตนะครับถ้าปล่อยให้คนไข้ต่อเนื่อง
00:16:28 → 00:16:31 โดยไม่หยุดเพราะฉะนั้นอ่าขั้นตอนต่อมา
00:16:31 → 00:16:33 สำหรับคนไข้ที่มีช้างนานๆนะครับจะต้องโดน
00:16:33 → 00:16:37 เรียกรถพยาบาลเพื่อฉีดยานะครับบางประเภท
00:16:37 → 00:16:39 ให้ผู้ป่วยหยุดพัก
00:16:39 → 00:16:43 และที่เขากลัวกันล่ะครับว่าถ้าปล่อยไม่มี
00:16:43 → 00:16:44 อะไรไปให้เขา
00:16:44 → 00:16:48 คาบช้อนคราบอะไรเงี้ยเดี๋ยวจะกัดลิ้นกัน
00:16:48 → 00:16:51 ไปทำไงมันมันเป็นไปได้มากน้อยขนาด
00:16:51 → 00:16:54 ปกติแล้วอ่ะครับส่วนใหญ่แล้วแผลที่เกิด
00:16:54 → 00:16:56 ขึ้นนะครับสำหรับคนไข้ทั้งเนี่ยส่วนใหญ่
00:16:57 → 00:16:59 จะมีเป็นลักษณะเป็นแผลคล้ายๆกับแผลกัน
00:17:00 → 00:17:02 ลิ้นนะครับด้านข้างนะครับ
00:17:02 → 00:17:06 ก็จะเป็นลักษณะแค่จะเป็นแผลที่เป็นแผล
00:17:06 → 00:17:09 ถลอกหรือแผลลิ้นฉีกขาดนิดหน่อยเย็บง่ายนะ
00:17:09 → 00:17:12 ครับไม่มีปัญหาอะไรก็จริงๆลิ้นเนี่ยยัง
00:17:12 → 00:17:14 ไม่ยากอะไรนะครับแต่ว่าถ้าเกิดเราเอา
00:17:14 → 00:17:17 อุปกรณ์อะไรใส่เข้าไปในป่านะครับบางท่าน
00:17:17 → 00:17:20 เนี่ยเอานิ้วใส่เข้าไปในป่าอันเนี้ยคือ
00:17:20 → 00:17:22 เนื่องจากคนไข้เนี่ยควบคุมตัวเองไม่ได้
00:17:22 → 00:17:24 บางครั้งเนี่ยกัดแรงๆเนี่ยครับฟันแตกฮะ
00:17:24 → 00:17:28 หรือว่ากัดนิ้วของเรานะครับแล้วก็เคยเห็น
00:17:28 → 00:17:31 มาแล้วในในบางท่านนะครับที่ทำแบบนี้จะ
00:17:31 → 00:17:34 เป็นอันตรายมากกว่าเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคน
00:17:34 → 00:17:36 ไข้กับลิ้นตัวเองนะครับเย็บไม่ยากนะครับ
00:17:36 → 00:17:38 แล้วก็ส่วนใหญ่เนี่ยตั้งแต่จนขาดนะครับ
00:17:38 → 00:17:42 อาจจะครับแค่เป็นแผลเฉยๆแผลมากเย็บธรรมดา
00:17:42 → 00:17:45 ก็เรียบร้อยแล้วครับเพราะฉะนั้นก็เลยไม่
00:17:45 → 00:17:49 ควรจะเอาอะไรเข้าไปในช่องปากใช่ไหมฮะ
00:17:49 → 00:17:52 แล้วก็ยังเป็นการแบบทำให้ทางเดินหายใจของ
00:17:52 → 00:17:54 คนไข้เนี่ยอาจจะถูกอุดกั้นด้วยยิ่งจะทำ
00:17:54 → 00:17:58 ให้คนไข้ขาดอากาศไปด้วยนะครับ
00:17:58 → 00:18:03 ผมเห็นทุกวันนี้ผมอันนี้ก็เป็นแบบเป็น
00:18:03 → 00:18:05 ความเชื่อใช่ไหมผมจะเรียกความเชื่อไหมว่า
00:18:05 → 00:18:10 ก็ยังมีความเชื่อที่แบบเฮ้ยพอชักแล้วต้อง
00:18:10 → 00:18:11 เอาอะไรมาอุดต้องอะไรแบบโอ้โหโดยเฉพาะแบบ
00:18:11 → 00:18:14 เดี๋ยวนี้คนเอาช้อนมาน้อยแล้วพี่ดรีมครับ
00:18:14 → 00:18:18 แต่จะเอาเรื่องของอะไรผ้าไปอุดปากก็แสดง
00:18:18 → 00:18:21 ว่ามันจะส่งผลต่อระบบหายใจโดยด้วยไปในตัว
00:18:21 → 00:18:24 ใช่มั้ยฮะ
00:18:24 → 00:18:28 ก็ออกซิเจนจะน้อยและสมองน้อยอยู่แล้วใช่
00:18:28 → 00:18:28 ครับ
00:18:28 → 00:18:31 อ๋อคือหมายความว่าก็คือถ้าเราเราเจอเรา
00:18:31 → 00:18:36 เห็นก็คือปล่อยให้เขาจนกว่าอาการมันจะสงบ
00:18:36 → 00:18:39 นิ่งแล้วก็รีบประถมพยาบาลรีบดูเรื่องของ
00:18:39 → 00:18:41 ชีพจรว่าปกติหรือเปล่าแล้วก็เรียกทาง
00:18:41 → 00:18:43 หน่วยพยาบาลให้มาช่วยเหลืออย่างนี้ใช่ไหม
00:18:43 → 00:18:46 ฮะใช่ครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็ถ้าเป็นไป
00:18:46 → 00:18:50 ได้ก็จัดท่าให้นอนตะแคงครับก็
00:18:50 → 00:18:54 สเต็ปสำคัญนะนอนตะแคงต้องนอนตะแคงด้วยแต่
00:18:54 → 00:18:56 ยะเรื่องยากผมว่าน่าจะเป็นเรื่องคนที่
00:18:57 → 00:18:59 เข้ามาให้การช่วยเหลือนี่แหละสไตล์ความ
00:18:59 → 00:19:02 คิดพอยิ่งคนสองคนมันยังแชร์ความคิดได้
00:19:02 → 00:19:04 เอ้ยมันจะฟังคุณหมอมาคุณหมอให้ทำแบบนี้
00:19:04 → 00:19:07 อย่าเพิ่งเอาอะไรเข้าไปในปากนะแต่ถ้าหลาย
00:19:07 → 00:19:11 ๆคนยิ่งเฉพาะคนที่แบบเอ่อคนที่มี
00:19:11 → 00:19:15 ประสบการณ์สูงๆไวที่มีความเชื่ออยู่เดิมๆ
00:19:15 → 00:19:17 อยู่เนี่ยมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ
00:19:17 → 00:19:23 ที่เราจะจะเคยเป็นแบบอธิบายได้ถ้าเป็นเขา
00:19:23 → 00:19:25 เรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
00:19:25 → 00:19:28 ก็เห็นจริงๆครับว่าเอ่อคนก็ยังพยายามเอา
00:19:28 → 00:19:33 อะไรใส่เข้าไปในป่า
00:19:33 → 00:19:40 ครับ
00:19:40 → 00:19:45 [เสียงหัวเราะ]
00:19:45 → 00:19:50 อืมคุณหมอครับคือถ้าเราวินิจฉัยแล้วว่า
00:19:50 → 00:19:55 อ่ะคนนี้เป็นโรคลมชักวิธีการรักษาเนี่ย
00:19:55 → 00:19:58 มันมีกี่รูปแบบบ้างครับคุณหมอฮะจะต้อง
00:19:58 → 00:20:00 รักษายังไงบ้างครับ
00:20:00 → 00:20:03 ในปัจจุบันนี้การรักษาก็คือมีทั้งการกิน
00:20:03 → 00:20:04 ยา
00:20:04 → 00:20:08 สำหรับกลุ่มที่รักษาด้วยยานั้นไม่ได้ดื้อ
00:20:08 → 00:20:12 ยานะครับก็สามารถที่จะปกติแล้วเนี่ยหลัง
00:20:12 → 00:20:17 กินยาประมาณ 2 ปีนะครับถ้าไม่มี
00:20:17 → 00:20:24 คุณหมอครับสัญญาณมันขาดๆหายๆครับ
00:20:24 → 00:20:27 คุณหมอครับเดี๋ยวผมรบกวนคุณหมอช่วยอธิบาย
00:20:27 → 00:20:29 ซ้ำอีกสักรอบนึงเมื่อกี้สัญญาณมันหายไป
00:20:29 → 00:20:33 ครับคุณหมอครับผมในกรณีของการการรักษานะ
00:20:33 → 00:20:36 ครับก็คือจะแบ่งเป็นการทานยานะครับใน
00:20:36 → 00:20:39 กลุ่มที่ทานยาแล้วไม่มีการชักซ้ำอีกนะ
00:20:39 → 00:20:42 ครับหลายทานยาประมาณ 2 ปีบางท่านสามารถ
00:20:42 → 00:20:45 หยุดยาได้นะครับหนึ่งที่รักษาด้วยยาแล้ว
00:20:45 → 00:20:49 ด้วยยากันชักที่ถูกวิธีถูกขนาดแล้วนะครับ
00:20:49 → 00:20:53 2 ตัวยังมีอาการชักอยู่นะครับก็จะได้รับ
00:20:53 → 00:20:56 การส่งประเมินการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคโรค
00:20:56 → 00:20:59 ลมชักนะครับการผ่าตัดก็มีทั้งการผ่าตัด
00:20:59 → 00:21:01 เพื่อเอาเนื้อสมองตรงจุดที่เป็นแผลเป็น
00:21:01 → 00:21:04 ออกหรือว่าการผ่าตัดใส่เครื่องมือบาง
00:21:04 → 00:21:08 ประเทศนะครับเพื่อไปยับยั้งขึ้นไฟฟ้าที่
00:21:08 → 00:21:10 เป็นคลื่นไฟฟ้าผิดปกตินะครับเพื่อให้คน
00:21:10 → 00:21:12 ไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับ
00:21:12 → 00:21:16 คือถ้าอย่างในกรณีทางยาเนี่ยอย่างบางราย
00:21:16 → 00:21:18 ที่คุณหมอบอกก็คือทาน 2 ปีก็อาการดีขึ้น
00:21:18 → 00:21:21 จนสามารถหยุดได้แต่มันมีไหมครับว่าอย่าง
00:21:21 → 00:21:25 รายที่ยาเอาไม่อยู่อาจจะต้องทานไปตลอด
00:21:25 → 00:21:27 ชีวิตแบบนี้ฮะ
00:21:27 → 00:21:32 ก็มีบางคนไข้บางบางเอ่อบางกลุ่มนะครับอาจ
00:21:32 → 00:21:35 จะอยู่ตรงกลางๆนะครับระหว่างถ้าหยุดยาก็
00:21:35 → 00:21:38 จะมีอาการชักแล้วก็ไม่อยากผ่าตัดนะครับ
00:21:38 → 00:21:40 กลุ่มนี้ก็อาจจะเป็นลักษณะทานยาไปตลอด
00:21:40 → 00:21:43 ชีวิตนะครับหรือบางกลุ่มเป็นลักษณะที่มี
00:21:43 → 00:21:46 แผลเป็นนะครับที่เอ่ออาจจะไม่สามารถรักษา
00:21:46 → 00:21:50 ได้แล้วนะครับแล้วก็อาจจะเลือกเลือกวิธี
00:21:50 → 00:21:52 การทานยาก็อาจจะทานยาไปตลอดชีวิตก็มีครับ
00:21:52 → 00:21:55 ถ้าไม่ทานยาก็อาจจะมีอาการชักกะทานยาก็
00:21:55 → 00:21:58 ไม่ชักบางกลุ่มคนไข้ประเภทนี้ก็อาจจะ
00:21:58 → 00:22:01 เลือกทานยาไปเรื่อยๆครับ
00:22:01 → 00:22:07 แล้วมันมีโอกาสที่จะถึงขั้นเสียชีวิตได้
00:22:07 → 00:22:11 เลยไหมครับกับอาการโรคลมชักแบบนี้ฮะ
00:22:11 → 00:22:16 ก็ในกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยโรคลมชักที่มีอ่า
00:22:16 → 00:22:19 การดื้อต่อยากันชักนะครับก็บางประเภทนะ
00:22:19 → 00:22:21 ครับถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการ
00:22:21 → 00:22:24 รักษาเอ่อถึงแม้จะเป็นอย่างดีแล้วอ่ะครับ
00:22:24 → 00:22:27 ก็มีโอกาสที่จะชักแบบไม่หยุดจนกระทั่ง
00:22:27 → 00:22:30 เสียชีวิตได้บางท่านเอ่อทานทานยาไปก็รู้
00:22:30 → 00:22:32 สึกเบื่อไม่อยากทานแล้วก็หยุดยาไม่แจ้ง
00:22:33 → 00:22:35 แพทย์หรือว่าไม่แจ้งยากอะไรเงี้ยครับก็
00:22:35 → 00:22:37 อาจจะมีชักต่อเนื่องจนกระทั่งเสียชีวิต
00:22:37 → 00:22:40 ได้ครับโอ้ยในกรณีที่ดื้อยาหรือว่าอาจจะ
00:22:40 → 00:22:44 ไม่ทานยาตามที่คุณหมอสั่งอะไรอย่างเงี้ย
00:22:44 → 00:22:49 ก็มีโอกาสที่จะอาการรุนแรงกว่าที่มันๆมัน
00:22:49 → 00:22:51 ควรจะต้องเป็นใช่มั้ยฮะอือ
00:22:51 → 00:22:54 บางท่านก็อาจจะทานๆหยุดๆอะไรอย่างนี้ครับ
00:22:54 → 00:22:56 ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกันครับ
00:22:57 → 00:22:59 โอ้น่ากลัวจริงๆนะครับคุณหมอแล้วอย่างนี้
00:22:59 → 00:23:00 เนี่ยครับ
00:23:00 → 00:23:04 ถ้าคนที่เป็นโรคลมชักอันนี้ถ้าพูดในกรณี
00:23:04 → 00:23:07 ที่เราอาจจะมีญาติๆเนาะมีเพื่อนๆพี่ๆน้อง
00:23:07 → 00:23:10 ๆที่เป็นโรคลมชักอยู่เนี่ยเขาควรจะต้องดู
00:23:10 → 00:23:12 แลตัวเองยังไงได้บ้างครับคุณหมอครับเพื่อ
00:23:12 → 00:23:13 ที่จะ
00:23:13 → 00:23:16 ป้องกันอาการชักไม่ให้มันเกิดขึ้นนะเพราะ
00:23:16 → 00:23:19 ว่าเท่าที่ฟังคุณหมออธิบายมาโอ้โหค่อน
00:23:19 → 00:23:22 ข้างน่ากลัวมากนะ
00:23:22 → 00:23:26 ถ้าเป็นถ้ารู้ตัวเองว่ามีอาการสงสัยจะ
00:23:26 → 00:23:29 ต้องชักนะครับก็สามารถปรึกษาแพทย์เอ่อที่
00:23:29 → 00:23:32 โรงพยาบาลใกล้บ้านได้นะครับซึ่งแยกกันชัด
00:23:32 → 00:23:35 เป็นยาที่มีถูกโรงพยาบาลอยู่แล้วเป็นโรค
00:23:35 → 00:23:37 ที่พบบ่อยนะครับแล้วก็หลังจากได้วินิจฉัย
00:23:37 → 00:23:40 แล้วก็ทานยาอย่างสม่ำเสมอนะครับหลีก
00:23:40 → 00:23:43 เลี่ยงการขับรถนะครับอ่าในช่วง 6 เดือน
00:23:43 → 00:23:46 ถึง 1 ปีแรกนะครับของเมืองไทยเนี่ยนับจาก
00:23:46 → 00:23:48 ครั้งสุดท้ายที่ช้า 1 ปีถึงจะสามารถขับรถ
00:23:48 → 00:23:51 ได้นะครับแล้วก็พักผ่อนให้เป็นเวลานะครับ
00:23:51 → 00:23:53 หลีกเลี่ยงสารเสพติดนะครับทำยังไงให้ตรง
00:23:53 → 00:23:56 เวลานะครับแค่นี้ก็จะปลอดภัยกับการชักนำ
00:23:56 → 00:23:57 ครับผม
00:23:57 → 00:24:03 อ๋อแล้วถ้าอย่างกรณีที่เป็นคนในครอบครัว
00:24:03 → 00:24:06 ญาติๆพี่น้องหรือว่าเป็นคนรักเนี่ยเราควร
00:24:06 → 00:24:08 จะต้องปฏิบัติตัวเองยังไงได้บ้างครับผม
00:24:08 → 00:24:10 เอาฝากแนะนำนิดนึงฮะ
00:24:10 → 00:24:12 ครับผมจริงๆคนไข้โรคลมชักนะครับกลุ่ม
00:24:12 → 00:24:15 หนึ่งก็จะสามารถควบคุมอาการชักได้เราก็
00:24:15 → 00:24:19 ยังเคยเจอคนไข้ลมชักก็มีครอบครัวมีลูกนะ
00:24:19 → 00:24:22 ครับแล้วก็ยังสามารถดูแลลูกต่อไปได้นะ
00:24:22 → 00:24:25 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อเมื่อเรามีญาติ
00:24:25 → 00:24:28 พี่น้องหรือว่าคนรักเนี่ยเป็นโรคลมชักนะ
00:24:28 → 00:24:30 ครับเขาก็เป็นความเจ็บป่วยประเภทหนึ่ง
00:24:30 → 00:24:32 เหมือนกันนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ช่วย
00:24:32 → 00:24:35 กันใส่ใจดูแลนะครับให้คนไข้มารักษากินยา
00:24:35 → 00:24:38 นะครับมาตามมาพบแพทย์ตามนัดนะครับบางท่าน
00:24:38 → 00:24:41 เนี่ยคือดูแลกันตั้งแต่ตอนเด็กๆตั้งครรภ์
00:24:41 → 00:24:44 มีลูกแล้วนะครับลูกก็ปลอดภัยไม่ได้เป็นลม
00:24:44 → 00:24:46 ชักอะไรนะครับก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เป็น
00:24:46 → 00:24:49 ปกติอยู่โดยแค่ทานยากันเวลาเท่านั้นเองก็
00:24:49 → 00:24:50 ได้ครับ
00:24:50 → 00:24:54 คุณหมอสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงฮะอย่าง
00:24:54 → 00:24:57 กรณีถ้าอย่างเป็นผู้ที่ตั้งครรภ์อย่าง
00:24:57 → 00:25:00 เงี้ยฮะถ้าเกิดอาการโรคลมชักขึ้นมามันจะ
00:25:00 → 00:25:03 อันตรายทั้งตัวคุณแม่เองรวมถึงคุณลูกด้วย
00:25:03 → 00:25:06 หรือเปล่าครับ
00:25:06 → 00:25:09 ถ้าเกิดเป็นกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคลมชัก
00:25:09 → 00:25:12 อยู่แล้วอยากมีครอบครัวหรือมีลูกเนี่ย
00:25:12 → 00:25:14 ครับปกติแล้วเราก็จะมีการวางแผนนะครับ
00:25:14 → 00:25:18 ก่อนที่จะมีบุตรนะครับมีปรับยาให้คนไข้
00:25:18 → 00:25:20 ปลอดภัยนะครับแล้วก็เด็กที่อยู่ในท้อง
00:25:21 → 00:25:23 เนี่ยปลอดภัยเช่นกันนะครับแต่ว่าถ้าเกิด
00:25:23 → 00:25:26 สมมุติเป็นกลุ่มคนไข้ที่ไม่ดูแลตัวเองนะ
00:25:26 → 00:25:28 ครับทำให้มีอาการชักในระหว่างการตั้ง
00:25:28 → 00:25:32 ครรภ์การชาร์จที่เกิดทั้งตัวเกิดขึ้นนะ
00:25:32 → 00:25:35 ครับก็จะทำให้ออกซิเจนเนี่ยไปถึงแม่ลดลง
00:25:35 → 00:25:39 นะครับพอถึงแม้ลดลงก็ไปถึงลดลงนะครับเด็ก
00:25:39 → 00:25:42 ก็มีโอกาสที่จะพิการหรือว่าเสียชีวิตจาก
00:25:42 → 00:25:44 ที่คุณแม่ครับได้นะครับ
00:25:44 → 00:25:47 อันนี้คือในส่วนของคนตั้งครรภ์นะฮะคุณหมอ
00:25:47 → 00:25:50 ครับนี่แสดงว่าในบ้านเราเนี่ยคนที่เป็น
00:25:50 → 00:25:54 โรคลมชักเนี่ยน่าจะมีกันอยู่มากพอสมควรจน
00:25:54 → 00:25:58 ทางสถาบันประสาทวิทยาเนี่ยมีศูนย์ความ
00:25:58 → 00:26:02 เป็นเลิศโรคลมชักตั้งขึ้นมาเลยล่ะครับคุณ
00:26:02 → 00:26:02 หมอ
00:26:02 → 00:26:05 ต้องเรียกว่าจริงๆประเทศไทยเคยเคยสังเกตุ
00:26:05 → 00:26:09 สำรวจประชากรนะครับก็มีอยู่ราวประมาณสัก
00:26:09 → 00:26:12 แสนคนเลยนะครับก็จริงๆใช่ครับก็ค่อนข้าง
00:26:12 → 00:26:15 เยอะนะครับจริงๆซึ่งก็จริงๆอุบัติการณ์ก็
00:26:15 → 00:26:16 ประมาณอย่างอย่าง
00:26:16 → 00:26:20 เช่นบางต่างประเทศหลายๆประเทศนะครับเพราะ
00:26:20 → 00:26:22 ฉะนั้นจริงๆสถาบันประสาทเนี่ยตั้งศูนย์
00:26:22 → 00:26:25 เอ่อวินิจฉัยแล้วก็เป็นศูนย์ความเป็นเลิศ
00:26:25 → 00:26:28 ของโรคลมชักมาตั้งแต่ปี 2554 นะครับ
00:26:28 → 00:26:32 ก็จริงๆเราดูแลกลุ่มให้ลมชักดื้อยานะครับ
00:26:32 → 00:26:35 ที่จำเป็นต้องอ่าได้รับการผ่าตัดหรือว่า
00:26:35 → 00:26:38 กลุ่มคนไข้ที่ร่วมชักที่เอ่อเหมือนกับ
00:26:38 → 00:26:41 จำเป็นต้องใส่ผ่าตัดใส่เครื่องมืออะไรพวก
00:26:41 → 00:26:44 เนี้ยนะครับส่งต่อจากโรงพยาบาล
00:26:44 → 00:26:46 ทั่วประเทศนะครับ
00:26:46 → 00:26:50 ศูนย์ความเป็นเลิศโรคลมชักเนี่ยตั้งอยู่
00:26:50 → 00:26:52 ที่ไหนยังไงจะไปใช้บริการได้ยังไงบ้าง
00:26:52 → 00:26:53 ครับคุณหมอครับอยากให้คุณหมอช่วย
00:26:53 → 00:26:56 ประชาสัมพันธ์ให้คุณผู้ฟังได้รับทราบแล้ว
00:26:56 → 00:26:59 ก็เก็บไว้เป็นข้อมูลด้วยเผื่อว่าจะมีญาติ
00:26:59 → 00:27:02 ๆพี่น้องหรือว่าเพื่อนๆที่มีอาการลักษณะ
00:27:02 → 00:27:07 แบบนี้จะได้ไปหาหมอได้ถูกที่ถูกทางเลยฮะ
00:27:07 → 00:27:10 มีในประเทศไทยเนี่ยครับมีศูนย์
00:27:10 → 00:27:13 วินิจฉัยและรักษาโรคลมชักเนี่ยตามโรง
00:27:13 → 00:27:16 เรียนแพทย์นะครับส่วนสำหรับกรมการแพทย์
00:27:16 → 00:27:20 ตั้งอยู่ที่สถาบันประสาทวิทยานะครับผมการ
00:27:20 → 00:27:24 แพทย์นะครับก็อยู่ตรงตรงอนุสาวรีย์
00:27:24 → 00:27:27 ชัยสมรภูมินะครับก็จริงๆเราก็รับดูแลผู้
00:27:27 → 00:27:30 ป่วยโรงพักรักษายากทุกประเภทนะครับก็
00:27:30 → 00:27:33 สามารถเอ่อจริงๆแล้วคุณหมออ่าจากทั่ว
00:27:33 → 00:27:36 ประเทศนะครับก็ส่งมาให้เรานะครับดูแลผู้
00:27:36 → 00:27:39 ป่วยอยู่แล้วนะครับก็จริงๆถ้าสมมุติมี
00:27:39 → 00:27:41 อาการเจ็บป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึง
00:27:41 → 00:27:44 สถาบันประสาทก็ได้ก็พบแพทย์ใกล้บ้านแล้ว
00:27:44 → 00:27:47 ก็แพทย์ที่รักษานะครับดูแลถ้าเกิดเห็นสม
00:27:47 → 00:27:50 ควรว่าการดูแลเนี่ยยังทำให้การรักษาโรคลม
00:27:50 → 00:27:52 ช้างเนี่ยยังไม่หายขาดหรือว่ายังมีการ
00:27:52 → 00:27:54 ดื้อยานะครับเราก็จะมีช่องทางนะครับ
00:27:54 → 00:27:58 ประชาสัมพันธ์ให้เอ่อคุณหมอแล้วก็คนไข้
00:27:58 → 00:28:01 เนี่ยครับสามารถรับการรักษาที่สาธารณะได้
00:28:01 → 00:28:02 ครับ
00:28:02 → 00:28:06 อาทิตย์นี้ผมมาที่คำถามจากทางบ้านหน่อยนะ
00:28:06 → 00:28:08 ครับวันนี้เราคุยกันในเรื่องของโรคลมชัก
00:28:08 → 00:28:13 ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่เคยได้เจอกับตัวเอง
00:28:13 → 00:28:16 หลายท่านก็มีประสบการณ์ทั้งญาติๆเพื่อนๆ
00:28:16 → 00:28:18 พี่น้องเนี่ยถามกันเข้ามาพอสมควรทีเดียว
00:28:18 → 00:28:21 อาจจะต้องขอรบกวนนะครับคุณหมอช่วยอธิบาย
00:28:21 → 00:28:24 นะฮะแล้วก็ให้คำตอบกับทางบ้านนิดนึงอย่าง
00:28:24 → 00:28:27 คุณพี่ท่านนี้ครับถามมาว่าโรคลมชักรักษา
00:28:27 → 00:28:30 หายขาดได้ไหมครับเพราะว่าคุณพี่ท่านที่มี
00:28:30 → 00:28:33 น้องสาวเป็นโรคลมชักแล้วก็ชักมาทั้งหมด 3
00:28:33 → 00:28:36 ครั้งตั้งแต่ปี 56 58 แล้วก็เรื่อยมาจน
00:28:36 → 00:28:40 ถึงปี 61 ตอนนี้เนี่ยยังต้องทานยากันชัก
00:28:40 → 00:28:43 อยู่ตลอดเวลาแต่ละครั้งที่มีอาการชัก
00:28:43 → 00:28:47 เนี่ยต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งละ
00:28:47 → 00:28:52 1 เดือนเลยเหรอคุณหมอฮะ
00:28:52 → 00:28:56 โรคลมชักเนี่ยต้องดูสาเหตุคู่กันไปด้วย
00:28:56 → 00:28:59 ครับบางอย่างเนี่ยมันอาจจะเป็นลักษณะสมอง
00:28:59 → 00:29:03 ที่พัฒนาหรือว่าเจริญผิดปกติมาตั้งแต่
00:29:03 → 00:29:05 กำเนิดนะครับบางอย่างเนี่ยกลุ่มพวกนี้
00:29:05 → 00:29:07 เนี่ยซึ่งมันอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย
00:29:07 → 00:29:10 การด้วยการผ่าตัดทั้งหมดนะครับแต่ว่าใน
00:29:10 → 00:29:14 กลุ่มนี้เนี่ยถ้าผู้ป่วยทานยาอย่างตรง
00:29:14 → 00:29:15 เวลานะครับได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง
00:29:15 → 00:29:19 ครับก็เรียกว่าไม่มีอาการนะครับถ้าผมจะ
00:29:19 → 00:29:21 เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับเรื่องของเป็น
00:29:21 → 00:29:25 โรคเบาหวานแต่ว่าควบคุมน้ำตาลนะครับควบ
00:29:25 → 00:29:27 คุมอาหารนะครับให้อาการของโรคเบาหวาน
00:29:27 → 00:29:30 เนี่ยเป็นปกตินะครับเช่นกันสำหรับคนไข้
00:29:30 → 00:29:33 โรคลมชักเนี่ยถ้ามีอาการชักประมาณสัก 3-4
00:29:33 → 00:29:37 ครั้งนะครับปีนึงอาจจะครั้งหนึ่ง
00:29:37 → 00:29:40 เป็นกลุ่มต้องเรียนตามตรงว่าเป็นกลุ่มที่
00:29:40 → 00:29:43 เป็นกลุ่มที่การพยากรณ์โลกดีนะครับถ้าทาน
00:29:43 → 00:29:47 ยาตรงเวลานะครับแล้วก็ดูแลสุขภาพดีๆเผลอๆ
00:29:47 → 00:29:49 อาจจะที่ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 ต่อไปนะ
00:29:49 → 00:29:51 ครับเนื่องจากว่าชักดูไม่ค่อยบ่อยนะครับ
00:29:51 → 00:29:54 อาจจะปี 2 ปีครั้งหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ
00:29:54 → 00:29:58 คือคุณพี่ท่านนี้ก็เลยอธิบายให้ข้อมูลมา
00:29:58 → 00:30:00 เพิ่มเติมว่าตอนนี้เนี่ย
00:30:00 → 00:30:03 ผู้ป่วยท่านนี้ไม่สามารถทำงานที่มีความ
00:30:03 → 00:30:05 เครียดได้เลยก็เลยกังวลว่าเออมันจะมี
00:30:05 → 00:30:08 โอกาสที่จะเกิดลมชักได้อีกหรือเปล่าถ้า
00:30:08 → 00:30:12 กลับไปทำงานในลักษณะแบบนี้
00:30:12 → 00:30:15 กระตุ้นทำให้คนไข้ทับได้ครับมีทางเลือก
00:30:15 → 00:30:18 ของการพักผ่อนน้อยความเครียดนะครับ
00:30:18 → 00:30:22 แล้วก็จริงๆต้องเรียกว่าสารเสพติดบาง
00:30:22 → 00:30:24 ประเภทก็กระตุ้นทำให้เกิดอาการนะครับ
00:30:24 → 00:30:28 เพราะฉะนั้นถามว่าคนไข้เครียดได้ไหมนะ
00:30:28 → 00:30:30 ครับจริงๆก็ความเครียดเป็นสิ่งที่เราเจอ
00:30:30 → 00:30:32 ทุกวันอยู่แล้วอ่ะครับแต่ว่าถ้าเราสามารถ
00:30:32 → 00:30:35 จัดการมันได้นะครับก็ไม่ช่วยจนเกินไปก็
00:30:35 → 00:30:38 แบ่งเวลาการทำงานนะครับจริงๆกลุ่มคนไข้
00:30:38 → 00:30:42 บางประเภทที่เอ่อที่เราเจออยู่นะครับก็
00:30:42 → 00:30:44 เป็นคุณหมอก็มีนะครับสามารถกลับไปทำงาน
00:30:44 → 00:30:46 ช่วยเหลือสังคมได้เหมือนกันเหมือนกับผมนะ
00:30:46 → 00:30:48 ครับเพราะฉะนั้นจริงๆต้องเรียนว่าเครียด
00:30:48 → 00:30:51 ได้นะครับแต่ว่าก็เรารู้จักผ่อนคลายแบ่ง
00:30:51 → 00:30:53 เวลาครับก็จะสามารถอยู่ร่วมกับโรคลมชัก
00:30:54 → 00:30:55 ได้ครับ
00:30:55 → 00:30:57 มีอีกคำถามครับคุณหมอครับอันนี้ผมเป็น
00:30:57 → 00:31:00 สิ่งที่ผมเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะสงสัยใน
00:31:00 → 00:31:04 ลักษณะใกล้เคียงกันก็คือโรคลมชักกับลมบ้า
00:31:04 → 00:31:07 หมูมันมีความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงฮะ
00:31:07 → 00:31:09 คุณหมอฮะสังเกตยังไงเอ่ย
00:31:09 → 00:31:15 ว่าโรคลมหน้าหมูเนี่ยไว้สำหรับเรียกโรคลม
00:31:15 → 00:31:17 ชักที่เป็นชักเกร็งทั้งตัวนะครับบาง
00:31:17 → 00:31:19 ประเทศก็เลยเรียกว่ารวบรวมว่าหมวกนะครับ
00:31:19 → 00:31:22 จริงๆก็เป็นเรียกว่าเป็นเป็นส่วนหนึ่งของ
00:31:22 → 00:31:24 โรคลมชักแล้วกันนะครับก็อาจจะเป็นที่เห็น
00:31:24 → 00:31:28 คนไข้จะเกร็งทั้งตัวก็เลยแล้วก็อาจจะควบ
00:31:28 → 00:31:30 คุมตัวเองไม่ได้เขาก็เลยอาจจะเปรียบเทียบ
00:31:30 → 00:31:32 ว่าเป็นลมบ้าหมูอะไรเงี้ยนะครับพอเป็น
00:31:32 → 00:31:36 ศัพท์เซ็ทของคำว่าโรคลมชักนั่นเอง
00:31:36 → 00:31:40 สภาพแวดล้อมแบบไหนถึงมีโอกาสที่จะเกิดโรค
00:31:40 → 00:31:42 ลมชักได้ครับ
00:31:42 → 00:31:46 สภาพแวดล้อมที่จริงๆต้องเรียนว่าโรครอง
00:31:46 → 00:31:49 เท้ามีหลายสายเหตุนะครับเพราะฉะนั้นจริงๆ
00:31:49 → 00:31:51 ตัวสภาพแวดล้อมเนี่ยที่อาจจะกระตุ้นทำให้
00:31:51 → 00:31:56 เกิดโรคลมชักได้ก็คือการที่เอ่ออาจจะพัก
00:31:56 → 00:31:59 ผ่อนน้อยนะครับทำงานหนักนะครับแล้วก็ใช้
00:31:59 → 00:32:02 สารเสพติดกลุ่มสภาพแวดล้อมแบบนี้น่าจะน่า
00:32:02 → 00:32:04 จะเอื้อต่อการทำให้เกิดโรคลมชักนะครับ
00:32:04 → 00:32:08 หรือว่ามีโอกาสชักซ้ำได้สูงครับผม
00:32:08 → 00:32:12 โอเคก็เรียกว่าเป็นสิ่งที่
00:32:12 → 00:32:16 โอ้โหควรจะต้องก็ต้องเรียนรู้ไว้นะพี่ว่า
00:32:16 → 00:32:19 เราไปเจอเราไปไปพบไปเจอจะต้องปฏิบัติตัว
00:32:19 → 00:32:22 ยังไงวันนี้เรียกว่าครบถ้วนสมบูรณ์เลยนะ
00:32:22 → 00:32:24 ครับสำหรับเรื่องของโรคลมชักว่าเกิดขึ้น
00:32:24 → 00:32:26 ได้อย่างไรแล้วก็เราได้รู้จักกับศูนย์
00:32:27 → 00:32:28 ความเป็นเลิศด้วยนะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:32:28 → 00:32:31 ของโรคลมชักนะครับของสถาบันประสาทวิทยา
00:32:31 → 00:32:32 ด้วยนะครับว่าอยู่ที่ไหนสามารถไปใช้
00:32:33 → 00:32:35 บริการได้สำหรับใครที่มีอาการเป็นโรคนี้
00:32:35 → 00:32:37 อยู่นะครับวันนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณ
00:32:37 → 00:32:40 หมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเราในค่ำ
00:32:40 → 00:32:43 คืนวันนี้นะครับคุณหมอครับครับขอบคุณครับ
00:32:43 → 00:32:45 ขอบพระคุณมากๆขอบคุณครับ
00:32:45 → 00:32:48 คุณหมอ
00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับคุณหมอครับสวัสดีครับสวัสดี
00:00:03 → 00:00:08 ท่านผู้ฟังทุกท่านนะครับสวัสดีครับ
00:00:08 → 00:00:13 ผมคุณหมอครับมาถึงเรื่องของลมชักลมชัก
00:00:13 → 00:00:15 เนี่ยจริงๆคือมันเขาเรียกว่ามันเป็นอาการ
00:00:15 → 00:00:19 หรือว่ามันมันเป็นถึงสิ่งที่เราต้องจำกัด
00:00:19 → 00:00:23 ความมันว่าเป็นโรคเลยครับ
00:00:23 → 00:00:27 ก็คือเป็นกลุ่มเป็นถ้าคนที่ถูกวินิจฉัย
00:00:27 → 00:00:30 เป็นโรคลมชักนะครับส่วนใหญ่แล้วจะต้องมี
00:00:30 → 00:00:34 อาการชักนะครับ
00:00:34 → 00:00:38 อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไปนะครับก็จะถือว่า
00:00:38 → 00:00:42 เป็นทุกคนนั้นก็จะเป็นโรคลงชักครับผมหมาย
00:00:42 → 00:00:44 ความว่าปัจจัยกระตุ้นนี่หมายความว่าไม่
00:00:44 → 00:00:47 ได้เกิดจากอาการป่วยอื่นๆเข้ามาใช่ไหม
00:00:47 → 00:00:50 ครับเป็นอาการของโรคนี้โดยเฉพาะขึ้นมา
00:00:50 → 00:00:54 ก็คือเหมือนกับคนไข้เดินมาหาเราเนี่ยเขา
00:00:54 → 00:00:57 จะมาเล่าให้ฟังว่าเขาอาจจะมีอาการที่น่า
00:00:57 → 00:01:00 จะน่าจะเป็นลักษณะอาการชานะครับแล้วก็มี
00:01:00 → 00:01:03 อาการแบบนี้อย่างน้อยอย่างน้อย 2 ครั้ง
00:01:03 → 00:01:07 แล้วก็การที่เขามีอาการเนี่ย
00:01:07 → 00:01:11 มีปัจจัยกระตุ้นเช่นอาจจะไม่ได้ไปใช้สาร
00:01:11 → 00:01:15 เสพติดอาจจะไม่ได้เป็นลักษณะให้ไม่ได้
00:01:15 → 00:01:18 เป็นลักษณะแบบเอ่อมีเรื่องของน้ำตาลสูง
00:01:18 → 00:01:22 หรือว่ามีเกลือแร่ผิดปกติ
00:01:22 → 00:01:26 วินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักครับ
00:01:26 → 00:01:30 ทีนี้ก็เลยอยากจะทราบว่าไอ้อาการลมชักนะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับคุณหมอครับถ้ามันไม่มีปัจจัยกระตุ้น
00:01:33 → 00:01:36 แล้วอยู่ๆเนี่ยมันเกิดขึ้นกับคนเราได้ยัง
00:01:36 → 00:01:39 ไงบ้างครับคุณหมอครับต้องเรียกว่าอาการ
00:01:39 → 00:01:42 ฉากนะครับก็คือลักษณะเนี่ยมันคือเป็น
00:01:42 → 00:01:46 ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจากการที่สมอง
00:01:46 → 00:01:50 เนี่ยถูกกระตุ้นนะครับปกติสมองเราเนี่ย
00:01:50 → 00:01:53 ถูกเรียกว่าติดต่อกันด้วยระบบไฟฟ้านะครับ
00:01:53 → 00:01:56 เมื่อมีอาการชักเนี่ยก็คือในวินาทีนั้น
00:01:56 → 00:01:59 เนี่ยก็จะมีลักษณะสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติ
00:01:59 → 00:02:02 เกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งของสมองหรือ
00:02:02 → 00:02:04 ว่าทุกบริเวณพร้อมๆกันนะครับเสร็จแล้ว
00:02:04 → 00:02:07 เนี่ยมันก็จะเป็นลักษณะไฟฟ้าที่ผิดปกตินะ
00:02:07 → 00:02:11 ครับก็จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยที่ที่เป็นโรค
00:02:11 → 00:02:13 นี้ก็มีอาการนะครับมีอาการชักออกมาโดยที่
00:02:13 → 00:02:19 ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ครับไฟฟ้ามันไฟ
00:02:19 → 00:02:22 ฟ้าที่ว่ามันมันเป็นยังไงอ่ะอยากจะให้
00:02:22 → 00:02:25 ช่วยอธิบายให้ความรู้กับเราทั้งสองคนที่
00:02:25 → 00:02:27 อาจจะความรู้น้อยมากไปหน่อยเรื่องนี้ฮะ
00:02:27 → 00:02:28 คุณหมอ
00:02:28 → 00:02:31 ครับก็คือปกติแล้วร่างกายเราเนี่ยครับ
00:02:31 → 00:02:34 สมมุติว่าเราสั่งให้มือขวาเราเนี่ยนะครับ
00:02:34 → 00:02:37 ยกมือขยับขึ้นมาเนี่ยครับมันก็จะเกิดจาก
00:02:37 → 00:02:41 กระบวนการที่เรียกว่าจิตขึ้นมาครับ
00:02:41 → 00:02:44 ก็จะมีสัญญาณไฟฟ้าจากจุดที่เป็นจุดสั่ง
00:02:45 → 00:02:46 การนะครับวิ่งตาม
00:02:46 → 00:02:56 สายไฟหรือวิ่งตามจุดที่เชื่อมต่อนะครับ
00:02:56 → 00:03:28 ขนาดของ
00:03:28 → 00:03:34 ลักษณะของของการเกิดโรคนี้ลักษณะความผิด
00:03:34 → 00:03:35 ปกติของคลื่นไฟฟ้า
00:03:35 → 00:03:39 มันต้นสายไปเห็นแท้จริงแล้วเนี่ยมันมาจาก
00:03:39 → 00:03:43 อะไรได้บ้างครับหลักๆนี่คืออะไรแล้วก็พบ
00:03:43 → 00:03:45 มากคืออะไรนะ
00:03:45 → 00:03:48 สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการชักนะครับแล้วก็
00:03:48 → 00:03:51 เป็นโรคลมชักเนี่ยคืออาจจะมีมาหลายมีจาก
00:03:51 → 00:03:54 หลายสาเหตุนะครับสาเหตุที่พบบ่อยเนี่ย
00:03:54 → 00:03:57 เช่นอาจจะมีลักษณะเป็นแพ็กเป็นที่บริเวณ
00:03:57 → 00:04:02 ผิวสมองบางส่วนนะครับที่มีการเชื่อมต่อ
00:04:02 → 00:04:06 กับหลายๆจุดนะครับสมองนะครับเช่นสมองที่
00:04:06 → 00:04:08 เป็นบริเวณข้างหูทั้งสองข้างเนี่ยนะครับ
00:04:08 → 00:04:11 ก็จะเป็นจุดที่มีการเชื่อมต่อกับสมองส่วน
00:04:11 → 00:04:15 อื่นๆแล้วก็เป็นจุดที่ใช้เก็บความทรงจำ
00:04:15 → 00:04:16 ระยะสั้น
00:04:16 → 00:04:19 ถ้ามีความผิดปกติเช่นบางครั้งอาจจะมี
00:04:19 → 00:04:21 ลักษณะเป็นแผลเป็นนะครับหรือว่ามีเส้น
00:04:21 → 00:04:24 เลือดหรือมีก้อนอะไร
00:04:24 → 00:04:26 ครับ
00:04:26 → 00:04:29 แล้วก็ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคลมชักตามมาได้
00:04:29 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:34 ลงมาก็จะเป็นลักษณะพันธุกรรมบางอย่างนะ
00:04:34 → 00:04:38 ครับที่กระตุ้นให้เกิดไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจ
00:04:38 → 00:04:42 จะบางจุดหรือทุกจุดในสมองนะครับแต่ว่า
00:04:42 → 00:04:45 เป็นเกี่ยวกับเรื่องของ
00:04:45 → 00:04:47 เกี่ยวกับเรื่องของโรคภูมิคุ้มกันทำร้าย
00:04:47 → 00:04:50 ตัวเองบางส่วนนะครับแต่ว่าเป็นอาจจะมีตัว
00:04:50 → 00:04:53 แรกมีไข้หรืออะไรเงี้ยครับก็จะเป็นตัว
00:04:53 → 00:04:59 กระตุ้นทำให้แบบมีอาการอ่าครับอืม
00:04:59 → 00:05:04 ที่บอกว่าแผลบนผิวสมองใช่ไหมฮะตรงนี้เอง
00:05:04 → 00:05:08 มันเกิดมาจากสายด้วยสาเหตุอะไรครับแผลตรง
00:05:08 → 00:05:13 จุดนั้นจริงๆต้องเรียกว่าในระหว่างที่
00:05:13 → 00:05:16 สมองที่พัฒนาขึ้นมาในวัยเด็กนะครับจน
00:05:16 → 00:05:19 กระทั่งถึงตอนโตขึ้นมาเนี่ยสมองบางจุด
00:05:19 → 00:05:23 เนี่ยมีลักษณะไวต่อการขาดอากาศนะครับ
00:05:23 → 00:05:26 เนื้อเชื่อว่าในบางจุดนี้ครับ
00:05:26 → 00:05:30 เป็นแผลเป็นที่เกิดจากบริเวณผิวสมองข้าง
00:05:30 → 00:05:33 หูบางครั้งเนี่ยคือในช่วงเด็กนะครับหรือ
00:05:33 → 00:05:37 ว่าในช่วงที่ที่ก่อนคลอดหรือระหว่างคลอด
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยครับอาจจะมีเคยมีไข้สูงแล้วก็มีการ
00:05:40 → 00:05:43 ทักนะครับตั้งแต่วัยเด็กก็อาจจะเป็น
00:05:43 → 00:05:47 ลักษณะคล้ายกับบริเวณดังกล่าวเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 นะครับอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้เกิดเป็น
00:05:51 → 00:05:56 แผลเป็นบริเวณดังกล่าวขึ้นมาได้
00:05:56 → 00:05:58 ใช่ครับบางคนก็เป็นตั้งแต่เด็กบางคนก็
00:05:58 → 00:06:01 ต้องเป็นตั้งแต่ในครั้งนะครับหรือบางคน
00:06:01 → 00:06:04 เป็นตอนคลอดสาเหตุค่อนข้างเยอะครับ
00:06:04 → 00:06:07 เดี๋ยวผมขอเพิ่มเติมตรงผิวสมองนิดนึงอัน
00:06:07 → 00:06:09 นี้มันเกี่ยวกับเรื่องของอุบัติเหตุอะไร
00:06:09 → 00:06:11 ที่อาจจะเกี่ยวกับกระทบกระเทือนได้ด้าน
00:06:11 → 00:06:13 ศีรษะอะไรอย่างนี้เกี่ยวข้องด้วยไหมครับ
00:06:13 → 00:06:15 คุณหมอครับเกี่ยวข้องครับเป็นไปได้หมดเลย
00:06:15 → 00:06:19 ครับเช่นกรณีที่เป็นลักษณะเคยพลัดตกจาก
00:06:19 → 00:06:22 ที่สูงอุบัติเหตุทางศีรษะหรือว่าเคยเป็น
00:06:22 → 00:06:24 เส้นเลือดสมองตีบหรือเส้นเลือดสมองแตกที่
00:06:24 → 00:06:27 บริเวณผิวสมองก็เป็น 5 ให้เกิดอาการชักไป
00:06:27 → 00:06:30 ทางนั้นครับอือส่วนพันธุกรรมเนี่ยคือหมาย
00:06:30 → 00:06:34 ความว่าถ้าเรามีญาติๆคุณพ่อคุณแม่ที่มี
00:06:34 → 00:06:38 อาการเคยเป็นโรคลมชักมาก่อนเนี่ยมันจะสืบ
00:06:38 → 00:06:41 ต่อโรคนี้ไปทางลูกๆหลานๆได้ด้วยใช่ไหมฮะ
00:06:41 → 00:06:45 ใช่ครับบางประเภทครับของโลกอ่ะครับก็คือ
00:06:45 → 00:06:47 ที่เป็นโรคลมชักเนี่ยอาจจะมีอาการบาง
00:06:47 → 00:06:53 อย่างนะครับหรือเช่นแบบมีผิวผิดปกติหัวใจ
00:06:53 → 00:06:55 ผิดปกตินะครับแล้วก็อาจจะมีเรื่องของผิว
00:06:55 → 00:06:57 สมองเนี่ยที่เป็นรหัสเป็นก้อนนะครับพวก
00:06:57 → 00:07:01 นี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อหรือ
00:07:01 → 00:07:04 แม่นะครับส่วนลูกได้ครับแล้วก็ทำให้รุ่น
00:07:04 → 00:07:06 ต่อๆมาเนี่ยก็มีโอกาสเป็นโรคลมชักหรือว่า
00:07:06 → 00:07:13 มีความผิดปกติที่ผิวสมองมากกว่าครับผม
00:07:13 → 00:07:19 โดยที่เราอาจจะไม่ไม่ทราบสาเหตุหรือว่า
00:07:19 → 00:07:21 มันมีสาเหตุที่นอกเหนือจากที่คุณหมอได้
00:07:21 → 00:07:24 ได้กล่าวมาบ้างไหมฮะ
00:07:24 → 00:07:27 ต้องเรียนว่าถ้าผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลนะ
00:07:27 → 00:07:29 ครับส่วนหนึ่งของของแพทย์นะครับก็จะเป็น
00:07:29 → 00:07:33 การหาสาเหตุในบางส่วนเนี่ยหลังจากหา
00:07:33 → 00:07:35 สาเหตุไปจนครบถ้วนแล้วอ่ะครับก็ไม่ทราบ
00:07:35 → 00:07:38 สาเหตุอันนี้ก็คงมีสาเหตุแต่ว่าตอนนี้ณ
00:07:38 → 00:07:41 ปัจจุบันเราอาจจะยังไม่ทราบว่าทำไมคนไข้
00:07:41 → 00:07:43 ถึงชัดนะครับก็จุดนี้ก็มีเขาเรียกว่าเป็น
00:07:43 → 00:07:46 โรคลมชักที่ไม่ทราบสาเหตุจริงๆครับ
00:07:46 → 00:07:51 ลักษณะอาการที่คุณหมอว่ามารวมทั้งสาเหตุ
00:07:51 → 00:07:54 ต่างๆเนี่ยเท่าที่คุณหมอมีข้อมูลอยู่ใน
00:07:54 → 00:07:56 มือฮะส่วนใหญ่เนี่ยมันมักจะเกิดขึ้นกับคน
00:07:56 → 00:08:00 ช่วงวัยไหนแล้วก็เพศไหนที่มันมีโอกาสเจอ
00:08:00 → 00:08:04 ได้ได้เยอะมากกว่ากันนะคุณหมอครับต้อง
00:08:04 → 00:08:06 เรียนว่าจริงๆแล้วครับพบได้ตลอดชีวิตนะ
00:08:06 → 00:08:10 ครับก็ของการก็มีต้นแบบต้องบอกว่าประมาณ
00:08:10 → 00:08:13 1-2% ของประชากรนะครับเขาจะมีโอกาสเป็น
00:08:13 → 00:08:16 โรคลมชักได้นะครับต้องเรียนว่าในกลุ่มที่
00:08:16 → 00:08:19 เป็นเอ่อประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศด้อย
00:08:19 → 00:08:21 พัฒนาเนี่ยครับก็มีโอกาสจะพบได้สูงกว่า
00:08:21 → 00:08:24 ประเทศที่พัฒนาแล้วนะครับซึ่งอันนี้ก็อาจ
00:08:24 → 00:08:27 จะปัจจัยจากการที่การคลอดการดูแลระหว่าง
00:08:27 → 00:08:29 ตั้งครรภ์หรือการดูแลระหว่างช่วงเด็กหรือ
00:08:29 → 00:08:32 วัยรุ่นก็อาจจะมีปัจจัยนะครับดังนั้นก็
00:08:32 → 00:08:34 จริงๆต้องเรียนว่าส่วนในประเทศที่พัฒนา
00:08:34 → 00:08:36 แล้วเนี่ยก็อาจจะเป็นโรคลมชักที่เจอจาก
00:08:36 → 00:08:40 เรื่องของความอายุสูงอายุมากขึ้นนะครับ
00:08:40 → 00:08:43 แล้วก็อาจจะเป็นกลุ่มโรคสมองเสื่อมเส้น
00:08:43 → 00:08:46 เลือดสมองตีบหรือว่าเป็นจากกลุ่มที่เป็น
00:08:46 → 00:08:47 ลักษณะเป็นโรค ncd
00:08:47 → 00:08:50 อาจจะมีลักษณะเป็นเส้นเลือดสมองตีบหรือ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าหรือว่าเป็นเส้นเลือดสมองแตกอะไรอย่าง
00:08:52 → 00:08:54 นี้ครับมาก็เป็นไปได้ครับเพราะฉะนั้นดัง
00:08:54 → 00:08:57 นั้นก็คือต้องเรียนวัดเจอได้ทักได้ได้
00:08:57 → 00:09:01 ตลอดชีวิต
00:09:01 → 00:09:06 ก็หมายความว่าสมมุติถ้าเดินมาสัก 100 คน
00:09:06 → 00:09:08 เนี่ย 1-2 คนเนี่ยต้องมีละที่มีโอกาสเป็น
00:09:08 → 00:09:10 โรคลมชักใช่ไหมครับ
00:09:10 → 00:09:13 ถูกต้องเลยครับแล้วก็คุณหมอที่อยู่เวรนะ
00:09:13 → 00:09:16 ครับหรือว่าอยู่ที่ห้องฉุกเฉินนะครับก็
00:09:16 → 00:09:18 ประมาณเช่นกันครับประมาณ 1-2% นะครับ
00:09:18 → 00:09:20 เพราะฉะนั้นคุณหมอทุกท่านก็จะต้องเคยเจอ
00:09:21 → 00:09:23 อ่าคนไทยที่เป็นโรคลมชักไปอยู่ตามห้อง
00:09:23 → 00:09:27 ฉุกเฉินนะครับแต่ว่าตามผู้ป่วยนอกต่างๆ
00:09:27 → 00:09:33 น่ากลัวนะก็ถือว่าเป็นหนึ่งโรคที่ที่เจอ
00:09:33 → 00:09:36 แล้วหลายๆคนไม่กล้าเข้าไปช่วยเออใช่อาการ
00:09:36 → 00:09:38 ที่เกิดขึ้นต้องถามคุณหมอก่อนเลยว่าการ
00:09:38 → 00:09:42 ที่เกิดขึ้นมันจะปรากฏลักษณะอาการยังไง
00:09:42 → 00:09:44 บ้างมั้ยฮะแล้วก็มันจะจำเป็นข้อสังเกตของ
00:09:44 → 00:09:46 เราได้ด้วย
00:09:46 → 00:09:49 แยกใหญ่ๆนะครับสำหรับอาการชักนะครับมันจะ
00:09:49 → 00:09:52 มีอาการชักบางจุดนะครับบางจุดก็อาจจะมี
00:09:52 → 00:09:55 ลักษณะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวนะครับหรือว่า
00:09:55 → 00:09:57 เป็นชาที่เป็นลักษณะชัดที่เป็นพร้อมกัน
00:09:57 → 00:10:00 ทุกจุดในสมองนะครับส่วนใหญ่อันนี้จะไม่
00:10:00 → 00:10:04 ค่อยรู้ตัวครับผมก็จะเป็นลักษณะอาการที่
00:10:04 → 00:10:06 แบ่งเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ครับ
00:10:06 → 00:10:10 แบบที่เป็นบางจุดอ่ะครับบางท่านนะครับผู้
00:10:10 → 00:10:12 ป่วยบางคนมักจะมีอาการนำมาก่อนเรียกว่า
00:10:12 → 00:10:15 เป็นออร่านะครับอาจจะมีอาการเตือนนิดนึง
00:10:15 → 00:10:18 นะครับอาจจะห้ามผู้ป่วยเนี่ยได้รับการ
00:10:18 → 00:10:22 ให้ความรู้มาก่อนนะครับบางท่านเนี่ยจะ
00:10:22 → 00:10:24 สามารถบอกคนที่อยู่ข้างๆได้หรือบอกเพื่อน
00:10:24 → 00:10:29 สนิทได้ว่าใกล้จะมีอาการละนะครับ
00:10:29 → 00:10:32 ข้อสังเกตของตัวบุคคลนั้นด้วยว่าเฮ้ยมัน
00:10:32 → 00:10:34 จะมีอาการเบื้องต้นหมามันจะเหมือนกันหมด
00:10:34 → 00:10:38 ทุกคนไหมคะที่ป่วยเป็นโรคลมชักแบบนี้ไม่
00:10:38 → 00:10:40 เหมือนกันครับแต่ว่าต้องเรียนว่าจะมีแบบ
00:10:40 → 00:10:43 ใหญ่ๆซึ่งแบบใหญ่ๆหมายถึงว่าเป็นกลุ่มคน
00:10:43 → 00:10:46 ไข้ที่พบบ่อยนะครับที่เราอาจจะมีอาการนำ
00:10:46 → 00:10:49 นะครับเช่นในกลุ่มคนไข้ที่มีแผลเป็นที่
00:10:49 → 00:10:52 ผิวสมองเนี่ยครับส่วนใหญ่เขาจะนอนด้วยกัน
00:10:52 → 00:10:55 ลักษณะหัวๆอยู่ๆในท้องหรือว่าลักษณะ
00:10:55 → 00:10:59 เหมือนระลึกถึงความทรงจำเก่าๆก่อนแล้วการ
00:10:59 → 00:11:02 ชักก็จะพอบอกเพื่อนเขาได้ครับว่าเขาจะทำ
00:11:02 → 00:11:04 งาน
00:11:05 → 00:11:07 มันสามารถบอกได้ขนาดนั้นอันนี้คือในกรณี
00:11:07 → 00:11:11 ที่ที่พอจะมีสัญญาณที่พอจะจับได้ใช่ไหม
00:11:11 → 00:11:14 ครับแล้วก็บอกให้คนอื่นเตรียมรับมือเพื่อ
00:11:14 → 00:11:16 ที่จะทำการช่วยเหลือใช่ไหมฮะ
00:11:16 → 00:11:19 แต่บางคนก็คือไม่มีอาการแจ้งให้ทราบไม่
00:11:19 → 00:11:21 ได้ครับก็คือ
00:11:21 → 00:11:24 ลักษณะเวลาชักอ่ะคุณหมอครับอันนี้อันนี้
00:11:24 → 00:11:27 ถามโดยที่ผมอาจจะมีประสบการณ์ในการเจอ
00:11:27 → 00:11:30 ค่อนข้างน้อยมากอยากจะให้คุณหมอช่วย
00:11:30 → 00:11:34 อธิบายนิดนึงเวลาเวลาคนไข้ที่มีโรคลมชัก
00:11:34 → 00:11:38 ในลักษณะประมาณไหนฮะอ๋อเผื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:11:38 → 00:11:42 ทางบ้านที่ฟังอยู่อาจจะอาจจะเจอกันได้วัน
00:11:42 → 00:11:44 ใดวันหนึ่งมันจะได้สังเกตได้ว่าเออเจอแบบ
00:11:44 → 00:11:46 นี้เขาเรียกว่าเป็นโรคลมชักแล้วพอจะมี
00:11:46 → 00:11:49 วิธีการที่จะแนะนำยังไงได้บ้างฮะกับการ
00:11:49 → 00:11:51 ปฏิบัติหรือว่าช่วยเหลือ
00:11:51 → 00:11:54 ผมจริงๆต้องเรียนว่าเวลาที่เจอผู้ป่วยนะ
00:11:54 → 00:11:57 ครับอาจจะมีคล้ายๆกันนะครับอาจจะเป็น
00:11:57 → 00:12:00 ลักษณะเราช่วงแรกเนี่ยครับคนไข้อาจจะมี
00:12:00 → 00:12:04 อาจจะมีอาการแบบอย่างใช้ทำกิจวัตรประจำ
00:12:04 → 00:12:07 วันอะไรอยู่นะครับเสร็จแล้วก็อาจจะเกิด
00:12:07 → 00:12:10 เสียงดังหรือว่าเป็นเสียงของพลตกล้มหรือ
00:12:10 → 00:12:13 ว่าเสียงเอ่ออุปกรณ์ต่างๆนะครับแล้วก็ตาม
00:12:13 → 00:12:15 มาด้วยคนไข้ก็จะเริ่มลักษณะคล้ายๆกับ
00:12:15 → 00:12:18 เหมือนเราเห็นว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้นะ
00:12:18 → 00:12:19 ครับ
00:12:19 → 00:12:22 จะเคลื่อนที่หรือว่าเคลื่อนไหวที่บริเวณ
00:12:22 → 00:12:25 จุดต่างๆของร่างกายเช่นแขนขาดหน้าต่างนี้
00:12:25 → 00:12:27 นะครับอาจจะมีลักษณะเคลื่อนไหวไปเองนะ
00:12:27 → 00:12:30 ครับสักพักนึงเนี่ยคนไข้ก็จะเริ่มมีอาการ
00:12:30 → 00:12:33 เกร็งนะครับที่บริเวณแขนขาหน้าหรือใบหน้า
00:12:33 → 00:12:36 นะครับก่อนนะครับแล้วก็มีอาการกระตุกนะ
00:12:36 → 00:12:39 ครับแล้วก็ตอนช่วงนี้ก็จะเป็นเกร็งกระตุก
00:12:39 → 00:12:42 ทั้งตัวนะครับในกลุ่มคนไข้บางประเภทนะ
00:12:42 → 00:12:44 ครับหลังจากที่เกรงกระตุกเสร็จสักพักนึง
00:12:44 → 00:12:47 ครับคนไข้ก็จะหยุดพักนะครับก็จะเป็นช่วง
00:12:47 → 00:12:50 ที่แบบลักษณะจะได้ยินเสียงคือใครคือใคร
00:12:50 → 00:12:52 ของการหายใจแล้วก็คนไข้ก็จะนิ่งไปนะครับ
00:12:52 → 00:12:55 เหมือนคล้ายๆหมดสติแล้วก็อีกสักพักนึงคน
00:12:55 → 00:12:57 ไข้ก็จะตื่นขึ้นมาเองนะครับอันนี้จะเป็น
00:12:57 → 00:13:00 ที่เราพบกันบ่อยๆนะครับสำหรับคนไข้โรคลม
00:13:00 → 00:13:01 ชัก
00:13:01 → 00:13:05 ลักษณะอาการแบบนี้ครับคุณหมอครับมันมัน
00:13:05 → 00:13:07 เหมือนในอดีตที่เขามักจะเรียกว่าผีเข้า
00:13:07 → 00:13:09 อะไรอย่างนี้ด้วยไหมฮะ
00:13:09 → 00:13:14 ใช่ครับ
00:13:14 → 00:13:18 ถูกวินิจฉัยอ่ะครับว่าจะเป็นโรคจิตเวชนะ
00:13:18 → 00:13:20 ครับหรือว่ามงคลอาจจะเป็นผีเข้าครับแล้ว
00:13:20 → 00:13:24 ก็มีกรณีที่เป็นถึงกับการทำร้ายร่างกายนะ
00:13:24 → 00:13:26 ครับโดยที่ไม่คาดสาเหตุนะครับก็มีหลายแบบ
00:13:27 → 00:13:29 เลยครับอันนี้ก็คือเป็นส่วนหนึ่งของของ
00:13:29 → 00:13:33 อาการที่เรียกว่าลมชักเลยใช่มั้ยฮะใช่ถูก
00:13:33 → 00:13:35 ต้องครับก็ขึ้นอยู่กับว่าไฟฟ้าที่กล่าวไป
00:13:36 → 00:13:38 ตอนต้นนะครับว่ามันเดินทางจากจุดไหนไปจุด
00:13:38 → 00:13:42 ไหนครับก็เมื่อเดินทางถึงจุดที่ควบคุมตรง
00:13:42 → 00:13:45 บริเวณต่างๆของร่างกายก็จะเกิดอาการต่างๆ
00:13:45 → 00:13:46 ขึ้นมาครับ
00:13:46 → 00:13:52 อย่างนี้พอเป็นเป็นแล้วเมื่อเป็นแล้ว
00:13:52 → 00:13:56 คนที่เห็นเหตุการณ์ควรจะช่วยเหลือยังไงดี
00:13:56 → 00:14:01 แล้วมอง Step ต่อไปควรจะนำตัวไปรักษายัง
00:14:01 → 00:14:03 ไงได้บ้างครับคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:08 เห็นคนไข้โรคลมชักนะครับก็คือจริงๆก็เรา
00:14:08 → 00:14:11 จะประชาสัมพันธ์เรื่องของการช่วย
00:14:11 → 00:14:14 ปฐมพยาบาลโดยไม่งัดไม่ง้างไม่ถามไม่กดนะ
00:14:14 → 00:14:16 ครับก็คือไม่ทั้งหมดให้คนไข้หยุดพักเองนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับไม่เห็นคนไข้เริ่มคลังนะครับก็ดูเวลา
00:14:19 → 00:14:22 ก่อนนะครับปกติแล้วเนี่ยคนไข้เขาจะชักไม่
00:14:22 → 00:14:24 เกินไม่เกินสักประมาณสัก 3 นาทีนะครับ
00:14:24 → 00:14:28 เต็มที่นะครับเริ่มตั้งแต่ตอนจุดจุดตั้ง
00:14:28 → 00:14:30 แต่เริ่มจนกระทั่งจบนะครับเพราะฉะนั้น
00:14:30 → 00:14:34 เอ่อช่วงแรกนะครับก็คือจับคนไข้นอนตะแคง
00:14:34 → 00:14:37 นะครับซ้ายหรือขวาก็ได้นะครับ
00:14:37 → 00:14:41 เพื่อให้คนไข้ทางเดินหายใจเปิดโล่งนะครับ
00:14:41 → 00:14:45 การนอนตะแคงไม่ไหวนะครับก็อาจจะใช้มือนะ
00:14:45 → 00:14:48 ครับบิดใบหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่งก่อนนะ
00:14:48 → 00:14:51 ครับให้คนไข้เขาก็อยู่ในท่าที่ค่อนข้าง
00:14:51 → 00:14:55 สบายนะครับก็ดึกก็ช่วยดูว่าแบบเออดัง
00:14:55 → 00:14:57 กล่าวเนี่ยมีอุบัติเหตุอันตรายใดๆหรือ
00:14:57 → 00:14:59 เปล่านะครับก็ถ้าไม่มีอะไรก็ปล่อยคนไข้
00:14:59 → 00:15:03 เขาค่อยๆชาร์จไปนะครับโดยที่ไม่ไม่ใส่
00:15:03 → 00:15:07 อะไรไปในปากคนไข้นะครับแล้วก็คอยช่วย
00:15:07 → 00:15:09 เหลือประถมพยาบาลเช่นใครเสื้อผ้าอะไร
00:15:09 → 00:15:11 อย่างนี้นะครับแล้วก็เดี๋ยวคนไข้เขาก็จะ
00:15:11 → 00:15:14 หยุดพักเองนะครับดังนั้นก็ปกติแล้วเนี่ย
00:15:14 → 00:15:17 จะเป็นเราก็จะประเมินนะครับหรือว่าคนไข้
00:15:17 → 00:15:20 รู้ตัวหรืออยากนะครับบางท่านเคยเรียน
00:15:20 → 00:15:23 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะครับจะทำชีพจรว่าคน
00:15:23 → 00:15:27 ไข้กลับมาเป็นปกติไหมมีชีวิตในตอนเช้า
00:15:27 → 00:15:28 หรือเบาหรือแพรวหรือว่าหยุดเต้นหรือเปล่า
00:15:28 → 00:15:32 นะครับท่านมีอะไรสักครั้งนึงคนไข้จะเริ่ม
00:15:32 → 00:15:35 ฟื้นนะครับแล้วก็ถามตอบได้ปกตินะครับแล้ว
00:15:35 → 00:15:39 ก็ถ้ามีผู้อื่นอยู่นะครับก็อาจจะคอยโทร
00:15:39 → 00:15:42 เรียก 1669 นะครับก็เรียกรถพยาบาลแล้วก็
00:15:42 → 00:15:44 นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
00:15:44 → 00:15:48 ถ้าที่คุณหมอบอก 3 นาทีเนี่ยในฐานะถ้าคน
00:15:48 → 00:15:50 ที่เห็นอยู่ตลอดเนี่ยมันนานเหมือนกันนะ
00:15:50 → 00:15:53 คุณหมอนะคนเขาอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นนาย
00:15:53 → 00:15:56 ขนาดนี้มันมีโอกาสที่จะแบบนำไปสู่อาการ
00:15:56 → 00:15:59 อื่นหรือว่าอันตรายอื่นๆด้วยไหมครับคุณ
00:15:59 → 00:16:03 หมอฮะ
00:16:03 → 00:16:06 คนไข้จะทำอยู่ประมาณสักแค่นาทีเดียวนะ
00:16:06 → 00:16:09 ครับแต่ถ้าเกิดกลุ่มคนไข้ที่ฉากและช้าง
00:16:09 → 00:16:11 ต่อเนื่องไม่หยุดนะครับก็ส่วนใหญ่มักจะ
00:16:11 → 00:16:14 แบบเริ่มชักแล้วก็ชักไปเรื่อยๆเกิน 3
00:16:14 → 00:16:18 นาที 5 นาทีอันนี้คืออันตรายเพราะว่าจะทำ
00:16:18 → 00:16:21 ให้สมองของเขาเนี่ยครับที่เป็นไฟฟ้าที่
00:16:21 → 00:16:25 ปกติเนี่ยคือเอ่อไปเรื่อยๆนะครับอันตราย
00:16:25 → 00:16:28 ถึงชีวิตนะครับถ้าปล่อยให้คนไข้ต่อเนื่อง
00:16:28 → 00:16:31 โดยไม่หยุดเพราะฉะนั้นอ่าขั้นตอนต่อมา
00:16:31 → 00:16:33 สำหรับคนไข้ที่มีช้างนานๆนะครับจะต้องโดน
00:16:33 → 00:16:37 เรียกรถพยาบาลเพื่อฉีดยานะครับบางประเภท
00:16:37 → 00:16:39 ให้ผู้ป่วยหยุดพัก
00:16:39 → 00:16:43 และที่เขากลัวกันล่ะครับว่าถ้าปล่อยไม่มี
00:16:43 → 00:16:44 อะไรไปให้เขา
00:16:44 → 00:16:48 คาบช้อนคราบอะไรเงี้ยเดี๋ยวจะกัดลิ้นกัน
00:16:48 → 00:16:51 ไปทำไงมันมันเป็นไปได้มากน้อยขนาด
00:16:51 → 00:16:54 ปกติแล้วอ่ะครับส่วนใหญ่แล้วแผลที่เกิด
00:16:54 → 00:16:56 ขึ้นนะครับสำหรับคนไข้ทั้งเนี่ยส่วนใหญ่
00:16:57 → 00:16:59 จะมีเป็นลักษณะเป็นแผลคล้ายๆกับแผลกัน
00:17:00 → 00:17:02 ลิ้นนะครับด้านข้างนะครับ
00:17:02 → 00:17:06 ก็จะเป็นลักษณะแค่จะเป็นแผลที่เป็นแผล
00:17:06 → 00:17:09 ถลอกหรือแผลลิ้นฉีกขาดนิดหน่อยเย็บง่ายนะ
00:17:09 → 00:17:12 ครับไม่มีปัญหาอะไรก็จริงๆลิ้นเนี่ยยัง
00:17:12 → 00:17:14 ไม่ยากอะไรนะครับแต่ว่าถ้าเกิดเราเอา
00:17:14 → 00:17:17 อุปกรณ์อะไรใส่เข้าไปในป่านะครับบางท่าน
00:17:17 → 00:17:20 เนี่ยเอานิ้วใส่เข้าไปในป่าอันเนี้ยคือ
00:17:20 → 00:17:22 เนื่องจากคนไข้เนี่ยควบคุมตัวเองไม่ได้
00:17:22 → 00:17:24 บางครั้งเนี่ยกัดแรงๆเนี่ยครับฟันแตกฮะ
00:17:24 → 00:17:28 หรือว่ากัดนิ้วของเรานะครับแล้วก็เคยเห็น
00:17:28 → 00:17:31 มาแล้วในในบางท่านนะครับที่ทำแบบนี้จะ
00:17:31 → 00:17:34 เป็นอันตรายมากกว่าเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคน
00:17:34 → 00:17:36 ไข้กับลิ้นตัวเองนะครับเย็บไม่ยากนะครับ
00:17:36 → 00:17:38 แล้วก็ส่วนใหญ่เนี่ยตั้งแต่จนขาดนะครับ
00:17:38 → 00:17:42 อาจจะครับแค่เป็นแผลเฉยๆแผลมากเย็บธรรมดา
00:17:42 → 00:17:45 ก็เรียบร้อยแล้วครับเพราะฉะนั้นก็เลยไม่
00:17:45 → 00:17:49 ควรจะเอาอะไรเข้าไปในช่องปากใช่ไหมฮะ
00:17:49 → 00:17:52 แล้วก็ยังเป็นการแบบทำให้ทางเดินหายใจของ
00:17:52 → 00:17:54 คนไข้เนี่ยอาจจะถูกอุดกั้นด้วยยิ่งจะทำ
00:17:54 → 00:17:58 ให้คนไข้ขาดอากาศไปด้วยนะครับ
00:17:58 → 00:18:03 ผมเห็นทุกวันนี้ผมอันนี้ก็เป็นแบบเป็น
00:18:03 → 00:18:05 ความเชื่อใช่ไหมผมจะเรียกความเชื่อไหมว่า
00:18:05 → 00:18:10 ก็ยังมีความเชื่อที่แบบเฮ้ยพอชักแล้วต้อง
00:18:10 → 00:18:11 เอาอะไรมาอุดต้องอะไรแบบโอ้โหโดยเฉพาะแบบ
00:18:11 → 00:18:14 เดี๋ยวนี้คนเอาช้อนมาน้อยแล้วพี่ดรีมครับ
00:18:14 → 00:18:18 แต่จะเอาเรื่องของอะไรผ้าไปอุดปากก็แสดง
00:18:18 → 00:18:21 ว่ามันจะส่งผลต่อระบบหายใจโดยด้วยไปในตัว
00:18:21 → 00:18:24 ใช่มั้ยฮะ
00:18:24 → 00:18:28 ก็ออกซิเจนจะน้อยและสมองน้อยอยู่แล้วใช่
00:18:28 → 00:18:28 ครับ
00:18:28 → 00:18:31 อ๋อคือหมายความว่าก็คือถ้าเราเราเจอเรา
00:18:31 → 00:18:36 เห็นก็คือปล่อยให้เขาจนกว่าอาการมันจะสงบ
00:18:36 → 00:18:39 นิ่งแล้วก็รีบประถมพยาบาลรีบดูเรื่องของ
00:18:39 → 00:18:41 ชีพจรว่าปกติหรือเปล่าแล้วก็เรียกทาง
00:18:41 → 00:18:43 หน่วยพยาบาลให้มาช่วยเหลืออย่างนี้ใช่ไหม
00:18:43 → 00:18:46 ฮะใช่ครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็ถ้าเป็นไป
00:18:46 → 00:18:50 ได้ก็จัดท่าให้นอนตะแคงครับก็
00:18:50 → 00:18:54 สเต็ปสำคัญนะนอนตะแคงต้องนอนตะแคงด้วยแต่
00:18:54 → 00:18:56 ยะเรื่องยากผมว่าน่าจะเป็นเรื่องคนที่
00:18:57 → 00:18:59 เข้ามาให้การช่วยเหลือนี่แหละสไตล์ความ
00:18:59 → 00:19:02 คิดพอยิ่งคนสองคนมันยังแชร์ความคิดได้
00:19:02 → 00:19:04 เอ้ยมันจะฟังคุณหมอมาคุณหมอให้ทำแบบนี้
00:19:04 → 00:19:07 อย่าเพิ่งเอาอะไรเข้าไปในปากนะแต่ถ้าหลาย
00:19:07 → 00:19:11 ๆคนยิ่งเฉพาะคนที่แบบเอ่อคนที่มี
00:19:11 → 00:19:15 ประสบการณ์สูงๆไวที่มีความเชื่ออยู่เดิมๆ
00:19:15 → 00:19:17 อยู่เนี่ยมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ
00:19:17 → 00:19:23 ที่เราจะจะเคยเป็นแบบอธิบายได้ถ้าเป็นเขา
00:19:23 → 00:19:25 เรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
00:19:25 → 00:19:28 ก็เห็นจริงๆครับว่าเอ่อคนก็ยังพยายามเอา
00:19:28 → 00:19:33 อะไรใส่เข้าไปในป่า
00:19:33 → 00:19:40 ครับ
00:19:40 → 00:19:45 [เสียงหัวเราะ]
00:19:45 → 00:19:50 อืมคุณหมอครับคือถ้าเราวินิจฉัยแล้วว่า
00:19:50 → 00:19:55 อ่ะคนนี้เป็นโรคลมชักวิธีการรักษาเนี่ย
00:19:55 → 00:19:58 มันมีกี่รูปแบบบ้างครับคุณหมอฮะจะต้อง
00:19:58 → 00:20:00 รักษายังไงบ้างครับ
00:20:00 → 00:20:03 ในปัจจุบันนี้การรักษาก็คือมีทั้งการกิน
00:20:03 → 00:20:04 ยา
00:20:04 → 00:20:08 สำหรับกลุ่มที่รักษาด้วยยานั้นไม่ได้ดื้อ
00:20:08 → 00:20:12 ยานะครับก็สามารถที่จะปกติแล้วเนี่ยหลัง
00:20:12 → 00:20:17 กินยาประมาณ 2 ปีนะครับถ้าไม่มี
00:20:17 → 00:20:24 คุณหมอครับสัญญาณมันขาดๆหายๆครับ
00:20:24 → 00:20:27 คุณหมอครับเดี๋ยวผมรบกวนคุณหมอช่วยอธิบาย
00:20:27 → 00:20:29 ซ้ำอีกสักรอบนึงเมื่อกี้สัญญาณมันหายไป
00:20:29 → 00:20:33 ครับคุณหมอครับผมในกรณีของการการรักษานะ
00:20:33 → 00:20:36 ครับก็คือจะแบ่งเป็นการทานยานะครับใน
00:20:36 → 00:20:39 กลุ่มที่ทานยาแล้วไม่มีการชักซ้ำอีกนะ
00:20:39 → 00:20:42 ครับหลายทานยาประมาณ 2 ปีบางท่านสามารถ
00:20:42 → 00:20:45 หยุดยาได้นะครับหนึ่งที่รักษาด้วยยาแล้ว
00:20:45 → 00:20:49 ด้วยยากันชักที่ถูกวิธีถูกขนาดแล้วนะครับ
00:20:49 → 00:20:53 2 ตัวยังมีอาการชักอยู่นะครับก็จะได้รับ
00:20:53 → 00:20:56 การส่งประเมินการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคโรค
00:20:56 → 00:20:59 ลมชักนะครับการผ่าตัดก็มีทั้งการผ่าตัด
00:20:59 → 00:21:01 เพื่อเอาเนื้อสมองตรงจุดที่เป็นแผลเป็น
00:21:01 → 00:21:04 ออกหรือว่าการผ่าตัดใส่เครื่องมือบาง
00:21:04 → 00:21:08 ประเทศนะครับเพื่อไปยับยั้งขึ้นไฟฟ้าที่
00:21:08 → 00:21:10 เป็นคลื่นไฟฟ้าผิดปกตินะครับเพื่อให้คน
00:21:10 → 00:21:12 ไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับ
00:21:12 → 00:21:16 คือถ้าอย่างในกรณีทางยาเนี่ยอย่างบางราย
00:21:16 → 00:21:18 ที่คุณหมอบอกก็คือทาน 2 ปีก็อาการดีขึ้น
00:21:18 → 00:21:21 จนสามารถหยุดได้แต่มันมีไหมครับว่าอย่าง
00:21:21 → 00:21:25 รายที่ยาเอาไม่อยู่อาจจะต้องทานไปตลอด
00:21:25 → 00:21:27 ชีวิตแบบนี้ฮะ
00:21:27 → 00:21:32 ก็มีบางคนไข้บางบางเอ่อบางกลุ่มนะครับอาจ
00:21:32 → 00:21:35 จะอยู่ตรงกลางๆนะครับระหว่างถ้าหยุดยาก็
00:21:35 → 00:21:38 จะมีอาการชักแล้วก็ไม่อยากผ่าตัดนะครับ
00:21:38 → 00:21:40 กลุ่มนี้ก็อาจจะเป็นลักษณะทานยาไปตลอด
00:21:40 → 00:21:43 ชีวิตนะครับหรือบางกลุ่มเป็นลักษณะที่มี
00:21:43 → 00:21:46 แผลเป็นนะครับที่เอ่ออาจจะไม่สามารถรักษา
00:21:46 → 00:21:50 ได้แล้วนะครับแล้วก็อาจจะเลือกเลือกวิธี
00:21:50 → 00:21:52 การทานยาก็อาจจะทานยาไปตลอดชีวิตก็มีครับ
00:21:52 → 00:21:55 ถ้าไม่ทานยาก็อาจจะมีอาการชักกะทานยาก็
00:21:55 → 00:21:58 ไม่ชักบางกลุ่มคนไข้ประเภทนี้ก็อาจจะ
00:21:58 → 00:22:01 เลือกทานยาไปเรื่อยๆครับ
00:22:01 → 00:22:07 แล้วมันมีโอกาสที่จะถึงขั้นเสียชีวิตได้
00:22:07 → 00:22:11 เลยไหมครับกับอาการโรคลมชักแบบนี้ฮะ
00:22:11 → 00:22:16 ก็ในกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยโรคลมชักที่มีอ่า
00:22:16 → 00:22:19 การดื้อต่อยากันชักนะครับก็บางประเภทนะ
00:22:19 → 00:22:21 ครับถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการ
00:22:21 → 00:22:24 รักษาเอ่อถึงแม้จะเป็นอย่างดีแล้วอ่ะครับ
00:22:24 → 00:22:27 ก็มีโอกาสที่จะชักแบบไม่หยุดจนกระทั่ง
00:22:27 → 00:22:30 เสียชีวิตได้บางท่านเอ่อทานทานยาไปก็รู้
00:22:30 → 00:22:32 สึกเบื่อไม่อยากทานแล้วก็หยุดยาไม่แจ้ง
00:22:33 → 00:22:35 แพทย์หรือว่าไม่แจ้งยากอะไรเงี้ยครับก็
00:22:35 → 00:22:37 อาจจะมีชักต่อเนื่องจนกระทั่งเสียชีวิต
00:22:37 → 00:22:40 ได้ครับโอ้ยในกรณีที่ดื้อยาหรือว่าอาจจะ
00:22:40 → 00:22:44 ไม่ทานยาตามที่คุณหมอสั่งอะไรอย่างเงี้ย
00:22:44 → 00:22:49 ก็มีโอกาสที่จะอาการรุนแรงกว่าที่มันๆมัน
00:22:49 → 00:22:51 ควรจะต้องเป็นใช่มั้ยฮะอือ
00:22:51 → 00:22:54 บางท่านก็อาจจะทานๆหยุดๆอะไรอย่างนี้ครับ
00:22:54 → 00:22:56 ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกันครับ
00:22:57 → 00:22:59 โอ้น่ากลัวจริงๆนะครับคุณหมอแล้วอย่างนี้
00:22:59 → 00:23:00 เนี่ยครับ
00:23:00 → 00:23:04 ถ้าคนที่เป็นโรคลมชักอันนี้ถ้าพูดในกรณี
00:23:04 → 00:23:07 ที่เราอาจจะมีญาติๆเนาะมีเพื่อนๆพี่ๆน้อง
00:23:07 → 00:23:10 ๆที่เป็นโรคลมชักอยู่เนี่ยเขาควรจะต้องดู
00:23:10 → 00:23:12 แลตัวเองยังไงได้บ้างครับคุณหมอครับเพื่อ
00:23:12 → 00:23:13 ที่จะ
00:23:13 → 00:23:16 ป้องกันอาการชักไม่ให้มันเกิดขึ้นนะเพราะ
00:23:16 → 00:23:19 ว่าเท่าที่ฟังคุณหมออธิบายมาโอ้โหค่อน
00:23:19 → 00:23:22 ข้างน่ากลัวมากนะ
00:23:22 → 00:23:26 ถ้าเป็นถ้ารู้ตัวเองว่ามีอาการสงสัยจะ
00:23:26 → 00:23:29 ต้องชักนะครับก็สามารถปรึกษาแพทย์เอ่อที่
00:23:29 → 00:23:32 โรงพยาบาลใกล้บ้านได้นะครับซึ่งแยกกันชัด
00:23:32 → 00:23:35 เป็นยาที่มีถูกโรงพยาบาลอยู่แล้วเป็นโรค
00:23:35 → 00:23:37 ที่พบบ่อยนะครับแล้วก็หลังจากได้วินิจฉัย
00:23:37 → 00:23:40 แล้วก็ทานยาอย่างสม่ำเสมอนะครับหลีก
00:23:40 → 00:23:43 เลี่ยงการขับรถนะครับอ่าในช่วง 6 เดือน
00:23:43 → 00:23:46 ถึง 1 ปีแรกนะครับของเมืองไทยเนี่ยนับจาก
00:23:46 → 00:23:48 ครั้งสุดท้ายที่ช้า 1 ปีถึงจะสามารถขับรถ
00:23:48 → 00:23:51 ได้นะครับแล้วก็พักผ่อนให้เป็นเวลานะครับ
00:23:51 → 00:23:53 หลีกเลี่ยงสารเสพติดนะครับทำยังไงให้ตรง
00:23:53 → 00:23:56 เวลานะครับแค่นี้ก็จะปลอดภัยกับการชักนำ
00:23:56 → 00:23:57 ครับผม
00:23:57 → 00:24:03 อ๋อแล้วถ้าอย่างกรณีที่เป็นคนในครอบครัว
00:24:03 → 00:24:06 ญาติๆพี่น้องหรือว่าเป็นคนรักเนี่ยเราควร
00:24:06 → 00:24:08 จะต้องปฏิบัติตัวเองยังไงได้บ้างครับผม
00:24:08 → 00:24:10 เอาฝากแนะนำนิดนึงฮะ
00:24:10 → 00:24:12 ครับผมจริงๆคนไข้โรคลมชักนะครับกลุ่ม
00:24:12 → 00:24:15 หนึ่งก็จะสามารถควบคุมอาการชักได้เราก็
00:24:15 → 00:24:19 ยังเคยเจอคนไข้ลมชักก็มีครอบครัวมีลูกนะ
00:24:19 → 00:24:22 ครับแล้วก็ยังสามารถดูแลลูกต่อไปได้นะ
00:24:22 → 00:24:25 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อเมื่อเรามีญาติ
00:24:25 → 00:24:28 พี่น้องหรือว่าคนรักเนี่ยเป็นโรคลมชักนะ
00:24:28 → 00:24:30 ครับเขาก็เป็นความเจ็บป่วยประเภทหนึ่ง
00:24:30 → 00:24:32 เหมือนกันนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ช่วย
00:24:32 → 00:24:35 กันใส่ใจดูแลนะครับให้คนไข้มารักษากินยา
00:24:35 → 00:24:38 นะครับมาตามมาพบแพทย์ตามนัดนะครับบางท่าน
00:24:38 → 00:24:41 เนี่ยคือดูแลกันตั้งแต่ตอนเด็กๆตั้งครรภ์
00:24:41 → 00:24:44 มีลูกแล้วนะครับลูกก็ปลอดภัยไม่ได้เป็นลม
00:24:44 → 00:24:46 ชักอะไรนะครับก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เป็น
00:24:46 → 00:24:49 ปกติอยู่โดยแค่ทานยากันเวลาเท่านั้นเองก็
00:24:49 → 00:24:50 ได้ครับ
00:24:50 → 00:24:54 คุณหมอสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงฮะอย่าง
00:24:54 → 00:24:57 กรณีถ้าอย่างเป็นผู้ที่ตั้งครรภ์อย่าง
00:24:57 → 00:25:00 เงี้ยฮะถ้าเกิดอาการโรคลมชักขึ้นมามันจะ
00:25:00 → 00:25:03 อันตรายทั้งตัวคุณแม่เองรวมถึงคุณลูกด้วย
00:25:03 → 00:25:06 หรือเปล่าครับ
00:25:06 → 00:25:09 ถ้าเกิดเป็นกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคลมชัก
00:25:09 → 00:25:12 อยู่แล้วอยากมีครอบครัวหรือมีลูกเนี่ย
00:25:12 → 00:25:14 ครับปกติแล้วเราก็จะมีการวางแผนนะครับ
00:25:14 → 00:25:18 ก่อนที่จะมีบุตรนะครับมีปรับยาให้คนไข้
00:25:18 → 00:25:20 ปลอดภัยนะครับแล้วก็เด็กที่อยู่ในท้อง
00:25:21 → 00:25:23 เนี่ยปลอดภัยเช่นกันนะครับแต่ว่าถ้าเกิด
00:25:23 → 00:25:26 สมมุติเป็นกลุ่มคนไข้ที่ไม่ดูแลตัวเองนะ
00:25:26 → 00:25:28 ครับทำให้มีอาการชักในระหว่างการตั้ง
00:25:28 → 00:25:32 ครรภ์การชาร์จที่เกิดทั้งตัวเกิดขึ้นนะ
00:25:32 → 00:25:35 ครับก็จะทำให้ออกซิเจนเนี่ยไปถึงแม่ลดลง
00:25:35 → 00:25:39 นะครับพอถึงแม้ลดลงก็ไปถึงลดลงนะครับเด็ก
00:25:39 → 00:25:42 ก็มีโอกาสที่จะพิการหรือว่าเสียชีวิตจาก
00:25:42 → 00:25:44 ที่คุณแม่ครับได้นะครับ
00:25:44 → 00:25:47 อันนี้คือในส่วนของคนตั้งครรภ์นะฮะคุณหมอ
00:25:47 → 00:25:50 ครับนี่แสดงว่าในบ้านเราเนี่ยคนที่เป็น
00:25:50 → 00:25:54 โรคลมชักเนี่ยน่าจะมีกันอยู่มากพอสมควรจน
00:25:54 → 00:25:58 ทางสถาบันประสาทวิทยาเนี่ยมีศูนย์ความ
00:25:58 → 00:26:02 เป็นเลิศโรคลมชักตั้งขึ้นมาเลยล่ะครับคุณ
00:26:02 → 00:26:02 หมอ
00:26:02 → 00:26:05 ต้องเรียกว่าจริงๆประเทศไทยเคยเคยสังเกตุ
00:26:05 → 00:26:09 สำรวจประชากรนะครับก็มีอยู่ราวประมาณสัก
00:26:09 → 00:26:12 แสนคนเลยนะครับก็จริงๆใช่ครับก็ค่อนข้าง
00:26:12 → 00:26:15 เยอะนะครับจริงๆซึ่งก็จริงๆอุบัติการณ์ก็
00:26:15 → 00:26:16 ประมาณอย่างอย่าง
00:26:16 → 00:26:20 เช่นบางต่างประเทศหลายๆประเทศนะครับเพราะ
00:26:20 → 00:26:22 ฉะนั้นจริงๆสถาบันประสาทเนี่ยตั้งศูนย์
00:26:22 → 00:26:25 เอ่อวินิจฉัยแล้วก็เป็นศูนย์ความเป็นเลิศ
00:26:25 → 00:26:28 ของโรคลมชักมาตั้งแต่ปี 2554 นะครับ
00:26:28 → 00:26:32 ก็จริงๆเราดูแลกลุ่มให้ลมชักดื้อยานะครับ
00:26:32 → 00:26:35 ที่จำเป็นต้องอ่าได้รับการผ่าตัดหรือว่า
00:26:35 → 00:26:38 กลุ่มคนไข้ที่ร่วมชักที่เอ่อเหมือนกับ
00:26:38 → 00:26:41 จำเป็นต้องใส่ผ่าตัดใส่เครื่องมืออะไรพวก
00:26:41 → 00:26:44 เนี้ยนะครับส่งต่อจากโรงพยาบาล
00:26:44 → 00:26:46 ทั่วประเทศนะครับ
00:26:46 → 00:26:50 ศูนย์ความเป็นเลิศโรคลมชักเนี่ยตั้งอยู่
00:26:50 → 00:26:52 ที่ไหนยังไงจะไปใช้บริการได้ยังไงบ้าง
00:26:52 → 00:26:53 ครับคุณหมอครับอยากให้คุณหมอช่วย
00:26:53 → 00:26:56 ประชาสัมพันธ์ให้คุณผู้ฟังได้รับทราบแล้ว
00:26:56 → 00:26:59 ก็เก็บไว้เป็นข้อมูลด้วยเผื่อว่าจะมีญาติ
00:26:59 → 00:27:02 ๆพี่น้องหรือว่าเพื่อนๆที่มีอาการลักษณะ
00:27:02 → 00:27:07 แบบนี้จะได้ไปหาหมอได้ถูกที่ถูกทางเลยฮะ
00:27:07 → 00:27:10 มีในประเทศไทยเนี่ยครับมีศูนย์
00:27:10 → 00:27:13 วินิจฉัยและรักษาโรคลมชักเนี่ยตามโรง
00:27:13 → 00:27:16 เรียนแพทย์นะครับส่วนสำหรับกรมการแพทย์
00:27:16 → 00:27:20 ตั้งอยู่ที่สถาบันประสาทวิทยานะครับผมการ
00:27:20 → 00:27:24 แพทย์นะครับก็อยู่ตรงตรงอนุสาวรีย์
00:27:24 → 00:27:27 ชัยสมรภูมินะครับก็จริงๆเราก็รับดูแลผู้
00:27:27 → 00:27:30 ป่วยโรงพักรักษายากทุกประเภทนะครับก็
00:27:30 → 00:27:33 สามารถเอ่อจริงๆแล้วคุณหมออ่าจากทั่ว
00:27:33 → 00:27:36 ประเทศนะครับก็ส่งมาให้เรานะครับดูแลผู้
00:27:36 → 00:27:39 ป่วยอยู่แล้วนะครับก็จริงๆถ้าสมมุติมี
00:27:39 → 00:27:41 อาการเจ็บป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึง
00:27:41 → 00:27:44 สถาบันประสาทก็ได้ก็พบแพทย์ใกล้บ้านแล้ว
00:27:44 → 00:27:47 ก็แพทย์ที่รักษานะครับดูแลถ้าเกิดเห็นสม
00:27:47 → 00:27:50 ควรว่าการดูแลเนี่ยยังทำให้การรักษาโรคลม
00:27:50 → 00:27:52 ช้างเนี่ยยังไม่หายขาดหรือว่ายังมีการ
00:27:52 → 00:27:54 ดื้อยานะครับเราก็จะมีช่องทางนะครับ
00:27:54 → 00:27:58 ประชาสัมพันธ์ให้เอ่อคุณหมอแล้วก็คนไข้
00:27:58 → 00:28:01 เนี่ยครับสามารถรับการรักษาที่สาธารณะได้
00:28:01 → 00:28:02 ครับ
00:28:02 → 00:28:06 อาทิตย์นี้ผมมาที่คำถามจากทางบ้านหน่อยนะ
00:28:06 → 00:28:08 ครับวันนี้เราคุยกันในเรื่องของโรคลมชัก
00:28:08 → 00:28:13 ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่เคยได้เจอกับตัวเอง
00:28:13 → 00:28:16 หลายท่านก็มีประสบการณ์ทั้งญาติๆเพื่อนๆ
00:28:16 → 00:28:18 พี่น้องเนี่ยถามกันเข้ามาพอสมควรทีเดียว
00:28:18 → 00:28:21 อาจจะต้องขอรบกวนนะครับคุณหมอช่วยอธิบาย
00:28:21 → 00:28:24 นะฮะแล้วก็ให้คำตอบกับทางบ้านนิดนึงอย่าง
00:28:24 → 00:28:27 คุณพี่ท่านนี้ครับถามมาว่าโรคลมชักรักษา
00:28:27 → 00:28:30 หายขาดได้ไหมครับเพราะว่าคุณพี่ท่านที่มี
00:28:30 → 00:28:33 น้องสาวเป็นโรคลมชักแล้วก็ชักมาทั้งหมด 3
00:28:33 → 00:28:36 ครั้งตั้งแต่ปี 56 58 แล้วก็เรื่อยมาจน
00:28:36 → 00:28:40 ถึงปี 61 ตอนนี้เนี่ยยังต้องทานยากันชัก
00:28:40 → 00:28:43 อยู่ตลอดเวลาแต่ละครั้งที่มีอาการชัก
00:28:43 → 00:28:47 เนี่ยต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งละ
00:28:47 → 00:28:52 1 เดือนเลยเหรอคุณหมอฮะ
00:28:52 → 00:28:56 โรคลมชักเนี่ยต้องดูสาเหตุคู่กันไปด้วย
00:28:56 → 00:28:59 ครับบางอย่างเนี่ยมันอาจจะเป็นลักษณะสมอง
00:28:59 → 00:29:03 ที่พัฒนาหรือว่าเจริญผิดปกติมาตั้งแต่
00:29:03 → 00:29:05 กำเนิดนะครับบางอย่างเนี่ยกลุ่มพวกนี้
00:29:05 → 00:29:07 เนี่ยซึ่งมันอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย
00:29:07 → 00:29:10 การด้วยการผ่าตัดทั้งหมดนะครับแต่ว่าใน
00:29:10 → 00:29:14 กลุ่มนี้เนี่ยถ้าผู้ป่วยทานยาอย่างตรง
00:29:14 → 00:29:15 เวลานะครับได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง
00:29:15 → 00:29:19 ครับก็เรียกว่าไม่มีอาการนะครับถ้าผมจะ
00:29:19 → 00:29:21 เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับเรื่องของเป็น
00:29:21 → 00:29:25 โรคเบาหวานแต่ว่าควบคุมน้ำตาลนะครับควบ
00:29:25 → 00:29:27 คุมอาหารนะครับให้อาการของโรคเบาหวาน
00:29:27 → 00:29:30 เนี่ยเป็นปกตินะครับเช่นกันสำหรับคนไข้
00:29:30 → 00:29:33 โรคลมชักเนี่ยถ้ามีอาการชักประมาณสัก 3-4
00:29:33 → 00:29:37 ครั้งนะครับปีนึงอาจจะครั้งหนึ่ง
00:29:37 → 00:29:40 เป็นกลุ่มต้องเรียนตามตรงว่าเป็นกลุ่มที่
00:29:40 → 00:29:43 เป็นกลุ่มที่การพยากรณ์โลกดีนะครับถ้าทาน
00:29:43 → 00:29:47 ยาตรงเวลานะครับแล้วก็ดูแลสุขภาพดีๆเผลอๆ
00:29:47 → 00:29:49 อาจจะที่ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 ต่อไปนะ
00:29:49 → 00:29:51 ครับเนื่องจากว่าชักดูไม่ค่อยบ่อยนะครับ
00:29:51 → 00:29:54 อาจจะปี 2 ปีครั้งหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ
00:29:54 → 00:29:58 คือคุณพี่ท่านนี้ก็เลยอธิบายให้ข้อมูลมา
00:29:58 → 00:30:00 เพิ่มเติมว่าตอนนี้เนี่ย
00:30:00 → 00:30:03 ผู้ป่วยท่านนี้ไม่สามารถทำงานที่มีความ
00:30:03 → 00:30:05 เครียดได้เลยก็เลยกังวลว่าเออมันจะมี
00:30:05 → 00:30:08 โอกาสที่จะเกิดลมชักได้อีกหรือเปล่าถ้า
00:30:08 → 00:30:12 กลับไปทำงานในลักษณะแบบนี้
00:30:12 → 00:30:15 กระตุ้นทำให้คนไข้ทับได้ครับมีทางเลือก
00:30:15 → 00:30:18 ของการพักผ่อนน้อยความเครียดนะครับ
00:30:18 → 00:30:22 แล้วก็จริงๆต้องเรียกว่าสารเสพติดบาง
00:30:22 → 00:30:24 ประเภทก็กระตุ้นทำให้เกิดอาการนะครับ
00:30:24 → 00:30:28 เพราะฉะนั้นถามว่าคนไข้เครียดได้ไหมนะ
00:30:28 → 00:30:30 ครับจริงๆก็ความเครียดเป็นสิ่งที่เราเจอ
00:30:30 → 00:30:32 ทุกวันอยู่แล้วอ่ะครับแต่ว่าถ้าเราสามารถ
00:30:32 → 00:30:35 จัดการมันได้นะครับก็ไม่ช่วยจนเกินไปก็
00:30:35 → 00:30:38 แบ่งเวลาการทำงานนะครับจริงๆกลุ่มคนไข้
00:30:38 → 00:30:42 บางประเภทที่เอ่อที่เราเจออยู่นะครับก็
00:30:42 → 00:30:44 เป็นคุณหมอก็มีนะครับสามารถกลับไปทำงาน
00:30:44 → 00:30:46 ช่วยเหลือสังคมได้เหมือนกันเหมือนกับผมนะ
00:30:46 → 00:30:48 ครับเพราะฉะนั้นจริงๆต้องเรียนว่าเครียด
00:30:48 → 00:30:51 ได้นะครับแต่ว่าก็เรารู้จักผ่อนคลายแบ่ง
00:30:51 → 00:30:53 เวลาครับก็จะสามารถอยู่ร่วมกับโรคลมชัก
00:30:54 → 00:30:55 ได้ครับ
00:30:55 → 00:30:57 มีอีกคำถามครับคุณหมอครับอันนี้ผมเป็น
00:30:57 → 00:31:00 สิ่งที่ผมเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะสงสัยใน
00:31:00 → 00:31:04 ลักษณะใกล้เคียงกันก็คือโรคลมชักกับลมบ้า
00:31:04 → 00:31:07 หมูมันมีความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงฮะ
00:31:07 → 00:31:09 คุณหมอฮะสังเกตยังไงเอ่ย
00:31:09 → 00:31:15 ว่าโรคลมหน้าหมูเนี่ยไว้สำหรับเรียกโรคลม
00:31:15 → 00:31:17 ชักที่เป็นชักเกร็งทั้งตัวนะครับบาง
00:31:17 → 00:31:19 ประเทศก็เลยเรียกว่ารวบรวมว่าหมวกนะครับ
00:31:19 → 00:31:22 จริงๆก็เป็นเรียกว่าเป็นเป็นส่วนหนึ่งของ
00:31:22 → 00:31:24 โรคลมชักแล้วกันนะครับก็อาจจะเป็นที่เห็น
00:31:24 → 00:31:28 คนไข้จะเกร็งทั้งตัวก็เลยแล้วก็อาจจะควบ
00:31:28 → 00:31:30 คุมตัวเองไม่ได้เขาก็เลยอาจจะเปรียบเทียบ
00:31:30 → 00:31:32 ว่าเป็นลมบ้าหมูอะไรเงี้ยนะครับพอเป็น
00:31:32 → 00:31:36 ศัพท์เซ็ทของคำว่าโรคลมชักนั่นเอง
00:31:36 → 00:31:40 สภาพแวดล้อมแบบไหนถึงมีโอกาสที่จะเกิดโรค
00:31:40 → 00:31:42 ลมชักได้ครับ
00:31:42 → 00:31:46 สภาพแวดล้อมที่จริงๆต้องเรียนว่าโรครอง
00:31:46 → 00:31:49 เท้ามีหลายสายเหตุนะครับเพราะฉะนั้นจริงๆ
00:31:49 → 00:31:51 ตัวสภาพแวดล้อมเนี่ยที่อาจจะกระตุ้นทำให้
00:31:51 → 00:31:56 เกิดโรคลมชักได้ก็คือการที่เอ่ออาจจะพัก
00:31:56 → 00:31:59 ผ่อนน้อยนะครับทำงานหนักนะครับแล้วก็ใช้
00:31:59 → 00:32:02 สารเสพติดกลุ่มสภาพแวดล้อมแบบนี้น่าจะน่า
00:32:02 → 00:32:04 จะเอื้อต่อการทำให้เกิดโรคลมชักนะครับ
00:32:04 → 00:32:08 หรือว่ามีโอกาสชักซ้ำได้สูงครับผม
00:32:08 → 00:32:12 โอเคก็เรียกว่าเป็นสิ่งที่
00:32:12 → 00:32:16 โอ้โหควรจะต้องก็ต้องเรียนรู้ไว้นะพี่ว่า
00:32:16 → 00:32:19 เราไปเจอเราไปไปพบไปเจอจะต้องปฏิบัติตัว
00:32:19 → 00:32:22 ยังไงวันนี้เรียกว่าครบถ้วนสมบูรณ์เลยนะ
00:32:22 → 00:32:24 ครับสำหรับเรื่องของโรคลมชักว่าเกิดขึ้น
00:32:24 → 00:32:26 ได้อย่างไรแล้วก็เราได้รู้จักกับศูนย์
00:32:27 → 00:32:28 ความเป็นเลิศด้วยนะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:32:28 → 00:32:31 ของโรคลมชักนะครับของสถาบันประสาทวิทยา
00:32:31 → 00:32:32 ด้วยนะครับว่าอยู่ที่ไหนสามารถไปใช้
00:32:33 → 00:32:35 บริการได้สำหรับใครที่มีอาการเป็นโรคนี้
00:32:35 → 00:32:37 อยู่นะครับวันนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณ
00:32:37 → 00:32:40 หมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเราในค่ำ
00:32:40 → 00:32:43 คืนวันนี้นะครับคุณหมอครับครับขอบคุณครับ
00:32:43 → 00:32:45 ขอบพระคุณมากๆขอบคุณครับ
00:32:45 → 00:32:48 คุณหมอ
00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับคุณหมอครับสวัสดีครับสวัสดี
00:00:03 → 00:00:08 ท่านผู้ฟังทุกท่านนะครับสวัสดีครับ
00:00:08 → 00:00:13 ผมคุณหมอครับมาถึงเรื่องของลมชักลมชัก
00:00:13 → 00:00:15 เนี่ยจริงๆคือมันเขาเรียกว่ามันเป็นอาการ
00:00:15 → 00:00:19 หรือว่ามันมันเป็นถึงสิ่งที่เราต้องจำกัด
00:00:19 → 00:00:23 ความมันว่าเป็นโรคเลยครับ
00:00:23 → 00:00:27 ก็คือเป็นกลุ่มเป็นถ้าคนที่ถูกวินิจฉัย
00:00:27 → 00:00:30 เป็นโรคลมชักนะครับส่วนใหญ่แล้วจะต้องมี
00:00:30 → 00:00:34 อาการชักนะครับ
00:00:34 → 00:00:38 อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไปนะครับก็จะถือว่า
00:00:38 → 00:00:42 เป็นทุกคนนั้นก็จะเป็นโรคลงชักครับผมหมาย
00:00:42 → 00:00:44 ความว่าปัจจัยกระตุ้นนี่หมายความว่าไม่
00:00:44 → 00:00:47 ได้เกิดจากอาการป่วยอื่นๆเข้ามาใช่ไหม
00:00:47 → 00:00:50 ครับเป็นอาการของโรคนี้โดยเฉพาะขึ้นมา
00:00:50 → 00:00:54 ก็คือเหมือนกับคนไข้เดินมาหาเราเนี่ยเขา
00:00:54 → 00:00:57 จะมาเล่าให้ฟังว่าเขาอาจจะมีอาการที่น่า
00:00:57 → 00:01:00 จะน่าจะเป็นลักษณะอาการชานะครับแล้วก็มี
00:01:00 → 00:01:03 อาการแบบนี้อย่างน้อยอย่างน้อย 2 ครั้ง
00:01:03 → 00:01:07 แล้วก็การที่เขามีอาการเนี่ย
00:01:07 → 00:01:11 มีปัจจัยกระตุ้นเช่นอาจจะไม่ได้ไปใช้สาร
00:01:11 → 00:01:15 เสพติดอาจจะไม่ได้เป็นลักษณะให้ไม่ได้
00:01:15 → 00:01:18 เป็นลักษณะแบบเอ่อมีเรื่องของน้ำตาลสูง
00:01:18 → 00:01:22 หรือว่ามีเกลือแร่ผิดปกติ
00:01:22 → 00:01:26 วินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักครับ
00:01:26 → 00:01:30 ทีนี้ก็เลยอยากจะทราบว่าไอ้อาการลมชักนะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับคุณหมอครับถ้ามันไม่มีปัจจัยกระตุ้น
00:01:33 → 00:01:36 แล้วอยู่ๆเนี่ยมันเกิดขึ้นกับคนเราได้ยัง
00:01:36 → 00:01:39 ไงบ้างครับคุณหมอครับต้องเรียกว่าอาการ
00:01:39 → 00:01:42 ฉากนะครับก็คือลักษณะเนี่ยมันคือเป็น
00:01:42 → 00:01:46 ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจากการที่สมอง
00:01:46 → 00:01:50 เนี่ยถูกกระตุ้นนะครับปกติสมองเราเนี่ย
00:01:50 → 00:01:53 ถูกเรียกว่าติดต่อกันด้วยระบบไฟฟ้านะครับ
00:01:53 → 00:01:56 เมื่อมีอาการชักเนี่ยก็คือในวินาทีนั้น
00:01:56 → 00:01:59 เนี่ยก็จะมีลักษณะสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติ
00:01:59 → 00:02:02 เกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งของสมองหรือ
00:02:02 → 00:02:04 ว่าทุกบริเวณพร้อมๆกันนะครับเสร็จแล้ว
00:02:04 → 00:02:07 เนี่ยมันก็จะเป็นลักษณะไฟฟ้าที่ผิดปกตินะ
00:02:07 → 00:02:11 ครับก็จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยที่ที่เป็นโรค
00:02:11 → 00:02:13 นี้ก็มีอาการนะครับมีอาการชักออกมาโดยที่
00:02:13 → 00:02:19 ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ครับไฟฟ้ามันไฟ
00:02:19 → 00:02:22 ฟ้าที่ว่ามันมันเป็นยังไงอ่ะอยากจะให้
00:02:22 → 00:02:25 ช่วยอธิบายให้ความรู้กับเราทั้งสองคนที่
00:02:25 → 00:02:27 อาจจะความรู้น้อยมากไปหน่อยเรื่องนี้ฮะ
00:02:27 → 00:02:28 คุณหมอ
00:02:28 → 00:02:31 ครับก็คือปกติแล้วร่างกายเราเนี่ยครับ
00:02:31 → 00:02:34 สมมุติว่าเราสั่งให้มือขวาเราเนี่ยนะครับ
00:02:34 → 00:02:37 ยกมือขยับขึ้นมาเนี่ยครับมันก็จะเกิดจาก
00:02:37 → 00:02:41 กระบวนการที่เรียกว่าจิตขึ้นมาครับ
00:02:41 → 00:02:44 ก็จะมีสัญญาณไฟฟ้าจากจุดที่เป็นจุดสั่ง
00:02:45 → 00:02:46 การนะครับวิ่งตาม
00:02:46 → 00:02:56 สายไฟหรือวิ่งตามจุดที่เชื่อมต่อนะครับ
00:02:56 → 00:03:28 ขนาดของ
00:03:28 → 00:03:34 ลักษณะของของการเกิดโรคนี้ลักษณะความผิด
00:03:34 → 00:03:35 ปกติของคลื่นไฟฟ้า
00:03:35 → 00:03:39 มันต้นสายไปเห็นแท้จริงแล้วเนี่ยมันมาจาก
00:03:39 → 00:03:43 อะไรได้บ้างครับหลักๆนี่คืออะไรแล้วก็พบ
00:03:43 → 00:03:45 มากคืออะไรนะ
00:03:45 → 00:03:48 สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการชักนะครับแล้วก็
00:03:48 → 00:03:51 เป็นโรคลมชักเนี่ยคืออาจจะมีมาหลายมีจาก
00:03:51 → 00:03:54 หลายสาเหตุนะครับสาเหตุที่พบบ่อยเนี่ย
00:03:54 → 00:03:57 เช่นอาจจะมีลักษณะเป็นแพ็กเป็นที่บริเวณ
00:03:57 → 00:04:02 ผิวสมองบางส่วนนะครับที่มีการเชื่อมต่อ
00:04:02 → 00:04:06 กับหลายๆจุดนะครับสมองนะครับเช่นสมองที่
00:04:06 → 00:04:08 เป็นบริเวณข้างหูทั้งสองข้างเนี่ยนะครับ
00:04:08 → 00:04:11 ก็จะเป็นจุดที่มีการเชื่อมต่อกับสมองส่วน
00:04:11 → 00:04:15 อื่นๆแล้วก็เป็นจุดที่ใช้เก็บความทรงจำ
00:04:15 → 00:04:16 ระยะสั้น
00:04:16 → 00:04:19 ถ้ามีความผิดปกติเช่นบางครั้งอาจจะมี
00:04:19 → 00:04:21 ลักษณะเป็นแผลเป็นนะครับหรือว่ามีเส้น
00:04:21 → 00:04:24 เลือดหรือมีก้อนอะไร
00:04:24 → 00:04:26 ครับ
00:04:26 → 00:04:29 แล้วก็ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคลมชักตามมาได้
00:04:29 → 00:04:30 นะครับ
00:04:30 → 00:04:34 ลงมาก็จะเป็นลักษณะพันธุกรรมบางอย่างนะ
00:04:34 → 00:04:38 ครับที่กระตุ้นให้เกิดไฟฟ้าที่ผิดปกติอาจ
00:04:38 → 00:04:42 จะบางจุดหรือทุกจุดในสมองนะครับแต่ว่า
00:04:42 → 00:04:45 เป็นเกี่ยวกับเรื่องของ
00:04:45 → 00:04:47 เกี่ยวกับเรื่องของโรคภูมิคุ้มกันทำร้าย
00:04:47 → 00:04:50 ตัวเองบางส่วนนะครับแต่ว่าเป็นอาจจะมีตัว
00:04:50 → 00:04:53 แรกมีไข้หรืออะไรเงี้ยครับก็จะเป็นตัว
00:04:53 → 00:04:59 กระตุ้นทำให้แบบมีอาการอ่าครับอืม
00:04:59 → 00:05:04 ที่บอกว่าแผลบนผิวสมองใช่ไหมฮะตรงนี้เอง
00:05:04 → 00:05:08 มันเกิดมาจากสายด้วยสาเหตุอะไรครับแผลตรง
00:05:08 → 00:05:13 จุดนั้นจริงๆต้องเรียกว่าในระหว่างที่
00:05:13 → 00:05:16 สมองที่พัฒนาขึ้นมาในวัยเด็กนะครับจน
00:05:16 → 00:05:19 กระทั่งถึงตอนโตขึ้นมาเนี่ยสมองบางจุด
00:05:19 → 00:05:23 เนี่ยมีลักษณะไวต่อการขาดอากาศนะครับ
00:05:23 → 00:05:26 เนื้อเชื่อว่าในบางจุดนี้ครับ
00:05:26 → 00:05:30 เป็นแผลเป็นที่เกิดจากบริเวณผิวสมองข้าง
00:05:30 → 00:05:33 หูบางครั้งเนี่ยคือในช่วงเด็กนะครับหรือ
00:05:33 → 00:05:37 ว่าในช่วงที่ที่ก่อนคลอดหรือระหว่างคลอด
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยครับอาจจะมีเคยมีไข้สูงแล้วก็มีการ
00:05:40 → 00:05:43 ทักนะครับตั้งแต่วัยเด็กก็อาจจะเป็น
00:05:43 → 00:05:47 ลักษณะคล้ายกับบริเวณดังกล่าวเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 นะครับอย่างรวดเร็วก็อาจจะทำให้เกิดเป็น
00:05:51 → 00:05:56 แผลเป็นบริเวณดังกล่าวขึ้นมาได้
00:05:56 → 00:05:58 ใช่ครับบางคนก็เป็นตั้งแต่เด็กบางคนก็
00:05:58 → 00:06:01 ต้องเป็นตั้งแต่ในครั้งนะครับหรือบางคน
00:06:01 → 00:06:04 เป็นตอนคลอดสาเหตุค่อนข้างเยอะครับ
00:06:04 → 00:06:07 เดี๋ยวผมขอเพิ่มเติมตรงผิวสมองนิดนึงอัน
00:06:07 → 00:06:09 นี้มันเกี่ยวกับเรื่องของอุบัติเหตุอะไร
00:06:09 → 00:06:11 ที่อาจจะเกี่ยวกับกระทบกระเทือนได้ด้าน
00:06:11 → 00:06:13 ศีรษะอะไรอย่างนี้เกี่ยวข้องด้วยไหมครับ
00:06:13 → 00:06:15 คุณหมอครับเกี่ยวข้องครับเป็นไปได้หมดเลย
00:06:15 → 00:06:19 ครับเช่นกรณีที่เป็นลักษณะเคยพลัดตกจาก
00:06:19 → 00:06:22 ที่สูงอุบัติเหตุทางศีรษะหรือว่าเคยเป็น
00:06:22 → 00:06:24 เส้นเลือดสมองตีบหรือเส้นเลือดสมองแตกที่
00:06:24 → 00:06:27 บริเวณผิวสมองก็เป็น 5 ให้เกิดอาการชักไป
00:06:27 → 00:06:30 ทางนั้นครับอือส่วนพันธุกรรมเนี่ยคือหมาย
00:06:30 → 00:06:34 ความว่าถ้าเรามีญาติๆคุณพ่อคุณแม่ที่มี
00:06:34 → 00:06:38 อาการเคยเป็นโรคลมชักมาก่อนเนี่ยมันจะสืบ
00:06:38 → 00:06:41 ต่อโรคนี้ไปทางลูกๆหลานๆได้ด้วยใช่ไหมฮะ
00:06:41 → 00:06:45 ใช่ครับบางประเภทครับของโลกอ่ะครับก็คือ
00:06:45 → 00:06:47 ที่เป็นโรคลมชักเนี่ยอาจจะมีอาการบาง
00:06:47 → 00:06:53 อย่างนะครับหรือเช่นแบบมีผิวผิดปกติหัวใจ
00:06:53 → 00:06:55 ผิดปกตินะครับแล้วก็อาจจะมีเรื่องของผิว
00:06:55 → 00:06:57 สมองเนี่ยที่เป็นรหัสเป็นก้อนนะครับพวก
00:06:57 → 00:07:01 นี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อหรือ
00:07:01 → 00:07:04 แม่นะครับส่วนลูกได้ครับแล้วก็ทำให้รุ่น
00:07:04 → 00:07:06 ต่อๆมาเนี่ยก็มีโอกาสเป็นโรคลมชักหรือว่า
00:07:06 → 00:07:13 มีความผิดปกติที่ผิวสมองมากกว่าครับผม
00:07:13 → 00:07:19 โดยที่เราอาจจะไม่ไม่ทราบสาเหตุหรือว่า
00:07:19 → 00:07:21 มันมีสาเหตุที่นอกเหนือจากที่คุณหมอได้
00:07:21 → 00:07:24 ได้กล่าวมาบ้างไหมฮะ
00:07:24 → 00:07:27 ต้องเรียนว่าถ้าผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลนะ
00:07:27 → 00:07:29 ครับส่วนหนึ่งของของแพทย์นะครับก็จะเป็น
00:07:29 → 00:07:33 การหาสาเหตุในบางส่วนเนี่ยหลังจากหา
00:07:33 → 00:07:35 สาเหตุไปจนครบถ้วนแล้วอ่ะครับก็ไม่ทราบ
00:07:35 → 00:07:38 สาเหตุอันนี้ก็คงมีสาเหตุแต่ว่าตอนนี้ณ
00:07:38 → 00:07:41 ปัจจุบันเราอาจจะยังไม่ทราบว่าทำไมคนไข้
00:07:41 → 00:07:43 ถึงชัดนะครับก็จุดนี้ก็มีเขาเรียกว่าเป็น
00:07:43 → 00:07:46 โรคลมชักที่ไม่ทราบสาเหตุจริงๆครับ
00:07:46 → 00:07:51 ลักษณะอาการที่คุณหมอว่ามารวมทั้งสาเหตุ
00:07:51 → 00:07:54 ต่างๆเนี่ยเท่าที่คุณหมอมีข้อมูลอยู่ใน
00:07:54 → 00:07:56 มือฮะส่วนใหญ่เนี่ยมันมักจะเกิดขึ้นกับคน
00:07:56 → 00:08:00 ช่วงวัยไหนแล้วก็เพศไหนที่มันมีโอกาสเจอ
00:08:00 → 00:08:04 ได้ได้เยอะมากกว่ากันนะคุณหมอครับต้อง
00:08:04 → 00:08:06 เรียนว่าจริงๆแล้วครับพบได้ตลอดชีวิตนะ
00:08:06 → 00:08:10 ครับก็ของการก็มีต้นแบบต้องบอกว่าประมาณ
00:08:10 → 00:08:13 1-2% ของประชากรนะครับเขาจะมีโอกาสเป็น
00:08:13 → 00:08:16 โรคลมชักได้นะครับต้องเรียนว่าในกลุ่มที่
00:08:16 → 00:08:19 เป็นเอ่อประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศด้อย
00:08:19 → 00:08:21 พัฒนาเนี่ยครับก็มีโอกาสจะพบได้สูงกว่า
00:08:21 → 00:08:24 ประเทศที่พัฒนาแล้วนะครับซึ่งอันนี้ก็อาจ
00:08:24 → 00:08:27 จะปัจจัยจากการที่การคลอดการดูแลระหว่าง
00:08:27 → 00:08:29 ตั้งครรภ์หรือการดูแลระหว่างช่วงเด็กหรือ
00:08:29 → 00:08:32 วัยรุ่นก็อาจจะมีปัจจัยนะครับดังนั้นก็
00:08:32 → 00:08:34 จริงๆต้องเรียนว่าส่วนในประเทศที่พัฒนา
00:08:34 → 00:08:36 แล้วเนี่ยก็อาจจะเป็นโรคลมชักที่เจอจาก
00:08:36 → 00:08:40 เรื่องของความอายุสูงอายุมากขึ้นนะครับ
00:08:40 → 00:08:43 แล้วก็อาจจะเป็นกลุ่มโรคสมองเสื่อมเส้น
00:08:43 → 00:08:46 เลือดสมองตีบหรือว่าเป็นจากกลุ่มที่เป็น
00:08:46 → 00:08:47 ลักษณะเป็นโรค ncd
00:08:47 → 00:08:50 อาจจะมีลักษณะเป็นเส้นเลือดสมองตีบหรือ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าหรือว่าเป็นเส้นเลือดสมองแตกอะไรอย่าง
00:08:52 → 00:08:54 นี้ครับมาก็เป็นไปได้ครับเพราะฉะนั้นดัง
00:08:54 → 00:08:57 นั้นก็คือต้องเรียนวัดเจอได้ทักได้ได้
00:08:57 → 00:09:01 ตลอดชีวิต
00:09:01 → 00:09:06 ก็หมายความว่าสมมุติถ้าเดินมาสัก 100 คน
00:09:06 → 00:09:08 เนี่ย 1-2 คนเนี่ยต้องมีละที่มีโอกาสเป็น
00:09:08 → 00:09:10 โรคลมชักใช่ไหมครับ
00:09:10 → 00:09:13 ถูกต้องเลยครับแล้วก็คุณหมอที่อยู่เวรนะ
00:09:13 → 00:09:16 ครับหรือว่าอยู่ที่ห้องฉุกเฉินนะครับก็
00:09:16 → 00:09:18 ประมาณเช่นกันครับประมาณ 1-2% นะครับ
00:09:18 → 00:09:20 เพราะฉะนั้นคุณหมอทุกท่านก็จะต้องเคยเจอ
00:09:21 → 00:09:23 อ่าคนไทยที่เป็นโรคลมชักไปอยู่ตามห้อง
00:09:23 → 00:09:27 ฉุกเฉินนะครับแต่ว่าตามผู้ป่วยนอกต่างๆ
00:09:27 → 00:09:33 น่ากลัวนะก็ถือว่าเป็นหนึ่งโรคที่ที่เจอ
00:09:33 → 00:09:36 แล้วหลายๆคนไม่กล้าเข้าไปช่วยเออใช่อาการ
00:09:36 → 00:09:38 ที่เกิดขึ้นต้องถามคุณหมอก่อนเลยว่าการ
00:09:38 → 00:09:42 ที่เกิดขึ้นมันจะปรากฏลักษณะอาการยังไง
00:09:42 → 00:09:44 บ้างมั้ยฮะแล้วก็มันจะจำเป็นข้อสังเกตของ
00:09:44 → 00:09:46 เราได้ด้วย
00:09:46 → 00:09:49 แยกใหญ่ๆนะครับสำหรับอาการชักนะครับมันจะ
00:09:49 → 00:09:52 มีอาการชักบางจุดนะครับบางจุดก็อาจจะมี
00:09:52 → 00:09:55 ลักษณะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวนะครับหรือว่า
00:09:55 → 00:09:57 เป็นชาที่เป็นลักษณะชัดที่เป็นพร้อมกัน
00:09:57 → 00:10:00 ทุกจุดในสมองนะครับส่วนใหญ่อันนี้จะไม่
00:10:00 → 00:10:04 ค่อยรู้ตัวครับผมก็จะเป็นลักษณะอาการที่
00:10:04 → 00:10:06 แบ่งเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ครับ
00:10:06 → 00:10:10 แบบที่เป็นบางจุดอ่ะครับบางท่านนะครับผู้
00:10:10 → 00:10:12 ป่วยบางคนมักจะมีอาการนำมาก่อนเรียกว่า
00:10:12 → 00:10:15 เป็นออร่านะครับอาจจะมีอาการเตือนนิดนึง
00:10:15 → 00:10:18 นะครับอาจจะห้ามผู้ป่วยเนี่ยได้รับการ
00:10:18 → 00:10:22 ให้ความรู้มาก่อนนะครับบางท่านเนี่ยจะ
00:10:22 → 00:10:24 สามารถบอกคนที่อยู่ข้างๆได้หรือบอกเพื่อน
00:10:24 → 00:10:29 สนิทได้ว่าใกล้จะมีอาการละนะครับ
00:10:29 → 00:10:32 ข้อสังเกตของตัวบุคคลนั้นด้วยว่าเฮ้ยมัน
00:10:32 → 00:10:34 จะมีอาการเบื้องต้นหมามันจะเหมือนกันหมด
00:10:34 → 00:10:38 ทุกคนไหมคะที่ป่วยเป็นโรคลมชักแบบนี้ไม่
00:10:38 → 00:10:40 เหมือนกันครับแต่ว่าต้องเรียนว่าจะมีแบบ
00:10:40 → 00:10:43 ใหญ่ๆซึ่งแบบใหญ่ๆหมายถึงว่าเป็นกลุ่มคน
00:10:43 → 00:10:46 ไข้ที่พบบ่อยนะครับที่เราอาจจะมีอาการนำ
00:10:46 → 00:10:49 นะครับเช่นในกลุ่มคนไข้ที่มีแผลเป็นที่
00:10:49 → 00:10:52 ผิวสมองเนี่ยครับส่วนใหญ่เขาจะนอนด้วยกัน
00:10:52 → 00:10:55 ลักษณะหัวๆอยู่ๆในท้องหรือว่าลักษณะ
00:10:55 → 00:10:59 เหมือนระลึกถึงความทรงจำเก่าๆก่อนแล้วการ
00:10:59 → 00:11:02 ชักก็จะพอบอกเพื่อนเขาได้ครับว่าเขาจะทำ
00:11:02 → 00:11:04 งาน
00:11:05 → 00:11:07 มันสามารถบอกได้ขนาดนั้นอันนี้คือในกรณี
00:11:07 → 00:11:11 ที่ที่พอจะมีสัญญาณที่พอจะจับได้ใช่ไหม
00:11:11 → 00:11:14 ครับแล้วก็บอกให้คนอื่นเตรียมรับมือเพื่อ
00:11:14 → 00:11:16 ที่จะทำการช่วยเหลือใช่ไหมฮะ
00:11:16 → 00:11:19 แต่บางคนก็คือไม่มีอาการแจ้งให้ทราบไม่
00:11:19 → 00:11:21 ได้ครับก็คือ
00:11:21 → 00:11:24 ลักษณะเวลาชักอ่ะคุณหมอครับอันนี้อันนี้
00:11:24 → 00:11:27 ถามโดยที่ผมอาจจะมีประสบการณ์ในการเจอ
00:11:27 → 00:11:30 ค่อนข้างน้อยมากอยากจะให้คุณหมอช่วย
00:11:30 → 00:11:34 อธิบายนิดนึงเวลาเวลาคนไข้ที่มีโรคลมชัก
00:11:34 → 00:11:38 ในลักษณะประมาณไหนฮะอ๋อเผื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:11:38 → 00:11:42 ทางบ้านที่ฟังอยู่อาจจะอาจจะเจอกันได้วัน
00:11:42 → 00:11:44 ใดวันหนึ่งมันจะได้สังเกตได้ว่าเออเจอแบบ
00:11:44 → 00:11:46 นี้เขาเรียกว่าเป็นโรคลมชักแล้วพอจะมี
00:11:46 → 00:11:49 วิธีการที่จะแนะนำยังไงได้บ้างฮะกับการ
00:11:49 → 00:11:51 ปฏิบัติหรือว่าช่วยเหลือ
00:11:51 → 00:11:54 ผมจริงๆต้องเรียนว่าเวลาที่เจอผู้ป่วยนะ
00:11:54 → 00:11:57 ครับอาจจะมีคล้ายๆกันนะครับอาจจะเป็น
00:11:57 → 00:12:00 ลักษณะเราช่วงแรกเนี่ยครับคนไข้อาจจะมี
00:12:00 → 00:12:04 อาจจะมีอาการแบบอย่างใช้ทำกิจวัตรประจำ
00:12:04 → 00:12:07 วันอะไรอยู่นะครับเสร็จแล้วก็อาจจะเกิด
00:12:07 → 00:12:10 เสียงดังหรือว่าเป็นเสียงของพลตกล้มหรือ
00:12:10 → 00:12:13 ว่าเสียงเอ่ออุปกรณ์ต่างๆนะครับแล้วก็ตาม
00:12:13 → 00:12:15 มาด้วยคนไข้ก็จะเริ่มลักษณะคล้ายๆกับ
00:12:15 → 00:12:18 เหมือนเราเห็นว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้นะ
00:12:18 → 00:12:19 ครับ
00:12:19 → 00:12:22 จะเคลื่อนที่หรือว่าเคลื่อนไหวที่บริเวณ
00:12:22 → 00:12:25 จุดต่างๆของร่างกายเช่นแขนขาดหน้าต่างนี้
00:12:25 → 00:12:27 นะครับอาจจะมีลักษณะเคลื่อนไหวไปเองนะ
00:12:27 → 00:12:30 ครับสักพักนึงเนี่ยคนไข้ก็จะเริ่มมีอาการ
00:12:30 → 00:12:33 เกร็งนะครับที่บริเวณแขนขาหน้าหรือใบหน้า
00:12:33 → 00:12:36 นะครับก่อนนะครับแล้วก็มีอาการกระตุกนะ
00:12:36 → 00:12:39 ครับแล้วก็ตอนช่วงนี้ก็จะเป็นเกร็งกระตุก
00:12:39 → 00:12:42 ทั้งตัวนะครับในกลุ่มคนไข้บางประเภทนะ
00:12:42 → 00:12:44 ครับหลังจากที่เกรงกระตุกเสร็จสักพักนึง
00:12:44 → 00:12:47 ครับคนไข้ก็จะหยุดพักนะครับก็จะเป็นช่วง
00:12:47 → 00:12:50 ที่แบบลักษณะจะได้ยินเสียงคือใครคือใคร
00:12:50 → 00:12:52 ของการหายใจแล้วก็คนไข้ก็จะนิ่งไปนะครับ
00:12:52 → 00:12:55 เหมือนคล้ายๆหมดสติแล้วก็อีกสักพักนึงคน
00:12:55 → 00:12:57 ไข้ก็จะตื่นขึ้นมาเองนะครับอันนี้จะเป็น
00:12:57 → 00:13:00 ที่เราพบกันบ่อยๆนะครับสำหรับคนไข้โรคลม
00:13:00 → 00:13:01 ชัก
00:13:01 → 00:13:05 ลักษณะอาการแบบนี้ครับคุณหมอครับมันมัน
00:13:05 → 00:13:07 เหมือนในอดีตที่เขามักจะเรียกว่าผีเข้า
00:13:07 → 00:13:09 อะไรอย่างนี้ด้วยไหมฮะ
00:13:09 → 00:13:14 ใช่ครับ
00:13:14 → 00:13:18 ถูกวินิจฉัยอ่ะครับว่าจะเป็นโรคจิตเวชนะ
00:13:18 → 00:13:20 ครับหรือว่ามงคลอาจจะเป็นผีเข้าครับแล้ว
00:13:20 → 00:13:24 ก็มีกรณีที่เป็นถึงกับการทำร้ายร่างกายนะ
00:13:24 → 00:13:26 ครับโดยที่ไม่คาดสาเหตุนะครับก็มีหลายแบบ
00:13:27 → 00:13:29 เลยครับอันนี้ก็คือเป็นส่วนหนึ่งของของ
00:13:29 → 00:13:33 อาการที่เรียกว่าลมชักเลยใช่มั้ยฮะใช่ถูก
00:13:33 → 00:13:35 ต้องครับก็ขึ้นอยู่กับว่าไฟฟ้าที่กล่าวไป
00:13:36 → 00:13:38 ตอนต้นนะครับว่ามันเดินทางจากจุดไหนไปจุด
00:13:38 → 00:13:42 ไหนครับก็เมื่อเดินทางถึงจุดที่ควบคุมตรง
00:13:42 → 00:13:45 บริเวณต่างๆของร่างกายก็จะเกิดอาการต่างๆ
00:13:45 → 00:13:46 ขึ้นมาครับ
00:13:46 → 00:13:52 อย่างนี้พอเป็นเป็นแล้วเมื่อเป็นแล้ว
00:13:52 → 00:13:56 คนที่เห็นเหตุการณ์ควรจะช่วยเหลือยังไงดี
00:13:56 → 00:14:01 แล้วมอง Step ต่อไปควรจะนำตัวไปรักษายัง
00:14:01 → 00:14:03 ไงได้บ้างครับคุณหมอ
00:14:03 → 00:14:08 เห็นคนไข้โรคลมชักนะครับก็คือจริงๆก็เรา
00:14:08 → 00:14:11 จะประชาสัมพันธ์เรื่องของการช่วย
00:14:11 → 00:14:14 ปฐมพยาบาลโดยไม่งัดไม่ง้างไม่ถามไม่กดนะ
00:14:14 → 00:14:16 ครับก็คือไม่ทั้งหมดให้คนไข้หยุดพักเองนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับไม่เห็นคนไข้เริ่มคลังนะครับก็ดูเวลา
00:14:19 → 00:14:22 ก่อนนะครับปกติแล้วเนี่ยคนไข้เขาจะชักไม่
00:14:22 → 00:14:24 เกินไม่เกินสักประมาณสัก 3 นาทีนะครับ
00:14:24 → 00:14:28 เต็มที่นะครับเริ่มตั้งแต่ตอนจุดจุดตั้ง
00:14:28 → 00:14:30 แต่เริ่มจนกระทั่งจบนะครับเพราะฉะนั้น
00:14:30 → 00:14:34 เอ่อช่วงแรกนะครับก็คือจับคนไข้นอนตะแคง
00:14:34 → 00:14:37 นะครับซ้ายหรือขวาก็ได้นะครับ
00:14:37 → 00:14:41 เพื่อให้คนไข้ทางเดินหายใจเปิดโล่งนะครับ
00:14:41 → 00:14:45 การนอนตะแคงไม่ไหวนะครับก็อาจจะใช้มือนะ
00:14:45 → 00:14:48 ครับบิดใบหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่งก่อนนะ
00:14:48 → 00:14:51 ครับให้คนไข้เขาก็อยู่ในท่าที่ค่อนข้าง
00:14:51 → 00:14:55 สบายนะครับก็ดึกก็ช่วยดูว่าแบบเออดัง
00:14:55 → 00:14:57 กล่าวเนี่ยมีอุบัติเหตุอันตรายใดๆหรือ
00:14:57 → 00:14:59 เปล่านะครับก็ถ้าไม่มีอะไรก็ปล่อยคนไข้
00:14:59 → 00:15:03 เขาค่อยๆชาร์จไปนะครับโดยที่ไม่ไม่ใส่
00:15:03 → 00:15:07 อะไรไปในปากคนไข้นะครับแล้วก็คอยช่วย
00:15:07 → 00:15:09 เหลือประถมพยาบาลเช่นใครเสื้อผ้าอะไร
00:15:09 → 00:15:11 อย่างนี้นะครับแล้วก็เดี๋ยวคนไข้เขาก็จะ
00:15:11 → 00:15:14 หยุดพักเองนะครับดังนั้นก็ปกติแล้วเนี่ย
00:15:14 → 00:15:17 จะเป็นเราก็จะประเมินนะครับหรือว่าคนไข้
00:15:17 → 00:15:20 รู้ตัวหรืออยากนะครับบางท่านเคยเรียน
00:15:20 → 00:15:23 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นนะครับจะทำชีพจรว่าคน
00:15:23 → 00:15:27 ไข้กลับมาเป็นปกติไหมมีชีวิตในตอนเช้า
00:15:27 → 00:15:28 หรือเบาหรือแพรวหรือว่าหยุดเต้นหรือเปล่า
00:15:28 → 00:15:32 นะครับท่านมีอะไรสักครั้งนึงคนไข้จะเริ่ม
00:15:32 → 00:15:35 ฟื้นนะครับแล้วก็ถามตอบได้ปกตินะครับแล้ว
00:15:35 → 00:15:39 ก็ถ้ามีผู้อื่นอยู่นะครับก็อาจจะคอยโทร
00:15:39 → 00:15:42 เรียก 1669 นะครับก็เรียกรถพยาบาลแล้วก็
00:15:42 → 00:15:44 นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
00:15:44 → 00:15:48 ถ้าที่คุณหมอบอก 3 นาทีเนี่ยในฐานะถ้าคน
00:15:48 → 00:15:50 ที่เห็นอยู่ตลอดเนี่ยมันนานเหมือนกันนะ
00:15:50 → 00:15:53 คุณหมอนะคนเขาอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นนาย
00:15:53 → 00:15:56 ขนาดนี้มันมีโอกาสที่จะแบบนำไปสู่อาการ
00:15:56 → 00:15:59 อื่นหรือว่าอันตรายอื่นๆด้วยไหมครับคุณ
00:15:59 → 00:16:03 หมอฮะ
00:16:03 → 00:16:06 คนไข้จะทำอยู่ประมาณสักแค่นาทีเดียวนะ
00:16:06 → 00:16:09 ครับแต่ถ้าเกิดกลุ่มคนไข้ที่ฉากและช้าง
00:16:09 → 00:16:11 ต่อเนื่องไม่หยุดนะครับก็ส่วนใหญ่มักจะ
00:16:11 → 00:16:14 แบบเริ่มชักแล้วก็ชักไปเรื่อยๆเกิน 3
00:16:14 → 00:16:18 นาที 5 นาทีอันนี้คืออันตรายเพราะว่าจะทำ
00:16:18 → 00:16:21 ให้สมองของเขาเนี่ยครับที่เป็นไฟฟ้าที่
00:16:21 → 00:16:25 ปกติเนี่ยคือเอ่อไปเรื่อยๆนะครับอันตราย
00:16:25 → 00:16:28 ถึงชีวิตนะครับถ้าปล่อยให้คนไข้ต่อเนื่อง
00:16:28 → 00:16:31 โดยไม่หยุดเพราะฉะนั้นอ่าขั้นตอนต่อมา
00:16:31 → 00:16:33 สำหรับคนไข้ที่มีช้างนานๆนะครับจะต้องโดน
00:16:33 → 00:16:37 เรียกรถพยาบาลเพื่อฉีดยานะครับบางประเภท
00:16:37 → 00:16:39 ให้ผู้ป่วยหยุดพัก
00:16:39 → 00:16:43 และที่เขากลัวกันล่ะครับว่าถ้าปล่อยไม่มี
00:16:43 → 00:16:44 อะไรไปให้เขา
00:16:44 → 00:16:48 คาบช้อนคราบอะไรเงี้ยเดี๋ยวจะกัดลิ้นกัน
00:16:48 → 00:16:51 ไปทำไงมันมันเป็นไปได้มากน้อยขนาด
00:16:51 → 00:16:54 ปกติแล้วอ่ะครับส่วนใหญ่แล้วแผลที่เกิด
00:16:54 → 00:16:56 ขึ้นนะครับสำหรับคนไข้ทั้งเนี่ยส่วนใหญ่
00:16:57 → 00:16:59 จะมีเป็นลักษณะเป็นแผลคล้ายๆกับแผลกัน
00:17:00 → 00:17:02 ลิ้นนะครับด้านข้างนะครับ
00:17:02 → 00:17:06 ก็จะเป็นลักษณะแค่จะเป็นแผลที่เป็นแผล
00:17:06 → 00:17:09 ถลอกหรือแผลลิ้นฉีกขาดนิดหน่อยเย็บง่ายนะ
00:17:09 → 00:17:12 ครับไม่มีปัญหาอะไรก็จริงๆลิ้นเนี่ยยัง
00:17:12 → 00:17:14 ไม่ยากอะไรนะครับแต่ว่าถ้าเกิดเราเอา
00:17:14 → 00:17:17 อุปกรณ์อะไรใส่เข้าไปในป่านะครับบางท่าน
00:17:17 → 00:17:20 เนี่ยเอานิ้วใส่เข้าไปในป่าอันเนี้ยคือ
00:17:20 → 00:17:22 เนื่องจากคนไข้เนี่ยควบคุมตัวเองไม่ได้
00:17:22 → 00:17:24 บางครั้งเนี่ยกัดแรงๆเนี่ยครับฟันแตกฮะ
00:17:24 → 00:17:28 หรือว่ากัดนิ้วของเรานะครับแล้วก็เคยเห็น
00:17:28 → 00:17:31 มาแล้วในในบางท่านนะครับที่ทำแบบนี้จะ
00:17:31 → 00:17:34 เป็นอันตรายมากกว่าเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคน
00:17:34 → 00:17:36 ไข้กับลิ้นตัวเองนะครับเย็บไม่ยากนะครับ
00:17:36 → 00:17:38 แล้วก็ส่วนใหญ่เนี่ยตั้งแต่จนขาดนะครับ
00:17:38 → 00:17:42 อาจจะครับแค่เป็นแผลเฉยๆแผลมากเย็บธรรมดา
00:17:42 → 00:17:45 ก็เรียบร้อยแล้วครับเพราะฉะนั้นก็เลยไม่
00:17:45 → 00:17:49 ควรจะเอาอะไรเข้าไปในช่องปากใช่ไหมฮะ
00:17:49 → 00:17:52 แล้วก็ยังเป็นการแบบทำให้ทางเดินหายใจของ
00:17:52 → 00:17:54 คนไข้เนี่ยอาจจะถูกอุดกั้นด้วยยิ่งจะทำ
00:17:54 → 00:17:58 ให้คนไข้ขาดอากาศไปด้วยนะครับ
00:17:58 → 00:18:03 ผมเห็นทุกวันนี้ผมอันนี้ก็เป็นแบบเป็น
00:18:03 → 00:18:05 ความเชื่อใช่ไหมผมจะเรียกความเชื่อไหมว่า
00:18:05 → 00:18:10 ก็ยังมีความเชื่อที่แบบเฮ้ยพอชักแล้วต้อง
00:18:10 → 00:18:11 เอาอะไรมาอุดต้องอะไรแบบโอ้โหโดยเฉพาะแบบ
00:18:11 → 00:18:14 เดี๋ยวนี้คนเอาช้อนมาน้อยแล้วพี่ดรีมครับ
00:18:14 → 00:18:18 แต่จะเอาเรื่องของอะไรผ้าไปอุดปากก็แสดง
00:18:18 → 00:18:21 ว่ามันจะส่งผลต่อระบบหายใจโดยด้วยไปในตัว
00:18:21 → 00:18:24 ใช่มั้ยฮะ
00:18:24 → 00:18:28 ก็ออกซิเจนจะน้อยและสมองน้อยอยู่แล้วใช่
00:18:28 → 00:18:28 ครับ
00:18:28 → 00:18:31 อ๋อคือหมายความว่าก็คือถ้าเราเราเจอเรา
00:18:31 → 00:18:36 เห็นก็คือปล่อยให้เขาจนกว่าอาการมันจะสงบ
00:18:36 → 00:18:39 นิ่งแล้วก็รีบประถมพยาบาลรีบดูเรื่องของ
00:18:39 → 00:18:41 ชีพจรว่าปกติหรือเปล่าแล้วก็เรียกทาง
00:18:41 → 00:18:43 หน่วยพยาบาลให้มาช่วยเหลืออย่างนี้ใช่ไหม
00:18:43 → 00:18:46 ฮะใช่ครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็ถ้าเป็นไป
00:18:46 → 00:18:50 ได้ก็จัดท่าให้นอนตะแคงครับก็
00:18:50 → 00:18:54 สเต็ปสำคัญนะนอนตะแคงต้องนอนตะแคงด้วยแต่
00:18:54 → 00:18:56 ยะเรื่องยากผมว่าน่าจะเป็นเรื่องคนที่
00:18:57 → 00:18:59 เข้ามาให้การช่วยเหลือนี่แหละสไตล์ความ
00:18:59 → 00:19:02 คิดพอยิ่งคนสองคนมันยังแชร์ความคิดได้
00:19:02 → 00:19:04 เอ้ยมันจะฟังคุณหมอมาคุณหมอให้ทำแบบนี้
00:19:04 → 00:19:07 อย่าเพิ่งเอาอะไรเข้าไปในปากนะแต่ถ้าหลาย
00:19:07 → 00:19:11 ๆคนยิ่งเฉพาะคนที่แบบเอ่อคนที่มี
00:19:11 → 00:19:15 ประสบการณ์สูงๆไวที่มีความเชื่ออยู่เดิมๆ
00:19:15 → 00:19:17 อยู่เนี่ยมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ
00:19:17 → 00:19:23 ที่เราจะจะเคยเป็นแบบอธิบายได้ถ้าเป็นเขา
00:19:23 → 00:19:25 เรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
00:19:25 → 00:19:28 ก็เห็นจริงๆครับว่าเอ่อคนก็ยังพยายามเอา
00:19:28 → 00:19:33 อะไรใส่เข้าไปในป่า
00:19:33 → 00:19:40 ครับ
00:19:40 → 00:19:45 [เสียงหัวเราะ]
00:19:45 → 00:19:50 อืมคุณหมอครับคือถ้าเราวินิจฉัยแล้วว่า
00:19:50 → 00:19:55 อ่ะคนนี้เป็นโรคลมชักวิธีการรักษาเนี่ย
00:19:55 → 00:19:58 มันมีกี่รูปแบบบ้างครับคุณหมอฮะจะต้อง
00:19:58 → 00:20:00 รักษายังไงบ้างครับ
00:20:00 → 00:20:03 ในปัจจุบันนี้การรักษาก็คือมีทั้งการกิน
00:20:03 → 00:20:04 ยา
00:20:04 → 00:20:08 สำหรับกลุ่มที่รักษาด้วยยานั้นไม่ได้ดื้อ
00:20:08 → 00:20:12 ยานะครับก็สามารถที่จะปกติแล้วเนี่ยหลัง
00:20:12 → 00:20:17 กินยาประมาณ 2 ปีนะครับถ้าไม่มี
00:20:17 → 00:20:24 คุณหมอครับสัญญาณมันขาดๆหายๆครับ
00:20:24 → 00:20:27 คุณหมอครับเดี๋ยวผมรบกวนคุณหมอช่วยอธิบาย
00:20:27 → 00:20:29 ซ้ำอีกสักรอบนึงเมื่อกี้สัญญาณมันหายไป
00:20:29 → 00:20:33 ครับคุณหมอครับผมในกรณีของการการรักษานะ
00:20:33 → 00:20:36 ครับก็คือจะแบ่งเป็นการทานยานะครับใน
00:20:36 → 00:20:39 กลุ่มที่ทานยาแล้วไม่มีการชักซ้ำอีกนะ
00:20:39 → 00:20:42 ครับหลายทานยาประมาณ 2 ปีบางท่านสามารถ
00:20:42 → 00:20:45 หยุดยาได้นะครับหนึ่งที่รักษาด้วยยาแล้ว
00:20:45 → 00:20:49 ด้วยยากันชักที่ถูกวิธีถูกขนาดแล้วนะครับ
00:20:49 → 00:20:53 2 ตัวยังมีอาการชักอยู่นะครับก็จะได้รับ
00:20:53 → 00:20:56 การส่งประเมินการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคโรค
00:20:56 → 00:20:59 ลมชักนะครับการผ่าตัดก็มีทั้งการผ่าตัด
00:20:59 → 00:21:01 เพื่อเอาเนื้อสมองตรงจุดที่เป็นแผลเป็น
00:21:01 → 00:21:04 ออกหรือว่าการผ่าตัดใส่เครื่องมือบาง
00:21:04 → 00:21:08 ประเทศนะครับเพื่อไปยับยั้งขึ้นไฟฟ้าที่
00:21:08 → 00:21:10 เป็นคลื่นไฟฟ้าผิดปกตินะครับเพื่อให้คน
00:21:10 → 00:21:12 ไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนะครับ
00:21:12 → 00:21:16 คือถ้าอย่างในกรณีทางยาเนี่ยอย่างบางราย
00:21:16 → 00:21:18 ที่คุณหมอบอกก็คือทาน 2 ปีก็อาการดีขึ้น
00:21:18 → 00:21:21 จนสามารถหยุดได้แต่มันมีไหมครับว่าอย่าง
00:21:21 → 00:21:25 รายที่ยาเอาไม่อยู่อาจจะต้องทานไปตลอด
00:21:25 → 00:21:27 ชีวิตแบบนี้ฮะ
00:21:27 → 00:21:32 ก็มีบางคนไข้บางบางเอ่อบางกลุ่มนะครับอาจ
00:21:32 → 00:21:35 จะอยู่ตรงกลางๆนะครับระหว่างถ้าหยุดยาก็
00:21:35 → 00:21:38 จะมีอาการชักแล้วก็ไม่อยากผ่าตัดนะครับ
00:21:38 → 00:21:40 กลุ่มนี้ก็อาจจะเป็นลักษณะทานยาไปตลอด
00:21:40 → 00:21:43 ชีวิตนะครับหรือบางกลุ่มเป็นลักษณะที่มี
00:21:43 → 00:21:46 แผลเป็นนะครับที่เอ่ออาจจะไม่สามารถรักษา
00:21:46 → 00:21:50 ได้แล้วนะครับแล้วก็อาจจะเลือกเลือกวิธี
00:21:50 → 00:21:52 การทานยาก็อาจจะทานยาไปตลอดชีวิตก็มีครับ
00:21:52 → 00:21:55 ถ้าไม่ทานยาก็อาจจะมีอาการชักกะทานยาก็
00:21:55 → 00:21:58 ไม่ชักบางกลุ่มคนไข้ประเภทนี้ก็อาจจะ
00:21:58 → 00:22:01 เลือกทานยาไปเรื่อยๆครับ
00:22:01 → 00:22:07 แล้วมันมีโอกาสที่จะถึงขั้นเสียชีวิตได้
00:22:07 → 00:22:11 เลยไหมครับกับอาการโรคลมชักแบบนี้ฮะ
00:22:11 → 00:22:16 ก็ในกลุ่มที่เป็นผู้ป่วยโรคลมชักที่มีอ่า
00:22:16 → 00:22:19 การดื้อต่อยากันชักนะครับก็บางประเภทนะ
00:22:19 → 00:22:21 ครับถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการ
00:22:21 → 00:22:24 รักษาเอ่อถึงแม้จะเป็นอย่างดีแล้วอ่ะครับ
00:22:24 → 00:22:27 ก็มีโอกาสที่จะชักแบบไม่หยุดจนกระทั่ง
00:22:27 → 00:22:30 เสียชีวิตได้บางท่านเอ่อทานทานยาไปก็รู้
00:22:30 → 00:22:32 สึกเบื่อไม่อยากทานแล้วก็หยุดยาไม่แจ้ง
00:22:33 → 00:22:35 แพทย์หรือว่าไม่แจ้งยากอะไรเงี้ยครับก็
00:22:35 → 00:22:37 อาจจะมีชักต่อเนื่องจนกระทั่งเสียชีวิต
00:22:37 → 00:22:40 ได้ครับโอ้ยในกรณีที่ดื้อยาหรือว่าอาจจะ
00:22:40 → 00:22:44 ไม่ทานยาตามที่คุณหมอสั่งอะไรอย่างเงี้ย
00:22:44 → 00:22:49 ก็มีโอกาสที่จะอาการรุนแรงกว่าที่มันๆมัน
00:22:49 → 00:22:51 ควรจะต้องเป็นใช่มั้ยฮะอือ
00:22:51 → 00:22:54 บางท่านก็อาจจะทานๆหยุดๆอะไรอย่างนี้ครับ
00:22:54 → 00:22:56 ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกันครับ
00:22:57 → 00:22:59 โอ้น่ากลัวจริงๆนะครับคุณหมอแล้วอย่างนี้
00:22:59 → 00:23:00 เนี่ยครับ
00:23:00 → 00:23:04 ถ้าคนที่เป็นโรคลมชักอันนี้ถ้าพูดในกรณี
00:23:04 → 00:23:07 ที่เราอาจจะมีญาติๆเนาะมีเพื่อนๆพี่ๆน้อง
00:23:07 → 00:23:10 ๆที่เป็นโรคลมชักอยู่เนี่ยเขาควรจะต้องดู
00:23:10 → 00:23:12 แลตัวเองยังไงได้บ้างครับคุณหมอครับเพื่อ
00:23:12 → 00:23:13 ที่จะ
00:23:13 → 00:23:16 ป้องกันอาการชักไม่ให้มันเกิดขึ้นนะเพราะ
00:23:16 → 00:23:19 ว่าเท่าที่ฟังคุณหมออธิบายมาโอ้โหค่อน
00:23:19 → 00:23:22 ข้างน่ากลัวมากนะ
00:23:22 → 00:23:26 ถ้าเป็นถ้ารู้ตัวเองว่ามีอาการสงสัยจะ
00:23:26 → 00:23:29 ต้องชักนะครับก็สามารถปรึกษาแพทย์เอ่อที่
00:23:29 → 00:23:32 โรงพยาบาลใกล้บ้านได้นะครับซึ่งแยกกันชัด
00:23:32 → 00:23:35 เป็นยาที่มีถูกโรงพยาบาลอยู่แล้วเป็นโรค
00:23:35 → 00:23:37 ที่พบบ่อยนะครับแล้วก็หลังจากได้วินิจฉัย
00:23:37 → 00:23:40 แล้วก็ทานยาอย่างสม่ำเสมอนะครับหลีก
00:23:40 → 00:23:43 เลี่ยงการขับรถนะครับอ่าในช่วง 6 เดือน
00:23:43 → 00:23:46 ถึง 1 ปีแรกนะครับของเมืองไทยเนี่ยนับจาก
00:23:46 → 00:23:48 ครั้งสุดท้ายที่ช้า 1 ปีถึงจะสามารถขับรถ
00:23:48 → 00:23:51 ได้นะครับแล้วก็พักผ่อนให้เป็นเวลานะครับ
00:23:51 → 00:23:53 หลีกเลี่ยงสารเสพติดนะครับทำยังไงให้ตรง
00:23:53 → 00:23:56 เวลานะครับแค่นี้ก็จะปลอดภัยกับการชักนำ
00:23:56 → 00:23:57 ครับผม
00:23:57 → 00:24:03 อ๋อแล้วถ้าอย่างกรณีที่เป็นคนในครอบครัว
00:24:03 → 00:24:06 ญาติๆพี่น้องหรือว่าเป็นคนรักเนี่ยเราควร
00:24:06 → 00:24:08 จะต้องปฏิบัติตัวเองยังไงได้บ้างครับผม
00:24:08 → 00:24:10 เอาฝากแนะนำนิดนึงฮะ
00:24:10 → 00:24:12 ครับผมจริงๆคนไข้โรคลมชักนะครับกลุ่ม
00:24:12 → 00:24:15 หนึ่งก็จะสามารถควบคุมอาการชักได้เราก็
00:24:15 → 00:24:19 ยังเคยเจอคนไข้ลมชักก็มีครอบครัวมีลูกนะ
00:24:19 → 00:24:22 ครับแล้วก็ยังสามารถดูแลลูกต่อไปได้นะ
00:24:22 → 00:24:25 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อเมื่อเรามีญาติ
00:24:25 → 00:24:28 พี่น้องหรือว่าคนรักเนี่ยเป็นโรคลมชักนะ
00:24:28 → 00:24:30 ครับเขาก็เป็นความเจ็บป่วยประเภทหนึ่ง
00:24:30 → 00:24:32 เหมือนกันนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ช่วย
00:24:32 → 00:24:35 กันใส่ใจดูแลนะครับให้คนไข้มารักษากินยา
00:24:35 → 00:24:38 นะครับมาตามมาพบแพทย์ตามนัดนะครับบางท่าน
00:24:38 → 00:24:41 เนี่ยคือดูแลกันตั้งแต่ตอนเด็กๆตั้งครรภ์
00:24:41 → 00:24:44 มีลูกแล้วนะครับลูกก็ปลอดภัยไม่ได้เป็นลม
00:24:44 → 00:24:46 ชักอะไรนะครับก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้เป็น
00:24:46 → 00:24:49 ปกติอยู่โดยแค่ทานยากันเวลาเท่านั้นเองก็
00:24:49 → 00:24:50 ได้ครับ
00:24:50 → 00:24:54 คุณหมอสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดนึงฮะอย่าง
00:24:54 → 00:24:57 กรณีถ้าอย่างเป็นผู้ที่ตั้งครรภ์อย่าง
00:24:57 → 00:25:00 เงี้ยฮะถ้าเกิดอาการโรคลมชักขึ้นมามันจะ
00:25:00 → 00:25:03 อันตรายทั้งตัวคุณแม่เองรวมถึงคุณลูกด้วย
00:25:03 → 00:25:06 หรือเปล่าครับ
00:25:06 → 00:25:09 ถ้าเกิดเป็นกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคลมชัก
00:25:09 → 00:25:12 อยู่แล้วอยากมีครอบครัวหรือมีลูกเนี่ย
00:25:12 → 00:25:14 ครับปกติแล้วเราก็จะมีการวางแผนนะครับ
00:25:14 → 00:25:18 ก่อนที่จะมีบุตรนะครับมีปรับยาให้คนไข้
00:25:18 → 00:25:20 ปลอดภัยนะครับแล้วก็เด็กที่อยู่ในท้อง
00:25:21 → 00:25:23 เนี่ยปลอดภัยเช่นกันนะครับแต่ว่าถ้าเกิด
00:25:23 → 00:25:26 สมมุติเป็นกลุ่มคนไข้ที่ไม่ดูแลตัวเองนะ
00:25:26 → 00:25:28 ครับทำให้มีอาการชักในระหว่างการตั้ง
00:25:28 → 00:25:32 ครรภ์การชาร์จที่เกิดทั้งตัวเกิดขึ้นนะ
00:25:32 → 00:25:35 ครับก็จะทำให้ออกซิเจนเนี่ยไปถึงแม่ลดลง
00:25:35 → 00:25:39 นะครับพอถึงแม้ลดลงก็ไปถึงลดลงนะครับเด็ก
00:25:39 → 00:25:42 ก็มีโอกาสที่จะพิการหรือว่าเสียชีวิตจาก
00:25:42 → 00:25:44 ที่คุณแม่ครับได้นะครับ
00:25:44 → 00:25:47 อันนี้คือในส่วนของคนตั้งครรภ์นะฮะคุณหมอ
00:25:47 → 00:25:50 ครับนี่แสดงว่าในบ้านเราเนี่ยคนที่เป็น
00:25:50 → 00:25:54 โรคลมชักเนี่ยน่าจะมีกันอยู่มากพอสมควรจน
00:25:54 → 00:25:58 ทางสถาบันประสาทวิทยาเนี่ยมีศูนย์ความ
00:25:58 → 00:26:02 เป็นเลิศโรคลมชักตั้งขึ้นมาเลยล่ะครับคุณ
00:26:02 → 00:26:02 หมอ
00:26:02 → 00:26:05 ต้องเรียกว่าจริงๆประเทศไทยเคยเคยสังเกตุ
00:26:05 → 00:26:09 สำรวจประชากรนะครับก็มีอยู่ราวประมาณสัก
00:26:09 → 00:26:12 แสนคนเลยนะครับก็จริงๆใช่ครับก็ค่อนข้าง
00:26:12 → 00:26:15 เยอะนะครับจริงๆซึ่งก็จริงๆอุบัติการณ์ก็
00:26:15 → 00:26:16 ประมาณอย่างอย่าง
00:26:16 → 00:26:20 เช่นบางต่างประเทศหลายๆประเทศนะครับเพราะ
00:26:20 → 00:26:22 ฉะนั้นจริงๆสถาบันประสาทเนี่ยตั้งศูนย์
00:26:22 → 00:26:25 เอ่อวินิจฉัยแล้วก็เป็นศูนย์ความเป็นเลิศ
00:26:25 → 00:26:28 ของโรคลมชักมาตั้งแต่ปี 2554 นะครับ
00:26:28 → 00:26:32 ก็จริงๆเราดูแลกลุ่มให้ลมชักดื้อยานะครับ
00:26:32 → 00:26:35 ที่จำเป็นต้องอ่าได้รับการผ่าตัดหรือว่า
00:26:35 → 00:26:38 กลุ่มคนไข้ที่ร่วมชักที่เอ่อเหมือนกับ
00:26:38 → 00:26:41 จำเป็นต้องใส่ผ่าตัดใส่เครื่องมืออะไรพวก
00:26:41 → 00:26:44 เนี้ยนะครับส่งต่อจากโรงพยาบาล
00:26:44 → 00:26:46 ทั่วประเทศนะครับ
00:26:46 → 00:26:50 ศูนย์ความเป็นเลิศโรคลมชักเนี่ยตั้งอยู่
00:26:50 → 00:26:52 ที่ไหนยังไงจะไปใช้บริการได้ยังไงบ้าง
00:26:52 → 00:26:53 ครับคุณหมอครับอยากให้คุณหมอช่วย
00:26:53 → 00:26:56 ประชาสัมพันธ์ให้คุณผู้ฟังได้รับทราบแล้ว
00:26:56 → 00:26:59 ก็เก็บไว้เป็นข้อมูลด้วยเผื่อว่าจะมีญาติ
00:26:59 → 00:27:02 ๆพี่น้องหรือว่าเพื่อนๆที่มีอาการลักษณะ
00:27:02 → 00:27:07 แบบนี้จะได้ไปหาหมอได้ถูกที่ถูกทางเลยฮะ
00:27:07 → 00:27:10 มีในประเทศไทยเนี่ยครับมีศูนย์
00:27:10 → 00:27:13 วินิจฉัยและรักษาโรคลมชักเนี่ยตามโรง
00:27:13 → 00:27:16 เรียนแพทย์นะครับส่วนสำหรับกรมการแพทย์
00:27:16 → 00:27:20 ตั้งอยู่ที่สถาบันประสาทวิทยานะครับผมการ
00:27:20 → 00:27:24 แพทย์นะครับก็อยู่ตรงตรงอนุสาวรีย์
00:27:24 → 00:27:27 ชัยสมรภูมินะครับก็จริงๆเราก็รับดูแลผู้
00:27:27 → 00:27:30 ป่วยโรงพักรักษายากทุกประเภทนะครับก็
00:27:30 → 00:27:33 สามารถเอ่อจริงๆแล้วคุณหมออ่าจากทั่ว
00:27:33 → 00:27:36 ประเทศนะครับก็ส่งมาให้เรานะครับดูแลผู้
00:27:36 → 00:27:39 ป่วยอยู่แล้วนะครับก็จริงๆถ้าสมมุติมี
00:27:39 → 00:27:41 อาการเจ็บป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึง
00:27:41 → 00:27:44 สถาบันประสาทก็ได้ก็พบแพทย์ใกล้บ้านแล้ว
00:27:44 → 00:27:47 ก็แพทย์ที่รักษานะครับดูแลถ้าเกิดเห็นสม
00:27:47 → 00:27:50 ควรว่าการดูแลเนี่ยยังทำให้การรักษาโรคลม
00:27:50 → 00:27:52 ช้างเนี่ยยังไม่หายขาดหรือว่ายังมีการ
00:27:52 → 00:27:54 ดื้อยานะครับเราก็จะมีช่องทางนะครับ
00:27:54 → 00:27:58 ประชาสัมพันธ์ให้เอ่อคุณหมอแล้วก็คนไข้
00:27:58 → 00:28:01 เนี่ยครับสามารถรับการรักษาที่สาธารณะได้
00:28:01 → 00:28:02 ครับ
00:28:02 → 00:28:06 อาทิตย์นี้ผมมาที่คำถามจากทางบ้านหน่อยนะ
00:28:06 → 00:28:08 ครับวันนี้เราคุยกันในเรื่องของโรคลมชัก
00:28:08 → 00:28:13 ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่เคยได้เจอกับตัวเอง
00:28:13 → 00:28:16 หลายท่านก็มีประสบการณ์ทั้งญาติๆเพื่อนๆ
00:28:16 → 00:28:18 พี่น้องเนี่ยถามกันเข้ามาพอสมควรทีเดียว
00:28:18 → 00:28:21 อาจจะต้องขอรบกวนนะครับคุณหมอช่วยอธิบาย
00:28:21 → 00:28:24 นะฮะแล้วก็ให้คำตอบกับทางบ้านนิดนึงอย่าง
00:28:24 → 00:28:27 คุณพี่ท่านนี้ครับถามมาว่าโรคลมชักรักษา
00:28:27 → 00:28:30 หายขาดได้ไหมครับเพราะว่าคุณพี่ท่านที่มี
00:28:30 → 00:28:33 น้องสาวเป็นโรคลมชักแล้วก็ชักมาทั้งหมด 3
00:28:33 → 00:28:36 ครั้งตั้งแต่ปี 56 58 แล้วก็เรื่อยมาจน
00:28:36 → 00:28:40 ถึงปี 61 ตอนนี้เนี่ยยังต้องทานยากันชัก
00:28:40 → 00:28:43 อยู่ตลอดเวลาแต่ละครั้งที่มีอาการชัก
00:28:43 → 00:28:47 เนี่ยต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งละ
00:28:47 → 00:28:52 1 เดือนเลยเหรอคุณหมอฮะ
00:28:52 → 00:28:56 โรคลมชักเนี่ยต้องดูสาเหตุคู่กันไปด้วย
00:28:56 → 00:28:59 ครับบางอย่างเนี่ยมันอาจจะเป็นลักษณะสมอง
00:28:59 → 00:29:03 ที่พัฒนาหรือว่าเจริญผิดปกติมาตั้งแต่
00:29:03 → 00:29:05 กำเนิดนะครับบางอย่างเนี่ยกลุ่มพวกนี้
00:29:05 → 00:29:07 เนี่ยซึ่งมันอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย
00:29:07 → 00:29:10 การด้วยการผ่าตัดทั้งหมดนะครับแต่ว่าใน
00:29:10 → 00:29:14 กลุ่มนี้เนี่ยถ้าผู้ป่วยทานยาอย่างตรง
00:29:14 → 00:29:15 เวลานะครับได้รับการประเมินอย่างถูกต้อง
00:29:15 → 00:29:19 ครับก็เรียกว่าไม่มีอาการนะครับถ้าผมจะ
00:29:19 → 00:29:21 เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับเรื่องของเป็น
00:29:21 → 00:29:25 โรคเบาหวานแต่ว่าควบคุมน้ำตาลนะครับควบ
00:29:25 → 00:29:27 คุมอาหารนะครับให้อาการของโรคเบาหวาน
00:29:27 → 00:29:30 เนี่ยเป็นปกตินะครับเช่นกันสำหรับคนไข้
00:29:30 → 00:29:33 โรคลมชักเนี่ยถ้ามีอาการชักประมาณสัก 3-4
00:29:33 → 00:29:37 ครั้งนะครับปีนึงอาจจะครั้งหนึ่ง
00:29:37 → 00:29:40 เป็นกลุ่มต้องเรียนตามตรงว่าเป็นกลุ่มที่
00:29:40 → 00:29:43 เป็นกลุ่มที่การพยากรณ์โลกดีนะครับถ้าทาน
00:29:43 → 00:29:47 ยาตรงเวลานะครับแล้วก็ดูแลสุขภาพดีๆเผลอๆ
00:29:47 → 00:29:49 อาจจะที่ครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 ต่อไปนะ
00:29:49 → 00:29:51 ครับเนื่องจากว่าชักดูไม่ค่อยบ่อยนะครับ
00:29:51 → 00:29:54 อาจจะปี 2 ปีครั้งหนึ่งเท่านั้นเองนะครับ
00:29:54 → 00:29:58 คือคุณพี่ท่านนี้ก็เลยอธิบายให้ข้อมูลมา
00:29:58 → 00:30:00 เพิ่มเติมว่าตอนนี้เนี่ย
00:30:00 → 00:30:03 ผู้ป่วยท่านนี้ไม่สามารถทำงานที่มีความ
00:30:03 → 00:30:05 เครียดได้เลยก็เลยกังวลว่าเออมันจะมี
00:30:05 → 00:30:08 โอกาสที่จะเกิดลมชักได้อีกหรือเปล่าถ้า
00:30:08 → 00:30:12 กลับไปทำงานในลักษณะแบบนี้
00:30:12 → 00:30:15 กระตุ้นทำให้คนไข้ทับได้ครับมีทางเลือก
00:30:15 → 00:30:18 ของการพักผ่อนน้อยความเครียดนะครับ
00:30:18 → 00:30:22 แล้วก็จริงๆต้องเรียกว่าสารเสพติดบาง
00:30:22 → 00:30:24 ประเภทก็กระตุ้นทำให้เกิดอาการนะครับ
00:30:24 → 00:30:28 เพราะฉะนั้นถามว่าคนไข้เครียดได้ไหมนะ
00:30:28 → 00:30:30 ครับจริงๆก็ความเครียดเป็นสิ่งที่เราเจอ
00:30:30 → 00:30:32 ทุกวันอยู่แล้วอ่ะครับแต่ว่าถ้าเราสามารถ
00:30:32 → 00:30:35 จัดการมันได้นะครับก็ไม่ช่วยจนเกินไปก็
00:30:35 → 00:30:38 แบ่งเวลาการทำงานนะครับจริงๆกลุ่มคนไข้
00:30:38 → 00:30:42 บางประเภทที่เอ่อที่เราเจออยู่นะครับก็
00:30:42 → 00:30:44 เป็นคุณหมอก็มีนะครับสามารถกลับไปทำงาน
00:30:44 → 00:30:46 ช่วยเหลือสังคมได้เหมือนกันเหมือนกับผมนะ
00:30:46 → 00:30:48 ครับเพราะฉะนั้นจริงๆต้องเรียนว่าเครียด
00:30:48 → 00:30:51 ได้นะครับแต่ว่าก็เรารู้จักผ่อนคลายแบ่ง
00:30:51 → 00:30:53 เวลาครับก็จะสามารถอยู่ร่วมกับโรคลมชัก
00:30:54 → 00:30:55 ได้ครับ
00:30:55 → 00:30:57 มีอีกคำถามครับคุณหมอครับอันนี้ผมเป็น
00:30:57 → 00:31:00 สิ่งที่ผมเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะสงสัยใน
00:31:00 → 00:31:04 ลักษณะใกล้เคียงกันก็คือโรคลมชักกับลมบ้า
00:31:04 → 00:31:07 หมูมันมีความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงฮะ
00:31:07 → 00:31:09 คุณหมอฮะสังเกตยังไงเอ่ย
00:31:09 → 00:31:15 ว่าโรคลมหน้าหมูเนี่ยไว้สำหรับเรียกโรคลม
00:31:15 → 00:31:17 ชักที่เป็นชักเกร็งทั้งตัวนะครับบาง
00:31:17 → 00:31:19 ประเทศก็เลยเรียกว่ารวบรวมว่าหมวกนะครับ
00:31:19 → 00:31:22 จริงๆก็เป็นเรียกว่าเป็นเป็นส่วนหนึ่งของ
00:31:22 → 00:31:24 โรคลมชักแล้วกันนะครับก็อาจจะเป็นที่เห็น
00:31:24 → 00:31:28 คนไข้จะเกร็งทั้งตัวก็เลยแล้วก็อาจจะควบ
00:31:28 → 00:31:30 คุมตัวเองไม่ได้เขาก็เลยอาจจะเปรียบเทียบ
00:31:30 → 00:31:32 ว่าเป็นลมบ้าหมูอะไรเงี้ยนะครับพอเป็น
00:31:32 → 00:31:36 ศัพท์เซ็ทของคำว่าโรคลมชักนั่นเอง
00:31:36 → 00:31:40 สภาพแวดล้อมแบบไหนถึงมีโอกาสที่จะเกิดโรค
00:31:40 → 00:31:42 ลมชักได้ครับ
00:31:42 → 00:31:46 สภาพแวดล้อมที่จริงๆต้องเรียนว่าโรครอง
00:31:46 → 00:31:49 เท้ามีหลายสายเหตุนะครับเพราะฉะนั้นจริงๆ
00:31:49 → 00:31:51 ตัวสภาพแวดล้อมเนี่ยที่อาจจะกระตุ้นทำให้
00:31:51 → 00:31:56 เกิดโรคลมชักได้ก็คือการที่เอ่ออาจจะพัก
00:31:56 → 00:31:59 ผ่อนน้อยนะครับทำงานหนักนะครับแล้วก็ใช้
00:31:59 → 00:32:02 สารเสพติดกลุ่มสภาพแวดล้อมแบบนี้น่าจะน่า
00:32:02 → 00:32:04 จะเอื้อต่อการทำให้เกิดโรคลมชักนะครับ
00:32:04 → 00:32:08 หรือว่ามีโอกาสชักซ้ำได้สูงครับผม
00:32:08 → 00:32:12 โอเคก็เรียกว่าเป็นสิ่งที่
00:32:12 → 00:32:16 โอ้โหควรจะต้องก็ต้องเรียนรู้ไว้นะพี่ว่า
00:32:16 → 00:32:19 เราไปเจอเราไปไปพบไปเจอจะต้องปฏิบัติตัว
00:32:19 → 00:32:22 ยังไงวันนี้เรียกว่าครบถ้วนสมบูรณ์เลยนะ
00:32:22 → 00:32:24 ครับสำหรับเรื่องของโรคลมชักว่าเกิดขึ้น
00:32:24 → 00:32:26 ได้อย่างไรแล้วก็เราได้รู้จักกับศูนย์
00:32:27 → 00:32:28 ความเป็นเลิศด้วยนะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:32:28 → 00:32:31 ของโรคลมชักนะครับของสถาบันประสาทวิทยา
00:32:31 → 00:32:32 ด้วยนะครับว่าอยู่ที่ไหนสามารถไปใช้
00:32:33 → 00:32:35 บริการได้สำหรับใครที่มีอาการเป็นโรคนี้
00:32:35 → 00:32:37 อยู่นะครับวันนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณ
00:32:37 → 00:32:40 หมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเราในค่ำ
00:32:40 → 00:32:43 คืนวันนี้นะครับคุณหมอครับครับขอบคุณครับ
00:32:43 → 00:32:45 ขอบพระคุณมากๆขอบคุณครับ
00:32:45 → 00:32:48 คุณหมอ