00:00:00 → 00:00:03 ก็สวัสดีครับการที่เราไม่กินน้ำเปล่านะ
00:00:03 → 00:00:05 ครับก็คือกินแต่น้ำอย่างอื่นเลยนะครับจะ
00:00:05 → 00:00:09 ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมนะชากาแฟนมหรืออะไร
00:00:09 → 00:00:12 พวกนี้เนี่ยมันจะสามารถที่จะทำให้เรามี
00:00:12 → 00:00:15 เลือดหนึ่งจนกระทั่งเส้นเลือดในสมองของ
00:00:15 → 00:00:17 เราเนี่ยมันปิดตันไปได้หรือเปล่าแล้วก็
00:00:17 → 00:00:21 เกิดโรคของธรรมะพฤกษ์ขึ้นมาได้จริงแค่นะ
00:00:21 → 00:00:24 ครับก็เดี๋ยววันนี้ผมอยากจะมาอธิบายในมุม
00:00:24 → 00:00:27 มองของทางด้านการแพทย์ดูนะครับว่ามันเป็น
00:00:27 → 00:00:30 ไปได้แค่ไหนนะครับพบกับผมนะครับในการธานี
00:00:30 → 00:00:31 ธนิยะวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:31 → 00:00:34 ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับชั้นรวบปอดการ
00:00:34 → 00:00:37 ปลูกถ่ายปอดและโรคจิตบำบัดนะครับสำหรับ
00:00:37 → 00:00:40 เรื่องของหลอดเลือดสมองแตกครับถ้ามันมี
00:00:40 → 00:00:42 การอุดตันใบนี้นะครับมันก็จะมีอาการแสดง
00:00:42 → 00:00:45 ที่แตกต่างกันตามบริเวณที่มันไปอุดตันนะ
00:00:45 → 00:00:48 ครับก็ขึ้นอยู่กับว่าสมองส่วนนั้นเนี่ย
00:00:48 → 00:00:51 มันควบคุมอะไรอยู่นะฮะที่นี้ส่วนใหญ่แล้ว
00:00:51 → 00:00:55 เนี่ยมันจะเจอในคนที่อายุเยอะนะครับก็ถ้า
00:00:55 → 00:00:57 ยิ่งอายุเยอะขึ้นเรื่อยๆนะครับโอกาสที่จะ
00:00:57 → 00:00:59 เป็นเส้นเลือดพรุ่งนี้มันอุดตันก็จะมาก
00:00:59 → 00:01:01 ขึ้นตามอายุอีกด้วยนะครับเพราะว่าเส้น
00:01:01 → 00:01:03 เลือดของคนเราในมันก็จะมีการเสื่อมมี
00:01:03 → 00:01:06 แคลเซียมมาจับบริเวณผนังหลอดเลือดเพิ่ม
00:01:06 → 00:01:09 ขึ้นตามอายุไปด้วยนะครับยิ่งถ้าเรามีเบา
00:01:09 → 00:01:12 หวานมีความดันโลหิตสูงนะครับถ่ายมาหรือ
00:01:12 → 00:01:14 สูงพวกนี้ก็จะมีโอกาสในการเกิดเพิ่มขึ้น
00:01:14 → 00:01:18 นะครับคนที่อายุน้อยนะครับมีโอกาสเกิด
00:01:18 → 00:01:21 เส้นเลือดสมองนี้มันติดกันไปได้ไหมมีนะ
00:01:21 → 00:01:23 ครับจองนั่นเจอน้อยกว่านะครับโดยส่วนใหญ่
00:01:23 → 00:01:27 แล้วเนี่ยถ้าเราอายุต่ำกว่า 45 ปีนะครับ
00:01:27 → 00:01:31 โอกาสที่จะเจอพวกโลกอัมพฤกษ์อัมพาตนะครับ
00:01:31 → 00:01:33 หรือว่ามีเส้นเลือดในสมองไงมันโดนอุดตัน
00:01:33 → 00:01:35 ไปด้วยเหตุผลต่างๆนะครับเอ่อจะอยู่ที่
00:01:35 → 00:01:40 ประมาณสัก 10-20 คนต่อแสงคนนั้นในแต่ละปี
00:01:40 → 00:01:43 นะงั้นในแต่ละปีสักประมาณอันแสนคนเนี่ย
00:01:43 → 00:01:45 เราจะเจอไม่ถึง 20 คนหรอกครับนะที่เป็น
00:01:45 → 00:01:51 แบบนี้นะครับแล้วคำถามก็คือว่า a เวลาที่
00:01:51 → 00:01:55 เราเป็นเนี่ยเราเจอในจริงเจอได้ตั้งแต่
00:01:55 → 00:01:58 เด็กทารกแล้วนะครับว่ามีอะไรได้ไปยุ่งกับ
00:01:58 → 00:02:00 เส้นเลือดพวกนี้ก็จะทำให้มีปัญหาอยู่ใน
00:02:00 → 00:02:03 แง่ของสมองนะครับมีอะไรอุดตันตรงเสร็จ
00:02:03 → 00:02:05 หนึ่งนะครับก็จะเกิดปัญหาตามมาได้นะครับ
00:02:05 → 00:02:08 คำถามก็คือในกลุ่มอายุขนาดนี้มันส่วนใหญ่
00:02:08 → 00:02:12 ไม่ค่อยเจอนะครับถ้าเจอขึ้นมาเนี่ยขาวมาก
00:02:12 → 00:02:15 เอมันมีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้เราเจอนะ
00:02:15 → 00:02:19 ครับเวลาผมคิดถึงเรื่องพวกนี้นะฮะผมก็จะ
00:02:19 → 00:02:21 คิดเกาะเลยนะครับว่าอะไรที่ทำให้เส้น
00:02:21 → 00:02:24 เลือดบริเวณนั้นมันมีปัญหาได้เวลาที่เรา
00:02:24 → 00:02:27 คิดคืออย่างนี้นะครับขั้นแรกเส้นเลือด
00:02:27 → 00:02:31 บริเวณที่มีในสมองที่มันมีปัญหานะครับคือ
00:02:31 → 00:02:34 เส้นตรงนั้นเนี่ยอาจจะมีความผิดปกติไปนะ
00:02:34 → 00:02:37 อ่ะบางคนมีเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิดโดย
00:02:37 → 00:02:39 ไม่รู้ตัวนะครับเส้นเลือดอาจจะมีความผิด
00:02:39 → 00:02:41 ปกติเพราะว่ามีการติดเชื้อมาเกาะนะครับ
00:02:41 → 00:02:44 เคยมีการอักเสบโรงเรียนนั้นมาเกาะหน้านะ
00:02:44 → 00:02:47 ครับหรือบางคนเกิดมาแล้วก็เส้นเลือดบาง
00:02:47 → 00:02:50 ส่วนนี้มันผิดปกติผิดรูปไปนะครับทำให้
00:02:50 → 00:02:54 ลักษณะของเส้นตรงนี้มันปิดนะครับมันก็จะ
00:02:54 → 00:02:57 เกิดอาการขึ้นมาได้ง่ายขึ้นนะครับอันที่
00:02:57 → 00:03:00 สองคือเรื่องของการอักเสบบริเวณมีเส้น
00:03:00 → 00:03:03 เลือดผนังหลอดเลือดนะครับบางคนเนี่ยมีการ
00:03:03 → 00:03:06 อักเสบเฉพาะในสมองก็มีนะครับบางคนก็จะมี
00:03:06 → 00:03:09 การอักเสบที่เส้นเลือดหลายๆบริเวณนะครับ
00:03:09 → 00:03:11 ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคอะไรเพราะว่าการ
00:03:11 → 00:03:14 อักเสบในแต่ละโลกนี้มันก็เหมือนกันนะครับ
00:03:14 → 00:03:17 ก็ต้องไปหาสาเหตุตรงนี้นะครับอ่ะคือเรา
00:03:17 → 00:03:20 คิดก่อนว่าโอเคจะเลือกลักษณะปกติหรือ
00:03:20 → 00:03:22 เปล่าอันที่ 2 มีการอักเสบของเส้นเลือด
00:03:22 → 00:03:24 โดยทั่วไปหรือเปล่านี่คือปัญหาที่เส้น
00:03:24 → 00:03:27 เลือกนะครับต่อไปก็คือเป็นปัญหาที่เลือด
00:03:27 → 00:03:31 เองนะครับในเลือดเองเนี่ยมันจะมีบางกรณี
00:03:31 → 00:03:35 ที่ทำให้เลือกเนี่ยมันมีโอกาสในจับตัว
00:03:35 → 00:03:37 เป็นก้อนเป็นลิ่มได้ง่ายขึ้นนะครับเช่น
00:03:37 → 00:03:39 บางคนมีความผิดปกติของโปรตีนกันแต่งตัว
00:03:39 → 00:03:42 บังของเลือดบางอย่างเช่นขาดโปรตีนซี
00:03:42 → 00:03:45 โปรตีน S นะครับอย่างนี้เป็นต้นนะคะไม่
00:03:45 → 00:03:48 จริงก็มีอีกตั้งหลายโลกนะครับอ่าตัว
00:03:48 → 00:03:50 แอนตี้ทอมบิ้นสามัญอย่างนี้นะครับผิดปกติ
00:03:50 → 00:03:54 นะครับเอ่อก็พวกนี้นะฮะการแข็งตัวของ
00:03:54 → 00:03:58 เลือดก็จะมีปัญหาได้นะครับเช่นบางคนมีโรค
00:03:58 → 00:04:01 หนึ่งซึ่งเรียกว่าซิโกขอโทษนะครับอันนี้
00:04:01 → 00:04:03 มีพวกนี้ก็จะทำให้หลอดเลือกน้ำอุดตันได้
00:04:03 → 00:04:06 ง่ายนะครับหรือบางคนเป็นโรคที่ชื่อแปลก
00:04:06 → 00:04:09 ชื่อ homocysteine มีเมียพวกนี้ก็จะเกิด
00:04:09 → 00:04:11 พวกนี้ก็มาได้นะครับจริงๆก็มีโรคมายโลก
00:04:11 → 00:04:14 ที่ทำให้เลือดของเราเนี่ยมันจับตัวเป็น
00:04:14 → 00:04:16 ลิ่มได้ง่ายขึ้นแล้วก็จะมาเกินไปอุดอัน
00:04:16 → 00:04:18 ตรงบริเวณสมองที่เราเป็นก็ทำให้เกิด
00:04:18 → 00:04:21 อัมพฤกษ์อัมพาตได้นะครับหรือบางกรณีก็มี
00:04:21 → 00:04:24 ปัญหาอย่างอื่นทางด้านสมองกับมาแทนขึ้น
00:04:24 → 00:04:27 อยู่กับว่ามันอุดตันบริเวณไหนนะครับนี่
00:04:27 → 00:04:30 คือกรณีที่เลือกมันดึกถ้าไม่ใช่กรณีที่
00:04:30 → 00:04:33 เลือกมันมีปัญหาหลักก็อาจจะเกิดจากการที่
00:04:33 → 00:04:38 มีหัวใจผิดปกตินะครับมันผิดปกติยังไงได้
00:04:38 → 00:04:40 บ้างนะครับหัวใจเนี่ยนะครับถ้าเกิดว่ามัน
00:04:40 → 00:04:43 มีการเต้นที่ผิดปกติไปนะครับหรือว่าบาง
00:04:43 → 00:04:48 กรณีมันมีความพิการทางหัวใจนะครับเกิดการ
00:04:48 → 00:04:51 ต้องออกมาของผนังของหัวใจทำให้เกิดเลื่อน
00:04:51 → 00:04:53 มาเป็นอุดอยู่ตรงบริเวณของหัวใจได้แล้วก็
00:04:53 → 00:04:56 วันดีคืนดีมันมีการบีบตัวของหัวใจได้ลิ่ม
00:04:56 → 00:04:59 เลือดตรงเนี้ยมันลอยก็ไปที่เส้นเลือดสมอง
00:04:59 → 00:05:01 แล้วก็ไปอุดอ่าอันนี้ก็เกิดขึ้นได้นะครับ
00:05:01 → 00:05:04 นี่ก็คือเป็นปัญหาหลักๆที่เจอได้นะครับ
00:05:04 → 00:05:07 ที่นี้นอกเหนือจากนี้ล่ะเต้นถ้ามันไม่ใช่
00:05:07 → 00:05:10 ปัญหาของทางด้านหัวใจมันไม่ใช่ปัญหาของ
00:05:10 → 00:05:13 การอักเสบของเส้นเลือดเส้นเลือดลักษณะของ
00:05:13 → 00:05:17 ลักษณะเส้นเลือดก็ปกติดีไม่ได้ตีบไม่ได้
00:05:17 → 00:05:20 มีลักษณะคดเคี้ยวผิดปกตินะครับแต่ตัว
00:05:20 → 00:05:22 เลือกเองก็ไม่ได้มีการแข่งตัวที่ผิดปกติ
00:05:22 → 00:05:25 แต่อย่างใดเราตรวจแล้วก็ไม่เจออะไรฆ่าการ
00:05:25 → 00:05:28 เกษตรต่างๆของเลือดก็ปกติดีมันเป็นผิด
00:05:28 → 00:05:32 ปกติตรงไหนอีกนะครับผิดปกติที่เซลล์ได้นะ
00:05:32 → 00:05:36 ครับเซลล์ของเรานี่นะครับบางคนมันเกิดมา
00:05:36 → 00:05:40 แล้วมีปัญหาในด้านของการผลิตพลังงานนะ
00:05:40 → 00:05:42 ครับเป็นเซลล์ของคนเราเนี่ยจะมีอวัยวะ
00:05:42 → 00:05:45 เล็กๆหนึ่งชื่อว่ามั้ยตกคอนเรียนนะครับ
00:05:45 → 00:05:47 ซึ่งตัวนี้มันจะเป็นตัวผลิตพลังงานให้กับ
00:05:47 → 00:05:50 เซลล์ต่างๆนะครับถ้าเราไม่สามารถผลิตพลัง
00:05:50 → 00:05:54 งานได้หรือผลิตแล้วมีปัญหานะครับไม่ว่าจะ
00:05:54 → 00:05:56 เป็นเหตุผลใดๆก็ตามของไมโทคอนเดรียเช่น
00:05:56 → 00:06:00 มันมีเออพวกเอนไซม์ต่างๆซึ่งกิจเข้าไปใน
00:06:00 → 00:06:04 นั้นนะครับเหตุผลใดก็ตามอันนี้นะมันก็จะ
00:06:04 → 00:06:06 ทำให้เซลล์ว่าสามารถผลิตพลังงานได้เวลา
00:06:06 → 00:06:10 ที่เซลล์มันผลิตไม่ได้ปุ๊บมันก็ขาดพลัง
00:06:10 → 00:06:13 งานคาดพลังงานมาทำงานไม่ได้ก็เกิดปัญหา
00:06:13 → 00:06:16 ขึ้นมาก็คือเป็นอ่าสมองเบลอนะเนี่ยเกิด
00:06:16 → 00:06:20 โตรกหรือที่มีอัมพฤกษ์อัมพาตหรือว่าขึ้น
00:06:20 → 00:06:22 อยู่กับว่ามันไปโดนบริเวณไหนของสมองนะ
00:06:22 → 00:06:25 ครับนั้นก็คือเป็นเหตุผลนั้นนะครับทีนี้
00:06:25 → 00:06:28 นอกเหนือจากไอ้ทั้งหมดที่พูดมานะครับว่า
00:06:28 → 00:06:31 ก็จะมีกลุ่มอาการเป็นกลุ่มโรคนะครับแต่
00:06:31 → 00:06:35 ทางทางพันธุกรรมนะครับคือบางคนก็จะมีความ
00:06:35 → 00:06:38 ที่การบางอย่างที่อยู่ในร่างกายอาจจะไม่
00:06:38 → 00:06:40 ไม่ใช่พิการตามที่ทุกคนเข้าใจนะครับไม่
00:06:40 → 00:06:43 ใช่บอกว่าตัวหูหนวกตาบอดขารีบไปข้างหนึ่ง
00:06:43 → 00:06:45 ในไม่ใช่พิการแบบนั้นนะครับบางทีมันเป็น
00:06:45 → 00:06:49 การที่มีหลายๆอวัยวะผิดปกติร่วมด้วยนะ
00:06:49 → 00:06:52 ครับเชื่อหัวใจผิดปกติบางคนมีเรื่องของ
00:06:52 → 00:06:55 อะไรลิ้นไก่เราพิมพ์ข้อที่ปกติในบางโลก
00:06:55 → 00:06:58 เราก็จะเจอได้นะครับหรือว่าบางกรณีมีความ
00:06:58 → 00:07:01 ผิดปกติของเยอะจบพันก็เช่นอาจจะเคยเห็น
00:07:01 → 00:07:05 บางคนที่อยากข้อข้อต่อต่างๆเขาเนี่ยมันมี
00:07:05 → 00:07:08 การยืดหยุ่นได้มากกว่าปกตินะครับคนที่แบบ
00:07:08 → 00:07:10 บิดข้อได้เยอะๆอย่างนี้นะครับผิวหนังมัน
00:07:10 → 00:07:12 ยื่นออกมาได้อย่างเงี้ยก็จะมีรูปกลุ่มที่
00:07:12 → 00:07:14 เรียกว่าเอวได้ด่าล้อซึ่งมันมีหลายๆ
00:07:14 → 00:07:17 ประเภทแต่ว่ามันมีออเดอร์ 100 ประเภท
00:07:17 → 00:07:19 หนึ่งซึ่งมีปัญหาที่เส้นเลือดด้วยนะครับ
00:07:19 → 00:07:23 อ่ะพวกเนี่ยก็จะเกิดปัญหาที่หลอดเลือด
00:07:23 → 00:07:26 ต่างๆได้นะครับดังนั้นโดยทั่วไปเวลาผมเจอ
00:07:26 → 00:07:30 เคสซึ่งอายุน้อยแล้วก็บังเอิญเกิด rogue
00:07:30 → 00:07:33 หรือมีเส้นเลือดที่มีอะไรก็แล้วแต่ที่ทำ
00:07:33 → 00:07:35 ให้สมองมันขาดเลือดไปบริเวณนึงนะครับ
00:07:35 → 00:07:37 เดี๋ยวมันทำงานไม่ได้เนี่ยผมก็จะหาสาเหตุ
00:07:37 → 00:07:40 พวกนี้นะครับก่อนอื่นเลยก็คงจะดูว่าเออ
00:07:40 → 00:07:42 จริงมันดีอย่างหนึ่งคือเรื่องของการใช้ยา
00:07:42 → 00:07:45 บางตัวนะครับยาสารเสพติดแล้วก็ยาคุมนะยา
00:07:45 → 00:07:48 คุมกำเนิดในมันทำให้มีการแข็งตัวของเลือด
00:07:48 → 00:07:50 ผิดปกติพรุ่งนี้ก็มีความเกี่ยวข้องได้
00:07:50 → 00:07:55 บ้างนะครับบางคนใช้พบกับโคเคนแอมเฟตามีน
00:07:55 → 00:07:58 พรุ่งนี้ก็จะมีความเกี่ยวข้องนะฮะถ้าไม่
00:07:58 → 00:08:01 ใช่พวกยาก็จะไปดูในแง่ของมีลักษณะของหลอด
00:08:01 → 00:08:04 เลือดมันมีอะไรที่มันคดเคี้ยวปกติไหมนะ
00:08:04 → 00:08:06 ครับมีลักษณะการงอกของเส้นเลือดที่มันไม่
00:08:06 → 00:08:09 ปกติหรือเปล่านะครับมีการปิดตันของเส้น
00:08:09 → 00:08:12 เลือดไหมนะครับถ้าไปเจอที่เส้นแล้วไม่มี
00:08:12 → 00:08:14 ปัญหาแล้วก็ดูตรวจร่างกายแล้วก็หาอวัยวะ
00:08:14 → 00:08:17 หรือตัวดูว่ามันมีการอักเสบที่พอจะอธิบาย
00:08:17 → 00:08:20 ได้หรือเปล่านะครับมีบริเวณไหนเส้นอักเสบ
00:08:20 → 00:08:23 บ้างแล้วก็ไปตรวจตรงนั้นนะครับเพราะว่า
00:08:23 → 00:08:25 บางคนที่มีอาการแดงสิ้นมาด้วยการครั้งแรก
00:08:25 → 00:08:28 ก็คือเป็นโปรไปเรียบร้อยแล้วนะฮะอ่าก็เรา
00:08:28 → 00:08:31 ก็ต้องไปหาเศษพวกนั้นนะครับถ้าเราหาตรง
00:08:31 → 00:08:33 นั้นไม่มีกำลังเศษเส้นเล็กกว่าปกติแล้วก็
00:08:33 → 00:08:36 ไม่ดูที่ว่าการแต่งตัวของเลือดเนี่ยมันมี
00:08:36 → 00:08:38 ความผิดปกติตรงนั้นหรือเปล่านะครับโดยการ
00:08:38 → 00:08:42 ตรวจสอบหลายอย่างนะฮะถ้านอกประจำนี้ก็
00:08:42 → 00:08:44 ต้องไปดูเรื่องของการผลิตพลังงานของเซลล์
00:08:44 → 00:08:46 สิ้นมันทีมันผิดปกติไปในคนกลุ่มนี้เนี่ย
00:08:46 → 00:08:50 บางครั้งจะมีเรื่องของสโต๊คหรือว่าหลอด
00:08:50 → 00:08:52 เลือดที่สมองมันทำงานเป็นปกติมาหลายรอบ
00:08:52 → 00:08:55 แล้วนะครับทำให้สมองมันไม่สามารถทำงานได้
00:08:55 → 00:09:00 เรื่อยๆบางคนในบางคนนะครับผลผลเรื่องของ
00:09:00 → 00:09:03 การที่ร่างกายไม่สามารถผลิตพลังงานได้มัน
00:09:03 → 00:09:06 จะมีค่ากรดแลคติกสูงขึ้นนะฮะพวกนี้ก็จะ
00:09:06 → 00:09:08 เป็นอันหนึ่งซึ่งถ้ากดและจิตสูงขึ้นเรา
00:09:08 → 00:09:11 คิดถึงโลกของในโปรแกรมเรียนอันนึงอันดับ
00:09:11 → 00:09:13 แรกนะครับเราจะต้องไปตรวจและดูมาตัวความ
00:09:13 → 00:09:15 เร็วว่ามันโอเคอยู่หรือเปล่านะครับแบบนี้
00:09:15 → 00:09:19 เป็นต้นนะฮะแล้วก็นอกจากนี้คือถ้าตัวร่าง
00:09:19 → 00:09:21 กายเราไปเจอเข้าได้กับกลุ่มมะกันโรคบาง
00:09:21 → 00:09:24 โรคแล้วก็จะเจอได้นะครับโดยทั่วไปแล้วให้
00:09:24 → 00:09:28 ดูดูผลเลือดนะฮะดูทำอาชีสีรอดเลื่อนดูใน
00:09:28 → 00:09:30 สมองนะครับทำ MRI ของสมองดูสิว่าเนื้อ
00:09:30 → 00:09:33 เยื่อละบางอันมันมีปัญหาอะไรไหมมันจะมี
00:09:33 → 00:09:36 โรคบางโรคขึ้นมันเป็นโรคกลุ่มสโต๊คนะครับ
00:09:36 → 00:09:41 ในครอบครัวนะฮะแล้วก็มีบางบางบริเวณของ
00:09:41 → 00:09:44 สมองที่มันมีปัญหานะครับโดยเฉพาะที่ส่วน
00:09:44 → 00:09:46 ที่เขาเรียกว่าไว้มาเจอก็คือสมองมันมี
00:09:46 → 00:09:48 greater ไว้นะเธอนักเรียนอยู่ข้างนอกนะ
00:09:48 → 00:09:50 ไว้แล้วอยู่ด้านในจะมีพวกไขมันเยอะหน่อย
00:09:50 → 00:09:54 นะครับอาจจะมีลูกๆอันนี้พูดเล่นแล้วกันนะ
00:09:54 → 00:09:57 ครับชื่อว่าคาซิมรมณอาจจะไม่เคยได้ยินมา
00:09:57 → 00:09:59 ก่อนนะครับแต่ไม่เป็นไรนะครับเพราะว่าเอา
00:09:59 → 00:10:00 เป็น
00:10:00 → 00:10:04 คะนักงานเพราะว่าจริงๆเอิ่มกลุ่มประการ
00:10:04 → 00:10:05 ที่เราวาดโต๊ะกินยายังเนี่ยนะครับถือว่า
00:10:05 → 00:10:09 คนที่เป็นโฟล์คในอายุน้อยๆนะครับคือเคย
00:10:09 → 00:10:13 เคยมีกอกสอบนักนักศึกษาแทบมาแล้วนะครับ
00:10:13 → 00:10:15 ถามว่าทำไมผมรู้ว่าเพราะผมก็โดนทางมาเกาะ
00:10:15 → 00:10:18 ในสมัยที่ผมเรียนนะครับก็เลยต้องตรงเข้า
00:10:18 → 00:10:21 ใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงนะครับเรามาถึง
00:10:21 → 00:10:24 ตรงนี้แหละถ้าเราดูมาทั้งหมดแล้วนะครับจะ
00:10:24 → 00:10:26 ไม่มีตรงไหนนะครับว่าเป็นถ้าเรากินเฉพาะ
00:10:26 → 00:10:29 น้ำที่ไม่ใช่น้ำเปล่าจะเกิดขึ้นได้เปล่า
00:10:29 → 00:10:33 นะครับคำตอบง่ายของผมเลยนะครับจริงๆแล้ว
00:10:33 → 00:10:35 เนี่ยการที่เราไม่ได้กินน้ำเปล่าเลยจะกิน
00:10:35 → 00:10:38 น้ำเยอะอื่นเพียงพอเนี้ยมันไม่น่าจะทำให้
00:10:38 → 00:10:41 เกิดเรื่องสโต๊คได้นะครับเหตุผลคืออะไรนะ
00:10:41 → 00:10:43 ครับเวลาที่เรากินน้ำต่างๆเช่นสมมติว่าผม
00:10:43 → 00:10:47 กินน้ำอัดลมนะครับคุณค่าหรืออะไรก็แล้ว
00:10:47 → 00:10:51 แต่นะครับหรืออาจจะเป็นพวกน้ำผลไม้นะครับ
00:10:51 → 00:10:54 หรือโปรตีนเชคต่างๆนะครับดื่มเข้าไปสิ่ง
00:10:54 → 00:10:57 ที่เกิดขึ้นก็คือส่วนประกอบต่างๆของ
00:10:57 → 00:10:59 กระเพาะลำไส้นะครับตั้งแต่ลำไส้เล็กไปจน
00:10:59 → 00:11:02 ถึงตัวอย่างเนี่ยมันจะมีการละส่วนทำหน้า
00:11:02 → 00:11:05 ที่เหมือนกันในการดูดซึมสารที่แตกต่างกัน
00:11:05 → 00:11:08 นะครับน้ำเนี่ยจะค่อยๆดูดซึมไปเรื่อยๆนะ
00:11:08 → 00:11:10 ครับโดยเฉพาะในลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่จะดูด
00:11:10 → 00:11:13 ซึมน้ำเยอะมากแต่มันดูดซึมแต่น้ำนะครับ
00:11:13 → 00:11:15 แล้วก็ส่วนอื่นๆของลำไส้เล็กเซลล์ตื่น
00:11:15 → 00:11:18 เนี่ยก็ยังมีหน้าที่ในการดูดซึมสารอื่น
00:11:18 → 00:11:21 เช่นดูดซึมโปรตีนดูดซึมไขมันนะครับดัง
00:11:21 → 00:11:23 นั้นสิ่งที่เรากินหรือดื่มเข้าไปนะครับ
00:11:23 → 00:11:27 เช่นสมมติว่าในน้ำอันนึงแล้วกันมันมีส่วน
00:11:27 → 00:11:29 ประกอบอยู่ 3 4 อย่างนะครับเช่นนั้นนี่
00:11:29 → 00:11:32 มีโปรตีนมีน้ำตาลแล้วก็มีน้ำอ่าเช็ครวม
00:11:32 → 00:11:36 กันนะครับผสมรวมกันแล้วดื่มลงไปโปรตีนก็
00:11:36 → 00:11:38 จะถูกดูดซึมไปในบริเวณหนึ่งนะครับ
00:11:38 → 00:11:42 น้ำกระดูกสนิทบริเวณหนึ่งน้ำตาลก็ถูกสม
00:11:42 → 00:11:46 บริเวณหนึ่งสรุปแล้วเรากินน้ำมีของโปรด
00:11:46 → 00:11:48 เนี่ยยังไงเราก็ได้น้ำเข้าไปอยู่ดีนะครับ
00:11:48 → 00:11:50 ให้ของที่เราดูซึ่งก็เป็นอื่นๆไม่ได้ทำ
00:11:50 → 00:11:52 ให้เลือกมันอื่นมากขึ้นแต่อย่างใดนะครับ
00:11:52 → 00:11:55 ก็เหมือนกันกับการที่เราทานอาหารก็ปกตินะ
00:11:55 → 00:11:58 ครับลองทานอาหารเสร็จผู้ดื่มน้ำตามเหมือน
00:11:58 → 00:12:00 กันเลยนะครับ
00:12:00 → 00:12:02 ร้านอาหารก็ถูกย่อยแล้วก็ดูดซึมไปตาม
00:12:02 → 00:12:05 โปรตีนไขมันคาร์โบไฮเดรตตามปกตินะครับน้ำ
00:12:05 → 00:12:08 ก็ดูซึ่งแบบน้ำนะฮะการที่เอาน้ำกับว่า
00:12:08 → 00:12:11 อาหารมาปั่นรวมกันแล้วดื่มเข้าไปเนี่ยมัน
00:12:11 → 00:12:14 ก็เท่ากับการที่เรากินอาหารกับน้ำแยกกัน
00:12:14 → 00:12:16 ดังนั้นมันอยู่ที่ปริมาณนะที่เรากินเข้า
00:12:16 → 00:12:18 ไปนะครับมันไม่ได้ทำให้เลือกเราหรือได้
00:12:18 → 00:12:20 มากขึ้นไปอย่างไรต่อให้เราได้กินน้ำเลยก็
00:12:20 → 00:12:22 ตามนะครับมาอยู่ที่ประมาณนะที่เราทานเข้า
00:12:22 → 00:12:24 ไปมากกว่าดังนั้น
00:12:24 → 00:12:28 สาเหตุเวลาที่เราเจอโทรกินยายังเนี่ยนะ
00:12:28 → 00:12:30 ครับเราต้องเป็นไล่ตามสาเหตุที่ผมเล่า
00:12:30 → 00:12:32 เป็นเมื่อตะกี้นี้มากกว่านะครับเพราะว่า
00:12:32 → 00:12:38 หลายๆเคสนะที่ผมเคยเจอในช่วงที่ผมทำงาน
00:12:38 → 00:12:42 อยู่นะครับแล้วก็เจอเคสแบบนี้น่ะเอิ่มไม่
00:12:42 → 00:12:45 ค่อยมีคนไหนที่ลงไปหาสาเหตุได้ครบจริงๆ
00:12:45 → 00:12:49 เท่าที่ควรนะครับแล้วก็อาจจะไม่พลาดการ
00:12:49 → 00:12:51 วินิจฉัยสึกสามารถที่จะช่วยเหลือคนไข้ได้
00:12:51 → 00:12:56 เยอะพอสมควรนะฮะเพราะว่าหลายคนพอไม่ได้ทำ
00:12:56 → 00:12:59 งานทางด้านนี้นานๆเนี่ยสิ่งและที่หายไป
00:12:59 → 00:13:02 เลยก็คืออย่าคิดนะครับกับความเคยชินสมมติ
00:13:02 → 00:13:04 ว่าถ้าผมเป็นหมอสมองนะครับไอ้เรื่องพวก
00:13:04 → 00:13:07 นี้ทั้งหมดอยู่ในหัวผมหมดเลยมาถึงคนไข้
00:13:07 → 00:13:09 เป็นนกกระยางใช่ไหมเราทำ 1 2 3 4 แล้ว
00:13:09 → 00:13:12 ก็ไปตรวจงดต่อเพื่อที่จะหาสาเหตุให้ชัด 7
00:13:12 → 00:13:14 แต่ผมไม่ใช่เหมาะสมองซึ่งผมก็ไม่ใช่นะ
00:13:14 → 00:13:17 ครับผมจะทำยังไงให้ไปถึงการวิสัยพวกนั้น
00:13:17 → 00:13:19 ได้ผมก็ต้องใช้อาศัยวิธีในการคิดที่เมื่อ
00:13:19 → 00:13:22 กี้ปกคิดนั่นแหละครับแล้วเนี่ยถึงเป็น
00:13:22 → 00:13:24 เหตุผลที่ว่าทำไมในโรงเรียนธาตุบางครั้ง
00:13:24 → 00:13:27 เข้าเค้กอยากมาถามนักเรียนแพทย์เขาไม่
00:13:27 → 00:13:29 ต้องการจะนำเพียงแค่จำได้ทุกอย่างนะครับ
00:13:29 → 00:13:32 เขาต้องการให้รู้ว่าเธอเวลาที่จะคิดเนี่ย
00:13:32 → 00:13:37 ต้องคิดยังไงเพื่อไปถึงถึงในจุดที่ตอบได้
00:13:37 → 00:13:40 ว่าคนนั้นเป็นโรคอะไรนะครับเราไม่ได้จำ
00:13:40 → 00:13:41 ได้ทุกโรคนะครับเพราะบางครั้งเราก็ไปเจอ
00:13:41 → 00:13:43 อะไรที่เราไม่เคยเรียนมาก่อนแล้วก็ต้องมี
00:13:43 → 00:13:46 วิธีในการคิดหรือทางการแพทย์เราจะเรียก
00:13:46 → 00:13:50 ว่าเป็นวิธีการแคปโพสปัญหาต่างๆนะครับว่า
00:13:50 → 00:13:53 เออเราจะทำยังไงให้มันไปถึงจุดที่เรา
00:13:53 → 00:13:55 วินิจฉัยวิเคราะห์โรคได้ว่าเป็นอะไรและ
00:13:55 → 00:13:58 เราถึงจะแก้ไขได้นะครับไม่ใช่บอกว่ามัน
00:13:58 → 00:14:02 เป็นอะไรก็ไม่รู้นะคือบางทีเราก็มาขยายผล
00:14:02 → 00:14:06 ที่ที่มันมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลในทางด้าน
00:14:06 → 00:14:09 การแพทย์แต่ว่าอาจจะไปทำให้คนทั่วไปเข้า
00:14:09 → 00:14:11 ใจไม่ถูกต้องได้นะครับงั้นเรื่องนี้ผมก็
00:14:11 → 00:14:14 เลยอยากจะเอามาเล่าให้ฟังนะครับในขณะที่
00:14:14 → 00:14:16 ผมก็เคยเจอไอ้เรื่องพวกนี้มาเหมือนกันนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับแล้วก็วิเคราะห์แล้วก็เป็นสืบหาจนได้
00:14:19 → 00:14:22 นะครับแต่ว่าก็ต้องบอกว่าอย่างหนึ่งคือ
00:14:22 → 00:14:25 บางครั้งต่อให้เราตรวจหามันหมดทุกอย่าง
00:14:25 → 00:14:28 แล้วมันก็จะมีบางเคสซึ่งตอบได้เหมือนกัน
00:14:28 → 00:14:30 ว่าทำไมมันเกิดขึ้นมีเหมือนกันนะครับไม่
00:14:31 → 00:14:33 ใช่ว่าไม่มีนะฮะแต่ว่าอย่างไรก็ตามเราควร
00:14:33 → 00:14:36 จะต้องพยายามตอบคำถามให้มากที่สุดเท่าที่
00:14:36 → 00:14:39 เราจะทำได้เตือนหาทุกอย่างเท่าที่เราจำ
00:14:39 → 00:14:44 ได้นะครับนั้น Case แบบนี้สรุปได้ว่าถ้า
00:14:44 → 00:14:46 อายุน้อยเปลี่ยนตัวเป็นละอย่างแล้วก็ไม่
00:14:46 → 00:14:50 ได้ดื่มเฉพาะน้ำไม่ไม่ลืมน้ำปลาอย่างนี้
00:14:50 → 00:14:52 ดื่มน้ำทุกอย่างที่มันไม่ใช่น้ำเปล่าครับ
00:14:52 → 00:14:54 ถามว่าเกิดโฟล์คได้มั้ยส่วนตัวผมนะครับ
00:14:54 → 00:14:57 คิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกันครับไม่ไม่ได้จะ
00:14:57 → 00:14:59 เกิดได้น่าจะเป็นเหตุผลอื่นซะมากกว่าตาม
00:14:59 → 00:15:01 ที่เราไปอ่าโอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับ
00:15:01 → 00:15:05 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ