00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice ธรรมชาติมนุษย์มันเป็นสิ่งมีชีวิต
00:00:08 → 00:00:10 ที่อยากรู้อยากเห็นนะครับอยากรู้อยากมี
00:00:10 → 00:00:12 ซีนอยากเข้ามามีส่วนร่วมไม่อยากโง่ไม่
00:00:12 → 00:00:14 อยากตกยุคอะไรก็แล้วแต่มันเลยพาตัวเองไป
00:00:14 → 00:00:16 อยู่ในจุดที่มันทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยที่
00:00:16 → 00:00:19 ไม่ทันได้นึกถึงความมีจริยธรรมกับเพื่อ
00:00:19 → 00:00:21 มนุษย์หรือแม้กระทั่งคนที่โอเคไม่ได้เป็น
00:00:21 → 00:00:23 สำนักสื่อก็ได้เป็นคนที่ Report รายงาน
00:00:23 → 00:00:26 ข่าวที่แบบอิสระมีมือถือตัวนึงมีโซเชียล
00:00:26 → 00:00:28 Media ตัวเองแล้วก็ไลฟ์อย่างเงี้ยครับ
00:00:28 → 00:00:30 เออบางทีเขาต้องการได้ซีนอ่ะต้องการมี
00:00:30 → 00:00:32 พื้นที่ที่ตัวเองจะมีตัวตนหรือรู้สึกว่า
00:00:32 → 00:00:34 ตัวเองสำคัญพออยากรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ
00:00:34 → 00:00:36 ปั๊บก็เลยต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียก
00:00:36 → 00:00:39 ร้องให้คนมาสนใจแล้วก็ใช้เหตุการณ์เนี้ย
00:00:39 → 00:00:41 เป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองอัตตาตัวเอง
00:00:41 → 00:00:43 ฉันอยากรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกระแสและฉัน
00:00:43 → 00:00:45 รู้สึกดีจังเลยที่มีคนมากดไลก์มาแสดงความ
00:00:45 → 00:00:49 คิดเห็นชันไกลเป็นคนที่อยู่ในสปอตไลท์อื
00:00:49 → 00:00:52 มีคนติดตามมีคนรอข่าวบางอย่างจากฉัน
00:00:52 → 00:00:54 อัตตรามันโตอ่ะครับพออัตตราโตปั๊บตัวมัน
00:00:54 → 00:00:58 ก็ยิ่งใหญ่บดจนบดบังหัวใจคนอื่นบางทีมัน
00:00:58 → 00:01:01 เลยทำให้คุณค่าความเป็นคนของเขาก็หายไปนะ
00:01:01 → 00:01:05 ครับฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:01:05 → 00:01:08 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:01:08 → 00:01:11 ค่ะ This Is Toy PBS
00:01:11 → 00:01:14 podcast สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับ
00:01:14 → 00:01:17 เข้าสู่รายการโรงหมอทางไทย PBS podcast
00:01:17 → 00:01:19 ค่ะวันนี้เรามาพบกันเพื่อพูดคุยกันใน
00:01:19 → 00:01:22 เรื่องนี้นะคะเรื่องของการถ้ามีการสูญ
00:01:22 → 00:01:26 เสียใดๆเกิดขึ้นเนี่ยนะคะเราจะเอ่อยังไง
00:01:26 → 00:01:29 กันต่อดีมันแน่นอนมันมีแผลใจเกิดขึ้นแหละ
00:01:29 → 00:01:33 มันมันมีสิ่งที่มันสร้างสิ่งที่เรียกว่า
00:01:33 → 00:01:35 เราอาจจะปรับตัวกันไม่ได้ด้วยซ้ำไปอ่ะนะ
00:01:35 → 00:01:38 คะแล้วก็รวมไปถึงเรื่องของข่าวสารต่างๆ
00:01:38 → 00:01:41 ที่เราก็เห็นอยู่ในทุกๆวันนี้นะคะเราจะดู
00:01:41 → 00:01:43 ยังไงให้เรารู้สึกว่ามันไม่เครียดไปกับ
00:01:43 → 00:01:45 สิ่งที่เราเสพข่าวกันนะคะเดี๋ยววันนี้เรา
00:01:45 → 00:01:47 คุยกับดรสุวุฒิวงษ์ทางสวัสดิ์นัก
00:01:47 → 00:01:50 จิตวิทยาการปรึกษาหรือคุณเอิ้นค่ะสวัสดี
00:01:50 → 00:01:52 ค่ะสวัสดีครับคุณรีสวัสดีครับคุณผู้ฟัง
00:01:52 → 00:01:55 ค่ะคุณเอิ้นขาเอาแหละในภาวะที่เราเกิด
00:01:55 → 00:01:57 ความสูญเสียละมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
00:01:57 → 00:02:01 อะไรแบบนี้เนี่ยแน่นอนว่ามันจะเกิดแผลใจ
00:02:01 → 00:02:05 กับคนๆนั้นแน่นอนที่เผชิญกับสถานการณ์เรา
00:02:05 → 00:02:08 อยากจะให้แยกเป็นพารทของเอ่อสิ่งที่คนที่
00:02:08 → 00:02:12 สูญเสียเนี่ยสมมุติว่าในเชิงของแง่ของ
00:02:12 → 00:02:15 ความเป็นครอบครัวใช่มั้ยคะแล้วก็ในเชิง
00:02:15 → 00:02:17 ของเรื่องของความเป็นคนในครอบครัวด้วย
00:02:17 → 00:02:20 เนี่ยอาอย่างหนคนในครอบครัวอันนี้ดิฉันจะ
00:02:20 → 00:02:23 ขอพูดถึงความเป็นพ่อแม่ลูกในบทบาทแบบนี้
00:02:23 → 00:02:27 นะคะเราก็อาจจะไม่ได้แบบพูดในวงกว้างนะ
00:02:27 → 00:02:29 แต่ว่าในความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้วมัน
00:02:29 → 00:02:32 เกิดขึ้นขึ้นแล้วครับอตรงเนี้ยมันสร้าง
00:02:32 → 00:02:36 แผลใจให้กับคนที่ยังอยู่แน่นอนแน่นอนแน่
00:02:36 → 00:02:40 นอนครับทีนี้ต้องบอกว่าเอ่อตะกี้พอพูดถึง
00:02:40 → 00:02:43 พ่อแม่ลูกเงี้ยครับแต่ละคนก็จะมีมุมมอง
00:02:43 → 00:02:45 ต่อความสูญเสียไม่เหมือนกันอืลูกในฐานะ
00:02:45 → 00:02:48 ที่เผชิญกับการสูญเสียหรือเจอเหตุระทึก
00:02:48 → 00:02:52 ขวัญบางอย่างค่ะในมุมเด็กก็จะมีมิติทาง
00:02:52 → 00:02:54 จิตใจที่สร้างบาดแผลให้ให้เด็กคนนั้น
00:02:54 → 00:02:57 เหมือนกันอืถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะมีมิติ
00:02:57 → 00:03:00 ของบาดแผลอีกแบบนึงเหมือนกันถ้าถ้าเกิด
00:03:00 → 00:03:01 สวนเสียแค่ลูกคนเดียวอย่าเงี้ยครับสมมุติ
00:03:01 → 00:03:04 คู่สามีภรรยาสวนเสียแค่ลูกอย่าเงี้ยครับ
00:03:04 → 00:03:07 ก็มีแผลใจเกิดขึ้นแน่ๆแหละในบรรดาสามี
00:03:07 → 00:03:10 ภรรยาค่ะแต่สำหรับบางคนโชคร้ายเนาะเรียก
00:03:10 → 00:03:13 ว่าเสียคู่ครองไปด้วยแล้วก็เสียลูกไปด้วย
00:03:13 → 00:03:15 ค่ะและเหลือตัวเองเพียงลำพังแผลใจก็จะ
00:03:15 → 00:03:17 เป็นอีกแบบนึงที่มันลึกขึ้นไปอีกเฮ้ย
00:03:17 → 00:03:19 อย่างเงี้ยครับเพราะงั้นเมื่อเราเมื่อเรา
00:03:19 → 00:03:21 พูดถึงเหตุการณ์ของการสูญเสียหรือเหตุ
00:03:21 → 00:03:23 การณ์ระทึกขวัญหรือเหตุการณ์ที่มันเลว
00:03:23 → 00:03:25 ร้ายอย่างเงี้ยฮะกับชีวิตเราแผลเกิดขึ้น
00:03:25 → 00:03:29 แน่นอนอือแล้วการไปต่อจากแผลนั้นเนี่ย
00:03:29 → 00:03:32 อย่างเงี้ยครับมันจะยากแล้วอ่ะมันจะมี
00:03:32 → 00:03:34 ความยากและมันย่อมทิ้งร่องรอยอะไรบาง
00:03:34 → 00:03:37 อย่างไว้ในใจเสมอการก้าวผ่านก็ไม่ใช่
00:03:37 → 00:03:39 เรื่องง่ายอือนะครับเพราะงั้นพวกเมันก็จะ
00:03:39 → 00:03:41 มีคำทางจิตวิทยาเรียกว่า Post traumatic
00:03:41 → 00:03:44 stress disorder หรือว่า ptsd ครับเป็น
00:03:44 → 00:03:47 เป็นภาวะของความเครียดภาวะของความวิตก
00:03:47 → 00:03:49 กังวลภาวะของการคล้ายๆแพนิคหรือว่าใช้
00:03:49 → 00:03:51 ชีวิตได้ยากมากหลังจากที่เราเจอเหตุการณ์
00:03:51 → 00:03:54 สะเทือนขวัญสะเทือนใจบางอย่างซึ่งเหตุ
00:03:54 → 00:03:56 การณ์การสวนเสียนี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งนั้น
00:03:56 → 00:04:00 ด้วยในทุกๆวันเรามีเอยู่ไงอืมใช่ครับไม่
00:04:00 → 00:04:03 ไม่มีแล้วอ่ะจากคนอื่นมากระทำด้วยไงครับ
00:04:03 → 00:04:06 ใช่มันไม่ได้เกิดจากใดๆที่ที่จากตัวเรา
00:04:06 → 00:04:08 ใช่มั้ยล่ะมันมันก็จะอีกมุมนึงเนาะแต่อัน
00:04:08 → 00:04:12 นี้มันคือคนอื่นใครก็ไม่รู้อ่ะมากระทำกับ
00:04:12 → 00:04:15 ครอบครัวของเราใช่ครับเป็นความเจ็บแค้น
00:04:15 → 00:04:18 เป็นความเจ็บใจคนบางคนก็คล้ายๆเติบโตจาก
00:04:18 → 00:04:20 แบบแผล่นั้นเป็นความรู้สึกโกรธแค้นจริงง
00:04:20 → 00:04:23 ชังค่ะเนาะทีนี้พอโกรธแค้นจริงชังมันก็จะ
00:04:23 → 00:04:26 มีอาการที่หลังจากนั้นหลายแบบคนบางคนก็
00:04:26 → 00:04:29 กลุกอยู่กับตัวเองรู้สึกสิ้นหวังกับชี
00:04:29 → 00:04:32 ชีวิตอืคนบางคนอาจจะเปลี่ยนไปในทางบวกคือ
00:04:32 → 00:04:34 กลายเป็นนักรณรงค์ก็มีค่ะแล้วคนบางคนก็
00:04:34 → 00:04:37 เปลี่ยนจากจุดที่เป็นแบบผู้ถูกกระทำเช่น
00:04:37 → 00:04:40 เอ่อเอ่อคนในครอบครัวอาจจะถูกลอบสังหาร
00:04:41 → 00:04:43 หรืออาจจะถูกทำร้ายอะไรแล้วแต่เเกิดความ
00:04:43 → 00:04:46 กดแค้นเจ็บใจเขาอาจจะลุกขึ้นมาเป็นนัก
00:04:46 → 00:04:49 รณรงค์เป็นนักปฏิวัติหรือเป็นคนที่ลุก
00:04:49 → 00:04:51 ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับสเพื่อต่อสู้และ
00:04:51 → 00:04:54 เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในสังคมเคก็ผัน
00:04:54 → 00:04:56 ความโกรธแค้นความเจ็บใจความแล้นแค้นของ
00:04:56 → 00:04:58 เขาเนี่ยยมาเป็นพลังทางบวกที่จะช่วยเกื้อ
00:04:58 → 00:05:00 กูลให้สังคมอยู่ได้ดีขึ้นเพราะเขาจะรู้
00:05:00 → 00:05:03 สึกว่าไม่ควรมีใครที่ต้องเผชิญสิ่งนี้และ
00:05:03 → 00:05:06 มีบางสิ่งที่ควรจะต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อ
00:05:06 → 00:05:08 ให้ไม่ต้องมีผู้คอไลฟ์แบบเขาอีกออย่าง
00:05:08 → 00:05:10 เงี้ยครับมันถึงมันจะรู้สึกถึงความไม่
00:05:10 → 00:05:12 เป็นธรรมความรู้สึกของความไม่ถูกต้องที่
00:05:12 → 00:05:15 ทุกวันเนี้ยมันมีระบบหลายๆอย่างเนาะที่
00:05:15 → 00:05:17 ไม่ได้ถูกวางให้ดีหรือแม้กระทั่งไม่ได้
00:05:17 → 00:05:19 ถูกคิดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและเสรีภาพ
00:05:19 → 00:05:21 ของคนในสังคมมันเลยกลายเป็นปัญหาที่มัน
00:05:21 → 00:05:24 เกิดขึ้นในตามข่าวที่เราได้ยินประจำเนาะ
00:05:24 → 00:05:27 บางทีมีเรื่องของแบบคลั่งหลอนยาบ้างยาเสพ
00:05:27 → 00:05:29 ติดบ้างหรือระบบอะไรที่ไม่เป็นธรมแล้วมัน
00:05:29 → 00:05:32 ก็กลายเป็นการก่อการร้ายขึ้นมาออย่าง
00:05:32 → 00:05:34 เงี้ยฮะบางคนก็โตขึ้นมาแบบนั้นค่ะแต่
00:05:34 → 00:05:37 สำหรับในมุมเด็กเนาะต้องบอกว่าในมุมเด็ก
00:05:37 → 00:05:40 ก็มีมุมเด็กที่เรียกว่าอยู่ในเหตุการณ์
00:05:40 → 00:05:43 นั้นเองอ่าใช่และรอดชีวิตมาได้ทีนี้ก็
00:05:43 → 00:05:46 ต้องดูว่าเด็กคนนั้นน่ะครับเขาจดจำได้มย
00:05:46 → 00:05:48 ด้วยด้วยเเรียกว่าอายุของเขาด้วยวัยของ
00:05:48 → 00:05:52 เขาใช่วัยที่เขายังจดจำได้หรือเปล่าอืแต่
00:05:52 → 00:05:54 ถ้าเขาอยู่ในวัยที่จดจำได้และเขาอยู่ใน
00:05:54 → 00:05:56 เหตุการณ์นั้นแล้วภาพสิ่งนั้นมันเกิดขึ้น
00:05:56 → 00:05:59 กับสายตาเขาเลยเขาอยู่ในสถานการณ์ตรงนั้น
00:05:59 → 00:06:01 เลยอะไอย่างเงี้ยครับแน่นอนมันจะต้องมี
00:06:01 → 00:06:04 บาดแผลในใจแน่นอนอืและเกิดเป็นภาพจำที่
00:06:04 → 00:06:07 รู้สึกกลัวค่ะกลัวสังคมหรือแม้กระทั่งมี
00:06:07 → 00:06:09 อะไรสักอย่างที่เป็นเหตุการณ์คนแปลกหน้า
00:06:09 → 00:06:12 เข้ามาอาจจะกลายเป็นคนกลัวแปลกกลัวคนแปลก
00:06:12 → 00:06:14 หน้าไปเลยก็ได้หรือถ้ามีเสียงดังเสียง
00:06:14 → 00:06:17 ระเบิดอะไรเงี้ยฮะเค้าก็อาจจะเกิดเกิดการ
00:06:17 → 00:06:20 แพนิคขึ้นมาผวาผนั่นคือแผล่ใจที่เกิดขึ้น
00:06:21 → 00:06:23 มันมีหลายเหตุการณ์มากจริงๆนะที่ที่ไป
00:06:23 → 00:06:25 เกี่ยวข้องกับเด็กโดยที่อ่าเขาเผชิญ
00:06:25 → 00:06:29 สถานการณ์นั้นจริงๆเด็กที่โตพอที่จะรับ
00:06:29 → 00:06:31 รู้เรื่องราวอันนี้ก็น่าเป็นห่วงเมากจริง
00:06:31 → 00:06:34 ๆเออกับเด็กที่เล็กลงมาหน่อยอาจจะหลายคน
00:06:35 → 00:06:38 อาจจะว่าเอ้ยเไม่น่าจะจำอะไจำอะไรได้แต่
00:06:38 → 00:06:42 เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆในเวลานั้นน่ะภาพ
00:06:42 → 00:06:44 ที่เขาเห็นหรือความเข้าใจของเขาอ่ะมัน
00:06:44 → 00:06:49 อยู่ในระดับไหนอืเด็กบางคนเขาก็เอ่อมีมี
00:06:49 → 00:06:51 ความฉลาดนะเคเห็นแล้วเหรือหรือหรือเขาจำ
00:06:51 → 00:06:54 หรือเรู้เลยว่านี่คืออะไรใช่ใช่ครับก็มี
00:06:54 → 00:06:56 ใช่เพราะว่าเ้าทุกวันนี้เราดูข่าวเนี่ย
00:06:56 → 00:06:58 มันมีแต่ข่าวพวกเนี้ยเต็มไปหมดอยู่แล้ว
00:06:58 → 00:07:00 อ่ะอใช่ครับเพราะต่อให้ไม่ต้องจดจำด้วย
00:07:01 → 00:07:04 สมองเนาะแต่ด้วยสัชญานะครับสัชญามันจะบอก
00:07:04 → 00:07:06 เลยว่าสิ่งเกำลังเป็นภัยคุกคามตัวเขาอยู่
00:07:06 → 00:07:09 อืเพราะงั้นต่อให้ไม่ต้องจดจำด้วยสมอง
00:07:09 → 00:07:11 สมองไม่ต้องตีความอะไรมากแต่ด้วยบรรยากาศ
00:07:11 → 00:07:14 ของแรงกดดันหรือความรู้สึกไม่มั่นคงตรง
00:07:14 → 00:07:16 เนี้ยคือสัญชตยาที่ติดตัวสิ่งมีชีวิตทุก
00:07:16 → 00:07:19 ชนิดนะครับหรือแม้กระทั่งการที่มีคนเข้า
00:07:19 → 00:07:22 ไปพูดคุยอ่าหรือว่าเอาแหละเป็นห่วงเด็ก
00:07:22 → 00:07:25 อ่ะเนาะเข้าใจตรงนี้เราเราไม่ว่ากันแต่
00:07:25 → 00:07:28 ว่าการเข้าไปคุยเนี่ยหรือการเข้าไปถาม
00:07:28 → 00:07:31 เนี่ยมันอาจจะทำให้เด็กแบบยิ่งแย่กว่า
00:07:31 → 00:07:34 เดิมก็ได้ใช่ใช่ครับเพราะงั้นอย่างที่เรา
00:07:34 → 00:07:36 พูดมาเสมอเลยว่าเวลาที่เราอยากจะเข้าไป
00:07:36 → 00:07:39 ซัพพอร์ตหรือเข้าไปพูดคุยอะไรสักอย่างกับ
00:07:39 → 00:07:41 คนที่ได้รับผลกระทบเนี่ยครับเราจำเป็นมาก
00:07:41 → 00:07:44 ที่ต้องสังเกตว่านั่นใช่จังหวะหรือเปล่า
00:07:44 → 00:07:47 อืใช่การเวลาที่เหมาะสมมั้ยค่ะใช่จังหวะ
00:07:47 → 00:07:50 บริบทที่เหมาะสมจะเข้าไปคุยมั้ยเพราะถ้า
00:07:50 → 00:07:52 มันไม่ใช่เราไม่ควรเข้าเราควรปล่อยไว้เฉย
00:07:52 → 00:07:54 ๆก่อนแต่ถ้าเราเห็นว่าเฮ้ยจังหวะเนี้ยถ้า
00:07:54 → 00:07:57 ไม่เข้าไปถามไปคุยน่าจะเป็นอะไรบางอย่าง
00:07:57 → 00:07:59 ที่เก็บวนไว้ในใจแล้วเป็นผลเสียมากกว่า
00:07:59 → 00:08:02 ค่ะเราสามารถเข้าได้เหมือนกับว่าถ้าถ้า
00:08:02 → 00:08:05 ยังเป็นเด็กเล็กๆเลยอย่างเงี้ยเราเราดู
00:08:05 → 00:08:09 สถานการณ์โดยองค์รวมก่อนมยว่าเออเค้ายัง
00:08:09 → 00:08:12 คงที่จะร่าเริงอยู่มั้ยหรือเขาคเป็นอ่า
00:08:12 → 00:08:14 ต้องดูบุคลิกเดิมของเขาด้วยเนาะว่าเค้า
00:08:14 → 00:08:16 เป็นคนนิ่งๆเฉยๆหรือเปล่าหรือว่าเคเป็นคน
00:08:16 → 00:08:20 ที่แบบออมีความร่าเริงหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:08:20 → 00:08:24 ไม่ได้เป็นเด็กเฉยๆนิ่งๆก็ต้องดูด้วยว่าณ
00:08:24 → 00:08:26 เวลานั้นที่มันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้ว
00:08:26 → 00:08:27 เนี่ยแล้วเเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นเพิ่ง
00:08:27 → 00:08:31 ผ่านมาหมาดๆเลยอย่างเงี้ยครับเค้าบุคลิก
00:08:31 → 00:08:33 มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือเปล่าอ่าครับ
00:08:33 → 00:08:35 ต้องดูตรงนั้นด้วยเนาะใช่ครับเพราะถ้าเค
00:08:35 → 00:08:38 ไม่เปลี่ยนแล้วเดูสดใสดีโดยที่เราสังเกต
00:08:38 → 00:08:40 ได้ว่าเาดูสดใสเหมือนคนไม่เคยเจออะไรอื
00:08:40 → 00:08:43 บางทีพวกนี้เราอาจจะปล่อยวางๆไว้ก่อนก็
00:08:43 → 00:08:45 ได้ไม่ต้องรีบเข้าไปแบบว่าเนี่ยหนูเพิ่ง
00:08:45 → 00:08:48 ผ่านหนูรู้หนูจำได้มั้ยหนูรู้สึกอะไรมย
00:08:48 → 00:08:50 ตอนนั้นหรืองี้ไม่ไม่ต้องเนาะใช่ครับ
00:08:50 → 00:08:52 เพราะจากเดิมที่ว่าเด็กบางคนอาจจะไม่รู้
00:08:52 → 00:08:55 สึกก็กลายเป็นถูกถามให้รู้สึกก็มีก็จะงงๆ
00:08:55 → 00:08:57 แล้วหรือหรือต้องบอกว่าเด็กบางคนจริงๆรู้
00:08:58 → 00:09:00 สึกแต่ณจังหวะนนั้นเหมือนที่ผมเล่าเคย
00:09:00 → 00:09:03 เล่าให้ฟังว่ามันมีกลไกการป้องกันตัวอื
00:09:03 → 00:09:06 เพื่อไม่ให้จิตใจแหลกสลายไปเด็กอาจจะใช้
00:09:06 → 00:09:08 กำลังกำลังใช้กลไกในการหลีกเลี่ยงที่จะ
00:09:08 → 00:09:11 รับรู้ค่ะหรือหลบหลีกความเป็นจริงอยู่ก็
00:09:11 → 00:09:13 ได้เพื่อที่จะถนอมใจเขาไว้ก่อนอเพราะงั้น
00:09:13 → 00:09:16 ถ้าเราดูทรงแล้วแบบไม่แน่ใจเงี้ยฮะเรา
00:09:16 → 00:09:19 อย่าเข้าไปบุมบ่ามที่ไปเปิดไปเปิดกล่อง
00:09:19 → 00:09:20 อะไรบางอย่างหรือไปเปิดแผลบางอย่างที่ไม่
00:09:20 → 00:09:23 ควรไปเปิดค่ะนะครับทำนิ่งๆแล้วดูสาารไป
00:09:23 → 00:09:25 ก่อนจนกว่าเราจะเห็นว่าเหตุการณ์เนี้ย
00:09:25 → 00:09:28 ผ่านมาสักระยะเวลานึงแลถ้าเรารู้สึกว่า
00:09:28 → 00:09:30 มันมีความติดค้างบางอย่างว่าเอ้ยพอเรา
00:09:30 → 00:09:32 สังเกตเด็กคนนี้เนี่ยดูเหมือนจะมีความ
00:09:33 → 00:09:36 เฮฮาบางช่วงเวลาแต่บางช่วงเวลามันดูเศร้า
00:09:36 → 00:09:38 ซึมไปเลยอืมันมันแบบพลิกมันพลิกอย่าง
00:09:39 → 00:09:41 เงี้ยครับมันมีการเก็บตัวมันมีแววตาที่
00:09:41 → 00:09:43 หม่นหมองบางทีพวกนี้อาจจะเป็นช่องที่เรา
00:09:43 → 00:09:45 เริ่มเห็นแล้วว่าเฮ้ยจริงๆแล้วเด็กคน
00:09:45 → 00:09:48 เนี้ยมีอะไรบางอย่างที่เก็บไว้ในใจแต่
00:09:48 → 00:09:50 เพียงแค่ว่าจุดไหนที่เด็กคนเพร้อมจะพูด
00:09:50 → 00:09:52 คุยผมว่าตอนเนี้เป็นเรื่องที่เราบอกยากนะ
00:09:52 → 00:09:54 เพราะว่ามันไม่สามารถกำหนดด้วยระยะเวลา
00:09:54 → 00:09:56 ได้ค่ะแต่มันต้องกำหนดด้วยการที่เราเห็น
00:09:56 → 00:10:00 ว่าเด็กคนนี้โตพอที่จะคุยเด็กคนนี้มีท่า
00:10:00 → 00:10:03 ทีของการที่อาจจะพูดถึงความจริงบ้างพูด
00:10:03 → 00:10:05 ถึงความเศร้าโดยที่เผชิญหน้ากับความเศร้า
00:10:05 → 00:10:07 ได้โดยที่ไม่ได้หลบไม่ได้หลบเลี่ยง
00:10:07 → 00:10:09 อันเนี้ยอาจจะหมายถึงจุดที่เขาพร้อมแล้ว
00:10:09 → 00:10:12 โตพอที่จะคุยแล้วเงี้ยฮะอืแต่ถ้าดูทรงเรา
00:10:12 → 00:10:14 ไม่ดีก็อย่าเพิ่งไปแตะผมว่าอันเนี้ยถ้า
00:10:14 → 00:10:17 เราไม่มั่นใจอย่าแตะดีกว่าค่ะเพราะมัน
00:10:17 → 00:10:18 เป็นความเสี่ยงเนาเหมือนที่ผมบอกว่าถ้าคน
00:10:19 → 00:10:21 บางคนกำลังใช้กลไกป้องกันตัวเพื่อรักษาใจ
00:10:21 → 00:10:24 เาแล้วเราเนี่ยครับไปผ่าตรงนั้นขึ้นมา
00:10:24 → 00:10:26 ปึ๊บมันกลายเป็นว่าจากเดิมที่เขาควรจะได้
00:10:26 → 00:10:29 มีระยะเวลาในการค่อยๆค่อยๆยยอมรับความ
00:10:29 → 00:10:32 จริงมันกลายเป็นถูกทำให้ระยะเวลามัน
00:10:32 → 00:10:35 กระชั้นลงไปอีกมันมันแคบลงไปอีกอมันเร็ว
00:10:35 → 00:10:37 เกินกว่าที่เขาจะต้อนรับความจริงชุดนี้
00:10:37 → 00:10:39 ได้อาจจะเป็นเราเองนี่แทำให้เขาเกิดบาด
00:10:39 → 00:10:41 แผนในใจที่มันหนักขึ้นไปอีกอครับค่ะเพราะ
00:10:41 → 00:10:44 ว่าอย่างอันเนี้ยเอาจริงๆที่เคยติดตามดู
00:10:44 → 00:10:47 ข่าวดูอะไรอย่างเงี้ยนะมันก็จะมีคนที่เข
00:10:47 → 00:10:49 ไปสอบถามเพราะว่าเเเป็นคนเผชิญเหตุการณ์
00:10:49 → 00:10:51 ตรงนั้นเคก็อ่ะถ้าโตพอที่จะเล่าได้อ่ะมัน
00:10:51 → 00:10:54 ก็มีผู้ใหญ่ไปถามนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น
00:10:54 → 00:10:55 หรืออะไรอย่างเงี้ยแล้วเด็กต้องมานั่ง
00:10:55 → 00:10:58 เล่าอ่ะใช่ซึ่งซึ่งไอ้การเล่าเนี่ยฮะต้อง
00:10:58 → 00:11:00 บอกว่าการเล่ามันเหมือนการย้อนกลับไปเจอ
00:11:00 → 00:11:03 เหตุการณ์นั้นอีกรอบซ้ำทีเนี้ยการเล่าอ่ะ
00:11:03 → 00:11:07 คำถามคือเล่ากี่รอบเอเล่ากี่รอบซึ่งทุก
00:11:07 → 00:11:10 วันเนี้ยครับต้องบอกว่าวงการสื่อสารมวลชน
00:11:10 → 00:11:12 ก็มีปัญหานะเพราะมันมีการแข่งขันสูงผมก็
00:11:12 → 00:11:15 เข้าใจดีว่าตอนเนี้ยในวงการสื่อสารมวลชน
00:11:15 → 00:11:17 มีการแข่งขันกันมากค่ะและมันมีเรื่องของ
00:11:17 → 00:11:20 เงินทุนเรื่องของงบประมาณเรื่องของการดึง
00:11:20 → 00:11:22 เรตติ้งอ่าใช่ทุกช่องแข่งขันจะต้องการ
00:11:22 → 00:11:25 ข่าวที่พิเศษมากกว่าช่องอื่นเพื่อล้มคู่
00:11:25 → 00:11:28 แข่งหรือดึงความสนใจจากคู่แข่งได้มันเลย
00:11:28 → 00:11:31 ทำให้นักข่าวบางท่านเนาะเรียกว่าหลงลืม
00:11:31 → 00:11:33 สิ่งที่เรียกว่าจรรยาบรรณเ่ะค่ะเออหรือ
00:11:33 → 00:11:36 จริยธรรมวิชาชีพมองมองแต่เรื่องผล
00:11:36 → 00:11:38 ประโยชน์หรือสิ่งที่ตัวเองปรารถนาจะต้อง
00:11:38 → 00:11:40 ทำให้ปิดปิดจ๊อบให้ได้ค่ะจนลืมความเป็น
00:11:41 → 00:11:43 เพื่อมนุษย์ไปผมว่าทุกวันเนี้ยมีหลายที่
00:11:43 → 00:11:46 ที่เขาออกมาเรียกร้องนะว่าอย่าส่งภาพต่อ
00:11:46 → 00:11:49 อย่าไปถามซ้ำอย่าไปถามคำถามแบบนั้นว่าคุณ
00:11:49 → 00:11:53 รู้สึกยังไงเ้าแบบเด็กเจอแบบนี้ต้องรู้
00:11:53 → 00:11:56 สึกยังไงอ่ะอือหรือแบบเราเสียลูกต้องรู้
00:11:56 → 00:11:58 สึกยังไงอ่ะเออแล้วใครจะมาบอกดีใจอย่าง
00:11:58 → 00:12:01 เงี้เหรอมันก็ไม่ใช่ป่ะมันคือคำตอบมัน
00:12:01 → 00:12:03 เป็นแบบเอเหมือนว่าถ้าเราเห็นตามภาพเนาะ
00:12:03 → 00:12:06 เอาไมค์จ่อไม่พอเออกล้องซูมด้วยกล้องซูม
00:12:06 → 00:12:09 ด้วยเห็นแววตาอ่าแล้วภาพนั้นจะเป็นภาพที่
00:12:09 → 00:12:11 อยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตไปทั้งชีวิตของคน
00:12:11 → 00:12:13 นั้นนครับแล้วคำถามคือนักข่าวอยู่ไหนนัก
00:12:13 → 00:12:16 ข่าวก็เสร็จจ๊อบได้ภาพแล้วเป็นไงเค้าก็ไป
00:12:16 → 00:12:19 ใช้ชีวิตต่อแต่แต่เราเรคคอร์ดสิ่งนี้ไว้
00:12:19 → 00:12:20 เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเาไว้แล้วใน
00:12:20 → 00:12:22 อินเทอร์เน็ตนะครับทุกครั้งที่เขาใช้
00:12:22 → 00:12:24 ชีวิตเค้าก็จะกลับมาเห็นว่ามันเคยเกิด
00:12:24 → 00:12:26 เหตุการณ์นี้ขึ้นหรือถ้าเกิดรองนึกภาพ
00:12:26 → 00:12:29 เนาะมันจะมีเค้าเรียกว่าครบรอบหนึปีเหตุ
00:12:29 → 00:12:31 การณ์นี้นั้นโน้นอย่าเงี้ยฮะมันก็จะมีการ
00:12:31 → 00:12:35 รีรันข่าวนี้ใหม่แลคำถามคือเจ้าของเรื่อง
00:12:35 → 00:12:37 หรือเหยื่อที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเมื่อ
00:12:37 → 00:12:40 ต้องมานั่งรีรันด้วยรู้สึกยังไงอ่ะอืนี่
00:12:40 → 00:12:43 คือปัญหาของการที่เอ่อวงการสื่อถ้าเกิด
00:12:43 → 00:12:46 ขาดจริยธรรมเราอาจจะเป็นเเรียกว่าเป็น
00:12:46 → 00:12:49 เป็นตัวร้ายอีกตัวนึงโดยที่เราไม่ทันรู้
00:12:49 → 00:12:51 ตัวก็ได้หรือบางทีเราอาจจะเป็นตัวร้ายโดย
00:12:51 → 00:12:53 ที่เราไม่แคร์ก็ได้ว่าเราต้องเป็นตัวร้าย
00:12:53 → 00:12:55 อเพราะเรากำลังมองเรื่องเกี่ยวกับคล้ายๆ
00:12:55 → 00:12:57 เรตติ้งหรือผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินกว่า
00:12:57 → 00:13:00 ความเป็นเพื่อนมนุษย์ค่ะต้องระวังเพราะ
00:13:00 → 00:13:01 ว่าอย่างที่บอกเนามันไม่ใช่แค่เหตุการณ์
00:13:01 → 00:13:04 เอ่ออาจจะก่อการร้ายบางครั้งเหตุการณ์ของ
00:13:04 → 00:13:06 การร่วงละเมิดทางเพศเงี้ยครับเราได้ยิน
00:13:06 → 00:13:09 เนาะว่าต้องเล่าให้ตำรวจฟังหลายรอบหรือ
00:13:09 → 00:13:12 นักข่าวมาถามซ้ำหลายรอบเจ้านี้มาถามเสร็จ
00:13:12 → 00:13:14 เดี๋ยวเจ้ามาถามต่ออย่างเงี้ยฮะหรือทุกคน
00:13:14 → 00:13:16 มารุมถามพร้อมกันแล้วกล้องก็ซูมมาที่เขา
00:13:16 → 00:13:19 พร้อมกัน 10 ตัวอย่างเงี้ยฮะ 10 จอพร้อม
00:13:19 → 00:13:23 กันนักข่าว 10 คนจ่อถามรุมถามอือเออในการ
00:13:23 → 00:13:25 เล่าอ่ะครับมันก็เหมือนต้องนึกย้อนไปว่า
00:13:25 → 00:13:27 เกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยๆเล่าเพราะงั้นในใน
00:13:27 → 00:13:30 ฐานะเหยื่อครับถึงเราถึงจะได้ยินประโยค
00:13:30 → 00:13:34 บอกว่าเหมือนถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจากจาก
00:13:34 → 00:13:36 เนี่ยสิ่งที่ต้องจากการต้องเล่าให้ตำรวจ
00:13:36 → 00:13:38 ฟังจากการต้องเล่าให้นักข่าวฟังรู้สึก
00:13:38 → 00:13:41 เหมือนถูกทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอือย่างเงี้ย
00:13:41 → 00:13:44 ครับบางคนก็ถามลึกซะระดับแบบเห็นภาพเลย
00:13:44 → 00:13:46 ว่าเกิดอะไรขึ้นชัดอะไเงี้ยโดยที่แบบไม่
00:13:46 → 00:13:48 จำเป็นเลยออฮะเออเพราะเรามัวแต่สนใจ
00:13:48 → 00:13:50 เรื่องเกี่ยวกับความเข้มข้นของข่าวมากไป
00:13:50 → 00:13:53 จนลืมหัวใจของคล้ายๆเจ้าของเรื่องอ่ะครับ
00:13:53 → 00:13:56 ลองลองถ้าเป็นตัวเองโดนบ้างคงไม่อยากเล่า
00:13:56 → 00:13:58 หรอกแต่บังเอิญว่าตัวเองไม่โดนไงอืพอไม่
00:13:58 → 00:14:00 โดนปั๊บมันก็เลยรู้สึกว่าพูดง่ายถามง่าย
00:14:00 → 00:14:03 อะไรเงี้ยอืออันนี้ต้องต้องเข้าใจสิทธิ
00:14:03 → 00:14:05 ของเด็กด้วยนะคะเค้าถึงต้องแบบเวลามีเหตุ
00:14:05 → 00:14:06 การณ์อะไรที่เกี่ยวกับเด็กต้องมี
00:14:06 → 00:14:10 สหวิชาชีพเนี่ยใช่ๆเข้าไปช่วยในการพูดคุย
00:14:10 → 00:14:12 ดูแลหรืออะไรอย่างเงี้ยหลายๆส่วนด้วยกัน
00:14:12 → 00:14:16 ไม่ใช่ว่าเราจะอาศัยความเป็นแบบวงนอกใดๆ
00:14:16 → 00:14:19 อะไรเงี้ยคือคือพูดตรงนี้เนี่ยเราไม่ได้
00:14:19 → 00:14:21 บอกว่าสื่อไม่ดีนะคะเพราะว่าตอนเเราเห็น
00:14:21 → 00:14:23 การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นแล้วนะจาก
00:14:23 → 00:14:27 หลายจากหลายๆเหตุการณ์แล้วก็เนี่ยคือตอน
00:14:27 → 00:14:30 นี้ทุกคนระวังมากขึ้นครับอีกอย่างที่ห่วง
00:14:30 → 00:14:35 ก็คือว่ามันจะมีความเป็นที่เราใช้
00:14:35 → 00:14:38 เทคโนโลยีอ่ะเราไม่ได้สังกัดอ่ะอ่าแต่ว่า
00:14:39 → 00:14:42 ส่งต่อเกระจายเลยใช่ครับเก็บภาพนู่นนี่
00:14:42 → 00:14:47 นั่นอันนี้ก็โอ้โหขอเลยขอเลยจริงๆบาง
00:14:47 → 00:14:49 เรื่องมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากจริงๆ
00:14:49 → 00:14:51 นะคะคุณผู้ฟังเราบางอย่างไม่ต้องไปเก็บ
00:14:51 → 00:14:56 ไม่ต้องไปเรคคอร์ดไปถ่ายทอดไปไลฟ์อะไรกัน
00:14:56 → 00:15:00 ขนาดนั้นหรอกนะมันกระทบกระทือในสถานการณ์
00:15:00 → 00:15:02 นั้นไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องมารายงานสด
00:15:02 → 00:15:05 ฉันเป็นนักข่าวฉันเป็นคนนำเสนอเหตุการณ์
00:15:05 → 00:15:08 ใช่ครับอย่าลืมนะว่าคนที่เขาดูหรือคนที่
00:15:08 → 00:15:12 เขาเกรียนคีย์บอร์ดเนี่ยมันมีหลายรูปแบบ
00:15:12 → 00:15:15 นะใช่ๆครับเราเลยไม่ได้ได้นึกเลยว่าตัว
00:15:15 → 00:15:17 เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่เลวร้าย
00:15:17 → 00:15:19 เหมือนกันนะใช่เนาะต้องบอกว่าธรรมชาติ
00:15:19 → 00:15:21 มนุษย์มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยากรู้อยาก
00:15:21 → 00:15:23 เห็นนะครับเอาจริงๆนะผมว่าสิ่งมีชีวิต
00:15:23 → 00:15:25 มนุษย์นี่แหละเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยากรู้
00:15:25 → 00:15:28 อยากเห็นอยากรู้อยากมีซีนอยากเข้ามามี
00:15:28 → 00:15:30 ส่วนร่วมไม่อยากโง่ไม่อยากตกยุคอะไรก็
00:15:30 → 00:15:32 แล้วแต่มันเลยพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มัน
00:15:32 → 00:15:34 ทะเล่อทะล่าเข้าไปโดยที่ไม่ทันได้นึกถึง
00:15:34 → 00:15:37 ความความมีจริยธรรมกับเพื่อมนุษย์อย่าง
00:15:37 → 00:15:39 เงี้ยครับหรือแม้กระทั่งคนที่โอเคไม่ได้
00:15:39 → 00:15:42 เป็นสำนักสื่อก็ได้เป็นคนที่ Report ราย
00:15:42 → 00:15:45 งานข่าวที่แบบอิสระนึกมีมีมือถือตัวนึงมี
00:15:45 → 00:15:47 โซเชียล Media ตัวเองแล้วก็ไลฟ์อย่าง
00:15:47 → 00:15:50 เงี้ยครับเออบางทีเขาต้องการได้ซีนน่ะ
00:15:50 → 00:15:52 ต้องการมีพื้นที่ที่ตัวเองจะมีตัวตนหรือ
00:15:52 → 00:15:55 รู้สึกว่าตัวเองสำคัญถูกมั้ยครับอ่าพอ
00:15:55 → 00:15:57 อยากรู้สึกว่าตัวเองสำคัญปั๊บก็เลยต้องทำ
00:15:57 → 00:16:00 อะไรสักอย่างเพื่อเรียกร้องให้คนมาสนใจ
00:16:00 → 00:16:03 แล้วก็ใช้เหตุการณ์เนี้ยเป็นเครื่องมือ
00:16:03 → 00:16:05 ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองอัตตราตัว
00:16:05 → 00:16:08 เองเออมันคิดได้ฉันอยากยิ่งใหญ่ฉันอยาก
00:16:08 → 00:16:10 รู้สึกว่าสำคัญฉันอยากรู้สึกว่าตัวเอง
00:16:10 → 00:16:12 อยู่ในกระแสและฉันรู้สึกดีจังเลยที่มีคน
00:16:12 → 00:16:15 มากดไลฟ์มาแสดงความคิดเห็นฉันกลายเป็นคน
00:16:15 → 00:16:18 ที่อยู่ในสปอตไลท์อืมีคนติดตามมีคนรอข่าว
00:16:18 → 00:16:21 บางอย่างจากฉันอัตตรามันโตอ่ะครับค่ะพอ
00:16:21 → 00:16:25 อัตตราโตปั๊บตัวมันก็ยิ่งใหญ่บดจนบดบัง
00:16:25 → 00:16:27 หัวใจคนอื่นโอ้โหพดบางทีมันเลยทำให้คุณ
00:16:27 → 00:16:29 ค่าความเป็นคนของเขาคก็หหายไปครับค่อยๆ
00:16:29 → 00:16:32 หายไปตามวันเวลาที่มันเกิดขึ้นตามความถี่
00:16:32 → 00:16:35 ที่เขาทำบ่อยขึ้นคือคุณอาจจะบอกว่าไม่ได้
00:16:35 → 00:16:39 มีเจตนาแบบนั้นแต่ว่ามันมันอยู่เค้าเรียก
00:16:39 → 00:16:41 อะไรเหมือนอีกมุมนึงของมนุษย์อ่ะใช่ครับ
00:16:41 → 00:16:44 ที่มันมันมีพาร์ทแบบนี้อยู่ใช่แล้วมันจะ
00:16:44 → 00:16:46 ค่อยๆเกินกินเราเข้าไปจนลืมไปว่าเราทวน
00:16:46 → 00:16:48 กลับไปทางไหนอ่ะครับเพื่อรักษาความดีงาม
00:16:48 → 00:16:51 ของใจไว้อ่ะอือแล้วอย่างเงี้ยในสถานการณ์
00:16:51 → 00:16:53 แบบเนี้ยความที่มันมีหลากหลายที่มันเข้า
00:16:53 → 00:16:56 หาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ที่มีเด็กอยู่ใน
00:16:56 → 00:16:59 สถานการณ์นั้นด้วยเนี่ยในวันนึงที่เคเติบ
00:16:59 → 00:17:01 โตมาไอ้สิ่งเหล่าเนี้ยถ้าไม่ถูกกระตุ้น
00:17:01 → 00:17:05 เค้าก็จะลืมได้ใช่มั้ยคะเอ่อผมคิดว่าเค้า
00:17:05 → 00:17:07 ไม่ลืมนะแต่เพียงแค่ว่าสิ่งนั้นมันจะไม่
00:17:07 → 00:17:10 ย้อนมารบกวนชีวิตเขาบ่อยเท่าไหร่อืผมว่า
00:17:10 → 00:17:12 เรื่องนี้จริงๆแล้วเราจะหวังแค่พึ่งคนใน
00:17:12 → 00:17:15 สังคมไม่ได้ครับเพราะว่าคนในสังคมมีหลาก
00:17:15 → 00:17:19 หลายมากมันเหมือนกฎจราจรน่ะฮะกดจราจรกฎ
00:17:19 → 00:17:21 เดียวกันนะอย่างเช่นเอาาไฟแดงก็ได้เอา
00:17:21 → 00:17:23 เรื่องไฟแดงง่ายๆเลยมันจะมีคนที่ทั้ง
00:17:23 → 00:17:26 ชีวิตไม่ฝ่าไฟแดงอ่ากับคนที่ทั้งชีวิตไฟ
00:17:26 → 00:17:29 แดงคือไม่ต่างจากไฟเขียวไฟเขียวถูกมั้ย
00:17:29 → 00:17:32 ครับเออเออแต่ว่ากฎหมายเดียวกันแต่ทำไมคน
00:17:32 → 00:17:34 ถึงเลิกตอบสนองต่างกันออือฮึนั่นเป็น
00:17:34 → 00:17:36 เพราะว่าคนบางคนมีจริยธรรมในใจตัวเองอยู่
00:17:36 → 00:17:39 แล้วอือแต่คนบางคนไม่ได้มีจริยธรรมในใจ
00:17:39 → 00:17:43 เลยอือเพราะฉะนั้นกฎหมายจากอำนาจสูงสุดกฎ
00:17:43 → 00:17:46 หมายที่ถูกร่างขึ้นมาในสังคมควรจะมีความ
00:17:46 → 00:17:49 เค้าเรียกว่ารัดกุมเพียงพอที่จะคล้ายๆ
00:17:49 → 00:17:52 ปรามป้องปรามให้ใครบางคนที่ไม่อยู่ในร่อง
00:17:52 → 00:17:54 ในรอยเนี้ยได้เกิดความหวาดกลัวเกิดความ
00:17:54 → 00:17:58 หวั่นเกรงว่าถ้าเขาไม่อยู่ในในในแทรคนี้
00:17:58 → 00:18:00 หรือในเส้นนี้นี้นะมันจะต้องเกิดภัย
00:18:00 → 00:18:04 คุกคามตัวเค้าอืมเพราะงั้นเรื่องระบบก็
00:18:04 → 00:18:07 สำคัญครับว่าจะทำยังไงให้คนที่ไม่ไม่
00:18:07 → 00:18:10 เรียกว่าไม่มีจริยธรรมในใจเท่าไหร่และมัก
00:18:10 → 00:18:13 จะชอบแหกกดเกิดความหวาดกลัวอือฮึเพราะว่า
00:18:13 → 00:18:15 คนที่ชอบแหกกดนะครับเราจะคุยกับเค้าด้วย
00:18:15 → 00:18:18 เหตุผลไม่ค่อยได้หรอกอ่าเพราะตัวเค้าเป็น
00:18:18 → 00:18:20 สิ่งมีชีวิตที่ไม่อยู่ด้วยเหตุผลอ่าเรา
00:18:21 → 00:18:23 คุยด้วยเหตุผลไม่ได้เราเลยต้องอาศัยความ
00:18:23 → 00:18:25 กลัวนี่แหละในการปรามให้เขาคอยู่ในร่องใน
00:18:25 → 00:18:28 รอยที่ควรจะเป็นอเพราะงั้นเรื่องนี้สุด
00:18:28 → 00:18:30 ท้ายก็หนีไม่พ้นกับการที่ต้องตั้งคำถาม
00:18:30 → 00:18:31 กับเรื่องระบบเชิงโครงสร้างเหมือนกันว่า
00:18:31 → 00:18:35 เอ๊ะแล้วทุกวันนี้เอ่อองค์กรหรือแม้
00:18:35 → 00:18:38 กระทั่งกฎหมายที่มีอำนาจในการควบคุมสื่อ
00:18:38 → 00:18:42 ควบคุมให้สิ่งที่ดีงามเป็นบรรกรคันลองได้
00:18:42 → 00:18:44 ใช้อำนาจจริงหรือมีอำนาจจริงในการจะกำหนด
00:18:44 → 00:18:47 สิ่งนี้หรือเปล่าอืเพราะถ้าไม่มีนั่นก็
00:18:47 → 00:18:49 หมายความว่าคนอื่นมันจะเป็นยังไงก็ได้อ่ะ
00:18:49 → 00:18:52 ครับแล้วพอเป็นยังไงก็ได้มันก็ยิ่งเละเท
00:18:52 → 00:18:55 ไปกันใหญ่อย่าลืมว่าทุกคนน่ะมีแผลใจใน
00:18:56 → 00:18:58 ชีวิตอยู่แล้วแหละนะคะแต่ว่ามันแผลใจที่
00:18:58 → 00:19:01 มันเกิดขึ้นจากอะไรบางคนรุนแรงแต่ก็เก็บ
00:19:01 → 00:19:05 เอาไว้ไม่อยากจะไปคิดถึงไปนึกถึงไม่ไม่ก็
00:19:05 → 00:19:07 ไม่ควรไปสะกิดไม่ควรสกิดใครทั้งนั้นแหละ
00:19:08 → 00:19:10 ใช่เพราะทุกคนทุกคนมีผมผมเชื่อนะทุกคนมี
00:19:10 → 00:19:12 ความต้องการจะ Move on ชีวิตไปข้างหน้า
00:19:13 → 00:19:15 ต้องการมีความเติบโตต้องการกับต้องการจะ
00:19:15 → 00:19:17 ใช้ชีวิตเติบโตไปข้างหน้าอืแต่มันจะมี
00:19:17 → 00:19:20 อะไรบางอย่างแหละที่เราเรคคอร์ดมันไว้และ
00:19:20 → 00:19:24 ทำให้เอ่อเขาถูกดึงกลับไปในอดีตอืเหมือน
00:19:24 → 00:19:26 กับอันนี้เลยเหตุการณ์ที่มีน้องคนนึงใน
00:19:26 → 00:19:29 เกิดเหตุการณ์ที่ก่อนหน้าเเงี้ยครับเออ
00:19:29 → 00:19:32 ใหญ่ๆขึ้นมาเนี่ยแล้วพอมันมีเหตุการณ์ที่
00:19:32 → 00:19:34 ใกล้เคียงกันอย่างเงี้ยมันความทรงจำนั้น
00:19:34 → 00:19:36 มันกลับมาได้เหมือนกันนะใช่ครับมันกลับมา
00:19:36 → 00:19:38 แล้วพอกลับมาทีนี้ไอ้คนอื่นไม่รู้เรื่อง
00:19:38 → 00:19:40 อ่ะไอ้คนอื่นที่มันไม่ได้โดนกับตัวไม่รู้
00:19:40 → 00:19:42 เรื่องค่ะแต่ไอ้เจ้าตัวที่แบบถูกดึงกลับ
00:19:42 → 00:19:44 ไปอ่ะฮะมันถูกดึงกลับไปอย่างลำพังอ่ะอว่า
00:19:44 → 00:19:46 เป็นฉันเองที่ต้องกลับไปตรงนั้นคนเดียว
00:19:46 → 00:19:48 อ่ะครับฉันเคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายแบบ
00:19:48 → 00:19:50 คล้ายๆแบบนี้มาเหมือนกันใช่่มันเป็นอะไร
00:19:50 → 00:19:52 ที่โหดร้ายมากนะผมว่าใช่เออเพราะงั้น
00:19:52 → 00:19:54 ตะกี้ที่ผมพูดถึงไอ้ตรงที่กำกับตรงเนี้ย
00:19:54 → 00:19:57 ครับมันสำคัญมากเพราะว่ามันจะช่วยป้องปรา
00:19:57 → 00:19:59 ไม่ให้เกิดร่องรอยสิ่งเนี้ให้คนไปนึกย้อน
00:19:59 → 00:20:01 โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเหยื่อหรือผู้ที่รับผล
00:20:01 → 00:20:04 กระทบคความสูญเสียไม่ว่าไม่ว่าจะเป็นคนใน
00:20:04 → 00:20:07 ครอบครัวของเราความเป็นพ่อแม่ลูกแค่สูญ
00:20:07 → 00:20:09 เสียใครคนใดคนหนึ่งไปมันก็ไม่โอเคแล้วแย่
00:20:09 → 00:20:11 มากแล้วใช่ครับเไม่ควรไม่ควรโดนอะไรที่
00:20:11 → 00:20:13 มันตามน้ำจากนั้นอีกอ่ะเพราะมันหนักแค่
00:20:13 → 00:20:15 ครั้งเดียวก็พอแล้วอ่ะโอยากเหมือนกันเนาะ
00:20:15 → 00:20:17 ถ้าเกิดว่าเราต้องเป็นคนนึงที่เหลืออยู่
00:20:17 → 00:20:20 อ่ะใช่ครับใช่แล้วเราต้องสูญเสียแล้วแบบ
00:20:20 → 00:20:23 ว่าวันนี้เราโหแค่ลำพังที่เราจะต้องเดิน
00:20:23 → 00:20:26 ไปให้ได้อ่ะอ่ะโอเคมีครอบครัวเป็นเป็น
00:20:26 → 00:20:28 กำลังใจที่ดีหรืออะไรเงี้ยแต่ว่าสิ่งที่
00:20:28 → 00:20:32 มันรอบข้างเราไปอีกข่าวคราวเหตุการณ์หรือ
00:20:32 → 00:20:35 อะไรเงี้ยมันมันไม่ได้ถูกลบเรือนหายไปใน
00:20:35 → 00:20:38 ช่วงข้ามคืนนะอืมันมีระยะเวลาที่แตกต่าง
00:20:38 → 00:20:40 กันออกไปด้วยที่เราเคยคุยกันน่ะเนาะใช่
00:20:41 → 00:20:43 ใช่ครับบางทีบางทีในโลกยุคปัจจุบันนะผม
00:20:43 → 00:20:44 ต้องใช้คำว่าสิ่งนั้นจะอยู่กับเราไปทั้ง
00:20:44 → 00:20:46 ชีวิตอ่ะครับอืถ้าเป็นเมื่อก่อนนะมันอาจ
00:20:46 → 00:20:48 จะหายไปมันอาจจะลืมๆไปเพราะว่าข่าวมันก็
00:20:48 → 00:20:51 เป็นแค่หนังสือพิมพ์มันก็มันก็มีข่าวอื่น
00:20:51 → 00:20:53 มาละอ่าใช่มันจะมีข่าวอื่นแล้วหนังสือ
00:20:53 → 00:20:55 พิมพ์นั้นก็จะถูกทำลายไปฮะตามยุคสมัยแต่
00:20:55 → 00:20:57 ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตนะครับจะย้อนสืบพ้น
00:20:57 → 00:20:58 ไปกี่10บปีมันก็ยังอยู่ในนั้นนะครับพิมพ์
00:20:58 → 00:21:00 ปุ๊บเจอปั๊บอ่ะเพราะงั้นทุกวันนี้คนที่
00:21:00 → 00:21:02 รับเคราะห์เนาะผมต้องบอกว่าเป็นยุคที่ยาก
00:21:02 → 00:21:05 ที่สุดสำหรับพวกเราทุกคนเลยนะเพราะเมื่อ
00:21:05 → 00:21:07 มันอยู่ในข่าวปั๊บมันจะอยู่กับเราไปจนตาย
00:21:07 → 00:21:09 ฮะอันเนี้ยมันเลยเป็นสิ่งที่เราในฐานะ
00:21:09 → 00:21:11 เพื่อนมนุษย์ต้องระวังด้วยกันว่าเราจะเซฟ
00:21:11 → 00:21:13 เพื่อนมนุษย์ของเรายังไงค่ะที่จะไม่เป็น
00:21:13 → 00:21:15 ผู้ส่งต่อและไม่เป็นผู้ที่บันทึกสิ่งนั้น
00:21:15 → 00:21:18 ลงไปในอินเทอร์เน็ตอืซึ่งแน่นอนคนที่มี
00:21:18 → 00:21:21 อำนาจกำกับก็จะมีส่วนบทส่วนช่วยมากๆที่จะ
00:21:21 → 00:21:23 ทำให้สิ่งเนี้ยไม่ถูกเรคคอร์ดหรือถ้ามัน
00:21:23 → 00:21:25 มีเรคคอร์ดก็ควรจะมีระยะเวลาที่มันต้อง
00:21:25 → 00:21:28 ถูกทำลายไปด้วยและทำให้มันหายไปอย่าให้
00:21:28 → 00:21:30 มันเป็นประวัติศาสตร์ที่นึกจะพูดก็พูด
00:21:30 → 00:21:32 แล้วนึกจะคุยก็คุยอ่ะฮะเออสิ่งเนี้ยเราจะ
00:21:32 → 00:21:34 ช่วยเซฟเพื่อมนุษย์ได้ดีทีนี้สำหรับคนที่
00:21:35 → 00:21:37 ต้องสูญเสียครอบครัวไปเลยทั้งหมดผมว่าอัน
00:21:37 → 00:21:39 นี้เป็นอะไรที่มันสาหัสเนาะเคต้องใช้เวลา
00:21:39 → 00:21:42 แน่นอนครับเต้องใช้เวลาในการค่อยๆต้อนรับ
00:21:42 → 00:21:45 ความจริงชุดนี้และต้องค่อยๆก้าวข้ามมันไป
00:21:45 → 00:21:48 ซึ่งคนรอบข้างสำคัญมากนะที่จะอยู่เคียง
00:21:48 → 00:21:50 ข้างอ่ะครับให้เค้าค่อยๆผ่านไปได้คือต้อง
00:21:50 → 00:21:52 เหมือนกับว่าต้องขอเวลาให้เขบ้างใช่ควร
00:21:52 → 00:21:55 ให้เวลามากๆครับทุกคนควรได้รับเวลานั้น
00:21:55 → 00:21:57 อย่าไปบีบคันว่าต้องกลับมาเป็นปกติแล้ว
00:21:57 → 00:22:00 เรวนะหรืออะไรอย่าเงี้ส่งกำลังใให้ไม่ค
00:22:00 → 00:22:01 บีบคั้นใช่ครับใช่ครับเพราะทุกคนจะมี
00:22:02 → 00:22:03 จังหวะเวลาของตัวเองเพราะงั้นเราอย่าผม
00:22:03 → 00:22:06 ย้ำเสมออย่าทะเล่อทะล่าเข้าไปค่ะครับผม
00:22:06 → 00:22:09 แล้วก็เสียบข่าวอย่างมีสตินะคะอะไรที่มัน
00:22:09 → 00:22:13 ใชครับคิดอก่อนจะอะไรเนี่ยก็คิดทบทวนนึก
00:22:13 → 00:22:15 ถึงใจเขาใจเราถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนั้น
00:22:16 → 00:22:17 เราคงไม่ได้อยากจะให้มันมีอะไรต่อเนื่อง
00:22:17 → 00:22:21 ไปจากนี้อีกหรือใครเข้ามาล้ำเส้นเขตที่
00:22:21 → 00:22:25 ควรจะเป็นใช่ครับเพราะฉะนั้นก็อ่ะเท่าที่
00:22:25 → 00:22:29 ถ้ามันหนักไปไม่ต้องไปเสพเลยอืก็ต้องก็
00:22:29 → 00:22:31 ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันไปไปอย่างอื่น
00:22:31 → 00:22:33 บ้างเพราะว่าไม่เป็นประโยชน์ที่จะลงลึกไป
00:22:33 → 00:22:35 กว่านั้นแล้วอ่ะครับใช่ๆเอาแหละมันมันมัน
00:22:35 → 00:22:37 มีความสูญเสียเกิดขึ้นเราไม่อยากให้เกิด
00:22:37 → 00:22:41 ขึ้นอีกนะคะใช่ครับเราก็เป็นกำลังใจในทุก
00:22:41 → 00:22:44 มิติอืมในในทุกๆคนที่ทุกคนที่เจอเลยที่
00:22:44 → 00:22:46 เจอเหตุการณ์ต่างๆแล้วต้องบอกว่าพวกเรา
00:22:46 → 00:22:48 ทุกคนมีส่วนร่วมในการจะสร้างสังคมที่ดี
00:22:48 → 00:22:50 ขึ้นนะครับต้องบอกว่าทุกคนจริงๆอค่ะเพราะ
00:22:50 → 00:22:52 งั้นสังคมจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคตเนี่ย
00:22:52 → 00:22:54 ก็อยู่ที่พวกเราด้วยแหละเนาะแต่วันนี้เรา
00:22:54 → 00:22:56 ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในบางมุมบางอย่าง
00:22:56 → 00:22:59 อือๆที่ดีขึ้นใช่ค่ะแล้วนะใช่ขอให้มันไป
00:22:59 → 00:23:04 เรื่อยๆรักษาไว้ใช่ๆค่ะอ่ะคุยกันเพลินๆนะ
00:23:04 → 00:23:09 คะวันนี้ก็ต้องคุยกันแบบจริงจังจริงซีเลย
00:23:09 → 00:23:11 อ่าใช่นะคะแต่อ่ะไม่เป็นไรก็เป็นแนวทาง
00:23:11 → 00:23:13 ไว้สำหรับคุณผู้ฟังด้วยนะคะขอบคุณคุณ
00:23:13 → 00:23:16 เอิ้นค่ะสวัสดีคสวดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณ
00:23:16 → 00:23:18 ผู้ฟังค่ะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรง
00:23:18 → 00:23:21 หมอทางไทย PBS podcast นะคะวันนี้ลาไป
00:23:21 → 00:23:23 ก่อนค่ะขอบคุณที่ติดตามรับฟังสวัสดีค่ะ
00:23:23 → 00:23:26 This Is Toy PBS podcast เราจัดการ
00:23:26 → 00:23:28 อย่างไรกับสัตว์เลี้ยงเมื่อน้ำท่วมและโรค
00:23:28 → 00:23:31 อะไรควรระวังในช่วงที่น้ำท่วมขังและฝนตก
00:23:31 → 00:23:34 ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายสตาวแพทย์ดรรดิษฐ์
00:23:34 → 00:23:37 รุ่งเรืองกิตไกรจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
00:23:37 → 00:23:41 มาเล่าให้ฟังครับกรณีที่เวลามีน้ำท่วม
00:23:41 → 00:23:44 เนี่ยตัวของคนเราเนี่ยเราก็จะสามารถขยับ
00:23:44 → 00:23:48 ขยายย้ายสถานที่หรือว่าฟไปที่อื่นได้ง่าย
00:23:48 → 00:23:50 แต่ว่าอยากจะฝากว่าอย่าลืมสัตว์เลี้ยง
00:23:50 → 00:23:53 ด้วยเพราะบางครั้งเนี่ยการที่เราเราขยับ
00:23:53 → 00:23:55 ขยายไปแล้วปล่อยให้เขาอยู่ในที่บริเวณที่
00:23:55 → 00:23:58 ที่เดิมๆซึ่งมีโอกาสที่จะน้ำขังเนี่ย
00:23:58 → 00:24:01 เนี่ยมันจะเป็นปัญหาสำหรับตัวสัตว์เลี้ยง
00:24:01 → 00:24:04 เยอะคือคืออยากจะบอกว่าเราไปแล้วเนี่ยเรา
00:24:04 → 00:24:06 ดึงตัวสัตว์เลี้ยงไปเป็นเพื่อนเราด้วยถ้า
00:24:06 → 00:24:08 เกิดไปถ้าเกิดทำได้ถ้าสถานที่เอื้ออำนวย
00:24:08 → 00:24:11 นะครับอย่าปล่อยเขาไว้เบื้องต้นน่ะอาจจะ
00:24:11 → 00:24:15 ต้องมองว่าจากเดิมที่เคยขังเขไว้อาจจะ
00:24:15 → 00:24:18 ต้องปล่อยให้เขาสามารถเดินเพื่อที่จะหนี
00:24:18 → 00:24:21 น้ำได้เพราะว่าถ้าเกิดอยู่ในกรงแล้วน้ำ
00:24:21 → 00:24:24 ท่วมค่ะเท่ากับว่าจับเขแช่น้ำเลยซึ่ง
00:24:24 → 00:24:26 อย่างงั้นน่ะนึกภาพก็คงไม่ค่อยสบายใจอ่ะ
00:24:26 → 00:24:29 นะครับทั้งนั้นก็เลยว่าเมื่อมีสถานการณ์
00:24:29 → 00:24:32 หรือสถานการณ์น้ำท่วมกำลังจะเกิดขึ้นทราบ
00:24:32 → 00:24:35 ว่ากำลังจะเกิดขึ้นเนี่ยสัตว์ตัวที่ถูก
00:24:35 → 00:24:38 ขังเอาไว้ในเฉพาะเจาะจงมันล่ามโซ่ไว้หรือ
00:24:38 → 00:24:40 อยู่ในกรงเนี่ยพยายามปล่อยให้เขาสามารถ
00:24:40 → 00:24:43 เอาตัวรอดให้เขาหนีหนีได้คืออาจจะใช้วิธี
00:24:43 → 00:24:46 การจากเดิมที่จำกัดบริเวณให้อยู่ในกรงใน
00:24:46 → 00:24:49 ที่แคบๆก็อาจจะใช้วิธีการขยายบริเวณให้
00:24:49 → 00:24:52 มันกว้างขึ้นแต่ว่ามีอะไรมีมีในสถานที่
00:24:52 → 00:24:55 ที่มีรั้วรอบขอบชีแต่เขาสามารถเดินหรือ
00:24:55 → 00:24:58 อาจจะสามารถว่ายน้ำขยับไปในที่ที่ที่สูง
00:24:58 → 00:25:00 ขึ้นกว่าเดิมได้อยากจะให้คอนเซิร์นเรื่อง
00:25:00 → 00:25:03 นี้ไว้ด้วยเพราะว่าเราหนีได้แต่ว่าของเา
00:25:03 → 00:25:05 เนี่ยเขาจะมีแต่เราเท่านั้นที่เราจะเป็น
00:25:05 → 00:25:08 คนคอยช่วยเหลือเขาถ้าเราไม่อยู่ปุ๊บเนี่ย
00:25:08 → 00:25:11 เขาก็จะทำอะไรต่อไม่ได้ในช่วงที่ฝนตกใน
00:25:11 → 00:25:14 ช่วงที่น้ำท่วมปัญหาที่มักจะเจอบ่อยๆแบ่ง
00:25:14 → 00:25:17 เป็นกลุ่มง่ายๆเลยก็คือปัญหาของโรคระบบ
00:25:17 → 00:25:21 ทางเดินหายใจอือโรคระบบทางเดินอาหารรวม
00:25:21 → 00:25:24 ถึงโรคๆหนึงที่มีความฮิตกันมากเลยในช่วง
00:25:24 → 00:25:27 น้ำท่วมน้ำขังก็คือโรคฉี่หนูซึ่งซึ่งโรค
00:25:27 → 00:25:30 โรนี้ก็เป็นโรคที่ที่ติดต่อจากสัตว์มีหนู
00:25:30 → 00:25:33 เป็นทปาหะนะครับติดต่อจากสัตว์ไปยังสัตว์
00:25:33 → 00:25:38 อื่นๆแล้วก็มีโอกาสติดต่อมาสู่คน
00:25:38 → 00:25:42 ด้วย This Is Toy PBS
00:25:42 → 00:25:46 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:25:46 → 00:25:49 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:25:49 → 00:25:51 spotify soundcloud Google podcast
00:25:51 → 00:25:54 Apple podcast และ YouTube Channel
00:25:54 → 00:25:58 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:25:59 → 00:26:01 View the world vi The
00:26:01 → 00:26:10 [เพลง]
00:26:10 → 00:26:13 Voice