00:00:00 → 00:00:03 บนโซเชียลแชร์คลิปแนะนำว่าหากรู้ว่าโดน
00:00:03 → 00:00:06 วางยาพิษไซยาไนด์ให้รีบชะลอพิชญ์ซื้อเวลา
00:00:06 → 00:00:09 ด้วยการดื่มน้ำหรือดื่มนมมากๆก่อนจะรีบไป
00:00:09 → 00:00:12 โรงพยาบาล
00:00:12 → 00:00:16 [เพลง]
00:00:16 → 00:00:18 เรื่องนี้ถ้าจริงก็มีประโยชน์และควรรีบ
00:00:18 → 00:00:20 บอกกันครับแต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็คให้
00:00:20 → 00:00:22 ถูกชัวร์ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย
00:00:22 → 00:00:25 อสมทสอบถามกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
00:00:25 → 00:00:27 ด้านเภสัชวิทยาคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์
00:00:27 → 00:00:30 มหาวิทยาลัยครับเขาบอกว่าโดนพิษไซยาไนด์
00:00:30 → 00:00:33 ให้รีบดื่มน้ำหรือดื่มนมจริงไหมครับไม่
00:00:33 → 00:00:36 จริงเลยนะครับที่กินเข้าไปเป็นยาพิษก็คง
00:00:36 → 00:00:37 จำเป็น
00:00:37 → 00:00:41 ซึ่งมีสถานะเป็นของแข็งเมื่อสัมผัสโดนของ
00:00:41 → 00:00:43 เหลวจะเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซที่เรียกว่า
00:00:43 → 00:00:46 ไฮโดรเจนไซยาไนด์
00:00:46 → 00:00:49 มีพิษมากยิ่งกว่าอีกนะครับเพราะว่าดูดซึม
00:00:49 → 00:00:52 เข้าสู่ร่างกายไปสู่เซลล์ต่างๆได้เร็ว
00:00:52 → 00:00:54 ยิ่งกว่าสถานะที่เป็นของแข็งของ
00:00:54 → 00:00:57 โปแตสเซียมไซยาไนด์ซึ่งหากยิ่งกินนมกิน
00:00:57 → 00:01:00 น้ำเข้าไปก็ยิ่งมีโอกาสให้มีการเปลี่ยน
00:01:00 → 00:01:03 สถานะของโปแตสเซียมไซยาไนด์แบบเป็น
00:01:03 → 00:01:05 ไฮโดรเจนไซยาไนด์ได้มากยิ่งขึ้นนอกจาก
00:01:05 → 00:01:08 นั้นนะครับคนที่ได้รับพิษของไซยาไนด์ที่
00:01:08 → 00:01:10 ระยะหนึ่งเนี่ยเขาจะเริ่มอาจจะไม่ค่อยรู้
00:01:10 → 00:01:14 สติและแล้วถ้าเขามีของเหลวหรืออาหารมากๆ
00:01:14 → 00:01:17 ในท้องเนี่ยนะครับก็อาจจะเกิดการอาเจียน
00:01:17 → 00:01:19 เมื่ออาเจียนแล้วอาจจะสำลักเอาทั้งน้ำ
00:01:19 → 00:01:22 ทั้งอาหารเข้าไปในทางเดินหายใจก็จะยิ่งไป
00:01:22 → 00:01:24 ซ้ำเติมปัญหาของเขาได้มากยิ่งขึ้นนะครับ
00:01:24 → 00:01:27 ดังนั้นการช่วยชีวิตแบบต่างๆก็ต้องเข้าใจ
00:01:27 → 00:01:31 จุดนี้ด้วยสมมุติว่าคนไข้หยุดหายใจก็อย่า
00:01:31 → 00:01:34 พยายามไปช่วยด้วยการที่ใช้ปากไปเป่าเข้า
00:01:34 → 00:01:38 ไปเนื่องจากว่าก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ก็จะ
00:01:38 → 00:01:40 อยู่ในลมหายใจของคนไข้นี่แหละเพราะฉะนั้น
00:01:40 → 00:01:44 วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือการรีบนำคนไข้ไป
00:01:44 → 00:01:46 ให้ถึงคุณหมอโดยเร็วที่สุดแล้วเมื่อไปถึง
00:01:46 → 00:01:49 คุณหมอก็ให้ประวัติเพื่อให้คุณหมอนึกออก
00:01:49 → 00:01:52 ว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือไม่
00:01:52 → 00:01:54 ครับแล้วถ้าทำให้อาเจียนออกมาล่ะครับถ้า
00:01:54 → 00:01:58 เป็นการกินไซนาที่เป็นตัวสารเคมีเช่นถูก
00:01:58 → 00:02:00 ผสมอยู่ในอาหารหรือเป็นแคปซูลอย่างนี้นะ
00:02:00 → 00:02:03 ครับอันนี้การทำให้อาเจียนก็ไม่เกิด
00:02:03 → 00:02:06 ประโยชน์แต่อย่างใดอาจจะมียกเว้นน่ะยกตัว
00:02:06 → 00:02:09 อย่างเช่นสมมุติมีคนเอาแคปซูลมาแล้วก็ให้
00:02:09 → 00:02:12 เรากินเสร็จแล้วเราเอะใจว่ามันอาจจะเป็น
00:02:12 → 00:02:14 สารพิษซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นไซนานนะ
00:02:14 → 00:02:17 ถ้าเราอาเจียนขณะนั้นก่อนที่แคปซูลจะ
00:02:17 → 00:02:21 ละลายมันก็ช่วยเอาสารที่เรากังวลออกมาจาก
00:02:21 → 00:02:23 ร่างกายได้หรือหากเป็นการกินอาหารที่มี
00:02:23 → 00:02:26 สารไซยาไนด์ตามธรรมชาติเนื่องจากว่าเราพบ
00:02:26 → 00:02:29 ไซยาไนด์ได้ในอาหารบางชนิดเช่นมัน
00:02:29 → 00:02:32 สำปะหลังดิบๆหน่อไม้ดิบมารับประทานรวม
00:02:32 → 00:02:35 ทั้งผักไชยาด้วยนะครับโดยที่ไม่ได้ล้าง
00:02:35 → 00:02:38 น้ำให้นานพอเพียงไม่ได้เอาไปต้มจนสุก
00:02:38 → 00:02:41 อย่างนี้การดูดซึมของไซยาไนด์จากอาหารมัน
00:02:41 → 00:02:44 จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปถ้าระยะเวลา
00:02:44 → 00:02:46 ของการกินอาหารเหล่านั้นไม่นานจนเกินไป
00:02:46 → 00:02:50 คุณหมอก็จะทำการล้างท้องเอาสิ่งนั้นออกมา
00:02:50 → 00:02:52 อีกช่องทางหนึ่งนะครับที่มนุษย์อาจจะได้
00:02:52 → 00:02:55 รับไซยาไนด์ก็คือผ่านการสูบบุหรี่นั่น
00:02:55 → 00:02:57 แหละครับบุหรี่ทุกมวลเลยนะครับจะมี
00:02:57 → 00:03:00 ไซยาไนด์อยู่รวมทั้งซิก้าด้วยและมีปริมาณ
00:03:00 → 00:03:03 ของไซยาไนด์ที่แตกต่างกันในปริมาณค่อนไป
00:03:03 → 00:03:06 ทางน้อยจนถึงเป็นหลักพันเลยก็มีนะครับการ
00:03:06 → 00:03:09 สูบบุหรี่จะได้สารพิษหลายชนิดมากเลยไม่
00:03:09 → 00:03:11 ใช่เฉพาะไซยาไนด์แต่ได้รับไซยาไนด์ค่อน
00:03:11 → 00:03:14 ข้างจะแน่นอนเข้าไปทุกๆโหมดที่เราสู้แล้ว
00:03:14 → 00:03:16 พี่ของไซยาไลน์ก็จะเกิดขึ้นขึ้นแบบค่อย
00:03:16 → 00:03:19 เป็นค่อยไปสะสมไปเรื่อยๆก็จะส่งผลต่อระบบ
00:03:19 → 00:03:22 ประสาทระบบการหายใจระบบหลอดเลือดของหัวใจ
00:03:22 → 00:03:25 และกล้ามเนื้อด้วยและในระยะยาวยังอาจ
00:03:25 → 00:03:27 กระตุ้นให้เกิดการเป็นมะเร็งได้ด้วยหลาย
00:03:27 → 00:03:30 คนเห็นข่าวคดีที่เกี่ยวกับการใช้ไซยาไนด์
00:03:30 → 00:03:33 แล้วกังวลใจว่าหากเราโดนพิษไซยาไนด์เราจะ
00:03:33 → 00:03:34 รู้ตัวได้ยังไงผู้ที่ได้รับผิดของ
00:03:34 → 00:03:37 ไซยาไนด์อาจจะหมดสติแล้วก็ระบบไหลเวียน
00:03:37 → 00:03:40 เลือดก็จะเสียไปหัวใจล้มเหลวแล้วก็มี
00:03:40 → 00:03:42 เรื่องของความดันตกชอบเสียชีวิตได้ครับ
00:03:42 → 00:03:45 อย่างไรก็ตามอาการเดียวกันก็อาจจะเป็น
00:03:45 → 00:03:48 เพราะโรคอื่นได้ครับอาการที่พูดไปเมื่อ
00:03:48 → 00:03:50 ครู่นี้นะครับเช่นเรื่องของคลื่นไส้
00:03:50 → 00:03:53 อาเจียนเวียนหัวเหมือนจะเป็นลมอะไรอย่าง
00:03:53 → 00:03:55 นี้นะครับมันเป็นอาการของโรคได้อีกมากมาย
00:03:55 → 00:03:57 เลยนะครับก็อย่าเพิ่งไปคึกคักนะครับว่า
00:03:57 → 00:04:00 อากาศที่เราเป็นเนี่ยจะต้องเกิดจากพิษของ
00:04:00 → 00:04:02 ไซยาไนด์เพราะว่าโดยทั่วๆไปแล้วในชีวิต
00:04:02 → 00:04:04 ประจำวันโอกาสที่เราจะได้รับไซยาไนด์แทบ
00:04:04 → 00:04:07 จะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์นะครับแต่การที่
00:04:07 → 00:04:09 ได้รับผิดแล้วสะสมไปเรื่อยๆเป็นการได้รับ
00:04:09 → 00:04:12 ผิดระยะยาวเนี่ยก็เกิดขึ้นได้เช่นในกรณี
00:04:12 → 00:04:15 ของการสูบบุหรี่เป็นต้นหรือไปทำงานใน
00:04:15 → 00:04:17 บริเวณที่การใช้ไซยาไนด์แต่ว่ามีการปก
00:04:17 → 00:04:20 ป้องตัวเราเนี่ยไม่ดีพอก็อาจจะได้รับทีละ
00:04:20 → 00:04:22 นิดทีละหน่อยเนื่องจากไซยาไนด์ดูดซึมผ่าน
00:04:22 → 00:04:25 ผิวหนังได้ด้วยหรือถ้าไซยาไนด์นั้นมีการ
00:04:25 → 00:04:28 ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งดินแหล่งน้ำยกตัว
00:04:28 → 00:04:30 อย่างเช่นในอดีตนะครับอาจจะมีการใช้
00:04:30 → 00:04:33 ไซยาไนด์ในการเตรียมบ่อกุ้งก็จะทำให้
00:04:33 → 00:04:35 ไซนานเนี่ยปนเปื้อนอยู่ในบริเวณแถบนั้น
00:04:36 → 00:04:38 แหละครับอยู่ในแหล่งน้ำด้วยในชีวิตประจำ
00:04:38 → 00:04:41 วันของเราร่างกายเราปกป้องเราจากไซยาไนด์
00:04:41 → 00:04:44 อยู่แล้วแต่ต้องเป็นสยานัยที่มานิดๆหน่อย
00:04:44 → 00:04:47 ๆที่ปนเปื้อนมาโดยธรรมชาติอย่างนี้เราก็
00:04:47 → 00:04:49 จะไม่เกิดอันตรายนะครับทางที่ดีที่สุดคือ
00:04:49 → 00:04:52 ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดสิ่งที่ดีที่สุด
00:04:52 → 00:04:55 คือการรีดนำคนไข้ไปให้ถึงหมอโดยเร็วเพราะ
00:04:55 → 00:04:58 ว่าที่โรงพยาบาลมีสารต้านพิษไซยาไนด์นะ
00:04:58 → 00:05:00 ครับได้แก่โซเดียมไพโอไตยานิเนตแล้วก็
00:05:00 → 00:05:03 โซเดียมไนซ์ซึ่งเป็นสถานที่ต้องฉีดเข้า
00:05:03 → 00:05:06 ทางหลอดเลือดก็จะไปจัดการต้านพิษของ
00:05:06 → 00:05:10 ไซยาไนด์ถ้าไปได้ทันนะครับเช่นใช้เวลาซัก
00:05:10 → 00:05:13 ไม่เกิน 30 นาที 45 นาทีอย่างนี้เราก็
00:05:13 → 00:05:15 ช่วยชีวิตคนไข้ได้ทันนะครับและส่วนที่
00:05:15 → 00:05:18 อาจารย์ยังเป็นห่วงคือหากไซยาไนด์ยังเข้า
00:05:18 → 00:05:21 ถึงง่ายและถูกลักลอบใช้ในบางกรณีซึ่งก็
00:05:21 → 00:05:23 เป็นเรื่องน่ากังวลนะฟังดูเหมือนว่าหา
00:05:23 → 00:05:25 ง่ายจังเลยนะเข้าไปซื้อในออนไลน์ก็ได้
00:05:25 → 00:05:28 แล้วอันนี้ก็อยากจะฝากบอกไปทางผู้รับผิด
00:05:28 → 00:05:31 ชอบทั้งหมดว่าเราไม่ควรจะปล่อยให้เหตุ
00:05:31 → 00:05:33 การณ์นี้ดำเนินต่อไปว่าใครเข้าไปค้นหา
00:05:33 → 00:05:36 แล้วก็เจอแล้วก็สั่งมาได้ด้วยเนี่ยไม่ควร
00:05:36 → 00:05:38 จะเกิดขึ้นอีกแล้วการทำร้ายกันด้วย
00:05:38 → 00:05:41 ไซยาไนด์สามารถตรวจพบร่องรอยได้อย่างไรก็
00:05:41 → 00:05:44 ตามที่จะนำพิษของไซยาไนด์ไปใช้เพื่อทำ
00:05:44 → 00:05:47 ร้ายผู้อื่นหมอคิดว่าต่อไปนี้ทำไม่ได้อีก
00:05:47 → 00:05:50 ต่อไปแล้วแล้วใครที่ตั้งใจหรือนึกไว้ว่า
00:05:50 → 00:05:52 จะทำเนี่ยให้เลิกความคิดนี้ไปเลยครับ
00:05:52 → 00:05:55 เพราะปัจจุบันเนี่ยเป็นที่ตกลงกันทั่วไป
00:05:55 → 00:05:57 แล้วในประเทศนะครับว่าผู้ใดที่เสียชีวิต
00:05:57 → 00:06:00 อย่างผิดธรรมชาติจะได้รับการชันสูตรพลิก
00:06:00 → 00:06:03 ศพและในการชันสูตรนั้นนะขั้นตอนนึงคือการ
00:06:03 → 00:06:05 ตรวจสารพิษซึ่งเขาไม่ได้ตรวจเฉพาะ
00:06:05 → 00:06:07 ไซยาไนด์นะครับตัวอีกหลายชนิดมากเลยแต่
00:06:07 → 00:06:09 สิ่งหนึ่งที่ตรวจแน่ๆคือตรวจไซยาไนด์ด้วย
00:06:09 → 00:06:12 เขาก็เจาะเลือดเก็บไว้ตัดชิ้นเนื้อเก็บ
00:06:12 → 00:06:14 ไว้ส่งไปตรวจไซยาไนด์ตกค้างอยู่ในเนื้อ
00:06:14 → 00:06:17 เยื่อเป็นเวลาการตรวจง่ายเลยครับถ้าหากปน
00:06:18 → 00:06:20 อยู่ในศพของผู้ที่ได้รับพิษตรวจได้แน่นอน
00:06:20 → 00:06:23 ครับดังนั้นใครก็ตามที่คิดจะทำอีกเนี่ย
00:06:23 → 00:06:26 ต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนเลยครับอย่าคิด
00:06:26 → 00:06:29 ทำอีกเลยไม่มีทางสำเร็จครับแต่สรุปแล้ว
00:06:29 → 00:06:32 คลิปที่แนะนำว่าถ้าโดนพิษยาไนด์ให้กินน้ำ
00:06:32 → 00:06:34 กินนมนี่เป็นยังไงครับเรื่องนี้ไม่จริงนะ
00:06:34 → 00:06:36 ครับและไม่ควรแชร์ต่อเพราะว่าการดื่มน้ำ
00:06:36 → 00:06:39 หรือนมในปริมาณมากเข้าไปเพื่อหวังว่าจะทำ
00:06:39 → 00:06:42 ให้เกิดการดูดซึมที่ลดลงเนี่ยมันอาจจะตรง
00:06:42 → 00:06:44 กันข้ามเลยนะครับยิ่งอาจจะช่วยทำให้การ
00:06:44 → 00:06:47 ดูดซึมเพิ่มมากขึ้นเกิดแก๊สไฮโดรเจนไซ
00:06:47 → 00:06:49 อย่างน้อยมากยิ่งขึ้นมีความเสี่ยงอาจจะทำ
00:06:49 → 00:06:52 ให้เกิดการสำลักเอาน้ำและอาหารในกระเพาะ
00:06:52 → 00:06:54 เข้าไปในทางเดินหายใจซึ่งยิ่งเป็นอันตราย
00:06:54 → 00:06:58 ต่อผู้ป่วยมากยิ่งขึ้นดังนั้นการที่เราจะ
00:06:58 → 00:07:01 ช่วยผู้ป่วยให้เร็วที่สุดก็คือการนำผู้
00:07:01 → 00:07:04 ป่วยไปส่งให้ถึงคุณหมอโดยเร็วไม่ควรไป
00:07:04 → 00:07:06 เสียเวลากับสิ่งอื่นๆซึ่งไม่เกิดประโยชน์
00:07:06 → 00:07:08 ต่อผู้ป่วยครับเข้าใจผิดโดยไม่รู้ตัวว่า
00:07:08 → 00:07:10 เข้าใจผิดอาจทำให้เกิดผลเสียที่ไม่คาดคิด
00:07:10 → 00:07:13 ได้นะครับส่งเรื่องน่าสงสัยแจ้งเตือนภัย
00:07:13 → 00:07:15 ข้อมูลเท็จแยกแอดไลน์ศูนย์ชัวร์ก่อนก่อน
00:07:15 → 00:07:17 แชร์ไว้นะครับเข้าไปที่เพิ่มเพื่อนแล้ว
00:07:17 → 00:07:20 ค้นหาแอปชัวร์แอนด์แชร์ยังมีอีกหลาย
00:07:20 → 00:07:22 เรื่องน่าสงสัยเพื่อสังคมออนไลน์หากได้
00:07:22 → 00:07:24 รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจสอบไป
00:07:24 → 00:07:27 ด้วยกันกับช่วงก่อนแชร์
00:07:27 → 00:07:42 [เพลง]
00:07:42 → 00:07:45