00:00:00 → 00:00:02 ผมมีแบบทดสอบลองดูซิว่าตรงกับลักษณะ
00:00:02 → 00:00:04 บุคลิกของพี่ตั๊กหรือเปล่านะครับ
00:00:04 → 00:00:07 ผมจะให้ดูภาพนึงเป็นเวลา 1 วินาทีพี่ตั๊ก
00:00:07 → 00:00:11 ต้องบอกผมว่ารูปไหนไม่เหมือนเพื่อน 3 2
00:00:11 → 00:00:14 1 อ่ะจะมีแค่ผู้ป่วยเท่านั้นที่ตอบถูก
00:00:14 → 00:00:20 พี่ตั๊กเป็นคน
00:00:20 → 00:00:23 มันจะเป็นโรคจิตมั้ย
00:00:23 → 00:00:26 หน้าตาเอื้อต่อการก่ออาจกรรมที่ต่างกัน
00:00:26 → 00:00:28 แล้วถ้าหน้าตาดีเนี่ยเวลามีอะไรคนจะไม่
00:00:28 → 00:00:32 ค่อยสงสัยไม่หรอกเไม่น่าจะทำหรอกเข้าข้า
00:00:32 → 00:00:35 เพราะหน้าตาดีคนกลุ่มเนี้ยถ้าคลั่งไครล้
00:00:35 → 00:00:37 ฆาตกรหรืออาชัยมากๆเนี่ยครับเป็นโรคนะ
00:00:37 → 00:00:40 ครับจริงๆโรคทางจิตมันเยอะมากเลยนะพี่
00:00:40 → 00:00:42 ตั๊กโดยเฉพาะประเทศไทยพูดได้มว่าเพราะ
00:00:42 → 00:00:45 อะไรมนุษย์เราก่อนที่จะเป็นสายพันธุ์
00:00:45 → 00:00:48 โฮโมซเปี้นที่มีขนาดสมองเกือบ 1.5 5
00:00:48 → 00:00:50 หรือแต่ก่อนสมองเราหนักแค่ 400 กรัมเท่า
00:00:50 → 00:00:53 นั้นเองเท่ากับกอริillล่าถ้าคุณจะทำให้
00:00:53 → 00:00:55 เรื่องการเจ้าชู้เพื่อมุ่งเน้นการสืบพัน
00:00:56 → 00:00:58 ตอนนั้นคุณสมองใกล้เคียงกับสัตว์แต่ตอน
00:00:58 → 00:01:01 นี้คุณสมองใหญ่ขึ้นมา 2-3 เท่าทำไมคุณจึง
00:01:01 → 00:01:03 ทำตัวเหมือนกับสัตว์และอ้างความเป็น
00:01:03 → 00:01:06 ธรรมชาติพูดเรื่องสมองอีกแล้วผมว่าพ่อแม่
00:01:06 → 00:01:07 เขย่าเยอะ
00:01:07 → 00:01:09 อีกแล้ว
00:01:09 → 00:01:13 เลือดออกมากสมองทึบการเรียนรู้ต่ำ
00:01:13 → 00:01:17 ไม่มีใครทำอะไรโดยไร้เหตุผลดร.ตรินนัก
00:01:17 → 00:01:20 อาชญาวิทยาชื่อดังจะถอดรหัสความคิดที่
00:01:20 → 00:01:23 ซ่อนอยู่ในเงามืดของจิตใจทุกการกระทำล้วน
00:01:23 → 00:01:25 มีคำอธิบาย
00:01:25 → 00:01:30 [เพลง]
00:01:30 → 00:01:33 ตอนนี้นะฮะอาจารย์คนไทยหันมาสนใจเรื่อง
00:01:33 → 00:01:36 อัจฉยวิทยามากขึ้นเพราะฉะนั้นเราจะเห็น
00:01:36 → 00:01:39 ว่าเวลามีคดีพิเศษเคสพิเศษอะไรสื่อจะพุ่ง
00:01:39 → 00:01:40 ตรงไปที่อาจารย์เลยเห็นหน้าอาจารย์บ่อย
00:01:40 → 00:01:41 มาก
00:01:41 → 00:01:43 ครับอันนี้พี่ตั๊กเบื่อแล้วใช่มั้ยเห็น
00:01:43 → 00:01:43 หน้า
00:01:43 → 00:01:47 เห็นหน้าบ่อยมากแต่ว่าหน้าจริงอาจารย์ใส
00:01:47 → 00:01:47 มาก
00:01:48 → 00:01:49 ขอบพระคุณครับ
00:01:49 → 00:01:54 อาจารย์ไม่ต้องไปพูดเคสไหนไปเป็นหมอผิว
00:01:54 → 00:01:55 หนังเรื่องความสวยงาม
00:01:55 → 00:01:58 โอไม่ทันละเลือกสายนี้มาแล้วครับเรื่อง
00:01:58 → 00:02:00 อาชญากรรมเนี่ยจริงๆมันมีมาตลอดทุกยุค
00:02:00 → 00:02:04 สมัยมีหลายรปีแล้วนะครับมีไม่ว่าจะเป็น
00:02:04 → 00:02:06 รักวิ่งชิงปล้นข่มขืนฆาตกรรมเนี่ยมันมีมา
00:02:07 → 00:02:07 นานะ
00:02:07 → 00:02:07 นานแล้ว
00:02:07 → 00:02:09 แต่ศาสตร์วิชาเนี้ย
00:02:09 → 00:02:12 อายุของมันเนี่ยเค้าเรียกว่าศาสตร์ยาวไว
00:02:12 → 00:02:15 ถ้าเทียบกับแมhวิทยาศาสตร์มันยังถือว่า
00:02:15 → 00:02:18 อายุน้อยอยู่ในบรรดาศทั้งหมดที่โลกนี้เรา
00:02:18 → 00:02:22 เปิดทำการศึกษาอายุประมาณ 200 กว่าปีเท่า
00:02:22 → 00:02:22 นั้นเอง
00:02:22 → 00:02:23 อื
00:02:23 → 00:02:25 แต่สำหรับประเทศไทยเนี่ยเราเพิ่งรู้จัก
00:02:25 → 00:02:28 ศาสตร์วิชานี้ไม่กี่ทศวรรษครับ 20 30 40
00:02:28 → 00:02:29 ปีไม่เกินนี้
00:02:29 → 00:02:32 อือาจารย์ถามหน่อยเรื่องนี้มันมีเคสเยอะ
00:02:32 → 00:02:35 มากแล้วดูมันจะโหดร้ายขึ้นทุกวันหรือเป็น
00:02:36 → 00:02:37 เพราะว่าเรามีโซเชียลเรามีสื่ออาจารย์คิด
00:02:38 → 00:02:38 ว่ายังไง
00:02:38 → 00:02:41 ส่วนหนึ่งครับปัจจัยมีหลายอย่าง 1 เลยคือ
00:02:41 → 00:02:45 สื่อทำให้เราได้รับรู้ข่าวสารได้รวดเร็ว
00:02:45 → 00:02:45 อื
00:02:45 → 00:02:48 ถ้าเป็นแต่ก่อนถ้ามีคนฆ่ากันตายที่ต่าง
00:02:48 → 00:02:51 จังหวัดไกลๆที่สื่อไปไม่ถึงเราก็จะไม่
00:02:51 → 00:02:52 ทราบ
00:02:52 → 00:02:52 ครับเราไม่ทราบ
00:02:52 → 00:02:54 ทั้งๆที่การฆ่ากันมันมีตลอด
00:02:54 → 00:02:55 ค่ะ
00:02:55 → 00:02:58 และสื่อเนี่ยนอกจากเป็นตัวนำเสนอยังเป็น
00:02:58 → 00:03:01 ตัวสร้างอาชญากรด้วย
00:03:01 → 00:03:02 อาจารย์คิดว่างั้นเหรอ
00:03:02 → 00:03:04 มันเป็นอย่างงั้นครับ
00:03:04 → 00:03:05 สร้างอัชยากร
00:03:05 → 00:03:05 ใช่ครับ
00:03:05 → 00:03:05 ยังไงคะ
00:03:06 → 00:03:08 ใช่ครับมันมีการทดลองตั้งแต่ปี 1960 แล้ว
00:03:08 → 00:03:11 ครับถ้าถ้ารวมแล้วตอนนี้ก็ประมาณ 60 กว่า
00:03:11 → 00:03:13 ปีใช่มั้ยครับ
00:03:13 → 00:03:15 เอ่อการทดลองเนี้ยเนี่ยเกิดขึ้นโดย
00:03:15 → 00:03:17 ศาสตราจารย์อัลเบ์ร์ตแดดู่า
00:03:17 → 00:03:21 เค้าให้นักวิจัยครับเอาตุ๊กตาล้มลุกมา
00:03:21 → 00:03:24 ตั้งตุ๊กตาตัวนี้ชื่อน้องโบโบ้โดนต่อยโดน
00:03:24 → 00:03:26 เตะอยู่ 20 นาทีครับ
00:03:26 → 00:03:26 ค่ะ
00:03:26 → 00:03:30 โดยผู้ทำการทดลองแล้วก็อัดคลิปไว้และนำ
00:03:30 → 00:03:35 คลิปนี้ไปเปิดให้เด็กอายุ 6-12 ปีดู
00:03:35 → 00:03:35 ค่ะ
00:03:35 → 00:03:38 เด็กกลุ่ม A ได้ดูเด็กกลุ่ม B ไม่ได้ดู
00:03:38 → 00:03:41 และนำเด็ก 2 กลุ่มเนี้ยมาเล่นรวมกันใน
00:03:41 → 00:03:44 ห้องของเล่นที่มีลูกบาสลูกบอลเอ่อหุ่น
00:03:44 → 00:03:46 ยนต์รถบังคับ
00:03:46 → 00:03:46 อ
00:03:46 → 00:03:49 แล้วก็รวมถึงน้องโบโบ้ตั้งอยู่ด้วยการทด
00:03:49 → 00:03:52 ลองนี้มุ่งหมายที่จะศึกษาว่าเด็กมี
00:03:52 → 00:03:55 พฤติกรรมเลียนแบบจากการศึกษาแค่การมอง
00:03:55 → 00:03:59 เรียนรู้หรือไม่ผลที่ได้ก็คือเป็นไปตาม
00:03:59 → 00:04:02 คาดเด็กกลุ่ม A มีการเล่นกับของเล่นอย่าง
00:04:02 → 00:04:05 อื่นที่รุนแรงกว่าเด็กที่ไม่ได้ดูคลิป
00:04:05 → 00:04:10 แล้วก็เอ่อมีการทำกับตุ๊กตารุนแรงกว่าตัว
00:04:10 → 00:04:13 อย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอหลังจากนั้นไม่
00:04:13 → 00:04:16 กี่กี่ปีครับมหาวลัยโอโอ State ที่สหรัฐ
00:04:16 → 00:04:19 อเมริกาได้นำการทดลองเนี้ยมาทำอีกครั้ง
00:04:19 → 00:04:21 คราวนี้ให้ดูหนังทั่วไปเหมือนหนังโรงอ่ะ
00:04:22 → 00:04:22 ครับ
00:04:22 → 00:04:22 ค่ะ
00:04:22 → 00:04:24 Netflix อะไรเนี่ยเอาหนังแบบนั้นเลยไม่
00:04:24 → 00:04:27 ใช่การทดลองแบบต่อยตุ๊ตาล้มลุกละ
00:04:27 → 00:04:28 อือ
00:04:28 → 00:04:31 เอาหนังมาให้เด็กกลุ่ม A ดูเหมือนเดิม
00:04:31 → 00:04:33 กลุ่ม B ไม่ได้ดูแล้วคราวนี้ก็เอาเด็ก
00:04:33 → 00:04:37 เข้ามารวมกันอีกรอบนึงแต่รอบนี้มันกว่า
00:04:37 → 00:04:40 เดิมเพราะว่าเอาปืนจ38ของจริงเข้าไปซ่อน
00:04:40 → 00:04:41 ในห้องของเล่นด้วย
00:04:41 → 00:04:42 อื
00:04:42 → 00:04:43 อยากรู้ว่าเด็กจะทำยังไง
00:04:43 → 00:04:46 ร้อยละ 83 ของเด็กหาปืนเจอไม่ว่าคุณจะ
00:04:46 → 00:04:47 ซ่อนไว้ที่ไหน
00:04:47 → 00:04:48 อื
00:04:48 → 00:04:52 นะครับแล้วก็เด็กที่เห็นวีดีโอเห็นๆปืนใน
00:04:52 → 00:04:56 หนังอัตราการถือปืนและเล่นกับปืนนานกว่า
00:04:56 → 00:04:58 เด็กที่ไม่เคยเห็นปืนเลย 4-5 เท่า
00:04:59 → 00:04:59 อื
00:04:59 → 00:05:03 แล้วก็ไฮไลท์สำคัญของการวิจัยนี้คือเด็ก
00:05:03 → 00:05:07 ที่เคยเห็นปืนจะเหนี่ยวไกลปืนมากที่สุด
00:05:07 → 00:05:10 ถึง 20 ครั้งในขณะที่เด็กที่ไม่เคยเห็น
00:05:10 → 00:05:13 ปืนมาก่อนไม่มีใครเหนี่ยวไกลปืนเลยสักคน
00:05:13 → 00:05:13 อื
00:05:13 → 00:05:16 แสดงว่าเด็กเรียนรู้วิธีการใช้อาวุธจาก
00:05:16 → 00:05:17 สื่อ
00:05:17 → 00:05:17 จากสื่อ
00:05:18 → 00:05:20 นี่แค่ตัวอย่างแค่ปืน
00:05:20 → 00:05:20 อืม
00:05:20 → 00:05:22 เราลองคิดถึงอย่างอื่นสิครับ
00:05:22 → 00:05:22 อื
00:05:22 → 00:05:27 เกมรุนแรงการฆ่าการเอ่อinfluenซerที่ทำ
00:05:27 → 00:05:27 อะไรแผงๆ
00:05:28 → 00:05:28 ค่ะ
00:05:28 → 00:05:30 เด็กก็เรียนรู้แล้วไปทำตาม
00:05:30 → 00:05:30 ค่ะ
00:05:30 → 00:05:32 มันจึงมีจำนวนอาชยากรรมมากขึ้น
00:05:32 → 00:05:35 อืงั้นสื่อต่างๆที่เราเห็นเนี่ยมันมันมี
00:05:35 → 00:05:39 ผลทั้งนั้นแม้แต่คนที่เป็นพ่อแม่คนใกล้
00:05:39 → 00:05:42 ตัวกับลูกก็อาจจะทะเลาะตบตีกันเถียงกัน
00:05:42 → 00:05:44 หรือทำร้ายกันก็จะส่งผลถึงลูกได้เช่น
00:05:44 → 00:05:44 เดียวกัน
00:05:44 → 00:05:45 โดยตรงเลยครับ
00:05:45 → 00:05:47 อ๋อเพราะเ้าได้เห็น
00:05:47 → 00:05:49 ถ้าไม่เห็นก็ยังลำบากยากหน่อยได้เห็นถูก
00:05:49 → 00:05:53 ต้องได้เห็นได้ยินรู้สึกนับหมดเลยถ้าเป็น
00:05:53 → 00:05:56 ฝรั่งทางยุโรปเวลาพ่อแม่ทะเลาะกันเขาจะ
00:05:56 → 00:05:58 ไล่ลูกขึ้นไปข้างบน Go to your room
00:05:58 → 00:06:01 แล้วท่าเาก็จะทะเลาะกันแต่คนไทยก็ไม่ค่อย
00:06:01 → 00:06:03 ซีเรียสเรื่องนี้เท่าไหร่จะทะเลาะกันจะตบ
00:06:03 → 00:06:07 ตีกันต่อหน้าลูกกลายเป็นความกดดันความ
00:06:07 → 00:06:11 เครียดที่ฝังอยู่ในตัวเด็กตั้งแต่เล็กๆ
00:06:11 → 00:06:13 เกิดเป็นปมด้อยทางด้านความรู้สึก
00:06:13 → 00:06:16 อืแล้วอาจารย์อาจารย์คิดไงที่ว่าในยุค
00:06:16 → 00:06:18 ปัจจุบันเนี่ยพ่อแม่เนี่ยมันเหมือน
00:06:18 → 00:06:20 วุฒิภาวะมันก็ไม่ค่อยจะมี
00:06:20 → 00:06:23 ที่จะสนใจในเรื่องว่าเอ้ยสิ่งนี้ลูกไม่
00:06:23 → 00:06:26 ควรเห็นนะเราก็ทะเลาะกันเราตีกันเราบางที
00:06:26 → 00:06:26 อครับ
00:06:26 → 00:06:27 มีการฆ่ากัน
00:06:27 → 00:06:28 อ่าถูกต้อง
00:06:28 → 00:06:31 พ่อฆ่าแม่ต่อหน้าลูกเล็กๆก็นั่งอยู่ตรง
00:06:31 → 00:06:32 เนี้ยมันเกิดจากอะไร
00:06:32 → 00:06:35 เกิดเยอะเลยคือการเลี้ยงลูกตามแบบที่เรา
00:06:35 → 00:06:39 ถูกเลี้ยงมาไม่ได้แปลว่ามันถูกต้อง
00:06:39 → 00:06:40 ถูกพ่อแม่ก็ไม่ได้ถูกนะ
00:06:40 → 00:06:41 ใช่ครับ
00:06:41 → 00:06:42 เออค่ะ
00:06:42 → 00:06:45 คือพ่อแม่ยุคเนี้ยเค้ามองว่าเค้าถูก
00:06:45 → 00:06:47 เลี้ยงมาด้วยวิธีนี้เค้าก็จะเลี้ยงวิธี
00:06:47 → 00:06:48 นั้นกับลูก
00:06:48 → 00:06:50 ไม่งั้นปัจจุบันนี้มันจะมี parent
00:06:50 → 00:06:52 training ไปทำไมการฝึกพ่อแม่
00:06:52 → 00:06:53 ค่ะ
00:06:53 → 00:06:55 แล้วพ่อแม่ก็ตั้งคำถามสงสัยว่าทำไมลูกฉัน
00:06:55 → 00:06:59 ขี้โกหกจังเลยทำไมลูกฉันเป็นคนโกหกจริงๆ
00:06:59 → 00:07:01 แล้วคนที่สอนการโกหกครั้งแรกให้กับลูกคือ
00:07:01 → 00:07:02 ผู้ปกครองครับ
00:07:02 → 00:07:03 ค่ะ
00:07:03 → 00:07:05 เด็กอยากร้องไห้ตามธรรมชาติใช่มั้ครับ
00:07:05 → 00:07:07 เด็กจะมีอารมณ์อยากร้องไห้อยากหัวเราะหิว
00:07:07 → 00:07:09 ร้องไห้มันมีอยู่ไม่กี่อย่างพอเด็กร้อง
00:07:10 → 00:07:12 ไห้แล้วเนี่ยเราทำยังไงครับเวลาเจอเด็ก
00:07:12 → 00:07:13 แหกปากร้องไห้
00:07:13 → 00:07:14 ก็หลอกเด็ก
00:07:14 → 00:07:16 ทำยังไงบ้างอ่ะมันมีหลายวิธีที่พ่อแม่จะ
00:07:16 → 00:07:18 ทำอ่ะมีหลอกเด็กว่าอะไร
00:07:18 → 00:07:21 เด็กว่าเดี๋ยวเดี๋ยวเอ่อไม่ให้ร้องนะ
00:07:21 → 00:07:22 เดี๋ยวตำรวจมาจับ
00:07:22 → 00:07:23 อ่าโยนความผิดให้ตำรวจเลย
00:07:23 → 00:07:24 อ่า
00:07:24 → 00:07:26 มีอีกมั้ครับหลอก
00:07:26 → 00:07:28 อ่าเดี๋ยวผีหลอกก็คือโยนให้ผีเป็นตัวร้าย
00:07:28 → 00:07:29 มีอะไรอีกครับ
00:07:29 → 00:07:31 มีลงโทษอย่างอื่นมั้ย
00:07:31 → 00:07:31 เช่น
00:07:31 → 00:07:32 ตี
00:07:33 → 00:07:35 หรือบางคนให้ขนมโอ๊ยถ้าร้องไห้จะไม่กิน
00:07:35 → 00:07:35 ขนมนะ
00:07:35 → 00:07:37 อ้าอะไรอย่างงี้
00:07:37 → 00:07:40 มันเป็นการทำให้เด็กเรียนรู้ว่าการแสดง
00:07:40 → 00:07:43 อารมณ์ที่แท้จริงเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์
00:07:43 → 00:07:44 แต่พ่อแม่เราสมัยก่อนเป็นอย่างงี้นะ
00:07:44 → 00:07:46 อาจารย์อันไม่ได้ว่าไม่ได้ว่ามันเป็นงั้น
00:07:46 → 00:07:46 จริง
00:07:46 → 00:07:48 ครับเพราะว่าเค้าไม่เข้าใจไงครับ
00:07:48 → 00:07:49 เไม่เข้าใจวิธีการเลี้ยง
00:07:49 → 00:07:53 วิทยาการสมัยใหม่วิทยาศาสตร์หรือการทดลอง
00:07:53 → 00:07:56 การเลี้ยงลูกอ่ะเขาทำมาแล้วยิ่งนานวัน
00:07:56 → 00:07:58 เข้ามันก็ยิ่งเกิดความชัดเจนขึ้นในวิธี
00:07:58 → 00:08:00 ที่เลี้ยงลูกที่ถูกต้อง
00:08:00 → 00:08:03 ทีเนี้ยพอเราไปทำแบบนั้นน่ะเด็กจึงเรียน
00:08:03 → 00:08:05 รู้ว่าพ่อแม่ไม่ได้ชอบตอนฉันแสดงอารมณ์
00:08:05 → 00:08:07 ที่ฉันรู้สึกจริงๆ
00:08:07 → 00:08:07 ค่ะ
00:08:07 → 00:08:10 เด็กจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะโกหกเพื่อทำให้
00:08:10 → 00:08:11 พ่อแม่พอใจ
00:08:11 → 00:08:11 อื
00:08:11 → 00:08:13 อ๋อฉันร้องไห้เธอไม่ชอบใช่มั้ยงั้นฉัน
00:08:14 → 00:08:14 ต้องปั้นหน้า
00:08:14 → 00:08:15 อื
00:08:15 → 00:08:17 นี่คือจุดเริ่มต้นของการโกหก
00:08:17 → 00:08:17 ค่ะ
00:08:17 → 00:08:20 แต่เด็กโกหกเป็นเรื่องปกติครับเป็นความ
00:08:20 → 00:08:23 สามารถในการเรียนรู้เชิงสังคม
00:08:23 → 00:08:24 ไม่ผิดใช่มั้ฮะ
00:08:24 → 00:08:24 ไม่ผิดครับ
00:08:24 → 00:08:25 อื
00:08:25 → 00:08:29 แต่ถ้าเริ่มโกหกจนโตแล้วเนี่ยเป็นเรื่อง
00:08:29 → 00:08:30 ผิดปกติแล้วครับ
00:08:30 → 00:08:31 อ่า
00:08:31 → 00:08:34 เป็นโรคทางจิตชื่อโรคว่าfฟantas
00:08:34 → 00:08:36 คือนิดหน่อยมันก็เป็นนิสัยของมนุษย์ใน
00:08:36 → 00:08:36 เรื่อง
00:08:36 → 00:08:38 การโกหกนิดหน่อยมันเป็นเรื่องธรรมดา
00:08:38 → 00:08:40 มนุษย์เราโกหกทุกค่ะ
00:08:40 → 00:08:43 อย่างน้อยก็โหโกหกทุกชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
00:08:43 → 00:08:43 อ่า
00:08:43 → 00:08:44 โดยที่
00:08:44 → 00:08:47 จุดมุ่งหมายหรือเจตนาของการโกหกมันอาจจะ
00:08:47 → 00:08:49 ไม่ได้พิเศษหรือสำคัญอะไรอย่างเช่นมีคน
00:08:49 → 00:08:52 ถามพี่ตั๊กว่าจะไปร้านกาแฟเอาอะไรมั้ย
00:08:52 → 00:08:54 พี่ตั๊กก็บอกว่าเออได้ทานมาแล้วจริงๆยัง
00:08:54 → 00:08:55 ไม่ได้ทานครับ
00:08:55 → 00:08:56 อ่ะนั่นคือการโกหก
00:08:56 → 00:08:59 เราโกหกทำไมเราต้องถามตัวเองก่อน
00:08:59 → 00:09:00 โกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจ
00:09:00 → 00:09:03 โกหกไปงั้นพูดไปนั้นบางทีบางทีหาเหตุผล
00:09:03 → 00:09:05 ไม่ได้เลยว่าเราพูดทำไมพูดไปงั้นน่ะ
00:09:05 → 00:09:05 อื
00:09:05 → 00:09:07 การโกหกมันเป็นส่วนหนึ่ง
00:09:07 → 00:09:07 ค่ะ
00:09:07 → 00:09:08 ของมนุษย์
00:09:08 → 00:09:10 ค่ะวันนี้อยากรู้เรื่องนี้พูดถึงเรื่อง
00:09:11 → 00:09:12 อาชญาวิทยา
00:09:12 → 00:09:15 ใช่มั้ยก็อาชญาก็มาจากอาชญกรรม
00:09:15 → 00:09:17 ปัจจุบันนี้คนหน้าตาดี
00:09:18 → 00:09:18 อื
00:09:18 → 00:09:19 เราจะสังเกต
00:09:19 → 00:09:19 ครับ
00:09:19 → 00:09:23 ก็จะทำปัญหาเกิดขึ้นมากมายนะเค้าบอกคน
00:09:23 → 00:09:26 หน้าตาดีเนี่ยจะได้เปรียบหลายเรื่องเลย
00:09:26 → 00:09:29 อาจารย์ว่าจริงแค่ไหนหน้าตาดีมีอภิสิทธิ์
00:09:29 → 00:09:29 อ
00:09:29 → 00:09:32 ถูกต้องครับในทางจิตวิทยาเป็นแบบนั้นเลย
00:09:32 → 00:09:35 คือตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วเนี่ยเราจะมี
00:09:35 → 00:09:37 รหัสพันธุกรรมหรือเราเรียกว่า DNA
00:09:37 → 00:09:37 ค่ะ
00:09:37 → 00:09:40 ในการเซตโปรแกรมแรมไว้ว่ามนุษย์เราควรจะ
00:09:40 → 00:09:44 ต้องหาอาหารอย่างไรสืบพันอย่างไรซึ่งการ
00:09:44 → 00:09:47 พูดเรื่องbeิวตี้ก็ต้องพูดถึงการสืบ
00:09:47 → 00:09:48 พันธุ์
00:09:48 → 00:09:52 มนุษย์เราจึงถูกโปรแกรมไว้ให้ชอบคนที่
00:09:52 → 00:09:57 หน้าตาดูสุขภาพดีดูแข็งแรงดูสมมาตเท่ากัน
00:09:57 → 00:09:58 ทางซ้ายขวาออ
00:09:58 → 00:10:01 นะครับอย่างเช่นตาโตจมูกโด่ง
00:10:01 → 00:10:06 ผิวดีดูไม่มีโรคมันคือรหัสพันธุกรรมที่
00:10:06 → 00:10:07 ถูกโปรแกรมไว้
00:10:07 → 00:10:08 อ่า
00:10:08 → 00:10:10 แต่หากให้เลือกนะครับระหว่างคนที่หน้าตา
00:10:10 → 00:10:13 สมมาตแต่หน้าตาธรรมดากับคนหล่อสวยเครื่อง
00:10:13 → 00:10:16 หน้าชัดมากแต่ตาไม่เท่ากัน
00:10:16 → 00:10:19 เรามักจะเลือกคนที่น่าสมมาตมากกว่า
00:10:19 → 00:10:20 น่าสมมาตมากกว่า
00:10:20 → 00:10:23 ดังนั้นคำว่า Beauty Standard หรือว่า
00:10:24 → 00:10:27 ความลำเอียงในด้านของหน้าตาเป็นเรื่อง
00:10:27 → 00:10:30 เกี่ยวกับรหัสพันธุกรรมหรือกรรมพันธ์ของ
00:10:30 → 00:10:31 มนุษย์
00:10:31 → 00:10:33 เราก็จะได้อภิสิทธิ์ด้วย
00:10:33 → 00:10:35 เราได้อภิสิทธิ์ด้วยครับใช่ไปไหนคนก็ต้อน
00:10:36 → 00:10:36 รับ
00:10:36 → 00:10:37 อ่าใช่
00:10:37 → 00:10:40 หน้าตาดีมีแนวโน้มที่ทำให้คนเชื่อสิ่งที่
00:10:40 → 00:10:43 เราพูดมากกว่าและมองในแง่ดีเข้าข้างเรา
00:10:43 → 00:10:44 มากกว่า
00:10:44 → 00:10:47 นั่นคือหลักจิตวิทยาแล้วก็จริงด้วยนะคะ
00:10:47 → 00:10:49 มันถูกเซตโปรแกรมมา
00:10:49 → 00:10:52 นะคะนี้ในเชิงอัชญาวิทยา
00:10:52 → 00:10:55 หน้าตาดีมีผลกับการก่ออาชญากรรมยังไง
00:10:55 → 00:10:59 อืหน้าตาดีง่ายที่สุดที่ทำให้ชัดเจนที่
00:10:59 → 00:11:02 สุดในการอธิบายคือการใช้หน้าตาและรูป
00:11:02 → 00:11:05 ลักษณ์ภายนอกไปหลอกลวงผู้อื่น
00:11:05 → 00:11:05 อื
00:11:05 → 00:11:07 อย่างเช่นผมใส่สูตรผูกไท้
00:11:07 → 00:11:10 ทำตัวเป็นนักธุรกิจแล้วก็พูดเรื่องหุ้น
00:11:10 → 00:11:13 การเล่นหุ้นดูมีความรู้มากเลยคนก็จะฟัง
00:11:13 → 00:11:14 แล้วคนก็จะเชื่อ
00:11:14 → 00:11:15 เชื่อ
00:11:15 → 00:11:17 ลองเปรียบเทียบกับผมใส่เสื้อกล้ามกางเกง
00:11:17 → 00:11:20 ยีนะครับแล้วมาพูดเรื่องหุ้นทั้งๆที่พูด
00:11:20 → 00:11:24 เหมือนกันคนก็จะไม่เชื่อเพราะมันอยู่ที่
00:11:24 → 00:11:28 การแสดงบุคลิกภาพภายนอกให้คู่สนทนาได้
00:11:28 → 00:11:31 เห็นเราเรียกว่า impression first
00:11:31 → 00:11:33 impression มันก็เป็นหลักจิตวิทยาของการ
00:11:33 → 00:11:36 ตัดสินมนุษย์ด้วยความรู้สึกอีกเช่นกัน 15
00:11:36 → 00:11:38 วินาวินาทีเราตัดสินแล้วครับว่าเราชอบ
00:11:38 → 00:11:39 หรือไม่ชอบ
00:11:39 → 00:11:39 อ๋อ
00:11:40 → 00:11:42 คุณจะเก่งแค่ไหนไม่รู้แหละแต่รูปร่างหน้า
00:11:42 → 00:11:43 ตาการแต่งตัวของคุณทำให้ผมรู้สึกไปแล้ว
00:11:44 → 00:11:45 ว่าชอบหรือไม่ชอบ
00:11:45 → 00:11:45 อื
00:11:45 → 00:11:47 เป็นหลักทางจิตวิทยา
00:11:47 → 00:11:47 นะฮะ
00:11:47 → 00:11:49 พี่ตั๊กเคยเห็นใครครั้งแรกแล้วแบบไม่ชอบ
00:11:49 → 00:11:51 ขี้หน้าไม่ถูกชะตา
00:11:51 → 00:11:52 ก็มี
00:11:52 → 00:11:54 คำว่าไม่ถูกชะตาขอเหตุผลได้มั้ยครับ
00:11:54 → 00:11:56 เออเราไม่มีเหตุผลเราไปตัดสินจากการที่
00:11:56 → 00:11:57 ฉันไม่ชอบไง
00:11:57 → 00:12:01 ซึ่งการไม่ชอบมันมาจากอารมณ์อารมณ์จะ
00:12:01 → 00:12:04 เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่เคยมีมันจะ
00:12:04 → 00:12:07 เป็นข้อมูลที่บรรจุอยู่ในสมองเช่นเค้าอาจ
00:12:07 → 00:12:11 จะน่าคล้ายหรือมีส่วนคล้ายคลึง
00:12:11 → 00:12:12 ของกิ๊กแฟนเรา
00:12:12 → 00:12:14 ออเหรอ
00:12:14 → 00:12:16 แล้วเราก็จะไม่ชอบหรือบางครั้งเราไม่ชอบ
00:12:17 → 00:12:18 สิ่งนั้นในตัวเองครับ
00:12:18 → 00:12:21 ตัวเราเองก็มีตัวเาก็มีแต่การเกลียดคน
00:12:21 → 00:12:23 อื่นมันง่ายกว่าการพูดว่าเกลียดตัวเอง
00:12:23 → 00:12:25 เราก็เลยไม่ชอบคนอื่นง่ายกว่า
00:12:25 → 00:12:28 แล้วอย่างอีกอันนึงคดีชู้สาวหรือคดี
00:12:28 → 00:12:31 ฆาตกรรมโออาจารย์ตอนนี้เยอะมากเรื่องความ
00:12:31 → 00:12:33 หึงหวงรูปร่างหน้าตา
00:12:33 → 00:12:34 อือฮึ
00:12:34 → 00:12:35 มีส่วนมั้ฮะ
00:12:35 → 00:12:40 มีส่วนเพราะว่าการที่เพศชายเพศหญิงมันมี
00:12:40 → 00:12:43 ความสัมพันธ์กันน่ะครับอย่างแรกเลยคือการ
00:12:43 → 00:12:45 ถูกดึงดูดด้วยรูปร่างหน้าตา
00:12:45 → 00:12:47 เพราะมันคืออย่างแรกที่เราได้สัมผัสได้
00:12:47 → 00:12:48 เห็น
00:12:48 → 00:12:50 เราคงจะพูดไม่ได้ว่าถ้าเราเดินไปจีบเค้า
00:12:50 → 00:12:52 ว่าเค้านิสัยดี
00:12:52 → 00:12:53 เพราะเราไม่รู้ว่าเค้านิสัยยังไง
00:12:53 → 00:12:54 ใช่
00:12:54 → 00:12:56 เว้นแต่ว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อนและเริ่ม
00:12:56 → 00:12:59 ชอบจากการรู้จักนิสัยอันนี้เป็นข้อยกเว้น
00:12:59 → 00:13:02 ทีเนี้ยการหึงหวงเนี่ยมันปริมาณมันเพิ่ม
00:13:02 → 00:13:07 มากขึ้นจริงๆผมต้องบอกว่าด้วยสังคมเรา
00:13:07 → 00:13:10 ด้วยวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญมากกับการ
00:13:10 → 00:13:13 หน้าตาดีมีผิวขาว Beauty Standard ของ
00:13:13 → 00:13:16 แต่ละประเทศวัฒนธรรมไม่เหมือนกันในห้าง
00:13:16 → 00:13:18 เราครับทุกอย่าง White Training แต่ของ
00:13:18 → 00:13:20 ยุโรปเป็น
00:13:20 → 00:13:21 อ่าไม่เหมือนกันเลย
00:13:21 → 00:13:22 ความสวยไม่เหมือนกัน
00:13:22 → 00:13:23 อ้อ
00:13:23 → 00:13:25 ของคนไทยต้องเป็นยังไงต้องตัวเล็กต้องผอม
00:13:25 → 00:13:29 ตาโตจมูกโด่งอ่านั่นคือ Beauty Standard
00:13:29 → 00:13:30 ของแต่ละวัฒนธรรม
00:13:30 → 00:13:33 ทีเนี้ยพอมันมีเรื่องหน้าตาเข้ามาเกี่ยว
00:13:33 → 00:13:36 ข้องที่ดึงดูดเรื่องความสัมพันธ์คนที่
00:13:36 → 00:13:39 หน้าตาด้อยกว่าหรือรู้สึกว่าตัวเองด้อย
00:13:39 → 00:13:42 กว่าคู่ก็จะเกิดการแสดงความเป็นเจ้าของ
00:13:42 → 00:13:43 และหึงหวง
00:13:43 → 00:13:45 ด้อยกว่าคู่คือ
00:13:45 → 00:13:46 คู่เราอย่างเช่น
00:13:46 → 00:13:47 ผู้หญิงสวย
00:13:47 → 00:13:50 แฟนเราสวยแต่เราดูแบบหน้าธรรมดา
00:13:50 → 00:13:50 อ่า
00:13:50 → 00:13:54 เราก็จะหวงและการโจมตีเวลาก่ออาจกรรมก็จะ
00:13:54 → 00:13:57 โจมตีบริเวณใบหน้าและหัวเป็นหลักนั่นคือ
00:13:57 → 00:13:58 ความอิจฉา
00:13:58 → 00:14:01 นี่คือนี่คือหลักทางด้านจิตวิทยาและ
00:14:01 → 00:14:02 อาชญาวิทยาครับ
00:14:02 → 00:14:05 อ๋อเหรอฮะตำแหน่งในการแทงและยิงก็เกี่ยว
00:14:05 → 00:14:08 ข้องกับอารมณ์ขณะก่อเหตุเช่นกัน
00:14:08 → 00:14:09 อ๋อเหรอฮะ
00:14:09 → 00:14:12 ใช่ครับการเลือกที่จะแทงป้องกันตัวหรือ
00:14:12 → 00:14:15 แทงเพราะเกลียดทุบเพราะอิจฉามันจะบอกได้
00:14:15 → 00:14:19 หมดเลยว่าคุณทำยังไงกับเหยื่อ
00:14:19 → 00:14:19 อื
00:14:19 → 00:14:24 มันมีคดีนึงที่สามีภรรยาเผาแม่ต่อหน้าลูก
00:14:24 → 00:14:28 คือทะเลาะหึงหวงทำลายร่างกายภรรยาและเอา
00:14:28 → 00:14:31 อิฐบล็อกอ่ะทุบหน้าทุบหัวจนภรรยาเสีย
00:14:31 → 00:14:31 ชีวิต
00:14:31 → 00:14:33 ภรรยาหน้าตาดีมั้ยหน้าตาดีครับ
00:14:33 → 00:14:34 สามีหน้าตาแยกกว่า
00:14:34 → 00:14:35 ถูกต้อง
00:14:35 → 00:14:36 อ๋อ
00:14:36 → 00:14:39 มันก็ตรงโอ้โหพอคือเราเก็บข้อมูลมาคือการ
00:14:39 → 00:14:42 ศึกษาเรื่องเนี้ยอย่างที่บอกประเทศอื่น
00:14:42 → 00:14:45 เขาสะสมข้อมูลมา 200 กว่าปีเราเพิ่งสะสม
00:14:45 → 00:14:49 ข้อมูลมาไม่ถึงครึ่งศตวรรษเลยดังนั้นของ
00:14:49 → 00:14:52 ประเทศไทยมันยังน้อยมีอะไรมันก็ต้องไป
00:14:52 → 00:14:54 เปรียบเทียบกับทฤษฎีของฝรั่งเขา
00:14:54 → 00:14:56 แต่มันก็นำมาอธิบายได้เช่นกันเพราะสุด
00:14:56 → 00:14:59 ท้ายแล้วทุกเชื้อชาติทุกภาษาเราคือมนุษย์
00:14:59 → 00:15:02 ที่มีพื้นฐานในการตัดสินใจหรือว่าการแสดง
00:15:02 → 00:15:04 อารมณ์ตามสัญชาตญาณเหมือนกัน
00:15:04 → 00:15:07 ค่ะซึ่งจะมีหลายเคสในลักษณะเนี่ยอย่าง
00:15:07 → 00:15:10 อย่างเรื่องการฆาตกรรมบางทีอาจจะมีเรื่อง
00:15:10 → 00:15:13 อ่าเรื่องผ่าเรื่องอะไรกันเนี่ยนะฮะมัน
00:15:13 → 00:15:14 สามารถบอกได้มาตรงเนี้ย
00:15:14 → 00:15:17 ใช่อ่ะบอกได้จริงๆโรคทางจิตมันเยอะมากเลย
00:15:17 → 00:15:18 นะพี่ตัก
00:15:18 → 00:15:19 ตอนนี้คนเป็นโรคจิตเยอะใช่มั้ย
00:15:19 → 00:15:22 เยอะครับโดยเฉพาะประเทศไทยพูดได้มั้ว่า
00:15:23 → 00:15:23 เพราะอะไร
00:15:23 → 00:15:25 เนี่ยกำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้นอาจารย์
00:15:25 → 00:15:30 กัญชาเสรีครับยาเสพติดไม่มีวันหมดไปยาเสพ
00:15:30 → 00:15:33 ติดกัญชากระท่อมที่เราหาซื้อได้ตามท้อง
00:15:33 → 00:15:36 ถนนทั่วไปเป็นเขาเรียกว่า First Gตway
00:15:36 → 00:15:39 Drug หรือประตูแรกสู่การรู้จัก
00:15:39 → 00:15:40 ยาเสพติด
00:15:40 → 00:15:41 ค่ะ
00:15:41 → 00:15:44 เด็กสมัยนี้ประถมนะครับเริ่มใช้กระท่อม
00:15:44 → 00:15:45 น่ากลัวมาก
00:15:45 → 00:15:47 แล้วพอเริ่มประถมปลายเริ่มตั้งครรภ์เป็น
00:15:47 → 00:15:49 พ่อแม่วัยใส
00:15:49 → 00:15:52 คิดดูแล้วว่ารูปร่างของเด็กมนุษย์ที่ยัง
00:15:52 → 00:15:55 โตไม่เต็มที่แล้วไปตั้งการคลอดลูกอ่ะลูก
00:15:55 → 00:15:57 จะปกติมย
00:15:57 → 00:15:57 น
00:15:57 → 00:16:00 มันไม่ปกติอยู่แล้วการเสพสื่อไม่ได้ถูก
00:16:00 → 00:16:03 จำกัดอายุเราพูดไปงานว่าเราจำกัดอายุใน
00:16:03 → 00:16:06 การเข้าดูเอาจริงๆเด็กดูได้มั้ล่ะครับ
00:16:06 → 00:16:09 ทีวีไม่ได้ดับนี่เน็ตไม่ได้ถูกตัดเวลาเรา
00:16:09 → 00:16:10 กดเข้าไป
00:16:10 → 00:16:12 มันไม่ได้ตรวจสอบอายุเราดังนั้นสิ่งที่
00:16:13 → 00:16:16 อันตรายและเป็นเหมือนตัวแบบมันเผยแพร่ละ
00:16:16 → 00:16:18 เข้าสู่สมองเด็กได้กว้างขึ้นเนื่องจาก
00:16:18 → 00:16:22 อินเทอร์เน็ตแล้วพ่อแม่ประเทศไทยต้องยอม
00:16:22 → 00:16:26 รับว่าเรามีคนจนมากกว่าคนที่มีตังค์คนจน
00:16:26 → 00:16:28 เขาก็ต้องออกไปหางานทำ
00:16:28 → 00:16:28 ไม่มีเวลา
00:16:28 → 00:16:31 ไม่มีเวลาให้ลูกเขาจะไปนั่งดูไอ iPad กับ
00:16:31 → 00:16:33 ลูกแล้วบอกว่าอันนี้ดีไม่ดีก็ไม่ได้ไง
00:16:33 → 00:16:37 ครับเด็กจึงถูกเลี้ยงมาด้วยเทคโนโลยี
00:16:37 → 00:16:38 เพราะสื่อ
00:16:38 → 00:16:41 มันเป็นเรื่องปกติของวัฏจักรของพลวัตของ
00:16:41 → 00:16:45 สังคมเมื่อมีสิ่งเกิดขึ้นแล้วถูกเผยแพร่
00:16:45 → 00:16:47 จะมีคนทำตาม
00:16:47 → 00:16:48 อืมโอ
00:16:48 → 00:16:51 ดูไซยานัยสิครับมี 1 คดีปุ๊บไม่ถึงเดือน
00:16:51 → 00:16:54 มีอีก 1 คดีและอีก 1 คดีรวมกันแล้วตั้ง
00:16:54 → 00:16:56 หลายคดีเรื่องไซยนายเพราะสื่อให้คุณค่า
00:16:56 → 00:16:59 กับมันจากคนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันใช้ได้
00:16:59 → 00:17:01 หรออ้าวลองดี
00:17:01 → 00:17:04 เพราะสมัยก่อนพี่จำได้ว่าเราจะมีทีวีเฉยๆ
00:17:04 → 00:17:06 เราไม่ได้มีโซเชียลเราไม่ได้ดูได้ง่าย
00:17:06 → 00:17:07 ขนาดนี้
00:17:07 → 00:17:07 อ
00:17:07 → 00:17:10 คนก็ยังเราก็ยังอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็น
00:17:10 → 00:17:12 สุขว่ามั้ยอาจารย์ว่ามั้ยอาจารย์เกิดทัน
00:17:12 → 00:17:12 ป่าไม่รู้ว่า
00:17:12 → 00:17:15 ผมผมคิดว่าแต่ก่อนน่ะอาชยากรรมมันน้อย
00:17:15 → 00:17:16 กว่าปัจจุบัน
00:17:16 → 00:17:17 น้อยกว่า
00:17:17 → 00:17:20 เนื่องจาก 1 สื่อก็ไม่ทราบอีกอย่างนึงคือ
00:17:20 → 00:17:23 เศรษฐกิจและการต่อสู้โอกาสทางสังคมความ
00:17:23 → 00:17:24 เหลื่อมล้ำไม่ได้เยอะขนาดนี้
00:17:24 → 00:17:25 ค่ะ
00:17:25 → 00:17:27 ปัจจุบันนี้คือรวยกระจุกจนกระจาย
00:17:27 → 00:17:27 อื
00:17:27 → 00:17:31 คนจนหรือคนรวยเก็ต้องการประสบความสำเร็จ
00:17:31 → 00:17:35 เหมือนกันแต่วิถีทางในการเข้าไปสู่ความ
00:17:35 → 00:17:38 สำเร็จเรามีไม่เท่ากันดังนั้นเขาก็ต้องหา
00:17:38 → 00:17:42 ทางลัดไงครับในการมีเงินมีชื่อเสียงใน
00:17:42 → 00:17:46 เมื่อทำตามทางทั่วไปเดินตามสเต็ปมันช้า
00:17:46 → 00:17:46 ช้า
00:17:46 → 00:17:49 มันไม่ได้อ่ะระบบ connection ระบบ
00:17:49 → 00:17:51 คอร์รัปชัทุกอย่างมันเอื้อให้เกิด
00:17:51 → 00:17:53 อาชยกรรมมากไปหมดเลย
00:17:53 → 00:17:53 โอน
00:17:53 → 00:17:55 โดยเฉพาะการลงโทษที่ไม่เด็ดขาดในประเทศ
00:17:55 → 00:17:57 ไทย
00:17:57 → 00:17:59 จริงๆพี่ว่าก็อาจจะต้องแก้จากตรงนี้ด้วย
00:17:59 → 00:18:00 ใช่ครับ
00:18:00 → 00:18:02 เอาให้เด็ดขาดไปคนอาจจะพอจะกลัวบ้าง
00:18:02 → 00:18:05 แต่คนที่ออกกฎในประเทศเราคือกลุ่มบุคคล
00:18:05 → 00:18:09 ที่มีอำนาจและมักจะสร้างอำนาจเอื้อกับ
00:18:09 → 00:18:11 กลุ่มของตัวเอง
00:18:11 → 00:18:14 ดังนั้นอย่างนักวิชาการถึงผมจะเอางาน
00:18:14 → 00:18:16 วิจัยมา 100 เรื่องเค้าฟังผมให้ความรู้
00:18:16 → 00:18:19 สาธารณะมันก็จบแค่นั้นมันไม่ได้ถูกนำไป
00:18:19 → 00:18:23 ปฏิบัติจริงอย่างกฎหมายการสะกดรอยตามอ่ะ
00:18:23 → 00:18:26 ครับต่างประเทศมีตั้งนานแล้วครับว่าถ้ามี
00:18:26 → 00:18:29 คนสต๊อกเราสต๊อกเกอร์เดินตาม
00:18:29 → 00:18:30 เราทำไงอ่ะ
00:18:30 → 00:18:33 เราสามารถให้ศาลสั่งห้ามเข้าใกล้หรือว่า
00:18:33 → 00:18:35 สามารถจับกุมได้เลยครับ
00:18:35 → 00:18:35 แต่
00:18:35 → 00:18:38 แต่ประเทศไทยก็คือจับไม่ได้เหตุยังไม่
00:18:38 → 00:18:39 เกิด
00:18:39 → 00:18:40 ต้องเกิดเรื่องซะก่อน
00:18:40 → 00:18:42 เออต้องโดนแทงก่อนหรือต้องโดนข่มขืนก่อน
00:18:42 → 00:18:43 อ๋อ
00:18:43 → 00:18:46 แค่มีคนมาเดินตามตำรวจก็จะถามว่าเค้าทำ
00:18:46 → 00:18:47 ผิดกฎหมายข้อไหน
00:18:47 → 00:18:48 อ่า
00:18:48 → 00:18:51 แต่ถ้าเค้าเดินตามคุณมา 1 เดือนเนี่ยนี่
00:18:51 → 00:18:52 ผิดปกติแล้วนะ
00:18:52 → 00:18:55 เราสามารถเรามีสิทธิ์รู้สึกถูกคุกคามได้
00:18:55 → 00:18:58 เรายังไม่มีกฎหมายนี้ครับตอนเนี้ยในกำลัง
00:18:58 → 00:19:02 จะถูกยื่นเรื่องขึ้นมาเป็นกฎหมายดูซิว่า
00:19:02 → 00:19:05 ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจจะเห็นอย่างไรถ้าคุณ
00:19:05 → 00:19:07 อ้างหลักสากลจริงคุณต้องเอามาทั้ง
00:19:07 → 00:19:08 อื
00:19:08 → 00:19:10 ไม่ใช่เอาแค่บางสิ่งบางอย่างที่เอื้อกับ
00:19:10 → 00:19:11 ประโยชน์ของคุณบางข้อ
00:19:11 → 00:19:12 อค่ะ
00:19:12 → 00:19:15 ย้อนมาดูเรื่องนี้เรื่องเอ่ออัจกรรมที่
00:19:15 → 00:19:18 เกิดตอนนี้ส่วนมากอย่างที่บอกเป็นเรื่อง
00:19:18 → 00:19:23 หึงหวงมากผู้ชายผู้หญิงพี่คิดว่าพี่มี
00:19:23 → 00:19:23 อยู่ในใจ
00:19:23 → 00:19:24 อือฮึ
00:19:24 → 00:19:27 อาจารย์คิดว่าใครหวงแรงกว่ากัน
00:19:27 → 00:19:29 ผู้ชายอยู่แล้ว
00:19:29 → 00:19:32 เพราะว่าเพราะว่าผู้ชายมีฮอร์โมน
00:19:32 → 00:19:35 เทสเตอโรนและมันเรียกว่า masculine
00:19:35 → 00:19:38 possessiveness หรือการแสดงความเป็นเจ้า
00:19:38 → 00:19:40 เข้าเจ้าของหึงหวงในเพศชาย
00:19:40 → 00:19:41 ค่ะ
00:19:41 → 00:19:42 ตามพันธุกรรมของมนุษย์ครับ
00:19:42 → 00:19:43 อ่า
00:19:43 → 00:19:46 เพศชายจะหวงถิ่นจะหวงอาณาจักรในสัตว์ก็
00:19:46 → 00:19:51 เป็นแต่ผู้หญิงจะดุร้ายเฉพาะตอนตั้งครรภ์
00:19:51 → 00:19:54 นะครับดังนั้นสถิติการหึงหวงและทำให้เกิด
00:19:54 → 00:19:57 อาชญากรรมจะเกิดขึ้นที่ผู้ชายมากกว่า
00:19:57 → 00:19:58 มาจากฮอร์โมน
00:19:58 → 00:20:00 มาจากฮอร์โมนด้วยแล้วก็พันธุกรรมความเป็น
00:20:00 → 00:20:01 ผู้ชาย
00:20:01 → 00:20:04 อ๋อแล้วอย่างคนหน้าตาดีเนี่ยนะคะถ้าหน้า
00:20:04 → 00:20:07 ตาดีนะแต่แต่พี่พูดตรงๆนะคนก่ออาชญกรรมก็
00:20:07 → 00:20:09 ไม่ค่อยเห็นหน้าตาดีเท่าไหร่นะ
00:20:09 → 00:20:10 คือ
00:20:10 → 00:20:11 มีมั้มีหน้าตาดีๆมั้
00:20:11 → 00:20:12 มี
00:20:12 → 00:20:13 จริงหรอพี่ไม่ค่อยเห็น
00:20:13 → 00:20:16 แต่ประเภทของอาชญากรรมจะต่างจากอาชญกรรม
00:20:16 → 00:20:19 ทั่วไปเช่น White คอลหรือว่าอาชญกรรมพวก
00:20:19 → 00:20:21 ช่อโกง
00:20:21 → 00:20:24 อ่าเขาจะไม่ก่อเหตุลักณวิ่งชิงปล้นครับ
00:20:24 → 00:20:26 ถ้าเค้าหน้าตาดีเจะใช้หน้าเค้าในการเป็น
00:20:26 → 00:20:32 โรแมนซมหรือการหลอกให้ลงทุนแทนหน้าตา
00:20:32 → 00:20:35 เอื้อต่อการก่ออาจกรรมที่ต่างกันหน้าตา
00:20:35 → 00:20:36 เป็นใบเบิกทาง
00:20:36 → 00:20:39 อ๋อแล้วถ้าหน้าตาดีเนี่ยเวลามีอะไรคนจะ
00:20:39 → 00:20:41 ไม่ค่อยไม่ค่อยสงสัยเค้า
00:20:41 → 00:20:44 ถ้าหลักฐานมันไม่ประเจิดประเจ้อชัดเจนมาก
00:20:44 → 00:20:47 คนก็จะไม่หรอกเ้าไม่น่าจะทำหรอกเข้าข้าง
00:20:48 → 00:20:49 เพราะหน้าตาดีใช่มั้คะ
00:20:49 → 00:20:52 คนกลุ่มเนี้ยถ้าคึคลั่งไครล้ฆาตกรหรือ
00:20:52 → 00:20:56 อาชัยมากๆเนี่ยครับเป็นโรคนะครับถ้าเราไป
00:20:56 → 00:20:57 คลั่งคนหน้าตาดี
00:20:57 → 00:21:00 ไฮไฮbistตฟี
00:21:00 → 00:21:02 ถึงว่าถือว่าเป็นโรค
00:21:02 → 00:21:04 เขียนจดหมายหาคนในเรือนจำทุกวันว่าฉันรัก
00:21:04 → 00:21:08 เธออย่างี้สิ่งที่เธอทำมันเท่มากเลยมี
00:21:08 → 00:21:09 มีครับ
00:21:09 → 00:21:10 จริงเหรอ
00:21:10 → 00:21:10 เป็น
00:21:10 → 00:21:11 นักโทษที่หน้าตาดี
00:21:11 → 00:21:12 ใช่
00:21:12 → 00:21:13 มีคนข้างนอกเขียนจดหมาย
00:21:13 → 00:21:14 มี FC ครับ
00:21:14 → 00:21:15 FC ด้วย
00:21:15 → 00:21:18 FC ครับส่งของไปให้ส่งเงินไปให้แม้
00:21:18 → 00:21:22 กระทั่งวันออกจากเรือนจำมีขับรถมารับด้วย
00:21:22 → 00:21:23 เหรอ
00:21:23 → 00:21:27 ใช่ในคดีที่อเมริกาคือเทสบundี้ครับหน้า
00:21:27 → 00:21:28 ตาดี
00:21:28 → 00:21:28 อ๋อ
00:21:28 → 00:21:29 ค่า
00:21:29 → 00:21:32 ข่มขืน่าข่มขืนฆ่ามีเยอะครับไม่ใช่มีเคส
00:21:32 → 00:21:33 เดียวค่ะ
00:21:33 → 00:21:36 กลุ่มคนพวกนี้ก็จะแปลกเราเรียกก็เรียกว่า
00:21:36 → 00:21:37 ไฮบิฟี
00:21:37 → 00:21:38 ถือว่าเป็นโรคชนิดนึง
00:21:38 → 00:21:39 ใช่
00:21:39 → 00:21:41 แก้หายมั้คะ
00:21:41 → 00:21:43 น่าจะยากนะครับถ้าเกี่ยวกับบุคลิกภาพ
00:21:43 → 00:21:44 น่าอือๆ
00:21:44 → 00:21:49 มีคำอธิบายในทางจิตวิทยามว่าทำไม
00:21:49 → 00:21:52 เมื่อกี้อาจารย์พูดถึงเรื่องว่าสมองเรา
00:21:52 → 00:21:56 เนี่ยมันจะชอบคนสวยคนหล่อแล้วมันมีอธิบาย
00:21:56 → 00:21:59 มั้ว่าทำไมเราถึงคิดว่าคนสวยคนหล่อถึง
00:21:59 → 00:22:00 เป็นคนดี
00:22:00 → 00:22:04 อืมคือในความอคติตั้งแต่รูปลักษณ์หน้าตา
00:22:04 → 00:22:05 อคติไว้ก่อน
00:22:05 → 00:22:08 ใช่จะทำให้เรารู้สึกเข้าข้างคนที่ดู
00:22:08 → 00:22:12 สมบูรณ์แข็งแรงครับก็คือเราจะเข้าข้างและ
00:22:12 → 00:22:16 ชอบคนหน้าตาดีนั่นเองไม่ว่าเขาจะทำผิด
00:22:16 → 00:22:19 หรือไม่ผิดเรามีโอกาสมีแนวโน้มที่จะเชื่อ
00:22:19 → 00:22:20 เขามากกว่า
00:22:20 → 00:22:22 ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับมันมีการทดลองที่
00:22:22 → 00:22:23 ต่างประเทศ
00:22:23 → 00:22:23 ค่ะ
00:22:23 → 00:22:26 เด็กแต่งตัวเป็นลูกคุณหนูแล้วหลงทางคน
00:22:26 → 00:22:28 เดินเข้ามาถามว่าพ่อแม่หนูไปไหนพ่อแม่หนู
00:22:28 → 00:22:31 ไปไหนกับเด็กอีกคนนึงแต่งตัวมซครับคุ้ย
00:22:31 → 00:22:33 ขยะไม่มีใครสนใจเลย
00:22:33 → 00:22:34 เออ
00:22:34 → 00:22:36 นี่ก็เกี่ยวกับบุคลิกภายนอก
00:22:36 → 00:22:36 ใช่
00:22:36 → 00:22:40 ทั้งๆที่เขาเอาเด็กอายุเท่ากันคนเดียวกัน
00:22:40 → 00:22:42 ออคนเดียวกันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเฉยๆ
00:22:42 → 00:22:43 ใช่
00:22:43 → 00:22:44 โอ
00:22:44 → 00:22:44 ต่างมั้ย
00:22:44 → 00:22:45 ต่างใช่มคะ
00:22:45 → 00:22:46 อื
00:22:46 → 00:22:47 ไม่ค่อยยุติธรรมนะ
00:22:47 → 00:22:48 ครับ
00:22:48 → 00:22:49 ไม่ยุติธรรมเลย
00:22:49 → 00:22:52 อ่ะถ้าผมอ่ะจะเป็นมิจฉาชีพนะผมอยากได้
00:22:52 → 00:22:55 เงินรเดียวนะครับผมจะใส่สูตรผูกไท้แล้ว
00:22:55 → 00:22:57 เดินเข้าไปถามถามว่าผมลืมกระเป๋าตังค์ไว้
00:22:57 → 00:23:01 ที่บ้านผมขอเงิน 100 กลับบ้านได้มั้ครับ
00:23:01 → 00:23:05 กับผมแต่งตัวมซไม่มีรองเท้ามาขอ 100 นคุณ
00:23:05 → 00:23:06 ให้คนไหน
00:23:06 → 00:23:08 อืก็จะต้องชื่อคนหน้าตาดีกว่า
00:23:08 → 00:23:09 นี่ไง
00:23:09 → 00:23:10 เออ
00:23:10 → 00:23:11 มันคืออคติครับ
00:23:11 → 00:23:13 มันคืออคติแก้ได้มั้
00:23:13 → 00:23:16 โอ้โหยากเลย
00:23:16 → 00:23:18 แล้วอีกอย่างนึงเ้าบอกว่าคนเราเนี่ยถ้า
00:23:19 → 00:23:24 หน้าตาดีเวลาทำผิดแล้วคนจะให้อภัยไปเร็ว
00:23:24 → 00:23:25 กว่าคนหน้าตาไม่ดี
00:23:25 → 00:23:28 ถูกก็จริงก็เป็นเรื่องการเข้าข้างเหมือน
00:23:28 → 00:23:32 ตอนแรกแต่ถ้าเราหน้าตาขี้เหร่นะแล้วก่อ
00:23:32 → 00:23:35 เหตุอะไรก็แล้วแต่โดนสาปไม่จบครับแต่ถ้า
00:23:35 → 00:23:39 หน้าตาดีแป๊บเดียวก็จะลืมไปอย่างพวกดารา
00:23:39 → 00:23:42 เวลาทำผิดนะแป๊บก็สังคมก็ลืมซัพพอร์ต
00:23:42 → 00:23:46 เหมือนเดิมหรือบางคนไปเถียงแทนด้วยนะ
00:23:46 → 00:23:49 เถียงแทนศิลปินที่ตัวเองชอบว่าไม่แล้วก็
00:23:49 → 00:23:51 ไปด่าไปรุมด่าคนที่เขามาพูดข่าวอะไรอย่าง
00:23:51 → 00:23:52 เงี้ย
00:23:52 → 00:23:55 ก็มีก็ก็หน้าตาดีเราก็มี FC อยู่แล้ว
00:23:55 → 00:23:57 คนก็จะให้อภัยนะฮะ
00:23:57 → 00:23:58 ใช่ครับ
00:23:58 → 00:24:01 มีกรณีศึกษาหรืองานวิจัยอะไรมั้ฮะที่คน
00:24:01 → 00:24:03 ที่หน้าตาดีเนี่ยถ้าเกิดเขาได้รับโทษ
00:24:03 → 00:24:04 ครับ
00:24:04 → 00:24:06 โทษจะเบากว่ามัน
00:24:06 → 00:24:08 อันนี้พอมีอะไรพิสูจน์มั้ย
00:24:08 → 00:24:12 ผมเคยอ่านงานวิจัยที่ผู้พิพากษามีแนวโน้ม
00:24:12 → 00:24:16 ให้ประกันตัวคนที่ดูสะอาดสะอ้านและดูหน้า
00:24:16 → 00:24:19 ตาดีมากกว่าคนที่หน้าตาดูโหดหรือว่า
00:24:19 → 00:24:21 ลักษณะภายนอกเหมือนมนุษย์ยุคหินอย่าง
00:24:21 → 00:24:24 เงี้ยเขาก็อัตราการให้ประกันตัวก็จะน้อย
00:24:24 → 00:24:25 กว่าคนที่หน้าตาดีครับ
00:24:25 → 00:24:28 อาจารย์คิดว่าเพราะอะไรเพราะหน้าตาเเหรอ
00:24:28 → 00:24:30 เพราะหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว
00:24:30 → 00:24:33 เพราะอย่าลืมว่าผู้พิพากษาก็คือมนุษย์
00:24:33 → 00:24:37 ซึ่งมีอารมณ์และดุลพินิจไม่ใช่เป็นอะไร
00:24:37 → 00:24:38 ที่ยุติธรรมและเป็นวิทยาศาสตร์เสมอไป
00:24:38 → 00:24:41 โอหถึงแม้ว่าจะเรียนมาขนาดนี้แล้วก็ตามก็
00:24:41 → 00:24:42 ยังมีการเอนเอียง
00:24:42 → 00:24:45 คำว่าดุลยพินิจคืออารมณ์ครับ
00:24:45 → 00:24:46 อารมณ์
00:24:46 → 00:24:49 ของคนที่ไม่เหมือนกันคำว่าดุลพินิจว่าอ่ะ
00:24:49 → 00:24:52 สมมุติว่าผมจับคนสักคนนึง
00:24:52 → 00:24:55 การจะจับตรวจร่างกายหรือให้ยอมตรวจหรือ
00:24:55 → 00:24:58 ไม่ตรวจขึ้นกับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
00:24:58 → 00:25:00 ทั้งๆที่สมมุติว่าเมาแล้วขับหรือว่าอะไร
00:25:00 → 00:25:03 ก็แล้วแต่คือมันจำเป็นจะต้องตรวจอ่ะเแล้ว
00:25:03 → 00:25:06 แต่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ถ้าเป็น AI นะ
00:25:06 → 00:25:08 ครับถ้าให้ AI ตัดสินว่าคนไหนได้ประกัน
00:25:08 → 00:25:11 ตัวหรือไม่ให้ประกันตัว AI จะดูจาก
00:25:11 → 00:25:14 ประวัติที่ผ่านมาและจะตัดสินเพราะ AI ไม่
00:25:14 → 00:25:16 ได้มีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบใคร
00:25:16 → 00:25:17 ใช่ก็ว่ากันตรงๆ
00:25:17 → 00:25:18 อ่า
00:25:18 → 00:25:20 งั้นเมื่อไหร่จะใช้ AI อ่ะ
00:25:20 → 00:25:23 โอ้จริงจริงน่าสนใจมากเอ่อบางประเทศใช้ AI
00:25:23 → 00:25:24 ล่ะครับ
00:25:24 → 00:25:27 ในคดีเล็กๆเช่นค่าปรับ
00:25:27 → 00:25:28 เล็กๆน้อยๆ
00:25:28 → 00:25:30 เพราะว่าเที่ยงทำแน่นอน
00:25:30 → 00:25:32 เที่ยงทำแน่นอนโอดุลดุลระยะพินิจ
00:25:32 → 00:25:35 มีงานวิจัยนึงพี่ตั๊กน่าสนใจมากเติดตาม
00:25:35 → 00:25:39 ชีวิตของผู้พิพากษาประเทศตะวันออกกลางติด
00:25:39 → 00:25:44 ตามจำนวน 10 เดือนผู้พิพากษา 8 คนคอยดู
00:25:44 → 00:25:47 อารมณ์เขากับการอนุญาตประกันตัว
00:25:47 → 00:25:50 ส่วนใหญ่ผู้พิพากษาที่หิวมีอารมณ์หิวหิว
00:25:50 → 00:25:53 เช่นก่อนเที่ยงก่อนเลิกงานจะปฏิเสธการ
00:25:53 → 00:25:57 ประกันตัวมากกว่าหลังมื้ออาหาร
00:25:57 → 00:25:58 อื
00:25:58 → 00:26:01 แสดงว่าอารมณ์แค่หิวมีผลต่ออิสรภาพของคน
00:26:01 → 00:26:02 อื่น
00:26:02 → 00:26:04 งั้นการตัดสินต่างๆมันก็ขึ้นอยู่กับ
00:26:04 → 00:26:05 อารมณ์นะ
00:26:05 → 00:26:07 แล้วแต่พยานหลักฐานด้วยครับถ้าพยานหลัก
00:26:07 → 00:26:11 ฐานมันชี้ไปทางนี้มากๆมันก็ช่วยไม่ได้แต่
00:26:11 → 00:26:13 อันไหนที่มันก้ำกึ่งระวังถูกหรือผิดวะเรา
00:26:13 → 00:26:17 ต้องตัดสินใจละอันนี้ก็อาจจะใช้ดุลพินิจ
00:26:17 → 00:26:18 อ๋ออารมณ์
00:26:19 → 00:26:20 เออๆๆ
00:26:20 → 00:26:23 อาจารย์คิดมั้ยว่าที่มีคนเพูดว่าสังคม
00:26:23 → 00:26:27 เนี่ยไม่ยุติธรรมเลยโดยเฉพาะกับคนหน้าตา
00:26:27 → 00:26:29 ไม่ดี
00:26:29 → 00:26:32 จริงๆความยุติธรรมมันแทบจะหาได้ยากแล้ว
00:26:32 → 00:26:33 ครับ
00:26:33 → 00:26:36 ผมยังไม่เห็นอะไรจะยุติธรรมสักอย่าง
00:26:36 → 00:26:38 ถ้าบอกว่าสังคมเราไม่ยุติธรรมมันก็เป็น
00:26:38 → 00:26:41 เรื่องปกติแล้วเพราะไม่มีอะไรยุติธรรม
00:26:41 → 00:26:44 เหมือนการไปให้คุณค่ากับการเจ้าชู้กับไม่
00:26:44 → 00:26:46 เจ้าชู้อย่างเงี้ยครับคนไม่เจ้าชู้โดน
00:26:47 → 00:26:49 สังคมยกย่องถูกมยทั้งๆที่มันคือเรื่อง
00:26:49 → 00:26:51 ปกติติอ
00:26:51 → 00:26:53 มันเหมือนเราไปเย้โหดีใจมากเลยแฟนฉันมี
00:26:53 → 00:26:56 นิ้วมือ 10 นิ้วทั้งๆที่คนมี 10 นิ้วคือ
00:26:56 → 00:27:00 เรื่องปกติมันไม่สมควรถูกยกย่องเชิดเชิด
00:27:00 → 00:27:02 ชูมันควรจะ normaliz หรือทำเป็นธรรมดา
00:27:02 → 00:27:06 สามัญได้แล้วแต่เราปลูกฝั่งวัฒนธรรมชาย
00:27:06 → 00:27:09 เป็นใหญ่หรือว่าการมีวลีแบบชายแท้ต้องทำ
00:27:09 → 00:27:12 ยังไงเช่นผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่
00:27:12 → 00:27:16 มีพิษคุณพูดอย่างี้คุณหมายความว่ายังไง
00:27:16 → 00:27:17 ใช่
00:27:17 → 00:27:21 คุณอยากให้ผู้ชายมีพิษเหรอครับคุณให้คุณ
00:27:22 → 00:27:24 ค่ามันผิดจุด
00:27:24 → 00:27:26 ซึ่งตอนนี้มันมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้น
00:27:26 → 00:27:29 ใช่อาจารย์ก็เห็นในสื่อเหมือนกันอาจารย์
00:27:29 → 00:27:30 กำลังจะบอกว่า
00:27:30 → 00:27:32 อ
00:27:32 → 00:27:35 ไม่อยากให้ความเจ้าชู้เป็นเรื่องปกติ
00:27:35 → 00:27:36 ถูกต้อง
00:27:36 → 00:27:38 แต่อาจารย์เชื่อมั้ยว่ามีอยู่ครั้งนึงมัน
00:27:38 → 00:27:42 มีข่าวอันนี้ออกมาพี่กำลังจะคือคุยกับคน
00:27:42 → 00:27:43 ในโซเชียลว่า
00:27:43 → 00:27:44 อือ
00:27:44 → 00:27:45 เรื่องแบบนี้มันเรื่องเป็นเรื่องปกติ
00:27:45 → 00:27:47 อือฮึ
00:27:47 → 00:27:52 เพราะว่าการเจ้าชู้มันอยู่ใน DNA ของผู้
00:27:52 → 00:27:53 ชาย
00:27:53 → 00:27:53 อื
00:27:53 → 00:27:55 เพราะผู้ชายมันมีนิสัยเจ้าชู้
00:27:55 → 00:27:58 เพราะฉะนั้นถ้าเราทนได้ก็ทนถ้าเราทนไม่
00:27:58 → 00:28:00 ได้ก็ไม่ทนพอมี
00:28:01 → 00:28:03 คนพูดขึ้นมาว่าอย่าให้ความเจ้าชู้เป็น
00:28:03 → 00:28:06 เรื่องปกติพี่หยุดทันทีเลยเออจริงว่ะ
00:28:06 → 00:28:08 อื
00:28:08 → 00:28:08 ไม่ควรให้การ
00:28:08 → 00:28:11 เดี๋ผมอธิบายให้ฟังแล้วกันมนุษย์เราก่อน
00:28:11 → 00:28:14 ที่จะเป็นสายพันธุ์โฮโมเซปเปี้นที่มีขนาด
00:28:14 → 00:28:17 สมองเกือบ 1.5 5 ลิตรนะครับแต่ก่อนสมอง
00:28:17 → 00:28:19 เราหนักแค่ 400 กรัมเท่านั้นเองเท่ากับ
00:28:19 → 00:28:20 กอริillล่า
00:28:20 → 00:28:21 อ่ะ
00:28:21 → 00:28:23 ถ้าคุณจะทำให้เรื่องการเจ้าชู้เพื่อมุ่ง
00:28:23 → 00:28:26 เน้นการสืบพันตอนนั้นคุณสมองใกล้เคียงกับ
00:28:26 → 00:28:28 สัตว์
00:28:28 → 00:28:28 อื
00:28:28 → 00:28:31 แต่ตอนนี้คุณสมองใหญ่ขึ้นมา 2-3 เท่า
00:28:31 → 00:28:32 มีพัฒนาแล้ว
00:28:32 → 00:28:35 มีพัฒนาการทำไมคุณจึงทำตัวเหมือนกับสัตว์
00:28:35 → 00:28:38 และอ้างความเป็นธรรมชาติคือต้องเอาคนควร
00:28:38 → 00:28:39 จะเอาคำนี้มาพูดนะ
00:28:39 → 00:28:39 ใช่มั้ย
00:28:39 → 00:28:41 ถูกอื
00:28:41 → 00:28:43 ตอนนี้เรารณรงค์กันนะว่าการเจ้าชู้ต้อง
00:28:43 → 00:28:45 เป็นเรื่องไม่ถูกต้องถูกประนาม
00:28:45 → 00:28:46 ต้องถูกประนาม
00:28:46 → 00:28:48 เพราะว่าสังคมไทยเป็นสังคมผัวเดียวเมีย
00:28:48 → 00:28:49 เดียว
00:28:49 → 00:28:50 เราไม่ได้เป็นแบบอิสลาม
00:28:50 → 00:28:54 ถ้าเป็นอิสลามก็ต้องมีกฎนะครับว่าคนที่ 2
00:28:54 → 00:28:56 ถ้าจะเป็นภรรยาคนที่ 2 ได้คนแรกต้องยิน
00:28:56 → 00:28:59 ยอมและคุณต้องมีเหตุผลเช่นคนแรกป่วยไม่
00:28:59 → 00:29:00 สามารถมีบุตรได้
00:29:00 → 00:29:01 คุณต้องมีเหตุผล
00:29:01 → 00:29:04 ไม่ใช่คุณมาเมคโจ๊กว่าแบบอุ้ยอยากมีเมีย
00:29:04 → 00:29:06 หลายคนจะต้องเปลี่ยนศาสนาอันนี้มันเหมือน
00:29:06 → 00:29:07 คน
00:29:07 → 00:29:09 อ่ะพูดเรื่องสมองอีกแล้วผมอ่ะพ่อแม่เขย่า
00:29:09 → 00:29:10 เยอะ
00:29:10 → 00:29:12 อีกแล้ว
00:29:12 → 00:29:14 เลือดออกมากสมองทึบ
00:29:14 → 00:29:15 การเรียนรู้ต่ำ
00:29:15 → 00:29:16 อื
00:29:17 → 00:29:19 อันนี้อีกพี่ตั๊กสมมุติผู้หญิงถามผู้ชาย
00:29:19 → 00:29:22 ว่าบอกข้อดีของคุณมาหน่อยผู้ชายบอกว่าผม
00:29:22 → 00:29:25 ไม่เจ้าชู้ครับผมไม่สูบบุหรี่ผมไม่กิน
00:29:25 → 00:29:25 เหล้า
00:29:25 → 00:29:26 อ่า
00:29:26 → 00:29:30 ไม่เจ้าชู้เป็นเรื่องปกติตัดทิ้งเนาะไม่
00:29:30 → 00:29:32 สูบบุหรี่ไม่กินเหล้ามึงเป็นคนรักสุขภาพ
00:29:32 → 00:29:33 อ่า
00:29:33 → 00:29:36 ไม่มีอะไรที่มึงทำเพื่อกูเลยนะ
00:29:36 → 00:29:36 รักตัวเองนึงนะ
00:29:37 → 00:29:39 เออพูดออกมานี่คือเราได้อะไรจากสิ่งเนี้ย
00:29:39 → 00:29:40 ออๆ
00:29:40 → 00:29:42 อ่ะผมได้อะไรสมมุติว่าเป็นผู้หญิงคุณได้
00:29:42 → 00:29:43 อะไรครับ
00:29:44 → 00:29:44 ไม่ได้อะไร
00:29:44 → 00:29:45 มันไม่ใช่ข้อดีอ่ะ
00:29:45 → 00:29:46 ออ
00:29:46 → 00:29:48 แล้วคนที่เป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นข้อดีของ
00:29:48 → 00:29:49 ตัวเองด้วย
00:29:49 → 00:29:51 อ๋อโอต้องดูขนาดนั้นเลยเนาะ
00:29:51 → 00:29:54 ผมว่ามันง่ายมากเลยนะมันคือคุณไม่ได้ทำ
00:29:54 → 00:29:55 เพื่อใครเลยอ่ะ
00:29:55 → 00:29:57 ไม่สุบบุหรี่ไม่กินเหล้าครับเอ้าๆดีกับ
00:29:57 → 00:29:59 มึงด้วยนะดีใจด้วยเออจริงๆดีกับตัวเค้า
00:29:59 → 00:30:00 เค้านดีกับ
00:30:00 → 00:30:03 ใช่ถ้าจะดีกับคนที่เป็นคู่ของเราคือทำ
00:30:03 → 00:30:08 เพื่อเค้าเช่นมีน้ำใจหรือว่าพูดจาดีๆใน
00:30:08 → 00:30:12 วันที่เขา้าเจอ Bad Day มานั่นคือสิ่ง
00:30:12 → 00:30:15 ที่คุณทำให้เขาถือของหนักๆให้ถามไถ่ดูแล
00:30:16 → 00:30:19 เวลาป่วยนั่นคือสิ่งที่คุณทำให้ไม่ใช่ทำ
00:30:19 → 00:30:23 เพื่อตัวเองคุณอย่าทำให้มันเป็นปกติสามัญ
00:30:23 → 00:30:25 ว่าข้อดีของผู้ชายหรือผู้หญิงคือไม่เจ้า
00:30:25 → 00:30:28 ชู้ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่นี่ไม่ใช่ข้อ
00:30:28 → 00:30:29 ดีครับ
00:30:29 → 00:30:33 พูดถึงมิจฉาชีพสมัยเนี้ยนะฮะเราจะเห็นว่า
00:30:33 → 00:30:36 ปัจจุบันมันมีวิธีการใหม่ๆออกมาหลอกโดย
00:30:36 → 00:30:39 เฉพาะใช้หน้าตาหลอกให้รักหลอกให้ชอบหลอก
00:30:39 → 00:30:42 ให้โอนเงินเราเรียกว่าโรแนม
00:30:42 → 00:30:46 โรแมน scam อ่าโรแมนซเนี่ยก็คือมิจฉาชีพ
00:30:46 → 00:30:49 ในรูปแบบที่นำความรักมาหลอกให้เราหลงก่อน
00:30:49 → 00:30:53 แล้วค่อยเสียทรัพย์โรแนสแกมเนี่ยส่วนใหญ่
00:30:53 → 00:30:57 เราจะเจอในออนไลน์ซะเป็นส่วนใหญ่เพราะใน
00:30:57 → 00:31:00 ชีวิตจริงการจะเข้ามารู้จักหรือ approach
00:31:00 → 00:31:04 เข้าหาใครเนี่ยมันใช้เวลามันใช้การ
00:31:04 → 00:31:07 พิจารณาได้ละเอียดกว่าการเจอในออนไลน์
00:31:07 → 00:31:08 อืม
00:31:08 → 00:31:11 จากสถิติใน dating แอปพลิเคชนะครับ
00:31:11 → 00:31:14 โปรไฟล์ 1 ใน 7 จะเป็นของปลอมนั่นหมาย
00:31:14 → 00:31:17 ความว่าเราสามารถใช้รูปภาพคนอื่นที่หล่อ
00:31:17 → 00:31:20 สร้างโปรไฟล์เป็นหมอเป็นวิศวกร
00:31:20 → 00:31:23 ไปหลอกคนอื่นในอินเทอร์เน็ตได้
00:31:23 → 00:31:25 คนที่ที่โดนหลอกเ้าไม่รู้เหรอว่านี่มัน
00:31:25 → 00:31:27 มัน
00:31:27 → 00:31:28 เออ
00:31:28 → 00:31:30 เค้าไม่รู้ครับถ้าเค้ารู้
00:31:30 → 00:31:31 ทำไมเค้าไม่รู้
00:31:31 → 00:31:36 1 เลยคือส่วนใหญ่อย่างที่ผมบอกด้วยสภาวะ
00:31:36 → 00:31:39 การแข่งขันทางสังคมไทยมันไม่เท่ากันมัน
00:31:39 → 00:31:42 เหลื่อมล้ำค่ะดังนั้นเราก็มุ่งเน้นหาทาง
00:31:42 → 00:31:44 ลัดเช่นหาแฟนรวย
00:31:44 → 00:31:44 อื
00:31:45 → 00:31:48 หาแฟนต่างชาติไม่อยากอยู่ไทยแล้วอยากบิน
00:31:48 → 00:31:50 ไปอยู่ต่างประเทศดังนั้นพอเข้าไปอยู่
00:31:50 → 00:31:53 แอปพลิเคชัที่เจอฝรั่งมากมายอุ๊ยคนนี้
00:31:53 → 00:31:57 เป็นหมอคนนี้เป็นวิศวกรคนนี้เป็นทหาร
00:31:57 → 00:31:59 Early Retire เราก็อยากจะสาสัมพันธ์
00:31:59 → 00:32:03 เพราะมันคือทางรัฐสู่ความสบายนะครับที
00:32:03 → 00:32:06 เนี้ยพอเราพูดคุยเสร็จปุ๊บสแกมเมอร์มัน
00:32:06 → 00:32:10 ไม่ได้คุยกับเราคนเดียวมันส่งbrดcastข้อ
00:32:10 → 00:32:13 ความไปให้ 100 คนแล้วมันเสียแค่ค่า
00:32:13 → 00:32:13 อินเทอร์เน็ต
00:32:13 → 00:32:14 อ่า
00:32:14 → 00:32:17 เหยื่อจะติดกลับซะ 1 คนกำไรแล้ว
00:32:17 → 00:32:17 กำไรแล้ว
00:32:17 → 00:32:19 ดังนั้นเค้าสแกมเมอร์เนี่ยไม่ได้คุยกับ
00:32:19 → 00:32:24 คุณแค่เอ่อ 7 วันแล้วหรอกนะครับมีตั้งแต่
00:32:24 → 00:32:26 หลักชั่วโมงไปจนถึงหลัก
00:32:26 → 00:32:28 โอเหรอคะโดยที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน
00:32:28 → 00:32:29 ถูกต้องครับ
00:32:29 → 00:32:31 คุยเค้าคุยอะไรกันนะ
00:32:31 → 00:32:32 ก็คุย
00:32:32 → 00:32:34 สัพเพเหระ
00:32:34 → 00:32:36 เขาจะอยากสร้างความสัมพันธ์แบบรวดเร็ว
00:32:36 → 00:32:39 เช่นมาก่อนอื่นจะมาตกเราเนี่ยตกเบ็ดเนี่ย
00:32:39 → 00:32:42 เาก็จะเข้ามากดไลก์เราเยอะๆก่อนให้เรา
00:32:42 → 00:32:44 เห็นว่ามันเป็นขึ้นเตือนขึ้นมาว่าอุ๊ยใคร
00:32:44 → 00:32:46 คนนี้มากดไลก์เราเยอะจัง
00:32:46 → 00:32:50 เสร็จปุ๊บในโปรไฟล์เค้าก็จะแบบมีรถหรู
00:32:50 → 00:32:53 บ้านใหญ่หน้าตาดีจริงๆก็ไม่ใช่หน้ามัน
00:32:53 → 00:32:56 หรอกผมอยากให้เราติดปุ่มเอ๊ะไว้ที่หน้า
00:32:56 → 00:32:58 ผากเอ๊ะ
00:32:58 → 00:32:59 เอ๊ะใช่ต้องเอ๊ะ
00:32:59 → 00:33:01 เอ๊ะ 1 เลยนะกูสวยหรอ
00:33:01 → 00:33:02 เออ
00:33:02 → 00:33:07 ทำไมเค้ามาจีบกูวะ 2 ทำไมคนแบบนี้ถึงมา
00:33:07 → 00:33:09 อยู่ใน
00:33:09 → 00:33:11 มันอาจจะมีจริงก็ได้คนที่ไปหาความรักใน
00:33:11 → 00:33:13 Datting แอปคือ Dating แอปเนี่ยไม่ได้
00:33:13 → 00:33:16 ผิดนะครับมันคือช่องทางในการที่ทำให้คน
00:33:16 → 00:33:19 จากที่ต่างๆมาเจอกันแล้วอาจจะคลิกกันสาร
00:33:19 → 00:33:21 สัมพันธ์ในชีวิตจริงก็มี
00:33:21 → 00:33:22 อื
00:33:22 → 00:33:25 เพราะมันมีหลายคนไงที่ออกมาพูดว่าโอแต่ง
00:33:25 → 00:33:27 งานกับสามีภรรยาคนนี้เจอในแอป
00:33:28 → 00:33:28 ใช่
00:33:28 → 00:33:30 เพราะว่าแอปมันไม่ใช่มีแค่แอปหาคู่มันมี
00:33:31 → 00:33:34 Facebook มันมี Instagram TikTok มันมี
00:33:34 → 00:33:36 หลายช่องทางครับให้เรารู้จักคนในโลก
00:33:36 → 00:33:37 ออนไลน์
00:33:37 → 00:33:41 ค่ะแต่สิ่งที่สแกมเมอร์จะไม่ทำเลยคือ
00:33:41 → 00:33:43 วดีโอคอครับ
00:33:43 → 00:33:44 เพราะมัน
00:33:44 → 00:33:47 เพราะว่าบางทีอาจจะเป็นชนชาติอื่นที่ไม่
00:33:47 → 00:33:48 ตรงกับปก
00:33:48 → 00:33:48 อ๋อ
00:33:48 → 00:33:52 เเป็นเค้าเป็นตึกเลยนะครับในการล่อลวงอ่ะ
00:33:52 → 00:33:55 มันจะเป็นตึกเอ่อเ้าเรียกว่า
00:33:55 → 00:33:56 Call Center
00:33:56 → 00:33:57 โรแนสแกม
00:33:57 → 00:34:01 ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศแถบที่คนผิวดำคนผิว
00:34:01 → 00:34:05 สีเป็นคนพิมพ์แชทแล้วเขาก็ใช้รูปฝรั่งผิว
00:34:05 → 00:34:07 ขาวคอแคซอยมาหลอก
00:34:07 → 00:34:11 เพราะมันดูน่าเชื่อมากกว่า
00:34:11 → 00:34:14 สมมุติหลอกแล้วอ่ะคุยกันไปแล้วนัดเจอกัน
00:34:14 → 00:34:14 อือ
00:34:14 → 00:34:16 ฮึเค้าจะไม่นัดเจอครับเขาจะมีอุปสรรคใน
00:34:16 → 00:34:19 การนัดเจอเราอย่างเช่นผมอยากหาคุณมากเลย
00:34:19 → 00:34:22 นะอ่ะคุณคิดว่าผมจะมาหลอกใช่มั้ยเดี๋ยวผม
00:34:22 → 00:34:24 จะให้คำมั่นสัญญาเดี๋ยวผมจะส่งแหวนเพชรไป
00:34:24 → 00:34:26 ให้คุณเพื่อพิสูจน์ว่าผมจริงจัง
00:34:26 → 00:34:26 แล้วส่งมั้ย
00:34:26 → 00:34:29 แล้วส่งสมมุติส่งนะสักพักขบวนการที่เป็น
00:34:29 → 00:34:34 คนไทยก็จะโทรมาบอกว่าจากสุรกากรบอกว่าของ
00:34:34 → 00:34:36 ที่ส่งมามีถึงคุณนะครับมูลค่าสูงมากคุณ
00:34:36 → 00:34:40 ต้องจ่าย 20% ของราคานี้นี่มิจฉาชีพสเต็ป
00:34:40 → 00:34:42 1 เราก็จะโอนเงินค่าภาษีเพราะเราอยากรู้
00:34:42 → 00:34:45 ว่าแฟนเราส่งอะไรมาให้นั่นคือเงินก้อนแรก
00:34:46 → 00:34:48 ที่คุณเสียล่ะครับอะไรที่เกี่ยวข้องกับ
00:34:48 → 00:34:51 เงินหรือเอาเงินเราออกไปให้พึงระลึกไว้
00:34:51 → 00:34:52 คือมิจฉาชีพ
00:34:52 → 00:34:54 อ๋อให้เอ๊ะ
00:34:54 → 00:34:58 ใช่ให้เอ๊ะมีอีกผมเพิ่งได้สมบัติมา 200
00:34:58 → 00:35:01 ล้านดอลลาร์แต่ผมกำลังอยู่ในตอนหนีทัพ
00:35:01 → 00:35:04 หรืออยู่ในประเทศที่แบบมีการรบผมรู้สึก
00:35:04 → 00:35:06 ว่าไว้ใจใครไม่ได้เลยผมขอโอนเงินเข้า
00:35:06 → 00:35:10 บัญชีคุณได้มั้ยแล้วคนที่มันโลภอ่ะครับก็
00:35:10 → 00:35:12 จะแบบเฮ้ยอยู่ดีๆก็มีฝรั่งอยากจะโอนเงิน
00:35:12 → 00:35:14 บัญชีแล้วก็เชื่อส่งเล็กบัญชีตัวเองไปก็
00:35:14 → 00:35:15 โดนหมด
00:35:15 → 00:35:18 สุดท้ายแล้วคีย์เวิร์ดมันอยู่ที่ความโลภ
00:35:18 → 00:35:21 และราคะมีอยู่ 2 อย่างจากโรแมนซม
00:35:21 → 00:35:24 แล้วคิดว่าคนกลุ่มไหนที่มักจะโดน
00:35:24 → 00:35:27 ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น
00:35:27 → 00:35:29 อายุนะครับจะเป็นผู้สูงอายุ
00:35:29 → 00:35:30 อ้าวแล้ว
00:35:30 → 00:35:31 45 ปีเป็นต้นไป
00:35:31 → 00:35:32 เพราะอะไร
00:35:32 → 00:35:35 เพราะว่า 1 ผู้สูงอายุมีความมั่นคงทาง
00:35:35 → 00:35:36 ด้านสถานะการเงิน
00:35:36 → 00:35:37 อื
00:35:37 → 00:35:39 เป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพเหรอ
00:35:39 → 00:35:41 มิจฉาชีพไม่หลอกเด็กมัธยมหรอกครับไม่มี
00:35:41 → 00:35:41 เงินให้มัน
00:35:42 → 00:35:44 อ๋ออ้าแล้วเราก็ไปเชื่อเค้าเนาะ
00:35:44 → 00:35:48 ใช่ผู้สูงอายุที่คู่สมรสเสียชีวิต
00:35:48 → 00:35:49 อ่า
00:35:49 → 00:35:52 ผู้สูงอายุเหงาอยู่บ้านคนเดียวเอ่อลูกไม่
00:35:52 → 00:35:55 ได้อยู่ด้วยแล้วและผู้สูงอายุไม่ค่อยเท่า
00:35:55 → 00:35:57 ทันเทคโนโลยี
00:35:57 → 00:36:00 ยุคเค้ามิจฉาชีพไม่เยอะเท่ายุคนี้
00:36:00 → 00:36:00 อื
00:36:00 → 00:36:03 ดังนั้น Perspective หรือภาพมุมมองของเขา
00:36:03 → 00:36:05 จะมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับ
00:36:05 → 00:36:09 เขาก็เลยทำให้เค้าเป็นกลุ่มเปราะบางครับ
00:36:09 → 00:36:10 คนไทยเยอะมั้ยอาจารย์
00:36:10 → 00:36:13 เยอะผู้หญิงกับผู้ชายพอกันเลย
00:36:13 → 00:36:14 ผู้ชายก็โดนเหรอ
00:36:14 → 00:36:17 โอ้โหโดนเสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับเยอะแยะ
00:36:17 → 00:36:17 ครับ
00:36:17 → 00:36:19 เหรอโดนผู้หญิงหลอก
00:36:19 → 00:36:19 ใช่
00:36:19 → 00:36:20 อื
00:36:20 → 00:36:22 แล้วผู้หญิงหลอกเนี่ยแทนที่จะเป็นผู้หญิง
00:36:22 → 00:36:25 สวยจริงๆมาหลอกเรานะเป็นผู้หญิงที่แบบรูป
00:36:25 → 00:36:27 ร่างหน้าตาไม่ใช่แบบในรูปแต่เอารูปคนอื่น
00:36:27 → 00:36:28 มาหลอกเราอีกทีนึง
00:36:28 → 00:36:29 ค่ะ
00:36:29 → 00:36:31 ก็เป็นข่าวเยอะแยะเสียเป็นแสนแกนไม่ได้
00:36:31 → 00:36:31 จับ
00:36:32 → 00:36:36 ออนะคะแล้วเ้าใช้หลักจิตวิทยาอะไรทำไมคน
00:36:36 → 00:36:40 กลุ่มนี้ถึงได้ทำแล้วเค้าจะหลงเชื่อมันมี
00:36:40 → 00:36:43 จิตวิทยาลัยไปพูดเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวยัง
00:36:43 → 00:36:43 ไง
00:36:43 → 00:36:47 ต้องเข้าใจอย่างี้ก่อนทุกคนไม่ใช่เอ่อคน
00:36:48 → 00:36:50 ที่จะสามารถตกเป็นเหยื่อได้ทุกคน
00:36:50 → 00:36:50 ใช่
00:36:50 → 00:36:53 มันจะมีวิชาที่เรียกว่า viimology หรือ
00:36:53 → 00:36:56 เหยื่อวิทยาครับในการอธิบายว่าเหยื่อจะ
00:36:56 → 00:37:01 ต้องเป็นยังไง 1 เลยจิตใจเปราะบางเหงาอก
00:37:01 → 00:37:06 หักพึ่งเจอเรื่องร้ายในชีวิตบ้านเพิ่งล้ม
00:37:06 → 00:37:10 ละลายคือผู้หญิงคนพิการคนชรา
00:37:10 → 00:37:11 อ
00:37:11 → 00:37:14 คนเพิ่งสอบตกมาทุกอย่างคือจิตใจเปราะบาง
00:37:15 → 00:37:17 มันก็จะเข้าเงื่อนไขการเป็นเหยื่อที่
00:37:17 → 00:37:17 สมบูรณ์
00:37:17 → 00:37:18 อืม
00:37:18 → 00:37:20 เพราะว่าคนทั่วไปสมมุติว่าเรามีความสุขดี
00:37:20 → 00:37:23 มีเงินหาเงินได้แล้วอ่านคดีอาจกรรมมาเยอะ
00:37:23 → 00:37:24 คนกลุ่มนั้นก็จะไม่เป็นเหยื่อเพราะเค้า
00:37:24 → 00:37:25 รู้
00:37:25 → 00:37:29 ส่วนมากเวลามาคุยที่จะเป็นเหยื่อเค้าจะมา
00:37:29 → 00:37:32 คุยเกี่ยวกับเรื่องของเชิงชู้สาวมั้ย
00:37:32 → 00:37:34 ก็ต้องจีบก่อนง่ายสุดไม่ก็ชวน
00:37:34 → 00:37:35 เช่น
00:37:35 → 00:37:37 น้องน้องเคยได้ยินเรื่องเทรดทองมั้ยทุก
00:37:38 → 00:37:40 วันนี้ทำงานอะไรอ่ะรู้มั้พี่ทำอะไรเก็จะ
00:37:40 → 00:37:43 เล่าว่าตัวเองสบายยังไงทำงานน้อยยังไงลง
00:37:43 → 00:37:46 ทุนน้อยแต่ได้มากยังไงแล้วก็มาถามมาดูถูก
00:37:46 → 00:37:48 เราว่านี่ทำงานอะไรอยู่ได้เงินเดือนเท่า
00:37:48 → 00:37:49 ไหร่
00:37:49 → 00:37:52 ไม่อยากรวยหรอไม่อยากมีเงินหรอทำงานแค่
00:37:52 → 00:37:54 วันละชั่วโมงอ่ะถ้าไม่รู้เดี๋ยวสอนนี่
00:37:54 → 00:37:56 แหละจุดเริ่มต้นให้โหลดแอปครับ
00:37:56 → 00:37:57 ออๆๆ
00:37:57 → 00:38:01 เพราะว่าผมก็เจอผมเจอเพราะว่าผมเก็บข้อ
00:38:02 → 00:38:03 มูลทุกอย่างเนาะมันมีทั้งใน Facebook บอก
00:38:03 → 00:38:07 ว่าฉันเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ๆทั้งหลาย
00:38:07 → 00:38:12 แหละอยากจะโฆษณาลงทุนโฆษณาในเพจของคุณให้
00:38:12 → 00:38:14 ติดต่อมาแล้วข้อความเหมือนกันเป๊ะเปลี่ยน
00:38:14 → 00:38:16 หน้าฝรั่งไปเรื่อยๆ
00:38:16 → 00:38:16 เหรอคะ
00:38:17 → 00:38:19 ผมก็ชอบแคปไปสอนนักศึกษา
00:38:19 → 00:38:20 ออ
00:38:20 → 00:38:23 มีโทรมาด้วยนะครับบอกว่าเป็นตำรวจดิฉัน
00:38:23 → 00:38:27 เอ่อผู้กองจุดๆๆๆโป๊ะเช๊ะโชคดีชื่อเดียว
00:38:27 → 00:38:29 กับเพื่อนผม
00:38:29 → 00:38:30 ไปเอาชื่อคน
00:38:30 → 00:38:31 ไปเอาชื่อเพื่อนเรามาบอก
00:38:31 → 00:38:33 ผมก็เลยงงว่าทำไมพูดจาแบบนี้กับเราเรา
00:38:33 → 00:38:34 เป็นเพื่อนนะอะไรเงี้ยสรุปแล้วคือ
00:38:35 → 00:38:38 สแกมเมอร์เวลาเราไปสมัครสมาชิกอะไรต่างๆ
00:38:38 → 00:38:38 อ่ะครับ
00:38:38 → 00:38:39 ค่ะ
00:38:39 → 00:38:42 คนที่บริษัทนั้นบางทีเค้ารักรอบเอาเบอร์
00:38:42 → 00:38:45 เราไปขายตลาดมืดหรือขายมิจฉาชีพเค้าอาจจะ
00:38:45 → 00:38:46 ได้เบอร์ละ 1 บาท
00:38:46 → 00:38:47 เบอร์ออ
00:38:47 → 00:38:50 อันนี้คือการข้อมูลหลุดรั่วเราเรียกว่า
00:38:50 → 00:38:51 ละเมิดพd
00:38:51 → 00:38:52 ออี้อันตรายเหมือนกันนะ
00:38:52 → 00:38:53 ใช่ครับ
00:38:53 → 00:38:57 หลายคนมีหน้าที่การงานดีบางคนเป็นหมอเป็น
00:38:57 → 00:38:59 ดอกเตอร์เป็นอาจารย์อะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:38:59 → 00:39:00 ครับ
00:39:00 → 00:39:02 ไม่ได้หมายถึงอาจารย์นะเพราะว่าอาจารย์ก็
00:39:02 → 00:39:05 โดนแต่ไม่ได้โดนหลอกแต่มีบางคนที่หน้าที่
00:39:05 → 00:39:08 การงานดีเป็นหมอเป็นดอกเตอร์ก็มีโดนหลอก
00:39:08 → 00:39:09 เหมือนกัน
00:39:09 → 00:39:11 คิดว่าเมีวิธีโน้มน้าวยังไง
00:39:11 → 00:39:13 มันไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเลยครับมันเกี่ยว
00:39:13 → 00:39:17 กับห้วงอารมณ์ตอนนั้นอย่างเช่นเวลาเราโดน
00:39:17 → 00:39:20 กดดันมากๆบางทีไม่ได้เช็คหรือเวลาบางที
00:39:20 → 00:39:24 มิจฉาชีพมันใช้ทริกในการกดดันเราเช่นโทร
00:39:24 → 00:39:27 มาจากหน่วยงานนู้นหน่วยงานนี้ถ้าภายใน 1
00:39:27 → 00:39:30 ช่มงน้องไม่ไม่พิสูจน์ตัวตนหรือเนี่ย
00:39:30 → 00:39:33 ตำรวจจะเข้าไปจับเลยนะนักศึกษาหรือคนที่
00:39:33 → 00:39:35 ไม่เคยมีประสบการณ์เลยอ่ะจริงๆรู้นะครับ
00:39:35 → 00:39:39 ดูข่าวมาแต่ความกลัวความตกใจมันปิดการทำ
00:39:39 → 00:39:40 งานของสมองส่วนเหตุผล
00:39:40 → 00:39:41 อ๋อ
00:39:41 → 00:39:44 ถ้าเรากลัวมากๆและเครียดมากๆสมองส่วนหน้า
00:39:44 → 00:39:46 จะไม่ได้ใช้ครับ
00:39:46 → 00:39:50 แต่พอโอนเงินไปแล้วมีสติปุ๊บรู้ตัวเฮ้ย
00:39:50 → 00:39:52 อันนี้มิจฉาชีพถึงไปแจ้งความ
00:39:52 → 00:39:52 นึก
00:39:52 → 00:39:56 สรุปแล้วคือเราไม่ได้ไม่รู้แต่เราตกใจ
00:39:56 → 00:39:58 จริงๆแล้วมิจฉาชีพชอบให้เหยื่ออยู่คน
00:39:58 → 00:40:01 เดียวสมมุติว่าเรานั่งเล่นไพ่อยู่กับวง
00:40:01 → 00:40:03 เพื่อนอะไรอย่างเงี้ยหรือนั่งทำอย่างอื่น
00:40:03 → 00:40:06 ก็ได้นะครับแล้วมิฉาชีพถามว่าอยู่กับใคร
00:40:06 → 00:40:08 อยู่ที่ไหนผมเป็นเจ้าหน้าที่เค้าก็จะบอก
00:40:08 → 00:40:11 ว่าให้เดินออกมาคุยเงียบๆนี่เรื่องสำคัญ
00:40:11 → 00:40:13 การที่เราเดินออกจากวงเพื่อนเนี่ยแหละ
00:40:13 → 00:40:15 เป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นเป้าและถูกล็อกค
00:40:15 → 00:40:17 และเพราะถ้าเพื่อนอยู่ใกล้ๆเฮ้ยใครเปิด
00:40:17 → 00:40:18 ลำโพงดิ๊เพื่อนจะเตือน
00:40:18 → 00:40:19 อ่า
00:40:19 → 00:40:21 แต่ส่วนใหญ่มิจฉาชีพมันจะสะกดจิตให้
00:40:21 → 00:40:24 เครียดกดดันและอยู่คนเดียวแล้วพอมันทำให้
00:40:24 → 00:40:26 เรากลัวมากๆปุ๊บมันถึงจะยื่นมือเข้ามา
00:40:26 → 00:40:30 ช่วยเช่นถ้าไม่อยากโดนแบบเนี้ยต้องให้ทาง
00:40:30 → 00:40:33 ปปง.อะไรอย่างเงี้ยตรวจสอบนะโอนเงินมา
00:40:33 → 00:40:35 แล้วกันถ้าไม่สะดวกมาที่เอ่อหน่วยงานโอน
00:40:36 → 00:40:37 มาเดี๋ใช้ชั่วโมงเดียวเดี๋ยวโอนเงินคืน
00:40:37 → 00:40:41 ให้ถ้าไม่มีอะไรขอตรวจสอบตกใจไงเวลาก็ไม่
00:40:41 → 00:40:43 มีชั่วโมงนึงจะไปทันได้ไงก็โอนละกันให้
00:40:43 → 00:40:46 เจ้าหน้าที่ตรวจให้คือมิจฉาชีพเนี่ยมีจุด
00:40:46 → 00:40:48 ประสงค์ในการโทรมาหลายอย่างครับบางที
00:40:48 → 00:40:50 ต้องการจะคุยทั่วไปไม่ได้จะหลอกเราแต่จะ
00:40:50 → 00:40:54 เอาเสียงเราไป generate AI เพื่อนำเสียง
00:40:54 → 00:40:57 เราไปหลอกเงินแม่และญาติเราอีกทีนึง
00:40:57 → 00:40:58 โออันนี้น่ากลัวนะ
00:40:58 → 00:41:00 บางทีเด็กวัยรุ่นน่ะชอบไปคุยคุยเล่นกับ
00:41:00 → 00:41:03 มิชาชีพตัวเองทำเหมือนรู้ทันว่ามิจฉาชีพ
00:41:03 → 00:41:06 โทรมาก็เลยไปคุยเล่นไปแกล้งมันเสียง
00:41:06 → 00:41:07 เหมือนคนอ้วนนะครับอะไรเงี้ยผมเห็นในคลิป
00:41:07 → 00:41:08 อยู่อ่า
00:41:08 → 00:41:10 เ้าดูดเสียงแล้วล่ะครับ
00:41:10 → 00:41:12 อ๋อเอาไปใช้ที่มันเสื่อมเสียไม่
00:41:12 → 00:41:14 เอคราวนี้พอเค้าล็อกอิน Facebook แม่คุณ
00:41:14 → 00:41:16 น่ะแล้วโทรมาเป็นเสียงแม่คุณน่ะให้คุณโอน
00:41:16 → 00:41:17 เงินให้
00:41:17 → 00:41:18 เออ
00:41:18 → 00:41:21 ถ้าคุณไม่ได้ชั่งใจหรือโทรหาออฟฟิศแม่
00:41:21 → 00:41:24 เพื่อยืนยันตัวตนหรือเปิดวีดีโอแม่พอเห็น
00:41:24 → 00:41:25 ว่าเป็นนี่คือเบอร์แม่นี่คือ Facebook
00:41:26 → 00:41:28 แม่คุณโอนเงินเลย
00:41:28 → 00:41:29 อืเสียอยู่ดี
00:41:29 → 00:41:30 น่า
00:41:30 → 00:41:34 จากสถิตินะฮะมันมีวิธีการคุยกันเร็วที่
00:41:34 → 00:41:38 สุดแค่ไหนถ้าเป็นเรื่องของโรแมนซมวิธีจีบ
00:41:38 → 00:41:41 วิธีหลอกลอกเเร็วแค่ไหนถึงโดนแล้วก็ยอม
00:41:41 → 00:41:42 โอนเงินให้เขา
00:41:42 → 00:41:45 ภายใน 1 ช่มงครับ
00:41:45 → 00:41:45 เหรอ
00:41:45 → 00:41:46 ภายใน 1 ช่มง
00:41:46 → 00:41:47 คุยอะไรกัน
00:41:47 → 00:41:51 สมมุติว่าถ้าผมเป็นเด็กวัยรุ่นม.ปลายผมก็
00:41:51 → 00:41:53 แบบจีบๆเอ้ยเธออยู่ที่ไหนเธอชอบเล่นเกม
00:41:53 → 00:41:56 นี้หรอนู่นนี่นั่นเธอเติมเกมให้เราหน่อย
00:41:56 → 00:41:59 ได้มั้อ่ะเดี๋ยวเราคืนให้ไอ้แค่เติมเกม
00:41:59 → 00:42:02 มันดูไม่อะไรเด็กผู้หญิงเเติมเกมให้มันก็
00:42:02 → 00:42:04 เอาเงินเข้าไปใน True Wallet แล้วก็เอา
00:42:04 → 00:42:07 เงินไปซื้อของได้นี่คือแบบง่ายที่สุด
00:42:07 → 00:42:07 อ่า
00:42:07 → 00:42:11 อีกแบบนึงก็อาจจะเป็นอยากซื้อบริการน่ะ
00:42:11 → 00:42:15 ครับทางเพศแล้วก็โอนเงินแล้วพอโอนเงิน
00:42:15 → 00:42:18 ปุ๊บมันก็ไม่มีคนมาหาคุณน่ะคุณก็เสียเงิน
00:42:18 → 00:42:18 ฟรีๆ
00:42:18 → 00:42:22 ก็โอนก่อนใช่เพราะต่างคนต่างไม่เชื่อกัน
00:42:22 → 00:42:23 เพราะว่าถ้าไม่โอนก่อนถ้าไปถึงหน้างาน
00:42:23 → 00:42:25 แล้วมึงไม่จ่ายล่ะอะไรอย่าเงี้ยไม่จ่าย
00:42:25 → 00:42:26 ล่ะ
00:42:26 → 00:42:28 อ้าขอค่าน้ำมันอะไรอย่างเงี้ยต่างคนต่าง
00:42:28 → 00:42:30 หลอกกันตอนเนี้ยมันมีแบบนี้ด้วยพี่ตั๊ก
00:42:30 → 00:42:31 ออ
00:42:31 → 00:42:34 สมมุติหาตู้เย็นมือสองโพสต์หาตู้เย็นมือ
00:42:34 → 00:42:38 สองมิจฉาชีพเอาตู้เย็นมือสองภาพของคนอื่น
00:42:38 → 00:42:42 มาลงแต่ใส่เบอร์มันแล้วพอเราโอนเงินไป
00:42:42 → 00:42:44 แล้วปุ๊บให้เบอร์ซเลยครับรับเอ่อรับ
00:42:44 → 00:42:45 ประกันด้วย
00:42:45 → 00:42:47 เอาเบอร์ร้านในอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่จริง
00:42:47 → 00:42:49 มาใส่รับประกัน
00:42:49 → 00:42:51 คุณก็จะโทรไปด่าร้านนี้
00:42:51 → 00:42:51 อ่า
00:42:51 → 00:42:53 ไม่ใช่ด่าคนที่เป็นวิชาชีพ
00:42:53 → 00:42:54 มีทุกรูปแบบ
00:42:54 → 00:42:58 ทุกรูปแบบคือการจะซื้อของออนไลน์เนี่ยคุณ
00:42:58 → 00:43:01 จะต้องไปดูเพื่อความปลอดภัยหรือดูaccเคา
00:43:01 → 00:43:04 ที่มันเป็น official จริงๆแต่มิจฉาชีพก็
00:43:04 → 00:43:06 ทำ Account ปลอมเช่นกันมาเลียนแบบ
00:43:06 → 00:43:09 Official ได้ Message มั้ครับส่งของส่ง
00:43:09 → 00:43:10 พัสดุ
00:43:10 → 00:43:12 คุณมีพัสดุติดครั้ง
00:43:12 → 00:43:16 แต่ตัวสะกดมันจะมีเกินมาตัวนึงหรือมีจุด
00:43:16 → 00:43:17 ให้สังเกต
00:43:17 → 00:43:17 ปลอม
00:43:17 → 00:43:21 อ๋ออ๋อสมมุติว่าเรารู้ะเราว่าเค้าเป็นพวก
00:43:21 → 00:43:25 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะเราเราจะมีวิธีแก้แก้
00:43:25 → 00:43:27 ยังไงบ้างจะแก้แค้นหรือจะด่าหรือจะทำให้
00:43:27 → 00:43:27 เกียร
00:43:27 → 00:43:30 จะป้องกันตัวหรือจะดำเนินคดีต้องเลือก
00:43:30 → 00:43:30 ก่อน
00:43:30 → 00:43:31 เอาๆลองลอง 2 อย่าง
00:43:31 → 00:43:35 อ่าถ้าจะป้องกันตัวก็คือคุณrepอร์รายงาน
00:43:35 → 00:43:37 ไปว่าaccเค account นี้เป็นของปลอม
00:43:37 → 00:43:37 อื
00:43:37 → 00:43:39 ซึ่งมันก็ทำได้แค่ปิดaccเค account นั้น
00:43:39 → 00:43:40 ไปเดี๋ยวมันก็สร้าง acc account ใหม่
00:43:40 → 00:43:41 ครับ
00:43:41 → 00:43:41 ค่ะ
00:43:41 → 00:43:44 ส่วนอ่าพอเรารู้ว่ามันเป็นของไม่จริงแล้ว
00:43:44 → 00:43:46 เราก็แค่เลิกคุย
00:43:46 → 00:43:47 ไม่ต้องคุยเนาะ
00:43:47 → 00:43:49 ไม่ต้องคุยไม่ต้องตอบแล้วนะไม่ต้องไปยุ่ง
00:43:49 → 00:43:49 ดีกว่าพี่
00:43:49 → 00:43:52 ง่ายที่สุดคือการบล็อกการกดบล็อกมันง่าย
00:43:52 → 00:43:52 มากเลย
00:43:52 → 00:43:53 เออ
00:43:53 → 00:43:57 แต่คนไม่ค่อยทำกันคนเราชอบโต้ตอบ
00:43:57 → 00:44:00 เวลามีคนด่าเรามาอย่างเงี้ยครับในเน็ตเรา
00:44:00 → 00:44:03 ก็จะด่าตอบหรือบางทีแคปไปแจ้งความ
00:44:03 → 00:44:06 ก็ไม่ทุกคนแต่ว่าวิธีการง่ายกว่านั้นคือ
00:44:06 → 00:44:07 การบล็อก
00:44:07 → 00:44:08 เาจะไม่สามารถด่าเราได้อีกเลย
00:44:09 → 00:44:09 บล็อกง่ายที่สุด
00:44:09 → 00:44:11 บล็อกง่ายสุดกดปุ่มเดียวตุ๊ด
00:44:11 → 00:44:14 พูดถึงเรื่องบล็อกไปแล้วแล้วถ้าขั้นถึง
00:44:14 → 00:44:16 กับจะต้องควรจะแจ้งความตรงเนี้ยเป็นยังไง
00:44:17 → 00:44:19 ฮะถ้าคุณเสียเงินไปแล้วแล้วอยากได้เงิน
00:44:20 → 00:44:23 คืนใช่ไหมมครับผมบอกเลยว่าน้อยกว่า 1%
00:44:23 → 00:44:25 ที่คุณจะได้เงินคืนครับจากวิชาชีพที่มี
00:44:25 → 00:44:27 ข่าวมีข่าวได้คืนเนี่ยอาจารย์ว่าได้คืน
00:44:27 → 00:44:27 มั้
00:44:27 → 00:44:29 ก็ถ้ารู้ตัวเร็ว
00:44:29 → 00:44:31 เอ่อบัญชีก็จะถูกอายัดเร็วและมีสิทธิ์ได้
00:44:31 → 00:44:32 คืนไว
00:44:32 → 00:44:32 ออ
00:44:33 → 00:44:35 แต่ถ้าเรามแต่เขินอายปรึกษาที่บ้านก่อน
00:44:35 → 00:44:38 ว่าจะไปแจ้งดีมั้ยไม่ทันแล้วเพราะมิชาชีพ
00:44:38 → 00:44:38 เนี่ย
00:44:39 → 00:44:41 มันยืนรออยู่หน้าตู้เลยครับ
00:44:41 → 00:44:44 พอเราโอนปุ๊บมันกดออกเลยอายัดยังไงก็ไม่
00:44:44 → 00:44:45 ทัน
00:44:45 → 00:44:48 ถ้าจะดำเนินคดีเนี่ยเนี่ยให้ทำใจก่อนเลย
00:44:48 → 00:44:50 ว่าจะไม่ได้เงินคืนและส่วนใหญ่อ่ะเรื่อง
00:44:50 → 00:44:53 แบบเนี้ยต่อวันเป็น 1000 เคสตำรวจเขาก็คง
00:44:53 → 00:44:56 เหนื่อยใจเหมือนกันว่าทั้งออกข่าวแล้วบอก
00:44:56 → 00:44:59 วิธีการป้องกันแล้วทำไมคุณยังคาดหวังคุณ
00:44:59 → 00:45:02 หวังอะไรจากสิ่งนี้คุณหวังว่าจะมีคนมารัก
00:45:02 → 00:45:05 คุณจริงๆหวังว่าจะมีคนมาจีบหวังว่าจะสบาย
00:45:05 → 00:45:08 ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศสุดท้ายแล้วคุณ
00:45:08 → 00:45:10 ลงทุนเรื่องนี้เพราะคุณหวังสิ่งตอบแทนนี่
00:45:10 → 00:45:11 นา
00:45:11 → 00:45:12 อื
00:45:12 → 00:45:14 มันคือการลุ้นว่าทางรัฐนี้จะใช้ได้ผลจริง
00:45:14 → 00:45:15 มั้ย
00:45:15 → 00:45:16 มันเกิดจากความโลภทั้งใช่มั้
00:45:16 → 00:45:19 ด้วยครับความโลภราคะส่วนใหญ่ถ้าเป็น
00:45:19 → 00:45:22 โรแมนซมีอยู่ 2 อย่างน้อยครั้งมากที่เกิด
00:45:22 → 00:45:26 จากความไม่รู้จริงๆไม่ค่อยเจอแบบนั้นส่วน
00:45:26 → 00:45:30 ใหญ่คุณหวังคนไทยหวังครับทำอะไรหวังผลหมด
00:45:30 → 00:45:33 ขนาดไหว้พระยังขอกลับมาเลยทำ 20 บาทขอถูก
00:45:33 → 00:45:35 หวยรางวัลที่ 1
00:45:35 → 00:45:38 ทำไมคุณคิดว่าเทพเจ้าพระเจ้าเขาจะยอมขาด
00:45:38 → 00:45:39 ทุนเป็นแสนขนาดนั้นน่ะ
00:45:39 → 00:45:43 อืโรแมนซ์สแกมยุคใหม่อาจารย์ว่ามันพัฒนา
00:45:43 → 00:45:44 ไปถึงไหนแล้ว
00:45:44 → 00:45:47 พัฒนาด้วยเทคโนโลยีด้วยและความสามารถของ
00:45:47 → 00:45:51 เทคโนโลยีทำให้มิจฉาชีพทำน้อยแต่ได้มาก
00:45:51 → 00:45:53 ไม่ต้องลงแรงมากแต่ได้เยอะ
00:45:53 → 00:45:56 ที่ต่างประเทศเนี่ยเค้าจะได้รับ fishing
00:45:56 → 00:45:58 อีเมลมันจะส่งเข้ามาในอีเมลเป็นลิงก์อะไร
00:45:58 → 00:46:00 อย่างเงี้ยลิงก์เนี้ยบางทีเราเรียกว่า
00:46:00 → 00:46:03 ransomware การคลิกคลิกลิงก์ทำให้
00:46:03 → 00:46:06 คอมพิวเตอร์เราดับครับแล้วข้อมูลที่เป็น
00:46:06 → 00:46:08 ความลับหรือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเราอ่ะ
00:46:08 → 00:46:11 จะถูกล็อคแล้วมิจฉาชีพก็จะส่งอีเมลเรียก
00:46:11 → 00:46:12 ค่าไถ่มา
00:46:12 → 00:46:12 อุ้ย
00:46:12 → 00:46:14 เราเรียกว่า ransomware
00:46:14 → 00:46:16 เรียกค่าไถ่ายว่าถ้าคุณไม่จ่ายเงิน
00:46:16 → 00:46:19 200,000 บาทตอนนี้จะลบข้อมูลทั้งหมดนะ
00:46:19 → 00:46:19 อื
00:46:20 → 00:46:22 เราก็ต้องจ่ายไงอันนี้แรนซัมwareเราไม่
00:46:22 → 00:46:25 ค่อยเจอคนไทยจะเจอแบบว่าลงทุนถูกกว่านั้น
00:46:25 → 00:46:29 เพราะว่าระบบส่งและการโทรของประเทศไทยลง
00:46:29 → 00:46:31 ทุนน้อยมิจฉาชีพเลยใช้วิธีการนี้มากกว่า
00:46:31 → 00:46:32 ในประเทศไทยครับ
00:46:32 → 00:46:35 เส้นการส่งเมเสครับ
00:46:35 → 00:46:38 คุณมีพัสดุตกค้างอยากตรวจสอบกดที่นี่กด
00:46:38 → 00:46:41 ปุ๊บมือถือโดนคอนโทรลจากระยะไกล
00:46:41 → 00:46:42 อื
00:46:42 → 00:46:44 ง่ายที่สุดเลยมิจฉาชีพไม่ต้องลงทุนเลยลง
00:46:44 → 00:46:46 ทุนแบบ 1 สตางค์
00:46:46 → 00:46:49 วันนึงผมส่งเมเจอ่ะครับกดส่งตุ๊ดพันเบอร์
00:46:49 → 00:46:52 กดคลิกเดียวดูซิเหยื่อคนไหนจะตอบกลับแค่
00:46:52 → 00:46:53 นั้นเอง
00:46:53 → 00:46:54 นั่งเฉยๆ
00:46:54 → 00:46:55 นั่งเฉยๆนั่งรอ
00:46:55 → 00:46:57 อยากให้อาจารย์ฝากบอกหรือฝากเตือนอะไร
00:46:57 → 00:47:00 สำหรับทุกท่านนะฮะไม่ว่าจะเป็นเหยื่อหรือ
00:47:00 → 00:47:03 อาจจะเป็นมิจฉาชีพที่กำลังใช้ความรักหรือ
00:47:03 → 00:47:05 ใช้ความที่เป็นคนหน้าตาดีเหมือนที่เราคุย
00:47:05 → 00:47:07 กันเนี่ยนะเป็นเครื่องมือในการกระทำความ
00:47:07 → 00:47:10 ผิดหรือก่ออัชญกรรม
00:47:10 → 00:47:13 จริงๆถ้าเราชอบคนสวยหล่อเนาะมันก็เป็น
00:47:13 → 00:47:17 กรรมเป็นกรรมของเราที่แพ้คนหน้าตาดีเค้า
00:47:17 → 00:47:20 จะเลวยังไงก็จะทนเพราะเค้าหน้าตาดีอันนี้
00:47:20 → 00:47:23 เป็นความชอบเป็นรสนิยมส่วนตัวนะ
00:47:23 → 00:47:27 แต่ผมให้ข้อคิดอย่างนี้แล้วกันหน้าตารูป
00:47:27 → 00:47:30 ร่างโปรไฟล์คือเปลือกซึ่งแสดงได้
00:47:30 → 00:47:32 บุคลิกภาพ
00:47:32 → 00:47:34 คำว่า personality เนี่ยรากศัพท์มาจาก
00:47:34 → 00:47:38 ภาษาลาตินคือคำว่า personal แปลว่าหน้า
00:47:38 → 00:47:38 กาก
00:47:38 → 00:47:39 อื
00:47:39 → 00:47:42 ให้คุณพึงระลึกไว้ว่าทุกคนใส่หน้ากากอยู่
00:47:42 → 00:47:43 ตลอดเวลา
00:47:43 → 00:47:43 อ
00:47:43 → 00:47:46 คุณอยากจะรู้จักใครจริงๆหน้าตาอาจจะพอใจ
00:47:46 → 00:47:47 คุณตอนแรก
00:47:47 → 00:47:47 อ
00:47:47 → 00:47:49 แต่มันอยู่ด้วยกันไม่ยาวหรอกครับถ้ามัน
00:47:49 → 00:47:50 เคมีไม่ตรงกัน
00:47:50 → 00:47:51 ค่ะ
00:47:51 → 00:47:55 ดังนั้นการทำความรู้จักนิสัยต้องใช้เวลา
00:47:55 → 00:47:56 อื
00:47:56 → 00:47:59 ผมให้คุณให้โอกาสตัวเองในการทำความรู้จัก
00:48:00 → 00:48:02 คนหนึ่ง
00:48:02 → 00:48:03 ใช้เวลา 1 ปี
00:48:03 → 00:48:05 1 ปีแล้วต้องเป็นบอกได้
00:48:05 → 00:48:08 ใช่ครับแล้วต้องเป็น 1 ปีที่คุณรู้จัก
00:48:08 → 00:48:11 โคตรเหง้าของเขาด้วยนะพ่อแม่ทำงานอะไร
00:48:11 → 00:48:13 เป็นยังไงหรือไม่ใช่แบบมาตัวคนเดียวไม่มี
00:48:13 → 00:48:16 พ่อแม่เราสืบไม่ได้เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว
00:48:16 → 00:48:19 เอ่อลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
00:48:19 → 00:48:22 ถ้าคุณรู้ที่มาของพ่อแม่เค้าลักษณะนิสัย
00:48:22 → 00:48:24 เราก็จะรู้ได้ว่าเค้าถูกเลี้ยงมายังไง
00:48:24 → 00:48:28 สภาพสังคมต่างจากเราม
00:48:28 → 00:48:31 เลี้ยงมาแบบดีเลยให้เกียรติกันให้เกลียด
00:48:31 → 00:48:34 คนเราก็จะสบายใจระดับนึงว่าพ่อแม่เขาสอน
00:48:34 → 00:48:37 มาดีคนเราไม่ค่อยต่างจากสิ่งที่เราถูก
00:48:37 → 00:48:39 เลี้ยงมาหรอกครับไม่ต่างจากพ่อแม่เท่า
00:48:39 → 00:48:39 ไหร่
00:48:40 → 00:48:43 พี่ชอบความคิดนี้นะเพราะว่าอย่างน้อยต้อง
00:48:43 → 00:48:44 มีปีนึง
00:48:44 → 00:48:44 ถูกต้อง
00:48:44 → 00:48:47 และต้องดูไปกระทั่งถึงต้นตระกูลไทยของเขา
00:48:47 → 00:48:48 อ่า
00:48:48 → 00:48:50 พี่เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:48:50 → 00:48:54 อีกข้อนึงการรู้จักใครแม้เป็นหลักปีคุณ
00:48:54 → 00:48:56 ต้องเคยลองใช้ชีวิตทั้งวันทั้งคืนกับเขา
00:48:56 → 00:49:00 ด้วยนะครับเพราะบางคนหลายคู่ที่คบกันมา
00:49:00 → 00:49:03 หลายปีแต่พอแต่งงานกันไปเพิ่งย้ายมาอยู่
00:49:03 → 00:49:06 ด้วยกันแล้วเลิกเนื่องจากความเป็นตัวเอง
00:49:06 → 00:49:10 หรือว่า Dark Triad มุมมืดของคนเนี่ย
00:49:10 → 00:49:11 บางทีมันโผล่
00:49:11 → 00:49:15 บางช่วงบางตอนสั้นสั้นแต่เราเจอเ้าแค่นอก
00:49:15 → 00:49:17 บ้านไงกินข้าวด้วยกันดูหนังด้วยกันไม่เคย
00:49:17 → 00:49:19 เห็นเลยว่าจริงๆแล้วเวลาเขาอยู่คนเดียว
00:49:19 → 00:49:20 เ้าเป็นยังไง
00:49:20 → 00:49:21 ด้านมืด
00:49:21 → 00:49:22 อ่าอันนี้คือคำเตือน
00:49:22 → 00:49:24 อ่า
00:49:24 → 00:49:27 ผมมีแบบทดสอบที่จะลองดูซิว่ามันจะตรงกับ
00:49:27 → 00:49:29 ลักษณะบุคลิกของพี่ตั๊กหรือเปล่านะครับ
00:49:29 → 00:49:29 ครับ
00:49:29 → 00:49:33 ผมจะให้ดูภาพภาพนึงเป็นเวลา 1 วินาที
00:49:33 → 00:49:35 ให้วินาทีเดียวแล้วก็หยุดแล้ว 1
00:49:35 → 00:49:39 ซึ่งจะมี 3 รูปภาพครับรูปที่ 1 รูปที่ 2
00:49:39 → 00:49:40 รูปที่ 3
00:49:40 → 00:49:40
00:49:40 → 00:49:43 พี่ตั๊กต้องบอกผมว่ารูปไหนไม่เหมือน
00:49:43 → 00:49:45 เพื่อนมันจะมี 1 รูปที่ไม่เหมือนเพื่อน
00:49:45 → 00:49:46 อ้อไม่เหมือนเพื่อน
00:49:46 → 00:49:50 อ่าให้แค่ 1 วินาที 3 2 1
00:49:50 → 00:49:52 ต้องใกล้นะ
00:49:52 → 00:49:55 3 2 1 อ่ะ
00:49:56 → 00:49:57 รูป 2 ไม่เหมือนเพื่อน
00:49:57 → 00:50:01 โอเคพี่ตั๊กเป็นคนย้ำคิดย้ำทำครับ
00:50:01 → 00:50:04 ชอบทำอะไรซ้ำๆชอบตรวจอะไรซ้ำๆแม้จะเป็น
00:50:04 → 00:50:06 งานของคนอื่นแต่ขอผ่านตาเราก่อนเพราะฉัน
00:50:06 → 00:50:09 ขอตรวจด้วยความแน่ใจอีกทีต้องเรียบร้อย
00:50:09 → 00:50:09 ใช่
00:50:10 → 00:50:12 ถ้าตรงไหนผิดนิดนึงไปปริ้นมา
00:50:12 → 00:50:13 ใช่
00:50:13 → 00:50:15 ไม่ขีดค่าเนี่ยครับ
00:50:16 → 00:50:18 แต่มันบางคนเไม่ชอบอาจารย์
00:50:18 → 00:50:19 ใช่ครับอันนี้คือแบบสอบ
00:50:19 → 00:50:21 ถูกมั้อัน 2 มันไม่เหมือนใครใช่ม
00:50:21 → 00:50:24 ใช่ครับจะมีแค่ผู้ป่วยเท่านั้นที่ตอบถูก
00:50:24 → 00:50:26 โอ๊ย
00:50:26 → 00:50:30 เดี๋ยวแล้วอาจารย์เห็นว่าคนยังไงฮะ
00:50:30 → 00:50:32 ผมว่าพี่ตั๊กน่าจะใช้แบบทดสอบนี้ได้เพราะ
00:50:32 → 00:50:36 ว่าพี่ตั๊กดูเป็นคนมั่นใจและซีเรียสกับ
00:50:36 → 00:50:39 การทำงานจะไม่ค่อยชอบข้อผิดพลาดชอบอะไร
00:50:39 → 00:50:42 ที่เป็น perfectionism อ่ะอ่าอ่ะซึ่งแบบ
00:50:42 → 00:50:44 ทดสอบนี้เราเรียกว่า OCD test หรือ
00:50:44 → 00:50:46 อุ๊ยแต่มันดูยากนะ
00:50:46 → 00:50:49 คนทั่วไปดูไม่ออกครับคนทั่วไปจะไม่รู้ว่า
00:50:49 → 00:50:50 เลข 2
00:50:50 → 00:50:51 เออแต่ทำไมพี่เห็นอ่ะ
00:50:51 → 00:50:53 พี่ตั๊กใช้เวลาแค่ 2 วินาทีในการเห็นว่า
00:50:53 → 00:50:56 มันต่างจากเพื่อนในขณะที่คนทั่วไปทำไม่
00:50:56 → 00:50:57 ได้
00:50:57 → 00:50:58 โอ
00:50:58 → 00:50:59 นี่คือความพิเศษของคนที่เป็น
00:50:59 → 00:51:01 perfectionisม
00:51:01 → 00:51:02 ดีหรือไม่ดีมีทั้งดี
00:51:02 → 00:51:06 มีทั้งดีและไม่ดีบางทีเา้าเครียดเกินไป
00:51:06 → 00:51:09 อย่างเช่นสมมุติพี่ตั๊กวางแก้วที่บ้านมี
00:51:09 → 00:51:10 อันนึงแลบออกมา
00:51:10 → 00:51:12 อื้อหืออาจารย์หงุดหงิดอาจารย์ช่วยไปที่
00:51:12 → 00:51:15 บ้านโอ้โหจริงๆเลยใช่เลย
00:51:15 → 00:51:18 ใช่เลยมันเป็นข้อไม่ดีของคนที่อยู่ใต้
00:51:18 → 00:51:19 อานัส
00:51:19 → 00:51:22 เช่นแม่บ้านและคนขับรถจะไม่ชอบ
00:51:22 → 00:51:26 ถูกต้องนี่คือบุคลิกภาพซึ่งผมใช้แค่รูป
00:51:26 → 00:51:28 ภาพเดียวในการวิเคราะห์
00:51:28 → 00:51:30 มีคนไม่เห็นป่ะ
00:51:30 → 00:51:31 มีครับเยอะ
00:51:31 → 00:51:31 แล้วทำไมพี่เห็น
00:51:32 → 00:51:36 สมมุติ 50 คนจะมีคนเห็นสัก 4
00:51:36 → 00:51:36 เหรอคะ
00:51:36 → 00:51:39 ใช่ครับเพราะมันเป็นนิสัยที่หาได้ยากในคน
00:51:39 → 00:51:42 มันจะเป็นโรคจิตมั้ย
00:51:42 → 00:51:44 ถ้ามันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครการ
00:51:44 → 00:51:46 เป็น OCD หรือว่า Perfectionis เป็นแค่
00:51:46 → 00:51:48 บุคลิกภาพเฉพาะตัว
00:51:48 → 00:51:48 อ๋อ
00:51:48 → 00:51:51 เหมาะสำหรับทำงานตรวจ
00:51:51 → 00:51:51 ใช่
00:51:51 → 00:51:54 บัญชีหรือเงินอะไรอย่างเงี้ยเขาจะคำนวณ
00:51:54 → 00:51:57 เป๊ะมากคืองานจะเพเฟคอ่ะ
00:51:57 → 00:52:00 ไม่พี่เคยเถียงกับสามีพี่บอกพี่สมควรจะ
00:52:00 → 00:52:01 เป็นตำรวจ
00:52:01 → 00:52:03 โอหชอบจับผิด
00:52:03 → 00:52:05 มันไม่ใช่จับผิดแต่พี่เห็นความผิดนั้นหมด
00:52:05 → 00:52:06 อ่า
00:52:06 → 00:52:07 พี่มองตาปุ๊บพี่รู้คนนี้ผิดอะไร
00:52:07 → 00:52:10 อ่านี่ไงเป็นความสามารถเฉพาะเฉพาะบุคคลนะ
00:52:10 → 00:52:10 ครับ
00:52:10 → 00:52:12 เหนอน่าจะไปเป็นอะไรแบบนี้เนาะ
00:52:12 → 00:52:15 ใช่คือในบางคนที่สามารถใช้ชีวิตไปได้ไม่
00:52:15 → 00:52:17 ได้สร้างความเครียดมากอย่างเช่นเคยขึ้น
00:52:17 → 00:52:20 ทางด่วนมแล้วเห็นกรวยสีส้มตั้งปั๊บๆๆๆๆ
00:52:20 → 00:52:23 เป็นแนวมีอันนึงสีเขียวเห็นแล้วหงุดหงิด
00:52:23 → 00:52:24 มั้ย
00:52:24 → 00:52:26 มันทำทะลึ่งมาทำไมตรงนี้ใช่มั้
00:52:26 → 00:52:29 จะรู้สึกเฉพาะคนที่เป็นแบบนี้เท่านั้นที่
00:52:29 → 00:52:31 จะรู้สึกขัดหูขัดตา
00:52:31 → 00:52:33 ขัดหูขัดตาใช่ๆแล้วจะแก้ไงอาจารย์
00:52:33 → 00:52:36 แก้ไม่ได้ครับ
00:52:36 → 00:52:36 จริงๆพี่แก
00:52:36 → 00:52:38 มันไม่เป็นอะไรไงมันไม่เป็นอะไรถ้ามันไม่
00:52:38 → 00:52:41 ได้ทำให้เราเครียดแค่รู้เฉยๆว่าแบบทดสอบ
00:52:41 → 00:52:44 ทางจิตนั้นมันสามารถสะท้อนตัวบุคคลได้
00:52:44 → 00:52:46 แล้วมันมีวิธีการวัดอื
00:52:46 → 00:52:49 อืฝึกสมาธิและการควบคุมดูผมว่าพี่ตั๊กน่า
00:52:49 → 00:52:52 จะเป็นคนจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาก
00:52:52 → 00:52:55 แล้วจะหงุดหงิดถ้ามีอะไรมาทำลายสมาธิ
00:52:55 → 00:52:58 นะครับลองรูบขาครับข้างนึงลูบข้างนึงทุบ
00:52:58 → 00:52:59 ครับ
00:52:59 → 00:53:01 เอ้ยไม่ได้
00:53:01 → 00:53:03 ลองดูลองดูเราจะทำได้ในที่สุด
00:53:03 → 00:53:05 เ
00:53:05 → 00:53:07 อ่ะทำได้ะแต่ต้องถัดข้างนี้นะ
00:53:07 → 00:53:09 เดี๋ยวผมจะให้เปลี่ยน
00:53:09 → 00:53:09 เปลี่ยน
00:53:09 → 00:53:12 ข้างนึงรูบใช่มั้ยครับข้างนึงทุบครับ
00:53:12 → 00:53:14 เปลี่ยนเนี่ยยากเพราะทบก่อนทุบก่อนทุบกับ
00:53:14 → 00:53:19 รูปทุบกับรูปอ่ะเปลี่ยนครับ
00:53:19 → 00:53:20 ยากๆจริงๆ
00:53:20 → 00:53:23 เอออันนี้ยากนะ
00:53:23 → 00:53:23 ยากอ่ะ
00:53:23 → 00:53:25 แล้วก็เปลี่ยน
00:53:25 → 00:53:25 ยาก
00:53:25 → 00:53:27 แล้วพอเราทำได้แล้วปุ๊บผมจะให้พี่ตั๊กลบ
00:53:27 → 00:53:31 เลขโดยที่มือยังขยับอยู่
00:53:31 → 00:53:32 ออไม่ได้หรอก
00:53:32 → 00:53:34 นี่แหละผมใช้ในคลาส
00:53:34 → 00:53:35 สมาธิพี่ไม่ดี
00:53:35 → 00:53:36 ใช้ในคลาส
00:53:36 → 00:53:39 ดูคลิปนี้จบแล้วนะคะใครที่เคยโดนมิจฉาชีพ
00:53:39 → 00:53:42 หลอกไม่ว่าจะหลอกในรูปแบบใดก็ตามหรือจะ
00:53:42 → 00:53:45 หลอกยังไงก็ตามช่วยแชร์มาบอกกันหน่อยนะคะ
00:53:45 → 00:53:48 เพื่อจะได้เป็นการเตือนภัยสำหรับคนอื่น
00:53:48 → 00:53:51 ด้วยนะคะดูรายการแล้วชอบอะไรไม่ชอบอะไร
00:53:51 → 00:53:54 อยากจะให้ปรับปรุงตรงไหนนะคะบอกเลยหรือ
00:53:54 → 00:53:57 อยากจะให้ใครมานั่งคุยกับพี่ตั๊กตรงนี้ก็
00:53:57 → 00:53:59 สามารถที่จะบอกได้เพราะว่าทุกความคิดเห็น
00:53:59 → 00:54:02 และคอมเมนต์ของทุกท่านมีส่วนที่จะทำให้
00:54:02 → 00:54:07 พวกเรานำไปพัฒนาให้รายการดียิ่งขึ้นไปค่ะ
00:54:07 → 00:54:10 อย่าลืมลืมนะคะฝากกดไลค์กดแชร์กดติดตาม
00:54:10 → 00:54:12 ทางช่อง Live Doot ของเราด้วยนะคะเราจะ
00:54:12 → 00:54:19 ได้ไม่พลาดสาระดีๆจากรายการตักพอค่ะ