00:00:00 → 00:00:02 เชื่อว่าถ้าพูดถึงเรื่องไขมันในเส้นเลือด
00:00:03 → 00:00:06 ทุกคนมักจะนึกถึง ldl เป็นอย่างแรกว่า ldl
00:00:06 → 00:00:09 คือไขมันตัวร้ายแล้วก็เป็นสิ่งที่เรามัก
00:00:09 → 00:00:11 จะตรวจเวลาที่เราตรวจสุขภาพร่างกายใช่มย
00:00:11 → 00:00:14 ครับนี่คือเรื่องปกติเลยเนาะแต่ผมเคยเล่า
00:00:14 → 00:00:19 ไปใน Top to Episode ที่ 76 ว่า ldl
00:00:19 → 00:00:21 เองก็มีหลายประเภทแล้วจริงๆ ldl ตัวที่
00:00:21 → 00:00:25 เป็นปัญหาเนี่ยมันเรียกว่า Small dce
00:00:25 → 00:00:28 ldl ซึ่งเราสามารถที่จะไปตรวจแบบเฉพาะ
00:00:28 → 00:00:31 เจาะจงได้เลยนะครับแว่าจริงๆแล้วเรามี
00:00:31 → 00:00:34 Small dce ldl ที่เป็นตัวปัญหามากหรือ
00:00:34 → 00:00:37 น้อยตัวนั้นน่ะจะเป็นตัวบอกความเสี่ยงของ
00:00:37 → 00:00:40 โรคหัวใจได้ดีกว่าแค่ ldl เฉยๆแต่วันนี้
00:00:40 → 00:00:44 มีอีกหนึ่งความรู้นึงที่ผมอยากจะมาบอกทุก
00:00:44 → 00:00:46 คนนะครับเชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่
00:00:46 → 00:00:49 รู้แล้วก็คุณหมออาจจะไม่ได้บอกด้วยซ้ำนะ
00:00:50 → 00:00:52 ครับว่าปัจจุบันเนะครับการตรวจว่าเรามี
00:00:52 → 00:00:55 ความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจโรคไขมันอุตันใน
00:00:56 → 00:01:00 เส้นเลือดรวมไปถึงสตกความดันเนี่ยนะครับ
00:01:00 → 00:01:04 มีตัวที่ตรวจแล้วแม่นยำกว่า ldl สิ่งนั้น
00:01:04 → 00:01:07 เรียกว่า a b นะครับในต่างประเทศเนี่ย
00:01:07 → 00:01:10 เขาตรวจ a b กันเยอะแยะมากมายเป็นเรื่อง
00:01:10 → 00:01:13 ปกติเลยแต่ในเมืองไทยเนี่ยน้อยคนมากที่จะ
00:01:13 → 00:01:16 รู้จัก a b แล้วก็จะเสียตังคไปตรวจนะ
00:01:16 → 00:01:19 ครับซึ่งผมอยากจะบอกเลยว่าเป็นความเสี่ยง
00:01:19 → 00:01:23 มากถ้าเราไปตรวจเลือดปกติแล้วเจอว่า ldl
00:01:23 → 00:01:25 สูงแน่นอนคุณมีความเสี่ยงสูงอยู่แล้วแต่
00:01:25 → 00:01:28 คนที่น่ากลัวคือคนที่ไปตรวจแล้วเจอว่า ldl
00:01:29 → 00:01:33 ปกติหรือ ldl ต่ำแล้วเราชะล่าใจว่าเฮ้ย
00:01:33 → 00:01:37 เราโอเคแล้วมันมีหลาย evidence ว่าคน
00:01:37 → 00:01:40 เหล่านั้นเ่ะเจอปัญหาโรคหัวใจไขมันอุตาใน
00:01:40 → 00:01:44 เส้นเลือดทั้งๆที่ ldl ปกติหรือต่ำนั่น
00:01:44 → 00:01:47 เป็นเพราะอะไรเดี๋ยววันนี้ Top to จะ
00:01:47 → 00:01:49 เล่าให้ฟังครับ This is the Standard
00:01:49 → 00:01:53 podcast Eye Opening for your
00:01:53 → 00:01:56 ears Top to podcast สุขภาพที่ใช้
00:01:57 → 00:02:01 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:02:01 → 00:02:04 เท้าวันนี้น่าสนุกมากเพราะว่ามี prop
00:02:04 → 00:02:06 ด้วยนะครับผมเตรียมอุปกรณ์มาเพื่ออธิบาย
00:02:07 → 00:02:09 เพราะผมคิดว่ามันจะน่าจะช่วยให้ทุกคน
00:02:09 → 00:02:11 เนี่ยเห็นภาพแล้วก็เข้าใจง่ายที่สุดนะ
00:02:11 → 00:02:14 ครับขอแนะนำตัวละครของผมหน่อยแล้วะกัน
00:02:14 → 00:02:18 เนาะในเนี้ยมีถั่วอยู่ 2 สีนะครับถั่ว
00:02:18 → 00:02:23 เหลืองผมใช้แทนโคเลสเตอรอลนะครับหลายๆคน
00:02:23 → 00:02:25 รู้จักมันดีแล้วก็คงไม่อยากให้มี
00:02:25 → 00:02:27 คอเลสเตอรอลสะสมเยอะในร่างกายของเราเนาะ
00:02:27 → 00:02:31 ถั่วดำอ้าอนี้ผมแทนไตรกีซาไลน์
00:02:31 → 00:02:34 ไตรกีซาไลน์ทุกคนก็น่าจะคุ้นๆเพราะว่า
00:02:34 → 00:02:37 เวลาที่เราตรวจเลือดเราก็มีการวัดระดับ
00:02:37 → 00:02:39 ไตรกีซาไลน์เช่นกันเพราะฉะนั้นตอนที่เรา
00:02:39 → 00:02:42 ตรวจเลือดเนี่ยเราวัดทั้งไตรกีซาไลน์และ
00:02:42 → 00:02:46 เราวัดทั้งโคเลสเตอรอลถ้ามันสูงมากเกินไป
00:02:46 → 00:02:49 ในร่างกายของเราเนี่ยแสดงว่าเราเริ่มมี
00:02:49 → 00:02:51 ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรบางอย่างแน่ๆ
00:02:51 → 00:02:53 แล้วอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
00:02:54 → 00:02:57 แล้วนะครับทีนี้อยากจะเล่าให้ฟังว่าเวลา
00:02:57 → 00:02:59 ที่เรากินอาหารที่มีไขมันเข้าไปเนี่ย
00:02:59 → 00:03:02 เนี่ยไขมันมันไปถูก process มันไปถูก
00:03:02 → 00:03:06 ลำเลียงไปตามเส้นเลือดแล้วก็ส่งไปยังส่วน
00:03:06 → 00:03:09 ต่างๆของร่างกายได้ยังไงหรอเพราะทั้ง
00:03:09 → 00:03:12 โคเลสเตอรอลและไตกีสไลเนี่ยเป็นสิ่งที่
00:03:12 → 00:03:15 ไม่ละลายน้ำมันจะไปอยู่ในเลือดได้ยังไง
00:03:15 → 00:03:19 นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงมีเจ้าถุงพลาสติก
00:03:19 → 00:03:21 ที่มาใส่ถั่วเต็มไปหมดเลยเพราะในร่างกาย
00:03:21 → 00:03:25 เราเป็นแบบนี้ครับไขมันเนี่ยจะถูกลำเรียง
00:03:25 → 00:03:27 ใส่ถุงหน้าตาเหมือนถุงพลาสติกเลยนะครับ
00:03:28 → 00:03:31 แล้วไอ้เจ้าถุงพลาสติกเนี่ยแหละที่มันมี
00:03:31 → 00:03:34 คุณสมบัติทางเคมีที่มันเข้ากับน้ำได้ดี
00:03:34 → 00:03:37 กว่าไขมันจึงพาไขมันเนี่ยไปยังส่วนต่างๆ
00:03:37 → 00:03:40 ทั่วร่างกายได้ผ่านเส้นเลือดแล้วก็น้ำ
00:03:40 → 00:03:42 เลือดของเรานั่นเองนะครับทีนี้มาดูกันดี
00:03:42 → 00:03:45 กว่าว่าจากไอ้เจ้าโคเลสเตอรอลและไตกีสไล
00:03:45 → 00:03:48 ที่เรากินเข้าไปเนี่ยมันไปถูกบรรจุอยู่ใน
00:03:48 → 00:03:51 ถุงได้ยังไงนะครับสมมุติเรากินอาหารอะไร
00:03:51 → 00:03:54 เข้าไปก็ตามที่มีไขมันลงไปในกระเพาะลงไป
00:03:54 → 00:03:58 ในลำไส้ผ่านการย่อยแล้วดูดซึมเนี่ยนะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ไขมันททั้งหมดที่เรากินเข้าไปนี่นะครับ
00:04:01 → 00:04:06 มันจะเริ่มถูกบรรจุใส่ถุงที่ชื่อว่าไคโล
00:04:06 → 00:04:09 ไมครอนเจ้าไคโลไมครอนเนี่ยจะเป็นถุงขนาด
00:04:09 → 00:04:11 ใหญ่นะครับที่ลำเรียงไขมันที่เรากินทั้ง
00:04:11 → 00:04:15 หมดจากลำไส้ไปยังตับก่อนเพื่อให้ตับไป
00:04:15 → 00:04:18 process ดูว่าเฮ้ยมันโอเคไม่โอเคก่อนที่
00:04:18 → 00:04:20 จะส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกายนะครับ
00:04:20 → 00:04:23 เพราะฉะนั้นจะเจอถุงนี้เยอะเลยนะครับจาก
00:04:23 → 00:04:26 ลำไส้ไปตับเจ้าไคโลไมคอนเนี่ยไม่ค่อยเป็น
00:04:26 → 00:04:29 ปัญหาเพราะเวลาเรากังวลเรื่องไขมันคือเรา
00:04:29 → 00:04:33 กังวลสิ่งที่เรียกว่าไขมันอุดตันในเส้น
00:04:33 → 00:04:35 เลือดถูกไมมครับเจ้าไคลคอมีขนาดใหญ่เพราะ
00:04:35 → 00:04:37 ฉะนั้นมันไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรไม่ได้ไป
00:04:37 → 00:04:40 อุตตันเพราะฉะนั้นปล่อยมันไปทีนี้พอเจ้า
00:04:40 → 00:04:44 ไคโลไมครอนเนี่ยถูกลำเลียงไปที่ตับและตับ
00:04:44 → 00:04:47 เองเนี่ยก็จะเริ่ม process ไอ้เจ้าไคลคอ
00:04:47 → 00:04:50 ใหม่บรรจุใส่ถุงใหม่นะครับเป็นถุงที่มี
00:04:50 → 00:04:54 ขนาดเล็กลงเล็กลงเล็กลงไปเรื่อยๆและของ
00:04:54 → 00:04:56 ที่อยู่ในถุงเนี่ยก็จะแตกต่างกันออกไปนะ
00:04:56 → 00:04:59 ครับงั้นจะเกิดถุงที่มีชื่อเรียกแตกต่าง
00:04:59 → 00:05:01 กันแลแล้วก็บรรจุไขมันคนละชนิดด้วยนะครับ
00:05:01 → 00:05:04 เดี๋ยวเรามาไล่กันทีละตัวเลยจากไคโล
00:05:04 → 00:05:08 ไมครอนเครับตับก็จะเริ่มสร้างถุงชนิดแรก
00:05:08 → 00:05:10 ชื่อว่า
00:05:10 → 00:05:14 vldl ชื่อเต็มๆคือ very low ก็คือต่ำ
00:05:14 → 00:05:19 มากๆ very low density Lip รตนก็คือ
00:05:19 → 00:05:22 เป็นถุงที่มี Content ข้างในอ่ะคววามหนา
00:05:22 → 00:05:25 แน่นต่ำมากๆนะครับข้างในจะเห็นว่ามันเป็น
00:05:25 → 00:05:27 ถั่วดำหมดเลยก็คือเป็นถุงที่มีแต่
00:05:27 → 00:05:30 ไตรกลีเซอไรด์นั่นเองนะครับขนาดของถุงที่
00:05:30 → 00:05:33 ผมบรรจุถั่วเนี่ยสะท้อนกับขนาดความจริง
00:05:33 → 00:05:36 เลยเนาะไมคอนใหญ่สุด vldl เนี่ยก็จะเล็ก
00:05:36 → 00:05:38 ลงมานะครับแต่ก็ยังใหญ่กว่าเพื่อนที่
00:05:39 → 00:05:42 เหลืออีก 4 ตัวนะครับ vldl จะบรรจุเฉพาะ
00:05:42 → 00:05:46 ไตรกีซาไลน์ทีนี้ระหว่างที่เจ้า vldl
00:05:46 → 00:05:48 เนี่ยวิ่งไปตามเส้นเลือดเนี่ยนะครับมันก็
00:05:48 → 00:05:51 สามารถที่จะปล่อยไกีสไลดออกไปแล้วมัน
00:05:51 → 00:05:54 สามารถที่จะรับโคเลสเตอรอลที่ร่องรอย
00:05:54 → 00:05:57 เนี่ยเข้ามาได้นะครับถ้ามันทำแบบนั้นปึ๊บ
00:05:57 → 00:05:59 มันก็จะเริ่มมีการเปลี่ยน Content ที่
00:05:59 → 00:06:02 อยู่ข้างในในถุงนะครับเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:06:02 → 00:06:04 Content ในถุงเนี่ยมีทั้ง
00:06:04 → 00:06:08 ไกีซึ่งเป็นถั่วสีดำและมีทั้งคสอถั่วสี
00:06:08 → 00:06:11 เหลืองและเริ่มมีขนาดเล็กลงมีความหนาแน่น
00:06:11 → 00:06:15 เปลี่ยนไปถุงเนี้ยจะถูกเรียกชื่อใหม่ว่า i
00:06:15 → 00:06:18 dl i ย่อมาจาก
00:06:18 → 00:06:22 intermediate density Lipe ก็เป็นถุง
00:06:22 → 00:06:25 ที่มีความหนาแน่นกลางๆคือความหนาแน่นเยอะ
00:06:26 → 00:06:28 กว่าเจ้า vldl นี่แหละทีนี้ไอ้เจ้า idl
00:06:28 → 00:06:30 เนี่ยมันก็จะวิ่งไปเหมือนกันแล้วมันก็อาจ
00:06:30 → 00:06:34 จะปล่อยไตกีซอลออกไปแล้วก็ pick up เจ้า
00:06:34 → 00:06:38 โคเลสเตอรอลเอาไว้นะครับมันก็สามารถจะ
00:06:38 → 00:06:41 เปลี่ยนขนาดแล้วก็ Content จนกลายเป็นถุง
00:06:41 → 00:06:44 อีกชนิดหนึงที่เป็นถุงที่คนคุ้นเคยมากที่
00:06:44 → 00:06:46 สุดเรียกว่า
00:06:46 → 00:06:51 ldl ย่อมาจาก low density Lipe ก็คือ
00:06:51 → 00:06:56 เป็นถุงที่เก็บไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำ
00:06:56 → 00:07:00 นั่นเองนะครับข้างในบรรจุเฉพาะโคคสอแล้ว
00:07:00 → 00:07:04 ก็เป็นเจ้าหนี้นี่แหละที่ทุกคนน่ะเคย
00:07:04 → 00:07:07 เชื่อกันมาว่ามันคือต้นเหตุสำคัญเจ้าโคลส
00:07:07 → 00:07:10 ที่อยู่ใน ldl เนี่ยมันคือต้นเหตุสำคัญ
00:07:10 → 00:07:12 ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจโรคไขมันอุตันในเส้น
00:07:12 → 00:07:15 เลือดต่างๆนะครับจะเห็นได้ว่าเวลาเราพูด
00:07:15 → 00:07:18 ว่าเราวัด ldl วัด ldl อ่ะจริงๆเนี่ยที่
00:07:18 → 00:07:22 เขาวัดเนี่ยคือวัดปริมาณโคเลสเตอรอลที่
00:07:22 → 00:07:26 อยู่ในถุงที่ชื่อว่า ldl นั่นคือสิ่งที่
00:07:27 → 00:07:30 เราวัดได้นะครับคือแสของโรอลที่อยู่ในถุง
00:07:31 → 00:07:33 นี้เนาะนอกจาก ldl แล้วที่เป็นถุงค่อน
00:07:33 → 00:07:35 ข้างจิ๋วแล้วบรรจุโคเลสเตอรอลอย่างเดียว
00:07:35 → 00:07:38 เนี่ยก็มีถุงอีกกลุ่มนึงนะครับชื่อว่า LP
00:07:38 → 00:07:40 Little a เชื่อว่า LP Little a นี่
00:07:40 → 00:07:42 น่าจะไม่เคยได้ยินน้อยคนมากที่จะรู้จักยก
00:07:42 → 00:07:45 เว้นคนในวงการเนาะขนาดเนี่ยค่อนข้างพอๆ
00:07:45 → 00:07:48 กันกับ ldl เลยบรรจุคอเลสเตอรอลอย่าง
00:07:48 → 00:07:51 เดียวเหมือนกันเลยนะครับจะแตกต่างกันนิด
00:07:51 → 00:07:54 เดียวคือผมรัดหนังยางอีกเส้นนึงมาคาดไว้
00:07:54 → 00:07:56 ใช่มั้ยครับจริงๆมันจะมีโปรตีนอีกตัวนึง
00:07:56 → 00:07:59 มาคาดไว้แล้วมันก็เลยกลายเป็นถุงอีกชื่อ 1
00:07:59 → 00:08:03 เรียกว่า LP Little a ตัวแสบไม่แพ้กับ
00:08:03 → 00:08:06 ldl เลยเพราะว่าตัวมันก็เล็กแล้วก็บรรจุ
00:08:06 → 00:08:09 คอเลสเตอรอลเหมือนกันนะครับสิ่งที่ผมอยาก
00:08:09 → 00:08:13 จะให้ทุกคนดูก็คือว่าผมซ่อนสัญลักษณ์อะไร
00:08:13 → 00:08:16 บางอย่างไว้ที่ถุงก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ใน
00:08:16 → 00:08:19 การมัดถุงนะครับถ้าสังเกตดีๆเนี่ยนะครับ
00:08:19 → 00:08:24 ทั้ง 4 ถุงนี้ทั้ง vldl idl ldl และ LP
00:08:24 → 00:08:29 Little a เนี่ยนะครับจะมียางวงสีแดงนี่
00:08:29 → 00:08:32 ยางวงสีแดงเนี่ยมัดอยู่เจ้ายางวงสีแดงนี่
00:08:32 → 00:08:37 แหละครับทางการมันเรียกว่าโรตีน B หรือ
00:08:37 → 00:08:40 ว่าชื่อย่อย่อคือ A B และเดี๋ยวเจ้า a b
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยนะครับจะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็น
00:08:43 → 00:08:47 มาเกอร์ที่บอกว่าคนไหนอ่ะมีโอกาสเป็นโรค
00:08:47 → 00:08:49 ไขมันอุตันในเส้นเลือดหรือว่าโรคหัวใจมาก
00:08:49 → 00:08:51 กว่าเพื่อนนะครับเดี๋ยวค่อยย้อนกลับมาที่
00:08:51 → 00:08:55 aob เนาะขอพาไปรู้จักอีก 1 ตัวครับก็คือ
00:08:55 → 00:08:59 ถุงที่มีขนาดเล็กที่สุดเลยเจ้าหนี่คือ hdl
00:08:59 → 00:09:03 hdl ย่อมาจาก High สูง High density
00:09:03 → 00:09:06 โปรตีนก็เป็นถุงที่บรรจุไขมันที่มีความห
00:09:06 → 00:09:08 แน่นสูงนั่นเองนะครับตัวนี้หลายๆคนรู้จัก
00:09:08 → 00:09:12 มาในนามเป็นพระเอกเนาะมันเป็นตัวที่คอยไป
00:09:12 → 00:09:15 เก็บคอเลสเตอรอลที่อยู่ในเส้นเลือดพาไป
00:09:15 → 00:09:18 ส่งที่ตับเพื่อกำจัดทิ้งเพราะฉะนั้นการไป
00:09:18 → 00:09:21 ตรวจเลือดแล้วบอกว่าเฮ้ยอยากให้ hdl มัน
00:09:21 → 00:09:23 สูงก็เพราะว่ามันเป็นตัวดีนั่นแหละมันไป
00:09:23 → 00:09:25 คอยเก็บขยะก็คือคอเลสเตอรอลไปให้ที่ตั
00:09:25 → 00:09:29 ทำลายนั่นเองนะครับจะเห็นว่าในถุง hdl
00:09:29 → 00:09:31 เป็นถุงที่มีขนาดเล็กที่สุดอย่างที่ 2
00:09:31 → 00:09:33 คือสิ่งที่บรรจุใน hdl เนี่ยจะมี
00:09:33 → 00:09:36 คอเลสเตอรอลและจะมีถั่วเขียวด้วยนะครับ
00:09:36 → 00:09:38 จริงๆถั่วเขียวที่อยู่ในถุงเนี่ยผมใช้แทน
00:09:38 → 00:09:42 ถุงพลาสติกครับคือไอ้ถุงไขมันที่มันล่อง
00:09:42 → 00:09:44 รอยเนี่ยบางทีมันแตกสลายได้ถูกมยแล้วไอ้
00:09:44 → 00:09:47 เ้าตัวถุงเองเนี่ยมันสามารถเอารีไซเคิ
00:09:47 → 00:09:49 กลับไปใช้ใหม่ได้เพราะฉะนั้นเจ้า hdl เอง
00:09:49 → 00:09:51 เนี่ยก็ทำหน้าที่เก็บทั้งขยะคือ
00:09:51 → 00:09:54 คอเลสเตอรอลและเก็บซากถุงที่เหลือเนี่ย
00:09:54 → 00:09:57 เอาไปไว้ที่ตับเพื่อรีไซเคิสร้างเป็นถุง
00:09:57 → 00:10:00 ไขมันถุงอื่นๆได้เพราะฉะนั้นใน hdl ถึงมี
00:10:00 → 00:10:03 ทั้งโคเลสเตอรอลและถั่วเขียวซึ่งแทนไอ้
00:10:03 → 00:10:06 เจ้าเปลือกถุงนั่นเองนะครับจะเห็นว่า hdl
00:10:06 → 00:10:10 เองเนี่ยไม่มีหนังยางสีแดงแต่มีเชือบฟาง
00:10:10 → 00:10:14 สีฟ้าซึ่งผมใช้แทนสิ่งที่เรียกว่า
00:10:14 → 00:10:19 โตน A1 ชื่อเล่นของมันคือ a A1 ซึ่ง
00:10:19 → 00:10:22 เดี๋ยวจะมีบทบาทสำคัญอีกอย่างนึงที่เรา
00:10:22 → 00:10:24 สามารถจะเลือกตรวจได้นะครับเพราะมัน
00:10:24 → 00:10:26 สามารถที่จะสะท้อนความมีสุขภาพดีของเรา
00:10:26 → 00:10:30 ได้ดีกว่าการตรวจ hdl ด้วยซ้ำไปนะครับ
00:10:30 → 00:10:32 โอเคตอนนี้เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักตัว
00:10:32 → 00:10:37 ละครของผมแล้วนะครับทั้ง 6 ตัวรู้จักยาวง
00:10:37 → 00:10:42 ของผมนั่นก็คือ AP B และเชือกฟางคือ a a
00:10:42 → 00:10:44 เรียกว่า AP B AP a แล้วกันเนาะเรียก
00:10:45 → 00:10:47 ง่ายๆนะครับทีนี้เวลาที่เราไปตรวจไขมัน
00:10:47 → 00:10:50 เนี่ยเรามักจะตรวจ 3 อย่างอย่างที่ 1 เรา
00:10:50 → 00:10:53 ตรวจสิ่งที่เรียกว่า
00:10:53 → 00:10:57 ldlc ldlc คืออะไร C คือโคเลสเตอรอลที่
00:10:57 → 00:11:00 อยู่ใน ldl เพราะฉะนั้นตัวเลขที่คุณได้
00:11:00 → 00:11:02 เวลาคุณไปตรวจสุขภาพตรวจเลือดแล้วเป็นตัว
00:11:02 → 00:11:06 เลขเนี่ยมันคือ Content คือปริมาณหรือน้ำ
00:11:06 → 00:11:07 หนัก
00:11:07 → 00:11:10 คสอที่อยู่ในถุงชนิด
00:11:10 → 00:11:13 ldl เท่านั้นนั่นคือสิ่งที่คุณได้มีการ
00:11:13 → 00:11:17 ตรวจไขมันเร็วอีกแบบนึงที่เขาเชื่อว่าดี
00:11:17 → 00:11:22 กว่าการตรวจ ldl เฉยๆสิ่งนั้นมันเรียกว่า
00:11:22 → 00:11:24 non
00:11:24 → 00:11:27 hdlc non คือไม่เนาะไม่ใช่ hdlc ก็คือ
00:11:27 → 00:11:31 ไม่ใช่คอเลสเตอรอลที่อยู่ในถุง hdl หมาย
00:11:31 → 00:11:34 ความว่าตรวจอะไรนี่ครับมันคือการตรวจ 3
00:11:34 → 00:11:38 ถุงนี้ครับตรวจปริมาณคสอที่อยู่ในถุงอะไร
00:11:38 → 00:11:42 ก็ตามที่ไม่ใช่ hdl แต่ไม่ใช่ไมครอนเพราะ
00:11:42 → 00:11:44 ไมครอนไม่ใช่ตัวปัญหาแต่ตัวปัญหาเี่คือ
00:11:44 → 00:11:50 idl ldl และ LP Little a ซึ่งการตรวจ
00:11:50 → 00:11:53 non hdlc แน่นอนได้ข้อมูลที่เยอะกว่า
00:11:53 → 00:11:57 การตรวจ ldl เฉยๆเพราะตัวปัญหาเนี่ยมัน
00:11:57 → 00:11:59 คือถุงเหล่านี้แหละครับที่เป็นตัวปัญญหา
00:11:59 → 00:12:02 หาเนาะไม่ใช่แค่ถุงนี้ถุงเดียวนะที่เป็น
00:12:02 → 00:12:06 ตัวปัญหาแต่ทั้ง LP Little a ldl และ
00:12:06 → 00:12:09 idl เนี่ยเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดไขมัน
00:12:09 → 00:12:11 อุตันในเส้นเลือดด้วยกันทั้งสิ้นนะครับ
00:12:11 → 00:12:14 นี่คือสิ่งที่ตรวจเนาะแต่ก็ยังไม่ใช่สิ่ง
00:12:14 → 00:12:17 ที่ดีที่สุดในการตรวจว่าคุณมีความเสี่ยง
00:12:17 → 00:12:20 เป็นโรคไขมันหรือเปล่าเพราะหลังจากที่นัก
00:12:20 → 00:12:23 วิทยาศาสตร์เนี่ยเขารีเสิร์ชหรือว่าคุณ
00:12:23 → 00:12:25 หมอที่ทำงานรีเสิร์ชเนี่ยเก็บข้อมูลความ
00:12:25 → 00:12:28 สัมพันธ์ว่าเเนี่ยเาไปเช็คคนไข้เยอะแยะ
00:12:28 → 00:12:30 เลยแล้วก็เก็บข้อมูลต่างๆเนี่ยเค้าเจอว่า
00:12:30 → 00:12:34 สิ่งที่ predict หรือว่าคาดการณ์ความ
00:12:34 → 00:12:37 เสี่ยงคนที่เป็นโรคหัวใจได้แม่นยำที่สุด
00:12:37 → 00:12:42 คือการวัดสิ่งนี้ครับสิ่งนี้คือ a b การ
00:12:42 → 00:12:45 วัดว่าในร่างกายของเราในเลือดของเราเนี่ย
00:12:45 → 00:12:49 มี a โป B อยู่เยอะหรือน้อยกว่ากันนะครับ
00:12:49 → 00:12:52 ยิ่งมีเยอะหมายความว่ามีความเสี่ยงเป็น
00:12:52 → 00:12:55 โรกหัวใจมากกว่าถามว่าทำไมอ่ะทำไม a Pro
00:12:55 → 00:12:58 b ถึงมีบทบาทมากนะครับระหว่างที่ไอ้เจ้า
00:12:58 → 00:13:01 ถุงไขมันเนี่ยมันล่องลอยไปในเลือดผมอยาก
00:13:01 → 00:13:03 จะบอกว่าเราเรียนรู้แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่า
00:13:04 → 00:13:08 มันคือการที่โคเลสเตอรอลเนี่ยมันไปอุดตัน
00:13:08 → 00:13:11 มันไปโดนแรปไปโดนจับเอาไว้ที่เส้นเลือด
00:13:11 → 00:13:13 ซึ่งเมื่อมีองค์ความรู้มากขึ้นเขาเจอว่า
00:13:13 → 00:13:17 ไอ้สิ่งที่มันเป็นตัวที่ทำให้โดนดักจับ
00:13:17 → 00:13:19 ได้เนี่ยมันคือตัวหนังยางครับไอ้เจ้าหนัง
00:13:19 → 00:13:22 ยางหรือ aob นี่แหละคือสิ่งที่มันสามารถ
00:13:22 → 00:13:25 จะไปเกาะกับสารโมเลกุลบางอย่างที่อยู่ที่
00:13:25 → 00:13:28 ผนังหลอดเลือดแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ไอ้
00:13:28 → 00:13:30 เจ้าถุงเนี้ยมันโดนเกาะไว้ที่ผนังหลอด
00:13:30 → 00:13:32 เลือดคราวเนี้ยมันจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ
00:13:32 → 00:13:34 ตามมาเป็น scenario เลยก็คือจะไปเรียก
00:13:34 → 00:13:37 เม็ดเลือดขาวมากินทำให้เกิดการอักเสบวุ่น
00:13:37 → 00:13:40 วายและกลายเป็นพลาในที่สุดถ้าถุงนี้ไม่
00:13:40 → 00:13:44 โดนแทปจะไม่เกิดพลาเราจะไม่เป็นปัญหานะ
00:13:44 → 00:13:46 ครับแต่เมื่อไหร่ก็ตามถุงโดนแทปก็คือถุง
00:13:46 → 00:13:49 มันดันมีไอ้เจ้า a โป B นี่แหละมันก็มี
00:13:49 → 00:13:54 โอกาสที่จะโดนแทปมากกว่าเพื่อนแล้วถามว่า
00:13:54 → 00:13:59 ถุงไหนบ้างอ่ะที่มันมี a b ทั้งหมด 4
00:13:59 → 00:14:06 ถุงครับ vldl idl ldl แล้วก็ LP l a
00:14:06 → 00:14:09 เพราะฉะนั้นการตรวจเฉพาะ
00:14:09 → 00:14:12 ldlc ครอบคลุมมยไม่เพราะมันตรวจแค่ตัว
00:14:12 → 00:14:15 เดียวอีก 3 ตัวไม่ได้ตรวจถามว่าการตรวจ
00:14:15 → 00:14:20 non hdlc ครอบคลุมมไม่เพราะมันตรวจแค่ 3
00:14:20 → 00:14:23 ตัวตัวนี้ไม่ได้ตรวจตัวนี้ยังมี a b
00:14:23 → 00:14:26 อยู่เพราะฉะนั้นการตรวจ a b ถึงแม่นยำ
00:14:26 → 00:14:30 ที่สุดเพราะมันตรวจทุกตัวเลยที่มียางวงสี
00:14:30 → 00:14:33 แดงหรือว่า a b ที่สามารถจะทำให้ถุงไข
00:14:33 → 00:14:35 มันเหล่าเนี้ย Trap ไว้ที่เส้นเลือดได้
00:14:35 → 00:14:38 นั่นคือ 1 เหตุผลนั่นเองนะครับเพรางั้น
00:14:38 → 00:14:40 การตรวจ a b คือการตรวจว่าเฮ้ยมันมี
00:14:40 → 00:14:44 จำนวนถุงไขมันทั้งหมดกี่ถุงซึ่งจำนวนถุง
00:14:44 → 00:14:47 นี่แหละคือคีย์สำคัญที่เพิ่มความเสี่ยง
00:14:47 → 00:14:50 ที่จะเป็นโรคหัวใจไม่ใช่ปริมาณ
00:14:50 → 00:14:53 โคเลสเตอรอลที่อยู่ในถุงถามว่าทำไมเอ้า
00:14:54 → 00:14:56 แน่นอนครับผมทำมาเทียบให้ดูนะถ้าผมมี
00:14:56 → 00:14:59 ปริมาณคอเลสเตอรอลเท่ากันเท่ากับกันเลยนะ
00:14:59 → 00:15:01 ตรวจมา 2 คนเท่ากันปริมาณถั่วเท่ากันคือ
00:15:01 → 00:15:05 ปริมาณโเท่ากันแต่คนนึงเนี่ยดันถั่วทั้ง
00:15:05 → 00:15:07 หมดถูกบรรจุอยู่ในถุงถุงเดียวแต่อีกคนนึง
00:15:07 → 00:15:09 อ่ะถั่วเท่ากันแต่ต้องกระจายบรรจุถุงอาจ
00:15:10 → 00:15:12 จะ 3-5 ถุงถามว่าใครมีความเสี่ยงมากกว่า
00:15:12 → 00:15:15 กันแน่นอนต้องเป็นคนที่มีจำนวนถุงมากกว่า
00:15:15 → 00:15:18 ซึ่งจำนวนถุงเนี่ยมันวัดไม่ได้ด้วย ldlc
00:15:18 → 00:15:21 แต่ต้องวัดด้วย a b นั่นเองครับนี่คือ
00:15:21 → 00:15:24 เหตุผลว่าทำไม a b ถึงแม่นยำแล้วก็สำคัญ
00:15:24 → 00:15:28 กว่าในการวัดความเสี่ยงโรคหัวใจทีนี้มา
00:15:28 → 00:15:30 อีกตัวนึงครับอย่าไม่ได้พูดถึงคือ hdl
00:15:30 → 00:15:33 เกริ่นไปแล้วว่าการวัด hdl อย่างเดียว
00:15:33 → 00:15:35 เนี่ยอาจจะไม่เพียงพอให้ข้อมูลไม่ครบ
00:15:35 → 00:15:38 เพราะว่าหลักการเดียวกันเลย hdl คือตัวดี
00:15:38 → 00:15:41 เนาะเรารู้เราอยากมี hdl เยอะๆแต่ไอ้คำ
00:15:41 → 00:15:44 ว่า hdl เยอะๆเราต้องการปริมาณถุง hdl
00:15:45 → 00:15:48 เยอะๆมาช่วยกันทำงานไม่ใช่แค่ถุงเดียวนะ
00:15:48 → 00:15:51 ครับการวัด hdlc เนี่ยเราได้ Content ที่
00:15:51 → 00:15:54 อยู่ในถุง hdl โดยที่เราไม่รู้ว่าจริงๆ
00:15:54 → 00:15:56 แล้วมันมีกี่ถุงกันแน่นะครับแต่ถ้าเกิด
00:15:56 → 00:16:00 เราไปวัดปริมาณ A a a A1 เลยนะครับที่
00:16:00 → 00:16:03 เป็นเชือกฟาเนี่ยเราก็จะดูได้เลยว่าอ้อ
00:16:03 → 00:16:05 จริงๆแล้วเนี่ยตอนเร่างกายเรามี hdl ทั้ง
00:16:05 → 00:16:08 หมดกี่ถุงยิ่งมีเยอะแสดงว่ามีพนักงานเก็บ
00:16:08 → 00:16:11 ขยะเยอะก็จะเป็นเรื่องที่ดีกับร่างกายของ
00:16:11 → 00:16:14 เราอ่านี้นี้ก็มาคำถามว่าแล้วอย่างงี้ต่อ
00:16:14 → 00:16:16 ไปเราไม่ต้องวัด ldl เราไม่ต้องวัด hdl
00:16:16 → 00:16:19 แล้วหรอสิ่งที่ผมอยากจะบอกคือยังไงก็ตาม
00:16:19 → 00:16:22 การวัด ldl และ hdl ยังเป็นประโยชน์อยู่
00:16:22 → 00:16:26 นะครับดีสุดคือการวัด ldl hdl ควบคู่กับ
00:16:26 → 00:16:29 a b แล้วก็ a a ไปไปด้วยเพราะข้อมูล
00:16:29 → 00:16:32 ทั้งหมดคุณหมอสามารถที่จะใช้ประกอบการ
00:16:32 → 00:16:36 แล้วก็ใช้วิเคราะห์สภาพร่างกายเราได้แล้ว
00:16:36 → 00:16:39 ก็วางแผนการรักษาได้เพราะว่าจริงๆแล้วการ
00:16:39 → 00:16:43 วัด ldl กับ hdl ถ้ามันสูงการที่ ldl กับ
00:16:43 → 00:16:46 hdl สูงเนี่ยครับมันแปลว่ามันมีแนวโน้ม
00:16:46 → 00:16:48 แหละที่ถ้ามันเยอะมันก็ควรจะต้องใช้ถุง
00:16:48 → 00:16:51 เยอะแค่มันไม่การันตีนั่นเองเท่ากับการ
00:16:51 → 00:16:54 วัด a b กับ apple a อันนั้นแม่นยำกว่า
00:16:54 → 00:16:57 แน่นอนนะครับแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามก็ควรวัด
00:16:57 → 00:16:59 ทั้งคู่ถ้าเกิดว่าคุณวัด LD แล้วเจอว่า
00:16:59 → 00:17:00 มันสูงแน่นอนแล้วคุณเสี่ยงที่จะเป็นโรค
00:17:00 → 00:17:03 หัวใจคำมันอุตันในเส้นเลือดอันนั้นเรี่ยง
00:17:03 → 00:17:07 ไม่ได้แต่ถ้าคุณเจอว่า ldl คุณปกติหรือ
00:17:07 → 00:17:10 ต่ำอย่าเพิ่งชะล่าใจครับวันนี้คุณรู้จัก
00:17:10 → 00:17:14 a+ B แล้วผมแนะนำให้คุณวัด a b ด้วย
00:17:14 → 00:17:17 แล้วก็เช็คก่อนว่า a+ B คุณต่ำตาม ldl
00:17:17 → 00:17:21 มยถ้า a+ B ต่ำก็แสดงว่าโอเคความเสี่ยง
00:17:21 → 00:17:25 คุณต่ำจริงๆแต่ถ้า L เดีคุณต่ำแต่ a b
00:17:25 → 00:17:28 คุณสูงอันนั้นแหละคือข้อควรระวังและควรจะ
00:17:28 → 00:17:31 ต้องรีบปรึกษาคุณหมอว่าควรจะทำยังไงมั้ย
00:17:31 → 00:17:34 ดูแลตัวเองยังไงเพื่อลดปริมาณ aob ลงลด
00:17:34 → 00:17:36 ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงนั่นเองนะ
00:17:36 → 00:17:39 ครับงั้นอยากให้รู้จัก A B และ a a
00:17:39 → 00:17:42 หวังว่าจะเข้าใจกันมากขึ้นทีนี้โอเคเริ่ม
00:17:42 → 00:17:44 ดูแลรู้จักมันแล้วแล้วอยากตรวจถามว่า
00:17:44 → 00:17:47 เมืองไทยมีตรวจมยมีตรวจครับผมไปหาข้อมูล
00:17:47 → 00:17:51 มาฝากทุกคนเลยนะครับว่าเออมันมีตรวจมั้ย
00:17:51 → 00:17:53 ตรวจที่ไหนเอาจริงๆโรงพยาบาลทั่วไปอยู่
00:17:53 → 00:17:56 เนี้ยมีบริการการตรวจแล้วนะครับหรือว่ามี
00:17:56 → 00:17:59 คลินิกด้านนอกที่ทำที่เป็นพวก laap อย่าง
00:17:59 → 00:18:02 เงี้ยเค้าก็มีแพคเกจในการตรวจไขมันแบบ
00:18:02 → 00:18:05 เค้าจะเรียกว่า ID Profile แบบ full Set
00:18:05 → 00:18:08 เลยหรือว่าสามารถที่จะตรวจ a b a a
00:18:08 → 00:18:11 แยกโดยเฉพาะก็ได้นะครับมีทางเลือกเยอะแยะ
00:18:11 → 00:18:15 แล้วเรื่องของราคาเอาจริงๆแล้วมันไม่แพง
00:18:15 → 00:18:19 แบบที่ตอนแรกผมคิดคือราคาถือว่าพอรับได้
00:18:19 → 00:18:21 เลยนะถ้าเกิดว่ามันจะช่วยให้เราได้ข้อมูล
00:18:21 → 00:18:23 สุขภาพที่เป็นประโยชน์กับเราเนาะผมไปเจอ
00:18:23 → 00:18:26 มาครับว่าการตรวจ a b เพียงอย่างเดียว
00:18:26 → 00:18:28 เนี่ยราคาคุณสามารถเจอได้ในหลักร้อยครับ
00:18:28 → 00:18:31 คือประมาณ 600 ถึงประมาณช่วง 1,000 เนี่ย
00:18:31 → 00:18:34 ได้เลยนะครับแล้วการตรวจ a Pro B เนี่ย
00:18:34 → 00:18:36 ถ้าเท่าที่ผมอ่านมาเนี่ยไม่ต้องอดอาหาร
00:18:36 → 00:18:38 ด้วยนะครับสามารถที่จะ W อินแล้วไปตรวจ
00:18:38 → 00:18:40 ได้เลยแต่โดยทั่วๆไปการตรวจ ID โปรไฟล
00:18:40 → 00:18:43 อื่นๆเนี่ยเราควรต้องอดอาหารอย่างน้อย 12
00:18:43 → 00:18:45 ชมงนะครับเพื่อไปตรวจก็จะได้ผลที่ดีกว่า
00:18:46 → 00:18:48 เนาะกินได้เฉพาะน้ำนะครับแต่ถ้า a v
00:18:48 → 00:18:50 อย่างเดียวเนี่ยไม่ต้องอดข้าวอดอาหารเลย
00:18:50 → 00:18:52 สามารถไปตรวจได้ราคาไม่แพงด้วยนะครับหรือ
00:18:52 → 00:18:54 ถ้าอยากตรวจแบบ full Set ผมก็ลองไป
00:18:54 → 00:18:57 เสิร์ชดูก็เจอว่าโอ้การตรวจ ID Profile
00:18:57 → 00:19:00 ทั้งหมดทั้ง ldl H รวมไปถึง a a a b
00:19:00 → 00:19:02 อะไรเงี้ยรวมกันหมดเลยราคาเนี่ยอยู่ใน
00:19:02 → 00:19:06 ช่วง 23,000 ก็ถือว่าพอรับได้อยู่นะถ้า
00:19:07 → 00:19:09 เกิดจะเป็นการลงทุนเพื่อที่จะดูข้อมูล
00:19:09 → 00:19:12 แล้วก็ดูความเสี่ยงว่าเราจะเป็นโรคร้าย
00:19:12 → 00:19:14 คือโรคหัวใจหรือเปล่านะครับเพราะถ้าเกิด
00:19:14 → 00:19:16 เรามีขายมันอุตาในเสื้อเลือดเนี่ยโอ้โห
00:19:16 → 00:19:19 เป็นต้นกำเนิดของซีรียโลกเต็มไปหมดเลย
00:19:19 → 00:19:23 เนาะถามว่าควรตรวจ AO a ยเมื่อกี้บอกไป
00:19:23 → 00:19:25 แล้วนะครับว่าการที่เรามี hdl สูงไม่ได้
00:19:26 → 00:19:28 แปลว่าสุขภาพเราดีเสมอไปเพราะจำนวนถุงอาจ
00:19:29 → 00:19:32 จะน้อยก็ได้การตรวจ AO a เป็นการยืนยัน
00:19:32 → 00:19:35 ว่าโอเคปริมาณถุง hdl เนี่ยมีเยอะจริงๆ
00:19:35 → 00:19:38 แล้วก็มันช่วยทำให้ร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:19:38 → 00:19:40 เก็บขยะได้ดีจริงๆนะครับเราจะได้ดูแลตัว
00:19:40 → 00:19:44 เองถ้าเกิดเราเจอว่าเฮ้ย hdr เราสูงแต่ AA
00:19:44 → 00:19:47 ต่ำเราอาจจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบาง
00:19:47 → 00:19:50 อย่างเช่นอาจจะต้องกินไขมันดีเข้าไปเพิ่ม
00:19:50 → 00:19:53 มากขึ้นเพราการกินไขมันดีหลายๆชนิดเนี่ย
00:19:53 → 00:19:56 นะครับมันจะช่วย Boost hdl มันอาจจะเป็น
00:19:56 → 00:19:59 การ Boost ไอ้จำนวนถุงนี่แหละให้มันมี
00:19:59 → 00:20:01 เยอะขึ้นพนักงนเก็บขยะเยอะขึ้นก็ช่วยเก็บ
00:20:01 → 00:20:04 พวกคอเลสเตอรอลออกจากเลือดไปได้ดีมากยิ่ง
00:20:04 → 00:20:05 ขึ้นนะครับทีนี้ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่า a
00:20:06 → 00:20:08 b a a สำคัญเนาะแล้วเราจะมีไสตล์อะไร
00:20:08 → 00:20:13 มยที่จะลด a b แล้วก็เพิ่ม a a ให้กับ
00:20:13 → 00:20:16 เราได้จริงๆในเมืองนอกเนี่ยนะครับเมีเป็น
00:20:16 → 00:20:18 คอร์สในการรักษาเลยนะครับเมื่อก่อนเนี่ย
00:20:18 → 00:20:22 คุณหมอมักจะ target การจัดการกับเจ้าคสอ
00:20:22 → 00:20:24 ถูกมยแต่พอองค์ความรู้มันเยอะขึ้นว่าเอ้ย
00:20:24 → 00:20:27 a b มันเป็นตัวสำคัญเลยนะก็เริ่มมีการ
00:20:27 → 00:20:30 target เจ้า a b มากขึ้นครับว่าถ้าเกิด
00:20:30 → 00:20:32 ว่าลด a b ได้เนี่ยความเสี่ยงในการเกิด
00:20:32 → 00:20:35 โรคหัวใจเนี่ยมันต้องลดลงฮวบแน่เลยซึ่งผล
00:20:35 → 00:20:37 clinical trial ส่วนใหญ่ออกมาในทิศทาง
00:20:37 → 00:20:39 เดียวกันเลยนะครับว่าถ้าเราปรับเปลี่ยน
00:20:39 → 00:20:42 พฤติกรรมหรือมีการกินยาบางอย่างแล้วไปจัด
00:20:42 → 00:20:44 การ a Pro B เนี่ยความเสี่ยงที่จะเป็น
00:20:44 → 00:20:47 โรคหัวจเนี่ยลดลงจริงๆมันเวิร์คจริงๆนะ
00:20:47 → 00:20:49 ครับถามว่าทำอะไรกับมันได้บ้างในการที่จะ
00:20:49 → 00:20:52 ลดเจ้า a Pro B นะครับขอบอกก่อนนิดนึง
00:20:52 → 00:20:54 ว่า a b เนี่ยมันก็จะวัดออกมาเป็นตัวเลข
00:20:54 → 00:20:57 เหมือนกันเนาะค่าเป็น Range ปกติที่ผมได้
00:20:57 → 00:21:00 ตัวเลขมาคืออยู่ที่
00:21:00 → 00:21:03 60-100 มิลกรัม per เดซิลิตรนะครับวิธี
00:21:03 → 00:21:06 การวัดตัวเลขมันก็จะออกมาคล้ายๆกับไอ้ ldl
00:21:06 → 00:21:08 แเดีวคุ้นเคยนี่แหละมันจะมีค่าเฉลี่ยอยู่
00:21:08 → 00:21:11 ที่อยู่ใน Range เนี้ยปลอดภัยมากกว่า
00:21:11 → 00:21:14 อันตรายน้อยกว่าก็อาจจะเซฟนะครับเพราะ
00:21:14 → 00:21:15 ฉะนั้นเนี่ยเวลาคุณไปวัดเนี่ยก็ลองเทียบ
00:21:15 → 00:21:17 ค่าดูได้เนาะมาที่อะไรบ้างที่จะช่วยลด
00:21:17 → 00:21:20 apob อย่างแรกคือยาครับยาเนี่ยมันมียา
00:21:21 → 00:21:23 หลายตัวเลยตัวที่ดังที่สุดคือ stein
00:21:23 → 00:21:27 stein เนี่ยเป็นยาที่คุณหมอจะต้องเป็นคน
00:21:27 → 00:21:30 พิจารณาแล้วแล้วก็จ่ายคนไข้ที่มีความ
00:21:30 → 00:21:32 เสี่ยงคือต้องบอกว่า statin เนี่ยมี
00:21:32 → 00:21:35 clinical trial เยอะมีผล Positive เยอะ
00:21:35 → 00:21:38 ว่าสามารถที่จะควบคุมปริมาณทั้งคอสเตอและ
00:21:38 → 00:21:41 apob ได้มีประสิทธิภาพจริงๆแต่มันก็อาจ
00:21:41 → 00:21:43 จะมี Side เฟคด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นถาม
00:21:43 → 00:21:46 ว่าเราควรจะไปซื้อกินเองมยไม่ควรเราควรจะ
00:21:46 → 00:21:48 ไปปรึกษาคุณหมอที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะแล้ว
00:21:48 → 00:21:51 ก็ให้คุณหมอพิจารณาจากไอ้ค่าเลือดค่าการ
00:21:51 → 00:21:54 ตรวจของเราเนี่นะครับแล้วให้คุณหมอวางแผน
00:21:54 → 00:21:57 การรักษาให้เรานะครับถ้าเราสมควรกิน stein
00:21:57 → 00:21:59 เดี๋ยวคุณหมอจะจ่ายให้เราเองอย่าซื้อกิน
00:21:59 → 00:22:01 เองนะครับอย่างที่ 2 คือทั่วไปเลยเราควร
00:22:01 → 00:22:04 ที่จะลดการกินไขมันอิ่มตัวไขมันเร็วทั้ง
00:22:04 → 00:22:07 หลายนั่นแหละนะครับก็ควรจะลดการกินแล้วก็
00:22:07 → 00:22:09 ลดคอเลสเตอรอลเพราะถ้าลดแล้วเนี่ยถ้า
00:22:09 → 00:22:12 คอเลสเตอรอลมันน้อยลงแน่นอนจำนวนถุงที่
00:22:12 → 00:22:15 ต้องใช้ในการขนส่งคอเลสเตอรอลมันก็จะน้อย
00:22:15 → 00:22:18 ลงตามไปด้วยอันนั้นใช้เป็น Common Sense
00:22:18 → 00:22:20 สิ่งที่ผมอยากจะแชร์มากกว่าผมก็ไปหาข้อ
00:22:20 → 00:22:23 มูลมานะว่าเออเราจะจัดการกับคอเลสเตอรอล
00:22:23 → 00:22:25 หรือจะจัดการกับ apop ได้ยังไงก็เลยไปได้
00:22:25 → 00:22:28 ความรู้ใหม่มาครับว่าตอนนี้เค้ามีเจอสาร
00:22:28 → 00:22:31 บางอย่างอย่างที่เป็นสารที่หน้าตาคล้าย
00:22:31 → 00:22:34 กับคอเลสเตอรอลเลยครับเป็นสารจากพืชชื่อ
00:22:34 → 00:22:39 ว่า stol หรือ stal กลุ่มเนี้ยกลุ่ม stol
00:22:39 → 00:22:41 หรือ stal เนี่ยโครงสร้างทางเคมีหน้าตา
00:22:41 → 00:22:44 คล้ายเหมือนโคเลสเตอรอลถ้าเรากินเข้าไป
00:22:44 → 00:22:48 แล้วเนี่ยนะครับมันสามารถที่จะไปบล็อก
00:22:48 → 00:22:50 ช่องที่คอเลสเตอรอลต้องเดินผ่านน่ะประตู
00:22:50 → 00:22:52 ของคอเลสเตอรอลที่เดินผ่านเข้าไปในเส้น
00:22:52 → 00:22:54 เลือดอีเจ้า stal กับ stal เี่มันจะไป
00:22:54 → 00:22:58 บล็อกประตูบานนั้นทำให้คอสอมันเดินเข้าไป
00:22:58 → 00:23:00 ไม่ได้พอมันเดินเข้าไปไม่ได้ดูดซึมเข้าไป
00:23:00 → 00:23:03 ในเลือดไม่ได้เนี่ยคอเลสเตอรอลบางส่วนก็
00:23:03 → 00:23:05 จะถูกขับออกไปไม่ถูกดูดซึมนั่นเองนะครับ
00:23:06 → 00:23:08 เพราะฉะนั้นตอนเนี้ยสารสกัดจากพืชไม่ว่า
00:23:08 → 00:23:11 stal หรือ stal ก็กลายเป็น supplement
00:23:11 → 00:23:14 สำหรับรถ ldl หรือว่า cholesterol เลยเขา
00:23:14 → 00:23:18 บอกว่ากินประมาณ 2 กรัมต่อวันเนี่ยสามารถ
00:23:18 → 00:23:21 จะช่วยลด ldl ได้ 10% นะครับก็น่าสนใจเลย
00:23:21 → 00:23:24 ถามว่าแล้วพืชอะไรบ้างที่มันมีไอ้เจ้าสาร
00:23:24 → 00:23:27 เหล่านี้ล่ะก็ไปดูมานะครับก็มีอะโวคาโด
00:23:27 → 00:23:31 Almond pcan พิชิงาถั่วเหลืองเมล็ดทาน
00:23:31 → 00:23:34 ตะวันจริงๆอยู่ในผักผลไม้แหละน้ำมันพืช
00:23:34 → 00:23:37 ที่เต็มไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเนี่ยก็จะมี
00:23:37 → 00:23:40 เจ้า stal กับ SOS ค่อนข้างเยอะนะครับก็
00:23:40 → 00:23:44 สามารถจะเป็นทางนึงะกันที่จะช่วยลดการดูด
00:23:44 → 00:23:46 ซึมของโคเลสเตอรอลได้ครับอีกอันนึงที่ไป
00:23:47 → 00:23:48 เจอมาเหมือนกันเป็นอีกหนึ่งองค์คววามรู้
00:23:48 → 00:23:51 ว่าเอ้ apb ตัวปัญหาแล้วมีตัวอะไรที่ไปลด
00:23:51 → 00:23:54 apb ได้บ้างครับก็ไปเจอว่ามันก็มีสารบาง
00:23:54 → 00:23:57 อย่างที่มีคุณสมบัติที่เรียกว่า
00:23:57 → 00:24:01 ไฮโปดอมิก็คือสามารถจะช่วยลดปริมาณ
00:24:01 → 00:24:05 ไลโปโปรตีนได้นะครับถามว่าคืออะไรก็คือ
00:24:05 → 00:24:07 กระเทียมครับกระเทียมเนี่ยมีสารตัวนึงที่
00:24:07 → 00:24:10 ชื่ออินนะครับก็เจอว่ามีคุณสมบัติในการ
00:24:10 → 00:24:14 ที่จะลดการผลิตไอ้เจ้าเโปโปรตีนก็คือโปบ
00:24:14 → 00:24:16 เนี่ยลดลงได้นะครับเพราะฉะนั้นเวลาที่เรา
00:24:16 → 00:24:19 ไปกินปิ้งย่างของมันๆอะไรเนี่ยเนาะสังเกต
00:24:19 → 00:24:21 ว่าเขาจะมีกระเทียมดิบให้เรากินด้วยหรือ
00:24:21 → 00:24:24 กินข้าวขาวหมูเนี่ยมีกระเทียมสดให้เรากิน
00:24:24 → 00:24:26 ด้วยเพราะฉนั้นกินตามเข้าไปด้วยครับมันพอ
00:24:26 → 00:24:29 ที่จะช่วยได้นะครับกระเทียมอย่ามองข้าม
00:24:29 → 00:24:31 มันช่วยเราได้หรืออาจจะมีในพืชอื่นๆอีกนะ
00:24:31 → 00:24:34 ครับเเจอว่ามีสารอีกหลายตัวที่เป็นสารที่
00:24:34 → 00:24:37 ช่วยลดการดูดซึมดักจับไขมันที่ไม่ค่อยดี
00:24:37 → 00:24:40 ได้ก็จะมีสารอย่างเช่นเบอร์บอนอยู่ในพวก
00:24:40 → 00:24:44 ผลไม้สกุลเบอร์รี่นะครับมี lal อยู่ในแตง
00:24:44 → 00:24:47 กวามะเขือเทศพริกไทยผักกาดขาวมะม่วงองุ่น
00:24:47 → 00:24:49 อีกตัวนึงคือเครื่องเทศไทยๆสมุนไพรไทยนี่
00:24:49 → 00:24:52 ครับต้องบอกว่ามันเจ๋งมากเลยครับทุกคนผม
00:24:52 → 00:24:55 ไปอ่านเปเปอร์ที่เกี่ยวกับ anty aging
00:24:55 → 00:24:57 เยอะยิ่งอ่านเยอะขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเจอว่า
00:24:57 → 00:25:01 สมุนพไทยที่เราทำกับข้าวเนี่ยมันมีสาร
00:25:01 → 00:25:05 สำคัญำคัญที่ช่วยได้หลายเรื่องมากทั้งแี้
00:25:05 → 00:25:08 aging เรื่องของแฟตก็ช่วยได้นะครับถาม
00:25:08 → 00:25:13 ว่ามีอะไรบ้างขมิ้นขิงข่าตะไคร้พริกพริก
00:25:13 → 00:25:16 ไทยกระเทียมหอมแดงทุกอย่างที่อยู่ใน
00:25:16 → 00:25:19 เครื่องแกงเนี่ยครับกินเข้าไปเถอะกินเข้า
00:25:20 → 00:25:22 ไปเนี่ยช่วยทั้งคุณชะลอวัยช่วยเรื่องไข
00:25:22 → 00:25:24 มันด้วยนะครับมีประโยชน์มากๆสมัยก่อน
00:25:24 → 00:25:27 เนี่ยด้วยความที่งานวิจัยเมืองนอกทางฝั่ง
00:25:27 → 00:25:30 ตะวันตกเนี่ยเค้าล้ำหน้าไปกว่าเราเมีข้อ
00:25:30 → 00:25:32 มูลเยอะกว่าพวกพืชที่เป็นพืชดีๆแอนตี้
00:25:32 → 00:25:35 ออกซินสมุนไพรต่างๆเนี่ยมักจะเป็นพืชทาง
00:25:35 → 00:25:38 ฝั่งตะวันตกใช่มยก็แบบเวลาบอกให้กิน
00:25:38 → 00:25:40 แอนตี้ออกซินก็ให้กินพืชผักตระกูล
00:25:40 → 00:25:45 เบอร์รี่กินผลไม้ที่มีสีหลากหลายกีวี่
00:25:45 → 00:25:47 สตรอเบอร์รี่อย่างเงี้ยเพราะมันเป็นผลไม้
00:25:47 → 00:25:51 เมืองหนาวพอผลไม้เมืองหนาวถูกศึกษาจนแบบ
00:25:51 → 00:25:54 พรุนและเก็เริ่มขยับมาศึกษาผักผลไม้เขต
00:25:54 → 00:25:57 ร้อนเพราะฉะนั้นในช่วงหลังๆเนี่ยงานวิจัย
00:25:57 → 00:26:00 ทางด้านแอนตี้ถึงเจอว่าสรรพคุณของสาร
00:26:00 → 00:26:02 Active compound ที่ได้จากพืชผลไม้
00:26:02 → 00:26:05 เมืองร้อนเนี่ยมันเจ๋งไม่แพ้เมืองหนาว
00:26:05 → 00:26:08 จริงๆมันเจ๋งมาตั้งนานแล้วแค่ไม่ค่อยมีคน
00:26:08 → 00:26:10 ไปศึกษามานั่นเองเพราะฉะนั้นหาโอกาสกิน
00:26:10 → 00:26:13 อาหารไทยที่มีเครื่องเทศมีสมุนไพรเยอะๆ
00:26:13 → 00:26:15 บ่อยๆอาทิตย์นึงสักอย่างน้อยครั้งนึง
00:26:15 → 00:26:19 เนี่ยคุณได้ยาดีๆที่ไปช่วยเป็นทั้งแอนตี้
00:26:19 → 00:26:22 ออกซินจัดการความแก่แล้วก็ช่วยเรื่องไข
00:26:22 → 00:26:24 มันด้วยนะครับสุดท้ายคือ soluble Fiber
00:26:24 → 00:26:26 ครับกินเข้าไปเยอะๆมันช่วยไปดักจับ
00:26:26 → 00:26:29 โคเลสเตอรอลได้นะครับมีไๆย้ำอีกครั้งงาดำ
00:26:29 → 00:26:32 ข้าวโอ๊ยข้าวกล้องลูกเดือยเมล็ดทันตะวัน
00:26:32 → 00:26:35 ถั่วดำแฟกซีสพวกเนี้ยดื่มน้ำเต้าหู้ดื่ม
00:26:35 → 00:26:37 นมหรือโยเกิร์ตเนี่ยใส่ผสมเข้าไปได้นะ
00:26:38 → 00:26:41 ครับกินเข้าไปปึ๊บมันก็จะไปพองในร่างกาย
00:26:41 → 00:26:44 ของเราไปดักจับไขมันแล้วก็พาออกไปนอกร่าง
00:26:44 → 00:26:47 กายได้ครับสุดท้ายการออกกำลังกายช่วยได้
00:26:47 → 00:26:50 นะครับในการลดทั้งโคเลสเตอรอลแล้วก็ไตกี
00:26:50 → 00:26:53 สลายที่มันเกินจำเป็นอย่างว่าครับร่างกาย
00:26:53 → 00:26:56 เราเก็บไขมันส่วนเกินในรูปไตกีสไลดซึ่งจะ
00:26:56 → 00:26:59 เก็บไขมันส่วนเกินก็ต่อต่อเมื่อธนาคารที่
00:26:59 → 00:27:02 เก็บน้ำตาลเนี่ยมันเต็มแล้วเพราะฉะนั้น
00:27:02 → 00:27:05 อยากลดไขมันลดน้ำตาลด้วยนะครับเพราะถ้า
00:27:05 → 00:27:07 เกิดน้ำตาลเนี่ยมันไม่เยอะเกินไปไขมันก็
00:27:07 → 00:27:11 จะไม่ถูกสะสมแล้วเจ้าทั้งไตกีสลายและ
00:27:11 → 00:27:13 โคเลสเตอรอลเนี่ยก็จะไม่สูงเกินไปแล้วก็
00:27:13 → 00:27:15 ความเสี่ยงในการจะเป็นโรคหัวใจและไขมมัน
00:27:15 → 00:27:18 อุตันในเสื้อเลือดก็จะลดน้อยลงครับทั้ง
00:27:18 → 00:27:21 หมดคือสิ่งที่อยากจะมาอัปเดทให้ฟังว่า
00:27:21 → 00:27:25 อยากให้ทุกคนรู้จัก A B และ a a นะครับ
00:27:25 → 00:27:29 ว่าเป็นมาเกอร์ในการตรวจความเสี่ยงโรคที่
00:27:29 → 00:27:31 เกี่ยวข้องกับหัวใจหรือว่าเกี่ยวกับระบบ
00:27:31 → 00:27:34 ไหลเวียนเลือดนะครับที่แม่นยำกว่าการตรวจ
00:27:35 → 00:27:38 ldlc หรือว่า hdlc ปกติเพราะฉะนั้นรู้
00:27:38 → 00:27:41 แบบนี้แล้วเนี่ยจะได้เอาไปช่วยดูแลทั้ง
00:27:41 → 00:27:44 ตัวคนเองแล้วก็คนในครอบครัวที่มีความ
00:27:44 → 00:27:46 เสี่ยงจากเป็นโลกเหล่านี้
00:27:46 → 00:27:50 ครับ Top to Toe The Standard
00:27:50 → 00:27:55 podcast Eye Opening for your ears