00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับทุกคนเคยสงสัยไหมครับว่าในช่วง
00:00:03 → 00:00:06 เวลาสุดท้ายของชีวิตของเราเนี่ยนะครับเรา
00:00:06 → 00:00:10 จะอยากกินอะไรถ้าเราเอาของมาให้กินเนี่ย
00:00:10 → 00:00:12 จะต้องกินมากน้อยแค่ไหนกินแล้วมันได้
00:00:12 → 00:00:15 ประโยชน์อะไรไหมนะครับวันนี้เนี่ยนะครับ
00:00:15 → 00:00:18 ผมจะเอาประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่เคยดูแล
00:00:18 → 00:00:21 ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายช่วงสุดท้ายของชีวิต
00:00:21 → 00:00:24 มาเล่าให้ทุกคนฟังนะครับว่าเราจะมีวิธี
00:00:24 → 00:00:28 การอย่างไรในการดูแลเรื่องโภชนาการของผู้
00:00:28 → 00:00:32 ป่วยในระยะนี้นะครับแล้วก็ครอบครัวจะต้อง
00:00:32 → 00:00:34 ดูแลอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดใน
00:00:34 → 00:00:37 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนะครับพบกับผมนะ
00:00:37 → 00:00:39 ครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์
00:00:39 → 00:00:41 อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรค
00:00:41 → 00:00:45 ปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:45 → 00:00:48 ช่วงสุดท้ายของชีวิตนะครับแน่นอนว่าญาติ
00:00:48 → 00:00:51 ครอบครัวนะครับคงจะมีการเตรียมใจบ้าง
00:00:51 → 00:00:55 ประมาณหนึ่งนะฮะแต่สิ่งหนึ่งซึ่งผมมักจะ
00:00:55 → 00:00:58 ได้รับคำถามเสมอก็คือว่าเอ๊อย่างนี้คนไข้
00:00:58 → 00:01:01 เค้าดูไม่ค่อยกินนะอะไรเลยนะเค้าจะหายดี
00:01:01 → 00:01:05 มั้ยเค้าจะทรมานหรือเปล่านะครับหรือเค้า
00:01:05 → 00:01:08 จะอยากกินอะไรเราจะรู้ได้ยังไงนะครับ
00:01:08 → 00:01:10 เนี่ยมันเป็นคำถามซึ่งเจอบ่อยมากเลยนะ
00:01:10 → 00:01:13 ครับแล้วก็ถ้าคนไข้เนี่ยเค้าไม่ยอมทาน
00:01:13 → 00:01:16 อาหารไม่ยอมทานน้ำครอบครัวหลายครอบครัวนะ
00:01:16 → 00:01:19 ครับก็จะพยายามมาถามหมอว่าเอ๊ะอย่างนี้
00:01:19 → 00:01:21 เราจะต้องทำยังไงเราจะต้องให้อาหารแบบไหน
00:01:22 → 00:01:24 ที่ให้เขาคทานเราจะต้องใส่สายเข้าไปใน
00:01:24 → 00:01:26 จมูกเพื่อที่จะให้อาหารตรงลงกระเพาะเลย
00:01:26 → 00:01:30 มั้ยจะต้องให้น้ำเกลือเพื่อที่จะเติมสาร
00:01:30 → 00:01:33 น้ำเข้าไปในร่างกายหรือเปล่านะครับแล้ว
00:01:33 → 00:01:36 เราจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าหิวเออเิดเค้าหิว
00:01:36 → 00:01:38 เค้าบอกเราไม่ได้เพราะว่าต้องทราบก่อนนะ
00:01:38 → 00:01:40 ครับว่าคนไข้บางคนในระยะสุดท้ายของชีวิต
00:01:41 → 00:01:43 เนี่ยเค้าพูดไม่ได้นะครับเค้าสื่อสารไม่
00:01:43 → 00:01:45 ได้เราจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าหิวหมอรู้ได้
00:01:45 → 00:01:48 ยังไงว่าเคไม่หิวองี้ดีกว่านะครับผมก็
00:01:48 → 00:01:52 ต้องขอเริ่มจากความเป็นไปสิ่งต่างๆซึ่ง
00:01:52 → 00:01:55 เกิดขึ้นกับร่างกายในช่วงเวลาสุดท้ายให้
00:01:55 → 00:01:59 เราฟังก่อนนะครับคนเราเนี่ยคุณเคยสังเกต
00:01:59 → 00:02:02 มยเวลาที่เราป่วยมากๆเนี่ยเราไม่อยาก
00:02:02 → 00:02:06 อาหารใครที่เคยเป็นไข้หวัดใหญ่เคยป่วย
00:02:06 → 00:02:08 หนักๆเ๋จะรู้ดีเลยมันไม่อยากอาหารมันไม่
00:02:08 → 00:02:12 หิวใครเอาอะไรมาให้กินก็กินไม่หมดกินไปคำ
00:02:12 → 00:02:14 นึงแล้วก็วางละไม่อยากกินละถ้าเขาคเอามา
00:02:14 → 00:02:17 คะยั้นคะยอป้อนเรากินเนี่ยเรายังเรายัง
00:02:17 → 00:02:20 ขยาดเลยเราไม่อยากกินเรารู้สึกทรมานช่วง
00:02:20 → 00:02:22 เวลาสุดท้ายของชีวิตเนี่ยมันคล้ายแบบนั้น
00:02:22 → 00:02:26 ครับมันแตกต่างกันอย่างนึงก็คือถ้าเรา
00:02:26 → 00:02:29 เจ็บป่วยธรรมดาเนี่ยเรายังมีโอกาสฟื้นตัว
00:02:29 → 00:02:30 ได้
00:02:30 → 00:02:32 แต่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของเรานะครับ
00:02:32 → 00:02:36 เราจะไม่ฟื้นตัวร่างกายของเราแต่ละระบบ
00:02:36 → 00:02:39 เนี่ยมันจะค่อยๆหยุดการทำงานไปทีละเล็กที
00:02:39 → 00:02:42 ละน้อยความต้องการพลังงานเนี่ยจะค่อยๆหด
00:02:42 → 00:02:46 หายไปความต้องการน้ำและอาหารก็จะค่อยๆ
00:02:46 → 00:02:49 น้อยลงตามลำดับดังนั้นคนในช่วงเวลาสุด
00:02:49 → 00:02:53 ท้ายของชีวิตเนี่ยส่วนมากนะครับไม่หิวไม่
00:02:53 → 00:02:58 กระหายไม่ได้อยากกินอะไรนะครับและที่
00:02:58 → 00:03:00 สำคัญ
00:03:00 → 00:03:03 เราเนี่ยถ้าพยายามจะให้อาหารให้สารน้ำ
00:03:03 → 00:03:04 เข้าไปเนี่ยบางครั้งเนี่ยมันเป็นอันตราย
00:03:04 → 00:03:09 ต่อผู้ป่วยด้วยนะครับเหตุผลนึงก็คือใน
00:03:09 → 00:03:12 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเราเนี่ยเรามักจะ
00:03:12 → 00:03:16 นอนอยู่เฉยๆกิจกรรมต่างๆมันลดลงไปเรื่อยๆ
00:03:16 → 00:03:20 นะครับนั่นหมายความว่ากระเพาะลำไส้ของเรา
00:03:20 → 00:03:24 มันจะบีบตัวลดลงนะครับถ้าบีบตัวลดลงเกิด
00:03:24 → 00:03:29 อะไรขึ้น 1 ขับถ่ายลดลงท้องผูกนะครับอ่ะ
00:03:29 → 00:03:33 อาารที่ถ้าเราพยายามจะฝืนให้เขาคกินเข้า
00:03:33 → 00:03:36 ไปหรือสอดสายเข้าไปทางจมูกแล้วก็ให้โดย
00:03:36 → 00:03:38 ตรงเข้าไปทางกระเพาะอาหารของเ้าเนี่ยนะ
00:03:38 → 00:03:43 ครับมันจะทำให้คนพวกเนี้ยท้องอืดปวดท้อง
00:03:43 → 00:03:46 นะครับท้องอืดปวดท้องเลยคุณลองคิดดูถ้า
00:03:46 → 00:03:48 เกิดคุณกินอาหารเข้าไปแล้วมันไม่ย่อย
00:03:48 → 00:03:50 เนี่ยมันอยู่ในกระเพาะแล้วมันไม่ไปไหนเลย
00:03:50 → 00:03:52 เนี่ยมันไปแล้วมันทำให้เกิดความรู้สึกยัง
00:03:52 → 00:03:57 ไงครับจุกนะฮะปวดท้องแล้วบางคนคลื่นไส้
00:03:57 → 00:04:00 อาเจียนบางคนอ้วกออกมาเลย
00:04:00 → 00:04:01 อันนั้น
00:04:01 → 00:04:04 เนี่ยมันก็น่ากลัวแล้วใช่มั้ยครับแต่มัน
00:04:04 → 00:04:07 มีที่น่ากลัวกว่านั้นอีกครับคือคนไข้
00:04:07 → 00:04:12 สำลักครับสำลักแล้วมันเข้าไปในปอดแล้วบาง
00:04:12 → 00:04:15 ทีเนี่ยคนไข้ไปเลยนะฮะจากการสำลักนี่แหละ
00:04:15 → 00:04:18 หรือบางครั้งเนี่ยนะฮะสำลักแล้วไม่ไปเลย
00:04:18 → 00:04:20 แต่ว่าเหนื่อยเพราะคุณลองคิดดูมีอะไรไป
00:04:20 → 00:04:23 อุดหลอดลมข้างในเนี่ยมันเหนื่อยนะหรือบาง
00:04:23 → 00:04:27 ทีเนี่ยนะครับสำลักเข้าไปแล้วเกิดปอด
00:04:27 → 00:04:29 อักเสบรุนแรงเหนื่อยกว่าเดิมเยอะเลยแล้ว
00:04:29 → 00:04:31 ก็ช่วงสิท้ายของชีวิตของเค้าเนี่ยนะครับ
00:04:31 → 00:04:33 ถ้าเกิดมีอาการเหนื่อยแบบนั้นเค้าก็ไม่
00:04:33 → 00:04:36 ไหวถูกมั้ยครับอันเนี้ยเป็นข้อเสียของการ
00:04:37 → 00:04:39 พยายามจะให้อาหารในช่วงเวลาสุดท้ายถ้าคน
00:04:39 → 00:04:43 ไข้เค้าไม่ต้องการร่างกายเ้าไม่
00:04:43 → 00:04:47 ต้องการแล้วมันเคยมีงานวิจัยไว้ด้วยนะ
00:04:47 → 00:04:49 ครับว่าถ้าเราให้อาหารคนไข้ในช่วงเวลาสุด
00:04:49 → 00:04:53 ท้ายเทียบกับการที่เราไม่ให้เนี่ยนะครับ
00:04:53 → 00:04:55 คนที่ไม่ให้เนี่ยคุณภาพชีวิตของเขาคดี
00:04:55 → 00:04:58 กว่าเา้าจะไม่ค่อยทรมานเขาจะไม่ค่อยมี
00:04:58 → 00:05:03 ความรู้สึกกระวนกระวายนะครับเราจะดูเค้า
00:05:03 → 00:05:07 อยู่อย่างสงบนะฮะไม่ได้มีปัญหาอะไรนะแต่
00:05:07 → 00:05:10 ถ้าเราให้อาหารเข้าไปมันมันอืดมันจุกมัน
00:05:10 → 00:05:13 ท้องแล้วบางทีเบอกไม่ได้ด้วยนะครับคนไข้
00:05:13 → 00:05:16 ระยะสุดท้ายเจะดูทรมานบางทีเราให้ไปเอ๊ะ
00:05:16 → 00:05:18 ทำไมเค้าดูทรมานเพิ่มมากขึ้นจังเลยเค้า
00:05:18 → 00:05:21 เป็นอะไรนะแล้วก็ไปสงสัยว่าเอ๊ยมันเป็น
00:05:21 → 00:05:23 โรคที่เค้าเป็นเช่นบางคนเป็นมะเร็งเอ้ย
00:05:23 → 00:05:25 มเร็งมันกำเริบมั้ยหมอรีบให้ยาเลยอะไร
00:05:25 → 00:05:28 อย่างเงี้ยนะฮะบางครั้งเนี่ยมันไม่ใช่มัน
00:05:28 → 00:05:30 เป็นการที่เราเอาอาหารเข้าไปในร่างกายเขา
00:05:30 → 00:05:33 ต่างหากล่ะครับนะฮะและที่สำคัญบางครั้งนะ
00:05:33 → 00:05:35 ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเนี่ยยาที่เรา
00:05:35 → 00:05:38 ใช้บ่อยๆก็คือมอร์ฟีนนะครับยาตัวนี้เนี่ย
00:05:38 → 00:05:41 มันมีไว้เพื่อที่จะให้คนไข้เนี่ยเค้าสบาย
00:05:41 → 00:05:43 เช่นเค้ามีอาการเจ็บปวดมากๆมอร์ฟีนก็จะ
00:05:43 → 00:05:46 ช่วยนะครับเค้ามีอาการเหนื่อยบางคนมี
00:05:46 → 00:05:48 อาการเหนื่อยหอบเช่นมะเร็งมันลามไปที่ปอด
00:05:48 → 00:05:51 นะครับหรือมีน้ำท่วมปอดเยอะๆเนี่ยคนเราก็
00:05:51 → 00:05:53 จะหายใจเหนื่อยมากๆนะครับพอเป็นแบบนั้น
00:05:53 → 00:05:55 เนี่ยนะครับหลายคนก็จะบอกว่าเอ๊เราให้
00:05:55 → 00:05:58 ออกซิเจนคนไข้จะหายเหนื่อยนะครับไม่จริง
00:05:58 → 00:06:00 ครับนะให้ไปไปยังไงมันก็ไม่หายเพราะ
00:06:00 → 00:06:02 มะเร็งมันยังอยู่ตรงนั้นนะครับน้ำมันยัง
00:06:02 → 00:06:04 ท่วงปออยู่ทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นเพราะว่า
00:06:04 → 00:06:07 นี่คือระยะสุดท้ายของชีวิตสิ่งทุกสิ่งทุก
00:06:07 → 00:06:10 อย่างทุกการรักษาที่เราพยายามมาเพื่อที่
00:06:10 → 00:06:12 จะให้คนไข้ดีขึ้นเนี่ยมันไม่ได้ผลดังนั้น
00:06:12 → 00:06:16 การพพยายามทำแบบนั้นเนี่ยมันจะเป็นการ
00:06:16 → 00:06:20 เสียเวลาเปล่านะครับสิ่งหนึ่งซึ่งเราทำ
00:06:20 → 00:06:21 ได้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก็คือ
00:06:21 → 00:06:26 มอร์ฟีนนะครับมันจะลดความอยากหายใจลด
00:06:26 → 00:06:28 อาการเหนื่อยได้ถึงแม้ว่ามะเร็งมันยัง
00:06:28 → 00:06:30 อยู่ในปอดถึงแม้ว่าน้ำกำลังท่วมปอดอยู่
00:06:30 → 00:06:33 มันจะลดอาการเหนื่อยได้แต่มอร์ฟีนเนี่ย
00:06:33 → 00:06:35 มันก็มีข้อเสียอย่างนึงก็คือมันทำให้เรา
00:06:35 → 00:06:40 เนี่ยมีกระเพาะอาหารที่เคลื่อนไหวช้าลงนะ
00:06:40 → 00:06:43 ครับโดยตัวเองอยู่แล้วเวลาที่กำลังจะเสีย
00:06:43 → 00:06:46 ชีวิตเนี่ยกล้ามเนื้อต่างๆมันจะไม่ค่อยทำ
00:06:46 → 00:06:48 งานรวมทั้งกล้ามเนื้อกระเพาะและลำไส้มัน
00:06:48 → 00:06:50 จะท้องอืดง่ายอยู่แล้วถ้าได้มอร์ฟินเข้า
00:06:50 → 00:06:52 ไปมันก็จะอืดมากกว่าเดิมแต่เราไม่ให้ก็
00:06:52 → 00:06:54 ไม่ได้นะครับเพราะว่าคนไข้ทรมานถูกมั้ย
00:06:54 → 00:06:57 ครับนะระยะสุดท้ายของชีวิตเนี่ยสิ่งซึ่ง
00:06:57 → 00:07:01 สำคัญที่สุดก็คืออาการของคนไข้ความสบายนะ
00:07:01 → 00:07:04 ครับของคนไข้เราต้องทำให้เขาคทรมานน้อย
00:07:04 → 00:07:05 ที่สุดนะ
00:07:05 → 00:07:11 ฮะทีนี้บางคนก็บอกว่าเอ๊แล้วอย่างนี้
00:07:11 → 00:07:13 เนี่ยคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนไข้เนี่ย
00:07:13 → 00:07:17 เขาคไม่หิวไม่กระหายนะครับมันก็จะมี
00:07:17 → 00:07:21 สัญญาณบางอย่างนะเช่นสมมุติว่าคนไข้พูด
00:07:21 → 00:07:24 ได้เขาคจะบอกเองนะครับว่าเอ้ยหิวอยากกิน
00:07:24 → 00:07:27 อะไรนะอันนั้นเราก็จัดหาให้เขาคเลยครับนะ
00:07:27 → 00:07:30 แต่ถ้าเกิดคนไข้พูดไม่ได้ล่ะ
00:07:30 → 00:07:31 หลายครั้งคนไข้พูดไม่ได้นะครับว่าเค้า
00:07:31 → 00:07:35 อยากกินเค้าหิวเอะไรให้เราสังเกตอาการ
00:07:35 → 00:07:38 เวลาที่เราเนี่ยไปดูแลคนไข้เราจะมีการดู
00:07:38 → 00:07:43 แลช่องปากนะครับแปรงฟันนะครับอ่าเอาตัว
00:07:43 → 00:07:46 สวอบก็คือเป็นฟองน้ำนะครับจุ่มพวกน้ำต่าง
00:07:46 → 00:07:50 ๆนะเช็ดปากอะไรเค้านะครับถ้าคนไข้มีอาการ
00:07:50 → 00:07:52 ดูดตัวที่เราเอาไปเช็ดเนี่ยอันนั้นน่ะ
00:07:52 → 00:07:55 เขาคอาจหิวน้ำเ้าอาจจะหิวกระหายนะครับ
00:07:55 → 00:07:57 แล้วถ้าเราให้เค้าไปแล้วเค้าดูดๆๆเข้าไป
00:07:57 → 00:07:59 อีกนะแปลว่าเค้าอยากได้เพิ่มอันนั้นมัน
00:07:59 → 00:08:01 เป็นเป็นอันนึงเลยที่เราจะทดลองได้บาง
00:08:02 → 00:08:04 ครั้งคนไข้อาจจะรู้สึกไม่สบายตัวเวลาเรา
00:08:04 → 00:08:07 มันมันหิวมันปวดท้องใช่มั้ยฮะมันมันมัน
00:08:07 → 00:08:10 อยากกินน่ะนะครับก็จะดิ้นไปดิ้นมานะฮะ
00:08:10 → 00:08:13 อันเนี้ยบางทีเราเอาอะไรไปแตะๆที่ปากนิด
00:08:13 → 00:08:16 นึงเอานะถ้าเค้าดูดๆก็แปลว่าอันนี้แหละ
00:08:16 → 00:08:19 น่าจะหิวนะนั้นเราค่อยให้นะครับน่าจะเป็น
00:08:19 → 00:08:21 การให้เป็นประโยชน์มากสุดแต่ถ้าเราไปแตะๆ
00:08:21 → 00:08:23 แล้วมันไม่เกิดอะไรขึ้นเลยเนี่ยเไม่ได้
00:08:23 → 00:08:26 อยากอะไรเลยเ้าเบือนหน้าหนีอันเนี้ยก็แปล
00:08:26 → 00:08:28 ว่าเค้าไม่ได้หิวนะครับเราไม่จำเป็นจะ
00:08:28 → 00:08:30 ต้องให้ไปเพราะว่าให้ไปมันก็มีปัญหาอาจจะ
00:08:30 → 00:08:33 สำลักอาจจะทรมานคนไข้เพราะว่าถ้าคนไข้ไม่
00:08:33 → 00:08:37 อยากกินแล้วคุณไปให้เค้ากินแน่นอนว่าเค้า
00:08:37 → 00:08:39 ก็ต้องรู้สึกว่าเฮ้ยไม่พอใจนะครับเราไม่
00:08:39 → 00:08:41 อยากกินยังมาป้อนเราอีกนะครับโดยเฉพาะใน
00:08:41 → 00:08:44 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตต้องอย่าลืมว่า
00:08:44 → 00:08:48 อาหารไม่ได้ทำให้คนไข้หายดีนะครับก่อนถึง
00:08:48 → 00:08:51 วาระสุดท้ายของชีวิตผมคิดว่าคุณหมอคงจะ
00:08:51 → 00:08:52 ได้พูดกับครอบครัวไว้แล้วว่าเอออันเนี้ย
00:08:53 → 00:08:55 อ่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้วนะนะ
00:08:55 → 00:08:59 ครับมันจะไม่สามารถทำให้คนไข้ดีขึ้นได้
00:08:59 → 00:09:01 กลับมาเป็นแบบเดิมแต่สิ่งซึ่งเราจะเจอได้
00:09:01 → 00:09:04 ก็คือเราจะทำให้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
00:09:04 → 00:09:06 ของเขาเนี่ยดีที่สุดมีความหมายที่สุดนะ
00:09:06 → 00:09:10 ครับเขายังคงความเป็นมนุษย์สูงที่สุดได้
00:09:10 → 00:09:14 อย่างไรนะครับถ้าเราผ่านจุดนี้มาแล้ว
00:09:15 → 00:09:17 เนี่ยเราต้องเข้าใจแล้วจำไว้ในหัวเสมอว่า
00:09:17 → 00:09:21 คนไข้จะไม่ดีขึ้นการให้อาหารไม่ได้ทำให้
00:09:21 → 00:09:23 เขาดีขึ้นเราไม่มีความจำเป็นจะต้องเอา
00:09:23 → 00:09:25 อาหารเสริมมาให้นะฮะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
00:09:25 → 00:09:29 ทรมานซะเปล่าๆนะครับ
00:09:29 → 00:09:32 อ่ะแล้วทีนี้แหละเราจะต้องมาลองสังเกต
00:09:32 → 00:09:35 อย่างหนึ่งว่าตอนนี้คุณรู้และการให้อาหาร
00:09:35 → 00:09:38 ในวาระสุดท้ายของชีวิตถ้าเกิดคนไข้เนี่ย
00:09:38 → 00:09:40 เขาไม่ได้อยากจะกินเนี่ยมันจะทำให้เขา
00:09:40 → 00:09:44 ทรมานมากขึ้นนะท้องอืดปวดท้องจุกคลืนไส้
00:09:44 → 00:09:46 อาเจียนสำลักแล้วบางทีอาจจะมีภาวะแทรก
00:09:46 → 00:09:49 ซ้อนต่างๆตามมาทำให้ภาวะสุดท้ายของชีวิต
00:09:49 → 00:09:52 ของเขาเนี่ยมันไม่ดีนะครับมันอาจจะทรมาน
00:09:52 → 00:09:54 แล้วเป็นการไปฝืนคนไข้ด้วยเ้าไม่อยากกิน
00:09:54 → 00:09:57 เรายังไปให้เขาคกินอันเนี้ยก็จะไม่ค่อย
00:09:57 → 00:09:59 ชอบมันจบไม่สวยนะครับสุดท้ายแล้วเนี่ยนะ
00:09:59 → 00:10:03 ฮะแล้วในกรณีที่เราดูแลเค้าล่ะเออเราต้อง
00:10:03 → 00:10:04 ดูแลยัง
00:10:04 → 00:10:07 ไงสิ่งแรกนะครับที่ผมอยากจะให้ทุกกคนทำนะ
00:10:07 → 00:10:12 วาสลีนครับเวลาคนเราเนี่ยมันหิวน้ำมากๆ
00:10:12 → 00:10:14 เนี่ยปากมันแห้งนะปากแตกเลยเอาวาสลีนไป
00:10:14 → 00:10:17 แปะทาปากไว้เนี่ยช่วยได้เยอะนะครับแล้ว
00:10:17 → 00:10:20 การคอยสังเกตเอ๊ะลิ้นเค้าแห้งหรรือยังนะ
00:10:20 → 00:10:22 ครับตาลึกโหลเนี่ยบางทีมันเป็นการขาดน้ำ
00:10:22 → 00:10:24 นะผิวหนังของคนที่ขาดน้ำเนี่ยบางทีเราดึง
00:10:25 → 00:10:27 ขึ้นมานะผิวของเราเนี่ยดึงขึ้นมาปุ๊บมัน
00:10:27 → 00:10:29 เด้งกลับเข้าไปที่เดิมใช่มั้ยเด้งกลับไป
00:10:29 → 00:10:30 ที่เดิมอย่างเงี้ยนะฮะแต่ถ้าเกิดคนที่ขาด
00:10:30 → 00:10:32 น้ำมากๆเวลาเราดึงขึ้นมาเนี่ยมันจะตั้ง
00:10:32 → 00:10:36 อย่างเงี้ยตั้งอย่างนี้อยู่นานๆเลยนะฮะ
00:10:36 → 00:10:38 โดยเฉพาะถ้าเราดึงตรงหน้าอกตรงนี้นะครับ
00:10:38 → 00:10:40 อ่ามันจะตั้งอยู่อย่างงั้นนานเลยนะ
00:10:40 → 00:10:43 อันเนี้ยแปลว่าขาดขาดสารน้ำนะครับซึ่งไม่
00:10:43 → 00:10:46 ได้แปลว่าเราจำเป็นจะต้องให้น้ำเเสมอไปนะ
00:10:46 → 00:10:50 อย่างที่บอกครับเอามันจะมีตัวฟองน้ำนะ
00:10:50 → 00:10:53 ครับชุบน้ำแล้วไปแปะๆที่ปากเขาจะกินๆได้
00:10:53 → 00:10:57 นะคนในช่วงนี้เนี่ยชอบน้ำเย็นไม่ต้องเอา
00:10:57 → 00:11:00 น้ำอุ่นนะครับน้ำเย็นน้ำเย็นบางทีน้ำแข็ง
00:11:00 → 00:11:03 ด้วยซ้ำไปนะครับน้ำเย็นบางคนเขาคก็ชอบแบบ
00:11:03 → 00:11:05 เป็นพวกน้ำหวานเย็นๆนะบางคนบอกว่าเฮ้ย
00:11:06 → 00:11:07 เค้าเป็นเบาหวานให้กินหวานไม่ได้นี่คือ
00:11:08 → 00:11:10 ช่วงสุดท้ายของชีวิตครับทานอะไรมันไม่
00:11:10 → 00:11:13 ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นะฮผมก็เคยเอาบางคน
00:11:13 → 00:11:16 เนี่ยเค้ารู้ว่าญาติเเนี่ยชอบกินพวกอ่า
00:11:16 → 00:11:20 เปปซี่หวานๆนะหรือน้ำส้มหวานๆผมก็เอา
00:11:20 → 00:11:23 เนี่ยไปจุ่มน้ำส้มหวานๆเย็นๆไปแปะดูซิว่า
00:11:23 → 00:11:25 เค้าดูดหรือเปล่าถ้าเค้าดูดดูดๆเลยเนี่ย
00:11:25 → 00:11:28 อันนี้ใช่ะเราค่อยๆให้นะครับแล้วการให้
00:11:28 → 00:11:31 ไม่ใช่เอาไปเทลงไปในปากนะเพราะคนพวกเนี้ย
00:11:31 → 00:11:33 เขาสำลักง่ายสำลักแล้วก็เกิดปอดอักเสบ
00:11:33 → 00:11:35 รุนแรงได้ดังนั้นเวลาที่เราจะให้เนี่ยคือ
00:11:35 → 00:11:38 เอาน้ำที่เราต้องการมาใส่น้ำแข็งเข้าไปนะ
00:11:38 → 00:11:40 ครับแล้วเอาไอ้ตัวฟองน้ำเล็กๆซึ่งทางโรง
00:11:40 → 00:11:42 พยาบาลมักจะมีให้อยู่แล้วเอาไปจุ่มนะครับ
00:11:42 → 00:11:44 จุ่มจนมาชุ่มเอามาให้เข้าดูดทีละเล็กทีละ
00:11:44 → 00:11:47 น้อยอย่างเงี้ยจะปลอดภัยที่สุดหรือบางคน
00:11:47 → 00:11:49 ต้องการเคี้ยวน้ำแข็งก็เล็กๆอ่าถ้าเคี้ยว
00:11:49 → 00:11:52 ยังมีฟันอยู่อ่ะทำได้ถ้าไม่มีฟันก็ทำไม่
00:11:52 → 00:11:54 ได้นะครับนี่เป็นสิ่งซึ่งเราสามารถช่วย
00:11:54 → 00:11:55 ได้นะ
00:11:55 → 00:11:58 ฮะทีนี้เรารู้แล้วว่าคนไข้หิวน้ำอาการ
00:11:58 → 00:12:01 เป็นอย่างไรนะครับคนไข้หิวอาหารอาการเป็น
00:12:01 → 00:12:07 อย่างไรแล้วทีนี้สมมุติว่าคนไข้เนี่ยเขาค
00:12:07 → 00:12:10 อยากอาหารนะครับหรือเราอยากจะทดลองเอา
00:12:10 → 00:12:15 อาหารมาให้เค้าเออเราจะเอาอาหารอะไรมาให้
00:12:15 → 00:12:20 เขาเราจะเลือกยังไงนะครับเราจะเลือกยังไง
00:12:20 → 00:12:25 นะบางทีเนี่ยถ้าเกิดว่าคนไหนเค้าบอกเรา
00:12:25 → 00:12:27 ได้เบอกเคอยากกินอะไรแต่ถ้าเกิดว่าคนไข้
00:12:27 → 00:12:29 บอกไม่ได้หรือไม่แน่ใจหรือเราอยากจะเอามา
00:12:29 → 00:12:31 เซอร์ไพรส์เค้านะครับหรือบางทีเราอยากจะ
00:12:31 → 00:12:34 เอาให้เค้าทดลองเนี่ยลองคิดก่อนว่าช่วง
00:12:34 → 00:12:36 ก่อนที่เค้าจะป่วยเนี่ยนะครับเค้าเคกิน
00:12:36 → 00:12:40 อะไรบ่อยที่สุดนะให้เริ่มจากอย่างงั้น
00:12:40 → 00:12:43 ก่อนบางทีเนี่ยเค้ากินโนกินนี่เยอะแยะ
00:12:43 → 00:12:46 หลายอย่างหลายอย่างไปหมดเราเอามาหลายๆ
00:12:46 → 00:12:48 อย่างก็ได้เอามาอย่างละเล็กอย่างละน้อย
00:12:48 → 00:12:52 แล้วดูซิว่าเค้าชอบอะไรนะครับถ้าเอามาแบบ
00:12:52 → 00:12:54 นี้แล้วเยังคิดไม่ออกบางทีเนี่ยคุณลองดู
00:12:55 → 00:12:59 ว่าในอดีตนะครับเหตุการณ์เก่าๆเค้ามี
00:12:59 → 00:13:01 อาหารมื้อไหนที่เคกินแล้วมีความทรงจำที่
00:13:01 → 00:13:04 ดีกับคุณนะครับไม่ว่าจะเป็นอาหารในวัย
00:13:04 → 00:13:06 เด็กของเขาคบางทีก็อาจจะมีขนมตอนเด็กๆที่
00:13:06 → 00:13:09 เขาชอบกินนะครับหรือบางทีเค้าพูดถึงแต่
00:13:09 → 00:13:11 ความหลังเอ้ยสมัยก่อนเต้องกินข้าวมันไก่
00:13:11 → 00:13:14 เจ้านี้ตลอดเวลาเลยนะต้องไปกินเฉาก๊วยที่
00:13:15 → 00:13:17 นี่นะฮะอันนั้นน่ะเป็นสิ่งซึ่งคุณอาจจะ
00:13:17 → 00:13:21 สามารถเริ่มได้นะครับและถ้าเกิดคุณหามา
00:13:21 → 00:13:22 แล้วเนี่ยเค้าไม่ค่อยกินนะไม่ต้องกังวล
00:13:23 → 00:13:25 อะไรนะฮะเป็นอย่างนั้นเองนะฮะแต่สิ่งนึง
00:13:25 → 00:13:29 ซึ่งอาจจะช่วยทำให้คุณอ่าคุณคุยกับเค้า
00:13:29 → 00:13:32 ได้ในช่วงเวลาสุดท้ายนะคือการที่คุณน่ะ
00:13:32 → 00:13:35 ลองใช้กลิ่นอาหารที่เค้าคุ้นเคยร่วมกับ
00:13:35 → 00:13:37 ตัวอาหารเค้าไม่จำเป็นต้องกินเยอะก็ได้
00:13:37 → 00:13:39 แต่ขอให้คุณอยู่แค่ตรงนั้นน่ะแล้วก็ป้อน
00:13:39 → 00:13:41 เคทีละเล็กทีละน้อยเอาคำเล็กๆให้เค้ากิน
00:13:41 → 00:13:44 นะครับอย่าคำใหญ่ๆเดี๋ยวสำลักนะฮะคำเล็กๆ
00:13:44 → 00:13:47 ย่อยง่ายๆให้เค้ากัดๆเข้าไปพอนะครับบางที
00:13:47 → 00:13:49 เค้ากัดแล้วอาจจะบ้วนออกมาก็ไม่เป็นไรนะ
00:13:49 → 00:13:51 ครับถามเค้าว่าเขาคจะเอาอีกมยถ้าเกิดเขาค
00:13:51 → 00:13:54 กัดเข้าไปนิดนึงแล้วเนี่ยเค้าชอบแน่นอน
00:13:54 → 00:13:56 เราอาจจะเห็นอาการบางอย่างเช่นเคี้ยว
00:13:56 → 00:14:00 เพิ่มขึ้นยิ้มนะครับหรือหันมามองเรานะฮะ
00:14:00 → 00:14:02 หรือหันหาอาหารเพิ่มเติมอันนั้นเป็นสิ่ง
00:14:02 → 00:14:05 ซึ่งเราสามารถที่จะรู้ได้แต่ถ้าเกิดใส่
00:14:05 → 00:14:08 เข้าไปในปากแล้วเค้าอมไว้อย่างงั้นน่ะ
00:14:08 → 00:14:10 อย่างเงี้ยนะฮะหรือหรือหันหน้าหนีหรือ
00:14:10 → 00:14:13 บ้วนทิ้งอันนี้ไม่ต้องไปคะยั้นคะยอนะครับ
00:14:13 → 00:14:16 ผมเห็นหลายๆคนพยายามพยายามเหลือเกินที่จะ
00:14:16 → 00:14:19 ให้ญาติตัวเองกินเข้าไปได้อ่าป๊ากินหน่อย
00:14:19 → 00:14:22 สิกินนิดนึงกินนะจะได้หายไอ้เนี้ยไม่ต้อง
00:14:22 → 00:14:24 พูดนะครับมันไม่หายนะครับแล้วเค้าก็ไม่
00:14:24 → 00:14:26 ได้รู้สึกดีไวด้วยซ้ำไปในเวลาที่เรา
00:14:26 → 00:14:28 พยายามขยั้นคยอให้เค้ากินนะมันเหมือนเวลา
00:14:28 → 00:14:31 ที่เราเเด็กๆเราป่วยเนี่ยมีคนมาคย้คะยอ
00:14:31 → 00:14:33 ให้เรากินเนี่ยเราก็ไม่อยากกินแต่อันนั้น
00:14:33 → 00:14:35 น่ะคือมันต้องทำเพราะว่าเรามีโอกาสหายดี
00:14:35 → 00:14:37 แต่อันเนี้ยคือช่วงสุดท้ายของชีวิตเราจะ
00:14:38 → 00:14:42 ไม่หายนะครับนั้นก็ต้องมีการทราบนิดนึงนะ
00:14:42 → 00:14:45 ฮะแล้วบางทีเค้ากินไปนิดเดียวนะครับเรา
00:14:45 → 00:14:47 อาจจะใช้ช่วงเวลานั้นในการคุยนะครับว่า
00:14:47 → 00:14:50 เออเนี่ยช่วงนั้นเนี่ยจำได้มั้เวลาที่เรา
00:14:50 → 00:14:53 ไปกินอาหารร้านนี้ด้วยกันเราคุยอะไรกัน
00:14:53 → 00:14:55 บ้างอ่าตอนนั้นสนุกมากมายเลยนะครับเรา
00:14:55 → 00:14:57 เล่าถึงช่วงเวลาเก่าๆนะครับในช่วงเวลาสุด
00:14:57 → 00:14:59 ท้ายของชีวิตคนไข้เนี่ยถ้าถ้าเขาได้คิด
00:14:59 → 00:15:01 อะไรที่ดีๆนะมันก็จะทำให้ใจของเขาคมัน
00:15:01 → 00:15:04 เป็นสุขถูกมั้ยครับอ่าเนี่ยมันเป็นสิ่ง
00:15:04 → 00:15:06 ซึ่งเราจำเป็นจะต้องทำให้เขาคในช่วงเวลา
00:15:06 → 00:15:11 สุดท้ายของชีวิตนะแล้วสำหรับเอ่อคนที่บาง
00:15:11 → 00:15:14 ทีต้องเจอกับคนในครอบครัวแล้วคุยไม่เข้า
00:15:14 → 00:15:16 ใจเนี่ยบางครั้งนะครับเราก็ต้องอย่างผม
00:15:16 → 00:15:19 เนี่ยเคยเจอมีครอบครัวเค้าก็มาถามอย่าง
00:15:19 → 00:15:23 นี้แหละเอ๊ะเราไม่ให้อาหารอย่างงี้มันจะ
00:15:23 → 00:15:26 มันจะเป็นยังไงนะครับผมก็ไปเจอครอบครัว
00:15:27 → 00:15:28 แล้วครับผมก็เรียกเค้ามาบอกว่าเออเรามี
00:15:29 → 00:15:31 เวลาว่างมั้ยขอคุยด้วยสักแป๊บนึงผมรู้ว่า
00:15:31 → 00:15:33 ช่วงนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับ
00:15:33 → 00:15:36 ครอบครัวนะครับมากๆเลยแหละแต่ว่ามีเรื่อง
00:15:36 → 00:15:38 สำคัญที่อยากจะเล่าให้ฟังนิดนึงนะครับผม
00:15:38 → 00:15:41 ก็เชิญเขาจะมานั่งนะฮะอันนี้เราจะเรียก
00:15:41 → 00:15:43 ว่าทำ Family Meeting ซึ่งเราจะพยายาม
00:15:43 → 00:15:46 ให้มีคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายนะครับเช่น
00:15:46 → 00:15:50 หมอพยาบาลญาติคนไข้ที่สำคัญำคัญนะครับคน
00:15:50 → 00:15:52 ที่เป็นลูกเป็นหลานที่สำคัญที่สุดหรือคน
00:15:52 → 00:15:55 ไข้คนไหนที่มีคนไหนที่เค้ารักมากที่สุดก็
00:15:55 → 00:15:58 ให้คนนั้นเข้ามาฟังร่วมด้วยนะครับหมอทุกๆ
00:15:58 → 00:16:00 แผนกที่เกี่ยวข้องก็จะมานั่งรวมกันนะฮะ
00:16:00 → 00:16:02 แล้วก็มีญาติของใครก็จะมานั่งรวมกันเราก็
00:16:02 → 00:16:04 จะคุยเลยเวลาคุยเนี่ยเราก็จะแนะนำตัวก่อน
00:16:04 → 00:16:07 ผมเป็นใครอ่ะดูแลอะไรอยู่นะครับก็แนะนำ
00:16:07 → 00:16:09 ตัวรวมทั้งญาติทุกคนก็ต้องแนะนำตัวถ้า
00:16:09 → 00:16:11 เป็นไปได้เนี่ยเราจะให้ผู้ป่วยร่วมด้วย
00:16:11 → 00:16:13 เสมอเราจะไม่ให้ผู้ป่วยเแยกไปอยู่อีกห้อง
00:16:13 → 00:16:16 นึงแต่ถ้าเกิดเขาพูดไม่ได้อ่ะเค้าอ่าสื่อ
00:16:16 → 00:16:19 สารไม่ได้เราก็จะกันเฉพาะครอบครัวและญาติ
00:16:19 → 00:16:21 มาคุยกันนะครับเราก็จะเริ่มอธิบายก่อนว่า
00:16:21 → 00:16:24 อย่างเมื่อกี้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
00:16:24 → 00:16:26 นะครับร่างกายเราเนี่ยมันจะไม่ค่อย
00:16:26 → 00:16:29 ต้องการอาหารมันจะลดความอยากอาหารลดความ
00:16:29 → 00:16:32 หิวกระหายลดการใช้พลังงานลงนะครับดังนั้น
00:16:32 → 00:16:35 จะไม่หิวโดยธรรมชาติอยู่แล้วส่วนใหญ่นะฮะ
00:16:35 → 00:16:38 ถ้าหิวเราก็จะสามารถสังเกตอาการได้เรา
00:16:38 → 00:16:40 ต้องบอกคนไข้ว่าเฮ้ยเอ่อเรามีการสังเกต
00:16:40 → 00:16:43 อาการอยู่ตลอดเวลานะถ้าคนไข้เทรมานเราจะ
00:16:43 → 00:16:45 รีบไปดูเลยว่าทำไมเถึงเป็นเช่นนั้นแล้ว
00:16:45 → 00:16:49 แก้ไขนะครับต่อมาคือการให้อาหารมันมี
00:16:49 → 00:16:51 อันตรายอย่างไรเมื่อตะกี้ก็เราได้เล่าไป
00:16:51 → 00:16:53 แล้วผมก็ต้องเล่าให้ญาติฟังแบบนั้นว่ามัน
00:16:53 → 00:16:55 มีอันตรายแบบไหนมันอาจจะทำให้คนไข้ทรมาน
00:16:55 → 00:16:59 ท้องอืดจุกเสียดคลื่นไส้อาเจียนสำลักนะ
00:16:59 → 00:17:01 ครับได้เนี้ยเราก็จะเล่าให้เค้าฟังว่ามัน
00:17:02 → 00:17:05 เป็นแบบนี้เราก็จะดูแลตามอาการแบบนี้แล้ว
00:17:05 → 00:17:07 เราก็จะบอกว่าญาติเนี่ยมันมีส่วนสำคัญมาก
00:17:07 → 00:17:10 ๆเลยนะเป็นคนที่คนไข้เคอยากอยู่ด้วยมาก
00:17:10 → 00:17:13 ที่สุดนะคุณก็สามารถไปอยู่ใกล้ๆเขาได้คุณ
00:17:13 → 00:17:15 อาจจะลองดูเลยก็ได้ว่าเอ๊ะการไปดูแลช่อง
00:17:15 → 00:17:18 ปากเค้านะครับทำทาวาสลีนเข้าไปนะครับดูแล
00:17:18 → 00:17:20 ไม่ให้ปากมันแห้งมากเนี่ยอาจจะช่วยทำให้
00:17:20 → 00:17:23 เค้าเนี่ยมีความทรมานลดลงนะครับถ้าเขา
00:17:23 → 00:17:25 อยากจะกินอะไรเราเอามาลองก็ได้บางทีเรา
00:17:25 → 00:17:28 เอาอาหารที่มันมีกลิ่นหอมที่คนไข้ก็ชอบมา
00:17:28 → 00:17:31 วางแใกล้ๆแค่นั้นเา้าก็อาจจะมีความอยาก
00:17:31 → 00:17:34 อาหารมาโดยธรรมชาติก็ได้นะครับถ้าเค้ากิน
00:17:34 → 00:17:36 เข้าไปแล้วเคยิ้มอย่างเงี้ยก็แปลว่าเออ
00:17:36 → 00:17:38 อันนั้นเขาอยากจะกินเพิ่มขึ้นถ้าเค้ากิน
00:17:38 → 00:17:40 เข้าไปแล้วเค้ารู้สึกว่าเอ๊ะมันไม่อร่อย
00:17:40 → 00:17:42 มันก็อาจจะมีการเบือหน้าหนีแบบนี้เป็นต้น
00:17:42 → 00:17:45 นะครับแล้วก็บางทีเนี่ยเราก็ลองดูเริ่ม
00:17:45 → 00:17:48 จากการที่เอ๊เราดูซิว่าอาหารกลุ่มไหนที่
00:17:48 → 00:17:51 เขาไปหาไปกินมาบ่อยๆก่อนที่เขาจะป่วยก็
00:17:51 → 00:17:54 ได้หรืออาหารกลุ่มไหนที่เขาชอบในสมัยก่อน
00:17:54 → 00:17:57 ที่มีความทรงจำดีๆกับเขาคก็ได้นะครับก็
00:17:57 → 00:17:59 เริ่มแบบนี้ก่อนนะครับงั้นวันนี้ผมหวัง
00:17:59 → 00:18:01 ว่าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเนี่ยเราจะ
00:18:01 → 00:18:05 ดูแลคนไข้ให้เขามีความสุขสูงที่สุดได้นะ
00:18:05 → 00:18:08 ครับต้องอย่าลืมนะครับคนไข้คือคนที่สำคัญ
00:18:08 → 00:18:12 ที่สุดในช่วงเวลานี้ความรู้สึกของเขา
00:18:12 → 00:18:15 สำคัญที่สุดไม่ใช่ความรู้สึกของเรานะครับ
00:18:15 → 00:18:17 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตต่อให้คุณให้
00:18:17 → 00:18:20 อาหารเขาก็จะไม่ดีขึ้นนะครับแล้วจริงๆ
00:18:20 → 00:18:23 เนี่ยความรักอันนึงซึ่งยิ่งใหญ่มากๆ
00:18:23 → 00:18:26 สำหรับครอบครัวคือความรักที่เรามีให้ใน
00:18:26 → 00:18:29 ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตการที่เราแน่ง
00:18:29 → 00:18:32 อยู่ตรงนั้นกับคนไข้เนี่ยจับมือคนไข้คุย
00:18:32 → 00:18:34 ให้เขาคฟังเรื่อยๆนะครับมันก็เป็นสิ่งนึง
00:18:35 → 00:18:38 ซึ่งสวยงามมากแล้วก็ทำให้คนไข้เขาจากไป
00:18:38 → 00:18:42 อย่างสบายใจสงบนะครับดีที่สุดก็คือช่วง
00:18:42 → 00:18:45 นี้และความรักอีกอย่างนึงซึ่งผมอยากจะให้
00:18:45 → 00:18:48 คุณทุกคนทราบไว้ก็คือความรักที่เรารู้ว่า
00:18:48 → 00:18:50 เราจะปล่อยคนที่เรารักที่สุดไปตาม
00:18:50 → 00:18:55 ธรรมชาติเมื่อไหร่ถึงเวลาถ้าเราปล่อยเขไป
00:18:55 → 00:18:57 เนี่ยมันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยนะ
00:18:57 → 00:19:00 ครับบางบางครั้งผมเห็นครอบครัวหลาย
00:19:00 → 00:19:03 ครอบครัวทำใจไม่ได้อยากจะเก็บคนรักไว้กับ
00:19:03 → 00:19:06 เราอันเนี้ยคุณต้องเข้าใจเลยนะคุณกำลัง
00:19:06 → 00:19:10 เห็นแก่ตัวอยู่มยคนที่เขาคร่างกายไม่ไหว
00:19:10 → 00:19:14 แล้วเนี่ยการที่ไปพยายามยื้อไว้ให้อาหาร
00:19:14 → 00:19:17 ให้สารน้ำเข้าไปทางเส้นเลือดนะครับอ่า
00:19:17 → 00:19:19 เป็นการยื้อเขไว้ให้อยู่ในสภาพนั้นทั้งๆ
00:19:19 → 00:19:23 ที่มันก็ไม่ดีขึ้นใช่มั้ยฮะยื้อเขไว้หมอ
00:19:23 → 00:19:27 ให้ยาเต็มที่เลยถ้าหัวใจหยุดเต้นปั๊มเลย
00:19:27 → 00:19:30 นะครับไอ้อย่างเงี้เงี้ยมันเป็นการยื้อ
00:19:30 → 00:19:32 เ้าไว้ไม่ใช่ความรักที่แท้จริงแต่มันเป็น
00:19:32 → 00:19:35 ความเห็นกับตัวส่วนตัวของเรานะครับบางที
00:19:35 → 00:19:38 เราต้องมองอย่างนี้นะถ้าเกิดว่าคุณลองคิด
00:19:38 → 00:19:41 เองถ้าเป็นตัวคุณเองอ่ะแล้วต้องไปนอนอยู่
00:19:41 → 00:19:44 ในสภาพเดียวกันแล้วมีคนรอบข้างมาบอกว่า
00:19:44 → 00:19:46 อย่าให้เคตายนะทำยังไงก็ได้ให้เคอยู่รอด
00:19:46 → 00:19:50 ไปเรื่อยๆแต่ในสภาพเนี้ยคุณคิดดูคุณจะรู้
00:19:50 → 00:19:54 สึกทรมานขนาดไหนนอนอยู่บนเตียงขยับไม่ได้
00:19:54 → 00:19:56 ทำอะไรเองก็ไม่ได้อุจจารปัสสาวะเองก็ต้อง
00:19:56 → 00:19:59 มีคนมาเช็ดให้เราไปไหนไม่ได้ออกไปข้างนอก
00:19:59 → 00:20:01 ก็ไม่ได้ก็ต้องอยู่อย่างเงี้ยนะครับแล้ว
00:20:01 → 00:20:04 เป็นอย่างนี้ไปตลอดรอวันที่จะเกิดขึ้น
00:20:04 → 00:20:06 เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายจะไปแล้วจะไปแล้ว
00:20:06 → 00:20:09 มีคนมาปั๊มหัวใจตื่นขึ้นมาอีกเจ็บหน้าอก
00:20:09 → 00:20:12 อีกทรมานแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้นด้วยไม่ได้ไป
00:20:12 → 00:20:15 ไหนด้วยนะครับเนี่ยคือความรู้อย่างนึง
00:20:15 → 00:20:17 ซึ่งผมอยากจะให้ทุกคนรู้ว่าระยะสุดท้าย
00:20:17 → 00:20:19 ของชีวิตมันเป็นเช่นนี้เนี่ยแหละนะครับ
00:20:19 → 00:20:23 ดังนั้นเราต้องยึดถือคนไข้เป็นหลักคนที่
00:20:23 → 00:20:26 เขาเป็นคนไข้เนี่ยคือคนที่ใหญ่ที่สุดเป็น
00:20:26 → 00:20:29 คนที่เราต้องให้ความรักกับเขามากที่สุด
00:20:29 → 00:20:31 และความรักที่ยิ่งใหญ่จำไว้นะครับคือการ
00:20:31 → 00:20:34 ที่เราสามารถให้คนที่เรารักมากที่สุดจาก
00:20:34 → 00:20:37 ไปในเวลาอันสมควรได้นะครับวันนี้ก็เท่า
00:20:37 → 00:20:39 นี้แล้วกันนะครับถ้าใครมีอะไรสงสัยก็สอบ
00:20:40 → 00:20:44 ถามมานะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ