00:00:00 → 00:00:04 หลอดเลือดโปร่งพองในสมองไผเงียบที่มากับ
00:00:04 → 00:00:07 การปวดหัวปกติอ่ะค่ะเวลาเราบอกว่าเลือด
00:00:07 → 00:00:10 ออกในสมองอ่ะค่ะมันจะมีเอ่อเลือดออกจาก
00:00:10 → 00:00:13 ที่เราเจอคนที่เป็นนสภาพทั่วไปที่เราเจอ
00:00:13 → 00:00:15 ในคนอายุเยอะๆอ่ะค่ะอันนั้นจะเป็นกลุ่ม
00:00:15 → 00:00:17 เส้เลือดที่มันเป็นแบบฝอยๆปลายๆแล้วอ่ะ
00:00:17 → 00:00:20 ค่ะครับแล้วก็ออกอยู่ในเนื้อที่เราจะเห็น
00:00:20 → 00:00:23 ว่าเอ่อบางส่วนเสียชีวิตบางส่วนไม่เสีย
00:00:23 → 00:00:25 ชีวิตแต่มีความิดการไอ้กลุ่มนั้นน่ะจะ
00:00:25 → 00:00:28 เป็นกลุ่มที่เจอในคนอายุเยอะหน่อยหรือว่า
00:00:28 → 00:00:30 อาจจะอายุน้อยแหละเดี๋ยวนี้เจอในคนอายุ
00:00:30 → 00:00:33 น้อยมากขึ้นเอ่อแต่นักจะเป็นคนอายุน้อย
00:00:33 → 00:00:35 ที่มีโรคอะไรไม่รู้เต็มไปหมดตั้งแต่อายุ
00:00:35 → 00:00:38 ยังน้อยๆค่ะอันนี้จะไม่เหมือนกันคือมันจะ
00:00:38 → 00:00:41 เกิดตั้งแต่หลอดเลือดสมองส่วนที่ก่อนจะ
00:00:41 → 00:00:45 ขึ้นไปเป็นฝอยๆครับเพราะฉะนั้นเนี่ยมันจะ
00:00:45 → 00:00:48 อยู่ในในบริเวณที่เอ่ออยู่ตรงฐานกะโหลกซะ
00:00:48 → 00:00:50 เยอะจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังก็แล้วแต่
00:00:50 → 00:00:52 แต่ด้วยความที่มันเป็นหลอดเลือดที่มัน
00:00:52 → 00:00:54 ใหญ่กว่าไอ้ฝอยๆแบบนั้นน่ะค่ะเวลามันออก
00:00:54 → 00:00:58 ปุ๊บอ่ะค่ะเลือดมันก็จะออกได้เยอะนะคะ
00:00:58 → 00:01:02 แล้วก็อันตรายถึงชีวิตได้อนะคะค่ะทีนี้
00:01:02 → 00:01:06 เอ่อฟังดูน่ากลัวซึ่งมันก็น่ากลัวจริงๆ
00:01:06 → 00:01:09 แต่ว่าจะบอกว่าเอ่อหลอดเลือดสมองนะคปกติ
00:01:09 → 00:01:12 เอ่อหลอดเลือดรับเลือดมาจากหัวใจวิ่งผ่าน
00:01:12 → 00:01:15 ทางด้านคอขึ้นมาถึงสมองเนี่ยมันมันจะเป็น
00:01:15 → 00:01:18 ท่อตลอดแนวเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ามันมีจุด
00:01:18 → 00:01:21 ที่เอ่อรับแรงกระแทกเยอะๆอ่ะค่ะตรงจุด
00:01:21 → 00:01:23 นั้นก็จะเป็นจุดที่มันจะอ่อนแอได้โดย
00:01:23 → 00:01:26 ธรรมชาติครับนะคะทนี้ธรรมชาติของร่างกาย
00:01:26 → 00:01:28 เราตอนอายุน้อยๆความยืดหยุ่นมันสูงมีแรง
00:01:28 → 00:01:31 กระแทกมาเดี๋ยวเดี๋ยวเอ่อมาแรงมากแรง
00:01:31 → 00:01:34 หน่อยเนี่ยมันมีการปรับตัวแต่ว่าเอ่อพอมี
00:01:34 → 00:01:37 อะไรมาทำให้หลอดเลือดเรามีความอ่อนแอตรง
00:01:37 → 00:01:40 จุดที่มันรับแรงกระแทกเยอะๆแรงเฉือนทั้ง
00:01:40 → 00:01:44 หลายมันก็จะค่อยๆมีความปริอ่อนแรงอ่อนแอ
00:01:44 → 00:01:46 ไปทีละหน่อยจนสุดท้ายแล้วสักพักนึงก็จะ
00:01:46 → 00:01:49 โป่งซึ่งไม่ได้เกิดในทุกคนค่ะเกิดในแค่
00:01:49 → 00:01:52 บางคนถ้าเกิดเอาตามเอ่อทั่วๆไปตามตัวเลข
00:01:52 → 00:01:57 ตามตำราค่ะก็ซักประมาณ 100 คนอาจจะเจอ 1-5
00:01:57 → 00:02:01 คนอืค่ะถือว่าเป็นอัตราที่สูงมคะคุณหมอคะ
00:02:01 → 00:02:05 อัตราไม่สูงค่ะเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มัน
00:02:05 → 00:02:08 มันเกิดตามธรรมชาติของมันแล้วก็เอ่ออัตรา
00:02:08 → 00:02:11 เนี้ยค่ะคือเป็นตัวเลขรวมๆของของทั่วโรค
00:02:11 → 00:02:14 ที่เจออาจจะมีบางเชื้อชาติที่เขาเจอเยอะ
00:02:14 → 00:02:16 กว่าเนี้ยอีกนะคะแต่ว่าไม่ใช่เชื้อชาติ
00:02:16 → 00:02:21 ไทยอืนะคะทีนี้เอ่อเวลาหลอดเลือดสมองมัน
00:02:21 → 00:02:23 โปร่งพองอ่ะจุดนั้นคือจุดที่อ่อนแอเพราะ
00:02:23 → 00:02:26 ฉะนั้นถ้าอีกหน่อยอายุมากขึ้นความยึด
00:02:26 → 00:02:28 หยุ่นเขาน้อยลงหรือมีโรคอย่างอื่นมาทับผม
00:02:28 → 00:02:30 เขไปอีกหรือมีการใช้ยาบางอย่างพับผมเขไป
00:02:30 → 00:02:33 อีกเก็จะมีปัญหาไีตรงที่มันมีจุดโ่งอัน
00:02:33 → 00:02:36 เนี้ยได้ค่ะทีนี้ถามว่าแล้วคนที่โ่งทุกคน
00:02:36 → 00:02:40 แตกมไม่ได้แตกค่ะไอ้ 5 ใน 100 คนเนี่ยถ้า
00:02:40 → 00:02:42 เป็นนับจริงๆแล้วเนี่ยโอกาสที่จะแตกมัน
00:02:42 → 00:02:44 มันน้อยกว่านั้นอีกอืถ้าเอาตัวเลขจริงๆก็
00:02:45 → 00:02:48 คือซักประมาณ 10-20 คนต่อประชากรแสนคนที่
00:02:48 → 00:02:52 มีไอ้หลอดเลือดสมองติดเนี่ยค่ะนั้นเพราะ
00:02:52 → 00:02:55 ฉะนั้นจริงๆแล้วโอกาสที่จะแตกมันมันยิ่ง
00:02:55 → 00:02:56 น้อยไปกว่าอย่างนั้นอีกบางคนอาจจะโปร่ง
00:02:56 → 00:03:00 เฉยๆแต่ไม่ได้มีอะไรเป็นปัจจัยเสริมไม่
00:03:00 → 00:03:04 ได้แตกนะคะแต่ในบางคนเนี่ยมีปัจจัยเสริม
00:03:04 → 00:03:06 พร้อมจะแตกเต็มที่อย่างงั้นน่ะก็จะน่า
00:03:06 → 00:03:09 กลัวอืเพราะว่าอย่างที่บอกว่ามันเป็นหลอด
00:03:09 → 00:03:11 เลือดตรงฐานกะโหลกแล้วมันเส้นใหญ่กว่าไอ้
00:03:11 → 00:03:13 เส้นฝอยๆที่อยู่ในเนื้อสมองขนาดไอ้เส้น
00:03:13 → 00:03:16 ฝอยๆนัน่ะบางทียังบางคนก็ตายบคนกพิการ
00:03:16 → 00:03:18 เพราะฉะนั้นไอ้ตรงเนี้ยมันอยู่ในจุดที่
00:03:18 → 00:03:20 เลือดมันออกได้เยอะแล้วเวลามันออกมันก็จะ
00:03:20 → 00:03:24 กดเนื้อสมองไหลไปกดได้หลายส่วนหรืออาจจะ
00:03:24 → 00:03:26 กระทั่งกดตรงด้านสมองได้เพราะเส้นเลือด
00:03:26 → 00:03:30 สมองบางส่วนโดยเฉพาะด้านหลังมันจะอยู่กับ
00:03:30 → 00:03:32 การสมองออกปุ๊บก็กดที่การสมองโดยตรงอย่าง
00:03:33 → 00:03:35 ในกรณีที่เป็นข่าวที่อายุน้อยๆแล้วก็มี
00:03:35 → 00:03:38 ปัญหาเร็วอ่ะค่ะค่ะเข้าใจว่าไม่ยังไม่ได้
00:03:38 → 00:03:41 ตามดูว่าเาเาได้มีการพิสูจน์จุดที่มี
00:03:41 → 00:03:45 ปัญหาไหมนะคะแต่ว่าถ้าให้เดาก็คือมีโอกาส
00:03:45 → 00:03:48 มากที่เขาจะเกิดอยู่ตรงส่วนด้านหลังค่ะ
00:03:48 → 00:03:50 มันก็เลยมีเลือดออกได้เยอะแล้วมันกดการ
00:03:50 → 00:03:53 สมองได้ไวมันทำให้มีปัญหาถึงกับชีวิตได้
00:03:53 → 00:03:57 เร็วครับอืค่ะค่ะปัจจัยที่มันจะทำให้เกิด
00:03:57 → 00:04:00 เอ่อภาวะของหลอดเลือดสมองโป่งพองนี่มันมี
00:04:00 → 00:04:04 อะไรได้บ้างคะคุณหมอคะเอ่อในปัจจุบันเยอะ
00:04:04 → 00:04:07 เลยค่ะในในเมื่อก่อนมันอาจจะไม่ได้เยอะ
00:04:07 → 00:04:09 ขนาดนี้แต่ว่าปัจจุบันเนี่ยมันมีสิ่งปรุง
00:04:09 → 00:04:13 แต่งเยอะมากเลยค่ะอ่าตั้งไล่ตั้งแต่อย่าง
00:04:13 → 00:04:15 เมื่อกี้เพิ่งพูดกันถึง PM ใช่มั้ยคะค่ะ
00:04:15 → 00:04:17 เอ่อพวกสารพวกเนี้ยค่ะมันทำให้เกิดการ
00:04:17 → 00:04:21 อักเสบในในเส้นเลือดได้ค่ะเลือดเอ่อเส้น
00:04:21 → 00:04:23 เลือดผนังหลอดเลือดที่มันมีการอักเสบมัน
00:04:23 → 00:04:26 ก็จะมีความไม่แข็งแรงได้ง่ายขึ้นกว่าคน
00:04:26 → 00:04:28 อื่นๆเขาค่ะนะคะซึ่งมันเป็นทั้งตัวแหละ
00:04:28 → 00:04:31 นั่นหมายความว่ามันจะเกิดที่เส้นเลือดไหน
00:04:31 → 00:04:33 ก็ได้เราอาจจะเกิดที่ปอดก็ได้หรือเราอาจ
00:04:33 → 00:04:36 จะไปเกิดที่เส้นเลือดส่วนอื่นก็ได้หรือจะ
00:04:36 → 00:04:37 ไปเกิดที่เนื้อเยื่อส่วนอื่นก็ได้เพราะ
00:04:37 → 00:04:40 ฉนั้นทั้งให้ดีช่วงนี้ก็ใส่หน้ากากกันไป
00:04:40 → 00:04:43 ก่อนนะคะอืกลายเป็นว่าก็ต้องใส่หน้ากาก
00:04:43 → 00:04:45 กันเป็นประจำต้องระวังเรื่องการกระตุ้น
00:04:45 → 00:04:47 การอักเสบทั้งหลายอ่ะค่ะซึ่งจริงๆการ
00:04:47 → 00:04:49 กระตุ้นการอักเสบทั้งหลายเอ่อ PM มันเป็น
00:04:49 → 00:04:52 แค่ส่วนนึงอย่างอืก็จะมาจากอาหารการกิน
00:04:52 → 00:04:57 หรือหรือ PM ที่เราใช้กันก่อนก่อนหน้านี้
00:04:57 → 00:05:01 ก็คือสูบบุหรี่อเข้าไปเต็มๆแน่นอนใช่
00:05:01 → 00:05:04 เพราะว่าเราสูบบุหรี่อ่ะค่ะมันเวลาเราสูบ
00:05:04 → 00:05:05 บุหรี่เดี๋ยวนี้มันก็จะมีที่เาพูดถึง
00:05:05 → 00:05:07 เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่พยายามเป็นกฎหมายกัน
00:05:08 → 00:05:10 อยู่กับบุหรี่ที่เป็นยาสูบที่เราใช้อยู่
00:05:10 → 00:05:13 ของเดิมอ่ะค่ะค่ะถามว่าบุหรี่ไฟฟ้า
00:05:13 → 00:05:16 อันตรายไม่อันตรายจริงมั้ยก็ไม่ใช่เทียบ
00:05:16 → 00:05:19 กันอันตรายน้อยกว่าแต่โดยรวมก็ยังถือว่า
00:05:19 → 00:05:22 มีความเสี่ยงอยู่นะคะเพราะว่าทั้งคู่ยัง
00:05:22 → 00:05:26 ไงก็มีนิโคตินค่ะนะคะไอ้ตัวนิโคตินก็เป็น
00:05:26 → 00:05:27 ตัวนึงที่ทำให้เกิดการอักเสบบางอย่างใน
00:05:28 → 00:05:32 เส้นเลือดในผนังหลอดเลือดอืนะคะครับเอ่อ
00:05:32 → 00:05:35 แต่ที่บอกว่าสูตรบุหรี่มันน้อยกว่าบุหรี่
00:05:35 → 00:05:38 ไฟฟ้าเพราะว่าในตัวสูบุหรี่อ่ะค่ะนอกจาก
00:05:38 → 00:05:40 นิโคตินมันก็จะประกอบพวกสารที่มันเกิดการ
00:05:40 → 00:05:43 ผอไหม้บางอย่างอ่ะค่ะค่ะเอ่อเป็นสารเคมี
00:05:43 → 00:05:47 อื่นๆนอกจากนิโคตินที่มันไปเข้าไปอีกนะคะ
00:05:47 → 00:05:50 เพราะฉะนั้นเอ่อไอ้ตัวเนี้ยเป็นตัวที่มี
00:05:50 → 00:05:53 ปัญหาแน่ๆเพราะเราเห็นอยู่แล้วว่าเอ่อมี
00:05:53 → 00:05:56 อยู่ช่วงนึงเป็นคนมีอายุหน่อยมสูบแล้วมัน
00:05:56 → 00:06:00 ก็กลับมาเป็นกลุ่มอายุน้อยก็สูบค่ะแล้ว
00:06:00 → 00:06:03 เวลาสูบมันต้องมีพ่นควันซึ่งมันก็จะมีคน
00:06:03 → 00:06:06 รอบๆที่เขาไม่ได้สูบนะแต่เขาได้ควันไป
00:06:06 → 00:06:09 ด้วยสูดเข้าไปด้วยเหมือนกันใช่เป็นบุหรี่
00:06:09 → 00:06:13 มือสองนะคะก็ได้รับผลกระทบนี่คืออัตรานี่
00:06:13 → 00:06:16 ความอันตรายพอๆกันเลยมั้ยคะกับคนที่เป็น
00:06:16 → 00:06:19 เอ่อตัวตั้งต้นน่ะค่ะพอๆกันเพราะเราก็ได้
00:06:19 → 00:06:23 สารเดียวกันอ๋อเพราะเป็นสารชนิดเดียวกัน
00:06:23 → 00:06:25 ค่ะมันเลยทำเื่อก่อนเราจะบอกว่าบุหรี่มือ
00:06:25 → 00:06:27 สองให้ระวังคือเรื่องมะเร็งปอบแต่จริงๆ
00:06:27 → 00:06:29 เวลาสูดเข้าไปเราได้สารที่มันกระทบต่อ
00:06:29 → 00:06:32 ร่างกายเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆด้วยนะคะเพราะ
00:06:32 → 00:06:34 ฉะนั้นเนี่ยการที่เราได้รับนิโคตินหรือ
00:06:34 → 00:06:37 ได้รับสารเคมีอื่นๆที่มีผลต่อทำให้เกิด
00:06:37 → 00:06:40 การอักเสบของหลอดเลือดเราก็มีโรคอื่นๆไป
00:06:40 → 00:06:43 ด้วยเช่นกันมันไม่ใช่แค่มะเร็งและอือาจจะ
00:06:43 → 00:06:45 เป็นโรคอื่นๆที่ตามมาซึ่งมันก็เป็นสญญา
00:06:45 → 00:06:48 ถึงปัญหาหลอดเลือดของเราที่เรากำลังพูด
00:06:48 → 00:06:52 ถึงกันอยู่อครับโรคอ่อหลอดเลือดโป่งพองใน
00:06:52 → 00:06:56 สมองเองเนี่ยมันมีความอันตรายหรือความน่า
00:06:56 → 00:06:59 น่าน่ากังวลอยู่ของโรกนี้ขนาดไหนไหนครับ
00:06:59 → 00:07:03 คุณหมอความน่ากังวลคือสัญญาณเตือนไม่ค่อย
00:07:03 → 00:07:07 ได้ชัดเจนและบางทีถ้าชัดเจนบางทีมีเวลา
00:07:07 → 00:07:10 ให้เราไม่เยอะค่ะอืค่ะอย่างถ้าเกิดว่า
00:07:10 → 00:07:13 เป็นอันอื่นๆเนี่ยเราอาจจะมีการเตือนจาก
00:07:13 → 00:07:17 โรคประจำตัวอะไรมาบ้างให้เราคอยรู้ตัว
00:07:17 → 00:07:19 เวลาเป็นเป็นหย่อมเล็กๆให้เราคอยระวังว่า
00:07:19 → 00:07:22 อย่าให้มันเกิดซ้ำครับค่ะอย่างแม้แต่โรค
00:07:22 → 00:07:26 เอ่อหลอดเลือดสมองจีบแตกตันทั้งหลายที่
00:07:26 → 00:07:28 เอ่อมันทำให้เกิดหย่อมเนื้อสมองที่เสีย
00:07:28 → 00:07:31 หายอค่ะถ้าโชคดีในครั้งแรกที่เราเป็นมัน
00:07:31 → 00:07:32 ไม่ได้เป็นเยอะเราจะรู้แล้วว่าเรามีความ
00:07:33 → 00:07:35 เสี่ยงเรามีเคยเป็นมาแล้วหลอเลือดเราไม่
00:07:35 → 00:07:38 ได้ดีมากเราต้องระวังตัวคุมโรคคุม
00:07:38 → 00:07:40 พฤติกรรมเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำแล้วก็เป็น
00:07:40 → 00:07:45 กายภาพให้ส่วนที่มันเสียมันกลับคืนมาบ้าง
00:07:45 → 00:07:47 มันยังมีตัวเตือนแบบอย่างงั้นน่ะค่ะแต่
00:07:47 → 00:07:49 ว่าในกรณีที่หลอดเลือดป่งพองอ่ะค่ะเวลา
00:07:49 → 00:07:53 มันมันเอ่อมีรอยปิแตกบางคนเนี่ยมีปลอยปิ
00:07:53 → 00:07:56 แตกแล้วเขาก็มีอาการปวดหัวแต่คนไทยเราทน
00:07:56 → 00:07:59 มากบางทีมันเป็นการปวดชนิดที่เขาจะใช้คำ
00:07:59 → 00:08:02 ว่าตำราเจะใช้คำว่าปวดที่สุดในชีวิตอ่ะ
00:08:02 → 00:08:04 ค่ะมันจะไม่เหมือนปวดเมื่อยปวดหัวทำงาน
00:08:04 → 00:08:07 อะไรไม่ได้เหมือนพี่แล้วๆมามันจะเป็นปวด
00:08:07 → 00:08:09 แบบที่เต้องจำได้แน่ๆว่ามันเกิดเหตุการณ์
00:08:09 → 00:08:11 ตอนทำอะไรเวลาไหนเพราะว่ามันจะปวดมากจริง
00:08:11 → 00:08:16 ๆอพวกคนหมดสติก็มีอย่างเงี้ยค่ะอืเออนะ
00:08:16 → 00:08:19 หลายปวดเหมือนกันเคยฟังเอ่อมีท่านนึงเคย
00:08:19 → 00:08:22 แชร์ประสบการณ์ให้ฟังเนาะบอกว่าเหมือนอาบ
00:08:22 → 00:08:26 น้ำอยู่สระผมเาปวดหัวมากแล้วก็รู้สึกว่า
00:08:26 → 00:08:28 ปวดที่สุดในชีวิตนี่แหละแต่ว่าคือสระผม
00:08:28 → 00:08:31 อยู่ครับเขาก็พยายามสะผมให้เสร็จแล้ว
00:08:31 → 00:08:34 พยายามที่จะแต่งตัวตัวเองให้เรียบร้อยอ่ะ
00:08:34 → 00:08:38 แล้วก็บอกสามีให้พาตัวเองมาที่โรงพยาบาล
00:08:38 → 00:08:41 แล้วพอมาถึงโรงพยาบาคือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
00:08:41 → 00:08:44 ประมาณ 10 นาทีค่ะคุณหมอคะแล้วพอมาถึงโรง
00:08:44 → 00:08:46 พยาบาลเี่ปวดหัวมากแล้วเกิดอาการอาเจีย
00:08:46 → 00:08:48 แล้วหลังจากนั้นเขาเริ่มไม่รู้ตัวเลย
00:08:48 → 00:08:52 อันเนี้ยถือว่าเป็นอาการที่เฉียบพลันมากย
00:08:52 → 00:08:55 คะใช่ค่ะอย่างที่บอกว่ามันออกที่เส้น
00:08:55 → 00:08:58 เลือดที่มันไม่ใช่ตรงฝอยๆละถ้าเกิดว่าไป
00:08:58 → 00:09:00 บวกกับปัจจัยใอื่นเช่นเสนเลือดไม่แข็งแรง
00:09:00 → 00:09:03 อยู่เดิมความดันสูงอยู่เดิมมีปัญหาการ
00:09:03 → 00:09:05 แข็งตัวของเลือดอยู่เดิมเลือดที่ออกมามัน
00:09:05 → 00:09:08 ก็จะมีโอกาสออกมาได้เยอะได้เร็วบวกๆๆเข้า
00:09:08 → 00:09:12 ไปอีกค่ะเลือดที่ออกมานอกจากหลอดเลือดมา
00:09:12 → 00:09:14 นอกพื้นที่ของหลอดเลือดอ่ะค่ะมันก็จะเป็น
00:09:14 → 00:09:17 ก้อนเลือดที่ไปกดเนื้อสมองได้อืถ้าไปอยู่
00:09:17 → 00:09:21 ตรงส่วนที่สำคัญมากๆเช่นก้านสมองครับก็มี
00:09:21 → 00:09:24 เวลาให้ให้ให้เราไปเข้าแล้วการรักษาไม่
00:09:24 → 00:09:28 ได้เยอะอ่ะค่ะอืค่ะก็มีขั้นตอนการรักษา
00:09:28 → 00:09:32 อยู่ตลอดค่ะใช่ค่ะก็พอที่จะให้คำปรึกษา
00:09:32 → 00:09:35 ได้ที่ที่ชัดเจนแล้วก็แน่นอนในการที่จะ
00:09:35 → 00:09:39 รักษาหายับโรคนี้นะครับอาการอืเขาเรียก
00:09:39 → 00:09:43 ว่าอาการเลือดเลือดโปร่งพองในสมองเอง
00:09:43 → 00:09:47 เนี่ยสาเหตุหลักๆเอ่อมันมาจากมันปัจจัย
00:09:47 → 00:09:49 อะไรครับที่ได้ยินมาก็คือเรื่องของความ
00:09:49 → 00:09:50 เครียดพักผ่อนไม่เพียงพอหรือว่ามันมี
00:09:51 → 00:09:54 ปัจจัยเสริมนะคุณหมอจริงๆเรื่องหลอดเลือด
00:09:54 → 00:09:58 สมองโป่งพองอ่ะค่ะเนื่องจากมันมีปัญหาที่
00:09:58 → 00:10:00 ผนังหลอดเลือดเพะเพราะฉะนั้นบางส่วนเป็น
00:10:00 → 00:10:03 จากพันธุกรรมพันธุกรรมของโรคประเภทที่ทำ
00:10:03 → 00:10:06 ให้ผนังของหลอดเลือดมีความอ่อนแอครับเป็น
00:10:06 → 00:10:09 พื้นฐานเดิมนะคะเพราะฉะนั้นกลุ่มนี้จะ
00:10:09 → 00:10:12 เป็นกลุ่มหลักๆที่ถ้าเรารู้ตอนที่เา
00:10:12 → 00:10:15 เอิ่เริ่มโตขึ้นน่ะค่ะเราจะรู้แล้วว่าเขา
00:10:15 → 00:10:19 มีโอกาสจะเป็นเอ่อครับหลอดเลือดในสมองมี
00:10:19 → 00:10:22 ปัญหาเราก็จะทำการสกรีนเา้านะคะเพราะ
00:10:22 → 00:10:25 ฉะนั้นก็ต้องดูประวัติในครอบครัวดีๆว่า
00:10:25 → 00:10:29 ครอบครัวไหนที่ลูกหลานของท่านอาจจะมีมี
00:10:29 → 00:10:31 ความเสี่ยงพวกนั้นก็จะต้องไปตรวจตามที่เา
00:10:31 → 00:10:36 วางแผนไว้นะคะอค่ะเอ่อแต่อีกส่วนนึงคือคน
00:10:36 → 00:10:40 ที่เราเล็งว่าน่าจะมีปัญหาคือกลุ่มคนที่
00:10:40 → 00:10:43 มีโรคที่เอ่อเป็นโรคความดันตั้งแตุ่อย่าง
00:10:43 → 00:10:46 น้อยแล้วไปบวกกับพฤติกรรมส่วนตัวของเขา
00:10:46 → 00:10:49 ที่อาจจะไม่ได้คุมเรื่องเอ่อเบาหวานความ
00:10:49 → 00:10:53 นันดีๆครับไม่ได้หลีกเลี่ยงเรื่องการสุ
00:10:53 → 00:10:56 บุหรี่ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็แล้วแต่นะคะ
00:10:56 → 00:10:59 พวกเนี้ยก็ถือเป็นการบวกจอย่างที่บอกไป
00:10:59 → 00:11:02 ว่าหล่อเลือกสมงโป่งพองไม่ได้แตกทุกคนแม้
00:11:02 → 00:11:05 แต่ในกลุ่มที่เป็นพันธุกรรมก็อาจจะมีมาก
00:11:05 → 00:11:08 กว่าชาวบ้านที่เขาไม่มีโรคอนุกรรมแต่ก็
00:11:08 → 00:11:11 ไม่ได้แตกค่ะมันจะเพิ่มความเสี่ยงในการ
00:11:11 → 00:11:14 แตกก็ต่อเมื่อเราไปเพิ่มอ่าการเร่งอะไร
00:11:14 → 00:11:17 สักอย่างให้ตรงจุดนั้นมันอ่อนแอมากขึ้น
00:11:18 → 00:11:22 หรือเอ่อแตกได้เร็วขึ้นนะคะค่ะเราพูดถึง
00:11:22 → 00:11:26 อาการปวดหัวที่เป็นเอ่อสัญญาณบ่งชี้ว่า
00:11:26 → 00:11:29 มันปวดที่สุดในชีวิตเลยว่ามันจะเป็นเอ่อ
00:11:29 → 00:11:32 หลอดเลือดสมองโป่งพองเนี่ยแล้วมันมีอาการ
00:11:32 → 00:11:34 อื่นได้มั้คะที่จะเป็นแบบเหมือนสัญญาณบง
00:11:34 → 00:11:36 ชี้ว่าเออมันก็เสี่ยงเป็นโรคนี้เหมือนกัน
00:11:36 → 00:11:39 เงี้ยที่ให้คุณผู้ฟังได้ฟังแบบได้เข้าใจ
00:11:39 → 00:11:42 มากขึ้นนะคุณมอได้เข้าใกล้มากขึ้นความ
00:11:42 → 00:11:44 ทุก์ร้ายของมันก็คือ
00:11:44 → 00:11:47 เอ่อตอนที่มันมีการเตือนน่ะค่ะส่วนใหญ่ก็
00:11:47 → 00:11:50 คือจะมีเรื่องเรื่องที่คนไข้จะรู้ตัวบอก
00:11:50 → 00:11:52 ได้แน่ๆนะคะก็คือเรื่องปวดหัวบางทีอ้วก
00:11:52 → 00:11:56 รู้สึกเหมือนจะวูบจะหมดสติแต่อาการอื่นๆ
00:11:56 → 00:11:59 หลังจากนั้นเนี่ยค่ะเป็นอาการที่เอาจอาจ
00:11:59 → 00:12:01 จะไม่รู้ตัวและอันนี้ยายต้องรู้แล้วว่า
00:12:01 → 00:12:04 ต้องรีบกับเขาเช่นคนไข้มีชักครับค่ะเอ่อ
00:12:04 → 00:12:07 คนไข้เอ่อบ่นๆแป๊บเดียวหมดสติะอย่างเงี้ย
00:12:07 → 00:12:10 ต้องรีบค่ะเพราะว่าต่อให้ไม่ใช่หลอเลือด
00:12:10 → 00:12:14 ป่งพองต่อให้เป็นเอ่อเลือดตรงส่วนฝอยๆแต่
00:12:14 → 00:12:17 แสดงว่าเขาอาจจะออกเยอะจนมันกดเนื้อสมอง
00:12:17 → 00:12:19 เยอะอย่างงั้นก็ต้องรีบมาโรงพยาบาลค่ะค่ะ
00:12:19 → 00:12:23 เพราะว่าเอ่อถ้าเลือดออกเยอะมากๆจริงๆก็
00:12:23 → 00:12:26 อันตรายถึงชีวิตได้อืจรินะคะแล้วพวกเนี้ย
00:12:26 → 00:12:28 มันอยู่ที่ว่าตอนเลือดออกมันเลือดออกเยอะ
00:12:28 → 00:12:32 มาถ้ามันเลือดออกเยอะและเลือดออกเร็วแรง
00:12:32 → 00:12:37 เอ่อเวลาในการมาช่วยชีวิตก็จะยิ่งสั้นลง
00:12:37 → 00:12:39 นะคะเพราะฉะนั้นถ้าเขาออกตรงหลอดเลือด
00:12:39 → 00:12:43 ต๋อยออกไม่เยอะเอ่อไม่ได้มีซึมออกมาเยอะ
00:12:43 → 00:12:46 มากไม่ได้เร็วมากพวกนี้เขาพอมีเวลาค่ะแต่
00:12:46 → 00:12:49 พอมันเป็นหลอดเลือดสมองโป่งพองซึ่งซึ่ง
00:12:49 → 00:12:52 เส้นมันใหญ่กว่านะคะค่ะพวกนี้พวกนี้มี
00:12:52 → 00:12:55 ปัญหาเพราะฉะนั้นในบางคนถ้าโชคดีมีสัญญาณ
00:12:55 → 00:12:58 เตือนอย่าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้บางคนก็อ
00:12:58 → 00:13:03 เอ่อทนมากทนมากจริงๆก็คือเออพอไหวกินยา
00:13:03 → 00:13:06 อัดขึ้นกว่าเดิมสัก 2 เท่าบางคนปกติกินที
00:13:06 → 00:13:09 ละเม็ดก็กินทีละ 2 เม็ดทุก 2 ชั่วโมงก็มี
00:13:09 → 00:13:12 อย่างเงี้ยค่ะอืซึ่งมันโอเวอร์โดสนะคะแต่
00:13:12 → 00:13:14 เคิดว่าเค้ากินแบบนี้แล้วเคพอไหวเค้าก็
00:13:14 → 00:13:18 อยู่แบบนั้นจน 2-3 วันหลังจากนั้นมันแตก
00:13:18 → 00:13:20 จริงอย่างงั้นน่ะค่ะก็ยิ่งไม่มีเวลาหรอก
00:13:20 → 00:13:24 กลายเป็นเรื่องชินก็ไม่ควรจะทำชินพิสูจน์
00:13:24 → 00:13:27 ที่มันผิดรูปแบบผิดวิธีการกระบวนการก็
00:13:27 → 00:13:31 อย่าไปทำ่ใช่กับความเจ็บปแต่คือเท่าที่
00:13:31 → 00:13:34 เคยคุยกับคนไข้อ่ะค่ะคือณตอนนั้นเขาไม่
00:13:34 → 00:13:38 รู้เคิดว่าทนไปเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองและเา
00:13:38 → 00:13:41 อยากทำงานเอให้เคลียร์ให้เสร็จก่อนเรา
00:13:41 → 00:13:43 ค่อยจัดการคือเขารู้แล้วแหละว่ามันมีความ
00:13:43 → 00:13:45 ผิดปกติเดี๋ยวเขาจะมาตรวจแหละแต่เขาก็รู้
00:13:45 → 00:13:47 สึกว่าห่วงว่าตรงเนี้ยเดี๋ยวมันมีปัญหา
00:13:47 → 00:13:49 งั้นเคลียร์ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปรักษา
00:13:49 → 00:13:53 ทีเดียวซึ่งบางทีมันไม่ทันอครับค่ะค่ะ
00:13:53 → 00:13:57 ซึ่งอาการของโรคนี้โรคหลอดเลือดโปร่งพอง
00:13:57 → 00:14:01 ในสมองเองเนี่ยอือืมันมันมันสามารถที่จะป
00:14:01 → 00:14:04 จะแก้ไขได้มยฮถ้าสมมติสมมุติเป็นแล้ว
00:14:04 → 00:14:06 เนี่ยมันจะแก้ไขไปในทิศทางไหนหรือว่ามัน
00:14:06 → 00:14:09 จะมีวิธีอะไรที่แก้ไขแล้วทำให้เราหายขาด
00:14:09 → 00:14:13 ได้บ้างครับคุณหมอเราแก้ไม่ให้มันโปกไม่
00:14:13 → 00:14:15 ไม่ไม่ให้มันไม่โป่งไม่ได้ค่ะมันโปร่งไป
00:14:15 → 00:14:18 แล้วมันก็จะโปร่งอล่ะค่ะมันจะไม่หายแต่
00:14:18 → 00:14:22 ว่าเราป้องกันเรื่องการแตกได้ค่ะทำยังไง
00:14:22 → 00:14:24 ได้บ้างคะคุณหมอคทนี้สิ่งที่เราปการก็คือ
00:14:24 → 00:14:27 เราไม่ไปกระตุ้นการอักเสบอะไรเพิ่มอีกไม่
00:14:27 → 00:14:31 ไปทำให้เอ่อผนังของหลอดเลือดมันมีความ
00:14:31 → 00:14:34 แข็งแรงน้อยลงอีกค่ะอย่างที่บอกเมื่อกี้
00:14:34 → 00:14:36 ค่ะถ้ามีโรคก็ควรจะต้องคุมโดยเฉพาะเรื่อง
00:14:36 → 00:14:40 ความดันเพราะยิ่งความดันสูงคุมไม่ได้แรง
00:14:40 → 00:14:43 สวิงมันจะยิ่งเยอะความต่างมันจะยิ่งเยอะ
00:14:43 → 00:14:45 ความยืดหยุดเราไม่ได้แข็งแรงมากอยู่แล้ว
00:14:45 → 00:14:48 อ่ะค่ะแล้วเรายังปล่อยให้มันสวิงขึ้นลง
00:14:48 → 00:14:51 โดยที่ไม่คุมอันตรายอันที่ 2 คือโรคประจำ
00:14:51 → 00:14:54 ตัวอื่นๆที่เป็นตัวปัจจัยเสริมพวกเอ่อเบา
00:14:54 → 00:14:57 หวานเอ่อหรือไขมันอย่างเงี้ยค่ะควรต้อง
00:14:57 → 00:15:01 คุมนะคะซึ่งในปัจจุบันมันมันดูเหมือนจะ
00:15:01 → 00:15:05 ยากเพราะว่าเราพึ่งพิงกับอาหารอาหารนอก
00:15:05 → 00:15:08 บ้านฟาสฟู้ดหรืออาหารปรุงนอกบ้านเยอะแล้ว
00:15:08 → 00:15:11 อาหารนอกบ้านอ่ะค่ะจริงๆ
00:15:11 → 00:15:15 เอ่อเข้าใจว่าของอาหารของคนไทยเราอ่ะค่ะ
00:15:15 → 00:15:18 มันจะเป็นลักษณะครบรสกลมกล่อมแต่ว่าใน
00:15:18 → 00:15:23 หลังๆมันจะเป็นเข้มข้นรสจัดออชางใดชาง
00:15:23 → 00:15:25 หนึ่งใช่มั้ยฮปรุงเยอะใช่ค่ะพอมันปรุง
00:15:25 → 00:15:28 เยอะใส่หนักทุกอย่างอ่ะค่ะแล้วเรากินแบบ
00:15:28 → 00:15:30 นั้นทุกมืออ่ะคะมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอ
00:15:30 → 00:15:32 เจอแคลอรี่ที่เกินหรือเกลือที่เกินในแต่
00:15:32 → 00:15:35 ละวันน่ะคะค่ะเพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็
00:15:35 → 00:15:38 อาจจะต้องเบาลงบ้างในบางอย่างเราไม่ถึง
00:15:38 → 00:15:40 กับต้องมาทำเองทุกมื้ออ่ะค่ะแต่อาจจะต้อง
00:15:41 → 00:15:42 เลือกร้านที่เราไม่จำเป็นต้องกินรสจัด
00:15:42 → 00:15:46 ตลอดเวลาหรือเข้มข้นตลอดทุกมื้อก็ได้ค่ะ
00:15:46 → 00:15:49 อาจจะต้องปรับผสมบ้างครับแล้วแล้วก็
00:15:49 → 00:15:54 เรื่องบุหรี่ถ้าเราไม่ได้สูบแต่ว่าเราไป
00:15:54 → 00:15:56 อยู่ใกล้คนที่สูบเป็นประจำเราก็ได้ไปด้วย
00:15:56 → 00:16:00 เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ควรจะเลี่ยงอ๋อ
00:16:00 → 00:16:02 ไม่ใช่ว่าการสูบบุหรี่แล้วเนี่ยจะกระทบ
00:16:02 → 00:16:05 แต่ตัวเองเท่านั้นแต่คนรอบข้างนี่ก็ยัง
00:16:05 → 00:16:10 ได้รกระทบเหมือนเชเออไม่ใช่ใช่ๆๆเออระยะ
00:16:10 → 00:16:12 ห่างที่เราควรจะขาควรจะห่างกับคนที่สุ
00:16:12 → 00:16:16 บุหรี่อคุณหมอเออถ้าถ้าเป็นตอนที่เขาเป็น
00:16:16 → 00:16:19 ยาสูบพวกนี้มันยังพอสังเกตควันของเขาหรือ
00:16:19 → 00:16:22 หรือกลิ่นยาสูบเนี่ยมันค่อนข้างฉุดอ่ะค่ะ
00:16:22 → 00:16:24 จริงๆอันเนี้ยสังเกตได้ง่ายนะคะพอถ้าเรา
00:16:24 → 00:16:27 ได้จิตเรารู้อยู่แล้วมันมาถึงเราแน่อืแต่
00:16:27 → 00:16:31 ที่เอิ่มบุหรี่ไฟฟ้ายอมว่าหลังๆที่เห็นก็
00:16:31 → 00:16:34 คือเอ่อบุหรี่ไฟฟ้าค่ะบางทีกลิ่นมันไม่
00:16:34 → 00:16:36 ได้เป็นกลิ่นแบบนั้นบางทีมันเป็นกลิ่นแบบ
00:16:36 → 00:16:39 เอ่อตามตามกลิ่นที่เขาผสมลงไปในนั้นน่ะ
00:16:39 → 00:16:42 ค่ะบางทีบางคนไม่รู้ตัวว่าอนั้นเป็นกลิ่น
00:16:42 → 00:16:46 จากบุหรี่ไฟฟ้าอืเพราะนั้นเราก็ต้องอาศัย
00:16:46 → 00:16:48 ดูสิ่งที่เขาดูดซึ่งบางทีเขาก็ทำรูปร่าง
00:16:49 → 00:16:52 ออกมาไม่ค่อยจะเหมือนบุหรี่เท่าไหร่อืใช่
00:16:52 → 00:16:56 ของตามจนคอยเหลือบๆตามดูว่าเอ่อเราอยู่ใน
00:16:56 → 00:16:59 ดงอะไรนะคะถ้าเกิดว่าเป็น
00:16:59 → 00:17:02 เราอาจจะต้องหลบเลี่ยงอ่ะค่ะค่ะเอออันนี้
00:17:02 → 00:17:06 อ่าเรามาถามถึงวิธีการรักษาของคนที่โอเค
00:17:06 → 00:17:09 ป่วยละเป็นโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองเนี่ย
00:17:09 → 00:17:13 มีวิธีการรักษาเอ่อมีกี่วิธีแบบไหนบ้างคะ
00:17:13 → 00:17:18 คุณหมอคะถ้าเป็นโป่งพองเราจะดูต่อค่ะว่า
00:17:18 → 00:17:20 มันมีความเสี่ยงที่จะแตกเยอะมากน้อยแค่
00:17:20 → 00:17:23 ไหนเพราะว่าอย่างบางคนเอ่อไม่ได้มีปัจจัย
00:17:23 → 00:17:25 เสี่ยงดังที่ว่าแม้แต่เหล้าก็ไม่ได้กิน
00:17:25 → 00:17:27 เยอะเหล้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งแม้แต่
00:17:27 → 00:17:29 เหล้าไม่ได้กินกเลยอย่าใช้คำว่ากินนเยอะ
00:17:29 → 00:17:32 บางคนไม่ได้กินเลยอืนะคะแต่ถ้าเกิดเขามี
00:17:32 → 00:17:36 ความเสี่ยงมากๆจริงๆเช่นขนาดมันดูไม่ไม่
00:17:36 → 00:17:39 น่าจะดีและขนาดมันพร้อมจะแตกโอกาสแตกสูง
00:17:39 → 00:17:42 และหรือว่าเอ่อมันอยู่ในบริเวณที่เอ่อ
00:17:42 → 00:17:44 ซีเรียสอย่างเช่นอยู่ตรงด้านหลังอย่าง
00:17:44 → 00:17:47 เงี้ยค่ะค่ะอ่อพวกเนี้ยเราก็จะต้องเริ่ม
00:17:47 → 00:17:50 วางแผนในการรักษาะซึ่งการรักษาหลักๆก็จะ
00:17:50 → 00:17:54 มีผ่ากับไม่ผ่าค่ะค่ะนะคะเอ่อการที่จะ
00:17:54 → 00:17:57 รักษาหล่อเลือด่งพองมันเนื่องจากยังไงมัน
00:17:57 → 00:18:00 ก็จะไม่กดกลับเองไม่กลับมาแข็งแรงเองเรา
00:18:00 → 00:18:03 ต้องไปเสริมโดยการไปหนีบตรงจุดที่มันไม่
00:18:03 → 00:18:06 แข็งแรงหนีบไปเลยให้มันออกจากระบบเส้น
00:18:06 → 00:18:10 เลือดปกติของเขาไปเลยอืนะคะเอ่ออันนั้น
00:18:10 → 00:18:13 คือต้องผ่าตัดคในในปัจจุบันมันจะมีวิธี
00:18:13 → 00:18:17 ใส่สายสวนทางขาหนีบแล้วก็ไล่ขึ้นไปจนถึง
00:18:17 → 00:18:20 หลอดเลือดในสมองแล้วเราก็เอาอุปกรณ์บาง
00:18:20 → 00:18:24 อย่างเนี่ยไปปิดทางไม่ให้เลือดมันเชื่อม
00:18:24 → 00:18:27 ระหว่างหลอดเลือดปกติกับส่วนที่โปร่งพอง
00:18:27 → 00:18:30 อือืเป็นการรักษาผนังตรงส่วนนั้นน่ะค่ะ
00:18:30 → 00:18:35 ไม่ให้มีรอยรั่วที่มาเชื่อมกันอีกค่ะอือ
00:18:35 → 00:18:39 ค่ะซึ่งเอ่อข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัดข้อเสีย
00:18:39 → 00:18:44 คือบางประเภทบางจุดบางบริเวณเอ่อเข้าไม่
00:18:44 → 00:18:48 ได้เข้าไม่ถึงหรือทำแล้วความเสี่ยงสูงอ่า
00:18:48 → 00:18:52 ค่ะอืก็ไม่ควรทำเค้าก็จะต้องมาถามและบาง
00:18:52 → 00:18:55 ทีอ่ะก็เสี่ยงพอๆกันอคาก็บอกว่าตรงนี้
00:18:55 → 00:18:59 เสี่ยงมากไปใส่ตัวขดลวดหรือไปปิดรูตรง
00:18:59 → 00:19:01 นั้นมั้ยคนที่ใส่กดรั่วหรือปิดรูก็จะบอก
00:19:01 → 00:19:04 ว่าใส่อุปกรณ์ก็เสี่ยงมากไปผ่ามั้ยครับ
00:19:05 → 00:19:10 ค่ะอากการที่ปกดอโอก่อนเลยออถ้างั้นเมื่อ
00:19:10 → 00:19:12 สัปดาห์ที่แล้ววันศุกร์เราได้คุยกันกับ
00:19:12 → 00:19:15 คุณหมอแล้วก็มีการพูดถึงว่ามีการใช้หุ่น
00:19:15 → 00:19:18 ยนต์ช่วยผ่าตัดสมองเทคโนโลยีนี้เนี่ยมัน
00:19:18 → 00:19:21 ช่วยให้ผู้ป่วยเนี่ยเอ่อได้รับการรักษา
00:19:21 → 00:19:24 ที่มีบาดแผลน้อยลงฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอัน
00:19:24 → 00:19:27 นี้เอ่อสำหรับหลอดเลือดสมองโป่งพองเนี่ย
00:19:27 → 00:19:31 เราใช้เทคโนโลยีนี้ด้วยมั้ยคะคุณหมอคะใช้
00:19:31 → 00:19:36 ไม่ได้ค่ะอใชเพราว่าเอ่อเวลาเรารักษา่ง
00:19:36 → 00:19:39 หล่อเลือกสมงพองเราจะดูจากฟิล์มเอ่อก่อน
00:19:39 → 00:19:41 ที่จะไปผาอ่ะค่ะว่ามันอยู่ตรงบริเวณไหน
00:19:41 → 00:19:45 เราก็จะเลือกผ่าตัดให้มันกินบริเวณนั้นนะ
00:19:45 → 00:19:47 คะแต่ว่ามันจะเล็กจะใหญ่มันต้องขึ้นกับ
00:19:47 → 00:19:49 ปัจจัยอื่นด้วยเช่นถ้าตอนนั้นสมองบวมมาก
00:19:49 → 00:19:51 เราเปิดเล็กมากไม่ได้ค่ะไม่งั้นไม่มีพื้น
00:19:51 → 00:19:54 ที่ในการทำงานออืค่ะเราอาจะต้องเปิดใหญ่
00:19:54 → 00:19:57 เพื่อให้เนื้อสมองส่วนที่บวงมากๆตรงนั้น
00:19:57 → 00:20:01 มันมันมีที่ให้เด้วยอ๋อแสดงว่าก็มันจะมี
00:20:01 → 00:20:03 ปัจจัยอื่นๆอีกที่มันไม่สามารถจะอยู่ที่
00:20:03 → 00:20:05 ขนาดเล็กได้เพราะว่ามันเป็นการทำฉุกเฉิน
00:20:05 → 00:20:08 ไม่ใช่เป็นการมีเวลาในการเตรียมเดี๋ยวลด
00:20:08 → 00:20:11 สมองบวมให้เยอะๆก่อนแล้วค่อยไปผารอๆแบบ
00:20:11 → 00:20:13 มันไม่ได้ไม่งั้นมันอาจจะแตกซ้ำหรือคใ้า
00:20:13 → 00:20:19 าจจะทนไม่ไหวค่ะออือปัจจัยสำคัญของของการ
00:20:19 → 00:20:23 ดูลักษณะของการเกิดโรคนี้อ่ะครับมันมัน
00:20:23 → 00:20:25 ค่อนข้างที่อย่างที่คุณหมอว่ามันมันค่อน
00:20:25 → 00:20:29 ข้างที่จะยุ่งยากแต่วิธีการสังเกตสังกา
00:20:29 → 00:20:34 ให้เราพึงระลึกไว้จะไปหาหมอได้แล้วต้องมี
00:20:34 → 00:20:37 อาการเหล่านี้คุณหมอพอจะแนะนำได้มั้ยฮะ
00:20:37 → 00:20:40 อย่างที่บอกอ่ะค่ะว่าเอ่อความโชคร้ายของ
00:20:40 → 00:20:45 โลกนี้คือสัญญาณเตือนมักไม่ค่อยมีชัดและ
00:20:45 → 00:20:49 พอชัดมักไม่ค่อยมีเวลานะคะเพราะฉะนั้นถ้า
00:20:49 → 00:20:52 เกิดว่ามันปวดหัวผิดปกติผิดจากที่เราเคย
00:20:52 → 00:20:58 เป็นเอ่อมันปวดแรงจริงๆจนจนมันกระทบจนบาง
00:20:58 → 00:21:03 คนมีอวกมีเอ่อมีอาการเหมือนจะวูบหรือมี
00:21:03 → 00:21:07 กระตุกเกงอะไรอย่างเงี้ยค่ะอย่ารอรีบไป
00:21:07 → 00:21:07 โรง
00:21:07 → 00:21:10 พยาบาลให้เช็คก่อนอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ค่ะ
00:21:11 → 00:21:13 แต่ถ้ามันมีอะไรแล้วเแล้วเราเสียโอกาสเรา
00:21:13 → 00:21:16 เรียกเวลาคืนไม่ได้อทำไมล่ะครับทำไมคุณ
00:21:16 → 00:21:19 หมอเวลาที่เราป่วยเป็นโรคนี้แล้วเนี่ยมัน
00:21:19 → 00:21:21 เวลาไปไหนมาไหนมันก็ค่อนข้างลำบากคือ
00:21:21 → 00:21:26 เพราะว่าเขาบอกว่านะมันจะอ่าปวดปวดหัว
00:21:26 → 00:21:28 อยู่เป็นพรรคๆอย่างเงี้ยมันมันใช่อาการ
00:21:28 → 00:21:33 เบื้องต้นของโรคเอ่อโรคนี้หรือเปล่าครับ
00:21:33 → 00:21:36 ถ้าปวดแรงๆอาจจะใช่ค่ะอาจจะเป็นสัญญาณ
00:21:36 → 00:21:38 เตือนของเราซึ่งซึ่งสัญญาณเตือนของเรามัน
00:21:38 → 00:21:41 ก็จะอยู่ไม่นานหรอกค่ะเอ่อบางคนอาจจะเป็น
00:21:41 → 00:21:43 ลักษณะไม่กี่วันหรือบางคนอาจจะได้ถึง
00:21:43 → 00:21:45 สัปดาห์ค่ะแต่ว่าถ้ามันเตือนแล้วเรายัง
00:21:46 → 00:21:49 ไม่ทำอะไรกลับมันสุดท้ายมันก็จะแตกค่ะค่ะ
00:21:49 → 00:21:52 บางทีมันแค่ปิๆมีซึมเล็กๆเราก็มีอาการ
00:21:52 → 00:21:55 แล้วเราไม่ถึงหมดสตินะแต่เรารู้เรามี
00:21:55 → 00:21:58 อาการแบบเนี้ยค่ะอเรายังทิ้งไว้ถึงวันนึง
00:21:58 → 00:22:00 ตอนที่มันแตกแล้วมันพวดออกมาตอนนั้นเรา
00:22:00 → 00:22:04 อาจจะไม่มีเวลาที่จะทำอะไรและมีเวลาสั้น
00:22:04 → 00:22:06 มากในการไปโรงพยาบาลแล้วแล้วถ้าเกิดเรา
00:22:06 → 00:22:09 ไม่ได้โชคดีบ้านใกล้โรงพยาบาลล่ะอืใชหรือ
00:22:09 → 00:22:12 โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านเราทำรักษา
00:22:12 → 00:22:15 เรื่องพวกนี้ไม่ได้ล่ะค่ะอุปกรณ์อาจจะไม่
00:22:15 → 00:22:17 พร้อมเนาะถ้าอยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลเล็กไม่
00:22:17 → 00:22:22 ใช่โรงพยาบาลศูนย์งเรียกว่าอะไนะเอ่อ
00:22:22 → 00:22:25 เอ่อนึกไม่ออกเอขออภัยพักไว้ก่อนเดี๋ยว
00:22:25 → 00:22:28 พี่ขอถามคุณหมอเรื่องนี้ก่อนเออ่าแต่ว่า
00:22:28 → 00:22:30 แต่ว่าไม่ต้องกังวลขนาดนั้นเพราะว่าตรง
00:22:30 → 00:22:32 ถึงแม้เราไม่ได้ใช้หุ่นยนต์ถึงแม้เราไม่
00:22:32 → 00:22:34 ได้เปิดแทเล็กแต่ว่าตอนที่ทำเนื่องจากว่า
00:22:34 → 00:22:36 เราดูตำแหน่งของเส้นเลือดอ่ะค่ะเพราะ
00:22:36 → 00:22:39 ฉะนั้นตอนที่ทำมันก็จะมีอุปกรณ์เสริมใน
00:22:39 → 00:22:42 การช่วยเช่นจะเป็นการขีดสีหรือจะเป็นการ
00:22:42 → 00:22:46 ใช้ตัวออร์ Sound เอ่อเพื่อดูเพื่อดูการ
00:22:46 → 00:22:48 ไหลดูฟังดูการไหลของเส้นเลือดอะไรอย่า
00:22:48 → 00:22:51 เงี้ยค่ะให้รู้ว่าเราทำอยู่ตรงเส้นไหนเรา
00:22:51 → 00:22:54 หนีบไปแล้วเส้นเลือดเอ่อที่มันมีปัญหามัน
00:22:55 → 00:22:58 ถูกเอ่อตัดออกจากระบบไหลเวียนปกติแล้ว
00:22:58 → 00:23:00 เรียบร้อยมั้ยระบบไหลเวียนปกติมันได้รับ
00:23:00 → 00:23:02 ผลกระทบด้วยมหรือบางทีหนีบแล้วมันมาโดน
00:23:02 → 00:23:04 ระบบปกติกลายเป็นเลือดไม่พองั้นหรือเปล่า
00:23:04 → 00:23:07 มันก็ยังมีตัวช่วยให้เราปาตัดได้ปลอดภัย
00:23:07 → 00:23:10 ขึ้นรวมถึงถ้าเกิดว่าเ้าจะเป็นบใส่กดลวด
00:23:10 → 00:23:15 อ่ะค่ะเาจะต้องใช้การาพรังสีกับฉีดสีอ
00:23:15 → 00:23:18 เพื่อดูแนวเส้นเลือดเราระหว่างที่ทำเป็น
00:23:18 → 00:23:21 ระยะเพื่อให้รู้ว่าทำแล้วหมดมทำถูก
00:23:21 → 00:23:23 ตำแหน่งมอยู่แล้วเพราะฉะนั้นถึงเราไม่ได้
00:23:23 → 00:23:27 ใช้บอแต่เราก็มีตัวช่วยคอนเฟิร์มตำแหน่ง
00:23:27 → 00:23:29 ช่วยคอนเฟิร์มว่ามีปัญหามช่คอนเฟิร์มว่า
00:23:29 → 00:23:32 เรียบร้อยดีมหรือเปล่าอยู่ดีค่ะก็ความ
00:23:32 → 00:23:35 เป็นความแม่นยำในการเ่อรักษาผู้ป่วยนะคะ
00:23:35 → 00:23:38 คุณหมอคะอันเนี้ยเป็นข้อมูลที่ขวัญได้มา
00:23:38 → 00:23:40 อยากจะรีเช็คกับคุณหมอนิดนึงว่ามันข้อ
00:23:40 → 00:23:43 เท็จจริงเป็นยังไงเขาบอกว่าฤดูหนาวเนี่ย
00:23:43 → 00:23:46 จะพบผู้ป่วยที่เป็นภาวะหลอดเลือดสมองโป่ง
00:23:46 → 00:23:48 พองเนี่ยได้ง่ายกว่าฤดูอื่นอันนี้จริง
00:23:48 → 00:23:51 มั้ยมันเป็นเพราะอะไรคะถ้ามันเป็นจริง
00:23:51 → 00:23:53 ทำไมหนอ
00:23:53 → 00:23:59 เอ่อก็เท่าที่ลองดูก็ก็้าใช่นะคะโดยส่วน
00:23:59 → 00:24:03 ใหญ่จะเจอตอนที่ช่วงหน้าหนาวเยอะค่ะแต่
00:24:03 → 00:24:06 ไม่แน่ใจว่าปัจจัยจักหลักจริงๆอ่ะคืออะไร
00:24:06 → 00:24:11 คะเพราะว่าเอ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกันโอว่า
00:24:11 → 00:24:14 เกี่ยวกับเรื่องช่วงหน้าหนาวที่มันมีการ
00:24:14 → 00:24:16 สั่งสรรค์กันเยอะๆด้วยเพราะว่าเราเราก็
00:24:16 → 00:24:19 รู้อยู่แล้วว่าแอลกอฮอล์มันก็มีผล่นะคะ
00:24:19 → 00:24:21 แล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันก็มีงานวิจัย
00:24:21 → 00:24:24 หลายอันแหละที่เขาก็จะบอกว่าเออการดื่ม
00:24:24 → 00:24:27 ช่วยในเรื่องสมองเสื่อมงั้นเรามาดื่มกัน
00:24:27 → 00:24:32 เถอะอดื่มไม่ใช่ดื่มดื่ๆๆืมาดื่มะไม่ใช่
00:24:32 → 00:24:37 นะค่ะเอาจริงๆแล้วคือเอ่องานวิจัยอ่ะค่ะ
00:24:37 → 00:24:40 เขาไล่มาจากการ 3 คนเพราะฉะนั้นโดย
00:24:41 → 00:24:43 ธรรมชาติเวลาเราไปโรงพยาบาลแล้วถูกคุณหมอ
00:24:43 → 00:24:46 ถามว่าดื่มมยเราจะเริ่มแนวโน้มเขินอาย
00:24:46 → 00:24:48 แล้วไม่กล้าที่จะบอกว่าเราดื่มหรือถึงเรา
00:24:48 → 00:24:51 บอกว่าเราดื่มส่วนใหญ่ก็จะบอกนิดเดียว
00:24:51 → 00:24:53 น้อยกปกตที่เคทำากนิดเดียวของเราเดี๋ยไม่
00:24:54 → 00:24:56 เท่ากันและหลายๆครั้งจะบอกน้อยกว่าปกติ
00:24:56 → 00:24:59 เพราะบางครั้งคนไข้บอกนิดเดียวแค่นิด
00:24:59 → 00:25:02 เดียวเองแต่ญาตจะบอกว่าอีกปริมาณนึงเพราะ
00:25:02 → 00:25:04 ว่าอิ่มเรากับอิ่มเขานี่ค่อนข้างที่จะ
00:25:04 → 00:25:07 ต่างกันอยู่นะอือันนี้เป็นสิ่งที่เจอบ่อย
00:25:07 → 00:25:09 มากเพราะฉะนั้นมันแปบว่างานวิจัยที่เรา
00:25:09 → 00:25:12 เห็นอ่ะค่ะไอ้ตัวที่ดื่มมากดื่มน้อยของ
00:25:12 → 00:25:14 แต่ละคนเนี่ยมันก็จะมีทั้งคนที่บอกแบบ
00:25:14 → 00:25:17 ซื่อสัตย์กับคนที่บอกแบบครับไม่ไม่ได้
00:25:17 → 00:25:20 ซื่อสัตย์นักคหรือบางทีมันเป็นเพราะว่าเข
00:25:20 → 00:25:23 จำไม่ได้เพราะว่าเวลาคำว่า 1 ดื่มในตาม
00:25:23 → 00:25:25 ทางการแพทย์อ่ะค่ะมันจะเป็นปริมาณจำกัด
00:25:25 → 00:25:28 ที่ชัดเจนเลยค่ะว่าเอ่อเอเท่ากับประมาณ
00:25:28 → 00:25:33 เอ่อ 15 กรัมแอลกอฮอล์นะแต่ว่าเวลาเราเท
00:25:33 → 00:25:35 ทีนึงอ่ะค่ะไอ้ 1 ดื่มของเรามันอาจจะเท่า
00:25:35 → 00:25:39 กับ 2 ดื่มในทางการแพทย์ก็ได้ก็คือล้นเท
00:25:39 → 00:25:43 ล้นไปอ่ะเทล้นไปเทไอ้แก้วแช่น้ำน้ำ
00:25:43 → 00:25:45 เย็น 2 อีกนิด
00:25:45 → 00:25:48 นึงอะไรอย่างงั้นอ่ะค่ะแล้วก็มันก็ขึ้น
00:25:48 → 00:25:50 กับประเภทของเราด้วยว่าเราใช้แอลกอฮอล์
00:25:50 → 00:25:52 ประเภทไหนเพราะว่าดื่มแต่ละประเภท
00:25:52 → 00:25:55 แอลกอฮอล์ก็ไม่เท่ากันความรก็ไม่เท่ากัน
00:25:55 → 00:25:58 เพราะฉะนั้นพอมันบวกลบคูณหารออกมาแล้วค่ะ
00:25:58 → 00:26:00 เราเราก็บอกได้แค่ว่ามันก็อาจจะมี
00:26:00 → 00:26:03 ประโยชน์ถ้าเราดื่มปริมาณน้อยแล้วก็เอ่อ
00:26:04 → 00:26:06 เห้าไม่แรงแต่ถ้าเกิดเราดื่มเหล้าแรงหรือ
00:26:06 → 00:26:10 ดื่มเยอะๆดื่มเป็นประจำเป็นกลุ่มระดับ
00:26:10 → 00:26:12 ดื่มมากๆเงี้ยค่ะมันก็อาจจะไม่ได้ช่วย่ม
00:26:12 → 00:26:15 สมองเสื่อมนะและงานวิจัยหลักๆเพูดถึง
00:26:15 → 00:26:17 เรื่องสมองเสื่อมถูกมั้ยคะแต่เขาก็ไม่ได้
00:26:17 → 00:26:20 พูดถึงเรื่องอื่นๆที่ตามมาเช่นมแอลกอฮอล
00:26:20 → 00:26:24 เอ่อใช่เรื่องเรื่องการคุมความดันเรื่อง
00:26:24 → 00:26:26 เอ่อปัญหาเรื่องหลอดเลือดการึกิที่มัน
00:26:26 → 00:26:30 เยอะๆแล้วก็ไม่ได้พูดถึงโรคอื่นๆอีกเลย
00:26:30 → 00:26:34 เช่นอ่าดื่มมากขนาดนั้นจะมีผลไปถึงการก่อ
00:26:34 → 00:26:37 มะเร็งมยอะไรอย่างเงี้ยค่ะครับค่ะงาน
00:26:37 → 00:26:40 วิจัยมันเอามาแปรผลแต่ว่าก็ต้องรู้ว่า
00:26:40 → 00:26:42 เวลาแปลผลเสนใจสื่อสารเรื่องไหนเขาเก็บ
00:26:42 → 00:26:44 แต่เรื่องนั้นเอาจจะไม่ได้เก็บเรื่องอื่น
00:26:44 → 00:26:48 ๆตามมาด้วยเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นทำอะไรก็
00:26:48 → 00:26:52 อยู่ภายในกรอบแต่ความพอดีปัญหาคือแนวโน้ม
00:26:52 → 00:26:54 เรามักจะใช้งานวิจัยเป็นข้ออ้างในการได้
00:26:54 → 00:26:57 ทำอะไรสักอย่างโดยไม่รู้สึกผิดก็คือหาคำ
00:26:58 → 00:27:00 ตอบถูกผิดไม่รู้แหละแต่แต่ขอหาคำตอบด้วย
00:27:00 → 00:27:02 การวิจัยไปก่อนงานวิจัยที่ถูกใจด้วยนะ
00:27:02 → 00:27:04 เลือกอ่าน
00:27:04 → 00:27:07 ใช่ยิ่งปีใกล้ๆปีใหม่เนี่ยเลือกงานวิจัย
00:27:07 → 00:27:11 ที่ถูกใจเลยค่ะอ่าๆจะได้ไม่รู้สึกผิดถูก
00:27:11 → 00:27:15 ค่ะคุณหมอคะถ้าคนที่ป่วยเป็นเ่อหลอดเลือด
00:27:15 → 00:27:18 โป่งพองในสมองเนี่ยเยังสามารถใช้ชีวิตได้
00:27:18 → 00:27:21 ปกติมยภายใต้การเ่ารับการรักษาแล้วอะไร
00:27:21 → 00:27:24 อย่างเงี้ยเช่นเอ่อใช้ชีวิตในการทำงานออก
00:27:24 → 00:27:27 กำลังกายหรือว่าควรมีข้อต้องห้ามอะไรอะไร
00:27:27 → 00:27:31 บ้างมั้ยคะอือทำได้ปกติเลยค่ะครับอืทำได้
00:27:31 → 00:27:35 ปกติเลยแต่เต้องรู้ว่าข้อ 1 ถ้าเ้ามีมัน
00:27:35 → 00:27:38 จะต้องมีการคุณหมอเแต่ละคนเขาก็จะประเมิน
00:27:38 → 00:27:41 ความเสี่ยงในการเกิดการแกให้คนไข้่ะค่ะ
00:27:41 → 00:27:45 ว่าเอ่อน่าจะมากจะน้อยดูจักขนาดดูจักโรค
00:27:45 → 00:27:48 ร่วมอะไรอย่างเงี้ยค่ะอทนี้ถ้าเค้าไม่ได้
00:27:48 → 00:27:53 มีปัญหาอะไรเอิ่มเราเราก็ให้เค้าทำแบบ
00:27:53 → 00:27:56 ปกติเพียงแต่ต้องนัดมาดูเป็นระยะว่าไอ้
00:27:56 → 00:27:58 ตรงที่มันมีการปป่งพองอ่ะค่ะมันเปลี่ยน
00:27:58 → 00:28:00 แปลงมั้ยหรือมันคงที่ของมันอยู่งงั้นมัน
00:28:00 → 00:28:02 อยู่ของมันอย่างงั้นอยู่แล้วเราไม่ต้องทำ
00:28:02 → 00:28:05 อะไรไม่มีความเสี่ยงที่จะแตกหรือความ
00:28:05 → 00:28:08 เสี่ยงน้อยมากเงี้ยค่ะเราก็ตามเป็นระยะ
00:28:08 → 00:28:10 แต่ว่าถ้าเกิดว่าเราตามแล้วเราเห็นการ
00:28:10 → 00:28:12 เปลี่ยนแปลงอันเนี้ยต่างหาเพราะว่าการ
00:28:12 → 00:28:14 ขนาดที่มันเปลี่ยนแปลงก็หมายความว่าโอกาส
00:28:14 → 00:28:19 ของการแตกที่มันมากขึ้นและค่ะอืูมคะเพราะ
00:28:19 → 00:28:21 ฉะนั้นถ้ามีเราก็ทำเหมือนปกกิแต่เราต้อง
00:28:21 → 00:28:23 รู้ว่าเราต้องมีการตรวจตามนัดเพราะว่าเรา
00:28:23 → 00:28:26 อาจจะต้องเอ่อมาดูขนาดของส่วนที่มันป่ง
00:28:26 → 00:28:30 ครองอืรวมถึงระหว่างนั้นเรื่องความที่เรา
00:28:30 → 00:28:32 ไม่ได้มีอะไรคุณหมอเขาจะไม่หนักถี่สิ่ง
00:28:32 → 00:28:34 ที่เราทำคือต้องคอยสังเกตอาการตัวเองว่า
00:28:34 → 00:28:36 วันเนี้เรามีอาการอะไรที่ผิดปกติเทียบกับ
00:28:36 → 00:28:38 เมื่อวานหรือเปล่าอือแล้วมันเป็นแค่ปวดเม
00:28:38 → 00:28:41 กล้ามเนื้อธรรมดาหรือมันปวดแรงจริงๆอย่า
00:28:41 → 00:28:44 รอเลยค่ะนะคะอันนี้คือกรณีที่ไม่มีโรค
00:28:44 → 00:28:46 อะไรแต่ถ้าเราเป็นคนที่เรารู้อยู่แล้วว่า
00:28:46 → 00:28:47 เรามีโรคเช่นเรารู้แล้วพันธุกรรมของเรา
00:28:47 → 00:28:50 พนังเราเริ่มไม่แข็งแรงส่วนใหญ่กลุ่มนี้
00:28:50 → 00:28:52 เขาจะมีปัญหาตั้งแต่เด็กเขาจะรู้ปัญหา
00:28:52 → 00:28:54 พันธุกรรมเขาเพราะฉะนั้นเขาจะรู้อยู่แล้ว
00:28:54 → 00:28:57 ว่าเอ่อโรคพันธุกรรมเขามันจะมีนู่นนี่นั
00:28:57 → 00:28:59 นั่นอาจจะค่อยๆโผล่มาทียหน่อยแต่สุดท้าย
00:28:59 → 00:29:02 กว่าเขาจะโตเก็จะรู้ปัญหาหลายๆอันอันนั้น
00:29:02 → 00:29:04 เต้องระวังค่ะเพราะว่าเรู้แล้วความเสี่ยง
00:29:04 → 00:29:07 คมาปกติกลุ่มเนี้ยจะโดนคุณหมอเนัดอาจจะ
00:29:07 → 00:29:11 ถี่กว่าคนปกติคนอื่นครับค่ะนะคะอืความรู้
00:29:11 → 00:29:13 อยู่แล้วนี่เองก็เป็นเหมือนกับโประจำตัว
00:29:14 → 00:29:17 ที่ทำให้เอ่อหล่อเลือดมันหโรคประจำตัว
00:29:17 → 00:29:19 หรือพฤติกรรมที่ทำให้หล่อเลือดมันแตกได้
00:29:19 → 00:29:21 อย่าเงี้ยอย่างความดันคุมไม่ดีคือเหล้า
00:29:21 → 00:29:25 เยอะสูบบุหรี่คุมโรคอื่นๆร่วมเช่นเอ่อเบา
00:29:25 → 00:29:28 หวานไขมันไม่ดีอย่างเงี้ยค่ะค่ะเก็จะบอก
00:29:28 → 00:29:30 อยู่ว่าให้คุมไม่ดีให้คุมิไม่ดีปัญหาของ
00:29:30 → 00:29:33 บ้านเราคือไปถึงหมอก็จะบ่นบ่นว่าคุมไม่ดี
00:29:33 → 00:29:37 จะเราจะทำตัวดีวันที่โดนหมอบ่นแล้วก็ไป
00:29:37 → 00:29:39 จากนั้นอีกสักประมาณอาทิตย์นึงหรือเดือน
00:29:39 → 00:29:41 นึงแล้วแต่คนแต่หลังจากนั้นทุกอย่างจะ
00:29:41 → 00:29:44 เริ่มกลับสู่ภาวะที่เขาอยากจะทำอืไม่ค่อย
00:29:44 → 00:29:47 จะได้คุมได้จริงมีเหมือนกันบางคนที่คุม
00:29:47 → 00:29:51 ได้ดีจริงๆแต่ว่าหลายๆคนก็คือหลังจาก 1
00:29:51 → 00:29:54 เดือนที่โดนหมอบ่นไปก็จะรู้สึกว่านได้แค่
00:29:54 → 00:29:57 นี่แหละอแล้วก็เริ่มกลับอยู่ภาวะเดิมอือื
00:29:57 → 00:30:02 คือเหมือนกับว่าไม่สู้หรือเปล่าก็นใช่
00:30:02 → 00:30:06 มั้ยเค้าอาจจะมีมีปัจจัยที่มันไม่ได้ส่ง
00:30:06 → 00:30:09 เสริมมามันเลยทำให้ยากคือคือถ้าอคือถ้า
00:30:09 → 00:30:13 เชื่อว่าคนเราถ้ามีเวลามากพอที่จะมาจัด
00:30:13 → 00:30:16 การพวกเนี้ยค่ะน่าจะทำได้แหละแต่ทีนี้
00:30:16 → 00:30:19 ด้วยสภาพบ้านเราอ่ะค่ะบางทีมันจะจำกัด
00:30:19 → 00:30:22 ด้วยทำงานไปแต่เช้าเลิกก็ดึกจะจัดการ
00:30:22 → 00:30:25 อาหารยังไงเอ่อเลี่ยงเรื่องการเดินทางไม่
00:30:25 → 00:30:28 ได้จะเลี่ยง PM ยังไงทำงานคนสูบุหรี่เจะ
00:30:28 → 00:30:31 เรียกังไงคือมันมันมีปัปัจจัหลายอย่างที่
00:30:31 → 00:30:34 ใช่ค่ะที่สุดท้ายบางทีเาจะพ่ายแพ้มาอยู่
00:30:34 → 00:30:35 จุดเดิมเพราะว่ามันเหนื่อยมากในการที่จะ
00:30:35 → 00:30:38 แก้ทุกเรื่องสำหรับเเงี้ยค่ะ
00:30:38 → 00:30:42 อก็ก็ถือว่าถือว่าเ่าจริงๆแล้วมันควรจะ
00:30:42 → 00:30:46 ต้องใส่ใจตั้งแต่เรามีอาการใช่มั้ยคุณมอ
00:30:46 → 00:30:49 สำหรับโรคนี้เองใช่ค่ะโดยเฉพาะถ้าเรา
00:30:49 → 00:30:53 เริ่มมีโรคที่ยังไงต่อให้เราไม่มีหลอ
00:30:53 → 00:30:55 เลือกสมงป่งพองนะคะแต่ถ้าเรามีเรื่องความ
00:30:55 → 00:31:00 ดันเรื่องเอ่อเบาหวานฮะเราแล้วเราก็รู้
00:31:00 → 00:31:02 ว่าเราสูบบุหรี่กินเหล้าเยอะอย่างงค่ะเรา
00:31:02 → 00:31:04 รู้อยู่แล้วเรามีความเสี่ยงต่อให้เราไม่
00:31:04 → 00:31:07 มีหลอดเลือดสมองโปร่งพองที่พร้อมจะแตกเรา
00:31:07 → 00:31:10 ก็จะมีความเสี่ยงของหลอดเลือดสมองแตกไอ้
00:31:10 → 00:31:13 ตรงส่วนลอยๆของเราอยู่ดีนะอค่ะหรืออาจจะ
00:31:13 → 00:31:15 เป็นหลอเลือสมองตีบก็ได้นะครับคุณคุณหมอ
00:31:15 → 00:31:19 น่าสนใจอีกอย่างนึงคือเมื่อสมมุติเราเรา
00:31:19 → 00:31:23 มีประเมินตัวเองละเฮ้ยฉันชชั้มีแนวโน้ม
00:31:23 → 00:31:26 ที่แบบอุ้ยมันอาจจะเป็นหรือเปล่านะปวดหัว
00:31:27 → 00:31:30 ก็ปวดนี่เอ่อนานก็ปวดคุณผู้ฟังถามมาว่า
00:31:30 → 00:31:34 เอ่อเป็นไมเกรนจะเป็นปัจจัยในมีเป็น
00:31:34 → 00:31:37 ปัจจัยแล้วมีโอกาสให้เป็นโรคนี้ได้มั้ย
00:31:37 → 00:31:39 ครับอใกล้เคียงนะไมเกนกับหลอดเลือกสมอง
00:31:39 → 00:31:43 ป่งพองคนละเรื่องกันเลยค่ะออเพราะอะไรฮะ
00:31:43 → 00:31:45 มันไมเกรนมันจะมีลักษณะการปวดของไมเกรน
00:31:45 → 00:31:47 อยู่แหละแล้วมันจะตอบสนองต่อยาบางประเภท
00:31:47 → 00:31:49 ที่เคกินแล้วเขาจะรู้ได้แหละว่าอาการดี
00:31:49 → 00:31:54 ขึ้นปัญหาคือบ้านเราตอนนี้หลายๆทีเราเรา
00:31:54 → 00:31:57 ถูกวินิจฉัยว่าเป็นไมเกรนโดยที่
00:31:57 → 00:32:01 เอ่อเเรียกว่าเกณฑ์การวินิจฉัยยังไม่ได้
00:32:01 → 00:32:03 ครบหรือยังไม่ได้ชัดเจนนะหลายๆคนถูก
00:32:03 → 00:32:06 วินิจฉัยเป็นไมเกงทั้งๆที่อาจจะไม่ใช่อาจ
00:32:06 → 00:32:09 จะเป็นสัญญาณเตือนก็ได้นะคะเพราะฉะนั้น
00:32:09 → 00:32:12 แนะนำว่าถ้าเกิดถ้าเกิดเราเคยได้รับการ
00:32:12 → 00:32:16 วินิฉัยว่าเป็นไมเกรนแล้วอาการปวดมันรุน
00:32:16 → 00:32:19 แรงนะคะครับไม่ต้องกลัวที่จะไปตรวจซ้ำนะ
00:32:19 → 00:32:24 คะไปตรวจซ้ำเถอะดีกว่าเสียโอกาสถ้าเกิดส
00:32:24 → 00:32:26 จำแล้วปรากฏว่าเราไม่ใช่ไมเกนแต่ว่าไอ้
00:32:26 → 00:32:28 2-3 วันบ่อนที่เราคิดว่าเป็นไมเกรนมัน
00:32:28 → 00:32:32 คือสัญญาณเตือนล่ะอือืถูกมั้ยคะเพราะ
00:32:32 → 00:32:34 ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเคิดว่าเป็นไมเกรนกินยา
00:32:34 → 00:32:39 แล้วมันมันมันดูไม่ได้จะดีขึ้นอือแล้ว
00:32:39 → 00:32:41 อาการยังมากขึ้นคือถ้าเกิดกินยาแล้วมัน
00:32:41 → 00:32:44 ตอบสนองดีอ่ะค่ะมันควรจะเบาลงหรืออย่าง
00:32:44 → 00:32:48 น้อยก็ห่างขึ้นหรือทั้งคู่นะคะต่อให้ไม่
00:32:48 → 00:32:50 หายอย่างน้อยมันก็ต้องปวดเบาลงหรือปวด
00:32:50 → 00:32:53 ห่างขึ้นเพราะฉะนั้นถ้าเรารักษาแล้วมัน
00:32:53 → 00:32:56 ไม่ดีขึ้นน่ะค่ะเอ่อกรณีที่แย่ที่สุดคือ
00:32:56 → 00:32:58 มันเป็นโรคอื่นอย่างเช่นหลอดเลือสมองแตก
00:32:58 → 00:33:01 เราอาจจะมีเวลาในการจัดการอะไรตอนี้ที่
00:33:01 → 00:33:03 เบาลงมาคือเป็นไมเกรมจริงๆแหละแต่ว่ายาม
00:33:03 → 00:33:05 มันอาจจะยังไม่พอสำหรับเราเราแค่ปรับยา
00:33:05 → 00:33:07 เพิ่มให้มันคุมอการให้ดีขึ้นงั้นถ้ามัน
00:33:08 → 00:33:11 มันเป็นมากขึ้นก็ไปตรวจซ้ำเถอะมันเป็นผล
00:33:11 → 00:33:14 ประโยชน์ของเราอ่ะค่ะไปตรวจซ้ำนี่ควรไป
00:33:14 → 00:33:17 ตรวจต่างโรงพยาบาลมั้ยคะคุณหมอ
00:33:17 → 00:33:21 เอ่อปกติแล้วอ่ะค่ะถ้ามันไม่ใช่โรงพยาบาล
00:33:21 → 00:33:24 แบบคลินิกเล็กมากๆเงี้ยค่ะเอ่อไปลงเดิม
00:33:24 → 00:33:27 มันน่าจะพอได้อยู่นะคะเพราะบางทีบางคน
00:33:27 → 00:33:31 เค้าก็บอกคนไข้พูดยากจังเลยแล้วแต่คุณหมอ
00:33:32 → 00:33:34 ด้วยล่ะค่ะอคือบางคนเขก็จะบอกว่ามันยัง
00:33:34 → 00:33:38 ไม่ชัดขอนัดมาดูแล้วถ้าเปลี่ยนแปลงก่อน
00:33:38 → 00:33:40 ถึงวันนัดแย่ลงก่อนถึงวันนัดให้มาตรวจซ้ำ
00:33:40 → 00:33:42 นะคือเขาคก็จะมีแผนสำรองของเขาอยู่แล้ว
00:33:42 → 00:33:46 ค่ะว่าถ้ามันอ่าตอนเนี้ยมันไม่ไม่ค่อยจะ
00:33:46 → 00:33:48 คล้ายกับอะไรแล้วงเราเอาที่น่าสงสัยที่
00:33:48 → 00:33:52 สุดก่อนแล้วถ้ามันไม่เป็นตามแผนแรกแผน 2
00:33:52 → 00:33:54 คือเราคิดถึงโลกนี้เราจะทำแบบนี้แบบนี้
00:33:54 → 00:33:56 บางทีเามีแผนอยู่แล้วอ่ะค่ะเพียแต่ว่าเคง
00:33:56 → 00:33:58 จะจะไม่ได้มาบอกว่าแผนของเขาาคืออะไรบ้าง
00:33:58 → 00:34:02 เพราะว่าเอ่อมันไม่มีเวลาในการบางทีการ
00:34:02 → 00:34:05 อธิบายที่มากไปมันก็สร้างความกังวลเนาะ
00:34:05 → 00:34:07 ใช่แล้วอย่างที่ 2 คือพอพูดเสร็จปุ๊บคราว
00:34:07 → 00:34:09 นี้ยิ่งเครียดกลับไปคราวนี้ป่วดกว่าเดิม
00:34:09 → 00:34:11 เลยเพราะฉนั้นหลายๆทีเราก็ใช้วิธีบอกแค่
00:34:11 → 00:34:14 สั้นๆว่าสังเกตอาการนัดเท่านี้ถ้ามีอะไร
00:34:14 → 00:34:18 เปลี่ยนแปลงมาค่อยๆบอกสั้นๆแค่นี้คซึ่ง
00:34:18 → 00:34:20 หลายๆครั้งมันก็เลยทำให้คนไข้รู้สึกว่า
00:34:20 → 00:34:23 เอ๊ะถูกโลกหรือเปล่าเปลี่ยนโรงพยาบาลมี
00:34:23 → 00:34:25 มั้ยปัญหาของการเปลี่ยนโรงพยาบาลคือข้อ
00:34:25 → 00:34:27 มูลโดยเฉพาะถ้าเราษาโลประจำตัวอยู่ที่
00:34:27 → 00:34:29 นั่นอยู่แล้วอ่ะค่ะแล้วก็เปลี่ยนโดยที่
00:34:29 → 00:34:32 เราเดินไปดื้อๆโดยที่เราไม่ได้หิ้วข้อมูล
00:34:32 → 00:34:34 อะไรเราไปเลยอย่าเงี้ยค่ะคุณหมอที่ใหม่
00:34:35 → 00:34:37 เขาก็จะไม่มีข้อมูลอะไรเก็จะต้องมานั่ง
00:34:37 → 00:34:39 ตรวจอันเก่าๆที่คุณเคยตรวจของที่เดิมอยู่
00:34:39 → 00:34:41 แล้วว่าคุณไม่ได้หิ้วไปกลายเป็น 2 ชั้น 2
00:34:42 → 00:34:45 เด้งมันเหมือนเราไปเริ่มนรับ 1 นับ 1 นับ
00:34:45 → 00:34:48 1 ใช่มันเหมือนซ้ำซ้อนเนาะแต่ว่าใช่ค่ะ
00:34:48 → 00:34:53 ถ้ายังไงก็แนะนำให้ขอประวัใช่ถ้าถ้าคิด
00:34:53 → 00:34:55 ว่าที่แรกเรารู้สึกไม่โอเคจริงๆแต่เราจะ
00:34:55 → 00:34:58 ตรวจซ้ำด้วด้วยการเริ่มเป็นที่ใหม่อย่าง
00:34:58 → 00:35:00 น้อยเอาข้อมูลที่เคยรักษาโดยเฉพาะเรื่อง
00:35:00 → 00:35:03 โลคประจำตัวของที่แรกไปด้วยก็จะดีอ่ะค่ะ
00:35:03 → 00:35:06 เป็นโอกาสเป็นประโยชน์ของเราเองครับก็ถือ
00:35:06 → 00:35:09 ว่าเป็นช่องทางที่ให้ทุกคนสังเกตได้นะว่า
00:35:09 → 00:35:14 อาการแบบนี้นะครับเอ่อที่เรียกว่ารอดหลอ
00:35:14 → 00:35:18 หลอดเลือดสมองโป่งพองเออนะครับไปรอดได้
00:35:18 → 00:35:22 ยังไงนะครับว่ามันมันก็เป็นภัยเงียบที่มี
00:35:22 → 00:35:25 อันตรายแล้วก็ทุกคนมันมีโอกาสเป็นได้ใช่
00:35:25 → 00:35:29 มั้ยคุณหมอย้ำอีกสักครั้งนึงมีโอกาสเป็น
00:35:29 → 00:35:35 ได้ค่ะอืแต่ว่าไม่ได้เยอะค่ะอืครับแล้วก็
00:35:35 → 00:35:39 ส่วนใหญ่จะไปเจอในคนที่มีปัญหาอยู่บ้าง
00:35:39 → 00:35:42 ค่ะคนที่แข็งแรงดีไม่มีโรคอะไรมีโอกาส
00:35:42 → 00:35:46 เป็นได้แต่อันนั้นคือโชคไม่ดีนะคะอืมี
00:35:46 → 00:35:48 ปัจจัยเสริมเข้ามาคสงกเพราะว่าคนที่ป่ง
00:35:48 → 00:35:51 พองไม่ได้แปลว่าคุณจะแตกคุณคุณอาจจะเป็น
00:35:51 → 00:35:54 กลุ่มที่โอกาสแตกน้อยก็ได้นะคะโดยเฉพาะ
00:35:54 → 00:35:57 ถ้าคุณไม่มีปัจจัยเสียงไม่ว่าจะเป็นโรค
00:35:57 → 00:35:59 ประจำตัวที่คุมไม่ดีโรคประจำตัวที่คุมไม่
00:35:59 → 00:36:03 ดีด้วยนะหรือคมดีเป็นใช่ค่ะคือบางคนเป็น
00:36:03 → 00:36:05 ความดันแต่คุมดีมันก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
00:36:05 → 00:36:08 อ่ะค่ะอค่ะแต่เป็นความดันแล้วปล่อยไม่รส
00:36:08 → 00:36:10 บางคนบอกเอ่อเป็นความดันและกินยาแล้วหาย
00:36:10 → 00:36:13 แล้วแล้วก็ไม่กินโดยที่ลืมไปว่าไอ้ที่บอก
00:36:13 → 00:36:16 ว่าหายแล้วหายเพราะกินยาคุมอยู่ออพอไม่กน
00:36:16 → 00:36:19 อยู่ดีก็ไม่กินมันจะคุมได้ยังไงออเหมือน
00:36:19 → 00:36:23 กับน้ำตาลเลยใช่ค่ะใช่ค่ะถูกหลายอย่างก็
00:36:23 → 00:36:25 หรือเราไม่ได้เอาอะไรไปเติมเช่นเราไม่ใช่
00:36:25 → 00:36:28 กลุ่มกินรกเยอะสุดบุหรี่เยอะจนมีปัญหา
00:36:28 → 00:36:31 เรื่องเอ่อผนังหล่อเลือดเราก็ไม่ต้องตนก
00:36:31 → 00:36:34 เกินจำเป็นคือเราก็อาจจะโป่งพองนะแต่เรา
00:36:34 → 00:36:37 ก็แข็งแรงทำกิจวัตรใช้ชีวิตปกติได้นะแค่
00:36:37 → 00:36:39 ต้องไปตรวจแล้วค่อยสังเกตอาการตัวเองครับ
00:36:39 → 00:36:44 ก็ถือว่าเอ่อมาทำความเข้าใจกับโรคนี้กัน
00:36:44 → 00:36:47 สักเล็กน้อยพอสมควรที่จะได้หมั่นสังเกต
00:36:47 → 00:36:50 ตัวเองนะพี่ขวัญคุณหมอฮะจะได้แบบเออระมัด
00:36:50 → 00:36:52 ระวังในเรื่องของอาการที่เกิดขึ้นย้ำหลาย
00:36:52 → 00:36:55 ๆครั้งหลายๆโรคที่เราคุยกันมานะคุณหมอนะ
00:36:55 → 00:36:57 โดยเฉพาะอาการของทางทางสมองทางปราสาทเอง
00:36:57 → 00:37:00 เนี่ยถ้ามีสัญญาณบ่งบ่อหรือว่ามีอาการคับ
00:37:00 → 00:37:03 คล้ายคลคาสิ่งแรกที่เราควรจะทำคือไปพบ
00:37:03 → 00:37:07 แพทย์วินิจฉัยก่อนเนาะใช่ค่ะอืนะฮะหรือ
00:37:07 → 00:37:09 หรือถ้าตอนนั้นคนไข้ไม่ได้สติคนใกล้ตัว
00:37:09 → 00:37:14 ต้องสังเกตนะคะว่าเอ่อเค้าตอบสนองยังไง
00:37:14 → 00:37:16 บ้างหรือเขาสื่อสารกับเราผิดปกติไปและอ
00:37:16 → 00:37:20 อย่ารอบางคนคิดว่าอ่าน่าจะเมาหลับแหละเออ
00:37:20 → 00:37:24 ๆๆเคยเจอเคสแบงนี้แบบนี้ในหน้าอกนึงตอน
00:37:24 → 00:37:27 เช้าบางทีตอนที่ไปคือมันเหลือเหลือการทำ
00:37:27 → 00:37:31 งานระบบกสาให้กู้น้อยแล้วเงี้ยค่ะมันมัน
00:37:31 → 00:37:33 ก็มันก็มีช่องทางเลือกให้ไม่มากเท่าไหร่อ
00:37:33 → 00:37:36 เอออย่างๆอย่าเคสที่เป็นดาราที่เราใช้มา
00:37:36 → 00:37:39 เป็นต้นฉบับต้นทางที่เรานำสู่โรคนี้ที่
00:37:39 → 00:37:43 คุยกันนะฮะคุณหมอกเทางทางทางสื่อเขาบอก
00:37:43 → 00:37:47 ว่า 40 นาทีเองนะจากที่มีอาการแล้วก็ไปพบ
00:37:47 → 00:37:50 ไปเข้าโรงพยาบาลเนาะมันถือว่าเป็นเวลาที่
00:37:50 → 00:37:52 เหมาะเจาะหรือยังหรือว่ามันต้องเร็วกนะิง
00:37:52 → 00:37:56 กหมอถ้าตอนนั้นเขาบอกว่าปวดหัวแล้วแล้ว
00:37:56 → 00:38:00 เค้าไปโรงพยาบาลอ่ะค่ะเอ่อ 40 นาทีถือว่า
00:38:00 → 00:38:03 ไม่ไม่ได้แย่นะคะก็คือเา้าพยายามรีบไป
00:38:03 → 00:38:05 แล้วแหละแต่ถ้าเกิดว่า 40 นาทีนั้นหมาย
00:38:05 → 00:38:08 ความว่าเหมดสติแล้วแล้วแล้วใช้เวลานาน
00:38:08 → 00:38:11 กว่าจะไปอย่าเงี้ยค่ะอันนี้ไม่ค่อยดี
00:38:11 → 00:38:15 เพราะว่าจริงๆสมองเราเอิ่มขาดออกซิเจนได้
00:38:15 → 00:38:19 สัก 4-5 นาทีแค่นั้นเอง 4-5 นาทีค่ะใช่
00:38:19 → 00:38:22 โอ้โหเวลาจำัดถ้าเกิดสมมติว่าเราหมดสติ
00:38:22 → 00:38:25 เรามีปัญหาเรื่องการหายใจเข้าออกแล้วคือ
00:38:25 → 00:38:29 ในแนวโน้มคนที่หมดสติมันมีแนวโน้มที่เอ่อ
00:38:29 → 00:38:32 ลิ้นจะตกพอจะพับมันทำให้การหายใจเอาอากาศ
00:38:32 → 00:38:36 เข้าออกมันไม่ดีอ่ะค่ะอืเอ่อแต่ละหายลม
00:38:36 → 00:38:39 หายใจคือออกซิเจนมันก็หายไปเรื่อยๆืยๆ
00:38:39 → 00:38:42 เงี้ยค่ะถ้าเกิดว่า 40 นาทีที่หมดสติแบบ
00:38:42 → 00:38:44 นั้นแล้วไม่มีคนดูแลเรื่องทางเดินหายใจก็
00:38:44 → 00:38:46 ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ถ้าเกิดว่า 40
00:38:46 → 00:38:49 นาทีนั้นเป็น 40 นาทีที่บอกว่าปวดหัวแล้ว
00:38:49 → 00:38:52 กำลังเดินทางไปเงี้ยนั่นคือเขาพยายามช่วย
00:38:52 → 00:38:54 เหลือตัวเองถึงที่สุดแล้วตอนอ่านไม่ค่อย
00:38:54 → 00:38:57 แน่ใจเพราะว่าอ่านบางแหล่งก็บอกบอกว่า
00:38:57 → 00:38:59 หมวดหัวแล้วรีบไปใน 40 นาทีแต่บางแหล่งก็
00:38:59 → 00:39:01 บอกว่าหมวดสติ 40 นาทีก็เลยไม่ค่อยแน่ใจ
00:39:01 → 00:39:05 ว่าอันเนี้ยมันมันเป็นอันไหนกันแน่อ่าใช่
00:39:05 → 00:39:07 เพราะว่าข้อเท็จจริงมันรู้สึกมันจะข่าว
00:39:07 → 00:39:10 ต่างประเทศมันจะไม่ได้บ่งชี้ชัดเจนว่าเ
00:39:10 → 00:39:13 เอ่อยังไงกันแน่อืใช่แต่แต่ถ้าบ้านเราถ้า
00:39:13 → 00:39:17 เกิดว่าคนไข้หมวดสติเรียกไม่รู้ตัวก็ตาม
00:39:17 → 00:39:19 รถพยาบาลแล้วก็รีบไปโรงพยาบาลเถยค่ะเพราะ
00:39:20 → 00:39:22 ว่าอมันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ต่อให้ไม่เป็น
00:39:22 → 00:39:26 เรื่องของเอ่อเหลอดเลือดในสมองมันก็อาจจะ
00:39:26 → 00:39:28 มีปัญหาเรื่องระบบหลอดเลือดหรือหัวใจก็
00:39:28 → 00:39:30 ได้ค่ะที่ทำให้คนไข้หมดสติเพราะคนไข้จะ
00:39:30 → 00:39:33 หมดสติได้ก็คือเลื่อนไปเลี้ยงสมองไม่พอ
00:39:33 → 00:39:35 ไม่ว่าจะเป็นจากมันรั่วระหว่างทางหรือมัน
00:39:35 → 00:39:38 มีการมีติมีตันหรือมีปัญหาที่ตัวปั๊มก็
00:39:38 → 00:39:41 คือหัวใจตั้งแต่แรก