00:00:00 → 00:00:03 เอ้าก็คิดลบก็คิดเองิก็ไปคิดบวกสิคิดลบ
00:00:03 → 00:00:05 ทำไมหรือว่าไอ้เรื่องพวกนี้มันก็เกิดขึ้น
00:00:05 → 00:00:07 แนแหละไปเครียดกับมันทำไมหรือว่าเนี่ย
00:00:07 → 00:00:09 อ้วนขึ้นแล้วไปออกกำลังกายสิหรือเสียงที่
00:00:09 → 00:00:11 ได้ยินก็เสียงในหัวแกก็หยุดไปได้ยินมันสิ
00:00:11 → 00:00:14 ไม่ต้องไปคิดถึงมันเหืออะไรแต่เาไม่เข้า
00:00:14 → 00:00:18 ใจความรู้สึกเหล่านี้ในภาวะของการเป็นโรค
00:00:18 → 00:00:22 มีอาการหูแว่วหูแว่วแล้วก็จะมีเห็นเป็น
00:00:22 → 00:00:25 เหมือนภาพหลอนบ้างฮิตบ้างเราก็จะเห็นภาพ
00:00:25 → 00:00:27 เป็นภาพผู้หญิงที่อยู่ข้างเตียงเราอยู่ใน
00:00:27 → 00:00:29 รถเราอยู่ที่ออฟฟิศเราแบบนี้ตัดสินใจจบ
00:00:29 → 00:00:31 ชีวิตตัวเองรอบแรกเพราะเรารู้สึกเหมือน
00:00:31 → 00:00:33 กับว่าสังคมรอบข้างเราไม่เข้าใจละเอา
00:00:33 → 00:00:37 คัตเตอร์กีดข้อมือไอ้ที่ทำไปนี่มันไม่มี
00:00:37 → 00:00:39 ความรู้สึกมีคามรู้สึกเจ็บเลยอยากทำหรือ
00:00:39 → 00:00:42 หรือสมองมันสั่งการทำตรงเรื่องสุขภาพจิต
00:00:42 → 00:00:44 อ่ะเราก็ไม่รู้จักแล้วศึกษาว่าตอนที่เรา
00:00:44 → 00:00:48 โทรไปทำไมถึงไม่มีคนรับสาย
00:00:48 → 00:00:53 เราสำหรับ podcast วันนี้อาจจะเป็นเรื่อง
00:00:53 → 00:00:58 sensitive นะฮะโดยเฉพาะเรื่องภาวะซึม
00:00:58 → 00:01:03 เศร้าภาวะเครียดหรือภาวะอยากจะทำร้ายตน
00:01:03 → 00:01:07 เองพแสวันนี้เป็นพแสที่ค่อนข้างสำคัญ
00:01:07 → 00:01:11 สำหรับผมนะฮะแล้วผมเชื่อว่าสำคัญสำหรับ
00:01:11 → 00:01:17 พ่อแม่และวัยรุ่นในประเทศไทยท่านนี้ที่ผม
00:01:17 → 00:01:21 เชิญมาผมเชื่อว่าเราหลายคนน่าจะรู้จักดี
00:01:21 → 00:01:23 นะฮะจาก
00:01:23 → 00:01:25 เดิมจบ
00:01:25 → 00:01:29 มหาลัยชีวิตกำลังขาขึ้นเป็น ring star
00:01:29 → 00:01:34 นะครับเป็นผู้จัดการนะฮะในทีมเครื่องบิน
00:01:34 → 00:01:38 หรือเรียกเอชั่นลิขิตกำลังจะพาต่อไปสู่
00:01:38 → 00:01:42 เมืองนอกแต่ต้องผันตัวมาเป็นผู้จัดการใน
00:01:42 → 00:01:44 โรงแรม 4 ดาวของคนใน
00:01:44 → 00:01:47 ครอบครัวชีวิตทุกอย่างเหมือนกำลังจะไปได้
00:01:47 → 00:01:51 ดีแต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ชีวิต
00:01:51 → 00:01:57 เขาเริ่มเข้าสู่ภาวะขาลงลงลงๆงจนถึงจุด
00:01:57 → 00:02:02 ที่เขาเริ่มอยากทำร้ายตนเองถึงขั้นมีความ
00:02:02 → 00:02:06 รู้สึกขออนุญาตใช้คำว่าฆ่าตัวตายนะครับ
00:02:06 → 00:02:11 แต่และแล้วเส้นทางเค้าค่อนข้างขุขะจน
00:02:11 → 00:02:19 ปัจจุบันนะฮะเค้าเป็นหนึ่งในวัยรุ่นที่
00:02:19 → 00:02:23 นอกจากจะเป็นเอ่อ speaker หรือเป็นผู้
00:02:23 → 00:02:26 แบ่งประสบการณ์นะครับระดับโลกแล้วนะครับ
00:02:26 → 00:02:29 World Economic forum แล้วเนี่ยเค้า
00:02:29 → 00:02:33 ยังผันตัวมาเป็น CEO ของแอปพลิเคชันที่
00:02:33 → 00:02:38 เราเรียกว่าสติแอปพลิเคชันสติเพื่อรณรงค
00:02:38 → 00:02:43 ดูแลสุขภาพจิตของเด็กรุ่นใหม่และวัยรุ่น
00:02:43 → 00:02:48 และเป็นทางออกของคนที่กำลังเริ่มรู้สึกมี
00:02:48 → 00:02:53 ภาวะอารมณ์แปรปรวนอยากหาที่พึ่งอยากหาที่
00:02:53 → 00:02:56 คุยวันนี้ผมได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงนะ
00:02:57 → 00:03:00 ครับจากน้องคนนี้ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต
00:03:00 → 00:03:03 เขาอาจจะไม่รู้ตัว Instagram เขาก็เป็น
00:03:03 → 00:03:07 แรงบรรจบันดาลใจให้ผมเหมือนกันนะครับขอ
00:03:07 → 00:03:11 อนุญาตเรียนเชิญนะครับคุณอมรนะฮะคุณอมร
00:03:11 → 00:03:13 สวัสดีครับสวัสดีครับพี่เบิกเป็นเกียรติ
00:03:13 → 00:03:16 อย่างยิ่งนะครับที่คุณอมรสละเวลามานะฮะ
00:03:16 → 00:03:21 คุณอมรครับเอ่อคุณอมรโตในเมืองไทยเรียน
00:03:21 → 00:03:25 อินเตอร์ใช่มั้ยครับใช่ชีวิตกำลังขาขึ้น
00:03:25 → 00:03:28 ใช่นะครับดูจากบุคลิกที่เราเคยคุยกัน
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยคุณอมรมีความคิดสร้างสรรค์แล้วเป็น
00:03:31 → 00:03:34 คนที่มีความเป็นผู้นำสูงครับผมเป็นแม้
00:03:34 → 00:03:37 กระทั่งผู้จัดการนะครับขออนุญาตแตะได้มั้
00:03:37 → 00:03:42 ครับว่าชีวิตขาขึ้นแล้วก็มันเริ่มลงมา
00:03:42 → 00:03:45 เริ่ม fall ช่วง 2 ของชีวิตที่เราเริ่มตก
00:03:45 → 00:03:48 มันเกิดอะไรขึ้นฮะคือก็ก็แบบที่พี่บิ๊ก
00:03:48 → 00:03:51 เล่าว่าผมก็เรียนมหาลัยมาแล้วก็มหาลัยดี
00:03:51 → 00:03:55 ด้วยแล้วก็พอจบจากมหาวิลัยมาปุ๊บก็คือ
00:03:55 → 00:03:57 ความใฝ่ฝันของเราคืออยากจะทำงานทางด้าน
00:03:57 → 00:04:00 การบินเพราะเรารักเรื่องการบินมากก็เลยไป
00:04:00 → 00:04:02 ทำงานให้กับบริษัทเอกชนที่ดูแลเรื่องของ
00:04:02 → 00:04:05 สายการบินต่างๆในประเทศอ่ะนะครับแล้วก็พอ
00:04:05 → 00:04:09 ถึงทำงานกับเ้าไปได้ประมาณสักปี 2 ปีแล้ว
00:04:09 → 00:04:11 เราก็เลยโดนผลักเหมือนกับว่าอาจจะโดนให้
00:04:11 → 00:04:14 ว่ามาทำงานกับที่บ้านแทนซึ่งก็คือจะทำ
00:04:14 → 00:04:17 เป็นเรื่องของโรงแรมแล้วก็ช่วงนั้นเราก็
00:04:17 → 00:04:20 โอเคเพราะว่าในความคิดก็คือมันยังเป็น
00:04:20 → 00:04:22 service Industry แล้วเราก็ชอบงานทาง
00:04:22 → 00:04:24 ด้าน service อยู่แล้วมันก็อาจจะมีความ
00:04:24 → 00:04:27 สนุกความท้าทายในแบบของมันที่เราจะไปทำ
00:04:27 → 00:04:31 แล้วก็เราก็อินกับการวางแผนระบบว่าคนมาหา
00:04:31 → 00:04:33 เราควรจะต้องมีความรู้สึกอะไรยังไงแต่ละ
00:04:33 → 00:04:36 อย่างครับเอิ่มแต่พอทำไปได้สักพักนึง
00:04:36 → 00:04:39 เนี่ยมันก็เหมือนแรงกดดันมันค่อนข้างสูง
00:04:39 → 00:04:40 โดยเฉพาะที่ว่ามันเป็นการทำงานกับ
00:04:41 → 00:04:43 ครอบครัวแล้วคนใกล้ชิดมันก็เลยทำให้
00:04:43 → 00:04:46 เหมือนกับว่าอาจจะมีการถูกตำหนิบ้างหรือ
00:04:46 → 00:04:48 ว่าเห็นต่างบ้างแล้วมันก็ทำให้ว่ามี
00:04:48 → 00:04:50 Pressure สูงขึ้นมาเรื่อยๆอ่ะครับพอ
00:04:50 → 00:04:52 Pressure มันสูงขึ้นมาเรื่อยๆหรือความ
00:04:52 → 00:04:55 คิดเราอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ได้รับการตอบ
00:04:55 → 00:04:57 รับที่ดีมันเลยทำให้เรารู้สึกเหมือนมา
00:04:57 → 00:05:00 question ตัวเองว่าไอ้ที่เราเราทำอยู่
00:05:00 → 00:05:03 เนี่ยเราคิดผิดหรอหรือว่าถ้าเราไม่คิดผิด
00:05:03 → 00:05:06 แล้วก็ทำไมถึงคนอื่นอาจจะคิดว่ามันไม่ได้
00:05:06 → 00:05:08 เป็นสิ่งที่ถูกมันก็ทำให้เราเหมือนค่อยๆ
00:05:08 → 00:05:11 question ตัวเองจนคิดว่าตัวเองอาจจะ
00:05:11 → 00:05:13 เหมือนเป็นการด้อยฆ่าตัวเองไปเรื่อยๆแล้ว
00:05:13 → 00:05:16 มันก็เป็นการเหมือนกับว่ากลับมานั่งคิดวน
00:05:16 → 00:05:18 ว่าอะไรทำไมมันเป็นอย่างนี้ทำไมถึงมันผิด
00:05:18 → 00:05:22 เราก็ครียดครีดครียจนที่ว่าเราก็เขวไปอ่ะ
00:05:22 → 00:05:25 ครับเขวไปเลยก็คือเหมือนทำตัวไม่ถูกคิด
00:05:25 → 00:05:29 ฟุ้มซ่านคิดลบคิดแง่ไม่ดีอะไรไปเรื่อยๆ
00:05:29 → 00:05:31 เลยครับครับเลยอันนี้มันก็เกิดขึ้นช่วง
00:05:31 → 00:05:35 ประมาณปี 2015 ที่เราตอนนั้นเราอายุเท่า
00:05:35 → 00:05:38 ไหร่ฮ่ะตอนนั้นน่าจะ 20 ปลายๆอ่ะครับ 27
00:05:38 → 00:05:41 28 หรืออะไรอย่างงี้แล้วก็ก็เลยที่บ้าน
00:05:41 → 00:05:44 ตอนแรกก็อาจจะไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
00:05:44 → 00:05:46 ก็เลยพาเพราะว่าผมก็จะบ่นเรื่องปวดหัว
00:05:46 → 00:05:49 เรื่อยๆปวดหัวปวดหัวไม่หยุดที่บ้านก็เลย
00:05:49 → 00:05:51 พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่นึงก่อนเพื่อดู
00:05:51 → 00:05:54 ว่าเป็นอะไรกันแน่แต่ช่วงนั้นตัวไผมเองก็
00:05:54 → 00:05:57 เอาตามตรงเรื่องสุขภาพจิตอ่ะเราก็ไม่รู้
00:05:57 → 00:05:59 จักเราดูแต่หนังเราก็ไม่ได้เข้าใจว่ามัน
00:05:59 → 00:06:01 มันคืออะไรเราเองก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิด
00:06:01 → 00:06:03 อะไรขึ้นอยู่สังคมเราผมก็เชื่อว่าคนอาจจะ
00:06:03 → 00:06:07 ยังไม่ได้เข้าใจถึงขนาดนั้นเลยผมอาจจะไป
00:06:07 → 00:06:09 เหไปหาหมอได้สักพักนึงได้ยาอะไรมาหน่อย
00:06:09 → 00:06:13 แต่เราก็เหมือนไม่ได้อินกับการไปหาหมอ
00:06:14 → 00:06:16 หรือว่าไม่ได้ชอบการไปหาหมอคนคนนั้นเพราะ
00:06:16 → 00:06:17 รู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งนี้กำลังเกิด
00:06:17 → 00:06:20 ขึ้นกับเราก็เลยปล่อยไปแต่กลายเป็นว่า
00:06:20 → 00:06:25 ช่วงปลายปี 2015 ครับผมก็เริ่มมีอาการหู
00:06:25 → 00:06:28 แว่วหูแว่วแล้วก็จะมีเห็นเป็นเหมือนภาพ
00:06:28 → 00:06:30 หลอนบ้างให้
00:06:30 → 00:06:31 บ้าง
00:06:31 → 00:06:34 ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรเพราะหลายๆครั้ง
00:06:34 → 00:06:36 อ่ะเราก็จะได้ยินแต่เสียงที่มันมาต่อว่า
00:06:36 → 00:06:38 เราแล้วก็เราก็รู้ว่ามันไม่ได้เป็นเสียง
00:06:38 → 00:06:41 ของเราแต่ปัเราได้ยินเสียงเหล่านี้เราเรา
00:06:41 → 00:06:44 อยู่ในสังคมที่อาจจะเน้นเป็นทางด้าน
00:06:44 → 00:06:46 spiritual Side มากกว่า scientific
00:06:46 → 00:06:49 evidence ซึ่งผมก็รู้ว่าบางครั้งพอเรา
00:06:49 → 00:06:51 ไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรอ่ะสิ่งที่ดีที่สุดก็
00:06:51 → 00:06:55 คือไปหาที่ยัดยึดมั่นใจให้มันดีที่สุดเลย
00:06:55 → 00:06:57 ครอบครัวผมก็พยายามจะช่วยเหลือผมในทิศทาง
00:06:57 → 00:07:00 ที่เขรู้สึกว่ามันถูกที่สุดเราก็เลยไปทาง
00:07:00 → 00:07:04 นั้นแต่ว่าก็คือไปทางวัดไปไปทางวัดเอ่อไป
00:07:04 → 00:07:07 ทางวัดไปการเหมือนกับว่าอาจจะไปหาคนที่จะ
00:07:07 → 00:07:09 ดูแลเรื่อง spirituality ของเราอ๋อแต่ว่า
00:07:09 → 00:07:12 ที่หมอที่เาดูทางด้านจิตวิญญาณใช่ใช่ครับ
00:07:12 → 00:07:15 เอ่อเลยผมก็ใช่คำว่าหมอไสยศาสตร์ประมาณ
00:07:15 → 00:07:17 นี้มั้ยอาจจะเป็นเรื่องไสยศาสตร์ก็ได้
00:07:17 → 00:07:20 ครับใช่เอ่อแล้วมันไม่ได้มันไม่ได้ตรงกับ
00:07:20 → 00:07:22 ความเชื่อของเราแต่เรารู้ว่าครอบครัว
00:07:23 → 00:07:24 พยายามช่วยเหลือเราในทิศทางที่เขาคิดว่า
00:07:24 → 00:07:28 มันดีที่สุดเลยผมก็หนีออกจากตรงนั้นมาพอ
00:07:28 → 00:07:31 หนีออกจากตรงนั้นนั้นมาก็เลยเหมือนกับว่า
00:07:31 → 00:07:34 มีคนแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงซึ่ง
00:07:34 → 00:07:36 เป็นโรงพยาบาลจิตเวทโดยเฉพาะซึ่งตอนนั้น
00:07:36 → 00:07:38 อาการของเราเป็นยังไงล่ะเรามาถึงจุดไหน
00:07:38 → 00:07:42 ล่ะเรามีทั้งเรื่องของการทำร้ายตัวเองมี
00:07:42 → 00:07:45 ทั้งเรื่องของการเชทำร้ายยังไงฮะประมาณ
00:07:45 → 00:07:49 เอาคัตเตอร์กรีดข้อมือเป็นการทุบตีตัวเอง
00:07:49 → 00:07:52 เป็นการทุบต่อยให้ตัวเองมีบาดแผลบนตัว
00:07:52 → 00:07:55 เอ่อเพราะอะไรอันนั้นเราเราเราอยากทำหรือ
00:07:55 → 00:07:59 หรือสมองมันสั่งการหรือเราได้ยินเสียง 1
00:07:59 → 00:08:01 ในก็คือเสียงปกติเวลาได้ยินอ่ะครับมันจะ
00:08:01 → 00:08:04 เป็นเรื่องว่าเออมึงมันไม่ดีพอหรอกอยู่ไป
00:08:04 → 00:08:06 ก็แค่นั้นแหละอยู่ไปแค่นั้นแหละเค้าไม่
00:08:06 → 00:08:08 เชื่อมึงหรอกหรือบางครั้งเราก็จะเห็นภาพ
00:08:08 → 00:08:09 เป็นภาพผู้หญิงที่อยู่ข้างเตียงเราอยู่ใน
00:08:09 → 00:08:12 รถเราอยู่ที่ออฟฟิศเราแบบนี้
00:08:12 → 00:08:15 เอิ่มส่วนที่ทำหลายๆครั้งเนี่ยก็คือเรา
00:08:15 → 00:08:19 รู้สึกชาเรารู้สึกชาจนเราไม่รู้สึกอะไร
00:08:19 → 00:08:22 สักอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นชาทั้งด้านกาย
00:08:22 → 00:08:23 หรือทั้งด้านใจจแล้วเราอยากจะรู้สึกอะไร
00:08:23 → 00:08:27 สักอย่างอ๋อคือที่ทำเพราะว่าเราต้องการ
00:08:27 → 00:08:29 รู้สึกมันไม่มันไม่มีความรู้สึกใช่ไที่ทำ
00:08:29 → 00:08:31 ไปนี่มันไม่มีความรู้สึกไม่มีความรู้สึก
00:08:31 → 00:08:33 เจ็บเลยไม่มีความรู้สึกเจ็บสักนิดนึงเลย
00:08:33 → 00:08:35 ขอโทษนะการที่ผมพูดอย่างงี้มันกระตุ้นเรา
00:08:35 → 00:08:38 มั้ยฮะหรือเราเราเปิดเราชินได้แล้วคุยได้
00:08:38 → 00:08:42 เลยผมคุยได้ครับไม่ไม่มีปัญหาก็เลยเราก็
00:08:42 → 00:08:45 ทำไปเรื่อยๆแล้วก็เลยเป็นการที่ว่าพอมีคน
00:08:45 → 00:08:49 แนะนำว่าให้ไปโรงพยาบาลจิตเวทเราก็เลยไป
00:08:49 → 00:08:53 ไปหาหมอครั้งแรกปึ๊บหมอก็เลยวินิจฉัยว่า
00:08:53 → 00:08:56 เป็น Major depressive disorder แล้วก็
00:08:56 → 00:08:59 เลยรักษาเรื่อง mdd มาซึ่งหมอก็เริ่มจาก
00:08:59 → 00:09:02 การให้ให้เป็นเหมือนให้ยาก่อนในการระงับ
00:09:02 → 00:09:05 อ่าสิ่งต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นอยู่แล้วก็
00:09:05 → 00:09:07 ให้ลองไปทำเป็นเหมือน tery ดูกับ
00:09:07 → 00:09:10 psychologist อ่ะครับนักจิตวิทยาแต่ของ
00:09:10 → 00:09:13 ผมอาจจะการไปหาไปหานักจิตมันไม่ได้ช่วย
00:09:13 → 00:09:15 อะไรมากหมอก็เลยกลับมาเน้นที่เรื่องของ
00:09:15 → 00:09:20 การทันยาแต่พอผ่านไปได้ประมาณสัก 4 เดือน
00:09:20 → 00:09:23 อครับเราก็ทันยาค่อนข้างเยอะนะเกือบ 10
00:09:23 → 00:09:25 กว่าเม็ตต่อวันอย่างเงี้ครับแล้วก็ยังมี
00:09:25 → 00:09:29 การทำร้ายตัวเองอยู่ยังมีการระบบมีการได้
00:09:29 → 00:09:31 ยินเสียงมีหูแว่วมีอะไรอยู่แล้วก็มีความ
00:09:31 → 00:09:35 รู้สึกไม่อยากอยู่ก็เลยต้องไปทำเป็นสิ่ง
00:09:35 → 00:09:38 ที่เรียกว่า Electro conv therapy อ่า
00:09:38 → 00:09:41 ที่คือเป็นการช็อกไฟฟ้าบำบัดซึ่งอันนั้น
00:09:41 → 00:09:46 มันก็คือจะช่วยเรื่องของทั้งไ pis อ่า
00:09:46 → 00:09:48 เรื่องของการได้ยินเสียงการอะไรแล้วก็
00:09:48 → 00:09:52 เรื่องของ depression ด้วยตอนที่ไปเริ่ม
00:09:52 → 00:09:53 ทำ
00:09:53 → 00:09:57 อ่าเรื่องของ ect อ่ะครับน้ำหนักตอนนั้น
00:09:57 → 00:10:00 ผมน่าจะอยู่ประมาณ 1003 30 หรืออะไร
00:10:00 → 00:10:04 อย่างงี้แล้วก็พอที่ว่าไปทำได้สักพักนึง
00:10:04 → 00:10:07 แล้วกินยาด้วยอ่ะน้ำหนักผมขึ้นจากน่าจะ
00:10:07 → 00:10:09 ไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้ 130 เริ่มจาก
00:10:09 → 00:10:11 ประมาณเกือบๆ 100 อ่ะครับแล้วน้ำหนักก็
00:10:11 → 00:10:14 พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 140 ตอนนี้ทุกครั้งที่
00:10:14 → 00:10:18 เราทำ EC อ่ะเราจะต้องมีการดมยาสลบในการ
00:10:18 → 00:10:21 ทำ ect มันกลายเป็นว่าเราได้ develop แน
00:10:21 → 00:10:24 ขึ้นมาแล้วเลยทุกครั้งนี้ดมยาสลบอ่ะเราก็
00:10:24 → 00:10:27 จะมีการหยุดหายใจซึ่งหมอบอกว่าตอนนี้มัน
00:10:27 → 00:10:31 อันตรายเกินไปต่อการที่จะทำ ect ได้แล้ว
00:10:31 → 00:10:34 ก็เลยเป็นการกลับไปใช้เป็นการพรยาแล้วก็
00:10:34 → 00:10:36 เป็นการต้องไปนอนโรงพยาบาลเพื่อรับการ
00:10:36 → 00:10:40 บำบัดแทนใช่ครับแสดงว่าเรามาถึงจุดที่น้ำ
00:10:40 → 00:10:44 หนักมันขึ้นช็อก็ไม่ได้ใช่ก็เลยต้องกลับ
00:10:44 → 00:10:48 มาไปใช้ยาแล้วก็แอดมิเพื่อบำบัดใช่ซึ่ง
00:10:48 → 00:10:50 ครั้งแรกจำได้ที่ว่าผมผมเข้าแอดมิโรง
00:10:50 → 00:10:53 พยาบาลครั้งแรกเนี่ยเราเราอยู่ห้องเดียว
00:10:53 → 00:10:56 แล้วโรงพยาบาลถามว่ามันดีมั้ยมันดีนะ
00:10:56 → 00:11:00 พยาบาลดีหมอดีทุกอย่างดีหมดแต่ว่าเราแค่
00:11:00 → 00:11:01 รู้สึกเหมือนว่ามันไม่ได้เป็นที่ของเรา
00:11:01 → 00:11:03 เราเลยไม่ออกจากห้องนอนเราเลยเราจะอยู่
00:11:03 → 00:11:05 แต่ในห้องนอนเราขังตัวเองไว้จะออกก็คือ
00:11:05 → 00:11:09 ตอนเช้าเวลาหมอมาเยี่ยมเฉยๆเอิ่มแล้วก็
00:11:09 → 00:11:12 อยู่ไปได้ประมาณสัปดาห์นึงปึ๊บก็ถือว่า
00:11:12 → 00:11:14 เพราะเราไม่ยอมรับการบำบัติอะไรในโรง
00:11:14 → 00:11:18 พยาบาลก็เลยออกมาพอออกมาเราก็กลับมาสู่ใน
00:11:18 → 00:11:21 สภาวะที่มันมีของมากระตุ้นความรู้สึกของ
00:11:21 → 00:11:24 เราเรื่อยๆหรือการที่สังคมจะบอกว่าเอ้าก็
00:11:24 → 00:11:27 คิดลบก็คิดเองนิก็ไปคิดบวก 4 คิดลบทำไม
00:11:27 → 00:11:29 หรือว่าไอ้เรื่องพวกนี้มันก็เกิดขึ้นได้
00:11:29 → 00:11:31 แหละไปเครียดกับมันทำไมหรือว่าเนี่ยอ้วน
00:11:31 → 00:11:33 ขึ้นแล้วไปออกกำลังกายสิหรือเสียงที่ได้
00:11:33 → 00:11:36 ยินก็เสียงในหัวแกก็หยุดไปได้ยินมันสิไม่
00:11:36 → 00:11:39 ต้องไปคิดถึงมันหรืออะไรแต่เค้าไม่เข้าใจ
00:11:39 → 00:11:42 ความรู้สึกเหล่านี้ในภาวะของการเป็นโรค
00:11:42 → 00:11:45 หรือเป็นการเป็นภาวะที่ว่าอารมณ์ของเรา
00:11:45 → 00:11:48 มันไม่อยู่ในภาวะที่ปกติณเวลานั้นมันเลย
00:11:48 → 00:11:51 เกิดให้ก่อปัญหานี้มันก็เลยทำให้ผมไปถึง
00:11:51 → 00:11:55 ประมาณสักปี 27 ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
00:11:55 → 00:11:57 รอบแรกเพราะเรารู้สึกเหมือนกับว่าสังคม
00:11:57 → 00:11:59 รอบข้างเราไม่เข้าใจละเราเป็นเป็นภาระให้
00:11:59 → 00:12:02 โทนมากกจนเกินไปละเราอยู่ตรงนี้ไม่ได้ละ
00:12:02 → 00:12:05 ก็เลยเหมือนแพลนไว้เลยว่าจะทำอะไรบ้าง
00:12:05 → 00:12:09 แล้วก็ตอนกลางคืนมาก็ทำไปอ่าพ่อแม่ก็เลย
00:12:09 → 00:12:11 รีบเหมือนกับว่าเหมือนผมก็ส่งเมเจไปด้วย
00:12:11 → 00:12:13 แหละประมาณเป็นการเหมือนอลายอย่างเงี้ย
00:12:13 → 00:12:15 ครับพ่อแม่ก็เลยรีบบุกเข้ามาในห้องแล้วก็
00:12:15 → 00:12:17 รีบพาไปโรง
00:12:17 → 00:12:23 พยาบาลตอนนั้นผมกินกินพาราไปเกือบประมาณ
00:12:23 → 00:12:26 ขวดนึงหรือครึ่งขวดถึงขวดนึงนะครับแล้วก็
00:12:26 → 00:12:29 เป็นการเ่อจริงๆแล้วก็ยังอาจจะมีแก็คือ
00:12:29 → 00:12:31 เป็นการตัดตัดข้อมือตัวเองให้ลึกที่สุด
00:12:31 → 00:12:34 เ่าที่จะได้อ่ะครับก็เลยเป็นการต้องโดน
00:12:34 → 00:12:38 ล้างท้องเข้า iccu แล้วก็ไปเ่าเย็บแผล
00:12:38 → 00:12:41 แล้วก็พอออกจากโรงพยาบาลก็โดนส่งเข้าโรง
00:12:41 → 00:12:43 พยาบาลจิตเวชอีกรอบนึงก็คือไปอยู่ในแขก
00:12:43 → 00:12:47 ของแพทย์ที่นั่นแต่ครั้งนี้เราก็เลยพร้อม
00:12:47 → 00:12:49 เปิดรับมากขึ้นเพราะว่าเราเหนื่อยกับการ
00:12:50 → 00:12:52 ที่จะต้องอยู่สภาวะการขึ้นลงขึ้นลงอย่าง
00:12:52 → 00:12:54 นี้แล้วอ่ะครับก็เลยอย่างเช่นขึ้นลงอยู่
00:12:54 → 00:13:00 กี่ปีฮะตั้งแต่ปี 2015 ยันปี 201 8 3
00:13:00 → 00:13:04 ปีเต็มๆเขออกโรงพยาบาลทำร้ายใช่มีความคิด
00:13:04 → 00:13:07 ลบใช่แล้วทุกครั้งที่ออกมาก็อยู่บ้านหรือ
00:13:07 → 00:13:10 กลับไปทำงานทั้ง 2 อย่างเลยทอยู่บ้านแล้ว
00:13:10 → 00:13:13 กลับไปทำงานด้วยแล้วก็บางวันถ้าเข้าไปที่
00:13:13 → 00:13:15 ทำงานไม่ไหวก็จะไปหาร้านกาแฟข้างนอกนั่ง
00:13:15 → 00:13:19 ทำงานไปอ่ะครับคือเหมือนกับว่าพยายาม
00:13:19 → 00:13:21 พยายามเอาตัวเองหาที่ที่ตัวเองรู้สึกสบาย
00:13:21 → 00:13:24 ใจแล้วไปนั่งทำงานที่นั่นอแต่ก็รู้ว่าที่
00:13:24 → 00:13:27 บ้านบางครั้งจะอาจจะเป็นห่วงเราเพราะว่า
00:13:27 → 00:13:29 ผมไม่อยากกลับบ้านเพราะทุกั้งครั้งที่
00:13:29 → 00:13:31 กลับบ้านปึ๊บอ่ะเราจะรู้สึกว่าเสียงมันจะ
00:13:31 → 00:13:34 ดังขึ้นเราจะได้เห็นภาพมากขึ้นเราก็เลยจะ
00:13:34 → 00:13:37 พยายามอยู่ข้างนอกให้นานที่สุดเท่าที่จะ
00:13:37 → 00:13:41 นานได้แล้วก็ค่อยกลับบ้านแล้วพอผมมีปัญหา
00:13:41 → 00:13:43 เรื่องของอ่า anxiety กับ Panic ด้วย
00:13:43 → 00:13:45 เนี่ยเขาก็เลยจะยิ่งกลัวบางครั้งเวลาเรา
00:13:45 → 00:13:47 ขับรถเพราะช่วงนั้นจำได้เลยว่าบางครั้ง
00:13:47 → 00:13:49 เราเหมือนตัวใจไม่อยู่กับตัวปุ๊บบางครั้ง
00:13:49 → 00:13:52 ก็มีรถชนบ้างมีอะไรบ้างหรือบางครั้งขับรถ
00:13:52 → 00:13:54 อยู่ดีๆก็จะต้องจอดรถเพราะว่าเราเริ่มมี
00:13:54 → 00:13:57 anxiety attack ละเราเริ่มแบบใจสั่น
00:13:57 → 00:13:59 อะไรสั่นทำทำตัวไม่ถูกครับขับรถไม่ได้
00:13:59 → 00:14:02 แล้วอย่างเงี้ยครับเคยมีครั้งนึงก็ไปจอด
00:14:02 → 00:14:05 บนทางด่วนจนกระทั่งที่ว่าพวกรปพของทาง
00:14:05 → 00:14:07 ด่วนอะไรอย่างเงี้ยเขาจะต้องเป็นคนที่แบบ
00:14:07 → 00:14:10 ขับรถลงมาข้างล่างให้แล้วให้เพื่อนมารับา
00:14:10 → 00:14:14 กับอย่างงี้เพราะว่าเราไม่สาเราแบบฟรีซ
00:14:14 → 00:14:16 แล้วตอนนั้นคือไม่สามารถทำอะไรได้ครับ 3
00:14:16 → 00:14:20 ปีเต็มๆใช่จุดเปลี่ยนตอนนั้นคือเราฮิต
00:14:20 → 00:14:22 Rock Bottom แล้วใช่มย Rock Bottom
00:14:22 → 00:14:24 นี่เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า Rock Bottom
00:14:24 → 00:14:27 ภาษาไทยคือจุดต่ำสุดของชีวิตตุดใช่ของเรา
00:14:27 → 00:14:31 คืออะไรฮะผมว่านี่แหละจุดที่เราเรารู้สึก
00:14:31 → 00:14:34 ว่าเราเราไม่เราเป็นภาระให้ทุกคนไปหมด
00:14:34 → 00:14:36 แล้วแล้วตอนที่เราทำร้ายตัวเองจริงจเรา
00:14:36 → 00:14:39 อยู่ใช่แล้วเราอยู่ไปเราก็ไม่มีค่าจน
00:14:39 → 00:14:43 กระทั่งที่ว่าผมเชื่อว่าการกระทำของผม
00:14:43 → 00:14:45 หรือว่าสิ่งที่ผมเป็นณเวลานั้นน่ะมันก็
00:14:45 → 00:14:48 พักหลายคนออกจากชีวิตเราไปด้วยเพราะว่า
00:14:48 → 00:14:50 เขาก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยกับการที่จะต้อง
00:14:50 → 00:14:54 มาคอยดูแลเราหรือว่าคอยเข้าใจเราในสิ่ง
00:14:54 → 00:14:57 ที่บางครั้งเขาอาจจะไม่เข้าใจว่ามันเกิด
00:14:57 → 00:15:01 อะไรขึ้นเลยทำให้ปี 2018 ก็เป็นอีกปีนึง
00:15:01 → 00:15:04 ที่เราเหมือนไปต่อไม่ไหวแล้วจริงๆเพราะ
00:15:04 → 00:15:07 ว่าบางครั้งก็อยู่กับเพื่อนดีๆปุ๊บก็จะ
00:15:07 → 00:15:08 ต้องเดินหนีออกไปแล้วมานั่งร้องไห้อยู่
00:15:09 → 00:15:11 ตัวเองนั่งร้องไห้อยู่บางครั้งก็ใต้ BTS
00:15:11 → 00:15:13 นั่งร้องให้อยู่คนเดียวอย่างเงี้ยจนเราทำ
00:15:13 → 00:15:18 ตัวไม่ไหวทำอะไรไม่ถูกเลยเลยปี 2018 ผม
00:15:18 → 00:15:20 เริ่มโพสต์บน Facebook ค่อนข้างแรงเกี่ยว
00:15:20 → 00:15:22 กับความรู้สึกตัวเองจน Facebook จริงๆ
00:15:22 → 00:15:25 แล้วก็ส่งโนติมาว่าเฮ้ยถ้าคิดอยากจะทำ
00:15:25 → 00:15:27 อะไรให้ติดต่อหมายเลขนี้ไปก่อนแล้วก็มี
00:15:27 → 00:15:31 เพื่อนเเจมาด้วยเหมือนกันก็เลยช่วงถ้าผม
00:15:31 → 00:15:35 จำไม่ผิดช่วงเมษายนของปี 2018 ผมไม่ไหว
00:15:35 → 00:15:37 แล้วจริงๆผมก็เลยโทรไปที่เหมือนเป็น
00:15:37 → 00:15:39 เหมือนซูซ Hot L ในประเทศไทยอ่ะครับที่
00:15:39 → 00:15:42 นึงแล้วก็มันไม่ได้มีการรับสายคือเขาไม่
00:15:43 → 00:15:45 ได้รับสายผมพอเขไม่รับสายผมปุ๊บผมก็เลย
00:15:46 → 00:15:48 วางสายแล้วก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองอีกรอบ
00:15:48 → 00:15:51 นึงเพราะเราไปต่อไม่ไหวรอบ 2 รอบ 2 เรา
00:15:51 → 00:15:53 เราทนไม่ไหวแล้วจริงๆเราไปต่อไม่ไหวแล้ว
00:15:53 → 00:15:56 จริงๆเราอะไรต่อไม่ไหวแล้วจริงๆก็เป็นคุณ
00:15:56 → 00:15:59 พ่อที่มาเหมือนเดิมแล้วก็รีบพาเรากลับไป
00:15:59 → 00:16:01 โรงพยาบาลรอบ 2 นี่ทำอะไรอ่ะเหมือนเดิม
00:16:01 → 00:16:04 เลยครับแต่คนละฝั่งใช่มแล้วก็อันนี้อยู่
00:16:04 → 00:16:07 ในบ้านหรือนอกบ้านอยู่ในบ้านพูดง่ายๆก็
00:16:07 → 00:16:10 คือว่าช่วงนั้นตอนนี้ผมอยู่ในบ้านหะผมจะ
00:16:10 → 00:16:15 มีของแหลมคมแอบไว้อยู่ทุกซอกทุกมุมอืแล้ว
00:16:15 → 00:16:18 ถ้าใครเอาไปแอบที่อื่นผมก็จะมีมา
00:16:18 → 00:16:21 replenish มันเรื่อยๆเพราะว่ามันเป็น
00:16:21 → 00:16:24 สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจที่สุดณเวลา
00:16:24 → 00:16:28 นั้นการมีของพวกนี้ทำให้เรารู้สึกสบายใจ
00:16:28 → 00:16:31 เหรอใช่ทำไมอ่ะเพราะว่าบางครั้งเราเหมือน
00:16:31 → 00:16:34 เราต้องการไอ้ไอ้การที่ทำอย่างงั้นน่ะ
00:16:34 → 00:16:36 เพราะบางครั้งแบบที่บอกเราเราชาทั้งทาง
00:16:36 → 00:16:38 ด้านอารมณ์ทั้งด้านความรู้สึกทั้งด้านกาย
00:16:38 → 00:16:40 ทุกอย่างไปหมดแล้วแล้วบางครั้งเราต้องการ
00:16:40 → 00:16:43 ความรู้สึกอะไรสักอย่างหรือบางครั้งมันก็
00:16:43 → 00:16:46 เป็นการทำโทษตัวเองเป็นการทำโทษตัวเองที่
00:16:46 → 00:16:48 ว่าเราทำอย่างงั้นไปได้ยังไงเราพูดอย่าง
00:16:48 → 00:16:50 งั้นไปได้ยังไงเราทำอย่างงี้ได้ไทำไมถึง
00:16:50 → 00:16:51 เราต้องรู้สึกอย่างนี้อยู่แล้วเราก็ต้อง
00:16:51 → 00:16:54 ทำร้ายตัวเองทำโทษตัวเองประมาณนั้นหรือ
00:16:54 → 00:16:56 บางครั้งเสียงมันก็จะแรงมากเพื่อที่จะให้
00:16:56 → 00:16:59 หยึดยั้งไอ้เสียงนั้นที่มันมาให้ได้อ่ะเ
00:16:59 → 00:17:01 เราก็จะเอาเอาเบ่งความรู้สึกของเราให้มัน
00:17:02 → 00:17:04 ไปอยู่ที่อื่นแทนที่ว่าให้มันไปอยู่กับ
00:17:04 → 00:17:05 เสียงให้มันมาอยู่ที่ข้อมือของเราแทนแบบ
00:17:06 → 00:17:08 เี้ยครับมันก็เลยเป็นสิ่งที่เหมือนกับว่า
00:17:08 → 00:17:12 ทำให้เรารู้สึกสบายใจมากที่สุดณเวลานั้น
00:17:12 → 00:17:15 แล้วเราก็เลยจะมีมันอยู่เกือบทุกที่ที่
00:17:15 → 00:17:17 เราต้องไปอย่างเงี้ยครับ
00:17:17 → 00:17:23 ใช่คุณผมว่าคุณบรรยายความรู้สึกได้ค่อน
00:17:23 → 00:17:26 ข้างละเอียดมากนะทำให้ผมนึกถึงหนังสือ
00:17:26 → 00:17:30 เล่มนึงประมาณ 15 ปีที่แล้ว่ะผมเคยอ่าน My
00:17:30 → 00:17:32 Stroke insight มั้งหรืออะไร Something
00:17:32 → 00:17:35 เขียนโดยหมอที่เป็น
00:17:35 → 00:17:38 neurologist ต่อมารู้ว่าเ้าไปออกเทส Talk
00:17:38 → 00:17:40 ด้วยแต่สมัยนู้นเขาเขียนหนังสือเาเป็นหมอ
00:17:40 → 00:17:43 นิโรแล้วเขาเขียนอาการที่เขาเป็น Stroke
00:17:43 → 00:17:46 ค่อนข้างละเอียดค่อนข้างเห็นภาพเลยอ่ะอื
00:17:46 → 00:17:50 เคยคิดจะเขียนหนังสือมยครับไม่อาจจะยัง
00:17:50 → 00:17:53 ไม่เคยคิดจะเขียนหนังสือเพราะเราเรารู้
00:17:53 → 00:17:56 สึกว่าจริงๆแล้วอ่ะเรา
00:17:56 → 00:18:01 เราปี 2018 ผมเลยเริ่มอัดเป็นเหมือนวดีโอ
00:18:01 → 00:18:04 ของตัวเองเป็นการเล่าเรื่องจริงๆแล้วทำ
00:18:04 → 00:18:07 ตั้งแต่ปี 2017 แล้วแต่ปี 2017 อ่ะผมทำ
00:18:07 → 00:18:09 เป็นภาษาอังกฤษแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้มี
00:18:09 → 00:18:12 Impact อะไรปี 2018 เลยตัดสินใจว่าต้อง
00:18:12 → 00:18:14 เป็นภาษาไทยแล้วซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่
00:18:14 → 00:18:17 พร้อมสุขภาพจิตเรายังไม่กลับมาใช่มยังไม่
00:18:17 → 00:18:20 กลับมาแต่เราเรารู้สึกว่าถึงแม้มันยังไม่
00:18:20 → 00:18:23 กลับมาเนี่ยแต่คนต้องพยายามทำความเข้าใจ
00:18:23 → 00:18:26 กับปัญหาสุขภาพจิตแสดงว่าณตอนนั้นมัน
00:18:26 → 00:18:29 เริ่มมีอีกเสียงนึงเริ่มขึ้นมาแล้วใช่
00:18:29 → 00:18:31 ครับปี 2017 อ่ะผมเลยตั้ง Facebook เพจ
00:18:31 → 00:18:33 ที่ชื่อว่า mental Health Thailand ใช่
00:18:33 → 00:18:37 ๆแล้วก็อัดทุกอย่างให้มันเป็นภาษาอังกฤษ
00:18:37 → 00:18:39 เพราะว่าผมเองช่วงนั้นอาจจะว่าแบบถนัดการ
00:18:39 → 00:18:41 ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าไม่ได้รู้ศัพท์อะไร
00:18:41 → 00:18:45 ในภาษาไทยมากขนาดนั้นแล้วก็เราก็อัดไปได้
00:18:45 → 00:18:47 สักพักนึงแต่เราก็รู้สึกเหนื่อยกับการที่
00:18:47 → 00:18:50 จะต้องมานั่งอัดมันแล้วก็กันเล่าเรื่อง
00:18:50 → 00:18:53 ของตัวเองอะไรรู้สึกเหนื่อยก็เลยหยุดไปอ
00:18:53 → 00:18:55 แต่ปี 2018 หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล
00:18:56 → 00:18:59 มารอบนี้อครับเรารู้สึกว่าการเล่าเรื่อง
00:18:59 → 00:19:01 ตัวเองมันอาจจะไม่เพียงพอเพราะว่าผมก็เลย
00:19:01 → 00:19:05 เริ่มไปศึกษาปัญหาที่มันเกิดขึ้นมากขึ้น
00:19:05 → 00:19:09 ทั้งในและนอกประเทศแล้วศึกษาว่าตอนที่เรา
00:19:09 → 00:19:12 โทรไปทำไมถึงไม่มีคนรับสายเราแล้วศึกษาดู
00:19:12 → 00:19:15 ว่าปัญหาในประเทศไทยเนี่ยมันมีปัญหาทาง
00:19:15 → 00:19:17 ด้านไหนบ้างแล้วพยายามไปหา Data มาลอง
00:19:17 → 00:19:19 เสิร์ชดูซิว่า Data เนี่ยมันมียังไงบ้าง
00:19:19 → 00:19:22 ผมก็เลยเจอ Gap ที่มันมีอยู่ในประเทศไทย
00:19:22 → 00:19:24 เราอ่ะค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:19:24 → 00:19:27 ปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นตราบาปปัญหาของ
00:19:27 → 00:19:31 จำนวนจิตแพทย์ที่มีจำนวนนักจิตวิทยาที่มี
00:19:31 → 00:19:34 การเข้าถึงระบบราคาที่คนจะต้องจ่ายในการ
00:19:34 → 00:19:36 เข้าสู่กระบวนการรักษาแล้วการรักษาสุขภาพ
00:19:36 → 00:19:38 จิตมันไม่ได้เป็นว่าแบบไปหาหมอครั้งเดียว
00:19:38 → 00:19:41 จบบางครั้งมันเป็นปีของผมไปหาหมอ 5 ปี
00:19:41 → 00:19:43 กว่าที่ว่าหมอจะบอกว่าไม่ต้องมาแล้วเป็น
00:19:43 → 00:19:46 ต้นอย่างเงี้ยครับเราก็เลยพยายามรู้สึก
00:19:46 → 00:19:51 ว่าแล้วเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ยังไง