00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:22 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:22 → 00:00:27 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:27 → 00:00:29 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:29 → 00:00:33 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:33 → 00:00:38 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:38 → 00:00:40 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:40 → 00:00:44 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:44 → 00:00:47 [เสียงดนตรี]
00:00:47 → 00:00:51 สำหรับโรคกระเพาะเป็นโรคยอดฮิต ของคนเมืองในปัจจุบันนี้เลยทีเดียว
00:00:51 → 00:00:54 หลาย ๆ คนก็บอกว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ
00:00:54 → 00:00:57 หลาย ๆ คนก็รู้สึกว่า เอ๊ะ ฉันน่าจะเป็นนะคะ
00:00:57 → 00:00:59 จริง ๆ โรคกระเพาะนี่ บางคนก็เป็นอยู่นานแล้ว
00:00:59 → 00:01:00 หรือว่าบางคนก็อาจจะบอกว่า
00:01:01 → 00:01:03 เฮ้ย มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น่ะ ไม่ต้องไปหาหมอหรอก
00:01:03 → 00:01:04 เดี๋ยวไปซื้อยากินเองก็ได้
00:01:04 → 00:01:06 โรคกระเพาะเป็นเรื่องเล็กจริงหรือเปล่า
00:01:06 → 00:01:11 วันนี้เราจะมาคุยกันว่า โรคกระเพาะมันคืออะไร
00:01:11 → 00:01:13 แล้วมันเป็นโรคเล็ก ๆ จริงไหม
00:01:13 → 00:01:15 มันไม่เกิดอันตรายอะไรเลยหรือ
00:01:16 → 00:01:21 หรือว่าโรคกระเพาะสามารถจะนำไปสู่ โรคใหญ่ ๆ หลาย ๆ อย่างที่น่าอันตรายได้
00:01:21 → 00:01:24 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีคนถามว่า โรคกระเพาะจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งไหม
00:01:24 → 00:01:28 หรือโรคกระเพาะนี่ จะทำให้เราถึงกับชีวิตได้หรือเปล่า
00:01:28 → 00:01:31 วันนี้เราจะมาคุยกัน ว่าด้วยเรื่องของโรคกระเพาะ
00:01:31 → 00:01:33 ว่าเป็นโรคเล็ก ๆ จริงหรือเปล่า
00:01:33 → 00:01:37 แล้วมาดูกันว่าโรคกระเพาะนี่ มันมีอาการเป็นอย่างไร
00:01:37 → 00:01:39 มีภาวะแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า
00:01:39 → 00:01:42 จะเปลี่ยนไปเป็นโรคอื่น ที่มันมีอันตรายถึงชีวิตไหม
00:01:42 → 00:01:45 มีการปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรม
00:01:45 → 00:01:49 การเลือกอาหารอย่างไรเพื่อจะให้เหมาะสม กับคนที่เป็นโรคกระเพาะ
00:01:49 → 00:01:51 และทำให้อาการของโรคดีขึ้นค่ะ
00:01:51 → 00:01:57 [เสียงดนตรี]
00:01:57 → 00:02:00 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของอาหาร
00:02:00 → 00:02:04 ที่ผู้ป่วยโรคกระเพาะควรจะกิน และควรจะหลีกเลี่ยง
00:02:04 → 00:02:07 ตอนแรกเราก็คงจะต้องมาคุยกันก่อน ในเรื่องของโรคกระเพาะ
00:02:07 → 00:02:08 ถามว่าโรคกระเพาะเจอบ่อยไหม
00:02:08 → 00:02:10 หลาย ๆ คนก็บอกว่า เป็น
00:02:10 → 00:02:11 ถามว่าโรคกระเพาะคืออะไร
00:02:11 → 00:02:17 จริง ๆ นี่อาการทั้งหมด มันก็จะเกิดขึ้นที่กระเพาะอาหาร
00:02:17 → 00:02:18 กระเพาะอาหารเราจะเป็นเหมือนถุงค่ะ
00:02:18 → 00:02:21 จะมีหูรูดด้านบนที่ต่อกับหลอดอาหาร
00:02:21 → 00:02:24 แล้วก็หูรูดด้านล่าง ซึ่งต่อกับลำไส้เล็กส่วนต้น
00:02:24 → 00:02:29 เอาง่าย ๆ เลยก็คือ กระเพาะมีหน้าที่ของ การรับอาหารและเก็บเอาไว้
00:02:29 → 00:02:32 เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่เวลาที่เราพูดกัน ในเรื่องของโรคกระเพาะ
00:02:32 → 00:02:35 ก็คือมันมีการอักเสบนะคะ
00:02:35 → 00:02:36 หรือจะเป็นแผลก็ได้
00:02:36 → 00:02:40 ของบริเวณกระเพาะอาหาร แล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น
00:02:40 → 00:02:43 เวลาที่มันเกิดแผลขึ้นมานี่ มันก็จะทำให้มีอาการ
00:02:43 → 00:02:46 ก็หลังจากนั้นนี่ แผลก็อาจจะหายเองก็ได้ค่ะ
00:02:46 → 00:02:48 หรือว่าอาจจะต้องการการรักษา
00:02:48 → 00:02:52 ทีนี้บางคนก็อาจจะมีการอักเสบเรื้อรัง
00:02:52 → 00:02:56 ถ้าไม่รักษา ก็อาจจะมีเรื่องของ ภาวะแทรกซ้อนอะไรตามมาได้
00:02:56 → 00:02:58 ถามว่าหายขาดไหม
00:02:58 → 00:03:02 จริง ๆ แล้วถ้าได้รับการรักษานี่ เรื่องของกระเพาะอาหารก็จะหายขาดได้ค่ะ
00:03:02 → 00:03:05 แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ได้รับการรักษาที่ดีนะคะ
00:03:05 → 00:03:07 หรือว่าปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง
00:03:07 → 00:03:09 ก็จะทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรัง
00:03:09 → 00:03:12 หรือว่ามีการปวดหรือเจ็บป่วยเรื้อรังได้
00:03:12 → 00:03:15 ทีนี้เวลาที่มันมีปัญหาขึ้นมา
00:03:15 → 00:03:16 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ
00:03:16 → 00:03:19 กระเพาะมันทำงานไม่ได้ใช่ไหมคะ มีอืด แน่นท้องได้
00:03:19 → 00:03:21 อาจจะมีปวดท้องได้
00:03:21 → 00:03:24 โดยเฉพาะส่วนใหญ่มักจะสัมพันธ์กับการกิน เช่น
00:03:24 → 00:03:27 พอกินอาหารเข้าไปแล้ว มีอาการปวดนะคะ
00:03:27 → 00:03:31 อาจจะมีอาการแสบร้อนได้ เพราะว่ากระเพาะสร้างกรด
00:03:31 → 00:03:34 แล้วถ้าสมมุติว่า มันทำให้เกิดการอักเสบหรือมีแผล
00:03:34 → 00:03:36 ก็จะทำให้เลือดออกได้
00:03:36 → 00:03:39 เวลาที่เลือดออก ถ้าไหลลงไปข้างล่าง
00:03:39 → 00:03:43 มันก็จะทำให้มีการถ่ายเป็นเลือด หรือว่าถ่ายเป็นสีดำได้
00:03:43 → 00:03:45 ทำไมถึงเป็นสีดำ
00:03:45 → 00:03:51 เพราะว่าเลือดที่ออกนี่ มันไหล กว่าจะไปจนถึงลำไส้ใหญ่หรือว่าถ่ายออกมานี่
00:03:51 → 00:03:53 มันก็อาจจะโดนกรด โดนน้ำย่อย
00:03:53 → 00:03:54 แล้วก็เลยทำให้กลายเป็นสีดำ
00:03:54 → 00:03:56 แต่ถ้าเลือดมันออกมาสด ๆ เลยนี่
00:03:56 → 00:03:58 มีได้ 2 อย่างค่ะ
00:03:58 → 00:04:02 มันควรจะออกจากลำไส้ใหญ่ หรือลำไส้เล็กก็ได้
00:04:02 → 00:04:03 แต่ว่าเลือดมันต้องออกปริมาณมาก
00:04:03 → 00:04:05 แล้วทำให้มันไหลอย่างรวดเร็ว
00:04:05 → 00:04:08 จนกระทั่งกลายเป็นสีออก เป็นสีแดง ๆ ได้ค่ะ
00:04:08 → 00:04:11 สำหรับสาเหตุของการที่จะทำให้เกิด โรคกระเพาะอาหาร
00:04:11 → 00:04:14 ซึ่งในที่นี้เราจะหมายถึง พวกกระเพาะอักเสบนะคะ
00:04:14 → 00:04:15 สาเหตุของโรคกระเพาะนะคะ
00:04:15 → 00:04:19 อันแรกเลยก็จะเป็นเรื่องของ การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง
00:04:19 → 00:04:23 ซึ่งมีชื่อเพราะ ๆ ว่า เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโรไล
00:04:23 → 00:04:25 หรือว่าบางคนจะเรียกว่าเป็น เอช ไพโรไล
00:04:26 → 00:04:30 แบคทีเรียนี่ทำไมมันยังอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่กระเพาะเรามีกรดอยู่
00:04:30 → 00:04:32 ซึ่งความเป็นกรดเยอะ ๆ อันนี้ค่ะ
00:04:32 → 00:04:35 มันไม่ควรที่จะมีแบคทีเรียอะไรเจริญเติบโตได้
00:04:35 → 00:04:38 แต่แบคทีเรียชนิดนี้ เป็นแบคทีเรียที่ทนกรดได้
00:04:38 → 00:04:40 แล้วการที่มันอยู่ตรงนั้น
00:04:40 → 00:04:43 มันทำให้เกิดการอักเสบขึ้นที่บริเวณ เยื่อบุกระเพาะอาหาร
00:04:44 → 00:04:45 แล้วทำให้เกิดอาการได้
00:04:45 → 00:04:49 ถ้าเราไม่กำจัดเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ออกไป
00:04:49 → 00:04:52 มันอาจจะทำให้เกิดอาการของโรคกระเพาะเรื้อรัง
00:04:52 → 00:04:55 เป็น ๆ หาย ๆ อยู่นั่นได้นะคะ
00:04:55 → 00:04:57 เพราะฉะนั้น อันนี้ก็เป็นสาเหตุหลักอันหนึ่งเลย
00:04:57 → 00:05:00 ที่จะเจอว่า ทำให้เกิดเรื่องของโรคกระเพาะอาหาร
00:05:00 → 00:05:02 แล้วแบคทีเรียชนิดนี้มันมาจากไหน
00:05:02 → 00:05:05 มันก็อาจจะมีการปนเปื้อนมากับ ในเรื่องของอาหาร
00:05:05 → 00:05:07 แล้วก็น้ำดื่มที่เรากินเข้าไปนะคะ
00:05:07 → 00:05:11 เพราะฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็นอันหนึ่งที่ คุณหมอส่วนใหญ่จะมีการตรวจหา
00:05:11 → 00:05:14 ถ้าสมมุติว่าคนไข้มีอาการของโรคกระเพาะ
00:05:14 → 00:05:17 หรือว่าส่องกล้องเข้าไปแล้ว เจอแผลในกระเพาะ
00:05:17 → 00:05:19 เดี๋ยวเราจะไปคุยในรายละเอียดกันอีกทีหนึ่ง
00:05:19 → 00:05:23 อันที่ 2 ก็จะเป็นเรื่องของ การที่มีกรดในกระเพาะมากจนเกินไป
00:05:23 → 00:05:27 อันที่หนึ่ง อาจจะเป็นตัวโรคจริง ๆ นะคะ
00:05:28 → 00:05:31 ซึ่งจะมีการสร้างกรดมากเกินไปนะคะ
00:05:31 → 00:05:35 ในส่วนของปัจจัยภายนอก ที่ทำให้มีการสร้างกรดเยอะ ๆ
00:05:35 → 00:05:37 ก็อย่างเช่นว่า ความเครียด
00:05:37 → 00:05:40 อันนี้ก็พยายามลดความเครียดลงหน่อยนะคะ
00:05:40 → 00:05:42 พวกชา กาแฟ แอลกอฮอล์ทั้งหลาย
00:05:42 → 00:05:45 พวกนี้ก็จะทำให้มีการสร้างกรดมากขึ้นนะคะ
00:05:45 → 00:05:49 การสูบบุหรี่ หรือแม้กระทั่ง การรับประทานอาหารที่ไม่เป็นเวลา
00:05:49 → 00:05:52 เพราะว่าเวลาที่เรากินอาหารนี่ ร่างกายเราก็จะจำเอาไว้
00:05:52 → 00:05:55 พอถึงเวลาที่เราควรจะกินแล้ว กรดก็จะเริ่มสร้างแล้ว
00:05:55 → 00:05:58 ทีนี้ถ้าสมมุติว่ากินไม่เป็นเวลาเลย
00:05:58 → 00:06:00 หรือว่าห่างมื้ออาหารจนเกินไป
00:06:00 → 00:06:02 บางทีช่วงเวลานั้น มันมีการสร้างกรดแล้ว
00:06:02 → 00:06:07 ก็อาจจะทำให้มีอาการปวดแสบ หรือว่ามีอาการเรื่องของแน่นท้องได้
00:06:07 → 00:06:12 อันที่ 3 ก็จะเป็นเรื่องของการที่เยื่อบุผิว หรือว่าเยื่อบุกระเพาะนี่
00:06:12 → 00:06:15 มันมีการบาดเจ็บ มีการทำลายไปนะคะ
00:06:15 → 00:06:17 อันนี้ก็อาจจะเป็นจากยาค่ะ
00:06:17 → 00:06:20 หรือว่าอาจจะเป็นจากเรื่องของสารเคมีบางอย่าง
00:06:20 → 00:06:22 ยกตัวอย่างเช่น คนบางคนอาจจะกินอะไรบางอย่าง
00:06:22 → 00:06:25 ที่ทำให้มีฤทธิ์ในแง่ของการกัดกร่อน
00:06:25 → 00:06:27 แล้วทำให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุ
00:06:28 → 00:06:32 อันที่ 2 ก็จะเป็นกลุ่มที่ใช้ยา ยกตัวอย่างเช่น
00:06:32 → 00:06:37 ยาที่มีฤทธิ์ในแง่ของการที่จะทำให้เกิด การระคายเคืองที่กระเพาะอาหาร
00:06:37 → 00:06:39 ซึ่งยากลุ่มนี้นี่ เวลาที่เราจะได้ยินบ่อย ๆ
00:06:39 → 00:06:43 เขาก็จะบอกว่าให้เรากินหลังอาหารทันที กินน้ำตามเยอะ ๆ
00:06:43 → 00:06:44 เพราะว่าด้วยฤทธิ์ของยาเองนี่
00:06:44 → 00:06:48 จะมีคุณสมบัติที่อาจจะไประคายเคือง เรื่องของกระเพาะอาหารได้
00:06:48 → 00:06:51 แล้วก็กลุ่มของอาหารบางอย่าง ที่เป็นอาหารรสจัด
00:06:51 → 00:06:53 มีความเผ็ดจัด อะไรอย่างนี้ค่ะ
00:06:53 → 00:06:57 ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องของการระคายเคือง ของเยื่อบุกระเพาะอาหารได้
00:06:57 → 00:06:59 โดยหลัก ๆ ก็จะเป็น 3 อย่างนี้
00:06:59 → 00:07:02 ที่จะอยู่รวมกัน แล้วทำให้เกิดปัญหา
00:07:02 → 00:07:05 หรือว่าทำให้เกิดเรื่องของกระเพาะอาหารอักเสบ
00:07:05 → 00:07:06 หรือว่าเป็นแผลได้ค่ะ
00:07:06 → 00:07:12 [เสียงดนตรี]
00:07:12 → 00:07:17 ถัดมาเราก็จะมาดูว่า ภาวะแทรกซ้อน ที่จะเกิดขึ้นจากกระเพาะอาหารคืออะไร
00:07:17 → 00:07:19 เอาง่าย ๆ เลย เขามีการอักเสบใช่ไหมคะ
00:07:19 → 00:07:21 ถ้าอักเสบ มันเป็นแผล
00:07:21 → 00:07:23 แล้วแผลมันเป็นมากขึ้นนี่
00:07:23 → 00:07:24 มันก็จะทำให้เกิดเลือดออก
00:07:24 → 00:07:25 พอเลือดออกเสร็จแล้วนี่
00:07:25 → 00:07:28 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ อาจจะมีอาเจียนเป็นเลือดก็ได้
00:07:28 → 00:07:32 หรือว่าจะมีถ่ายออกมาเป็นสีดำ หรือว่าถ่ายเป็นเลือดได้
00:07:32 → 00:07:34 ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นแผลในกระเพาะนี่
00:07:34 → 00:07:36 มักจะถ่ายออกมาเป็นสีดำค่ะ
00:07:36 → 00:07:38 เพราะว่าเลือดมันจะออกน้อย ๆ
00:07:38 → 00:07:42 กว่าที่เลือดจะออกไปจนกระทั่งถึงลำไส้ใหญ่ แล้วถ่ายออกมานี่
00:07:42 → 00:07:46 อันนี้ก็จะทำให้มีลักษณะที่เป็นสีดำ ไปเรียบร้อยแล้ว
00:07:46 → 00:07:48 แต่ถ้าเกิดออกมาเป็นสีแดงนี่
00:07:48 → 00:07:52 ส่วนใหญ่ต้องบอกว่าแผลหรือร่องรอย มันน่าจะเกิดที่ลำไส้ใหญ่
00:07:52 → 00:07:57 แต่ถ้ามันจะเกิดที่กระเพาะ แสดงว่าเลือดมันต้องออกเยอะมาก
00:07:57 → 00:07:59 นอกเหนือจากการถ่ายดำ
00:07:59 → 00:08:00 เราเสียเลือดไปเรื่อย ๆ
00:08:00 → 00:08:03 ภาวะแทรกซ้อนอันหนึ่ง ของคนที่มีแผลในกระเพาะ
00:08:03 → 00:08:05 ก็คืออาจจะทำให้ซีดได้
00:08:05 → 00:08:08 อันที่ 2 เวลาที่มันเป็นแผลอยู่เรื้อรังนี่
00:08:08 → 00:08:12 ถามว่าแผลอันนี้ มันจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งได้ไหม
00:08:12 → 00:08:14 ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ที่เราเจอก็คือ
00:08:14 → 00:08:15 มันเป็นมะเร็ง
00:08:16 → 00:08:19 แล้วมะเร็งอันนั้นทำให้เกิดแผล แล้วทำให้เกิดเลือดออก
00:08:19 → 00:08:23 โดยทั่วไป แผลที่เกิดขึ้นของกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นโรคกระเพาะนะคะ
00:08:23 → 00:08:24 มักจะหายได้
00:08:24 → 00:08:27 แต่ว่าถ้าสมมุติว่ามันเป็นซ้ำ ๆ
00:08:27 → 00:08:29 แล้วมานึกถึงว่าเป็นแผลเป็น
00:08:29 → 00:08:30 เป็นแล้วเป็นอีก เป็นแล้วเป็นอีก
00:08:31 → 00:08:35 หรือว่ามันเป็นในตำแหน่งที่ทางออกของลำไส้
00:08:35 → 00:08:37 จากกระเพาะไปเป็นลำไส้เล็ก
00:08:37 → 00:08:39 ซึ่งมันมีช่องทางเล็กนิดเดียว
00:08:39 → 00:08:42 อันนี้มันอาจจะทำให้เกิดลำไส้อุดตันได้
00:08:42 → 00:08:43 เวลาที่ทำให้เกิดลำไส้อุดตันนี่
00:08:43 → 00:08:47 หรือว่ากระเพาะตรงส่วนปลายอุดตัน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:08:47 → 00:08:50 กินอาหารเข้าไปแล้วมันก็จะอืดแน่นท้อง เพราะมันไหลไม่ได้
00:08:50 → 00:08:52 ก็จะมีคลื่นไส้อาเจียนได้
00:08:52 → 00:08:54 มีเรื่องของน้ำหนักลดได้
00:08:54 → 00:08:57 เวลาคลื่นไส้อาเจียน ส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นหลังกินไม่นานค่ะ
00:08:57 → 00:09:00 กินเข้าไปไม่เกินครึ่งชั่วโมง อาเจียนเลยนะคะ
00:09:00 → 00:09:01 แล้วเวลาอาเจียนนี่
00:09:01 → 00:09:06 ก็อาจจะรู้สึกว่ามันมีเหมือนความเป็นกรด เปรี้ยว ๆ เรอเปรี้ยวออกมาอะไรอย่างนี้ได้เลย
00:09:07 → 00:09:08 ส่วนใหญ่พวกนี้จะมีน้ำหนักลดได้ด้วย
00:09:08 → 00:09:11 อีกอันหนึ่ง ถ้าสมมุติว่ามันเป็นแผลเนอะ
00:09:11 → 00:09:12 แผลตอนแรกมีเลือดออก
00:09:12 → 00:09:16 ถ้าแผลมันลึกเข้าไปอีก ทะลุลึกเข้าไป ก็จะทำให้เกิดกระเพาะทะลุ
00:09:17 → 00:09:18 กระเพาะทะลุคราวนี้ค่ะ
00:09:18 → 00:09:21 จะทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบนะคะ
00:09:21 → 00:09:23 อันนี้เป็นภาวะที่ค่อนข้างอันตราย
00:09:23 → 00:09:25 จะปวดท้องอย่างรุนแรงนะคะ
00:09:25 → 00:09:26 อันนี้ก็เจอได้นะคะ
00:09:27 → 00:09:30 ที่จะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เราเจอ สำหรับในกรณีที่เป็นโรคกระเพาะค่ะ
00:09:30 → 00:09:36 [เสียงดนตรี]
00:09:36 → 00:09:40 ถ้าเราจะถามว่ามันมีอาการอะไรหรือ ที่ทำให้เราต้องรีบไปหาหมอแล้ว
00:09:40 → 00:09:42 จากที่เราคิดว่าเราเป็นโรคกระเพาะ
00:09:42 → 00:09:45 บางคนก็บอกฉันเป็นมา 5 ปีแล้ว ฉันเป็นมา 2 ปีแล้ว
00:09:45 → 00:09:46 ฉันยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย
00:09:46 → 00:09:51 กรณีที่เราจะดูว่า อาการอันนี้นะ ควรจะต้องไปเจอคุณหมอแล้ว
00:09:51 → 00:09:52 ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
00:09:53 → 00:09:54 กินยาแล้วมันไม่ดีขึ้น
00:09:54 → 00:09:57 ไม่ดีขึ้นในที่นี้ โดยทั่วไปก็ดูประมาณ 1-2 อาทิตย์
00:09:57 → 00:10:00 เพราะว่าอาการมันจะเป็น ๆ หาย ๆ หลาย ๆ คนก็รู้เวลาที่เป็นกระเพาะ
00:10:00 → 00:10:03 บางทีวันนี้เป็นอยู่วันสองวันแล้วมันก็หายไป อะไรแบบนี้
00:10:04 → 00:10:06 ถ้ามันปวด แล้วต่อเนื่องกันยาวนาน
00:10:06 → 00:10:09 กินยาแล้วก็ไม่ดีขึ้น อันนี้มาพบแพทย์ได้เลยนะคะ
00:10:09 → 00:10:14 อันที่สอง ปกติมันจะสัมพันธ์กับ เรื่องของมื้ออาหาร
00:10:14 → 00:10:17 แต่ถ้าสมมุติว่ากลางคืนเรานอนหลับไปแล้ว
00:10:17 → 00:10:20 แล้วประเภทแบบว่าปวดมาก ต้องลุกขึ้นมาอย่างนี้
00:10:20 → 00:10:21 อันนี้เริ่มไม่โอเคแล้ว
00:10:21 → 00:10:24 สมมุติเรานอนหลับไปแล้ว แล้วอยู่ ๆ เรารู้สึกปวดท้องจังเลย
00:10:24 → 00:10:26 แล้วจนกระทั่งปลุกให้เราตื่นมาอย่างนี้ค่ะ
00:10:26 → 00:10:30 อันนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผล กับการที่จะเป็นกระเพาะธรรมดาแล้ว
00:10:31 → 00:10:32 อันนี้ก็ควรจะมาพบแพทย์
00:10:32 → 00:10:35 อันที่สาม เราเสียเลือดไป
00:10:35 → 00:10:38 เริ่มต้นเราอาจจะยังไม่ทันเห็นถ่ายดำ เพราะมันค่อย ๆ เสียไปทีละนิด
00:10:38 → 00:10:41 เราอาจจะมีอาการของภาวะที่เราเรียกว่าซีด
00:10:41 → 00:10:43 อาจจะมีคนทักว่าเราซีดลง
00:10:43 → 00:10:45 หรือว่าซีดไปนะคะ
00:10:45 → 00:10:49 เรามองแล้ว เอ๊ะ ทำไมปลายมือปลายเท้าเรา ก็ดูแบบว่าซีด ๆ ไป
00:10:49 → 00:10:53 มีอาการวิงเวียน หรือว่ามีอาการที่จะเหนื่อยง่าย
00:10:53 → 00:10:55 อ่อนเพลียง่าย
00:10:55 → 00:10:58 พวกนี้ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจจะเกี่ยวข้องกัน
00:10:58 → 00:11:02 หรือถ้าใครเจาะเลือด แล้วพบว่า ความเข้มข้นในเลือดต่ำลง
00:11:02 → 00:11:04 หรือคนบางคน สมมุตินะคะ
00:11:04 → 00:11:06 บริจาคเลือดมาสม่ำเสมอเลย
00:11:06 → 00:11:08 ถึงเวลาจะต้องไปบริจาคเลือดแล้ว
00:11:08 → 00:11:09 ปรากฏว่าเลือดมันลอย
00:11:09 → 00:11:11 เพราะว่าความเข้มข้นในเลือดไม่พอ
00:11:11 → 00:11:13 อันนี้ก็อาจจะต้องไปเช็กดูด้วย
00:11:13 → 00:11:17 สุดท้ายค่ะ ถ้าถ่ายเป็นสีดำ หรือว่าถ่ายเป็นเลือด
00:11:17 → 00:11:19 อันนี้ก็ควรจะต้องมาตรวจด้วย
00:11:19 → 00:11:21 เบื้องต้นก็จะประมาณนี้
00:11:21 → 00:11:26 [เสียงดนตรี]
00:11:26 → 00:11:30 ต่อไปก็คือ สมมุติว่าสงสัยแล้ว หรือว่าไม่แน่ใจก็ตาม
00:11:30 → 00:11:31 ไปหาหมอดีไหม
00:11:31 → 00:11:33 ถ้าไปหาหมอแล้วหมอจะทำอย่างไร
00:11:33 → 00:11:35 โดยทั่วไปเราก็จะตรวจอย่างนี้เหมือนกันค่ะ
00:11:35 → 00:11:37 อันที่ 1 ก็คือเราจะตรวจร่างกาย
00:11:37 → 00:11:39 อันแรกเลยสมมุติว่าเราดูว่าซีดหรือเปล่า
00:11:39 → 00:11:42 อันที่ 2 ถ้าเรากดท้องหรือว่าตรวจท้องนี่
00:11:42 → 00:11:45 เราจะดูว่า มันมีตำแหน่งที่เขาเจ็บไหม
00:11:45 → 00:11:48 หรือว่าเราคลำก้อนอะไรได้หรือเปล่า
00:11:48 → 00:11:50 ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวข้องกับ มีลำไส้อุดตันหรือเปล่า
00:11:50 → 00:11:51 หรือว่ามีก้อนอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น
00:11:52 → 00:11:54 เช่น เราสงสัยมะเร็ง หรืออะไรก็แล้วแต่
00:11:54 → 00:11:56 พอตรวจเสร็จแล้วปุ๊บ เราก็จะซักถามอาการ
00:11:56 → 00:12:00 แล้วดูว่าคนไข้มีอาการอะไร ที่ทำให้เราสงสัยว่า
00:12:00 → 00:12:03 เขาจะไม่ได้เป็นโรคกระเพาะธรรมดาหรือเปล่า
00:12:03 → 00:12:04 ถ้ามีพวกนั้น
00:12:04 → 00:12:08 สิ่งที่เราจะทำต่อ ก็อาจจะมีการเจาะเลือด หรือว่ามีการส่องกล้องเพื่อเข้าไปดู
00:12:08 → 00:12:10 แต่ว่าเบื้องต้น ถ้าคนไข้ไม่มีอาการอะไรเลย
00:12:10 → 00:12:13 ส่วนใหญ่คุณหมอก็มักจะสั่งยาให้นะคะ
00:12:13 → 00:12:15 ก็มักจะเป็นเรื่องของยาลดกรด
00:12:15 → 00:12:19 หรือว่าจะเป็นยาที่จะช่วยเรื่องของ การบีบตัวของกระเพาะลำไส้
00:12:19 → 00:12:21 ให้ปรับพฤติกรรมก่อน แล้วนัดมาดูอาการ
00:12:21 → 00:12:24 อันที่ 2 ถ้าสมมุติว่าเราสงสัยจริง ๆ
00:12:24 → 00:12:26 เราตรวจเลือดแล้วมีซีดด้วย
00:12:26 → 00:12:29 หรือว่ามีประวัติการกินยาบางอย่าง ที่ทำให้เราสงสัย
00:12:29 → 00:12:31 คุณหมอเขาก็จะนัดมาส่องกล้อง
00:12:31 → 00:12:34 ส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน ก็ต้องงดน้ำงดอาหารก่อน
00:12:35 → 00:12:37 แล้วหลังจากนั้น คุณหมอก็จะส่องกล้องเข้าไป
00:12:37 → 00:12:39 ส่องกล้องแล้วดูว่ามีแผลไหม
00:12:39 → 00:12:40 หรืออาจจะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
00:12:40 → 00:12:44 เพื่อจะดูว่ามีเชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อ เอช ไพโลไร หรือเปล่า
00:12:44 → 00:12:47 หรือบางคนก็จะให้มีการทดสอบ โดยการที่ให้หายใจ
00:12:47 → 00:12:52 เพื่อจะดูว่ามันจะมีสารบางอย่าง ที่สร้างจากตัวแบคทีเรียออกมาหรือเปล่า
00:12:52 → 00:12:53 ถ้าสร้างจากแบคทีเรียปุ๊บ
00:12:53 → 00:12:54 เวลาที่เราหายใจปุ๊บนี่
00:12:54 → 00:12:59 สารตัวนั้นมันก็จะทำให้ มีการเปลี่ยนสีของชุดทดสอบ
00:12:59 → 00:13:02 ก็จะทำให้เราสงสัยว่าอันนี้ คนไข้น่าจะมีเรื่องของการติดเชื้อ
00:13:02 → 00:13:06 ในเรื่องของตัวเอช ไพโลไรหรือเปล่า
00:13:06 → 00:13:07 ถ้าสมมุติเราเจอสาเหตุแล้ว
00:13:07 → 00:13:10 ก็จะมีการรักษาให้ตรงกับสาเหตุ เช่น
00:13:10 → 00:13:12 ถ้ามันมี เอช ไพโลไร หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
00:13:12 → 00:13:16 เขาก็จะมียาฆ่าเชื้อให้กิน 7-14 วันแล้วแต่
00:13:16 → 00:13:18 แล้วทีนี้พอถ้าเกิดรักษาแล้ว หายแล้ว
00:13:18 → 00:13:20 อันนี้ก็จะได้ไม่ต้องเป็นซ้ำอีกค่ะ
00:13:21 → 00:13:27 [เสียงดนตรี]
00:13:27 → 00:13:29 ต่อกันที่เรื่องของการรักษา
00:13:29 → 00:13:32 ก็เหมือนเดิมค่ะ ถ้าเราเจอสาเหตุ เราก็รักษาสาเหตุ
00:13:32 → 00:13:35 เจอว่ามีเอช ไพโลไร เราก็ให้ยาฆ่าเชื้อ
00:13:35 → 00:13:37 ถ้าสมมุติเราไม่เจอสาเหตุ เราก็มาดูก่อน
00:13:37 → 00:13:39 ความเครียด ปรับพฤติกรรมอะไรทั้งหมด
00:13:39 → 00:13:40 ในแง่ของยาค่ะ
00:13:41 → 00:13:41 ลดกรดค่ะ
00:13:41 → 00:13:44 เพราะว่าปัจจัยหลัก ๆ ก็คือกรดใช่ไหมคะ
00:13:44 → 00:13:47 ถ้าสมมุติว่ากระเพาะอาหาร มันบีบตัวไม่ดี มีท้องอืด มีแน่นท้อง
00:13:47 → 00:13:51 ก็อาจจะมีเรื่องของยาที่จะช่วยในเรื่องของ การบีบตัวของกระเพาะลำไส้
00:13:51 → 00:13:53 หรือว่าจะมียาขับลม
00:13:53 → 00:13:56 อันนี้ก็จะมีที่คุณหมอจะสั่งให้
00:13:56 → 00:13:58 อันนี้คือส่วนใหญ่จะเป็นยามาตรฐาน
00:13:58 → 00:14:02 แต่ในบางรายก็อาจจะมียาพิเศษ ยาเฉพาะไป อันนี้เป็นราย ๆ ไป
00:14:02 → 00:14:05 แล้วก็ต้องดูเรื่องยาตัวอื่นที่ใช้ด้วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
00:14:05 → 00:14:08 ถ้าคน ๆ นี้กินยาแก้ปวดนะคะ
00:14:08 → 00:14:09 มีแอสไพรินอยู่
00:14:09 → 00:14:11 หรือว่ามีพวกสเตียรอยด์อะไรหลาย ๆ อย่าง
00:14:11 → 00:14:15 ที่จะทำให้เกิดเรื่องของกระเพาะอาหาร หรือว่ากระเพาะเป็นแผล
00:14:15 → 00:14:16 หรือกระเพาะอักเสบใด ๆ
00:14:16 → 00:14:18 ถ้าไม่จำเป็น ยาบางตัวเราจะให้เลี่ยง
00:14:18 → 00:14:22 ยกตัวอย่างเช่น ยาแก้ปวด เราก็จะใช้ตัวอื่นที่มันไม่กัดกระเพาะ
00:14:22 → 00:14:24 หรือว่าไม่ระคายเคืองกระเพาะ
00:14:24 → 00:14:27 แต่ถ้าในกรณีของแอสไพริน แล้วคนไข้คนนั้นจำเป็น
00:14:27 → 00:14:28 เราก็ต้องมาดูอีกว่า
00:14:28 → 00:14:31 อันที่หนึ่ง โดสนี่จะใช้เป็น แอสไพรินโดสต่ำได้ไหม
00:14:31 → 00:14:34 หรือว่าจำเป็นจะต้องมียาตัวอื่น ที่เข้าไปควบคู่ด้วย
00:14:34 → 00:14:37 เพื่อลดโอกาสในการที่จะเกิด เรื่องของกระเพาะอักเสบ
00:14:37 → 00:14:40 การรักษาอื่น ๆ ก็จะดูตามรายไป เช่น
00:14:40 → 00:14:42 ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน
00:14:42 → 00:14:44 ถ้าสมมุติว่าเลือดออก เลือดออกไม่มาก
00:14:44 → 00:14:45 ก็จะรักษากระเพาะ
00:14:45 → 00:14:47 หรือถ้าสมมุติว่าเลือดออกในตอนนั้น
00:14:47 → 00:14:49 ส่องกล้องเข้าไปแล้วเจอจุดเลือดออก
00:14:49 → 00:14:52 คุณหมอก็อาจจะจี้นะคะ หรืออาจจะคลิป
00:14:52 → 00:14:55 ด้วยวิธีใด หรือฉีดยาก็แล้วแต่ ที่ทำให้เลือดมันหยุด
00:14:55 → 00:14:58 ถ้าสมมุติว่ามันออกเยอะมาก ๆ นะคะ
00:14:58 → 00:14:59 มันก็จะมี 2 ทาง
00:14:59 → 00:15:03 อันที่ 1 ก็คือฉีดสีเข้าไปที่เส้นเลือด แล้วก็ไปอุดเส้นเลือดที่มันไหลเลย
00:15:03 → 00:15:04 มันก็จะได้หยุด
00:15:04 → 00:15:08 หรือถ้าเกิดทำไม่ได้ แล้วอยู่ในโรงพยาบาลที่มีคุณหมอศัลยกรรม
00:15:08 → 00:15:12 ถ้าเลือดมันออกมากจริง ๆ ก็อาจจะต้องมีการผ่าตัดนะคะ
00:15:12 → 00:15:13 ผ่าตัด 2 อย่างเลยค่ะ
00:15:13 → 00:15:17 ผ่าตัดกระเพาะ หรือว่าอาจจะเป็นเรื่องของ การเย็บหรืออะไรก็แล้วแต่
00:15:17 → 00:15:18 อันนี้ก็จะเป็นเรื่องของการผ่าตัดไป
00:15:18 → 00:15:21 เดี๋ยวนี้ก็ทำน้อยลงนะคะ ในเรื่องของกระเพาะอาหาร
00:15:21 → 00:15:25 ถ้าสมมุติว่ามันเป็นเรื่องของลำไส้อุดตัน
00:15:25 → 00:15:26 อันนี้ก็ต้องเข้าไปดู
00:15:26 → 00:15:28 ส่วนใหญ่ก็จะเป็น เรื่องของการผ่าตัดเป็นหลักแหละ
00:15:28 → 00:15:29 ถ้าเกิดมันอุดตัน
00:15:29 → 00:15:32 โดยสรุปก็คือ ในแง่ของการรักษาด้วยยา
00:15:32 → 00:15:33 ก็จะมีเรื่องของยา เรื่องของการผ่าตัด
00:15:34 → 00:15:38 เรื่องของการอุดเส้นเลือด ถ้าสมมุติว่า ในกรณีที่เลือดออกค่อนข้างรุนแรง
00:15:38 → 00:15:40 แล้วที่เหลือ ก็จะเป็นเรื่องของการปรับพฤติกรรม
00:15:40 → 00:15:44 ต้องบอกว่าภาพรวมโดยส่วนใหญ่ ของคนที่พูดว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ
00:15:44 → 00:15:46 หรือสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะนี่
00:15:46 → 00:15:50 การปรับพฤติกรรมและการปรับเรื่องอาหาร จะช่วยได้มากเลยค่ะ
00:15:50 → 00:15:56 [เสียงดนตรี]
00:15:56 → 00:15:58 สุดท้ายเราก็จะมาคุยกันว่า
00:15:58 → 00:16:01 ตอนนี้เราน่าจะยังไม่ถึงจุดที่จะต้องไปผ่าตัด
00:16:01 → 00:16:04 เราน่าจะถึงจุดที่อาจจะยังไม่ต้องไปเจอคุณหมอ
00:16:04 → 00:16:06 เราจะปรับชีวิตเราอย่างไรดี
00:16:06 → 00:16:11 เราก็มาดูตั้งแต่ตอนแรกถ้าจำได้ว่า เราพูดถึงเรื่องของความเสี่ยงมีอะไรบ้าง
00:16:11 → 00:16:12 ยาค่ะ
00:16:12 → 00:16:17 ถ้าเลี่ยงได้ ตัวที่มันมีผลกับกระเพาะ กัดกระเพาะ ระคายเคืองกระเพาะ
00:16:17 → 00:16:18 ก็พยายามกินให้น้อยลง
00:16:18 → 00:16:20 กินเท่าที่จำเป็น
00:16:20 → 00:16:22 ยาไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตขนาดนั้น
00:16:22 → 00:16:24 ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกิน
00:16:24 → 00:16:25 เรื่องของแอลกอฮอล์
00:16:25 → 00:16:29 อันนี้ก็จะช่วยทำให้ เรื่องของตัวกรดในกระเพาะเยอะขึ้น
00:16:29 → 00:16:30 เยื่อบุกระเพาะแย่ลง
00:16:30 → 00:16:32 เพราะฉะนั้น ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ
00:16:32 → 00:16:36 แล้วก็สูบบุหรี่ค่ะ หยุดเหล้า หยุดบุหรี่ อันนี้ก็จะช่วยได้
00:16:36 → 00:16:38 แล้วก็ลดความเครียด
00:16:38 → 00:16:43 เพราะว่าทั้งหมดนี้ มันก็จะทำให้เรื่องของ ตัวโรคกระเพาะอาหารนี่มันเป็นมากขึ้น
00:16:43 → 00:16:48 [เสียงดนตรี]
00:16:48 → 00:16:52 สำหรับพฤติกรรมที่ควรทำ หรือพฤติกรรมที่ควรกิน
00:16:52 → 00:16:53 สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะนะคะ
00:16:53 → 00:16:57 อันแรกเลยก็คือ กินอาหารปรุงสุก สะอาดใช่ไหมคะ
00:16:57 → 00:16:59 กินอาหารที่ย่อยง่าย
00:17:00 → 00:17:01 เป็นอาหารที่อาจจะอ่อนนุ่มก็ได้
00:17:01 → 00:17:05 ไม่จำเป็นนะคะว่าคำว่าย่อยง่าย ในที่นี้หลายคนจะบอกว่าคือข้าวต้ม
00:17:05 → 00:17:08 ไม่ใช่เลย ไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องเป็นข้าวต้มเลย
00:17:08 → 00:17:10 ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าก็ถือว่าเป็นอาหารอ่อนนะคะ
00:17:10 → 00:17:13 ของที่มันนุ่ม ๆ เคี้ยวง่าย อะไรอย่างนี้
00:17:13 → 00:17:14 อันนี้ได้หมดเลย
00:17:14 → 00:17:17 ก็จะช่วยทำให้กระเพาะเราไม่ทำงานหนักขึ้น
00:17:17 → 00:17:20 เป็นของที่มีไขมันต่ำพวกนี้นะคะ
00:17:20 → 00:17:23 เป็นเนื้อสัตว์ เช่น จะเป็นปลา เป็นไก่ เป็นอะไรอย่างนี้ได้นะคะ
00:17:23 → 00:17:25 ไม่ใช่ของมัน
00:17:25 → 00:17:26 อันถัดมาก็จะเป็นการกิน
00:17:26 → 00:17:28 ถ้าเรากินทีเดียวเยอะ ๆ
00:17:28 → 00:17:31 กระเพาะเราก็จะต้องรับอาหารทีนึงครั้งละมาก ๆ
00:17:31 → 00:17:34 ก็จะเปลี่ยนนิสัยการกินนิดนึง ให้กินน้อย ๆ
00:17:34 → 00:17:36 กินบ่อย ๆ ได้นะคะ
00:17:36 → 00:17:39 กินแค่พออิ่ม หรือว่าประมาณสัก 80% ก่อนที่จะอิ่ม
00:17:39 → 00:17:41 ไม่ต้องกินจนอิ่มแน่นนะคะ
00:17:41 → 00:17:45 ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะอืดแน่นท้อง แล้วก็อาจจะมีคลื่นไส้อาเจียนตามมาได้
00:17:45 → 00:17:48 แล้วที่สำคัญนะคะ ก็ควรจะต้องกินอาหารให้ตรงเวลา
00:17:48 → 00:17:52 ถ้าเกิดหลีกเลี่ยงการกินของจุกจิกได้ก็จะดี
00:17:52 → 00:17:57 เพราะไม่งั้นมันจะทำให้กรดหรือน้ำย่อย มันหลั่งมาตลอดที่เรากินค่ะ
00:17:57 → 00:17:59 แต่ถ้าเรากินให้มันเป็นเวลาอย่างนี้
00:17:59 → 00:18:00 พอถึงเวลาปุ๊บ
00:18:00 → 00:18:03 น้ำย่อยมันหลั่งออกมา มันก็จะได้ไม่มีปัญหา
00:18:03 → 00:18:06 ในกรณีที่จะเลือกกินพวกผักผลไม้นะคะ
00:18:06 → 00:18:08 จริง ๆ ก็ต้องบอกว่ากินได้
00:18:08 → 00:18:11 แต่ว่าอาจจะต้องเลือกเป็น ผักผลไม้ที่มันย่อยง่ายนิดนึง
00:18:11 → 00:18:14 ถ้าสมมุติว่ามันเป็นพวกของไฟเบอร์ หรือว่าพวกใยอาหาร
00:18:14 → 00:18:15 มันจะมี 2 กลุ่ม
00:18:16 → 00:18:18 กลุ่มแรกเราเรียกว่า ละลายน้ำได้
00:18:18 → 00:18:20 กับกลุ่มที่ 2 เราเรียกว่า ละลายน้ำไม่ได้
00:18:20 → 00:18:24 พวกละลายน้ำไม่ได้นี่ ช่วงแรกอาจจะต้องลดและเลี่ยงหน่อย
00:18:24 → 00:18:27 เพราะว่าพวกนี้มันจะเป็นกากใย ที่ต้องการการย่อยเยอะ
00:18:27 → 00:18:29 แต่ถ้าเป็นพวกที่ละลายน้ำได้
00:18:29 → 00:18:31 พวกนี้จะอุ้มน้ำได้ค่อนข้างดี
00:18:31 → 00:18:34 นึกภาพง่าย ๆ เลยค่ะ ถ้าเรากินคะน้าแล้วมันเป็นก้าน ๆ
00:18:34 → 00:18:38 อันนี้ถือว่าเป็นเส้นใยที่ละลายน้ำไม่ได้นะคะ
00:18:38 → 00:18:39 อันนี้อาจจะต้องเลี่ยงนิดนึง
00:18:39 → 00:18:43 แต่ถ้าสมมุติเรามานึกถึงแอปเปิล เรานึกถึงกล้วยอย่างนี้ค่ะ
00:18:43 → 00:18:45 หรือว่าเรานึกถึงส้มนะคะ
00:18:45 → 00:18:50 ซึ่งมันจะมีแบบเป็นลักษณะของ ความนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ ของมันอยู่อย่างนี้ค่ะ
00:18:50 → 00:18:52 อันนี้มันจะเป็นเส้นใยที่ละลายน้ำได้
00:18:52 → 00:18:54 พวกนี้สามารถจะกินได้นะคะ
00:18:54 → 00:18:59 เพราะว่ามันจะไม่มีปัญหากับเรื่องของ การย่อยและการดูดซึมสักเท่าไหร่
00:18:59 → 00:19:03 แล้วเมื่อเราบอกว่า เมื่อกี้เรามีพฤติกรรมที่เราควรจะทำ
00:19:03 → 00:19:05 สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะ
00:19:05 → 00:19:08 กินตรงเวลา ไม่กินจุกจิกใช่ไหมคะ
00:19:08 → 00:19:11 กินน้อย ๆ กินบ่อยๆ ไม่ให้กินให้อิ่มมาก
00:19:11 → 00:19:16 กินพวกที่มีกากใย โดยเฉพาะในกลุ่ม ที่มันเป็นเรื่องของใยอาหารที่ละลายน้ำได้
00:19:17 → 00:19:20 กินอาหารที่เป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย กินอาหารที่ปรุงสุก
00:19:20 → 00:19:22 อันนี้คือฝั่งที่ควรจะทำ
00:19:22 → 00:19:24 แล้วมีอะไรที่ควรจะหลีกเลี่ยงบ้าง
00:19:24 → 00:19:26 ก็คือฝั่งตรงข้ามของเมื่อสักครู่นี้
00:19:26 → 00:19:29 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคกระเพาะ
00:19:29 → 00:19:31 อันแรกก็จะเป็นพวกเครื่องดื่มบางอย่าง
00:19:31 → 00:19:35 เช่น เป็นพวกของชา กาแฟ แล้วก็เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
00:19:35 → 00:19:38 หรือแม้กระทั่งนมนะคะ หลายคนอาจจะบอกงงนิดนึง
00:19:38 → 00:19:41 จริง ๆ บอกว่าถ้าเป็นโรคกระเพาะ ต้องกินนมไม่ใช่หรือ
00:19:41 → 00:19:43 ต้องบอกว่าอย่างนี้ค่ะ ถ้าเป็นโรคกระเพาะแล้วนี่
00:19:43 → 00:19:47 เวลาที่เรารับประทานนม โดยเฉพาะนมที่เป็นไขมันเต็มส่วน
00:19:47 → 00:19:48 มันจะมีไขมันค่อนข้างเยอะนิดนึง
00:19:48 → 00:19:52 แล้วเวลาที่เรารับประทานไปนี่ มันอาจจะทำให้มีอาการอืดท้องได้
00:19:52 → 00:19:53 เพราะว่าในช่วงต้นนี่
00:19:53 → 00:19:55 เวลาที่มีกระเพาะอักเสบค่ะ
00:19:55 → 00:19:57 ถ้ากินอาหารที่มันมีไขมันเยอะ
00:19:57 → 00:19:59 มันจะยิ่งทำให้การบีบตัวของกระเพาะ ทำงานลดลง
00:19:59 → 00:20:02 แล้วเช่นกันค่ะ ของที่มันเป็นพวกของทอด
00:20:02 → 00:20:05 ของที่มีไขมันสูง อันนี้เราควรจะต้องหลีกเลี่ยง
00:20:05 → 00:20:09 อีกอันหนึ่งที่มันควรจะเลี่ยงก็คือ ของที่ย่อยยากนะคะ
00:20:09 → 00:20:13 หรือว่าเป็นของที่มันแข็งมาก ๆ ก็อาจจะเรียกในช่วงต้นเนอะ
00:20:13 → 00:20:15 ไม่ได้บอกว่าห้ามกินตลอดไป
00:20:15 → 00:20:20 อันถัดไปก็จะเป็นพวกของผลไม้ ที่อาจจะเปรี้ยวจัด ๆ
00:20:20 → 00:20:24 หรือว่าอาหารที่มีรสจัดมาก ๆ เผ็ดจัด
00:20:24 → 00:20:27 รวมถึงพวกของหมักของดองด้วยค่ะ
00:20:27 → 00:20:30 อันนี้เป็นของที่เราควรจะหลีกเลี่ยงนะคะ
00:20:30 → 00:20:32 แล้วก็จะเป็นพวกของสูบบุหรี่
00:20:32 → 00:20:35 จะเห็นว่าในเรื่องของโรคกระเพาะนะคะ
00:20:35 → 00:20:36 จะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ได้
00:20:36 → 00:20:40 เพราะว่าหลายคนก็จะรู้สึกว่าฉันก็เป็น หรือว่ามีคนเป็นเยอะแยะนะคะ
00:20:41 → 00:20:44 เพียงแต่ว่าโรคเล็ก ๆ ที่คนเป็นกันเยอะ ๆ นี่
00:20:44 → 00:20:48 ถ้าเกิดเราไม่ใส่ใจ เราไม่ดูแลนี่ อาจจะนำไปสู่โรคที่มันใหญ่ขึ้น
00:20:49 → 00:20:50 แล้วก็มีอันตรายถึงชีวิตได้
00:20:50 → 00:20:52 เพราะฉะนั้น ดูแลตัวเองนะคะ
00:20:52 → 00:20:54 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเบื้องต้น
00:20:54 → 00:20:57 แล้วดูซิว่ามันจะดีขึ้นหรือเปล่านะคะ
00:20:57 → 00:20:59 ถ้าสมมุติเราทำทุกอย่างแล้วดีแล้ว
00:20:59 → 00:21:00 แต่มันยังไม่ดีขึ้น
00:21:00 → 00:21:02 ก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อจะดูว่า
00:21:02 → 00:21:06 มันมีภาวะแทรกซ้อน หรือจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่โรคกระเพาะ
00:21:07 → 00:21:11 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:21:11 → 00:21:13 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:21:13 → 00:21:15 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:21:15 → 00:21:18 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:21:18 → 00:21:20 YouTube Mahidol Channel
00:21:20 → 00:21:21 Apple Podcasts
00:21:21 → 00:21:22 Spotify
00:21:22 → 00:21:23 Anchor
00:21:23 → 00:21:24 Joox
00:21:24 → 00:21:30 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:21:30 → 00:21:34 [เสียงดนตรี]
00:21:34 → 00:21:37 Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้