00:00:07 → 00:00:12 [เพลง]
00:00:12 → 00:00:15 ผมนายแพทย์กุลเทพรัตนโกวิทนะครับแพทย์หัว
00:00:15 → 00:00:17 หน้าแผนกโรคระบบทางเดินอาหารและตับโรง
00:00:17 → 00:00:20 พยาบาลวิมุตครับสาเหตุของตับอักเสบเกิด
00:00:21 → 00:00:23 ขึ้นจากอะไรได้บ้างคะอาจารย์ที่นี่ตับ
00:00:23 → 00:00:25 อักเสบสาเหตุเกิดขึ้นได้จากหลายอย่างครับ
00:00:25 → 00:00:27 ที่เราเจอกันไหวยๆเนี่ยเรื่องของไวรัสตาบ
00:00:27 → 00:00:29 อักเสบในบ้านเราไวรัสตาบอักเสบ B ไวรัส
00:00:29 → 00:00:31 ตับอักเสบ C ที่เป็นเรื้อรังนะครับไวรัส
00:00:32 → 00:00:34 ตราบอักเสบ a หรือ E ที่เป็นเฉียบรันนะ
00:00:34 → 00:00:36 ครับนอกเหนือไปกว่านั้นก็คือเรื่องของ
00:00:36 → 00:00:38 แอลกอฮอล์การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากก็ก่อ
00:00:38 → 00:00:40 ให้เกิดตับอักเสบได้นะครับเรื่องของยา
00:00:40 → 00:00:43 หรือสมุนไพรหรืออาหารเสริมอันนี้ก็ตับ
00:00:43 → 00:00:46 อักเสบได้เช่นเดียวกันนะครับอ่าแล้วยังมี
00:00:46 → 00:00:49 เรื่องของภาวะที่ตัวภูมิคุ้มกันของเราเอง
00:00:49 → 00:00:51 ไปทำอันตรายตับของเราอันนี้ก็เป็นตับ
00:00:51 → 00:00:54 อักเสบแบบนึงนะครับหรือภาวะที่มันมีสาร
00:00:54 → 00:00:57 ต่างๆที่ไปสะสมที่ตับไม่ว่าจะเป็นทองแดง
00:00:57 → 00:00:59 ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็กที่ไปสะสมที่เนื้อ
00:00:59 → 00:01:01 ตับแล้วก่อให้เกิดตับอักเสบในเบื้องต้น
00:01:01 → 00:01:03 อย่างเงี้ยครับก็ได้เหมือนกันได้จากหลาย
00:01:03 → 00:01:06 สาเหตุเลยครับแล้วตับอักเสบมันมีกี่ชนิด
00:01:06 → 00:01:09 กี่ประเภทค่ะจารจริงๆต่อักเสบเราจะแบ่ง
00:01:09 → 00:01:11 ออกเป็นกลุ่มที่เป็นเ่าเกิดจากไวรัสตับ
00:01:11 → 00:01:14 อักเสบซึ่งจริงๆไวรัสมันมีมากกว่า A B A
00:01:14 → 00:01:17 B C แล้วก็ E นะมันยังมีไวรัสอื่นๆที่
00:01:17 → 00:01:19 ไม่ได้เจอบ่อยนะครับแล้วก็กลุ่มที่ไม่ใช่
00:01:19 → 00:01:21 ไวรัสตับอักเสบนะครับแล้วก็กลุ่มที่เรียก
00:01:21 → 00:01:22 ว่าเป็นท็อกซิกหรือพวกกลุ่มที่เป็นยานะ
00:01:23 → 00:01:25 ครับจะแบ่งอเป็น 3 ส่วนด้วยกันครับ
00:01:25 → 00:01:28 อาจารย์ขาแล้วใครคะคือกลุ่มเสี่ยงที่จะ
00:01:28 → 00:01:32 เป็นตับอักเสบคาก็จริงๆจริงๆว่ากันไปตาม
00:01:32 → 00:01:34 โรคเลยเพราะว่าถ้าเป็นกลุ่มเรื่องของ
00:01:34 → 00:01:37 ไวรัสก็การติดเชื้อของตัวไวรัสมาได้อย่าง
00:01:37 → 00:01:40 ไรก็ทางเพศสัมพันธ์ทางเลือดอะไรต่างๆ
00:01:40 → 00:01:41 อย่างเงี้ยครับอันนี้ก็จะเป็นเรื่องของ
00:01:41 → 00:01:44 ไวรัสตับอักเสบได้แต่ถ้าสมมุติว่าเป็น
00:01:44 → 00:01:46 เรื่องของตัวไวรัส a หรือว่าไวรัส E
00:01:46 → 00:01:47 อย่างเงี้ยครับอันนี้จะเป็นเรื่องของการ
00:01:47 → 00:01:49 รับประทานอาหารละค่ะจะจะจะลงไปในเรื่อง
00:01:49 → 00:01:52 ของการรับประทานอาหารที่มีผู้ป่วยที่เป็น
00:01:52 → 00:01:55 ไวรัสต่ำอักเสบค่ะเผอิญเข้าห้องน้ำไม่ได้
00:01:55 → 00:01:57 ล้างมือมาประกอบอาหารให้เรารับประหานอัน
00:01:57 → 00:01:59 นั้นเราได้รับเชื้อทั้งนั้นนะครับไวรัส
00:01:59 → 00:02:01 สับอักเสบีจะมีเพิ่มเติมอีกนิดนึงนอก
00:02:01 → 00:02:03 เหนือไปจากทางเลือดหรือเพชรสัมพันธ์แล้ว
00:02:03 → 00:02:05 คือการรับประทานอาหารในช้อนซ่อมร่วมกัน
00:02:05 → 00:02:07 หรือว่าหลอดเดียวกันหรือแก้วเดียวกันแต่
00:02:07 → 00:02:08 ว่าเปอร์เซ็นต์อาจจะน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์
00:02:08 → 00:02:10 อาจจะน้อยกว่าทางเลือดเยอะเลยนะครับแต่
00:02:10 → 00:02:12 ว่าติดต่อกันได้ในลักษณะนั้นทีนี้ถ้าเป็น
00:02:13 → 00:02:16 กลุ่มแอลกอฮอลก็กลุ่มคนที่ดื่มัดๆบนิหรือ
00:02:16 → 00:02:20 ว่าดื่มกันหัวราน้ำเลยทีเดียวไปบ่อยๆอัน
00:02:20 → 00:02:22 นี้ก็ตับอักเสบได้เลยตรงๆส่วนในโรคของ
00:02:22 → 00:02:25 ภูมิคุ้มกันเนี่ยครับอันเนี้ยค่อนข้างจะ
00:02:25 → 00:02:27 ไม่ได้มีตัวทริกเกอร์สักเท่าไหร่นะครับ
00:02:27 → 00:02:29 ส่วนใหญ่คือมันมันเกิดได้ตั้งแต่อยู่ดีๆ
00:02:29 → 00:02:31 มันเกิดมาเองได้อยู่นะครับหรือที่เรียก
00:02:31 → 00:02:33 ว่าออโตอิมมูนเนี่ยหรือมันเกิดเพราะมี
00:02:33 → 00:02:36 ประวัติในครอบครัวมีคนที่เป็นแล้วเราก็
00:02:36 → 00:02:38 ได้ส่วนหนึ่งได้ได้พันธุกรรมส่วนหนึ่งมา
00:02:38 → 00:02:39 แล้วก็มาเป็นอย่าเงี้ครับอันนี้ก็ได้
00:02:39 → 00:02:42 เหมือนกันส่วนในแง่ของความผิดปกติที่
00:02:42 → 00:02:45 เมื่อกี้เกริ่นเอาไว้ในเรื่องของตัวอ่า
00:02:45 → 00:02:47 สารที่ไปสะสมในตับไม่ว่าจะเป็นทองแดงหรือ
00:02:47 → 00:02:48 เหล็กอ่ะครับอันนี้เป็นเรื่องของ
00:02:48 → 00:02:51 พันธุกรรมที่มันคล้ายๆโคดิ้งมาผิดปกติค่ะ
00:02:51 → 00:02:54 มันก็เลยมาเกิดในในคนๆนั้นนะครับท้ายที่
00:02:54 → 00:02:56 สุดก็คือยาหรืออาหารเสริมหรือสมุนไพรที่
00:02:56 → 00:02:59 ไม่ถูกต้องตามกระบวนการที่ควรจะเป็นไป
00:02:59 → 00:03:01 จริงๆอันนี้ก็ก่อให้เกิดได้แต่ทั้งนี้
00:03:01 → 00:03:03 ทั้งนั้นถึงแม้ว่าเป็นยาที่เราใช้กันใน
00:03:03 → 00:03:06 ปัจจุบันยายาทางทางแพทย์แผนใหม่เนี่ยครับ
00:03:06 → 00:03:08 ที่ใช้กันในปัจจุบันก็มีโอกาสที่จะเกิด
00:03:08 → 00:03:11 ตับอักเสบได้เหมือนกันในความเป็นจริง
00:03:11 → 00:03:13 อาจารย์ขาแล้วอาการของตัอักเสบเป็นยังไง
00:03:13 → 00:03:17 คะเราสังเกตไปเอ่าก็อาการของตับอักเสบมี
00:03:17 → 00:03:20 ส่วนใหญ่แล้วอ่ะครับถ้าเป็นกลุ่มของไวรัส
00:03:20 → 00:03:22 เนี่ยเราก็จะมีเรื่องของไข้ปวดเมื่อยตาม
00:03:22 → 00:03:25 ตัวมีเพลียอาจจะมีจุกแน่นบริเวณด้านขวา
00:03:25 → 00:03:28 ชายโครงขวาอย่าเงี้ยครับอ่าอันนี้มีได้
00:03:28 → 00:03:30 แล้วถัดมาก็จะมีเรื่องของตัวตาเหลืองค่ะ
00:03:30 → 00:03:32 นะผิวสีเข้มขึ้นอย่างเงี้ยครับอันนี้เรา
00:03:33 → 00:03:35 พูดถึงต่ำอักเสบเฉียบพลันค่ะนะครับแต่ถ้า
00:03:35 → 00:03:37 เป็นต่ำอักเสบเรื้อรังจากไวรัส B เนี่ย
00:03:37 → 00:03:39 แทบไม่ค่อยมีอาการอ่าอันนั้นคือต้องไป
00:03:39 → 00:03:42 ตรวจเจอนะครับตรวจว่ามีไวรัส B อยู่แล้ว
00:03:42 → 00:03:44 ตรวจว่ามีเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นนะครับอัน
00:03:44 → 00:03:45 นั้นตับอักเสบเรือรังหรือไวรัส C อย่าง
00:03:45 → 00:03:47 เงี้ยครับไม่ค่อยมีอาการยกเว้นเสร็จแต่
00:03:47 → 00:03:49 ว่ามันมีภาวะที่เราเรียกว่าแฟรหรือว่าแบบ
00:03:49 → 00:03:52 แบบกระจายออกมาเพิ่มขึ้นอย่างเงี้ยครับอ
00:03:52 → 00:03:54 กรณีนั้นน่ะอาจจะมีอาการได้บ้างซึ่งอาการ
00:03:54 → 00:03:56 ก็จะเหมือนกับเฉียบผลันค่ะอ่าหรือว่า
00:03:56 → 00:03:59 อาการอาจจะเป็นรุมๆตามตัวไม่สบายตัวเฉยๆ
00:03:59 → 00:04:01 ก็ได้ส่วนในแง่ของแอลกอฮอล์สิ่งที่เราจะ
00:04:01 → 00:04:04 เจอเลยคือมีเหลืองค่ะอาจจะไม่มีไข้หรือมี
00:04:05 → 00:04:07 ไข้ก็ได้นะครับได้ทั้ง 2 แบบเลยนะครับ
00:04:07 → 00:04:09 แล้วก็เพลียเพียปรวดเมยตามตัวอันนี้มีได้
00:04:09 → 00:04:12 ค่ะนะครับในพาร์ทอื่นๆที่เราจะเจอตั
00:04:12 → 00:04:13 อักเสบไม่ว่าจะเป็นจากยาอย่างเงี้ยครับ
00:04:14 → 00:04:15 อันนี้อาจจะไม่ค่อยมีอาการเท่าไหร่อ่าแต่
00:04:15 → 00:04:18 เผอิญว่าตรวจเลือดเราอาจจะเจอเอนไซมขึ้น
00:04:18 → 00:04:20 ค่ะนะครับหรือถ้าเผอิญมันอักเสบจนมากไป
00:04:20 → 00:04:22 ถึงระดับนึงแล้วเราถึงจะเริ่มเห็นมีตัวตา
00:04:22 → 00:04:25 เหลืองขึ้นมากรณีนี้ครับส่วนพวกกลุ่มที่
00:04:25 → 00:04:27 เป็นภูมิคุ้มกันหรือออโตอิมมูนอย่างเงี้ย
00:04:27 → 00:04:30 ครับอาการจะค่อนข้างหลากหลายละค่ะอาจจะมี
00:04:30 → 00:04:32 ปวดตามข้อปวดตามมืออย่างเงี้ครับปวดตาม
00:04:32 → 00:04:35 ข้อเล็กๆเงี้ยฮะมีไข้ได้ในบางรายนะครับ
00:04:35 → 00:04:38 แต่เราจะไม่ค่อยอาจจะมีโรคหนึ่งในกลุ่ม
00:04:38 → 00:04:40 ที่เป็นภูมิคุ้มกันที่เห็นตาเหลืองแต่โรค
00:04:40 → 00:04:42 ที่เหลือจะไม่ค่อยเห็นตาเหลืองสักเท่า
00:04:42 → 00:04:44 ไหร่ที่เราจะเจอบ่อยๆอีกอันนึงคือภาวะที่
00:04:44 → 00:04:46 เราเรียกว่าไขมันพอกตัดเนาะแต่จริงๆไขมัน
00:04:46 → 00:04:48 พอกต่ำมันก็คือต่ำอักเสบแบบนึงแหละค่ะอ่า
00:04:48 → 00:04:51 ทุกๆอย่างที่กล่าวมาครับเวลาที่สมมุติเรา
00:04:51 → 00:04:54 ไปดูลงไปในรายละเอียดเช่นเชไปไปตรวจด้วย
00:04:54 → 00:04:56 เครื่องมือบางอย่างเราก็จะเห็นลักษณะของ
00:04:56 → 00:04:58 ไขมันพอกตัดนัแหละครับค่ะอ่าทีนี้ถามว่า
00:04:58 → 00:05:01 หายได้มยหายได้ครับขึ้นอยู่กับว่าจริงๆ
00:05:01 → 00:05:03 แล้วเป็นโรคอะไรค่ะอ่าน่าจะเป็นโรคอะไร
00:05:03 → 00:05:06 แล้วเราไปรักษาตรงให้ตามโรคของมันก็หาย
00:05:06 → 00:05:08 ได้ครับแล้วในการวินิจฉัยค่ะว่าเป็นตั
00:05:08 → 00:05:12 อักเสบอ่ะค่ะคุณหมอต้องทำยังไงคะจริงๆ
00:05:12 → 00:05:13 แล้วในในตัวที่วินิจฉัยเรื่องของตับ
00:05:13 → 00:05:16 อักเสบครับ 1 ดูอาการค่ะนะครับซักประวัติ
00:05:16 → 00:05:19 ดูอาการดูดูเ่อเขาเรียกโรมก็คืออาการนำอ
00:05:19 → 00:05:21 ก่อนที่จะมีตัวตาเหลืองเกิดขึ้นตอนไหนไข้
00:05:21 → 00:05:25 เกิดขึ้นตอนไหนนะครับ 2 เจาะเลือดค่ะพอ
00:05:25 → 00:05:27 ตับอักเสบต้องมีเอนไซม์ที่มันรั่วออกมา
00:05:27 → 00:05:30 เจาะเลือดเราต้องเจอเอนไซม์ของตับสูงขึ้น
00:05:30 → 00:05:32 นะครับเพราะฉะนั้นเราก็จะเจาะอ่าผลเลือด
00:05:32 → 00:05:34 เรื่องของการทำงานของตับเพื่อดูว่าเพื่อ
00:05:34 → 00:05:36 เพื่อ proof พิสูจน์เรื่องของการตับ
00:05:36 → 00:05:39 อักเสบในพทของอัลตราซาวอะไรต่างๆจำเป็น
00:05:39 → 00:05:41 มั้ยในความเป็นจริงต้องบอกว่ามีบางชนิด
00:05:41 → 00:05:43 เท่านั้นเองค่ะที่เราอาจจะต้องอาศัย
00:05:43 → 00:05:45 อัลตราซาวบางอย่างนะครับที่จะตรวจไปเพิ่ม
00:05:45 → 00:05:47 เติมแต่ว่าความเป็นจริงก็เรื่องของ
00:05:47 → 00:05:49 ประวัติเรื่องของอาการเจาะเลือดตรวจอะไร
00:05:49 → 00:05:51 ต่างๆเนี่ยยพอจะบอกได้ว่าเป็นตับอักเสบ
00:05:52 → 00:05:54 หรือไม่ค่ะแต่การจะบอกว่าเป็นต่ำอักเสบ
00:05:54 → 00:05:56 จากอะไรอันนี้ต้องตรวจเพิ่มไปอีกค่ะซึ่ง
00:05:56 → 00:05:58 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการตรวจเลือดไป
00:05:58 → 00:06:00 หลักนะครับหรือว่าหรือว่ารีวิวประวัติ
00:06:00 → 00:06:02 เรืื่องของการใช้ยาอาหารเสริมอะไรต่างๆนะ
00:06:02 → 00:06:05 ครับอาจารย์ขาแล้วถ้าเกิดตับอักเสบแล้ว
00:06:05 → 00:06:09 มันพัฒนาไปเป็นเค้าเรียกว่าตับแข็งอืค่ะ
00:06:09 → 00:06:12 มันจะหยุดได้มั้ยคะอาจารย์มันจะรักษาได้
00:06:12 → 00:06:15 มั้ยคะระหว่างการพัฒนาเช่นยังไม่เป็นถึง
00:06:16 → 00:06:18 ตับแข็งแต่กำลังเดินทางไปอย่างเงี้ย
00:06:18 → 00:06:21 อันเนี้ยรักษาได้ถ้าอยู่ในเส้นทางการเดิน
00:06:21 → 00:06:23 นะแต่แต่ต้องถึงระดับนึงด้วยนะครับไม่ได้
00:06:23 → 00:06:25 หมายความว่าเอ้ยทุกเส้นทางการเดินก่อนจะ
00:06:25 → 00:06:27 ไปเป็นคำว่าตับแข็งรักษาได้หมดไม่ใช่มัน
00:06:27 → 00:06:30 มันประมาณนึงนะครับตีเอาว่ากลางทางอ่ะยัง
00:06:30 → 00:06:33 รักษาได้อยู่อ่าแต่ถ้าเกินนั้นไปอ่ะครับ
00:06:33 → 00:06:36 ยากละในแง่ภุมของการรักษายากละอาจจะทำได้
00:06:36 → 00:06:38 ในเรื่องของการชะลอแต่การทำให้กลับมาเป็น
00:06:38 → 00:06:41 ปกติจะเป็นเรื่องยากละอแล้วคนที่เป็นตับ
00:06:41 → 00:06:44 แข็งก็คือจะเป็นมะเร็งตับแน่นอนใช่มั้ยคะ
00:06:44 → 00:06:46 คนที่เป็นมตับแข็งมีความเสี่ยงของการเกิด
00:06:46 → 00:06:50 มะเร็งตับสูงกว่าเยอะมากค่ะนะครับอ่าแต่
00:06:50 → 00:06:52 ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่ามันมีโรค
00:06:52 → 00:06:54 อยู่โรคนึงด้วยที่มันบพการเป็นตับแข็ง
00:06:54 → 00:06:56 แล้วค่อยไปเป็นมเร็งตับก็คือตัวไวรัสตับ
00:06:56 → 00:06:59 อักเสบ B ที่เป็นเรื้อรังตัวนั้นจะบพภาวะ
00:06:59 → 00:07:02 ตับแข็งไปเลยโดยธรรมชาติคนส่วนใหญ่แล้ว
00:07:02 → 00:07:05 มะเร็งตับจะเกิดหลังจากการเกิดตับแข็งไป
00:07:05 → 00:07:07 แล้วค่ะจะมีส่วนหนึ่งเช่นใช้ฮอร์โมนเป็น
00:07:07 → 00:07:11 ประจำอันนี้อาจจะเกิดได้นะครับหรือว่าอ่า
00:07:11 → 00:07:13 เรื่องของไวรัสตับอักเส B นะครับที่สให้
00:07:13 → 00:07:15 ที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้ก่อนก่อนที่จะ
00:07:15 → 00:07:18 เกิดตับแข็งค่ะครับอย่างไขมันพอกตับก็
00:07:18 → 00:07:21 สามารถทำให้ตัดอักเสบได้แล้วเราสามารถ
00:07:21 → 00:07:24 ตรวจได้ยังไงคะอาจารย์จริงๆต้องบอกว่าตัว
00:07:24 → 00:07:26 ไขมันพอกตับอ่ะครับมันคือการอักเสบของตับ
00:07:26 → 00:07:28 แบบนึงหรือที่เราเรียกว่า fatty L หรือ
00:07:28 → 00:07:31 ว่า acute fy วอรนะครับอ่าเป็นการอักเสบ
00:07:31 → 00:07:33 ที่เกิดขึ้นได้จากกลุ่มไวรัสก็ได้เกิด
00:07:33 → 00:07:35 ขึ้นจากแอลกอฮอล์ก็ได้เกิดขึ้นจากยาบาง
00:07:35 → 00:07:37 ตัวก็ได้หรือเกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันก็ได้
00:07:37 → 00:07:40 นะครับอ่าการอักเสบในลักษณะเนี้ยคมันมี
00:07:40 → 00:07:43 ความเฉพาะตรงที่ว่าเผอิญตรงกลางเซลล์มัน
00:07:43 → 00:07:45 จะมี vac ของไขมันอยู่หรือว่าหรือว่ามี
00:07:45 → 00:07:47 ลักษณะของไขมันอยู่ตรงกลางเลยทำให้สีของ
00:07:47 → 00:07:50 ตับเนี่ยออกเป็นสีเหลืองมันก็เลยเป็นที่
00:07:50 → 00:07:52 มาของคำที่เขาเรียกกันในตอนต้นว่า fatty
00:07:53 → 00:07:56 deliver คือสีเหลืองสีเหมนแฟตนะครับที
00:07:56 → 00:07:58 นี้ตัวตัวเครื่องมือในการตรวจทั่วๆไปที่
00:07:58 → 00:07:59 เราใช้ก่อนหน้านี้เราใช้ใช้เป็นอัลตราซาว
00:08:00 → 00:08:02 ซึ่งอัตซาวเนี่ยคลื่นเสียงกระจายอีกแบบ
00:08:02 → 00:08:04 หนึ่งนะครับมันจะกระจายแล้วเราจะเห็นผิว
00:08:04 → 00:08:06 ของตับได้ชัดกว่าดีกว่าเห็นรูปร่างของ
00:08:06 → 00:08:09 สิ่งต่างๆได้ดีกว่าแต่ในแง่ของความลึกของ
00:08:09 → 00:08:11 ตัวตับเองบอกได้ไม่ 100% โดยเฉพาะถ้าคน
00:08:11 → 00:08:14 ไข้มีผนังหน้าท้องหนาๆเนี่ยอซจะบอกมองมอง
00:08:14 → 00:08:17 ไปก็จะกลายเป็นไขมพอกตัดไปหมดเลยเพราะว่า
00:08:17 → 00:08:20 มันเห็นสิ่งขาวขึึ้นค่ะนะครับอ่าแต่ว่า
00:08:20 → 00:08:21 ถ้าเป็นไฟโบรสแกนเนี่ยเป็นคลื่นเสียง
00:08:21 → 00:08:22 เหมือนกันแต่เป็นคลื่นเสียงที่เราเรียก
00:08:22 → 00:08:24 ว่าเป็น shing Wave ก็คือเป็นพุ่งเข้าไป
00:08:25 → 00:08:27 ตรงๆนะครับเพราะฉะนั้นหน้าที่ของ fib
00:08:27 → 00:08:29 Scan ก็คือมันจะเป็นคลื่นเสียงที่วิ่ง
00:08:29 → 00:08:32 ผ่านเนื้อตับเข้าไปแล้วผ่านแต่ละเลอร์ของ
00:08:32 → 00:08:34 ตับมันก็จะแปลกลับมาเป็นค่านะครับว่าตัว
00:08:34 → 00:08:37 ตับเองมีความยืดหยุ่นเท่าไหร่มีพังผืน
00:08:37 → 00:08:39 เท่าไหร่คนะครับเพราะว่าตัวตับไขมันพอก
00:08:39 → 00:08:41 ตับเนี่ยเราวัดกันที่ความยืดหยุ่นความยืด
00:08:41 → 00:08:44 หยุ่นของตับเสียไปหรือไม่แล้วก็พังผืดมี
00:08:44 → 00:08:47 อยู่ประมาณเท่าไหร่เราจะดู 2 มุมพังผืดก็
00:08:47 → 00:08:49 คือตับแข็งนี่แหละครับเมื่อพังผืดมันมี
00:08:49 → 00:08:51 เกิน 70 80% ของตับเราก็จะกลายเป็นตับ
00:08:51 → 00:08:53 แข็งค่ะอย่างเงี้ยฮะอ่าซึ่งพังผืดเกิดจาก
00:08:53 → 00:08:55 การอักเสบที่เกิดขึ้นเรือรังเป็นเวลานาน
00:08:55 → 00:08:58 เพราะฉะนั้น 2 ตัวนี้จรๆเกี่ยวกันคนที่
00:08:58 → 00:09:00 เป็นแขมันพอกตับเนี่ยโดยมากถ้าสมมุติเป็น
00:09:00 → 00:09:02 ค้างไว้สักประมาณ 10 ปีไม่ได้ทำอะไรโอกาส
00:09:02 → 00:09:05 เกิดตับแข็งเริ่มมีละอย่างน้อยๆประมาณสัก
00:09:05 → 00:09:08 25% ทีเดียวึ่งถเกิดตับอาจจะเกิดตับแข็ง
00:09:08 → 00:09:10 ในเวลาผ่านไปหรืออย่างเช่นคนที่เป็นเบา
00:09:10 → 00:09:12 หวานอย่าเงี้ยครับแล้วเกิดไขมันพอกตับ
00:09:12 → 00:09:14 เพราะเบาหวานก็มีเรื่องของการดูดซึม
00:09:14 → 00:09:16 เรื่องของอ่าภาวะที่เรื่องน้ำตาลที่สูง
00:09:17 → 00:09:19 ผิดปกติหรือไขมันที่ดูดซึมผิดปกติอยู่
00:09:19 → 00:09:21 แล้วมาเกิดปัญหากับตัวเรื่องของทำให้เกิด
00:09:21 → 00:09:23 เรื่องของการอักเสบในลักษณะของไขมันพอก
00:09:23 → 00:09:25 ต่ำได้นะครับอนั้นก็มีความเสี่ยนต่อการ
00:09:25 → 00:09:27 เกิดตับแข็งในอนาคตได้ซึ่งตัวไบร scan เ
00:09:27 → 00:09:30 มันจะ detect ออกมาเป็นตัวเลขค่ะมันจะบอก
00:09:30 → 00:09:33 ความรุนแรงในเรื่องของภาวะไขมันพอกตับบอก
00:09:33 → 00:09:35 ความรุนแรงในเรื่องของพังผืดว่ามีดีกรี
00:09:35 → 00:09:37 เท่าไหร่เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ซึ่งตรงเนี้ย
00:09:37 → 00:09:40 ครับเราเอามาใช้ในแง่ของทั้งการตรวจคนที่
00:09:40 → 00:09:44 มีไขมันพอกตัดทั้งการรักษาประกอบกับการ
00:09:44 → 00:09:46 รักษากรุมที่เป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง
00:09:46 → 00:09:48 ด้วยเช่นเดียวกันเพื่อมาวัดผลหรือว่า
00:09:48 → 00:09:50 เพื่อเพื่อใช้บอกจุดที่เราควรจะเริ่ม
00:09:50 → 00:09:54 รักษาอย่างเงี้ครับาขาแล้วในการรักษาคา
00:09:54 → 00:09:57 ตับอักเสบต้องทำยังไงคะมันปรับพฤติกรรม
00:09:57 → 00:10:00 ได้ยถ้าเกิดเรายังเป็นไม่รุ่นแรงหรือว่า
00:10:00 → 00:10:02 ต้องถ้าเกิดรุนแรงแล้วก็คือก็ต้องเข้ารับ
00:10:02 → 00:10:05 การอาศัยยังไงคะจริงๆตัวตัว fy L เอง
00:10:05 → 00:10:07 หรือว่าการอักเสบในลักษณะเครับส่วนใหญ่
00:10:07 → 00:10:09 แล้วจริงๆมันเกิดจากพวกเรื่องของน้ำหนัก
00:10:09 → 00:10:11 ค่ะเรื่องของแล้วการรับประทานอาหารที่
00:10:11 → 00:10:14 เป็นของที่มี Free fatty Acid ขึ้นไปนะ
00:10:14 → 00:10:16 หรือว่า SH CH fy aid แล้วก็เรื่องของ
00:10:16 → 00:10:17 ตัว
00:10:17 → 00:10:20 อ่าการไม่ออกกำลังกายค่ะเพราะฉะนั้น
00:10:20 → 00:10:23 พฤติกรรมเป็นเมนเลยนะครับในกลุ่มของไขมัน
00:10:23 → 00:10:25 พอกตับสิ่งที่เราต้องปรับพฤติกรรมหนักๆ
00:10:25 → 00:10:27 เลยคือพฤติกรรมรัฐประทานของเราการออก
00:10:28 → 00:10:31 กำลังกายแล้วก็เรื่องของน้ำหนักตัวนะครับ
00:10:31 → 00:10:34 ถ้าเราแก้สิ่งเหล่านี้ได้อาการก็จะลดลงแ
00:10:34 → 00:10:36 มันพอกตับก็จะลดลงนะครับพฤติกรรมอื่นก็
00:10:36 → 00:10:38 คือการตอักเสบจากสาเหตุอื่นเช่นอย่าง
00:10:38 → 00:10:41 แอลกอฮอล์อันนี้ก็ตรงไปตรงมาก็ต้องลดนะ
00:10:41 → 00:10:43 ครับหรือต้องเลิกนะครับถ้าในกรณีที่เป็น
00:10:43 → 00:10:45 เยอะๆมากๆแล้วแล้วแล้วนะครับแต่ทั้งนี้
00:10:45 → 00:10:48 ทั้งนั้นในพารทของพฤติกรรมไวรัสตับอักเสบ
00:10:48 → 00:10:49 B การเปลี่ยนพฤติกรรมคงไม่ได้เปลี่ยนการ
00:10:49 → 00:10:53 ติดแต่การเปลี่ยนพฤติกรรมอาจจะป้องกันการ
00:10:53 → 00:10:56 ติดค่ะในที่นี้สำหรับคนที่ไม่เป็นค่ะอ่า
00:10:56 → 00:10:59 เช่นถ้าเราไม่แน่ใจเรารู้ว่าเราอาจจะมี
00:10:59 → 00:11:02 ความไปเกี่ยวข้องกับคนที่มีโอกาสจะติด
00:11:02 → 00:11:04 ไวรัสซบอันนี้เราอาจจะต้องป้องกันไว้ก่อน
00:11:04 → 00:11:06 นะครับเ่อการใช้ของใช้ร่วมกันในบางจุด
00:11:06 → 00:11:08 อย่างเงี้ยครับอันนี้ต้องระวังครับในพาร
00:11:09 → 00:11:11 ของพฤติกรรมครับนอกเหนือไปจากตัวพฤติกรรม
00:11:11 → 00:11:13 ที่ปรับแล้วก็จะมีเรื่องของการรักษาด้วย
00:11:13 → 00:11:16 ยาซึ่งแล้วแต่สาเหตุนะครับถ้าเป็นเรื่อง
00:11:16 → 00:11:18 ของสาเหตุจากแอลกอฮอลก็มียาแบบหนึ่งค่ะ
00:11:18 → 00:11:20 เป็นเรื่องของสาเหตุจากภูมิคุ้มกันก็เป็น
00:11:20 → 00:11:22 กลุ่มยากรดภูมิค่ะเป็นเรื่องของสาเหตุจาก
00:11:22 → 00:11:24 ไวรัส B ไวรัส C ก็เป็นยาของไวรัส B
00:11:24 → 00:11:26 ไวรัส C อย่างเงี้ครับก็จะเป็นสาเหที่แตก
00:11:26 → 00:11:28 ต่างกันออกไปถ้าเป็นไวรัส a หรือ E จริงๆ
00:11:28 → 00:11:31 ส่วนใหญ่เป็น S lit ค่ะไม่ค่อยต้องรักษา
00:11:31 → 00:11:33 ก็แค่ประคับประคองอาการต่างๆที่เกิดขึ้น
00:11:33 → 00:11:36 เฉยๆใช่ตัวเ่อไวรัส B เราสามารถป้องกัน
00:11:36 → 00:11:37 ไวรัส b กับ a ครับเราสามารถป้องกันได้
00:11:37 → 00:11:40 ด้วยการฉีดวัคซีนนะครับแต่ส่วนไวรัส C
00:11:40 → 00:11:42 อันนี้ยังไม่มีวัคซีนแล้วก็คาดว่าน่าจะ
00:11:42 → 00:11:45 ไม่มีนะฮะแต่ว่าก็ตัวตัวไวรัส a กับ B
00:11:45 → 00:11:47 เราสามารถฉีดได้ซึ่งจริงๆไวรัส B เป็นตัว
00:11:47 → 00:11:49 ที่แนะนำแบบชัดเจนเลยว่าควรจะไปฉีดเพราะ
00:11:49 → 00:11:52 ว่าจริงๆแล้วอ่าเรามีโอกาสที่จะติดได้
00:11:52 → 00:11:54 ค่อนข้างค่อนข้างสูงอยู่แล้วนะครับเพราะ
00:11:54 → 00:11:57 ฉะนั้นอันนี้ควรฉีดให้ครบถ้าใครยังไม่เคย
00:11:57 → 00:11:59 ไม่รู้หรือจำทำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าฉีด
00:11:59 → 00:12:01 ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่อันนี้ควรจะตรวจ
00:12:01 → 00:12:04 ก่อนว่า 1 มีภูมิมีภูมิมั้ยหรือว่ามี
00:12:04 → 00:12:06 เชื้อไวรัสตเสษ B หรือยังอย่างเงี้ยอ่า
00:12:06 → 00:12:10 ก่อนฉีดเก็จะให้ตรวจก่อนอยู่ะครับ
00:12:10 → 00:12:14 [เพลง]
00:12:14 → 00:12:19 ผม TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทาง
00:12:19 → 00:12:22 ด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
00:12:22 → 00:12:25 พร้อมกติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็น
00:12:25 → 00:12:29 สุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของ
00:12:29 → 00:12:31 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้าน
00:12:31 → 00:12:36 ต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:12:36 → 00:12:39 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:12:39 → 00:12:52 [เพลง]
00:12:52 → 00:12:57
00:12:57 → 00:13:02 โรค
00:13:02 → 00:13:11 [เพลง]