00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice น้ำตาลเนี่ยเป็นพลังงานพื้นฐานให้
00:00:08 → 00:00:11 กับเซลล์ทุกเซลล์ถามว่าเราไม่กินน้ำตาล
00:00:11 → 00:00:14 ได้ไหมได้นะปกติแล้วเนี่ยการเผาผลาญสาร
00:00:14 → 00:00:17 อาหารนั้นเนี่ยต้องอาศัยออกซิเจนที่เรา
00:00:17 → 00:00:20 หายใจเข้าไปแล้วอาหารและอากาศขาดไม่ได้
00:00:21 → 00:00:23 น้ำตาลเนี่ยเวลาเรากินเข้าไปเนี่ยมันจะไป
00:00:24 → 00:00:28 ทำปฏิกิริยาไกลเคชั่นกับโปรตีนมันทำให้
00:00:28 → 00:00:31 โมเลกุลของโปรตีนเนี่ยมันเสื่อมสภาพขาด
00:00:31 → 00:00:34 ความยืดยุ่นหน้าเราก็เหี่ยวเกิดริ้วรอย
00:00:34 → 00:00:37 หลอดเลือดแข็งตัวถ้าน้ำตาลเยอะๆโปรตีนก็
00:00:37 → 00:00:40 จะเสื่อมสภาพครับทำให้ความสามารถในการจับ
00:00:40 → 00:00:45 ออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงลดน้อย
00:00:45 → 00:00:49 ลงฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:57 This Is tha PBS podcast วันนี้เรา
00:00:57 → 00:01:01 จะมาพูดคุยกันค่ะถึงเรื่องของน้ำตาลความ
00:01:01 → 00:01:04 หวานนั่นเองนะคะแต่ว่าวันนี้ไม่ได้แบบว่า
00:01:04 → 00:01:07 คุยกันหวานๆหวานหูรื่นหูหรือไม่รู้จะลื่น
00:01:07 → 00:01:11 หูหรือเปล่านะแต่เป็นเรื่องของค่าน้ำตาล
00:01:11 → 00:01:15 ยิ่งสะสมยิ่งสูงเท่าไหร่เซลล์ยิ่งขาด
00:01:15 → 00:01:19 ออกซิเจนอุ๊ยมาแนวแบบว่าเอ่อทางหลักการ
00:01:19 → 00:01:21 ทางวิชาการแพทย์เลยทีเดียวนะคะวันนี้เรา
00:01:21 → 00:01:24 คุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุง
00:01:24 → 00:01:26 พืชจากวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ
00:01:26 → 00:01:28 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:28 → 00:01:34 อาจารย์คะสัสวัดีครับผมน้ำตาลนะคะก็รู้
00:01:34 → 00:01:38 อยู่แล้วแหละว่ากินเยอะก็ไม่ดีมีผลต่อ
00:01:38 → 00:01:43 สุขภาพนะคะแล้วก็นำมาสู่โรคเรื้อรังต่างๆ
00:01:43 → 00:01:46 นะฮแล้วก็โรคร้ายแรงที่มาเป็นแพ็คเกตเยอะ
00:01:46 → 00:01:50 แยะมากมายแต่เราคงไม่ได้มานั่งตักน้ำตาล
00:01:50 → 00:01:52 กินกันอะไรอย่างงั้นแน่ๆอยู่แล้วแหละ
00:01:52 → 00:01:55 เดี๋ยวนี้ความหวานในตัวเองอ่ะน้อยลงไป
00:01:55 → 00:01:56 แล้วค่ะ
00:01:56 → 00:02:01 พูดอ่อนหวานอ่อนงามอ่อนหวานอนอ่อนหวาน
00:02:01 → 00:02:04 แข่งกระด้างมากเลยช่วงนี้เชิญเชิญชวนคุณ
00:02:04 → 00:02:08 ผู้ฟังคนไทยทุกคนมาอ่อนหวานอ่อนหวานกัน
00:02:08 → 00:02:11 อ่าเพื่อสุขภาพอือ่อนหวานนี่คือหมายถึง
00:02:11 → 00:02:15 ว่าหวานน้อยๆนะคะไม่ใช่แบบว่ามาในแนวแบบ
00:02:15 → 00:02:19 หวานเจี๊ยบอะไรอย่างงั้นน้ำตาลน้อยๆอ่า
00:02:20 → 00:02:22 แต่น้ำตาลมันไปทำอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกับ
00:02:22 → 00:02:25 ร่างกายได้คะอาจารย์มันถึงไปทำให้แบบเอ้า
00:02:25 → 00:02:28 ทำไมมีสะสมและยิ่งขาดออกซิเจนน่ะอครับผม
00:02:28 → 00:02:31 ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเนาะว่าน้ำตาลเนี่ย
00:02:31 → 00:02:34 จริงๆแล้วเนี่ยเป็นพลังงานพื้นฐานให้กับ
00:02:34 → 00:02:38 เซลล์ทุกเซลล์นะของร่างกายค่ะนะครับถาม
00:02:38 → 00:02:42 ว่าเราไม่กินน้ำตาลได้มยได้นะได้เหรอได้
00:02:42 → 00:02:44 ครับก็คุณีไม่กินน้ำตาลแต่คุณียังกินข้าว
00:02:44 → 00:02:48 กินก๋วยเตี๋ยวอ๋อกินขนมปังอพอท้ายที่สุด
00:02:48 → 00:02:51 ปุ๊บอาหารประเภท
00:02:51 → 00:02:53 คาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนแปล้งเป็นเปลี่ยน
00:02:53 → 00:02:56 เปลี่นแปงตอนที่เรียนมันนเล็น้แปงเรา
00:02:56 → 00:02:58 เรียนตั้งแต่สมัยละ
00:02:58 → 00:03:02 อ่อนมันก็จะถูกถูกย่อยกลายไปเป็นน้ำตาลอื
00:03:02 → 00:03:04 ถูกมั้ยครับโมเลกุลเล็กที่สุดเช่นกลูโคส
00:03:04 → 00:03:07 อย่างเงี้ยค่ะนะเป็นพลังงานให้กับเซลล์ใน
00:03:07 → 00:03:10 ร่างกายของเราค่ะนะครับซึ่งการผลิตพลัง
00:03:10 → 00:03:13 งานให้กับเซลล์ในร่างกายของเราเนี่ยปกติ
00:03:13 → 00:03:17 แล้วเนี่ยมันจะมีตัวช่วยที่สำคัญนอกจาก
00:03:17 → 00:03:19 อาหารที่เรากินเข้าไปใช่มั้ยครับที่ให้
00:03:19 → 00:03:21 พลังงานกับร่างกายเพราะประกอบไปด้วยสาร
00:03:21 → 00:03:24 อาหารโดยเฉพาะสารอาหารหลักประเภท
00:03:24 → 00:03:27 คาร์โบไฮเดรตไขมันโปรตีนนะครับอ่าแต่การ
00:03:27 → 00:03:31 เผาผลาสารอาหารนั้นเนี่ยต้องอาศัย
00:03:31 → 00:03:34 ออกซิเจนก็คือที่เราหายใจเข้าไปค่ะถูก
00:03:34 → 00:03:38 มั้ยครับแล้วอาหารและอากาศขาดไม่ได้อือ่า
00:03:38 → 00:03:42 แล้วขาดไม่ได้อาหารอากาศขาดไม่ได้นะครับ
00:03:42 → 00:03:46 ซึ่งค่ะน้ำตาลเนี่ยเวลาเรากินเข้าไปเนี่ย
00:03:46 → 00:03:50 นะครับมันจะไปทำปฏิกิริยานะเคเรียก
00:03:50 → 00:03:56 ปฏิกิริยาไกลเคชั่นนะครับกับโปรตีนอืนะ
00:03:56 → 00:03:58 ครับน้ำตาลทำปฏิกิยากับโปรตีนนะปฏิกริยา
00:03:58 → 00:04:01 นี้เรียกว่าปฏิกิยาไกลเคชั่นคุณผู้ฟังอาจ
00:04:01 → 00:04:04 จะงงๆภาษาวิชาการเล็กน้อยไม่เป็นไรนะซึ่ง
00:04:04 → 00:04:09 ปฏิกิริยาเนี้ยมันทำให้โมเลกุลของโปรตีน
00:04:09 → 00:04:13 เนี่ยมันเสื่อมสภาพอาจารย์มักเปรียบเทียบ
00:04:13 → 00:04:15 กับไข่
00:04:15 → 00:04:20 ต้มคุณลีเคยต้มไข่ใช่มั้ครับค่ะแล้วแกะ
00:04:20 → 00:04:24 ไข่ต้มปอกเปลือกไข่เจอไข่ขาวคุณีเอานิ้ว
00:04:24 → 00:04:29 จิ้มไข่ขาวโปรตีนไข่ขาวจะยืดหยุ่นได้ดี
00:04:29 → 00:04:32 มั้ยมั้ยครับยืดหยุ่นดีอเด้งดึเด้งดเด้ง
00:04:32 → 00:04:35 ดึ๋ดีแต่เมื่อไหรก็ตามที่คุณรีโยนไข่โรง
00:04:35 → 00:04:38 หม้อแล้วเคี้ยวกับน้ำตาลเหมือนทำไข่ปะโร
00:04:38 → 00:04:42 อ่ะอาฮะเคี้ยวไป 3 ทวาราตีการใส่น้ำตาล
00:04:42 → 00:04:45 สูงๆเลยเออร่อยเป็นไงครับอร่อยใช่มั้ย
00:04:45 → 00:04:48 อร่อยอ่าแล้วหยิบไข่ฟองนั้นขึ้นมานะครับ
00:04:48 → 00:04:52 แล้วเอานิ้วจิ้มไปไข่แข็งมั้ยครับไข่แข็ง
00:04:52 → 00:04:56 นะเออแข็งขึ้นใช่ขาดความยืดหยุ่นอือ้าอือ
00:04:56 → 00:05:00 ๆๆฉะนั้นแล้วเนี่ยไอ้โครงสร้างของโปรตีน
00:05:00 → 00:05:03 มันเสื่อมสภาพขาดความยืดหยุ่นถ้าเป็นหนัง
00:05:03 → 00:05:06 หน้าเราก็ออุ้ยเป็นไงครับยืดหยุ่นได้ไม่
00:05:06 → 00:05:11 ดีคอลลาเจนอีลาสตินนะเสื่อมสภาพหน้าเราก็
00:05:11 → 00:05:14 เหี่ยวเกิดริ้วรอยหลอดเลือดก็ยืดหยุ่นได้
00:05:14 → 00:05:19 ไม่ดีหลอดเลือดแข็งตัวออ่าโปรตีนที่อยู่
00:05:19 → 00:05:23 ที่เม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดแดงเนี่ยทำหน้า
00:05:23 → 00:05:26 ที่ขนส่งออกซิเจนค่ะอ่าคุณผู้ฟังคงเคย
00:05:26 → 00:05:31 เอ้ยเรียนสมัยเรียนเอ่อไม่รู้สปชสรนนะ
00:05:31 → 00:05:34 หรือเรียนตั้งแต่สมัยปฐมมัธยมหรือมหาลัย
00:05:34 → 00:05:37 ใดๆก็ตามแต่ทุกท่านคงรู้ว่าเฮ้ยเม็ดเลือด
00:05:37 → 00:05:40 แดงเนี่ยขนส่งออกซิเจนให้กับเซลล์ต่างๆ
00:05:40 → 00:05:44 เพื่อผลิตเป็นพลังงานอืงั้นแล้วเนี่ยถ้า
00:05:44 → 00:05:49 น้ำตาลสูงๆไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เม็ด
00:05:49 → 00:05:51 เลือดแดงเพราะเม็ดเลือดแดงเนี่ยมันจะมี
00:05:51 → 00:05:53 โมเลกุลของโปรตีนอยู่ที่เราเรียกว่า
00:05:53 → 00:05:58 ฮีโมโกลบินก็คือีมธาตุเหล็กจับกับบินก็
00:05:58 → 00:06:01 คือโปรตีนไอ้ฮีโมโกลบินเนี่ยมีเหล็กกับ
00:06:01 → 00:06:04 โปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักอค่ะอแล้วถ้าน้ำ
00:06:04 → 00:06:10 ตาลเยอะๆมันก็จะไปทำปริญากับโปรตีนโปรตีน
00:06:10 → 00:06:13 ก็จะเสื่อมสภาพครับอือ่าโปรตีนที่เม้เล
00:06:13 → 00:06:18 แดงนะเสื่อมสภาพทำให้ความสามารถในการจับ
00:06:18 → 00:06:23 ออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงลดน้อยลงอือ่ามัน
00:06:24 → 00:06:26 แทนที่จะแอคทีฟเต็มที่เจอน้ำตาลจู่โจม
00:06:26 → 00:06:28 เข้ามาเสื่อมสภาพนึกถึงไข่พะโล้เด้งดึ
00:06:28 → 00:06:31 เด้งดึงดหนี่เป็นไงครับแข็งยืดหยุ่นได้
00:06:31 → 00:06:35 ไม่ดีค่ะเหมือนโดนโดนแบบเสื่อมสภาพอ่ะ
00:06:35 → 00:06:38 เหมือนเรานี่ยังแบบอุยจับได้ดีอยู่นะมือ
00:06:38 → 00:06:40 ไม้เราจับได้ดีแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา
00:06:40 → 00:06:43 แบบโดนโดนช็อตเหมือนตัวแข็งอ่ะเราจะจับ
00:06:43 → 00:06:47 ได้ไม่ดีแลไอ้โมเลกุลโปรตีนที่เมลอแดงก็
00:06:47 → 00:06:50 จับออกซิเจนได้ไม่ดีออแล้วกลายเป็นว่า
00:06:50 → 00:06:54 ออกซิเจนเป็นไงครับมันก็ถูกขนส่งมาให้
00:06:54 → 00:06:58 เซลล์ต่างๆน้อยอแล้วยิ่งน้ำตาลยิ่งสูง
00:06:58 → 00:06:59 เซลลล์
00:06:59 → 00:07:02 ยิ่งจะขาดออกซิเจนงั้นพอเซลล์ขาดออกซิเจน
00:07:02 → 00:07:04 เกิดอะไรขึ้นครับ
00:07:04 → 00:07:09 อ่าเซลล์ขาดออกซิเจนถ้าเซลล์มีออกซิเจน
00:07:09 → 00:07:13 น้อยการเผาผ่านเราก็น้อยการผลิตพลังงาน
00:07:13 → 00:07:15 เนาะซึ่งร่างกายเราใช้พลังงานในรูปแบบของ
00:07:15 → 00:07:18 ATP เนี่ยผลิตพลังงานก็จะลดน้อยลงเพราะ
00:07:18 → 00:07:21 ออกซิเจนคือตัวลับเอ่อพลังงานอิเล็กตรอน
00:07:21 → 00:07:23 ตัวสุดท้ายในกระบวนการขนส่งอิเล็กตรอนที่
00:07:23 → 00:07:27 ผลิตพลังงานน่ะอืออ่าพูดง่ายๆว่าน้ำตาล
00:07:27 → 00:07:31 สูงมันไปทำให้เม็ดเลือดเอ่อโปรตีนที่เม็ด
00:07:31 → 00:07:34 เลือดแดงเนี่ยเสื่อมสภาพแล้วขนส่ง
00:07:34 → 00:07:37 ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ไม่ดีเซลล์ก็ยิ่ง
00:07:37 → 00:07:40 ขาดออกซิเจนงั้นแล้วออกซิเจนเซลล์เอาไป
00:07:40 → 00:07:44 ทำไมผลิตพลังงานรจะอ่อนเพียเหนื่อยง่าย
00:07:44 → 00:07:48 ไม่มีเลี้ยวแรงการผลิตพลังงานของเราก็แบบ
00:07:48 → 00:07:50 เฮ้ยผลิตพลังงานได้ไม่ดีแล้วอย่าลืมนะ
00:07:50 → 00:07:52 เซลล์ทุกเซลล์ต้องการพลังงานค่ะถูกมั้ย
00:07:52 → 00:07:56 ครับแล้วแล้วสเซล์สมองล่ะก็ก็ต้องการ
00:07:56 → 00:07:59 ออกซิเจนเพื่อไปผลิตพลังงานใช้ในกระบวน
00:07:59 → 00:08:01 การเรียนรู้ความจำทั้งหลายแหล่อ่า
00:08:01 → 00:08:04 อันเนี้ยเป็นงานวิจัยล่าสุดที่เขาพบน้ำ
00:08:04 → 00:08:07 ตาลสะสมยิ่งสูงยิ่งเสี่ยงต่อการขาด
00:08:07 → 00:08:09 ออกซิเจนเพราะน้ำตาลเฉลี่ยสะสมเนี่ยที่
00:08:09 → 00:08:12 อาจารย์พูดเนี่ยไม่ใช่ว่าโอ้ต้องไปเจาะ
00:08:12 → 00:08:15 แลบตัวนู่นนี่นั่นนะเวลาคุณผู้ฟังหรือคุณ
00:08:15 → 00:08:17 รีไปตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ยเราจะตรวจ
00:08:17 → 00:08:20 ฟาสติ้งบาซูก้าหรือฟาสติ้งพลาสมากลูโคส
00:08:20 → 00:08:22 หรือค่าน้ำตาลหลังอดอาหารใช่มั้ยครับที่
00:08:22 → 00:08:26 เขาบอกให้คุณรีอดอาหารเอ่อไป 8 ชมถึง 10
00:08:26 → 00:08:30 ชมงอันนี้คือน้ำตาลในเลือดอืนะที่แบบเฮ้ย
00:08:30 → 00:08:34 หลังงดอาหารหลังจากที่เราฟาสติ้งแต่มันจะ
00:08:34 → 00:08:38 มีตัวชี้วัดน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยสะสมที่
00:08:38 → 00:08:43 เราเรียกว่าค่า hba1c หรือฮีโมโกบิน a1c
00:08:43 → 00:08:46 ซึ่งตรวจได้ทุกโรงพยาบาลมีตรวจอยู่แล้วอ
00:08:46 → 00:08:50 ที่เราบอกว่าเฮ้ยไอ้ค่าเนี้ยฉันตบตาหมอ
00:08:50 → 00:08:53 ไม่ได้นะเพราะบางคนเนี่ยมีนัตรวจเลือดวัน
00:08:53 → 00:08:55 จันทร์เช่นหมอบอกคุณรีนะตรวจเลือดวัน
00:08:55 → 00:08:58 จันทร์อ่าเสาร์อาทิตย์นี้ถไม่กินขนมหวาน
00:08:58 → 00:09:00 ไม่กินของหวานเลยแตะเลยอ่าพอไปเจาะปุ๊บ
00:09:00 → 00:09:03 อุยน้ำตาลชั้นปกติไม่เกิน 100 น้ำตาลคน
00:09:03 → 00:09:07 ปกติควรจะอยู่ที่ค่าไม่เกิน 100 นจะ
00:09:07 → 00:09:11 80-100 ต่ำบ 70 ก็ไม่ดีไฮโปไลซีนภาวะน้ำ
00:09:11 → 00:09:13 ตาลต่ำก็อันตรายสูงเกิน 100 เริ่มเป็นเบา
00:09:13 → 00:09:17 หวานแฝงแล้วนะอ่าไปคัพอยอยู่ที่ 125 ถ้า
00:09:18 → 00:09:21 ไกลเกิน 125 ก็เป็นเบาหวานจริงและมีเบา
00:09:21 → 00:09:23 เบาหวานเตรียมเๆเป็นเบาหวานอ่าฉะนั้นแล้ว
00:09:24 → 00:09:26 ถ้าใครอยู่ที่ช่วง 100 - 125 ก็เป็น
00:09:26 → 00:09:30 ภาวะพรีไบหรือเบาหวานแฝงอืออแล้วน้ำตาล
00:09:30 → 00:09:33 ตรงเนี้ยบางคนแบบเฮ้ยไปตบตาคุณหมอว่าเฮ้ย
00:09:33 → 00:09:36 ฉันงดอาหารหวานก่อนสัก 2-3 วันเดี๋ยวจะไป
00:09:36 → 00:09:41 เจาะเลือดน้ำตาลไอ้ปกติที่เราไปตรวจๆ
00:09:41 → 00:09:42 เนี่ยฟาสติ้ง
00:09:42 → 00:09:46 เนี่ยลดลงอือแต่น้ำตาลเฉลี่ยสะสมเนี่ยมัน
00:09:46 → 00:09:50 อยู่ตามอายุไขของเม็ดเลือดแดงซึ่งมันก็จะ
00:09:50 → 00:09:54 มีอายุเฉลี่ยประมาณ 3 เดือนอแล้วมันจะบ่ง
00:09:54 → 00:09:56 ชี้ว่า 3 เดือนที่ผ่านมาเนี่ยพฤติกรรมการ
00:09:56 → 00:09:59 กินหวานของคุณรีเป็นอย่างไรไม่ได้ว่าแค่
00:09:59 → 00:10:02 ว่าอดมา 2 วันนี่ใช่ไม่ไม่อดมา 2 วันเบาง
00:10:02 → 00:10:06 คนแบบอุ๊ยอด 2 วันหมอรู้ได้เออคุลีแบบแค่
00:10:06 → 00:10:09 90 กว่าเองแต่พอไปดูค่าฮีโมโกลบิน a1c
00:10:10 → 00:10:13 ป๊าดปืบไปแบบ 6.5 นั่นเข้าเขตเบาหวานเลย
00:10:13 → 00:10:17 นะอ่าเข้าเขตเบาหวานเลยซึ่งค่าปกติใน
00:10:17 → 00:10:22 แพทย์ปัจจุบันเนี่ยไม่ควรเกิน 5.7 ค่าน้ำ
00:10:22 → 00:10:25 ตาลเฉลี่ยสะสมหรือฮีโมโกลบิน a1c ไม่ควร
00:10:25 → 00:10:30 เกิน 5.7 นะครับอ่าถ้ามากกว่า 6.5 เนี่ย
00:10:30 → 00:10:34 นะจะแบบเป็นเบาหวานแล้วแหละบางคนไป 7 นี่
00:10:34 → 00:10:37 จะมีปัญหาหลอดเลือดและเบาหวานขึ้นตานะตา
00:10:37 → 00:10:42 เสื่อมนะเบาหวานลงไตไตเสื่อมโออ่าเบาหวาน
00:10:42 → 00:10:45 ขึ้นตาลงไตแล้วก็ลงอีกตอนึงข้างล่างเท้า
00:10:45 → 00:10:49 เราอ่ะนะก็คือก็เป็นแผลแล้วก็หายากเพราะ
00:10:49 → 00:10:52 ภูมิคุ้มกันไม่ดีอืเห็นมั้ยครับแล้วไอ้
00:10:52 → 00:10:55 น้ำตาลสะสมเนี่ยมันจะบ่งชี้ได้นะมันไม่
00:10:55 → 00:10:58 ใช่แค่ว่าแบบอ้าเบาหวานแล้วเป็นไงล่ะน้ำ
00:10:58 → 00:11:01 ตาลอยู่ในข้างข้างในร่างกายหลอดเลือดเรา
00:11:01 → 00:11:04 โออาจารย์บอกเลยคนเป็นเบาหวานส่วนใหญ่
00:11:04 → 00:11:06 เนี่ยทุกวันนี้มักจะเสียชีวิตด้วยกลุ่ม
00:11:06 → 00:11:10 โรคหัวใจและหลอดเลือดถ้าไม่เกิดสตกอืนึก
00:11:10 → 00:11:14 ออกมั้ยครับก็นี่แหละนะล้างไตอนะเพราะ
00:11:14 → 00:11:17 เลือดมันโค่นหนืดไตทำงานหนักค่ะอ่ามัน
00:11:17 → 00:11:21 อันตรายยิ่งกว่าโซเดียมอีกนะเออน้ำตาลไม่
00:11:21 → 00:11:23 กินยังได้นะแต่โซเดียมไม่กินไม่ได้นะโซ
00:11:23 → 00:11:26 โซเดียมคือยังไงต้องมีอยู่ในร่างกายเออู
00:11:26 → 00:11:28 เพราะมันคือสารอาหารแต่แค่เรามีเกินไงเ
00:11:28 → 00:11:31 ให้กิน 2,000 จากการสำรวจคนไทยทุกวันนี้
00:11:31 → 00:11:33 กิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวันโอโห 2 เท่าเลย
00:11:33 → 00:11:36 อ่ะถูกต้องน้ำตาลอย่างเงี้ยไม่เกิน 24
00:11:37 → 00:11:40 กรัมหรือ 6 ช้อนชาพี่ไทยเรา 28 ช้อนชาต่อ
00:11:40 → 00:11:42 วันว้าตายแล้วเห็นมั้ยครับทั้งๆที่
00:11:42 → 00:11:44 อาจารย์บอกแล้วน้ำตาลไม่กินก็ได้แต่
00:11:44 → 00:11:47 คารโบไฮเดรตไม่กินไม่ได้เพราะยังไงก็ต้อง
00:11:47 → 00:11:50 เป็นพลังงานพื้นฐานอ๋ออย่างงั้นแสดงว่า
00:11:50 → 00:11:53 เออเพราะว่าเพราะว่ากำลังคิดอยู่ว่าเอ้ย
00:11:53 → 00:11:56 เราไม่กินน้ำตาลมันได้ด้วยหรอเพราะว่าได้
00:11:56 → 00:11:58 ไม่กินน้ำตาล 7 วันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
00:11:58 → 00:12:01 เนี่ยเห็นพวกอิซอร์ชอบทำคลิปกันจะเกิด
00:12:01 → 00:12:05 อะไรขึ้นอ่าหงุดหงิดบีนเบี่ยงถ้าเราหัก
00:12:05 → 00:12:08 ดิบจะเป็นแบบนั้นเลยอืเหมือนเมื่อสักครู่
00:12:08 → 00:12:11 นี้ที่คุณใหญ่จะเอ้ยไม่กินเลยจะเป็นไร
00:12:11 → 00:12:13 มั้ยอะไรอย่างเงี้ยคุณต้องค่อยๆลดเมื่อ
00:12:14 → 00:12:17 ก่อนอาจารย์กินกาแฟเใส่น้ำตาลนะปกติเลยนะ
00:12:17 → 00:12:19 หวานร้อยนะหวานร้อยเอออ่าเมื่อประมาณ 10
00:12:19 → 00:12:23 ปีที่แล้วพอตอนหลังอ่ะลดน้ำตาล 50 พอตอน
00:12:23 → 00:12:26 หลัง 25 พอตอนหลังูเลยค่อออแล้วพอไปกิน
00:12:27 → 00:12:29 ไอ้หวานต่อให้หวานน้อยก็รู้สึกหวานกินไม่
00:12:29 → 00:12:32 ได้งั้นแล้วร่างกายเราต้องค่อยๆปรับตัว
00:12:32 → 00:12:35 อย่าหักดิบเถึงบอกว่ากินน้ำตาลมากๆอ่ะอัน
00:12:35 → 00:12:38 นี้ที่ได้ยินมาแล้วรู้สึกว่าสะเทือนใจมาก
00:12:38 → 00:12:40 เลยคือการกินน้ำตาลมากๆแล้วทำให้แก่ค่ะ
00:12:40 → 00:12:43 อาจารย์อถูกต้องครับผมเพราะอย่างที่
00:12:43 → 00:12:45 อาจารย์บอกแหละว่า
00:12:45 → 00:12:50 สารตัวเนี้ยมันเกิดขึ้นนะสารเร่งแก่เ้า
00:12:50 → 00:12:55 เรียกสารเร่งแก่อืนะครับก็คือน้ำตาลใน
00:12:55 → 00:12:58 เลือดทำกยากับโปรตีนในร่างกายโอ้โหโปรตีน
00:12:58 → 00:13:00 นี่เพียบเลยอ่ะไม่ใช่แค่เม็ดเลือดอย่าง
00:13:00 → 00:13:03 เดียวนะที่ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจนค่ะ
00:13:03 → 00:13:06 โปรตีนที่หนังหน้าเราไงคอลลาเจนอีลาสติน
00:13:07 → 00:13:10 เป็นไงครับมันก็เสื่อมสภาพหลอดเลือดของ
00:13:10 → 00:13:14 เราทุกอย่างโปรตีนในร่างกายอัลบูมินที่ขน
00:13:14 → 00:13:18 ส่งสารอาหารก็ถูกทำลายอืมันก็เสื่อมสภาพ
00:13:18 → 00:13:21 หมดเลยทุกอย่างค่ะจากน้ำตาลครับอย่าว่า
00:13:21 → 00:13:26 แต่พวกโปรตีนเลยคุณลีสมองเราอ่ะโดนน้ำตาล
00:13:26 → 00:13:29 แช่อิ่มฟอนะครับเค้าเอาคนที่เป็นเป็นเบา
00:13:29 → 00:13:34 หวานนะมาผ่าหัวสมองเลยกับคนปกติมาผ่าซิอื
00:13:34 → 00:13:37 แล้วดูลักษณะสมองไอ้คนที่เป็นเบาหวาน
00:13:37 → 00:13:40 เนี่ยน้ำตาลสูงๆเนี่ยสมองฟ่อเหี่วลีฟี่ฟอ
00:13:41 → 00:13:44 อืน้ำหนักสมองเล็กกว่าคนปกติที่ไม่เป็น
00:13:44 → 00:13:47 เบาหวานเออแล้วแล้วน้ำตาลสูงๆในเลือดไป
00:13:47 → 00:13:51 แช่อิ่มสมองค่ะเห็นมั้ยครับอแล้วสมองเรา
00:13:51 → 00:13:55 ก็ฝ่อความจำไม่ดีอือได้รับน้ำตาลเยอะ
00:13:55 → 00:13:59 คอกีฟังก์ชันได้ไม่ดีค่ะไม่ใช่แค่สมองนะ
00:13:59 → 00:14:04 สายตาอ๋อนึกออกมครับทุกอย่างเลยอ่าคือว่า
00:14:04 → 00:14:07 โอ้ยเบาหวานขึ้นตาเบาหวานขึ้นตาตาเริ่ม้า
00:14:07 → 00:14:09 มัวเป็นต้งเป็นต้ออะไรมีปัญหาและหลอด
00:14:09 → 00:14:12 เลือดตามันยิ่งเล็กด้วยอ่ะออแล้วมันขาด
00:14:12 → 00:14:14 ความยืดหยุ่นได้ไม่ดีมันก็มีปัญหาเรื่อง
00:14:14 → 00:14:18 ของสายตาและแล้วลงมาจากสมองสายตานะกิน
00:14:18 → 00:14:21 หวานมากเป็นไงครับถ้าเด็กๆฟันผูอีกเออ
00:14:21 → 00:14:24 เป็นเพราะน้ำตาลความหวานน้ำตาลความหวาน
00:14:24 → 00:14:27 นี่ลงมาระบบหัวใจรอดเลือดหมดเลยทั้งเบา
00:14:27 → 00:14:30 หวานค่ะความดันด้วยนะเพราะน้ำตาลในเลือด
00:14:30 → 00:14:33 สูงๆคุณผู้ฟังคุณลีเคยทำน้ำเชื่อมใช่มั้ย
00:14:33 → 00:14:36 ใช่มันหนืดหนืดหัวใจก็ต้องบีบตัวหนักเ้อ
00:14:36 → 00:14:39 ความดันก็สูงขึ้นนะหัวใจบีบตัวหนักความ
00:14:39 → 00:14:41 ดันสูงขึ้นแล้วน้ำตาลเปลี่ยนไปเป็น
00:14:41 → 00:14:44 ไตรกลีเซอไรด์ได้เปลี่ยนไปเป็นไขมันใน
00:14:44 → 00:14:47 เลือดได้ไขมันในเลือดก็สูงโอ้โหเห็นมั้ย
00:14:47 → 00:14:50 ครับความดันก็สูงไขมันก็สูงค่ะแล้วน้ำตาล
00:14:50 → 00:14:52 ก็เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมในช่องท้องของ
00:14:52 → 00:14:56 เราได้อ้าอ้วนหลงพุงอีกอาจารย์อย่าง
00:14:56 → 00:15:00 งี้กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลอะไรี้เคจะบ่น
00:15:00 → 00:15:02 หรอกมยเนี่ยไม่บ่นครับเพราะว่าเค้าก็ยัง
00:15:02 → 00:15:07 ขายดีรวยกันอยู่นะก็เเคก็ต้องมีการปรับ
00:15:07 → 00:15:11 ตัวอือ่ายังไงน้ำตาลก็ก็ที่อาจารย์บอกกับ
00:15:11 → 00:15:14 คนบริโภคน้ำตาลเยอะั้ยล่ะก็เยอะก็จากที่
00:15:14 → 00:15:18 ไม่เกินเท่าไหร่นะ 6 ช้อนชาอ่ะไป 28 28
00:15:18 → 00:15:21 ธุรกิจน้ำตาลก็สูงขึ้นสูงขึ้นเราก็รัฐบาล
00:15:21 → 00:15:25 ก็พยายามมีมาตรการนะขึ้นภาษีภาษีน้ำตาล
00:15:25 → 00:15:28 ถามว่าเกาถูกที่คันมั้ยไม่ป่ะต้องไปสร้าง
00:15:28 → 00:15:32 ความรอบรู้สุขภาพ healy ความรอบรู้สุขภาพ
00:15:32 → 00:15:36 ให้กับประชาชนอือย่างเงี้ยคุณผู้ฟังโรง
00:15:36 → 00:15:40 หมออุยรู้แล้วกินน้ำตาลดีสมองก็ฉันก็จะ
00:15:40 → 00:15:44 เสื่อมเรวตาเตอเบาวงเบาหวานความดันหัวใจ
00:15:44 → 00:15:48 ไขมันแล้วน้ำตาลเป็นอาหารอันโอชะโอชาของ
00:15:48 → 00:15:53 เซลล์มะเร็งอ่าชอบเลยมะเร็งชอบน้ำตาลอื
00:15:53 → 00:15:55 อ่าเซลล์ปกติใช้น้ำตาลมั้ยอาจารย์เซล์
00:15:55 → 00:16:01 ปกติก็ใช้นะไม่ใช่ไม่ใช้ค่ะแต่เซมะเร็ง
00:16:01 → 00:16:04 ชอบน้ำตาลแล้วใช้ต้องการน้ำตาลมากกว่า
00:16:04 → 00:16:08 เซลล์ปกติอืเวลาเาตรวจวินิจฉัยมะเร็งอ่ะ
00:16:08 → 00:16:12 ครับจะมีวิธีการเครื่องตรวจเขาก็ฉีดน้ำ
00:16:12 → 00:16:15 ตาลเข้าไปแล้วดูว่าเซลล์ไหนที่มันวาบวบ
00:16:15 → 00:16:18 กินน้ำตาลน่ะเซลล์มะเร็งยังแอคทีอยู่ว
00:16:18 → 00:16:20 เพราะเซลล์มะเร็งมีความต้องการน้ำตาลแบบ
00:16:20 → 00:16:24 สูงมากอุยสูงกว่าเซลล์ปกติอ่ะ 18 เท่า
00:16:24 → 00:16:27 เพราั้นแล้วยิ่งกินน้ำตาลเข้าไปเนี่ยมัน
00:16:27 → 00:16:29 ไม่ใช่รีดเซล์ปกติอย่างเดียวนะี่เซล์
00:16:29 → 00:16:32 มะเร็งมเร็งก็โหแบบชอบเลยแย่งจับกินอย่าง
00:16:32 → 00:16:34 มากเลยแล้วมันมีงานวิจัยอันนึงอาจารย์
00:16:34 → 00:16:37 เพิ่งไปบรรยายงานของที่เอ่อโรงพยาบาล
00:16:37 → 00:16:41 มะเร็งมานะครับที่ลพบุรีค่ะคือบอกเลยว่า
00:16:41 → 00:16:47 คนที่กินน้ำตาลนะสูงๆเนาะกิน
00:16:47 → 00:16:53 เอ่อน้ำอัดลมน้ำผลไม้ 4 ล้านกว่าคนที่ทำ
00:16:53 → 00:16:57 การศึกษาวิจัยนะ 37 การศึกษาวิจัยทั่วโลก
00:16:57 → 00:17:00 แล้วรวมข้อมูลกัน 4 ล้ากว่าคนดูความ
00:17:00 → 00:17:04 สัมพันธ์เพบว่าคนที่กินน้ำอัดลมน้ำผลไม้
00:17:04 → 00:17:08 น้ำตาลสูงๆออฮะกลายเป็นว่าสัมพันธ์กับ
00:17:08 → 00:17:12 ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง 31% อุ้ยเยอะ
00:17:12 → 00:17:16 นะน่ะเยอะเยอะครับต่อให้มันเป็นความ
00:17:16 → 00:17:18 สัมพันธ์กันมันไม่ใช่คอรสเอฟเฟคโดยตรง
00:17:18 → 00:17:21 เหมือนการศึกษาแบบอเอ่อการวิจัยทางคลินิก
00:17:21 → 00:17:23 rct ที่อ้าให้กินน้ำตาลไปเลยทุกวันเราคง
00:17:23 → 00:17:26 ทำไม่ได้หรอกอือๆนึกออกมั้ยแล้วคุณเกิด
00:17:26 → 00:17:28 มะเร็งไม่เกิดมะเร็งเราทำในสัตว์ทดลองค่ะ
00:17:28 → 00:17:31 แต่ก็เอ็นดูสัตว์ทดลองเขาอีกเขไปก็อย่าไป
00:17:31 → 00:17:34 ทรมานเเป็นแล้วเนี่ยมันก็มันถึงบอกกันแบบ
00:17:34 → 00:17:38 เฮ้ยถ้าเรางดได้ก็งดอืแต่ความสุขของเรา
00:17:38 → 00:17:41 อ่ะคือการกินอาจารย์เข้าใจแล้วเราก็
00:17:41 → 00:17:45 พยายามใช้โคต้าของเราเนี่ยให้มัน
00:17:45 → 00:17:49 เอ่ออยู่ในปริมาณที่เหมาะสมอ่ะไม่กินได้
00:17:49 → 00:17:51 เราได้กำไรนะวันเนี้ยคุณลีกินน้ำตาลไป
00:17:51 → 00:17:54 เท่าไหร่แล้วมันกินไปเท่าไหร่ไม่รู้มัน
00:17:54 → 00:17:56 อยู่ในอาหารอมันแฝงอยู่ส่วนใหญ่มันก็จะ
00:17:56 → 00:18:01 แฝงอยู่ในแบบพวกนี่แหละอาหงอาหารพวกไอ้
00:18:01 → 00:18:06 พวกเอ่อเครื่องดื่มอ่ะสำเร็จรูปอ่ะพร้อม
00:18:06 → 00:18:10 ดื่มอ่ะเยอะมากเออน้ำผลไม้พร้อมดื่มเอ่อ
00:18:10 → 00:18:14 ชาพร้อมดื่มค่ะอ่าทั้งหลายแหล่แล้วไม่ใช่
00:18:14 → 00:18:16 แค่น้ำตาลทรายอย่างเดียวน้ำตาลฟรุกโตสก็
00:18:16 → 00:18:20 เหมือนกันอืก็อันตรายนะครับอาจารย์แล้ว
00:18:20 → 00:18:22 ระหว่างที่แบบว่าอน้ำตาลที่แฝงอยู่ใน
00:18:22 → 00:18:25 อาหารน่ะเครื่องดื่มอะไรต่างๆเหล่านี้กับ
00:18:25 → 00:18:30 การที่เรากินข้าวแป้งอาฮะเอ่อขมขนมปัง
00:18:30 → 00:18:32 อะไรพวกเนี้ยแล้วมันมันก็กลายไปเป็นน้ำ
00:18:32 → 00:18:35 ตาลน่ะอันไหนมันดูน่าจะอันตรายกว่ากัน
00:18:35 → 00:18:39 หรือมันพอน้ำตาลเลยครับน้ำตาลโดยตรงเลยเ
00:18:39 → 00:18:42 เรียก Simple cate คบตเชิงเดียวอคือกิน
00:18:42 → 00:18:44 เข้าไปปุ๊บมันทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูง
00:18:44 → 00:18:46 ปี๊เลยอ่าอันตรายเลยครับแต่ถ้าเกิดกิน
00:18:46 → 00:18:49 ข้าวไปข้าวเปลี่ยนเป็นแป้งเป็นอ่ามันยัง
00:18:49 → 00:18:51 ใช้กระบวนการในการย่อยการดุซึมั้นแล้ว
00:18:51 → 00:18:55 ยิ่งชะลอการย่อยและการดุซึมได้มากเท่า
00:18:55 → 00:18:58 ไหร่ยิ่งดีเพราะน้ำตาลโมเลกุลน้ำตาลจะ
00:18:58 → 00:19:00 ค่อยๆถูกปลดปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดค่ะ
00:19:00 → 00:19:03 งั้นแล้วเนี่ยตับอ่อนที่หลั่งอินซูลินก็
00:19:03 → 00:19:06 ไม่ทำงานหนักในการที่จะเก็บน้ำตาลเข้าไป
00:19:06 → 00:19:10 ในเซลล์รดน้ำตาลในเลือดนะั้นแล้วเนี่ยถ้า
00:19:10 → 00:19:13 เรากินอาหารต่อให้คุณรีกินข้าวอ่ะข้าวยัง
00:19:14 → 00:19:18 มีหลายชนิดอ่าข้าวถ้าข้าวที่ดัชนีน้ำตาล
00:19:18 → 00:19:20 สูงเลยคือกินข้าวขาวปกติเลยกินเข้าไปปุ๊บ
00:19:20 → 00:19:24 น้ำตาลขึ้นสูงปรื๊ดเลยแต่ถ้าเกิดกินข้าว
00:19:24 → 00:19:29 กล้องอืข้าวกข 43 หรือข้าวที่มันผสมขี้
00:19:29 → 00:19:33 นัวอ่ามันก็จะมีพวกใหญอาหารอยู่ด้วยมันก็
00:19:33 → 00:19:38 จะทำให้การย่อยเนี่ยช้าแล้วก็ค่อยๆปลด
00:19:38 → 00:19:41 ปล่อยโมเลกุลน้ำตาลอืเข้าสู่กระแสเลือด
00:19:41 → 00:19:44 น้ำตาลมันก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นในเลือดเราก็
00:19:44 → 00:19:48 จะอิ่มได้นานอิ่มได้ทนเออไม่ใช่แบบว่าไม่
00:19:48 → 00:19:50 ได้หิวบ่อยแล้วสังเกตเรากินบางทีเรากิน
00:19:50 → 00:19:54 แบบโจ๊กเจิข้าวต้มข้าวขาวอ่ะปรืดๆือ้าว
00:19:54 → 00:19:57 ทำไมแป๊บเดียวหิแล้วน้ำตาลตกไงพอน้ำตาลตก
00:19:57 → 00:20:00 ปุ๊บสมองสั่งเลยเฮ้ยหิวอีกแล้วอ่ะหิวโหย
00:20:00 → 00:20:02 ด้วยเหอะวันอ่าโหยด้วยแล้วเขาถึงต้องกิน
00:20:02 → 00:20:06 คาร์โบไฮเดรตพวกเชิงซ้อนไงต่อให้คนที่กิน
00:20:06 → 00:20:09 เอ่อคีโตคนกินโลขาบก็ตามแต่นะเาก็แนะนำ
00:20:09 → 00:20:12 เลยว่าให้กินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนต่อให้
00:20:12 → 00:20:15 คุณกินคาร์โบไฮเดรตต่ำบอกว่าเอ้ยคุณรีบอก
00:20:15 → 00:20:18 ว่าเนี่ยอาจารย์ทำ
00:20:18 → 00:20:22 เอ่อกินแบบโลขาบต้องการลดน้ำหนักคือกิน
00:20:22 → 00:20:27 น้ำตาลต่ำค่ะนะวันนึงเนี่ยกินแบบข้าวแค่
00:20:27 → 00:20:31 เอ่อประมาณทัพพี 2 ทัพพีอ่าคือแบบเฮ้ย
00:20:31 → 00:20:33 ต้องการกินน้อยมากอย่างเงี้ยข้าวแบบวันละ
00:20:34 → 00:20:35
00:20:35 → 00:20:40 ทัพพีแล้วไปกินพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
00:20:40 → 00:20:44 เช่นกินน้ำหวานอ่าน้ำอมัดลมชานมไข่มุก
00:20:44 → 00:20:48 ช็อกโกแลตลาวาชิบูย่าฮันนี้นะข้าวเหนียว
00:20:48 → 00:20:51 ข้าวเหนียวมะม่วงเงี้อ่ากลายเป็นว่าไอ้
00:20:51 → 00:20:56 พวกเนี้ยต่อให้คุณกินน้อยอ่ะแต่คุณกินแบบ
00:20:56 → 00:21:00 ชนิดที่มันไม่ดีอ่ะมันก็ก็ทำให้ผลเสียต่อ
00:21:00 → 00:21:03 สุขภาพเช่นเดียวกันอือนแล้วคุณภาพและ
00:21:03 → 00:21:06 ปริมาณสำคัญทั้งคู่อือาจารย์บอกว่าอุ๊ย
00:21:06 → 00:21:08 เนี่ยกินข้าวข้าว
00:21:08 → 00:21:13 เอ่อกล้องดีแต่คุณลีกินมื้อละ
00:21:13 → 00:21:17 หม้อเป็นไงครับมันก็ได้พลังงานเยอะอีก
00:21:18 → 00:21:21 เห็นมั้ยครับอ่าขนมปังโฮวดีนะแต่เรากินที
00:21:21 → 00:21:24 นึงเป็นตับยังกให้อาหารปลาก็ไม่ก็ไม่ได้
00:21:24 → 00:21:28 เห็นมั้ยแล้วมันชนิดและปริมาณอืม
00:21:28 → 00:21:32 สำคัญทั้งคู่ดีนะอาจารย์บอกก่อนไม่งั้น
00:21:32 → 00:21:34 เนี่ยได้ได้กินเป็นอาหารแบบเหมือนปลากิน
00:21:34 → 00:21:37 ขนมปังแกินเป็นปใช่เพราะบอกเฮ้ยขนมปังฮวี
00:21:37 → 00:21:40 ดีนะกลายเป็นว่าโอ้โหกินขนมปังฮวีทิงเป็น
00:21:40 → 00:21:46 แถวเป็นตับเก็คือปริมาณก็สำคัญใช่มั้ยคะ
00:21:46 → 00:21:49 ใช่ถูกต้องครับสำคัญทั้งคุณภาพและปริมาณ
00:21:49 → 00:21:52 ทั้งคู่เลยมีความมีความสำคัญทั้งคู่นะ
00:21:52 → 00:21:56 ครับไม่ใช่ไม่อยากให้แบบเอ้ยเอ่อเรากิน
00:21:56 → 00:22:00 น้อยแล้วอ่ะนะแต่กลายเป็นว่าไอ้ที่น้อย
00:22:00 → 00:22:04 เนี่ยเรากินไม่ดีอือ่าะแล้วน้อยเนี่ยก็
00:22:04 → 00:22:06 ต้องกินเลือกที่ดีด้วยแต่ไม่ใช่ว่าเฮ้ย
00:22:06 → 00:22:10 เรากินดีแล้วอ่ะแต่เรากินเยอะๆมันก็ไม่ดี
00:22:11 → 00:22:14 อีกในแง่ของของปริมาณถูกมั้ยครับเราบอก
00:22:14 → 00:22:16 ว่าเฮ้ยสิ่งนี้ดีนะขนมปังโฮวกินแล้วน้ำ
00:22:16 → 00:22:19 ตาลในเลือดไม่ขึ้นอือแต่ฟาดทีนึงเป็นตับ
00:22:19 → 00:22:23 เลยก็มันยกแถวยกปอนเลยอย่างเงี้ยมันก็ก
00:22:23 → 00:22:24 มันไม่อยู่
00:22:24 → 00:22:28 ท้องเยอะมันก็จะเยอะเกินไปเนาะแล้วก็อีก 1
00:22:28 → 00:22:30 สิ่งเลยเนี่ยน้ำตาลเฉลี่ยสะสมเนี่ยเเพิ่ง
00:22:31 → 00:22:33 มีงานวิจัยพบความสัมพันธ์ว่าเฮ้ยคนที่น้ำ
00:22:33 → 00:22:35 ตาลสูงเนี่ยก็มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อ
00:22:35 → 00:22:37 การเกิดมะเร็งได้นะอ่าเพราะงั้นแล้วเบา
00:22:37 → 00:22:39 หวานเนี่ยกลายเป็นเชื่อมโยงกับมะเร็งอีก
00:22:39 → 00:22:41 นอกจากเชื่อมโยงกับสมองเสื่อมแล้วเนี่ย
00:22:41 → 00:22:45 อือเพราะอย่าลืมว่าน้ำตาลเนี่ยยิ่งสูง
00:22:45 → 00:22:50 เนี่ยคือไอ้เจ้าโปรตีนที่เม็ดเลือดแดง
00:22:50 → 00:22:52 เนี่ยมันเสียสภาพนะแล้วความสามารถในการพา
00:22:52 → 00:22:55 ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่างๆเนี่ยหรือการ
00:22:55 → 00:22:58 หายใจเนี่ยมันก็จะลดลงแล้วเนี่ยโอกาสใน
00:22:58 → 00:23:03 การการที่จะเพิ่มความเอ่อเป็นกรดนะเซลล์
00:23:03 → 00:23:06 มะเร็งน่ะมันไม่ชอบภาวะความเป็นเอ้ยเซล์
00:23:06 → 00:23:08 มะเร็งเนี่ยมันไม่ชอบความเป็นด่างค่ะมัน
00:23:09 → 00:23:11 ชอบความเป็นมันชอบความเป็นกรดอืนะแล้วก็
00:23:11 → 00:23:14 มีโอกาสในเรื่องของกรดด่างนะในน้ำรอบ
00:23:14 → 00:23:17 เซลล์มะเร็งก็มีผลต่อการเจริญเติบโตของ
00:23:17 → 00:23:19 เซลล์มะเร็งเองหรือแม้กระทั่งน้ำตาลสูงๆ
00:23:19 → 00:23:22 เองไปมีผลทำให้การทำงานของ nk เซลล์ซึ่ง
00:23:22 → 00:23:26 เป็นเซลล์เพชรฆาตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่จับ
00:23:26 → 00:23:28 กินสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเซลล์มะเร็งด้วย
00:23:28 → 00:23:32 ค่ะค่ะ Natural เนี่ยทำงานได้ลดลงอืคน
00:23:32 → 00:23:35 เป็นเบาหวานแผลหายช้าเพราะภูมิคุ้มกันเลด
00:23:35 → 00:23:38 ไงค่ะเพราะน้ำตาลไปแช่อิ่มเม็ดเลือดขาวอื
00:23:38 → 00:23:42 คนเป็นเบาหวานทำไมเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:23:42 → 00:23:46 เพราะว่าเม็ดเลือดขาวชนิดที่จับกินเซลล์
00:23:46 → 00:23:49 มะเร็งมันทำงานได้ไม่ดีอืเห็นมั้ยครับ
00:23:49 → 00:23:53 นั้นแล้วเนี่ยมันโหน้ำตาลเอ่อหมอแนท aging
00:23:53 → 00:23:58 บางคนถึงบอกไงว่าเอ้ยน้ำตาลคือยาพิษอ่าอ
00:23:58 → 00:24:00 แต่สำหรับอาจารย์นะก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก
00:24:00 → 00:24:04 เพราะบางทีมันก็เป็นยาใจให้ใครหลายๆคนก็
00:24:04 → 00:24:07 ชื่นใจนะบางทีเราก็ต้องกินแต่แบบพอดีกิน
00:24:07 → 00:24:11 ให้เหมาะสมอ่าออืเออก็ทำให้แบบเราเข้าใจ
00:24:12 → 00:24:14 มากขึ้นนะว่าอ่ะทุกวันเนี้ยก็ระวังในการ
00:24:14 → 00:24:17 ที่จะกินน้ำตาลอยู่แล้วค่ะอาจารย์เอ่อกิน
00:24:17 → 00:24:21 น้ำตาลน้อยลงอือฮึอ่าแล้วก็พอกินอะไรนิด
00:24:21 → 00:24:23 นึงอนิดนึงที่แบบเกี่ยวกับน้ำตาลมันก็จะ
00:24:23 → 00:24:26 แบบเฮ้ยทำไมมันหวานจังอ่าเห็นมั้ยมัน
00:24:26 → 00:24:29 เริ่มดีทคได้แลอืคือเหมือนกับว่าจริงๆ
00:24:29 → 00:24:31 สภาพร่างกายเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ใช่
00:24:31 → 00:24:34 ไหมมคะอาจารย์ว่าแบบอ่ะเรามันค่อยๆปรับ
00:24:34 → 00:24:39 สภาพไปจากเคยกินหวานร้ 75 50 25 ูค่อยๆ
00:24:39 → 00:24:42 ลดลงไปจนแบบเฮ้ยร่างกายมันเคยชินแล้วมัน
00:24:42 → 00:24:44 ก็มันก็ปกติแลแล้วคุณจะรู้สึกเลยว่าเอ๊ะ
00:24:44 → 00:24:48 ทำไมฉันรู้สึกตัวเบาขึ้นค่ะอ่าฉันรู้สึก
00:24:48 → 00:24:52 แบบมันจะ Healthy ขึ้นเซลล์ต่างๆมันก็ทำ
00:24:52 → 00:24:54 งานได้ดีขึ้นนะแล้วถ้าเราลดน้ำตาลได้
00:24:54 → 00:24:58 เนี่ยเป็นดีที่สุดแต่ถ้าเราลดไม่ได้เนาะ
00:24:58 → 00:25:02 มันก็มีงานวิจัยว่าสารบางตัวสารอาหารบาง
00:25:02 → 00:25:05 ตัวสารพฤกษสักดิ์เคมีบางตัวมันช่วยลด
00:25:05 → 00:25:07 ปฏิกิริยาไกลเคชั่นอืไอ้ปฏิกิริยาที่ทำ
00:25:08 → 00:25:11 ให้เกิดสารเร่งแก่อ่าเค้าเรียกแอนตี้
00:25:11 → 00:25:16 ไกลเคชั่นนะครับอ่าอย่างเช่นวิตามินซีอื
00:25:16 → 00:25:19 ที่พบในพืชผักผลไม้อย่างเงี้ยค่ะนะ
00:25:19 → 00:25:22 วิตามินออย่างเงี้ยแล้วพวกเนี้ยมันช่วยใน
00:25:22 → 00:25:25 การลดปฏิกิยาแคชั่นนะคือน้ำตาลมันเข้ามา
00:25:25 → 00:25:29 แหละแต่มันทำให้การเอ่อเอทำอิริยาระหว่าง
00:25:29 → 00:25:32 น้ำตาลกับโปรตีนเนี่ยน้อยลงอืถ้าเราไม่
00:25:32 → 00:25:35 ตัดที่ต้นตอเลยเหมือนตอนนึงที่เราคุย
00:25:35 → 00:25:39 เรื่องของ tmao อ่าที่ยตัดต้นตอได้เนี่ย
00:25:39 → 00:25:42 เป็นดีก็คือลดไอ้ตัวตั้งต้นเลยที่มันไม่
00:25:42 → 00:25:45 ดีกับสุขภาพนะอันนี้ถ้าเราลดน้ำตาลได้คือ
00:25:46 → 00:25:48 เราตัดตั้งแต่ตั้งต้นอันเนี้ยก็ดีที่สุด
00:25:49 → 00:25:51 อือ่าแต่ถ้าเกิดว่าเมล็ดรอดมาเพราะความ
00:25:51 → 00:25:54 สุขของเรายังไงก็คือการได้กินหวานบ้าง
00:25:54 → 00:25:56 แล้วเรารู้ว่ามื้อไหนที่เรากินหวานแล้วก็
00:25:56 → 00:25:58 มีไฟเบอร์เข้าไปเป็นตัวช่วยอ่าอ่าเพื่อ
00:25:58 → 00:26:02 ชะลอไงชะลอไม่ให้น้ำตาลเนี่ยถูกดูดซึม
00:26:02 → 00:26:04 เข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วอ่าแล้วพอ
00:26:04 → 00:26:07 มันเข้าไปในเลือดแล้วเฮ้ยฉันมีวิตามินซี
00:26:07 → 00:26:10 มีแอนติออกซิแดนท์ที่ไปช่วยยับยั้งไม่ให้
00:26:10 → 00:26:15 น้ำตาลทำยากับโปรตีนนะทำให้เกิดสารเร่ง
00:26:15 → 00:26:19 แก่ค่ะนะครับอ่าหรือ egcg จากชาเขียว
00:26:19 → 00:26:22 เนี่ยอืเพบว่ามันสามารถที่จะลดปฏิกิริยา
00:26:22 → 00:26:25 ไกลเคชั่นได้แต่ชาเขียวไม่ใช่แบบเปิดฝา
00:26:25 → 00:26:29 ลุ้นล้านนะเออเพยายามลนะคะเพราะว่าอันนี้
00:26:29 → 00:26:32 สุรีพรลดแล้วนะคะเพราะว่าไม่อยากน่าแก่
00:26:32 → 00:26:34 ไม่ได้กลัวอะไรอย่างเไม่อยากน่าแกคนเรา
00:26:34 → 00:26:36 ห่วงสวยห่วงงามเพราะบอกเออคุณลีหลอดเลือด
00:26:36 → 00:26:40 ไม่ดีเดี๋ยวเซล์ขาดเอแบบหน้าแกอย่างแก
00:26:40 → 00:26:43 อย่างเดียวจบเข้าใจขอบคุณอาจารย์เอกราช
00:26:43 → 00:26:47 ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีครับเอาล่ะค่ะพบกันให
00:26:47 → 00:26:49 ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย PBS
00:26:49 → 00:26:52 podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:26:52 → 00:26:55 This Is Thai PBS podcast เวลาที่
00:26:55 → 00:26:57 คุณปวดหลังปวดเฉพาะที่หลังหรือมีอาการ
00:26:57 → 00:27:00 ร้าวลงขาแต่ละอาการสังเกตและมีสาเหตุจาก
00:27:00 → 00:27:04 อะไรดรนายแพทย์จตุพลคงถาวรสกุลแพทย์ผู้
00:27:04 → 00:27:06 เชี่ยวชาญกล้ามเนื้อกระดูกและข้อมาเล่า
00:27:06 → 00:27:10 ให้ฟังครับถ้าปวดหลังให้เราถามด้วยว่าปวด
00:27:10 → 00:27:13 หลังหรือปวดขาหรือปวดทั้งคู่ถ้าปวดคอนะ
00:27:13 → 00:27:16 เอาปวดคอหรือปวดแขนหรือปวดทั้งคู่เพราะ
00:27:16 → 00:27:19 อย่างงี้ปกติแล้วเส้นประสาทมันจะวิ่งออก
00:27:19 → 00:27:23 มาจากหลังแล้วไปที่ขาเพราะฉะนั้นถ้าคุณ
00:27:23 → 00:27:25 ปวดหลังเอาหลังก่อนหลังอย่างเดียวก่อนถ้า
00:27:25 → 00:27:28 คุณปวดหลังอย่างเดียวนะเป็นคนสูงายุให้
00:27:28 → 00:27:31 เราคิดถึงจริงๆเบสิคเลยเนี่ยต้องคิดถึง
00:27:31 → 00:27:33 กล้ามเนื้อไปก่อนอันนี้ตัดทิ้งไปสมมุติ
00:27:33 → 00:27:35 กล้ามเนื้อไม่ใช่อ่าเป็นนานละ 3-4 เดือน
00:27:35 → 00:27:37 ละอ่าถ้าเป็นวันๆแบบยุคของหนักอะไรพวกนี้
00:27:37 → 00:27:40 กล้ามเนื้ออักเสบเป็นเรื่องนึงแต่ถ้าปวด
00:27:40 → 00:27:42 หลังเป็นเรื้อรัง 3-4 เดือน 5 เดือนไม่
00:27:42 → 00:27:45 หายอ่า xray ปุ๊บเห็นหลังเสื่อมนิดหน่อย
00:27:45 → 00:27:48 ส่วนใหญ่พวกเ MRI เข้าไปจะเห็นว่าหมอนรอง
00:27:48 → 00:27:51 กระดูกหลังเสื่อมอ่าถ้าเป็นจากหลังให้คิด
00:27:51 → 00:27:54 ถึงกระดูกหรือหมอนร่องกระดูกเสื่อมแต่ถ้า
00:27:54 → 00:27:58 เป็นที่ขาปวดขาเนี่ยนะครับมันจะเป็นได้ก็
00:27:58 → 00:28:01 คือต้องมีอะไรไปกดทับเส้นประสาทมันเลยปวด
00:28:01 → 00:28:06 ลงขาหรือถ้าเป็นอันสุดท้ายปวดหลังและปวด
00:28:06 → 00:28:08 ขาเนี่ยแสดงว่ามันต้องมีอะไรที่เสื่อม
00:28:08 → 00:28:12 แล้วไปกดด้วยเสื่อมหรือหมอองกระดูกปิ้น
00:28:12 → 00:28:14 แล้วไปกดด้วยอ่าถ้าปลิ้นเฉยๆก็อาจจะหรือ
00:28:14 → 00:28:16 หรือหมอนร่องกระดูกเสื่อมหรือปลิ้นเนี่ย
00:28:16 → 00:28:18 โดยที่ไม่มีอะไรไม่กดอะไรเลยนะจะปวดหลัง
00:28:18 → 00:28:21 อย่างเดียวอถ้าหมอนร่องกระดูกปลิ้นแล้ว
00:28:21 → 00:28:24 ทับเส้นประสาทบางทีไม่ปวดหลังก็มีนะมีแต่
00:28:25 → 00:28:26 ปวดขาอย่างเดียวเพราะมันไปกดทับเส้น
00:28:26 → 00:28:28 ประสาทแล้วมันปวดล้าลงขาดขาอืออีกอันนึง
00:28:28 → 00:28:32 คือช่องแขสหลังตีบก็คือช่องเนี่ยมันแคบลง
00:28:32 → 00:28:35 เพราะว่ามันมีเนื้อเยื่อเ่อผังผืดเนี่ย
00:28:35 → 00:28:38 เพิ่มขึ้นตรงนั้นเลยทำให้มันไปกดก็เลยปวด
00:28:38 → 00:28:42 ขาอือเพราะฉะนั้นคำว่ากดแปลว่าปวดขาอ่า
00:28:42 → 00:28:44 แต่ถ้าปวดหลังมันจะต้องเป็นคำว่าแตกหรือ
00:28:44 → 00:28:47 เสื่อมอืแต่ถ้าเกิดเป็นทั้งคู่แปลว่ามัน
00:28:47 → 00:28:50 มีทั้ง 2 ประเด็นคืออย่างงี้ถ้าสมมุติว่า
00:28:50 → 00:28:53 หลังเนี่ยนะมันปวดแค่ขาอย่างเดียวแปลว่า
00:28:53 → 00:28:56 มีปัญหาที่ไปกดเส้นประสาทปัจจุบันเนี่ย
00:28:56 → 00:29:00 100% เลยไม่มีมีการเปิดแผลใหญ่นะฟังดีๆ
00:29:00 → 00:29:02 สำหรับคนที่มีญาติพี่น้องที่แหมกำลังจะไป
00:29:02 → 00:29:05 ผ่าตัดหลังเนี่ยฟังดีๆอยากให้เข้าใจตรง
00:29:05 → 00:29:08 นี้เลยแล้วไปถามคนไข้ว่าเอ้ยเค้าเป็นอะไร
00:29:08 → 00:29:12 อ่าถ้าปวดขาอย่างเดียวนะ 100% ส่องกล้อง
00:29:12 → 00:29:15 ได้เลยอ่าไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ไม่ต้องเปิด
00:29:15 → 00:29:17 แผลแบบ 2-3 ซมอะไรไม่ต้องเดี๋ยวนี้
00:29:17 → 00:29:20 ปัจจุบันเราเปิดแผลแค่เซนเดียวเพื่อเอา
00:29:20 → 00:29:23 กล้องเนี่ยสอดเข้าไปแล้วก็หยิบทุกอย่าง
00:29:23 → 00:29:25 ที่มันอ่ะอย่างสมมุติช่องกสหลังตีบแล้ว
00:29:25 → 00:29:28 ปวดขาหยิบบริเวณรอบๆไอ้ที่มันเป็นกดอะไร
00:29:28 → 00:29:32 ก็แล้วแต่ที่กดน่ะดึงออก
00:29:32 → 00:29:36 มา This Is tha PBS
00:29:36 → 00:29:39 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:39 → 00:29:43 podcast ได้ทางเว็บไซต์ www.thai PBS
00:29:43 → 00:29:46 podcast dcom Application Thai PBS
00:29:47 → 00:29:49 podcast รวมถึงฟังผ่าน podcast ช่องทาง
00:29:49 → 00:29:54 อื่นๆ spotify YouTube Apple podcast
00:29:54 → 00:29:57 และ
00:29:57 → 00:30:01 soundcloud อ