00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีครับท่านที่ฉีด nad Plus หรือรับ
00:00:04 → 00:00:08 ประทานอาหารเสริมเพื่อการย้อนไว nr nmn
00:00:08 → 00:00:11 หรือแม้แต่กระทั่งวิตามิน B3 ในอาซิน
00:00:11 → 00:00:14 นิโคตินต้องฟังคลิปนี้แล้วครับเพราะว่า
00:00:14 → 00:00:17 มันมีข้อมูลวิจัยใหม่ล่าสุดเพิ่งออกมาใน
00:00:17 → 00:00:21 วารสารเจอรของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่
00:00:21 → 00:00:26 ผ่านมานี่เองพบว่าถ้าหากมีสาร nad nr
00:00:26 → 00:00:28 nmn ในร่างกายหรือแม้แต่วิตามิน B3 ที่
00:00:28 → 00:00:32 สูงในร่างกายมากๆเนี่ยมันจะทำให้เกิดสาร
00:00:32 → 00:00:36 พิษอยู่ 2 ชนิดที่นำไปสู่การอักเสบของ
00:00:36 → 00:00:39 เส้นเลือดและก่อให้เกิดโรคหัวใจโรคหลอด
00:00:40 → 00:00:42 เลือดสมองและโรคหลอดเลือดต่างๆในร่างกาย
00:00:42 → 00:00:44 ได้รายละเอียดมันจะเป็นยังไงเดี๋ยวผมจะ
00:00:44 → 00:00:46 เล่าให้ฟังในวันนี้นะครับพบกับผมนะครับ
00:00:46 → 00:00:49 นายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:49 → 00:00:51 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:51 → 00:00:54 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเรื่องนี้
00:00:54 → 00:00:59 เนี่ยมันมีที่มาตรงที่มีคนกลุ่มนึงเขาสน
00:00:59 → 00:01:03 ใจว่าทำทำไมคนบางคนเนี่ยที่ควบคุมปัจจัย
00:01:03 → 00:01:05 เสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมอง
00:01:05 → 00:01:07 หลอดเลือดทุกอย่างควบคุมดีแล้วควบคุมไข
00:01:07 → 00:01:10 มันควบคุมทุกอย่างแล้วทำไมเขาถึงยังคง
00:01:10 → 00:01:13 เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองและ
00:01:13 → 00:01:16 อื่นๆอีกทั้งๆที่ปัจจัยเสียงเนี่ยก็คุมดี
00:01:16 → 00:01:20 แล้วนะครับก็เลยนำไปสู่การตรวจสอบเลือด
00:01:20 → 00:01:23 ของคนเหล่านี้ว่ามันมีสารอะไรที่มันพอจะ
00:01:23 → 00:01:26 บอกได้มว่ามันมีความแตกต่างของคนเหล่า
00:01:26 → 00:01:29 เนี้ยจากคนที่มันไม่เป็นโรคอย่างเงี้ยยัง
00:01:29 → 00:01:32 ไงบ้างเค้าก็ไปค้นพบสารอยู่ 2 ตัวชื่อว่า
00:01:32 → 00:01:36 2 py แล้วก็ 4 py แลเไปเจอว่าไอ้สาร 2
00:01:36 → 00:01:39 ตัวนี้เนี่ยมันมีความเกี่ยวข้องกับการ
00:01:39 → 00:01:41 อักเสบของเส้นเลือดคือถ้ามันมีสาร 2 ตัว
00:01:41 → 00:01:45 นี้เพิ่มขึ้นมาในร่างกายแล้วล่ะก็ตัวผิว
00:01:45 → 00:01:48 ของเส้นเลือดเนี่ยมันจะมีการแสดงโมเลกุล
00:01:48 → 00:01:51 ออกมาอันนึงนะครับทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว
00:01:51 → 00:01:52 ที่ทำให้เกิดการอักเสบเนี่ยมาเกาะอยู่กับ
00:01:53 → 00:01:55 เส้นเลือดแล้วก็ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตาม
00:01:55 → 00:01:59 มามากมายนะครับและไม่เพียงแค่เขาสามารถ
00:01:59 → 00:02:00 ที่จะพิพิสูจน์ได้ว่ามันทำให้เกิดการ
00:02:01 → 00:02:04 อักเสบของเสื้อเลือดแต่ในคนที่มีโรคหัวใจ
00:02:05 → 00:02:07 แล้วหรือมีโรคสมองโลดหล่อดเลือดพวกนี้
00:02:07 → 00:02:10 เนี่ยเค้าไปเจอว่าสาร 2 ตัวเนี้ยมันสูง
00:02:10 → 00:02:14 กว่าคนทั่วไปนะครับแล้วก็เกิดโรคพวกนี้
00:02:15 → 00:02:19 มากขึ้นด้วยคำถามต่อมาก็คือแล้วไอ้สาร 2
00:02:19 → 00:02:22 ตัวเนี้ย 2 py กับ 4 py เนี่ยนะครับมัน
00:02:22 → 00:02:25 มาจากไหนมันมายังไงกันแน่นะครับแต่นี้
00:02:25 → 00:02:28 ต้องบอกก่อนนะครับว่าคนเหล่านี้เค้าได้ดู
00:02:28 → 00:02:30 ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเรียบร้อยแล้วว่าเอ้ย
00:02:30 → 00:02:32 มันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่จะพอมาอธิบายได้
00:02:32 → 00:02:35 ยกเว้นไอ้ 2 ตัวเนี้ยที่มันดูมีปัญหานะ
00:02:35 → 00:02:37 ครับเค้าก็เลยมาดูมาย้ำกันที่ 2 ตัวเนี้ย
00:02:37 → 00:02:40 ว่ามันมาจากไหนสารตนี้เราไม่เคยได้ยิน
00:02:40 → 00:02:41 ชื่อเลยใช่มั้ยครับผมก็ไม่เคยได้ยิน
00:02:41 → 00:02:43 เหมือนกัน 2 py กับ 4 py เมันมาจากไหน
00:02:43 → 00:02:46 ผมยังไม่เคยเรียนเลยนะครับแล้วเค้าก็ใช้
00:02:46 → 00:02:50 วิทยาการของเขานะครับไปศึกษามาว่าไอ้ 2
00:02:50 → 00:02:57 ตัวเนี้ยปรากฏว่ามันเป็นสารตัวสุดท้ายเลย
00:02:57 → 00:03:03 ของกระบวนการในการใช้วิตามิน B3 nad nr
00:03:03 → 00:03:06 nmn ทั้งหมดเลยถ้ามีไอ้สารเหล่าเนี้ย
00:03:06 → 00:03:08 เยอะๆในร่างกายสุดท้ายแล้วมันจะกลายไป
00:03:08 → 00:03:12 เป็นสารพิษ 2 ตัวนี้และสาร 2 ตัวนี้นะ
00:03:12 → 00:03:15 ครับตัวที่สำคัญที่สุดนะครับก็คือตัว 4
00:03:15 → 00:03:19 py ตัวนี้เนี่ยแหละนะครับถึงแม้ว่าคุณจะ
00:03:19 → 00:03:21 คุมปัจจัยเสี่ยงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ
00:03:21 → 00:03:23 โรคหลอดเลือดสมองหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือด
00:03:23 → 00:03:26 ส่วนไปก็แล้วแต่นะครับถ้ามี 4 py เยอะ
00:03:26 → 00:03:29 ขึ้นในร่างกายของคุณแล้วล่ะก็มันจะทำทำ
00:03:29 → 00:03:32 ให้เกิดปัญหาคือเส้นเลือดคุณจะอักเสบแล้ว
00:03:33 → 00:03:34 ในที่สุดก็จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองหล่อด
00:03:34 → 00:03:36 เลือดส่วนปล่าหล่อเลือดทุกอย่างขึ้นมา
00:03:36 → 00:03:39 อันเนี้ยเป็นอันที่น่ากลัวมากๆนะ
00:03:39 → 00:03:44 ครับนี้ผมขอย้อนไปนิดนึงก่อนว่าจริงๆแล้ว
00:03:44 → 00:03:47 เนี่ยไอ้วิตามิน B3 หรือ nasin nr n
00:03:47 → 00:03:50 พวกเนี้ยในอเมริกามันเริ่มยังไงเพราะว่า
00:03:50 → 00:03:54 คนที่เขาทดสอบเนี่ยเขาเดูบุคเ่อดูประชาชน
00:03:54 → 00:03:56 ประชากรในอเมริกาเป็นหลักในการทดสอบนะ
00:03:56 → 00:03:59 ครับก็ต้องบอกว่าอย่างงี้สมัยก่อก่อน
00:04:00 → 00:04:03 เนี่ยถ้าเกิดว่าเราขาดวิตามิน B3 แล้ว
00:04:03 → 00:04:05 เนี่ยมันจะเกิดโรคๆหนึ่งชื่อว่า pellagra
00:04:05 → 00:04:08 นะครับ pellagra เนี่ยแปลว่า
00:04:08 → 00:04:11 เอิ่ Raw Skin ผมไม่แน่ใจว่าแปลเป็นภาษา
00:04:11 → 00:04:13 ไทยว่ายังไงมันแปลว่าผิวหนังเราเนี่ยมัน
00:04:13 → 00:04:16 อาจจะลอกถลอกแล้วมันก็มีอาการเจ็บแสบได้
00:04:16 → 00:04:21 นะครับแต่ว่า pag เนี่ยมันมีอาการอ่าอยู่
00:04:21 → 00:04:24 หลายอย่างเช่นบริเวณที่โดนแดดเนี่ยนะครับ
00:04:24 → 00:04:27 ผิวมันจะอักเสบมากเลยคล้ายๆเป็นเกล็ดหนัง
00:04:27 → 00:04:30 งูอ่ะมันจะลอกได้เลยนะครับแล้วก็เจ็บด้วย
00:04:30 → 00:04:33 มีลิ้นเลี่ยนมีท้องเสียมีปัญหาต่อระบบ
00:04:33 → 00:04:36 ประสาทนะครับความจำก็จะไม่ดีนะครับนอนไม่
00:04:36 → 00:04:40 หลับเอ่อมีปัญหาทางจิตหลายๆอย่างและสุด
00:04:40 → 00:04:45 ท้ายนำไปสู่ความตายซึ่งเมื่อหลายปีก่อน
00:04:45 → 00:04:49 เนี่ยอาหารของคนอเมริกันเนี่ยยังไม่ได้มี
00:04:49 → 00:04:51 การผสมวิตามิน B3 หรือนาสินเข้าไปทำให้คน
00:04:51 → 00:04:55 เกิดโรค pag เยอะแล้วก็นำไปสู่การตายนะ
00:04:55 → 00:04:59 ครับสุดท้ายเมื่อปีพ.ศ 1941 เคก็เลยมีการ
00:04:59 → 00:05:03 แนะนำบอกว่าควรที่จะเพิ่มวิตามิน B3 เข้า
00:05:03 → 00:05:05 ไปในอาหารคนอเมริกันนะครับไม่ว่าจะเป็น
00:05:05 → 00:05:07 แป้งแป้งข้าวโพดนะครับซีเรียลหรืออะไรก็
00:05:07 → 00:05:10 แล้วแต่นะครับเพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้มีการ
00:05:10 → 00:05:15 ตายจาก pag ซึ่งก็ได้ผลครับหลังจากที่เขา
00:05:15 → 00:05:17 เพิ่มสารพวกนี้เข้าไปเนี่ยก็ทำให้ไม่มี
00:05:17 → 00:05:21 โรค pag อีกเลยในอเมริกาคือคนก็หายดีเป็น
00:05:21 → 00:05:23 ปกตินะครับที
00:05:23 → 00:05:27 นี้ในปัจจุบันเนี่ยก็คงมีคนถามแล้วว่ามัน
00:05:27 → 00:05:31 จะมีใครมั้ยที่มีโกาศขาดวิตามิน B3 เนี่ย
00:05:31 → 00:05:33 เพราะว่าทั่วไปมันก็มีอยู่ในอาหารทั่วๆไป
00:05:33 → 00:05:36 อยู่แล้วก็ต้องบอกว่ามันมีแค่บางโรคเท่า
00:05:36 → 00:05:39 นั้นที่ทำให้ท่านขาดวิตามิน B3 นะครับ
00:05:39 → 00:05:42 เช่นอนี้ผมจะพูดคร่าวๆนะอาจจะไม่ได้ลงราย
00:05:42 → 00:05:44 ละเอียดว่าโรคมันคืออะไรยังไงนะครับเช่น
00:05:44 → 00:05:46 มีโรคนึงชื่อว่าคาซอย Syndrome นะครับ
00:05:46 → 00:05:49 คาซอย Syndrome เนี่ยมันก็จะทำให้สารตั้ง
00:05:49 → 00:05:54 ต้นในการผลิต nad Plus เนี่ยนะครับมัน
00:05:54 → 00:05:58 ไม่ถูกเอ่อย่อยสลายนะครับมันจะเปลี่ยน
00:05:58 → 00:06:00 แปลงไปเป็นตัวที่มีปัญหานะครับคาซิ
00:06:00 → 00:06:01 Syndrome นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำให้
00:06:01 → 00:06:05 เราขาดวิตามิน B3 ได้นะครับเออมันจะเป็น
00:06:05 → 00:06:08 ถ้าใครสนใจก็ลองไปอ่านเรื่องคีน Syndrome
00:06:08 → 00:06:10 แล้วะกันมันจะมีมีปัญหาในการเปลี่ยนแปลง
00:06:10 → 00:06:13 กรดอะมิโนตัวนึงชื่อว่าทปตแนนะครับให้มัน
00:06:13 → 00:06:16 กลายไปเป็นซีโรโทนินแล้วก็สารตัวอื่นนะ
00:06:16 → 00:06:18 ครับแทนที่จะให้มันกลายไปเป็นวิตามิน B3
00:06:18 → 00:06:20 มันไม่ค่อยทำนะครับดังนั้นคนที่เป็น
00:06:20 → 00:06:23 คาร์ซีดเยอะๆเนี่ยอาจจะขาดวิตามิน B3 ได้
00:06:23 → 00:06:27 กรณีที่ 2 เป็นคนที่กินยาบางชนิดยกตัว
00:06:27 → 00:06:30 อย่างเช่นยาวัณโรคนะครับ in H นะครับอ่า
00:06:30 → 00:06:35 หรือเอิน amide กิน parinam หรือกินยากด
00:06:35 → 00:06:37 ภูมิบางชนิดเช่น asa thine หรือ Six
00:06:37 → 00:06:41 mercat pine พวกนี้นะครับซึ่งจริงๆถ้า
00:06:41 → 00:06:43 เกิดใครที่เรียนหมอคงจะสงสัยว่าเฮ้ยแล้ว
00:06:43 → 00:06:46 มันเกี่ยวอะไรกันเพราะว่า in เนี่ยมันมัน
00:06:46 → 00:06:48 ไปยุ่งย่ามกับวิตามิน b6 ไม่ใช่เหรอมัน
00:06:48 → 00:06:50 ไม่ใช่วิตามิน B3 เปล่าเลยครับเพราะว่า
00:06:50 → 00:06:52 การสร้างวิตามิน B3 มันต้องอาศัยวิตามิน
00:06:52 → 00:06:55 b6 ด้วยดังนั้นเนี่ยถ้าเรากิน in แล้ว
00:06:55 → 00:06:57 ไม่มีวิตามิน b6 เนี่ยมันก็ทำให้ขาด
00:06:57 → 00:07:00 วิตามิน B3 ร่วมไปด้วยก็จะมีปัญหา 2 เด้ง
00:07:00 → 00:07:03 เลยครับนะแล้วก็อันสุดท้ายซึ่งทำให้ท่าน
00:07:03 → 00:07:06 ขาดวิตามิน B3 ได้ก็คือคนที่มีโรคแปลกๆ
00:07:06 → 00:07:08 โรคนึงชื่อว่า Heart nup disease นะ
00:07:08 → 00:07:11 ครับพวกนี้เนี่ยจะมีปัญหาในด้านของการดูบ
00:07:11 → 00:07:14 ซึมกรดอมิโนทปตแนเข้ามาในสู่ร่างกายก็เลย
00:07:14 → 00:07:18 สไม่สามารถสร้างอ่าวิตามิน B3 ได้นะครับ
00:07:18 → 00:07:20 คุยกันตรงเนี้ยเหมือนเราจะเคยได้ยิน
00:07:20 → 00:07:23 triptan และวิตามิน B3 แล้ว nid nr
00:07:23 → 00:07:25 อะไรพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกันยังไงนะครับก็
00:07:25 → 00:07:27 ต้องบอกอย่างนี้ครับว่ากลไกในการ
00:07:27 → 00:07:30 สังเคราะห์ nad ซึ่งเป็นสารที่ให้พลังงาน
00:07:30 → 00:07:33 กับร่างกายนะครับแล้วก็มีส่วนทำให้เซลล์
00:07:33 → 00:07:36 มันชะลอไวเนี่ยนะครับมันสามารถมาที่ nad
00:07:36 → 00:07:40 ได้ 2 ทางหลักๆทางแรกสร้างมาจากกรดอะมิโน
00:07:40 → 00:07:42 ทปตแฟนซึ่งมันก็มาจากโปรตีนที่เรากินเข้า
00:07:43 → 00:07:46 ไปนี่แหละทางที่ 2 มาจากการกินวิตามิน B3
00:07:46 → 00:07:49 เข้าไปตรงๆนะครับแล้วสุดท้ายวิตามิน B3
00:07:49 → 00:07:52 มันสามารถแปลงลากไปเป็นไอซินได้เออแปลงลก
00:07:52 → 00:07:55 ไปเป็น nad Plus ได้แล้วก็ถ้าเรากินทริป
00:07:55 → 00:07:59 แนมันก็แปลงไไปเป็น nad Plus ได้นะครับ
00:07:59 → 00:08:02 มาได้ทั้ง 2 ทางอย่างนี้แต่ nad Plus
00:08:02 → 00:08:06 เนี่ยปัจจุบันมันมีคนฉีดเข้าไปใช่ไหมม
00:08:06 → 00:08:09 ครับมีคนฉีดมีคนเอามาทาแล้วก็มีคนที่กิน
00:08:09 → 00:08:12 สาร 2 ตัวก็คือ nmn นิโคติน amine
00:08:12 → 00:08:15 mononucleotide หรือ nr นะครับซึ่งก็คือ
00:08:16 → 00:08:18 นิโคตินไบได 2 ตัวเนี้ยมันจะแปลงร่างกาย
00:08:19 → 00:08:21 ไปเป็น nad Plus ในร่างกายได้ก็มีคนเอา
00:08:21 → 00:08:25 มากินเพื่อย้อนไวนะครับนี่แหละครับเหตุผล
00:08:25 → 00:08:28 ที่เรามี nad ในร่างกายได้ทีนี้ nad มัน
00:08:28 → 00:08:30 มีข้อดีอย่างที่ทุกคนก็คงจะทราบอ่ะมันชลอ
00:08:30 → 00:08:33 ไวได้มันสามารถให้พลังงานร่างกายมันมีผล
00:08:33 → 00:08:35 ทำให้สมองเราทำงานได้ดีแต่ปัญหาจากงาน
00:08:35 → 00:08:37 วิจัยอันเนี้ยเค้าเจอแล้วครับว่าถ้าคุณมี
00:08:37 → 00:08:42 nad ในร่างกายไม่ว่าจะมาจากไหนนะครับ
00:08:42 → 00:08:44 เยอะเกินไปมันจะกลายไปเป็นสารพิษ 2 ตัว
00:08:44 → 00:08:48 คือ 2 py กับ 4 py อ่าแล้ว NED Plus
00:08:48 → 00:08:50 นี่อย่างที่บอกเมื่อตะกี้มันมาได้จากหลาย
00:08:50 → 00:08:54 ทางนะครับถ้าคุณกินวิตามิน B3 เยอะเกินไป
00:08:54 → 00:08:59 นะครับมันก็กลายเป็นตัวนี้ได้นะวิตามิน B3
00:08:59 → 00:09:03 เราไปกินทำไมต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่าถ้า
00:09:04 → 00:09:06 เราดู recommended Daily allowance ก็
00:09:06 → 00:09:09 คือปริมาณต่อวันของวิตามิน B3 ที่เราควร
00:09:09 → 00:09:12 จะกินเนี่ยมันจะอยู่ประมาณสัก 15 มกรต่อ
00:09:12 → 00:09:15 วันนะครับแต่ที่อเมริกามีการสำรวจในคนที่
00:09:15 → 00:09:20 อ่าในปี 2017-2020 พบว่ากินคนอเมริกัน
00:09:20 → 00:09:24 เนี่ยกินโดยเฉลี่ยไอ้วิตามิน B3 เี่นะ
00:09:24 → 00:09:28 อยู่ที่ 48 มกรต่อวันก็คือสูงกว่าเอ่อค่า
00:09:28 → 00:09:32 ที่เได้นำอ่ะถึง 3 เท่านะครับก็คาดว่าน่า
00:09:32 → 00:09:34 จะมาจากอาหารต่างๆที่เขามีการเติมวิตามิน
00:09:34 → 00:09:37 B3 เข้าไปแล้วนอกเหนือจากนี้ก็ยังมาจาก
00:09:37 → 00:09:40 คนที่กินวิตามิน B3 เข้าไปเสริมร่างกายนะ
00:09:40 → 00:09:43 ครับคนที่กินวิตามิน B3 สมัยก่อนก็คิดว่า
00:09:43 → 00:09:46 เออมันเป็นวิตามินละลายน้ำถ้าเกิดว่าเรา
00:09:46 → 00:09:48 ไม่กินเยอะเอ้ยถ้าเกิดว่าเรากินเข้าไป
00:09:48 → 00:09:50 เนี่ยแล้วร่างกายไม่ได้ใช้เราก็ปัสสาวะ
00:09:50 → 00:09:52 มันออกมาขับมาทางปัสสาวะแต่ตอนนี้มันไม่
00:09:52 → 00:09:56 ใช่แล้วครับกลายเป็นว่าวิตามินที่ละลายใน
00:09:56 → 00:09:59 น้ำก็อาจจะเกิดสารพิษ tpy กับ 4 py ที่
00:09:59 → 00:10:02 ทำให้เกิดหลอกเลืองอักเสบได้หรอกครับ
00:10:02 → 00:10:06 นะแล้วแหล่งอีกแหล่งนึงที่มาของวิตามิน B3
00:10:06 → 00:10:06 คือ
00:10:06 → 00:10:13 อะไรใครเคยกินไนซินเพื่อการรักษาไขมันสูง
00:10:13 → 00:10:17 ในเลือดบ้างครับนี่วิตามิน B3 เนี่ยมันจะ
00:10:17 → 00:10:21 มีคนเอามาใช้ในการลดไขมันในเลือดนะครับ
00:10:21 → 00:10:23 มันสามารถมันเป็นตัวที่ดีมากในการลดไขมัน
00:10:23 → 00:10:25 คือมันสามารถลด ldl cholesterol ได้ลด
00:10:25 → 00:10:29 Total cholesterol ได้ลด vldl ได้ลดไ
00:10:29 → 00:10:32 กีซได้แล้วเพิ่มไข่มันดีคือ hdl แล้ว
00:10:32 → 00:10:36 สามารถลดตัวนึงชื่อว่า AP Lip รตน B และ
00:10:36 → 00:10:38 ลดอีกตัวนึงซึ่งยาอื่นๆยังทำไม่ได้คือ
00:10:38 → 00:10:41 Lipe Little A คือฟังดูเหมือนโปรไฟล์
00:10:41 → 00:10:44 เทพมากเลยอ่ะยาตัวอื่นทำไม่ได้มีแต่ไอ้
00:10:44 → 00:10:46 ตัวเเท่านั้นที่ทำได้แต่ปรากฏว่าอะไรรู้
00:10:46 → 00:10:50 มั้ยครับเวลาที่เราทำวิจัยจริงๆแล้วเนี่ย
00:10:50 → 00:10:53 โปรไฟล์เทพของไซซินหรือวิตามิน B3 ตัวนี้
00:10:53 → 00:10:56 เนี่ยถ้ามันทำให้ไขมันทุกอย่างมันอยู่ใน
00:10:56 → 00:10:59 เกณฑ์ดีหมดทุกอย่างใช่มั้ยฮะมันน่าจะต้อง
00:10:59 → 00:11:01 ทำให้โอกาสเกิดหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือด
00:11:01 → 00:11:05 สมองทุกอย่างดีขึ้นหมดปรากฏว่ามันไม่ได้
00:11:05 → 00:11:07 ดีขึ้นครับมันไม่แตกต่างไปจากคนที่ไม่กิน
00:11:07 → 00:11:11 เลยแล้วสตินที่เป็นตัวสแตนดาร์ดที่เป็น
00:11:11 → 00:11:14 ตัวมาตรฐานที่ใช้ในตอนนี้เนี่ยมันได้ผลดี
00:11:14 → 00:11:16 กว่าเยอะในการลดเรื่องหลอดเลือดสมองหลอด
00:11:16 → 00:11:19 เลือดหัวใจหลอดเลือดส่วนปลายนะครับก็มีคำ
00:11:19 → 00:11:22 ถามว่าเฮ้ยแล้วทำไมล่ะมันถึงมีปัญหาแบบ
00:11:22 → 00:11:24 นี้ทั้งๆที่โปรไฟล์มันเทพขนาดนี้แล้วทำไม
00:11:24 → 00:11:28 มันถึงไม่สามารถลดปัญหาเหล่านั้นได้วัน
00:11:28 → 00:11:31 นี้ก็อาจจะได้คำตอบแล้วครับว่าไอซิน
00:11:31 → 00:11:33 วิตามิน B3 ที่มันเยอะเกินมันจะกลายไป
00:11:33 → 00:11:35 เป็น nad Plus ในร่างกายที่เยอะเกินและ
00:11:35 → 00:11:38 สุดท้ายกลายไปสู่สารพิษชื่อว่า 2 py กับ
00:11:38 → 00:11:41 4 py และนำไปสู่การอักเสบของหลอดเลือด
00:11:41 → 00:11:43 เหตุผลน่าจะเป็นเช่นนี้นะครับดังนั้น
00:11:44 → 00:11:47 เนี่ยถ้าเราดูแล้วเนี่ยยาไนอาซินที่เขาค
00:11:47 → 00:11:50 กินกันนะครับเมื่อตะกี้ผมบอกว่าเอ่อปกติ
00:11:50 → 00:11:52 วันนึงเนี่ยก็จะกิน 15 มิลกรัมเนี่ยเป็น
00:11:52 → 00:11:55 อย่างต่ำโดยทั่วไปก็ 30 มกร 40 มลกเนี่ย
00:11:55 → 00:11:57 ยังโอเคอยู่แต่คุณรู้มั้ยครับว่าไนซินที่
00:11:57 → 00:11:59 กินเป็นยาเนี่ยเค้ากินกันโน่น 1,000
00:11:59 → 00:12:02 มิลลิกรัมหรืออะไรพวกเนี้ยเยอะๆเลยนะครับ
00:12:02 → 00:12:04 3,000 มิลกรัมอย่างเงี้ยซึ่งแบบเยอะ
00:12:04 → 00:12:07 มหาศาลก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึซึ่งทำให้เกิด
00:12:07 → 00:12:09 การอักเสบของหลอดเลือดเพราะว่ามันมีเยอะ
00:12:09 → 00:12:12 เกินไปในร่างกายก็ได้นะครับนี่คือปัญหา
00:12:12 → 00:12:15 แล้วเดี๋ยวนี้ nad Plus มันมาจากไหนอีก
00:12:15 → 00:12:17 นะครับถ้าไม่ใช่จากวิตามิน B3 ก็ฉีดเข้า
00:12:17 → 00:12:20 ไปไงครับถูกมั้ยฮะเดี๋ยวนี้มีการฉีด nad
00:12:20 → 00:12:23 Plus แล้วก็มีการกิน nr
00:12:23 → 00:12:26 nmn นะครับเป็นอาหารเสริมชนิดหนึ่งกิน
00:12:26 → 00:12:30 เข้าไปในร่างกายทีเยพอเรามาฟังอย่างนี้
00:12:30 → 00:12:31 แล้วรู้สึกว่า
00:12:31 → 00:12:35 โอ้โหแล้วเราจะทำยังไงดีล่ะถ้าเราคิดจะไป
00:12:35 → 00:12:38 ฉี nd Plus เราเห็นคนที่เขาฉีดเข้ามารู้
00:12:38 → 00:12:41 สึกสดชื่นสมองแจ่มใสนะครับกินเหล้าบ่อยๆ
00:12:41 → 00:12:44 ก็ไม่แฮงเฮ้ยมันรู้สึกร่างกายดีจังเลยเอ
00:12:45 → 00:12:48 แล้วเราจะทำไงดีนะครับก็ต้องขอบอกอย่าง
00:12:48 → 00:12:51 นี้ก่อนนะครับว่างานวิจัยชิ้นเนี้ยมันก็
00:12:51 → 00:12:54 มีช่องโวเหมือนกันนะครับช่องโหวของมันคือ
00:12:54 → 00:12:58 อะไรข้อแรกนะครับมันเป็น observational
00:12:58 → 00:12:59 Study
00:12:59 → 00:13:02 นะครับ observational studies หมายความ
00:13:02 → 00:13:06 ว่าเวลาที่เราดูว่าเอ๊ไอ้คนกลุ่มที่เขาทด
00:13:06 → 00:13:09 สอบเนี่ยมันมีสาร 2 py กับ 4 py เยอะใน
00:13:09 → 00:13:11 ร่างกายนำไปสู่การอักเสบในร่างกายพวก
00:13:11 → 00:13:14 เนี้ยแต่มันไม่ได้บอกว่าไอ้ 2 py กับ 4
00:13:14 → 00:13:18 py ทำให้เกิดโรคหล่อเลือดหัวใจในคนเหล่า
00:13:18 → 00:13:21 นี้มันบอกเช่นนั้นไม่ได้ถ้าจะบอกเช่นนั้น
00:13:21 → 00:13:22 ได้เราจะต้องทำ
00:13:22 → 00:13:25 prospective clinical try คือทำไปข้าง
00:13:25 → 00:13:29 หน้าในอนาคตดูว่าคนที่มีปัญหา 4 py กับ 2
00:13:29 → 00:13:32 py สูงในเลือดแล้วตามไปในอนาคตว่าคนที่
00:13:32 → 00:13:34 สูงในเลือดแล้วมันในอนาคตเป็นโรคพวกนั้น
00:13:34 → 00:13:36 จริงหรือเปล่าแล้วคนที่ไม่สูงในอนาคตเป็น
00:13:36 → 00:13:38 โลกพวกนั้นจริงหรือเปล่าไออย่างเงี้ยถึง
00:13:38 → 00:13:40 จะบอกได้แต่ในการทำแบบ observational
00:13:40 → 00:13:42 study เนี่ยบอกไม่ได้นะครับแต่มันก็เป็น
00:13:42 → 00:13:45 อะไรที่เตือนเราละว่ามันอาจจะมีปัญหาละ
00:13:45 → 00:13:48 ข้อที่ 2 บุคคลที่เขาคเอามาทดสอบเนี่ยนะ
00:13:48 → 00:13:53 ครับเป็นบุคคลที่มีบรรพบุรุษมาจากยุโรปนะ
00:13:53 → 00:13:56 ครับก็คือยูโรในประเทศอเมริกานะครับแล้ว
00:13:56 → 00:13:59 ก็ยูโรเปียนจริงๆเลยนะครับในประเทศประเทศ
00:13:59 → 00:14:02 ของเขาเคดูแค่ในคนเหล่านี้เท่านั้นดัง
00:14:02 → 00:14:04 นั้นเนี่ยสิ่งเหล่านี้จะใช้ในคนเอเชียได้
00:14:04 → 00:14:08 หรือเปล่าใช้ในคนชาติอื่นได้มยอันนี้ก็
00:14:08 → 00:14:10 ตอบไม่ได้นะครับเพราะว่ามันเป็นข้อจำกัด
00:14:10 → 00:14:14 ของงานวิจัยชิ้นนี้นะและที่สำคัญคือเวลา
00:14:14 → 00:14:17 ที่เขาเจาะดูค่า 2 py กับ 4 py ในคน
00:14:17 → 00:14:20 เหล่าเนี้ยเเจาะแค่ครั้งเดียวนะครับสูง
00:14:20 → 00:14:23 ไม่สูงแค่นั้นเลยแต่เขาคไม่ได้เจาะหลายๆ
00:14:23 → 00:14:24 ครั้งเพราะบางทีการจอดหลายครั้งอาจจะ
00:14:24 → 00:14:26 สามารถทำให้เราเห็นว่าเอ๊ะมันขึ้นมันลง
00:14:26 → 00:14:27 มันอะไรอย่างนี้ได้มั้ยมันสูงตลอดเวลา
00:14:27 → 00:14:29 หรือมันสูงแค่วันนั้นวเดียวนะครับแล้วมัน
00:14:29 → 00:14:32 ก็ลงมาอันเนี้ยไม่ได้เจาะก็เลยบอกไม่ได้
00:14:32 → 00:14:35 นะครับดังนั้นเนี่ยเราใช้ข้อมูลเหล่านี้
00:14:35 → 00:14:37 เราก็ต้องทราบว่ามันมีข้อจำกัดของงาน
00:14:37 → 00:14:41 วิจัยเหมือนกันทีนี้ถามว่าในโรกอุมคำติ
00:14:41 → 00:14:44 อ่ะถ้าเราจะฉีด nid เรารู้ว่ามันมันมีผล
00:14:44 → 00:14:47 ดีมันมีผลในการชะลอไวทำให้ผิวดีอะไรทุก
00:14:47 → 00:14:50 อย่างดีเรากิน nn หรือกินวิตามิน B3 เข้า
00:14:50 → 00:14:53 ไปเสริมเพื่อที่จะให้เราผิวดีอ่ะหรือบาง
00:14:53 → 00:14:55 คนกินไอ้เนี่ยนิโคตินาไมด์เพื่อให้ผิวมัน
00:14:55 → 00:15:00 ดีเออแล้วเราจะทำยังไงดีถ้าสมมุติเป็นโรค
00:15:00 → 00:15:04 อุดมคตินะครับที่ควรจะต้องทำได้ก็คือเรา
00:15:04 → 00:15:07 จะต้องสามารถตรวจระดับไอ้ของพวกนี้และ
00:15:07 → 00:15:09 ร่างกายเราได้ทั้งหมดเลยคือตรวจว่า nid
00:15:09 → 00:15:10 เรามีพอ
00:15:10 → 00:15:14 มยเรามีวิตามิน B3 ในร่างกายเยอะไปหรือ
00:15:14 → 00:15:18 ยังนะครับและเราสามารถตรวจ 2 py กับ 4
00:15:18 → 00:15:22 py ได้ด้วยว่ามันเยอะหรือยังนะครับแต่
00:15:22 → 00:15:25 ปัญหาคือในทางปฏิบัติมันทำไม่ได้ครับไอ้
00:15:25 → 00:15:28 สารพวกเนี้ยมันตรวจไม่ได้ถ้าจะตรวจได้ก็
00:15:28 → 00:15:30 ต้องเป็นห้องปฏิบัติการพิเศษเลยอ่ะที่จะ
00:15:30 → 00:15:32 สามารถตรวจของพวกนี้ได้แล้ว 2 py กับ 4
00:15:32 → 00:15:34 py ก็แน่นอนเค้าทำในงานวิจัยซึ่งมันเป็น
00:15:34 → 00:15:36 สารใหม่ที่เ้าเพิ่งค้นพบดังนั้นเนี่ยก็
00:15:36 → 00:15:40 แน่นอนว่าคนที่ตรวจได้ก็คงจะมีแต่คนที่ทำ
00:15:40 → 00:15:42 งานวิจัยเท่านั้นนะครับจะไม่ใช่นัก
00:15:42 → 00:15:44 วิทยาศาสตร์ที่ประเทศอื่นเงี้ยนะครับ
00:15:44 → 00:15:46 เพราะว่าเคไม่ได้ทำการวิจัยตัวนี้ก็ยัง
00:15:47 → 00:15:50 ตรวจไม่ได้อ้าแล้วเราทำยังไงล่ะมีอยู่
00:15:50 → 00:15:54 อย่างนึงครับที่ผมมองว่ามันอาจจะเป็นตัว
00:15:54 → 00:15:57 พอบอกเราได้เค้าไปเจอว่าตัว 4 py เนี่ย
00:15:57 → 00:15:59 นะครับที่
00:15:59 → 00:16:01 มันมีความเสี่ยงสูงกว่า 2 py คือ 2 ตัว
00:16:01 → 00:16:04 เนี้ยมันมันมาด้วยกันนะมันสร้างมาพร้อม
00:16:04 → 00:16:06 กันแต่เเพราะว่าตัว 4 py เนี่ยมีผลมาก
00:16:06 → 00:16:10 กว่าและตัว 4 py เนี่ยมันทำให้เกิดการ
00:16:10 → 00:16:13 อักเสบของหลอดเลือดได้ถ้ามันมีเยอะๆดัง
00:16:13 → 00:16:15 นั้นถ้าเราตรวจ 4 py ไม่ได้เราตรวจอะไร
00:16:15 → 00:16:18 ได้ครับการอักเสบของหลอดเลือดครับการ
00:16:18 → 00:16:21 อักเสบของหลอดเลือดตรวจยังไงตรวจ High
00:16:21 → 00:16:24 sensitivity crp หรือ hs
00:16:24 → 00:16:27 crp ตัวนี้เนี่ยต้องบอกก่อน
00:16:27 → 00:16:30 ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบของ
00:16:30 → 00:16:33 หลอดเลือดนะแต่มันไม่ได้เป็นตัวที่บอกว่า
00:16:33 → 00:16:36 ทั้งหมดเนี่ยการที่คุณตรวจแล้วมันเป็น
00:16:36 → 00:16:38 ปกติมันไม่ได้บอกว่าคุณจะไม่เป็นโรคหลอด
00:16:38 → 00:16:42 เลือดนะเพราะว่าอันนี้คือไม่มีใครไปวิจัย
00:16:42 → 00:16:44 แต่ว่าผมเจออ่านในงานวิจัยนี้แล้วก็เจอ
00:16:44 → 00:16:47 ตรงเนี้ยก็เลยคิดว่าถ้าเรายังจะคิดว่าจะ
00:16:47 → 00:16:51 ฉีด nad Plus ต่อเราอยากจะกิน nr nmn
00:16:51 → 00:16:53 ต่อหรือเราอยากกินวิตามิน B3 หรือเรา
00:16:53 → 00:16:56 กำลังกินไอซินอยู่เพราะว่าเรามีโรคไขมัน
00:16:56 → 00:16:58 เช่นอ่าไลโปโปรตีน Little a มันมันสูง
00:16:58 → 00:17:00 อย่างเงี้ยแล้วเราไม่มียาตัวอื่นเราจะใช้
00:17:00 → 00:17:02 ตัวเนี้ยจริงๆมันก็มีตัวอื่นเหมือนกันนะ
00:17:02 → 00:17:05 แต่ว่าข้ามไปก่อนแล้วกันก็ใช้ตัวเนี้ยนะ
00:17:05 → 00:17:09 ครับทำยังไงดีในเมื่อมันมีวิจัยนี้ออกมา
00:17:09 → 00:17:12 ผมคิดว่าคุณอาจจะต้องปรึกษาคุณหมอนิดนึง
00:17:12 → 00:17:16 ว่าเออเราขอตรวจ hs crp ได้ไหถ้ามัน
00:17:16 → 00:17:20 เริ่มสูงแล้วเนี่ยบางทีคุณอาจจะลองงด
00:17:21 → 00:17:24 วิตามิน B3 ที่กินเสริมนะถ้ากินจากอาหาร
00:17:24 → 00:17:28 ไม่เป็นไรนะครับที่กินเสริมก็ไปงด nad
00:17:28 → 00:17:33 Plus ดูงด nr งด nmn ดูนะครับแล้วหลัง
00:17:33 → 00:17:36 จากนั้นน่ะสักเดือน 2 เดือนไปตรวจ hsrp
00:17:36 → 00:17:41 ใหม่นะครับว่ามันลงหรือยังถ้ามันลงแล้วก็
00:17:41 → 00:17:44 น่าจะแปลว่าไอ้นั่นแหละครับ nid Plus
00:17:44 → 00:17:46 ที่คุณฉีดเข้าไป nr nmn ที่คุณใช้หรือ
00:17:46 → 00:17:50 วิตามิน B3 ในินิโคติน am เนี่ยมันทำให้
00:17:50 → 00:17:53 คุณมีการอักเสบของหลอดเลือดแต่ทั้งนี้
00:17:53 → 00:17:55 ทั้งนั้นสิ่งที่ทำให้หลอดเลือดมันอักเสบ
00:17:55 → 00:17:58 ไม่ได้มีอย่างเดียวครับแล้ว hsrp มันก็
00:17:58 → 00:18:00 ไม่ได้แปลว่าเกิดการอักเสบของหลอดเลือด
00:18:00 → 00:18:02 อย่างเดียวนะมันอักเสบที่ไหนในร่างกายก็
00:18:02 → 00:18:04 ได้มันเป็นแค่ตัวแทนรวมๆเท่านั้นเองดัง
00:18:04 → 00:18:06 นั้นเนี่ยถ้าเกิดคุณมีการอักเสบในร่างกาย
00:18:06 → 00:18:09 ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็น sle เป็นรูมาตอยนะ
00:18:09 → 00:18:12 ครับหรือมีการบาดเจ็บอะไรสักอย่างที่ทำ
00:18:12 → 00:18:15 ให้ร่างกายมันอักเสบมันก็จะส่งผลทำให้ hs
00:18:15 → 00:18:17 crp สูง
00:18:17 → 00:18:20 ได้ซึ่งก็อาจจะไม่เกี่ยวกับไอ้วิตามินที่
00:18:20 → 00:18:23 คุณใช้เลยก็ได้ดังนั้นเนี่ยค่าตัวนี้
00:18:23 → 00:18:26 เนี่ยผมเห็นมาจากงานวิจัยนี้มันยังไม่ได้
00:18:26 → 00:18:29 ถูก validate รือคือไม่ได้ถูกบอกว่ามัน
00:18:29 → 00:18:34 สามารถใช้ตรวจติดตามว่ามีพิษจาก nad Plus
00:18:34 → 00:18:38 n nmn หรือยังไม่สามารถตรวจได้แต่อาจจะ
00:18:38 → 00:18:41 เป็นตัวที่พอจะเอามาใช้ได้ในตอนนี้นะครับ
00:18:41 → 00:18:44 เนื่องจากว่าเราไม่สามารถตรวจว่าระดับ nad
00:18:44 → 00:18:48 Plus ของเรามันเกินหรือยังนะครับถือหรือ
00:18:48 → 00:18:50 ถ้ามันเกินแล้วหรือยังไงแล้วแล้วยังไง 2
00:18:50 → 00:18:53 py กับ 4 py เราก็ตรวจไม่ได้อยู่ดีนะ
00:18:53 → 00:18:56 ครับถ้าให้ดีที่สุดอ่ะคือเราต้องตรวจ 4
00:18:56 → 00:18:58 py กับ 2 py ได้ด้วยอ่ะเพราะไม่ฉะนั้น
00:18:58 → 00:19:01 เนี่ยเราไม่มีทางรู้เลยเออ nad Plus ใน
00:19:01 → 00:19:03 ร่างกายเราตรวจมาแล้วอ่ะมันเป็นปกติแล้ว
00:19:03 → 00:19:06 อ้าแล้วรู้ได้ยังไงว่า 4 py กับ 2 py
00:19:06 → 00:19:09 มันไม่สูงไม่รู้ถูกมั้ยครับก็ตอบไม่ได้
00:19:09 → 00:19:14 งั้นนี่คือปัญหานะฮะังนั้น
00:19:14 → 00:19:18 ก็เราจะฉีด nid Plus nmn เนี่ยก็ดูไว้
00:19:18 → 00:19:21 หน่อยแล้วกันนะครับอย่างไรก็ตามข้อมูลตัว
00:19:21 → 00:19:23 นี้เนี่ยมันจะต้องศึกษาเพิ่มเติมในอนาคต
00:19:23 → 00:19:26 เพราะว่าสิ่งที่เรารู้คือ nmn กับ nr
00:19:26 → 00:19:30 เนี่ยเรามีข้อมูลว่าถ้ากินวันละประมาณเ่อ
00:19:30 → 00:19:33 ไม่เกิน 1 กรัม 1-2 กรัมประมาณเนี้ยมัน
00:19:33 → 00:19:36 ได้ผลประโยชน์กับร่างกายนะครับแต่ในคนที่
00:19:36 → 00:19:39 มีความไวต่อการเกิดโรคหลอดโหายใจพวกเนี้ย
00:19:39 → 00:19:43 อาจจะมีปัญหาได้อาจจะต้องระวังนะครับแล้ว
00:19:44 → 00:19:47 ผมก็ไม่แน่ใจว่าไอ้การที่มีสาร 2 py กับ
00:19:47 → 00:19:48 4 py เนี่ยมันทำให้เกิดเหตุการณ์เหตุ
00:19:48 → 00:19:51 การณ์นึงหรือเปล่าถ้าเกิดคนที่ฉีด nid
00:19:51 → 00:19:55 เนี่ยบางคนจะรู้เพราะว่าถ้าคุณฉีด nad
00:19:55 → 00:19:58 เป็นครั้งแรกนะครับแล้วฉีดเยอะหรือฉีด
00:19:58 → 00:20:01 เร็วเกินไปหรือใช้โดสของฝรั่งเนี่ยบางคน
00:20:01 → 00:20:04 นะครับจะมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติความดัน
00:20:05 → 00:20:08 ขึ้นนะครับรู้สึกไม่ปกติเลยไม่แน่ใจว่า
00:20:08 → 00:20:10 มันเกี่ยวข้องกับสาร nid โดยตรงหรือว่า
00:20:10 → 00:20:13 มันเกี่ยวข้องกับสารเนี่ยพวก 2 py กับ 4
00:20:13 → 00:20:16 py อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะแต่
00:20:16 → 00:20:18 เรารู้ว่าบางคนที่ฉีด nid Plus เข้าไป
00:20:18 → 00:20:20 แล้วมันเกิดปัญหาอย่างนี้เข้ามาดังนั้น
00:20:20 → 00:20:23 เวลาที่เราจะไปฉีดเนี่ยก็อาจจะต้องใช้
00:20:23 → 00:20:25 ขนาดที่ต่ำลงโดยเฉพาะคนตัวเล็กๆนะครับใช้
00:20:25 → 00:20:28 ขนาดที่ต่ำลงอ่าดริบให้มันช้างแล้วก็ต้อง
00:20:28 → 00:20:31 แน่ใจว่าทางคลินิกเนี่ยเค้าสามารถมีช่อง
00:20:31 → 00:20:34 ทางในการส่งตัวคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลได้
00:20:34 → 00:20:36 เกิดว่าคุณเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา
00:20:36 → 00:20:39 จริงๆนะครับแต่ต้องบอกว่าไม่ได้ทุกคนที่
00:20:39 → 00:20:40 เกิดนะฮะ
00:20:40 → 00:20:44 เออแล้วก็สุดท้ายอันนี้ผมแถมให้แล้วะกัน
00:20:44 → 00:20:47 จากงานวิจัยอันนี้เนี่ยนะครับเค้าไปเจอ
00:20:47 → 00:20:50 ว่ามันมีคนจำนวนหนึ่งนะครับที่มีสาร 2 py
00:20:50 → 00:20:53 กับ 4 py สูงกว่าปกติเนื่องจากความผิด
00:20:53 → 00:20:55 ปกติ
00:20:55 → 00:20:58 ของยีนตัวนึงนะครับยีนมันชื่อยาวมากๆเลย
00:20:58 → 00:21:01 ผมก็จำชื่อมันไม่ได้แล้วแต่ว่ามันไป
00:21:01 → 00:21:07 เอ่อมันไปมีการกำหนดเอนไซม์ตัวนึงนะครับ
00:21:07 → 00:21:11 เอเอนไซม์ตัวเนี้ยอ่าชื่อมันยาวมากผมก็ผม
00:21:11 → 00:21:13 ก็ดูผมก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในเอนไซม์
00:21:13 → 00:21:15 ตัวเนะครับคือไม่ไม่ได้รู้จักตัวนี้มา
00:21:15 → 00:21:18 ก่อนนะฮะแต่มันเป็นเอนไซม์ซึ่งควบคุม
00:21:18 → 00:21:22 ปริมาณในการสร้าง nad คือคนเราเนี่ยสร้าง
00:21:22 → 00:21:25 nid ได้โดย 2 ทางทางแรกคือทางวิตามิน B3
00:21:25 → 00:21:28 หรือไนซินทางที่ 2 คือมาจากกรดอมิโนฟนนะ
00:21:28 → 00:21:30 ครับแต่คนส่วนใหญ่เนี่ยมันจะสร้างมาจาก
00:21:30 → 00:21:32 ทางไดซินที่เรากินเข้าไปมากกว่ามันจะมี
00:21:32 → 00:21:35 ส่วนน้อยที่มาจากทางโตแนแล้วไอ้เอนไซม์
00:21:35 → 00:21:40 พิเศษตัวเนี้ยนะครับมันจะไปควบคุมการ
00:21:40 → 00:21:43 สร้างจาก triptan ไม่ให้มากจนเกินไปนะ
00:21:43 → 00:21:44 ครับเพราะถ้ามันมากจนเกินไปก็เดี๋ยวเกิด
00:21:44 → 00:21:47 สารพิษ 2 py 4 py เอนไซมตัวนี้แหละ
00:21:47 → 00:21:50 ครับที่ในบางคนมันมีความผิดปกติแต่ปัญหา
00:21:50 → 00:21:53 คือคุณจะรู้ได้ยังไงว่าของคุณผิดปกติไม่
00:21:53 → 00:21:57 มีทางรู้แล้วผมสมมุติให้อย่างนึงนะสมมุติ
00:21:57 → 00:22:00 ว่าวันเนี้ยคุณอยากจะไปฉีด nid Plus คุณ
00:22:00 → 00:22:02 อยากจะกิน nmn นะ
00:22:03 → 00:22:06 ครับแล้วคุณลองคิดดูถ้าสมมุติคุณมีปัญหา
00:22:06 → 00:22:09 ที่เอนไซม์ตัวนี้มันผิดปกติ
00:22:09 → 00:22:12 นะตัวคุณเองเนี่ยจะมีความไวต่อการสร้าง
00:22:12 → 00:22:16 สารพิษ 2 py 4 py มากกว่าคนทั่วไปละที
00:22:16 → 00:22:19 นี้ถ้าคุณสร้างมากกว่าคนทั่วไปแล้วคุณไป
00:22:19 → 00:22:21 ให้สารที่มันทำให้เกิดการสร้างเพิ่มขึ้น
00:22:21 → 00:22:24 เช่นฉีด nad Plus nr nmn กินเข้าไป
00:22:24 → 00:22:26 หรือกินวิตามิน B3 เข้าไปแล้วคุณมีสารพิษ
00:22:26 → 00:22:29 มหาศาลขึ้นมาคุณจะทำยังไงนะครับดังนั้น
00:22:29 → 00:22:32 เนี่ยคนที่ฉีดอยู่อะไรอยู่พวกนี้น่ะถ้า
00:22:32 → 00:22:34 เป็นผมนะอันนี้คือไม่ใช่คำแนะนำทางการ
00:22:34 → 00:22:36 แพทย์แต่อย่างไรเพราะว่ามันยังไม่มีใคร
00:22:36 → 00:22:37 แนะนำตรงนี้ได้เนื่องจากว่าข้อมูลเราไม่
00:22:37 → 00:22:41 มีถ้าเป็นผมนะแล้วฉีด nid Plus อยู่หรือ
00:22:41 → 00:22:46 กิน nr nmn อยู่เนี่ยผมจะไปตรวจ hs crp
00:22:46 → 00:22:50 เผื่อไว้ถ้ามันสูงหรือมันไต่ขึ้นเรื่อยๆ
00:22:50 → 00:22:53 ผมจะหยุดกินหยุดฉีดให้หมดอ่ะแล้วก็ไปหา
00:22:53 → 00:22:56 เหตุผลอื่นว่ามันมีอะไรที่ทำให้สูงมยนะ
00:22:56 → 00:22:58 ครับถ้ามันมีก็แก้ไขไปแต่ถ้ามันมันไม่มี
00:22:58 → 00:23:00 แล้วเราไปตรวจอีกครั้งนึงที่เดือน 2
00:23:00 → 00:23:02 เดือนแล้วมันลงก็ไอ้สิ่งที่เราฉีดที่เรา
00:23:02 → 00:23:04 กินไปนั่นแหละครับมันทำให้เกิดปัญหานะ
00:23:04 → 00:23:08 ครับดังนั้นอันนี้ผมจะแนบงานวิจัยอันนี้
00:23:08 → 00:23:10 ให้ไปดูได้ด้วยตัวเองนะครับแต่ปัญหาคือ
00:23:10 → 00:23:13 มันต้องเสียตังค์เข้าไปอ่านวิจัยฉบับเต็ม
00:23:13 → 00:23:16 ดังนั้นถ้าเกิดว่าใครมีลิงก์กับอ่าทาง
00:23:16 → 00:23:18 มหาวิทยาลัยใหญ่ๆซึ่งสามารถเข้าไปอ่านได้
00:23:18 → 00:23:21 ก็ก็เข้าไปอ่านตัวเต็มดีกว่านะครับผมว่า
00:23:21 → 00:23:23 เค้าเขียนงานวิจัยเนี่ยยได้ดีมากๆเลยที
00:23:23 → 00:23:24 เดียวถ้าใครเข้าไปอ่านแล้วเข้าใจเนี่ย
00:23:24 → 00:23:26 เอ่อมันจะได้ความรู้ที่เยอะเลยนะครับแต่
00:23:26 → 00:23:30 ถ้าเกิดว่าเราดูแค่คร่าวๆก็ดูเฉพาะไอ้ตรง
00:23:30 → 00:23:31 ที่เค้าให้อ่านตรง Abstract ก็ได้ตรงบท
00:23:32 → 00:23:34 คัดยอกก็พอนะครับพอได้ไอเดียก่อนแล้วะกัน
00:23:34 → 00:23:37 นะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียงเท่า
00:23:37 → 00:23:39 นี้นะครับถ้าใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามมานะ
00:23:39 → 00:23:43 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ