00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:21 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงพี่เวคะครับ
00:00:21 → 00:00:24 วันนี้รายการศัลยกรรมความสุขของเราจะชวน
00:00:24 → 00:00:28 คุณผู้ฟังคุยเรื่องอะไรดีคะไม่รู้ไม่
00:00:28 → 00:00:31 ชี้
00:00:31 → 00:00:33 [เพลง]
00:00:33 → 00:00:35 [เสียงหัวเราะ]
00:00:35 → 00:00:38 อ้าวเ่าแล้วครับคุณผู้ฟังผมพี่อ้อยผมไม่
00:00:38 → 00:00:41 ได้มีผมไม่ได้งอนอะไรนะก็คือวันนี้ผมอยาก
00:00:41 → 00:00:44 จะชวนคุณผู้ฟังและพี่อ้อยเนี่ยมาคุย
00:00:44 → 00:00:48 เรื่องไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ไป
00:00:48 → 00:00:51 อ่านบทความบทความนึงนะแล้วทำให้ผมเกิดมุม
00:00:51 → 00:00:54 มองเกี่ยวกับคำเนี้ยเป็นมุมมองที่ผมว่า
00:00:54 → 00:00:58 เออมันน่าสนใจดีแล้วก็อมันมันน่าสนใจแล้ว
00:00:58 → 00:01:01 มันน่าจะมีประโยชน์กับกับยุคนี้สมัยนี้
00:01:01 → 00:01:04 กับคนในยุคนี้แต่ผมถามพี่อ้อยก่อนนะว่า
00:01:04 → 00:01:07 จริงๆอยากถามคุณผู้ฟังด้วยนะคุณผู้ฟังก็
00:01:07 → 00:01:09 คิดตามไปด้วยแล้วกันนะตอบตอบในใจนะฮแล้ว
00:01:09 → 00:01:14 ส่งกระแสจิตมาค่ะถ้าเกิดว่าพี่อได้ยินคำ
00:01:14 → 00:01:17 ว่าไม่รู้ไม่ชี้เนี่ยความรู้สึกมันเป็นดี
00:01:17 → 00:01:20 หรือไม่ดีอ่ะพี่ว่ามี 2 ด้านนะพี่วีเหรอ 2
00:01:20 → 00:01:23 ด้านคือทั้งดีและไม่ดีเหรอ 2 ด้านก็คือ
00:01:23 → 00:01:28 ทั้งดีแลไม่ดีเออไม่ก็ก็คือว่าถ้าเป็น
00:01:28 → 00:01:30 เรื่องสำคัญำคัญ
00:01:30 → 00:01:34 อ่าเช่นเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบเออๆ
00:01:34 → 00:01:37 แล้วก็บอกไม่รู้ไม่ชี้เนี่ยอือต้องไม่ดี
00:01:37 → 00:01:39 ไม่ดีใช่มั้แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นเรื่อง
00:01:39 → 00:01:43 อื่นๆนอกนั้นนอกเหนือจากนี้เออๆไม่รู้ไม่
00:01:43 → 00:01:47 ชี้อ่ะดีออก็ดีเหมือนกันใช่มั้ยถ้าเรื่อง
00:01:47 → 00:01:48 อื่นที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ใช่เรื่อง
00:01:48 → 00:01:51 เกี่ยวกับหน้าที่ใช่มันก็จะคนที่ไม่รู้
00:01:51 → 00:01:54 ไม่ชี้ก็จะแบบสบายใจใช่ปลๆไปบ้างอย่างงี้
00:01:54 → 00:01:58 เหรอจริงค่ะเพราะว่ามันมีเคสเลยของเพื่อน
00:01:58 → 00:02:02 สนิทเลยเออๆๆเป็นงไงครับพี่ออืก็คือเอ่อ
00:02:02 → 00:02:05 เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมแอืแล้วก็
00:02:05 → 00:02:12 เอ่อสามีทำงานต่างจังหวัดฮะอืก็มีข่าว
00:02:12 → 00:02:17 คราวมาว่าสามีนี่นั่นอะไรอย่างเงี้ยเอ่อ
00:02:17 → 00:02:21 คุยคุยกับสาวๆอะไรอย่างเงี้ยเออืแล้วก็มี
00:02:21 → 00:02:24 อยู่ครั้งนึงเพื่อนก็ไปเจออเพื่อเพื่อนคน
00:02:24 → 00:02:29 อื่นครับเพื่อนอีกคู่นึงไปเจอว่าสามีของ
00:02:29 → 00:02:34 เพื่อนคนเนี้ยฮะอืเหมือนควงสาวอ่ะเออๆๆ
00:02:34 → 00:02:37 แต่ว่าเพื่อนที่ไปเจอก็ไม่ได้ไม่ได้มาพูด
00:02:37 → 00:02:40 อะไรอืแต่ว่าในกลุ่มเพื่อนๆเนี่ยก็จะรู้
00:02:40 → 00:02:44 อือืแต่ว่าตัวภรรยาเนี่ยที่เป็นเพื่อนพี่
00:02:44 → 00:02:48 อ้อยเนี่ยแบบเธอถ้าเป็นคือเธอเป็นนคน
00:02:48 → 00:02:53 นิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เรียนมัธยมอืคือเรา
00:02:53 → 00:02:57 จะเรียกเธอว่าเอ๋อเอ๋อเออแต่จริงๆเ้าไม่
00:02:57 → 00:03:00 ได้เอ๋อหรอกเคเรียนเก่งมากเคอะไรแต่เขา
00:03:00 → 00:03:03 ไม่สนใจเรื่องราวอะไรกระจุ๊กกระจิ๊กใน
00:03:03 → 00:03:06 ชีวิตไม่สนใจออือๆเธอตั้งใจเรียนเธอนู่น
00:03:06 → 00:03:09 เธอนี่ฮะค่ะแล้ว
00:03:09 → 00:03:13 ก็ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอือจน
00:03:13 → 00:03:16 กระทั่งสามีเกษียณก็กลับมาอยู่บ้านกับ
00:03:16 → 00:03:19 ภรรยาอือครอบครัวก็อบอุ่นภรรยาก็ใช้ชีวิต
00:03:19 → 00:03:23 อย่างสบายอกสบายใจแต่งบ้านเชอบแต่งบ้านเ
00:03:23 → 00:03:27 ชอบมีดอกไม้จัดแกกกันอะไรทำอะไรต่ออะไร
00:03:27 → 00:03:30 ที่ตัวเองชอบอ่ะในขณะที่สามีอยู่ต่าง
00:03:30 → 00:03:33 จังหวัดใช่มั้ยคะออ่าเธอก็ไม่ได้ไปวอแว
00:03:33 → 00:03:38 ตามสามีจะยังไงอะไรอย่าเงี้ยไม่แล้วเราก็
00:03:38 → 00:03:38 บอกว่า
00:03:38 → 00:03:43 เออชีวิตแบบนี้มันมีความสุขจังเลยอ่ะอือๆ
00:03:43 → 00:03:45 ไม่ต้องไปรู้หรอกไอ้เรื่องที่มันแบบไม่
00:03:45 → 00:03:49 ต้องไม่ควรรู้อ่ะเอออือแล้วเราก็จะสบายใจ
00:03:49 → 00:03:53 ไม่ต้องไปคิดด้วยอืค่ะคือทำไม่รู้ไม่ชี้
00:03:53 → 00:03:57 ทำไม่รู้ไม่ชี้เออใช่อันนี้คือถ้าพูดถึง
00:03:57 → 00:04:00 บอกว่าทำไม่รู้ไม่ชี้เนี่ยพี่พี่อ้อยว่า
00:04:00 → 00:04:03 เขาก็ไม่ได้ทำนะพี่วีอือๆเ้าเป็นของเขา
00:04:03 → 00:04:07 เองอ๋อเออดธรรมชาติค่ะค่ะงั้นก็กลายเป็น
00:04:07 → 00:04:11 บางทีก็เป็นข้อดีใช่มั้ยค่ะอือแต่ที่ผม
00:04:11 → 00:04:14 หยิบยกมาเป็นประเด็นเนี่ยพี่อ้อยเพราะว่า
00:04:14 → 00:04:16 ผมอยากจะเริ่มต้นด้วยคำถามเงี้พี่อ้อยว่า
00:04:16 → 00:04:21 อืผมพบว่าในมุมของผมนะคำๆเนี้ยเป็นคำที่
00:04:21 → 00:04:25 สังคมยุคนี้ต้องการมากเลยอืแล้วสังคมยุค
00:04:25 → 00:04:30 นี้เนี่ยที่มันเกิดความวุ่นวายสับสนรมาน
00:04:30 → 00:04:33 ในหลายเรื่องเลยนะมาจากนี้เลยอมาจากคำๆ
00:04:33 → 00:04:36 นี้เลยนะฮะอ๋อคำที่ว่าไม่รู้ไม่ชี้เนี่ย
00:04:37 → 00:04:41 ก็คือผมอยากจะถามพี่อ้อยก่อนว่าสมมุติว่า
00:04:41 → 00:04:45 นะถ้าพี่อ้อยเดินอยู่ริมถนนนะค่ะแล้วมีคน
00:04:45 → 00:04:49 เถามพี่อ้อยว่าเอ่อโทษนะครับเอ่อผมกำลัง
00:04:49 → 00:04:52 อยากจะไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งสมมุติเบอก
00:04:52 → 00:04:54 ชื่อโรงพยาบาลมาเนี่ยค่ะว่าโรงพยยาบาลเ
00:04:54 → 00:04:59 เนี่ยยมันไปทางไหนนะคือเไปไม่ถูกอค่ะแล้ว
00:04:59 → 00:05:03 พี่อ้อยก็ไม่รู้จักโรงพยาบาลนี้เลยค่ะ
00:05:03 → 00:05:06 แล้วพี่อ้อยจะบอกเขคว่ายังไงตัวเองอ่ะจะ
00:05:06 → 00:05:10 บอกเขาว่าขอโทษทีเออไม่รู้จักเพราะว่าตัว
00:05:10 → 00:05:14 เองมีประสบการณ์ออที่ไปจังหวัดแต่เราจะไป
00:05:14 → 00:05:19 หาสถานที่เออนึงที่อยู่ต่างจังหวัดอแล้ว
00:05:19 → 00:05:22 เราไปไม่ถูกเออแล้วเราก็ถามแวะถามวิน
00:05:22 → 00:05:26 มอเตอร์ไซค์แวะถามชาวบ้านแวะถามร้านอาหาร
00:05:26 → 00:05:32 เออๆไปโอ้โหเละเทไปหมดเลยค่ะเออก็คือได้
00:05:32 → 00:05:35 คำตอบแต่มันไม่ใช่แล้วเราก็ไปตามนั้นแล้ว
00:05:35 → 00:05:40 เราก็หลงโอ้พังไปหมดเลยอืเราก็เลยบอกตัว
00:05:40 → 00:05:44 เองว่าเนี่ยถ้าเราไม่รู้จริงเราจะไม่ตอบ
00:05:44 → 00:05:47 ไม่บอกใช่มั้ยค่ะเราจะบอกเาว่าเราไม่รู้
00:05:47 → 00:05:52 จริงๆต้องขอโทษด้วยโค่ะนี่แหละคือ 2 กรณี
00:05:52 → 00:05:54 เลยครับคุณผู้ฟังที่ผมกำลังจะชี้ให้เห็น
00:05:54 → 00:05:57 เลยเกี่ยวกับคำว่าไม่รู้ไม่ชี้เนี่ยค่ะก็
00:05:57 → 00:06:00 คือถ้ามีคนมาถามทางพี่อ้อยแล้วพี่อ้อยไม่
00:06:00 → 00:06:06 รู้อือพี่อ้อยก็เลยไม่ชี้บอกทางเ้าค่ะก็
00:06:06 → 00:06:10 เพราะว่าเราเราไม่รู้ค่ะเราก็เลยไม่ชี้
00:06:10 → 00:06:14 ค่ะเนี่ยฮะเราไม่เราไม่รู้เราก็เลยไม่ชี้
00:06:14 → 00:06:15 บอกทาง
00:06:15 → 00:06:19 เขแต่ว่าที่พี่อ้อยไปเจอเมื่อสักครู่นี้
00:06:19 → 00:06:22 ตัวอย่างที่เจอเนี่ยก็คือพี่อ้อยไม่รู้
00:06:22 → 00:06:27 ทางค่ะแล้วพี่อ้อยก็ไปถามทางกับคนค่ะซึ่ง
00:06:27 → 00:06:29 เค้ารู้มั้ยอ่ะ
00:06:29 → 00:06:33 เค้าก็ไม่รู้นะเดาเดาว่าต้องไม่รู้ไม่รู้
00:06:33 → 00:06:37 หรือว่าจะบอกผิดก็ไม่แน่ใจแต่เค้าชี้เค้า
00:06:37 → 00:06:40 ชี้ทางให้พี่อ้อยไงให้ผิดแล้วก็ไปผิดนั่น
00:06:40 → 00:06:44 หมายความว่าเ้าไม่รู้ค่ะแต่เขาชี้อือพี่
00:06:44 → 00:06:47 อ้อยเห็นผมชอบภาษาไทยมากเลยภาษาไทยเนี่ย
00:06:47 → 00:06:49 ถ้าเราวิเคราะห์ดีๆนี่มันน่าสนใจน่าสนุก
00:06:49 → 00:06:54 นะค่ะคือถ้ามีใครมาถามทางเราเราไม่รู้
00:06:54 → 00:06:56 แล้วเราก็เลยไม่ชี้เนี่ยอันนี้เป็นเรื่อง
00:06:56 → 00:07:01 ดีอืแต่ถ้ามีใครมามาถามทางเราแล้วเราไม่
00:07:01 → 00:07:05 รู้แต่เราไปชี้เนี่ยอือมันจะทำให้เค้า
00:07:05 → 00:07:10 เดือดร้อนอือใช่อันเนี้ยคือประเด็นใน
00:07:10 → 00:07:14 สังคมปัจจุบันนี้พี่อ้อยใช่ค่ะที่ผมเห็น
00:07:14 → 00:07:16 แล้วออกความเห็นเป็นใหญ่เป็นโตเป็นเรื่อง
00:07:16 → 00:07:19 เป็นราวเยอะแยะไปหมดทุทุกเรื่องโดยเฉพาะ
00:07:19 → 00:07:23 อย่างยิ่งในโซเชียลมีเดียใช่ใช่มั้ยฮะออก
00:07:23 → 00:07:26 ความเห็นทุกเรื่องใช่ทั้งๆที่ในความเป็น
00:07:26 → 00:07:30 จริงคือไม่รู้จริงไม่ได้รู้จริงไม่รู้ไม่
00:07:30 → 00:07:33 รู้จริงเลยแต่ว่าไปชี้ใช่ใช่มยแล้วก็หรือ
00:07:33 → 00:07:35 แม้กระทั่งนะพี่ห้อยอย่างเมื่อเร็วๆนี้ผม
00:07:36 → 00:07:39 เห็นข่าวๆเป็นข่าวใหญ่โตเลยนะข่าวออกมา
00:07:39 → 00:07:44 บอกว่าเนี่ยเอ่อประเทศไทยเรานี่กำลังจะ
00:07:44 → 00:07:47 สบายแล้วเราจะเจอแร่ชนิดนึงอะไรเี้นะ
00:07:47 → 00:07:50 โอ้โหแบบแล้วคำนวณว่ามีเป็นอันดับ 3 ของ
00:07:50 → 00:07:52 โลกอะไรงี้โอ้โหหลังจากนั้นเนี่ยออกมา
00:07:52 → 00:07:56 วิจารณ์กันใหญ่เลยก็คือเอาเข้าจริงๆอ่ะ
00:07:56 → 00:07:59 ที่ออกมาให้คความเห็นทั้งหมดเนี่ยไม่รู้
00:07:59 → 00:08:02 เลยใช่ๆไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับเหล่า
00:08:02 → 00:08:05 นี้อย่างจริงจังเลยแล้วก็ไม่รู้แม้
00:08:05 → 00:08:09 กระทั่งว่าไอ้ข่าวที่ออกมาเนี่ยไม่จริง
00:08:09 → 00:08:10 ข่าวจริงข่าว
00:08:10 → 00:08:15 ปลอมชี้ไปโโหยชี้แนะชี้นำนะค่ะไม่รู้แต่
00:08:15 → 00:08:20 ชี้กับชี้ที่ว่าเนี่ยก็คือชี้แนะชี้นำชี้
00:08:20 → 00:08:22 ด้วยความคิดเห็นทำไปหมดเลย
00:08:22 → 00:08:25 อืในสังคมปัจจุบันเพี่อ้อยเราเต็มไปด้วย
00:08:25 → 00:08:31 คนที่ไม่รู้แต่ชี้พี่พี่อ้อยว่าเมื่อกี้
00:08:31 → 00:08:35 ที่พี่วีบอกว่าโอออกมาชี้แนะชี้นำเต็มไป
00:08:35 → 00:08:39 หมดเลยอือพี่ออยว่าเบื้องหลังอันนี้เดานะ
00:08:40 → 00:08:42 คะไม่รู้ถูกป่านะคะเออๆเบื้องหลังมันน่า
00:08:42 → 00:08:45 จะเป็นความเชื่อมั่นว่าตัวเองรู้อ่ะแต่
00:08:45 → 00:08:49 จริงๆแล้วความจริงอ่ะไม่รู้อืๆก็เลยออกมา
00:08:49 → 00:08:53 ชี้แนะชี้นำเยอะไปหมดเลยพี่วีว่าใช่มั้ย
00:08:53 → 00:08:55 คะคือผมคิดว่าอันนั้นน่ะเป็นส่วนหนึ่งแต่
00:08:56 → 00:08:58 ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่อสังคมปัจจุบัน
00:08:58 → 00:09:03 เนี่ยพี่อ้อยสังเกติผมเวลาที่ผมเห็นมีอัน
00:09:03 → 00:09:06 นี้เป็นแบบระดับชาติเลยนะผมเห็นเวลาที่ผม
00:09:06 → 00:09:09 ไม่ได้บอกว่าผมเชียร์ใครไม่เชียร์ใครนะ
00:09:09 → 00:09:11 แต่เวลาที่ผมเห็นมีนโยบายอะไรก็ไม่รู้ออก
00:09:11 → 00:09:16 มานี่นะไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐไม่ว่า
00:09:16 → 00:09:20 จะเป็นกระทรวงไม่ว่าจะเป็นสถาบันหรือองค์
00:09:20 → 00:09:23 กรอะไรที่เา้ามีการกำหนดนโยบายว่าเจะทำ
00:09:23 → 00:09:27 อะไรหรือไม่ทำอะไรเรื่องใหญ่ๆเลยค่ะถ้า
00:09:27 → 00:09:30 หัวหน้าขององค์กรออกมานำเสนอโครงการหรือ
00:09:30 → 00:09:34 นำเสนอความคิดเนี่ยอืเย็นนั้นเนี่ยจะมี
00:09:34 → 00:09:37 ผู้รู้เต็มไปหมดเลยอจะถูกสัมภาษณ์ในราย
00:09:37 → 00:09:40 การวิทยุอือเกี่ยวกับเรื่องนี้อแล้วทุกคน
00:09:40 → 00:09:43 นี่นะจะชี้แนะชี้
00:09:43 → 00:09:51 นำจะตำหนิจะเต็มไปหมดเลยอืแล้วผมก็งงว่า
00:09:51 → 00:09:54 เอ๊ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเนี่ยผมผมเคยแอบ
00:09:54 → 00:09:59 คิดเล่นๆนะพี่อ้อยอือว่าถ้าผมเป็นระดับ
00:10:00 → 00:10:02 หัวหน้าองค์กรสักอย่างนี้นะค่ะผมจะจดชื่อ
00:10:03 → 00:10:06 พวกนี้ให้หมดเลยแต่จดชื่อทำไมรู้มั้ยฮะจด
00:10:06 → 00:10:09 ทำไมคะคราวหน้าถ้าผมจะมีโครงการอะไรนะผม
00:10:09 → 00:10:13 จะเชิญพวกเมาอยู่ในคณะกรรมการให้หมดเลยออ
00:10:13 → 00:10:18 เข้าใจคือให้เค้ามาชี้ให้เราก่อนอือฮึรู้
00:10:18 → 00:10:22 ในเมื่อรู้ดีอ่ะเออใช่เชิญมาเลยไม่ว่าจะ
00:10:22 → 00:10:26 เป็นเค้าเรียกนะพิธีกรรายการพิธีการ
00:10:26 → 00:10:28 วิเคราะห์ข่าวเขิทั้งหลายเนี่ยผมจะจดชื่อ
00:10:28 → 00:10:31 ไว้หมดเลยนะเอแล้วผมจะขึ้นโครงการใหม่
00:10:31 → 00:10:33 เมื่อไหร่นี้ผมจะเอาพวกนี้มาเป็นกรรมการ
00:10:33 → 00:10:38 ให้หมดเลยแล้วถ้าถ้าเชิญมาเป็นกรรมการ
00:10:38 → 00:10:42 แล้วไม่มานะอื้อหือจะโดนจะโดนหนักไม่ใช่
00:10:42 → 00:10:45 น้อยเลยเพราะว่าหลังจากนั้นถ้าเกิดเราทำ
00:10:45 → 00:10:48 ไปแล้วแล้วมาเสนอแนะในภายหลังเนี่ยเราก็
00:10:48 → 00:10:51 จะต้องเอาให้หนักออแต่แต่อันนี้นี่คือ
00:10:51 → 00:10:54 เป็นเรื่องเป็นสาเหตุที่พี่อ้อยเคยสังเกต
00:10:54 → 00:10:58 มั้ยครับว่าเอาง่ายๆเลยตอนนี้พี่อ้อยอยู่
00:10:58 → 00:11:02 ในวงการของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นะไม่
00:11:02 → 00:11:05 ได้โดยตรงแต่ก็ทำในส่วนของ
00:11:05 → 00:11:09 วิทยากรร้าน mindset ค่ะอือย่าง
00:11:09 → 00:11:12 เงี้ยอันนี้ก็เป็นเป็นเรื่องนึงที่เราจะ
00:11:12 → 00:11:16 เห็นว่าในยุคนี้เนี่ย
00:11:16 → 00:11:18 คือมีคน
00:11:18 → 00:11:23 ที่ไม่ถึงก็ไม่รู้นะพี่อ้อยแต่รู้นิดนึง
00:11:23 → 00:11:29 อ่ะอือฮึรู้นิดเดียวรู้นิดนึงแต่ชี้ชี้นำ
00:11:29 → 00:11:33 ชี้แนะใหญ่โตใช่ๆค่ะเยอะมากมั้ยอ่ะพี่
00:11:33 → 00:11:36 อ้อยค่ะอันนี้พี่อ้อยว่าเขาไม่รู้ตัวว่าเ
00:11:36 → 00:11:40 รู้นิดเดียวอืมเค้าคิดว่าเค้ารู้เยอะเค้า
00:11:40 → 00:11:44 รู้เยอะค่ะใช่มั้ยแล้วก็ที่ผมเห็น
00:11:44 → 00:11:45 สถานการณ์เหล่านี้แล้วทำให้ผมเป็นห่วง
00:11:45 → 00:11:50 อะไรรพี่อ้อยค่ะเป็นห่วงคนที่ไปรับฟังไป
00:11:50 → 00:11:53 รับอข้อมูลใชไปรับฟังไปรับข้อมูลเหล่านี้
00:11:53 → 00:11:56 อ่ะครับค่ะมันให้ผมนึกถึงอันนี้ก็เป็นอีก
00:11:56 → 00:11:58 เรื่องนึงที่เป็นเรื่องไม่น่าจะเป็น
00:11:58 → 00:12:01 เรื่องเรื่องจริงน่าจะเป็นเรื่องตลกนะอื
00:12:01 → 00:12:04 แต่ว่าแต่ว่ามันเข้ากับกรณีอย่างนี้เลย
00:12:05 → 00:12:07 พี่อ้อยอ๋ออยากฟังค่ะเค้าเคยมีเรื่องเล่า
00:12:07 → 00:12:12 บอกว่าเอ่ออัจฉริยะของโลกอ่ะพี่อ้อยค่ะ
00:12:12 → 00:12:15 ถ้าพูดถึงอัจฉริยะของโลกนี้ทุกคนก็จะนึก
00:12:15 → 00:12:18 ถึงอัลเบิร์ตไอสไตน์ใช่แล้วอัลเบิร์ต
00:12:18 → 00:12:21 ไอสไตน์นี่เค้าก็มีหน้าที่เป็นเป็น
00:12:21 → 00:12:24 อาจารย์ไปบรรยายค่ะทั่วไปหมดเลยใช่มั้ยฮะ
00:12:24 → 00:12:27 ค่ะแล้วเขาก็จะมีคนขับรถส่วนตัวเค้าอ่ะ
00:12:27 → 00:12:31 ครับอือฮึอบตไตน์เนี่ยค่ะแต่ว่าตามเรื่อง
00:12:31 → 00:12:34 เล่านี้เบอกว่าคนขับรถของอัลเบิร์ตไตน
00:12:34 → 00:12:37 เนี่ยเาเป็นคนที่มีหน้าตาและบุคลิกเนี่ย
00:12:37 → 00:12:40 คล้ายอัลเบิร์ตไอไตมากเลยอคล้ายแบบคล้าย
00:12:41 → 00:12:45 มากๆอ่ะนะฮะแล้วทุกครั้งเวลาที่ Albert
00:12:45 → 00:12:48 ไซนไปบรรยายเนี่ยเขาก็ต้องขับรถไปให้ค่ะ
00:12:48 → 00:12:51 ขับรถเสร็จอัลเบไซนก็บรรยายไปคนขับรถเ้า
00:12:51 → 00:12:54 ก็ระหว่างนั่งรอเก็นั่งรออยู่หลังห้องอ่ะ
00:12:54 → 00:12:57 ครับเพราะฉะนั้นเค้าเป็นคนที่ได้ฟังการ
00:12:57 → 00:13:02 บรรยายของอบิไตนเนี่ยทุกเรื่องทุกหัวข้อ
00:13:02 → 00:13:05 แบบซ้ำแล้วซ้ำจนกระทั่งเค้าจำจำการบรรยาย
00:13:05 → 00:13:08 ได้เลยอ่ะค่ะพูดง่ายๆว่าบรรยายแทน
00:13:08 → 00:13:11 อัลเบิร์ตไอสไตล์ได้เลยค่ะเจำได้หมดเลยนะ
00:13:11 → 00:13:14 ฮจนกระทั่งมีอยู่วันนึงอบิไอสไตล์ป่วย
00:13:14 → 00:13:17 แล้วก็บอกวันนี้โหไม่ไหวบรรยายไม่ไหวเลย
00:13:17 → 00:13:19 อัลเบิร์ตไไนบอกว่าเฮ้ยคุณช่วยไปบรรยาย
00:13:19 → 00:13:23 แทนให้หน่อยิคนขับรถก็ไปบรรยายแทนนะพี่
00:13:23 → 00:13:26 อ้อยค่ะเนื่องจากว่าฟังมันเยอะไงแล้ว
00:13:26 → 00:13:29 บรรยายแบบอื้อหือ
00:13:29 → 00:13:33 เป๊ะเป๊ะเหมือนอัลเบิร์ตไซนแล้วหน้าก็
00:13:33 → 00:13:34 เหมือนอยู่แล้วด้วยเหมตัวจริงดีนะไม่ดี
00:13:35 → 00:13:35 กว่าตัว
00:13:35 → 00:13:41 จริงเป๊ะเลยนะฮะแต่มันจะไปตายเกือบเกือบ
00:13:41 → 00:13:46 ตายตอนจบอืเพราะอะไรรู้มั้ยครับถามตอบใช่
00:13:46 → 00:13:49 มีคนที่มาฟังบรรยายเกิดถามคำถามครับค่ะ
00:13:49 → 00:13:52 ซึ่งเค้าจำสิ่งที่บรรยายได้หมดแต่เขาไม่
00:13:52 → 00:13:55 ได้เข้าใจมันจริงๆนะอือจำได้แบบนกแก้วนก
00:13:55 → 00:13:59 ขุนทองอ่ะใช่มั้เสร็จแล้วค่ะพอ
00:13:59 → 00:14:02 พอถามปึ๊บพี่ว่าคิดว่าเค้าจะตอบได้มั้ย
00:14:02 → 00:14:06 ตอบไม่ได้ตอบไม่ได้แต่ความที่เค้ามี
00:14:06 → 00:14:09 ปฏิภาณบ่ายพิพอสมควรไงเพราะว่าวันนั้น
00:14:09 → 00:14:13 เนี่ยอเค้าเนี่ยเป็นคนขับรถแต่วันนั้นมา
00:14:13 → 00:14:16 บรรยายแทนค่ะระหว่างบรรยายเนี่ยอัลเบิร์ต
00:14:16 → 00:14:19 ไอซายซึ่งน่าคลายกันอก็ไปนั่งเป็นที่ตรง
00:14:19 → 00:14:24 คนขับรถอืไปนั่งรอท้ายห้องอ๋อๆเออเา้าก็
00:14:24 → 00:14:25 เลยบอกว่า
00:14:25 → 00:14:29 โอ๊ยคำถามที่คุณถามเนี่ยมันง่ายมากเดี๋ยว
00:14:29 → 00:14:32 ให้คนขับรถคนขับรถผมยังตอบได้
00:14:32 → 00:14:37 เลยโอ้สุดยอดเยี่ยมมากก็เลยให้คนขับรถ
00:14:37 → 00:14:39 ซึ่งวันนั้นคืออเบไฮไซเป็นคนตอบอค่ะแต่
00:14:39 → 00:14:42 เรื่องนี้บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องจริงนะผม
00:14:42 → 00:14:45 คิดว่าค่ะเป็นเรื่องตลกแต่ว่ามันมันสื่อ
00:14:46 → 00:14:48 ให้เห็นถึงกรณีที่เรากำลังคุยกันอยู่
00:14:48 → 00:14:53 ปัจจุบันเพี่อ้อยอ่าในสังคมปัจจุบันเนี่ย
00:14:53 → 00:14:56 เต็มไปด้วยคนที่ไม่
00:14:56 → 00:14:59 รู้แต่ทำตัวเป็นผู้ผู้รู้แล้วไปชี้เต็มไป
00:15:00 → 00:15:02 หมดเลยใช่ค่ะแล้วก็หรือเมื่อกี้พี่อ้อย
00:15:03 → 00:15:07 บอกว่าเค้าไม่รู้ว่าเค้าไม่รู้ไม่รู้ไม่
00:15:07 → 00:15:10 รู้รู้เคคิดว่าเรู้ใช่เพราะว่าสิ่งที่เ
00:15:11 → 00:15:14 รู้เนี่ยมันอาจจะรู้ก็ได้แต่ว่ามันนิด
00:15:14 → 00:15:18 เดียวนิดเดียวหรือเราจะเจอคนที่ในยุคนี้
00:15:18 → 00:15:21 นะครับพี่อ้อยในหลายเรื่องเลยนะรู้เหมือน
00:15:21 → 00:15:24 กันแต่ว่าความรู้เค้าเนี่ยมันเป็นความรู้
00:15:24 → 00:15:29 ในระดับที่แบบจำเค้ามาพูดน่ะใช่แล้วก็
00:15:29 → 00:15:32 เหมือนกับคนขับรถอ่ะเหมือนคนขับรถไซนอ่ะ
00:15:32 → 00:15:37 ค่ะจำสิ่งเป็นเทปบันทึกเลยแหล่ะจำสิ่งที่
00:15:37 → 00:15:40 อัลเบิร์ตพูดได้หมดเลยถึงเวลาก็มาเปิดเทป
00:15:40 → 00:15:44 ให้ฟังพี่พี่อ้อยมีอะไรนะความชอบไม่ชอบ
00:15:44 → 00:15:48 อยู่อย่างนึงพี่วีเออๆพี่พี่อ้อยไม่ชอบคน
00:15:48 → 00:15:52 ที่รู้ทุกอย่างอ๋อคุยด้วยแล้วแบบคุณรู้
00:15:52 → 00:15:54 ทุกอย่างคุณเก่งทุกอย่างเลยอ่ะเบื้อเบื่อ
00:15:54 → 00:15:56 ไม่อยากคุย
00:15:56 → 00:16:00 ด้วยโชคดีนะที่ผมไม่ค่อย
00:16:00 → 00:16:05 รู้จริงๆเอออันนี้น่าสนใจนะเพราะว่าผมเคย
00:16:05 → 00:16:10 จริงๆเคยเจอคนจำนวนนึงเลยนะพี่อ้อยที่
00:16:10 → 00:16:14 เอ่อจะเรียกว่าอะไรดีอ่ะเค้าชอบแสดงภูมิ
00:16:14 → 00:16:17 รู้อ่ะอืซึ่งอันนี้ต้องระมัดระวังถึงแม้
00:16:17 → 00:16:20 บางทีเอาจจะรู้จริงก็ได้นะค่ะเออเราไม่
00:16:20 → 00:16:22 รู้แต่ว่าคนคนทั่วไปบาง
00:16:22 → 00:16:27 ทีจะจะไม่ค่อยชอบใช่มั้ยใช่จะไม่ค่อยชอบ
00:16:27 → 00:16:30 ใช่แล้วเคก็เลยเค้าก็เลยมีคำพูดคำพูดนึง
00:16:30 → 00:16:32 ครับพี่อ้อยที่บอก
00:16:32 → 00:16:36 ว่าถ้าเราอยากรู้ว่าใครมีความรู้เยอะนะ
00:16:36 → 00:16:39 พี่อ้อยค่ะอย่า
00:16:39 → 00:16:44 สังเกตสิ่งที่เค้าพูดสอนเราพูดกับเราอ่ะ
00:16:44 → 00:16:46 ค่ะเออสิ่งที่เขาคพูดสอนเราอ่ะสอนเราอ่ะ
00:16:47 → 00:16:49 ค่ะถ้าเราอยากรู้ว่าใครมีความรู้เยอะๆนะ
00:16:49 → 00:16:53 อืออย่าสังเกตจากสิ่งที่เขาพูดสอนเราอื
00:16:53 → 00:16:57 แต่ให้สังเกตจากคำถามที่เขาถามเรา
00:16:57 → 00:17:04 อืคนที่มีความรู้ดีมากๆเนี่ยคำถามเเนี่ย
00:17:04 → 00:17:09 อื้อหือตอบเค้าเรียกว่าอะไรอ่า Big Great
00:17:09 → 00:17:13 question ใช่มั้ยใช่เราอึ้งไปเลยใช่เรา
00:17:13 → 00:17:16 หาคำตอบแทบไม่ถูกเลยคือคำถามเ้าเนี่ยจะ
00:17:16 → 00:17:19 เป็นคำถามที่ระเบิดกำแพงความไม่รู้ของเรา
00:17:19 → 00:17:23 อ่ะอืประมาณนั้นน่ะฮะอืเพราะฉะนั้นอยาก
00:17:23 → 00:17:26 รู้ว่าใครฉประโยคนี้เอออยากรู้ว่าใครฉลาด
00:17:26 → 00:17:30 นี่อย่าดูความรู้ที่เคมีอืดูที่คำถามเขา
00:17:31 → 00:17:35 อือเพราะฉะนั้นเนี่ยที่ที่ผมยกประเด็นนี้
00:17:35 → 00:17:38 มาเพราะว่าอันที่ 1 นะฮะค่ะผมชอบคำภาษา
00:17:38 → 00:17:40 ไทยคำภาษาไทยที่ว่าพอพูดว่าไม่รู้ไม่ชี้
00:17:41 → 00:17:42 ปุ๊บเราจะนึกถึงว่ามันเป็นคำลบนะไม่รู้
00:17:42 → 00:17:45 ไม่ชพี่พี่อ้อยว่ามันอยู่ที่เว้นวรรคป่ะ
00:17:45 → 00:17:48 ค่ะพี่วีเออๆไม่รู้ไม่ชี้ถ้าไม่รู้ไม่ชี้
00:17:48 → 00:17:52 อันนี้คือคือไม่น่าจะดีแต่ถ้าไม่รู้ไม่
00:17:52 → 00:17:56 ชี้ดีไม่ใช่มั้ยไม่รู้ก็เลยไม่ชี้โอภาษา
00:17:56 → 00:18:01 ไทยนี้สุดยอดคแล้วมันก็เลยทำไปไปลามไปถึง
00:18:01 → 00:18:03 บทความที่ผมอ่านเนี่ยเ้าแบ่งคนออกเป็น 4
00:18:03 → 00:18:05 ประเภทนะพี่น้อยอืมีอะไรบ้างประเภทที่ 1
00:18:06 → 00:18:09 ก็คือค่ะไม่รู้แล้วก็ไม่ชี้ค่ะตามแนวคิด
00:18:09 → 00:18:13 ที่ว่าเนี่ยนะคกับอีกอันนึงก็คือไม่รู้
00:18:13 → 00:18:17 ไม่รู้ไม่ชี้อันที่ 1 คือไม่รู้ไม่ชี้ค่ะ
00:18:17 → 00:18:21 อันที่ 2 ก็คือไม่รู้แต่ดันไปชี้อืซึ่ง
00:18:21 → 00:18:25 พี่อ้อยเจอมาใช่ไม่รู้ยังมาชี้อีกนะก็เลย
00:18:25 → 00:18:29 เสียหายกันใหญ่อค่ะอันต่อมา
00:18:29 → 00:18:35 รู้แต่ไม่ชี้อือออันนี้เสียดายใช่มั้ยค่ะ
00:18:35 → 00:18:40 ก็คือคนที่มีความรู้แต่ไม่ไปชี้แนะชี้นำ
00:18:40 → 00:18:44 ใครเลยอืก็เลยเสียดายนะย่อยนะค่ะซึ่งเค้า
00:18:44 → 00:18:47 ก็อาจจะมีเหตุผลของเค้านะค่ะแล้วก็อีกอัน
00:18:47 → 00:18:51 นึงก็คืออันนี้น่าจะเป็นอันที่ดีที่สุดมย
00:18:51 → 00:18:56 ก็คือว่ารู้แล้วก็ชี้ด้วย
00:18:56 → 00:19:01 อืพอพูดมาสิ 4 ประเภทเนี้ยพี่วีฮะพี่อ้อย
00:19:01 → 00:19:03 นึกถึงประโยคนึงซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวโดย
00:19:03 → 00:19:07 ตรงกับ 4 ประเภทนี้นะคะอนึกถึงประโยคนึง
00:19:07 → 00:19:12 บอกว่าคนเราอ่ะให้หัดแบ่งปันให้คนอื่น
00:19:12 → 00:19:13 เมื่อตัวเอง
00:19:13 → 00:19:18 มีอย่าแบ่งปันเพราะอยากมีอ๋อโอโหโหชอบ
00:19:18 → 00:19:22 ประโยคเโอๆๆใช่จริงๆก็เกี่ยวข้องกับอัน
00:19:22 → 00:19:26 นี้เลยนะอ๋อค่ะแล้วก็จะเห็นมว่าจริงๆของ
00:19:26 → 00:19:28 เราเนี่ยมันจะเต็มไปด้วยคำคมนะที่เราเห็น
00:19:28 → 00:19:30 เนี่ยแล้วมันพอพี่อ้อยพูดถึงผมก็เลยนึก
00:19:30 → 00:19:33 ถึงคำคมอีกอันนึงเลยค่ะเพิ่งไปเห็นมา
00:19:33 → 00:19:36 เมื่อวานนี้เลยพี่อ้อยอ้อค่ะเห็นในกระจก
00:19:36 → 00:19:40 ที่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ผมไปบรรยายมาค่ะ
00:19:40 → 00:19:43 อ่านตอนแรกก็ดูเหมือนเอ๊มันก็จะดีนะแต่
00:19:43 → 00:19:47 ไม่แน่ใจอ่ะอือเขาบอกว่าความรู้เนี่ยเป็น
00:19:47 → 00:19:50 สิ่งที่ไม่มีใครสามารถเอาไปจากเราได้หรอก
00:19:50 → 00:19:53 คือถ้าเรามีความรู้ไม่ต้องกังวลไม่มีใคร
00:19:53 → 00:19:56 เอาความรู้ไปจากเราได้ค่ะพี่ออยได้ยินคำ
00:19:56 → 00:19:59 นี้แล้วพี่อ้อยรู้สึกยังไงเออ
00:19:59 → 00:20:04 ถ้าแททอ่านหรือรับฟังครั้งแรกอ่ะมีความ
00:20:04 → 00:20:08 รู้สึกว่าไม่ดีเชิงลบใช่มั้ยเหมือนเหม
00:20:08 → 00:20:11 เหมือนฉันชันทรงภูมิอ่ะฉันรู้อ่ะไม่ต้อง
00:20:11 → 00:20:14 กลัวหรอกไม่มีใครเอาไปได้หรอกเออใช่มัน
00:20:14 → 00:20:17 เป็นเรื่องไอ้ไอ้ความรู้ที่เรามีเนี่ยพี่
00:20:17 → 00:20:20 อ้อยในความเป็นจริงก็คือไม่มีใครเอาไปจาก
00:20:20 → 00:20:23 เราได้นะค่ะใช่มั้ยเป็นเรื่องจริงแต่พอ
00:20:23 → 00:20:25 พูดอย่างงี้ปึ๊บผมก็มีความรู้สึกเหมือน
00:20:25 → 00:20:28 พี่อ้อยเลยที่แเอ๊ะมันฟังดูลบๆไงก็ไม่รู้
00:20:28 → 00:20:32 อืผมก็เลยเอ๊แล้วใจความแบบนี้ในเชิงที่
00:20:32 → 00:20:33 เป็นบวกมันคือ
00:20:34 → 00:20:35 อะไรผมก็
00:20:35 → 00:20:39 สงสัยผมก็เลยนึกถึงว่าอ๋ออันนั้นเนี่ยมัน
00:20:39 → 00:20:43 มีการมองความรู้ในมุมนึงแต่ผมกลับมองอีก
00:20:43 → 00:20:47 มุมนึงว่าความรู้เนี่ยนะไม่ต้องมีไม่ต้อง
00:20:47 → 00:20:49 รอให้มีใครไปเอามาจากเราหรอกมันเอาไม่ได้
00:20:49 → 00:20:52 หรอกแต่ต้องระมัดระวังอะไรหรู้มั้ยครับ
00:20:52 → 00:20:57 ความรู้ที่เรามีเนี่ยค่ะบางทีเนี่ยมัน
00:20:57 → 00:21:00 เสื่อมสภาพได้เพราะมันตกยุค่ะเออใช่อัน
00:21:00 → 00:21:04 นี้ต้องระมัดระวังใช่ๆใช่มั้ยฮะไม่ไม่
00:21:04 → 00:21:06 ต้องมีใครไปเอาจากเราหรอกมันก็อยู่กับเรา
00:21:06 → 00:21:10 นี่แหละอยู่เรากอดมันไว้ให้ดีแล้วกันแต่
00:21:10 → 00:21:15 ระวังอะไรระวังมันตกยุคออฮะถึงเวลาวันนึง
00:21:15 → 00:21:17 ความรู้ที่มีกลายเป็นเสื่อมสภาพเพราะว่า
00:21:17 → 00:21:21 มันมันตกยุคตกสมัยอันที่ 1 นะอแต่อีกอัน
00:21:21 → 00:21:25 นึงที่ผมชอบก็คือความรู้เนี่ยอย่ากังวล
00:21:25 → 00:21:29 เลยว่าเราจะมีใครเอามาจากเราไม่มีทางอือ
00:21:29 → 00:21:31 แต่ว่าความรู้เนี่ยความน่าอัศจรรย์มันคือ
00:21:31 → 00:21:35 อะไรรู้มั้ยพี่อ้อยอือทุกครั้งที่เราแบ่ง
00:21:35 → 00:21:40 ปันความรู้อความรู้เราจะไม่น้อยลงเลยอแต่
00:21:40 → 00:21:44 กลับจะเข้มข้นขึ้นด้วยอใช่
00:21:44 → 00:21:47 ๆอันนี้เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความรู้
00:21:47 → 00:21:50 อันอันนี้ชอบมากค่ะแล้วมันจริงๆนะพี่อ้อย
00:21:50 → 00:21:52 นสังเกตมั้ยว่าสมัยที่เราเป็นนักเรียนนะ
00:21:52 → 00:21:57 พี่อ้อยถ้าเพื่อนไม่เข้าใจวิชาใดวิชา
00:21:57 → 00:22:00 หนึ่งใช่ค่ะค่ะแล้วเราอธิบายให้เพื่อนนะ
00:22:00 → 00:22:01 ใช่ค่ะ
00:22:01 → 00:22:05 โอ้โหวิชานั้นเราจะเก่งขึ้นไปอีกใช่ค่ะ
00:22:05 → 00:22:09 เหมือนติวเตอร์ทั้งหลายเนาะอ่าใช่ๆนั่น
00:22:09 → 00:22:11 เป็นข้อพิสูจน์
00:22:11 → 00:22:14 ว่าความรู้เนี่ยไม่มีใครเอาจากเราได้
00:22:14 → 00:22:17 เนี่ยมันจริงแต่ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกอื
00:22:17 → 00:22:21 แต่สัจจธรรมยิ่งแบ่งปันยิ่งได้ใช่สัจธรรม
00:22:21 → 00:22:25 ที่ผมคิดว่าน่าสนใจเกี่ยวกับความรู้นะคือ
00:22:25 → 00:22:28 ความรู้เมื่อเราแบ่งปันมันจะไม่ลดน้อยลง
00:22:28 → 00:22:34 เลยอืมีแต่จะเข้มขึ้นแล้วก็คมขึ้นค่ะพี่
00:22:34 → 00:22:36 พี่อ้อยซัพพอร์ตเลยค่ะพี่วีใช่มั้ยฮะ
00:22:36 → 00:22:39 เพราะว่าพี่อ้อยเขียนเพจทุกวันออแล้วมัน
00:22:39 → 00:22:42 ก็ถามว่าใครได้
00:22:42 → 00:22:46 เออถามว่าใครได้ตัวพี่อ้อยเองนี่แหละได้
00:22:46 → 00:22:51 อืมันเหมือนแบบว่าการ repeat อ่ะซ้ำเตือน
00:22:51 → 00:22:53 ตัวเองเตือนตัวเองว่าอย่างงี้อย่างงี้
00:22:53 → 00:22:58 อย่างงี้เออคนแรกเลยที่ได้ตัวเองเลยรู้
00:22:58 → 00:23:01 เลยว่าวิธีคิดของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน
00:23:01 → 00:23:05 กับวันเนี้ยมันต่างกันคือคือเราคิดเรา
00:23:05 → 00:23:09 เรียนรู้ที่จะต้องปรับตัวเองเป็นคนคิดบวก
00:23:09 → 00:23:13 อืแล้วก็อ่าพอเรามีแนวคิดบวกเราก็อยาก
00:23:13 → 00:23:17 แบ่งปันตรงเนี้ยมันแนวคิดบวกเมื่อหลายปี
00:23:17 → 00:23:19 ที่แล้วกับวันเนี้ยมีความรู้สึกว่าความ
00:23:19 → 00:23:23 แข็งแรงต่างกันอเลยแล้วก็แล้วก็สติการรู้
00:23:23 → 00:23:26 ตัวที่จะแบบเอ่อเวลาเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ
00:23:26 → 00:23:30 อะไรอย่างเงี้ยอืดีขึ้นมากอเพราะฉะนั้น
00:23:30 → 00:23:34 เราเองนี่แหละที่ได้ก่อนใครคนแรกค่ะสิ่ง
00:23:34 → 00:23:36 ที่เราแบ่งปันไปมันกลับเข้ามานะมันทำให้
00:23:36 → 00:23:38 เราเข้มมันกลับเข้ามาใชเหมือนกับของพี่
00:23:38 → 00:23:40 อ้อที่ทำเพจใช่มั้ยฮะแล้วก็แบ่งปันมุมมอง
00:23:40 → 00:23:44 ของผมเี่ก็ทำเพจเหมือนกันวาดรูปแล้วผมไม่
00:23:44 → 00:23:46 สนใจเรื่องอะไรสนใจเรื่องเดียวก็คือว่า
00:23:46 → 00:23:50 เวลาที่เรานิ่งเนี่ยเราจะมันจะเพิ่มพลัง
00:23:50 → 00:23:54 อือเราจะสดใสแล้วเราจะมีพลังผมสนใจแค่นี้
00:23:54 → 00:23:56 นะค่ะแล้วอย่างที่พี่อ้อยบอกเป็นอย่าง
00:23:56 → 00:23:58 งั้นจริงๆเลยพอเราทำทุกวันทุกวันทุกวัน
00:23:58 → 00:24:02 ทุกวันนะถามว่ามันจะมีวันเวลาในชีวิตมั้ย
00:24:02 → 00:24:06 ที่บางวันเรากำลังจะขุ่นมัวนะอือด้วย
00:24:06 → 00:24:09 เรื่องอะไรก็ได้ค่ะมันมีอยู่แล้วมันต้อง
00:24:09 → 00:24:12 มีเราต้องเจออะไรบางอย่างที่แบบฮึ้ยอย่า
00:24:12 → 00:24:14 เงี้ยใช่แต่ว่าความที่เราทำเรื่องนี้ทุก
00:24:14 → 00:24:17 วันตอนเช้าอ่ะพี่อ้อยค่ะแล้วมันก็เตือน
00:24:17 → 00:24:21 เราเองในทันทีใน 0.1 วินาทีเลยว่านิ่ง
00:24:21 → 00:24:26 ก่อนอือปึ๊บพอเรานิ่งปึ๊บความขุ่นมัวนั้น
00:24:26 → 00:24:30 มันก็ตกตะกอนลงเลย้ค่ะแล้วมันเร็วมากเลย
00:24:30 → 00:24:33 ค่ะอย่างอย่างที่พี่อ้อยบอกเลยประมาณ
00:24:33 → 00:24:35 เดียวกันเลยนะฮะเพราะฉะนั้นก็คุณผู้ฟัง
00:24:35 → 00:24:38 ครับตอนเนี้ยที่ชื่อว่าตอนไม่รู้ไม่ชี้
00:24:38 → 00:24:42 เนี่ยไม่ใช่หมายถึงว่าไม่รู้ไม่ชี้นะแต่
00:24:42 → 00:24:48 หมายถึงไม่รู้อย่าชี้ป่าคะแล้วอย่าไปชี้
00:24:48 → 00:24:52 ไม่รู้แล้วไม่ชี้เนี่ยเป็นเรื่องดีอนะฮะ
00:24:52 → 00:24:54 เพราะว่ามันจะได้ทำไม่ไม่ทำให้เกิดความ
00:24:54 → 00:24:59 เสียหายอะไรแต่ถ้าเรารู้แล้วเราชี้สิ่ง
00:24:59 → 00:25:03 นั้นก็จะเข้มแข็งมากขึ้นแล้วก็เข้มข้น
00:25:03 → 00:25:08 ขึ้นในตัวเราค่ะอยากให้มีคนที่รู้จริง
00:25:08 → 00:25:12 แล้วชี้ออกมาทำสิ่งนี้เยอะๆเพื่อประเทศ
00:25:12 → 00:25:17 เยอะเพราะว่า 1 กำลังของตัวเราเนี่ยเมื่อ
00:25:17 → 00:25:21 เรารู้จริงแล้วเราชี้เนี่ยโอ้โหมันจะเกิด
00:25:21 → 00:25:25 ประโยชน์แตกออกไปมากมายมหาศาลเพื่อสังคม
00:25:25 → 00:25:28 และประเทศชาติอ่ะค่ะอ่าได้เลยครับจะได้
00:25:28 → 00:25:30 ช่วยๆกันนะครับเราก็ต้องระมัดระวังด้วยนะ
00:25:30 → 00:25:32 ครับเพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับวันนี้ราย
00:25:32 → 00:25:35 การศัลยกรรมความสุขเวลาหมดลงแล้วนะครับผม
00:25:35 → 00:25:38 และพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดี
00:25:38 → 00:25:41 ครับสวัสดี
00:25:41 → 00:25:45 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอพลิเคชัน
00:25:45 → 00:25:48 ของ Thai PBS podcast spotify
00:25:48 → 00:25:50 soundcloud Google podcast Apple
00:25:50 → 00:25:54 podcast และ YouTube Channel Thai PBS
00:25:54 → 00:25:57 podcast Thai PBS podcast View
00:25:57 → 00:26:00 World via The
00:26:00 → 00:26:07 [เพลง]
00:26:07 → 00:26:10 Voice