00:00:00 → 00:00:04 วัคซีนถูกยกย่องในฐานะที่มีบทบาทในการต่อสู้กับเชื้อโรค
00:00:04 → 00:00:06 แต่มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
00:00:06 → 00:00:10 เชื่อว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มากกว่าจะปกป้อง
00:00:10 → 00:00:13 ในโลกของอินเทอร์เน็ต เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการแพ้วัคซีน..
00:00:13 → 00:00:15 เป็นจุดเริ่มต้นของความพิการ
00:00:15 → 00:00:18 แม้แต่การตายจากการฉีดวัคซีน
00:00:18 → 00:00:22 มันเป็นเรื่องจริงที่วัคซีนสามารถมีผลข้างเคียงได้
00:00:22 → 00:00:26 งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ามันทำงานยังไง และมันอันตรายแค่ไหน
00:00:37 → 00:00:41 ระบบภูมิคุ้มกันนั้นเต็มไปด้วยการทำงานที่ซับซ้อนของเซลล์หลายพันล้านเซลล์
00:00:41 → 00:00:42 ทหาร
00:00:42 → 00:00:43 เซลล์ประมวลผล
00:00:43 → 00:00:45 และโรงงานผลิตอาวุธ
00:00:45 → 00:00:48 ในทุกวันร่างกายถูกโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน
00:00:48 → 00:00:51 แต่เซลล์ภูมิคุ้มกันจะจัดการกับเรื่องนั้นเอง
00:00:51 → 00:00:53 โดยที่คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
00:00:53 → 00:00:55 ถ้าเชื้อโรคนั้นร้ายแรง
00:00:55 → 00:00:59 เซลล์ประมวลผลของเราจะเก็บข้อมูลของพวกมัน
00:00:59 → 00:01:01 และส่งสัญญาณไปยังโรงงานผลิตอาวุธของเราให้เริ่มทำงาน
00:01:01 → 00:01:04 คุณก็รู้ว่าคืออะไร: แอนติบอดี
00:01:04 → 00:01:09 มันเป็นเหมือนจรวดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายศัตรูที่เจาะจง
00:01:09 → 00:01:14 แต่อย่างโชคร้ายที่กระบวนการนี้ใช้เวลาหลายวัน
00:01:14 → 00:01:17 นั่นทำให้ผู้บุกรุกมีเวลามากพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายเรา
00:01:17 → 00:01:19 ตรงข้ามกับความเชื่อของเรา...
00:01:19 → 00:01:22 อะไรก็ตามที่ไม่ได้ฆ่าคุณ ไม่ได้ทำให้คุณแกร่งขึ้น
00:01:22 → 00:01:26 ร่างกายของเราไม่ต้องการที่จะสู้กับเชื้อร้ายหลายต่อหลายครั้ง
00:01:26 → 00:01:29 เซลล์ภูมิคุ้มกันของเราจึงใช้วิธีอันชาญฉลาด
00:01:29 → 00:01:31 เพื่อที่แกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
00:01:32 → 00:01:36 ถ้าเราสู้กับเชื้อโรคที่อันตรายมากพอที่จะบีบให้เราใช้อาวุธร้ายแรง
00:01:36 → 00:01:39 เซลล์ภูมิคุ้มกันจะสร้างเซลล์ความจำ
00:01:40 → 00:01:44 เซลล์ความจำจะอยู่ในร่างกายเราหลายปี ในสภาพหลับลึก
00:01:44 → 00:01:47 พวกมันจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากจำ
00:01:47 → 00:01:50 เมื่อเราถูกโจมตีอีกครั้ง
00:01:50 → 00:01:52 เซลล์ความจำที่หลับใหลจะตื่นขึ้นมา...
00:01:52 → 00:01:56 สั่งให้โจมตีและสร้างแอนติบอดีเพื่อจัดการกับเชื้อโรคนั้นทันที
00:01:56 → 00:01:58 นี่เป็นวิธีที่เร็วและได้ผลมาก
00:01:58 → 00:02:02 เชื้อโรคที่คุณเคยจัดการไปแล้วจะไม่สามารถทำให้คุณป่วยได้อีก
00:02:02 → 00:02:05 คุณอาจต้านเชื้อนั้นได้ตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ
00:02:05 → 00:02:09 นั้นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กเล็กจึงป่วยบ่อย
00:02:09 → 00:02:11 พวกเขายังไม่มีเซลล์ความจำที่มากพอ
00:02:12 → 00:02:17 และกลไกธรรมชาติอันสวยงามนี้ เราก็ได้นำมาใช้กับวัคซีน
00:02:18 → 00:02:20 วัคซีนทำงานอย่างไร
00:02:21 → 00:02:23 ไม่ว่าเซลล์ความจำจะยิ่งใหญ่เพียงใด
00:02:23 → 00:02:27 การเก็บข้อมูลเชื้อโรคผ่านการติดเชื้อนั้น บางทีก็ไม่ราบรื่นและเป็นอันตราย
00:02:28 → 00:02:32 วัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีการหลอกล่อให้ร่างกายสร้างเซลล์ความจำขึ้น...
00:02:32 → 00:02:34 และใช้ในการต่อต้านเชื้อโรค
00:02:34 → 00:02:36 พวกมันทำเหมือนว่าเป็นการติดเชื้ออันตราย
00:02:37 → 00:02:41 หนึ่งในวิธีคือ การฉีดเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตราย เข้าสู่ร่างกาย
00:02:41 → 00:02:44 ตัวอย่างเช่น เชื้อโรคที่ตาย หรือถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว
00:02:45 → 00:02:49 ระบบภูมิคุ้มกันจะจัดการกับวัคซีนแบบนี้ได้ง่ายมาก
00:02:49 → 00:02:53 ในบางครั้งมันจำเป็นที่จะต้องให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักมากขึ้น...
00:02:53 → 00:02:55 เพื่อที่จะสร้างเซลล์ความจำเพิ่ม
00:02:56 → 00:02:59 นั่นคือการใช้ วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต
00:02:59 → 00:03:03 มันสามารถโจมตีกลับได้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ใหญ่กว่าชนิดเชื้อตาย
00:03:03 → 00:03:06 แต่นี่ฟังดูเป็นความคิดที่เลวร้าย
00:03:06 → 00:03:08 จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันชนะ?
00:03:08 → 00:03:13 เพื่อป้องกันสิ่งนั้น เราจึงสร้างเชื้อโรคที่คล้ายกันซึ่งอ่อนฤทธิ์กว่าในห้องทดลอง
00:03:14 → 00:03:18 แค่มีพลังมากพอที่จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงาน และสร้างเซลล์ความจำได้
00:03:19 → 00:03:23 โอเค นี่เป็นหลักการเบื้องต้นของการใช้วัคซีน
00:03:23 → 00:03:27 พวกมันกระตุ้นปฏิกิริยาของระบบในร่างกาย...
00:03:27 → 00:03:30 ทำให้เราสามารถต่อกรกับเชื้อโรคที่ร้ายแรงได้
00:03:30 → 00:03:35 ตัวอย่างเช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์บ่อย ทำให้เราต้องได้รับวัคซีนตัวใหม่ทุก ๆ ปี
00:03:35 → 00:03:40 แต่วัคซีนส่วนใหญ่ปกป้องเราได้เป็นปี ๆ หรืออาจตลอดทั้งชีวิต
00:03:40 → 00:03:42 แต่มันก็มีด้านลบ
00:03:43 → 00:03:46 เหมือนกับทุกสิ่งบนโลกนี้ วัคซีนยังมีอีกด้านของมัน:
00:03:46 → 00:03:48 ผลข้างเคียง
00:03:48 → 00:03:52 มันคืออะไร? แล้วถ้าลูกของคุณเป็นขึ้นมาล่ะ?
00:03:52 → 00:03:54 ความเสี่ยงของวัคซีน
00:03:55 → 00:04:01 มันยากมากที่จะเปรียบเทียบผลข้างเคียงของวัคซีน กับผลข้างเคียงของเชื้อโรค
00:04:01 → 00:04:02 ตัวอย่างเช่น
00:04:02 → 00:04:06 มีผู้คน 100 ล้านคนฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด ในประเทศตะวันตก
00:04:06 → 00:04:10 แต่มีผู้ป่วยเพียงแค่ 83,000 คนในทวีปยุโรป ในปี 2018
00:04:10 → 00:04:15 แม้จำนวนจะต่างกันมาก แต่ผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยก็สามารถเป็นอันตรายได้...
00:04:15 → 00:04:19 เมื่อเทียบกับผลกระทบที่เลวร้ายซึ่งเราไม่ค่อยได้พบเห็นแล้ว ของเชื้อโรค
00:04:20 → 00:04:23 ก่อนที่จะมีวัคซีนโรคหัดในปี 1963...
00:04:23 → 00:04:28 เด็กเกือบทุกคนบนโลกเป็นโรคหัดในเวลานั้น
00:04:29 → 00:04:35 มีผู้ป่วยประมาณ 135 ล้านคนในทุก ๆ ปี ในช่วง 1950-1959
00:04:36 → 00:04:39 แต่ในปี 2019 โรคหัดอันตรายขนาดนั้นเลยหรือ?
00:04:39 → 00:04:42 ด้วยการรักษาที่ก้าวหน้าและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เนี่ยนะ?
00:04:43 → 00:04:46 มันคุ้มไหมถ้าจะเสี่ยงกับผลข้างเคียงของวัคซีน?
00:04:47 → 00:04:50 งั้นมาลองทดลองในความคิดโดยอิงตัวเลขเป๊ะ ๆ กันเถอะ
00:04:50 → 00:04:53 ลองจินตนาการว่ามีประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกคู่ขนาน
00:04:53 → 00:04:57 ที่นั้นมีสาธารณสุขที่ยอดเยี่ยม แต่ผู้คนไม่ยอมฉีดวัคซีน
00:04:58 → 00:05:02 ในกรณีนี้ ให้สมมุติว่ามีเด็ก 10 ล้านคนเป็นโรคหัด
00:05:02 → 00:05:03 จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
00:05:03 → 00:05:10 เด็ก 9.8 ล้านคน หรือ 98% จะมีไข้สูงและมีผื่นขึ้นตามตัว
00:05:10 → 00:05:15 มากถึง 800,000 คน หรือ 8% จะประสบกับอาการท้องร่วงรุนแรง
00:05:16 → 00:05:22 เด็ก 700,000 คน หรือ 7% จะประสบกับอาการหูติดเชื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินแบบถาวร
00:05:23 → 00:05:29 เด็ก 600,000 คน หรือ 6% จะประสบกับโรคปอดบวม ซึ่งเป็นผลกระทบที่อันตรายที่สุดของโรคหัด
00:05:29 → 00:05:32 โรคปอดบวมลำพังอาจฆ่าเด็กได้ถึง 12,000 คน
00:05:32 → 00:05:37 เด็กมากถึง 10,000 คน หรือ 0.1% จะติดเชื้อไข้สมองอักเสบ
00:05:38 → 00:05:44 เด็ก 2,500 คน หรือ 0.025% จะเกิดภาวะสมองอักเสบแบบกึ่งเฉียบพลัน (SSPE)...
00:05:44 → 00:05:49 เป็นเชื้อที่ทำให้ไวรัสหัดฝังตัวอยู่ในสมอง และฆ่าเด็กเหล่านั้นในหลายปีต่อมา
00:05:49 → 00:05:51 เมื่อนำมารวมกันแล้ว
00:05:51 → 00:05:56 เด็กประมาณ 2.5 ล้านคนจะประสบกับผลกระทบที่ร้ายแรงจากโรคหัด
00:05:57 → 00:06:00 และเด็กประมาณ 20,000 คนจะเสียชีวิตด้วยโรคนี้
00:06:01 → 00:06:03 มันยังไม่หยุดแค่นี้
00:06:03 → 00:06:09 ระบบภูมิคุ้มของเด็กที่รอดมาได้จะเสียหายอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาเพื่อการฟื้นฟู
00:06:10 → 00:06:12 เป็นเวลาสำหรับให้เชื้อโรคตัวอื่นเข้ามา
00:06:13 → 00:06:16 นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่รับรองได้เลยก็คือ..
00:06:16 → 00:06:19 เด็กเหล่านั้นจะประสบกับช่วงเวลาอันเลวร้ายตลอดเวลา 2 สัปดาห์
00:06:20 → 00:06:23 โอเค แล้วถ้าเด็กได้รับวัคซีนล่ะ?
00:06:23 → 00:06:25 เราก็ต้องดูที่ความเสี่ยงด้วยนะเพื่อความยุติธรรม
00:06:26 → 00:06:28 งั้นเรามาทดลองกันอีกรอบ
00:06:28 → 00:06:32 แต่ครั้งนี้เด็กทั้งหมดได้รับวัคซีนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR)
00:06:32 → 00:06:34 ตามทฎษฎีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
00:06:35 → 00:06:38 หลังจากฉีดวัคซีนให้เด็ก 10 ล้านคนนี้แล้ว
00:06:38 → 00:06:40 เด็กประมาณ 10% จะมีไข้
00:06:40 → 00:06:44 เด็ก 500,000 คน หรือ 5% จะมีผื่นขึ้นเล็กน้อย
00:06:44 → 00:06:51 เด็กมากถึง 100 คน หรือ 0.001% อาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง และต้องรับการรักษา
00:06:53 → 00:06:59 เด็กชายมากถึง 10 คน หรือ 0.0001% อาจมีอาการอักเสบที่อวัยวะเพศ
00:07:00 → 00:07:07 และเด็กอีกมากถึง 10 คน หรือ 0.0001% อาจประสบกับผลข้างเคียงร้ายแรงอย่างไข้สมองอักเสบ
00:07:08 → 00:07:11 เช่นนั้น เราได้ฉีดวัคซีนให้กับเด็ก 10 ล้านคนแล้ว
00:07:11 → 00:07:16 จากทั้งหมดแล้ว จะมีเด็กประมาณ 120 คนที่ประสบกับข้างเคียงร้ายแรง
00:07:16 → 00:07:21 ต้องขอบคุณการรักษาที่ก้าวหน้า เด็กเกือบทั้งหมดนั้นจะไม่เป็นอะไร
00:07:22 → 00:07:24 แล้วออทิซึมล่ะ?
00:07:24 → 00:07:28 ความเกี่ยวข้องกันระหว่างออทิซึมและวัคซีนจากแหล่งข้อมูลหนึ่งนั้น...
00:07:28 → 00:07:31 ถูกพิสูจน์ว่าไม่เป็นจริงหลายต่อหลายครั้งแล้ว
00:07:31 → 00:07:34 เราได้แปะลิงก์ไว้ในคำอธิบายด้านล่างแล้ว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
00:07:35 → 00:07:40 แต่ในปี 2019 มันก็สมเหตุสมผลนะที่จะบอกว่า วัคซีนไม่ได้ทำให้เป็นออทิซึม
00:07:41 → 00:07:43 เอาล่ะ แล้วพวกการเสียชีวิตล่ะ?
00:07:44 → 00:07:48 มันเป็นการยากที่จะบอกว่า ในเด็กทุก ๆ 1 ใน 10 คนล้านที่ได้รับวัคซีนจะเสียชีวิต
00:07:50 → 00:07:53 เราสืบค้นอย่างหนักและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญมากมาย
00:07:54 → 00:07:56 ถ้าเราไม่อิงผลรายงานที่เราได้มา...
00:07:56 → 00:07:59 เรายังสามารถใช้เคสต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ได้...
00:07:59 → 00:08:05 สำหรับเด็กทั้งหมด 100 ล้านคนที่ได้รับวัคซีน MMR ตั้งแต่ปี 1971
00:08:06 → 00:08:10 โรคหัดอันตรายเป็นหลายพันเท่าสำหรับลูกของคุณ...
00:08:11 → 00:08:14 แต่มันก็ไม่เลวร้ายเท่าผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดจากวัคซีนเลย
00:08:15 → 00:08:20 คุณคงต้องใช้แว่นขยายอันใหญ่มาก ๆ สำหรับการหาผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของวัคซีน
00:08:20 → 00:08:24 และที่ยากกว่านั้นคือ การหากรณีที่ยืนยันได้จริง ๆ
00:08:24 → 00:08:27 ในขณะที่การเสียชีวิตจากโรคหัดสามารถหาได้ง่ายนิดเดียว
00:08:29 → 00:08:34 เฉพาะในปี 2017 ผู้คนมากถึง 110,000 คน เสียชีวิตจากโรคหัดจากทั่วโลก
00:08:34 → 00:08:40 จากสิถิติแล้ว ทุกวันนี้จากเด็กประมาณ 300 คน จะมี 1 คนเสียชีวิตจากโรคหัด ตั้งแต่ที่เริ่มเล่นวิดีโอนี้
00:08:41 → 00:08:44 คุณอาจเปรียบวัคซีนเป็นเหมือนเข็มขัดนิรภัย
00:08:45 → 00:08:49 เคยมีอุบัติเหตุประหลาด ๆ ที่มีคนตายเพราะเข็มขัดนิรภัยไหม?
00:08:49 → 00:08:50 นั่นแหละ!
00:08:50 → 00:08:54 แต่คุณอาจแย้งว่า มันจะไม่ปลอดภัยกว่าหรอ ถ้าไม่รัดเข็มขัดรัดนิรภัยให้ลูกคุณ?
00:08:55 → 00:08:56 เดี๋ยวนะ!
00:08:56 → 00:08:58 แล้วถ้าลูกของคุณแพ้วัคซีนจริง ๆ ล่ะ?
00:08:59 → 00:09:02 แล้วถ้าสิ่งที่เราพูดไปไม่เกิดกับลูกของคุณเลยล่ะ?
00:09:03 → 00:09:08 ในกรณีนี้ คุณคงเป็นคนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนมากเลยล่ะ
00:09:09 → 00:09:13 เพราะถ้าหากลูกคุณไม่สามารถรับวัคซีนได้ ก็คงมีแค่คนรอบ ๆ ตัวที่จะปกป้องเขาได้
00:09:14 → 00:09:16 นี่เรียกว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity)
00:09:16 → 00:09:19 มันเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนได้
00:09:20 → 00:09:23 ภูมิคุ้มกันหมู่ คือการมีคนที่มีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคมากพอ...
00:09:23 → 00:09:27 ที่จะทำให้เชื้อแพร่พันธุ์ไม่ได้และตายก่อนที่เชื้อจะไปถึงเหยื่อของมัน
00:09:28 → 00:09:30 แต่การป้องกันเฉพาะโรคหัดอย่างเดียว..
00:09:30 → 00:09:33 คนรอบ ๆ ตัวคุณอย่างน้อย 95% จะต้องได้รับวัคซีน
00:09:35 → 00:09:37 บทสรุป
00:09:37 → 00:09:42 ปัญหาของการโต้เถียงเกี่ยวกับวัคซีน ไม่ได้สู้กันในระดับพื้น ๆ
00:09:43 → 00:09:46 ในขณะที่ผั่งผู้เชี่ยวชาญสู้ด้วยการค้นคว้าและสถิติ
00:09:46 → 00:09:52 ในขณะที่อีกฝั่งมักสู้ด้วยความรู้สึกของตนเอง ซึ่งมีข้อมูลเพียงน้อยนิดและอาจคลาดเคลื่อน
00:09:53 → 00:09:55 ซึ่งความรู้สึกมักจะชนะข้อเท็จจริงซะด้วย
00:09:56 → 00:09:59 เราไม่สามารถโน้มน้าวใครด้วยการตะโกนใส่ได้หรอก
00:09:59 → 00:10:03 แต่เราก็ไม่สามารถซ่อนความเป็นจริงที่พวกต่อต้านวัคซีนก่อขึ้นได้หรอก
00:10:04 → 00:10:07 พวกเขาฆ่าเด็กที่ยังอายุน้อยเกินกว่าจะรับวัคซีนได้
00:10:08 → 00:10:10 พวกเขาฆ่าเด็กที่มีสุขภาพดีที่ไม่มีโอกาสได้รับวัคซีน
00:10:11 → 00:10:15 พวกเขานำโรคร้ายแรงที่เกือบจะสาบสูญไปแล้วกลับมา
00:10:15 → 00:10:19 และผลข้างเคียงที่ใหญ่ที่สุดของวัคซีนคือ มีเด็กเสียชีวิดน้อยลง
00:10:21 → 00:10:27 วัคซีนเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังมากในการกำจัดปีศาจอันตรายเหล่านั้นที่เราลืมไปแล้ว
00:10:28 → 00:10:30 อย่านำปีศาจเหล่านั้นกลับมาเลย!