00:00:00 → 00:00:03 สำหรับหลายๆคนเนี่ยอาจจะมองว่าปัญหาลำไส้
00:00:03 → 00:00:06 รั่วซึมนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆเพราะ
00:00:06 → 00:00:10 อาจจะมีอาการแค่ท้องอืดท้องเฟ้อหรือบางคน
00:00:10 → 00:00:13 หนักหน่อยอาจจะมีอาการผื่นแพ้ไม่ทราบ
00:00:13 → 00:00:17 สาเหตุคันยิบๆยับๆไปหมดเลยก็หาสาเหตุไม่
00:00:17 → 00:00:20 ได้ซึ่งนั่นก็อาจจะแค่รบกวนชีวิตประจำวัน
00:00:20 → 00:00:24 เล็กๆน้อยๆแต่รู้กันไหมคะว่าจริงๆแล้ว
00:00:24 → 00:00:27 ภาวะลำไส้รั่วซึมหรือลิคที่ขัดซินโดรม
00:00:27 → 00:00:30 นั้นเนี่ยสร้างปัญหาให้เรามากกว่าที่คิด
00:00:30 → 00:00:33 ค่ะเรามาฟังคลิปนี้กันนะคะแล้วเราจะรู้
00:00:33 → 00:00:37 ว่าถ้าเรายังชะล่าใจปล่อยให้เจ้าภาวะลำ
00:00:37 → 00:00:40 ไส้รั่วซึมนั้นอยู่กับเราต่อไปจะเกิดอะไร
00:00:40 → 00:00:43 ขึ้นกับร่างกายของคุณบ้างตามไปดูกันเลย
00:00:43 → 00:00:47 ค่ะสวัสดีค่ะหมอเมย์เมย์ I help you นะ
00:00:47 → 00:00:49 คะ Channel ที่จะพาทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับ
00:00:49 → 00:00:52 เรื่องของสุขภาพและสาธารณภัยในภาษาที่
00:00:52 → 00:00:56 เข้าใจง่ายแล้วเราทุกคนจะได้สุขภาพดีไป
00:00:56 → 00:00:59 พร้อมๆกันนะคะในคลิปที่ผ่านมาค่ะเราได้
00:00:59 → 00:01:02 คุยกันไว้เรียบร้อยในคลิปนี้เลยเกี่ยวกับ
00:01:02 → 00:01:05 เรื่องของภาวะลำไส้รั่วซึมหรือลิขะ
00:01:05 → 00:01:08 Syndrome นั้นคืออะไรเกี่ยวข้องกับเรา
00:01:08 → 00:01:12 ยังไงบ้างนะคะโดยสรุปแล้วภาวะลําไส้รั่ว
00:01:12 → 00:01:15 ซึมนั้นน่ะมันเกิดจากการที่ลำไส้ของเรา
00:01:15 → 00:01:19 นั้นมันเสียสมดุลไปค่ะซึ่งอาจจะเกิดได้
00:01:19 → 00:01:22 จากการอักเสบเรื้อรังสมดุลจุลินทรีย์ที่
00:01:22 → 00:01:26 เสียไปค่ะทำให้เซลล์ของเยื่อบุผนังลำไส้
00:01:26 → 00:01:29 เรานั้นเกิดการอักเสบตัวเซลล์มันบวมขึ้น
00:01:29 → 00:01:32 ค่ะและเจ้าตัวที่เขาเชื่อมต่อเซลล์
00:01:32 → 00:01:34 ระหว่างเซลล์จากเดิมที่เขาเคยเชื่อมกัน
00:01:34 → 00:01:37 แน่นๆแบบนี้นะตัว type Junction ของเขา
00:01:37 → 00:01:40 ค่ะที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมเป็นรั้ว
00:01:40 → 00:01:43 เหล็กเชื่อมนั้นมันหลวมออกค่ะทำให้เกิด
00:01:43 → 00:01:46 ช่องว่างเล็กๆระหว่างเซลล์เยื่อบุผนังลำ
00:01:46 → 00:01:50 ไส้ของเราทำให้สารที่ร่างกายของเราควรจะ
00:01:50 → 00:01:53 ดูดซึมได้ดีกลับดูดซึมไม่ได้ซะอย่างงั้น
00:01:53 → 00:01:57 แต่ไอ้สารที่มันไม่ควรจะดูดซึมนี่แหละดัน
00:01:57 → 00:02:00 เข้าสู่ร่างกายเราได้ไม่ว่าจะเป็นเป็น
00:02:00 → 00:02:04 เชื้อโรคสารพิษหรือแม้แต่อาหารที่ยังย่อย
00:02:04 → 00:02:07 ไม่เสร็จดีกลับดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของ
00:02:07 → 00:02:10 เราซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยค่ะเพราะ
00:02:10 → 00:02:13 จะทำให้เรามีอาการแทรกซ้อนต่างๆตามมา
00:02:13 → 00:02:16 อาการเนี่ยเป็นได้ตั้งแต่ท้องอืดท้องเฟ้อ
00:02:16 → 00:02:20 ค่ะบางท่านก็จะมีอาการท้องผูกสลับท้อง
00:02:20 → 00:02:23 เสียบ้างบางคนจะมีเรื่องของผื่นแพ้ไม่
00:02:23 → 00:02:26 ทราบสาเหตุค่ะคันนู้นคันนี้แพ้ง่ายไปหมด
00:02:26 → 00:02:30 เลยซึ่งหาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ค่ะซึ่งอาการ
00:02:30 → 00:02:33 เหล่านี้เนี่ยหลายๆคนก็จะมองว่ามันเป็น
00:02:33 → 00:02:35 เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองไม่เห็นต้อง
00:02:35 → 00:02:38 ซีเรียสเลยนี่ก็แค่ท้องอืดท้องเฟ้อเฉยๆ
00:02:38 → 00:02:41 แก๊สในกระเพาะเยอะใครก็เป็นการไม่ใช่หรอ
00:02:41 → 00:02:45 คะหมอบอกเลยค่ะว่าปัญหาเหล่านี้อาจจะดู
00:02:45 → 00:02:48 เหมือนเป็นเรื่องเล็กนะคะแต่ถ้าเรายัง
00:02:48 → 00:02:51 ปล่อยให้ปัญหาภาวะลำไส้รั่วซึมนั้นอยู่
00:02:51 → 00:02:55 กับเราต่อไปนานๆจะเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น
00:02:55 → 00:02:58 กับร่างกายของคุณแน่นอนซึ่งปัญหาเหล่า
00:02:58 → 00:02:59 นั้นมีอะไรบ้าง
00:02:59 → 00:03:03 พอฟังกันเลยค่ะข้อแรกนะคะก็คือจะมีการ
00:03:03 → 00:03:06 เล็ดลอดของเจ้าสารที่สามารถกระตุ้นภูมิ
00:03:06 → 00:03:09 คุ้มกันเราได้หรือแอนติเจนเข้าสู่ร่างกาย
00:03:09 → 00:03:13 เราค่ะซึ่งสารเหล่านี้เนี่ยแต่เดิมแล้วจะ
00:03:13 → 00:03:16 ถูกป้องกันไว้ถูกการ์ดเอาไว้โดยเจ้าเซลล์
00:03:16 → 00:03:19 เยื่อบุผนังลำไส้ของเราเมื่อตัว type
00:03:19 → 00:03:22 Junction มันหลวมออกนะคะพวกสารเหล่านี้
00:03:22 → 00:03:25 ก็เข้าสู่ร่างกายของเราได้ค่ะซึ่งจะเป็น
00:03:25 → 00:03:28 การกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร้านกายเราโดย
00:03:28 → 00:03:31 ใช้เหตุค่ะเป็นการกระตุ้นอยู่เรื่อยๆโดย
00:03:31 → 00:03:34 ที่เราไม่รู้ตัวจะทำให้เรามีอาการของโรค
00:03:34 → 00:03:37 ภูมิแพ้ง่ายขึ้นหรือบางคนเนี่ยอาจเป็นได้
00:03:37 → 00:03:41 ถึงขั้นโรคออโต้อิมูลหรือภาวะภูมิคุ้มกัน
00:03:41 → 00:03:44 ไวเกินได้เลยค่ะข้อถัดไปนะคะข้อที่ 2
00:03:44 → 00:03:48 เชื้อก่อโรคค่ะจะเข้าสู่ร่างกายของเราได้
00:03:48 → 00:03:51 ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าเชื้อแบคทีเรีย
00:03:51 → 00:03:54 เชื้อราหรือพวกเชื้อโรคฉวยโอกาสต่างๆ
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยก็จะเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายขึ้น
00:03:57 → 00:04:00 ค่ะผนังลำไส้ของเรานะคะจริงๆเขาเป็น
00:04:00 → 00:04:03 ปราการด่านแรกเลยค่ะซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
00:04:03 → 00:04:06 มากในการป้องกันไอ้เจ้าเชื้อโรคเหล่านี้
00:04:06 → 00:04:09 เข้าสู่ร่างกายค่ะเขาเป็นเหมือนผิวหนัง
00:04:09 → 00:04:11 ด้านนอกของเรานี่แหละแต่เขามุดไปอยู่ด้าน
00:04:11 → 00:04:15 ในค่ะซึ่งชั้นตรงนี้เขาจะต้องสัมผัสกับ
00:04:15 → 00:04:17 สิ่งที่เรารับประทานเข้าไปแล้วก็คอยแยก
00:04:17 → 00:04:21 ว่าอันไหนควรเข้าอันไหนไม่ควรเข้าแต่ผนัง
00:04:21 → 00:04:24 ลำไส้ของเราจะมาหนาเหมือนผิวหนังเราไม่
00:04:24 → 00:04:27 ได้นะมันก็จะดูดซึมอาหารไม่ได้กันพอดีดัง
00:04:27 → 00:04:31 นั้นเขาต้องบางค่ะเขาจะบางยังไงให้เขายัง
00:04:31 → 00:04:35 สามารถแยกแยะเชื้อโรคได้และยังพอดูดซึม
00:04:35 → 00:04:38 ได้นะคะซึ่งอันนั้นเนี่ยเป็นคุณสมบัติของ
00:04:38 → 00:04:42 เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เลยเมื่อมันเกิดการ
00:04:42 → 00:04:44 อักเสบนะคะตัว type function มันหลวมค่ะ
00:04:44 → 00:04:47 มันแยกออกเป็นช่องว่างเล็กๆทำให้เจ้า
00:04:47 → 00:04:50 เชื้อโรคเหล่านี้เนี่ยสามารถมุดเข้าไป
00:04:50 → 00:04:53 เข้าสู่กระแสเลือดเราได้ง่ายขึ้นค่ะน่า
00:04:53 → 00:04:57 กลัวมากเลยนะและข้อที่ 3 ค่ะพวกสารพิษ
00:04:57 → 00:05:00 ต่างๆเนี่ยก็สามารถดูดซึมกลับเข้าสู่ร่าง
00:05:00 → 00:05:04 กายเราได้ง่ายขึ้นโดยปกติแล้วนะคะสารพิษ
00:05:04 → 00:05:08 ต่างๆที่เราได้รับจากอาหารนอกจากจะถูก
00:05:08 → 00:05:11 ทำลายโดยตับแล้วนะคะบางส่วนก็จะถูกแบ่ง
00:05:11 → 00:05:15 เบาภาระค่ะโดยการที่ไม่ดูซึมและปล่อยเขา
00:05:15 → 00:05:19 กลับออกไปกับอุจจาระค่ะแต่ในกรณีที่เรามี
00:05:19 → 00:05:22 ภาวะโรคลำไส้รั่วซึมนะคะหรือริกกี้
00:05:22 → 00:05:25 แคลเซียมจะเกิดช่องว่างให้สารพิษเหล่า
00:05:25 → 00:05:28 นั้นถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเข้าสู่
00:05:28 → 00:05:31 ร่างกายเราได้ง่ายขึ้นค่ะเมื่อเข้ากระแส
00:05:31 → 00:05:34 เลือดเราแล้วเขาไปไหนต่อเขาก็จะมุ่งหน้า
00:05:34 → 00:05:37 ไปที่ตับค่ะเพราะว่าตับของเราเนี่ยจะเป็น
00:05:37 → 00:05:41 อีกประการสำคัญค่ะที่คอยป้องกันร่างกาย
00:05:41 → 00:05:45 ของเราจากสารพิษโดยเส้นเลือดที่มาจากลำ
00:05:45 → 00:05:47 ไส้ของเราเนี่ยเขาจะวิ่งไปที่ตับก่อนเลย
00:05:47 → 00:05:50 เพื่อนำพาสารพิษต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:05:50 → 00:05:54 แอลกอฮอล์หรือยาเหล่านี้เข้าไปทำการทำลาย
00:05:54 → 00:05:57 สารพิษที่ตับค่ะกระบวนการริเวอร์
00:05:57 → 00:06:00 ดีท็อกซิเคชั่นนั่นเองซึ่งกระบวนการนี้นะ
00:06:00 → 00:06:04 คะก็จะเป็นการใช้พลังงานอย่างมากเลยในการ
00:06:04 → 00:06:07 ทำลายสารพิษเหล่านี้ซึ่งแต่เดิมเนี่ยตัก
00:06:07 → 00:06:11 ก็ทำงานหนักอยู่แล้วนะคะซ้ำร้ายไปอีกสาร
00:06:11 → 00:06:13 พิษที่มันควรจะปล่อยออกไปกับอุจจาระเนี่ย
00:06:13 → 00:06:17 กลับถูกดูดกลับเข้ามาเพิ่มภาระให้ตับหนัก
00:06:17 → 00:06:20 ขึ้นไปอีกค่ะนอกจากตับจะเสื่อมเร็วขึ้นทำ
00:06:20 → 00:06:24 งานหนักขึ้นนะคะการทำงานของตับยังอาศัย
00:06:24 → 00:06:27 พลังงานอย่างมากเลยค่ะทำให้หลายท่านนะคะ
00:06:27 → 00:06:29 อาจจะมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังโดยไม่ทราบ
00:06:30 → 00:06:33 สาเหตุได้ค่ะและข้อที่ 4 นะคะเกี่ยวกับ
00:06:33 → 00:06:36 อาหารที่ยังย่อยไม่เสร็จกลับถูกดูดซึม
00:06:36 → 00:06:39 เข้าสู่ร่างกายของเราซะอย่างนั้นเลยโดย
00:06:39 → 00:06:43 ปกตินะคะร่างกายของเราจะดูดซึมเอาอาหาร
00:06:43 → 00:06:46 ที่ย่อยเสร็จแล้วเป็นโมเลกุลเล็กๆค่ะไม่
00:06:46 → 00:06:49 ว่าจะเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวกรดไขมัน
00:06:49 → 00:06:51 หรือกรดอะมิโนเนี่ยเข้าสู่ร่างกายของเรา
00:06:51 → 00:06:54 ผ่านเจ้าเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เราเนี่ย
00:06:54 → 00:06:57 แหละแต่เมื่อใช้ทางช่างมันหลวมออกค่ะ
00:06:57 → 00:07:00 เหมือนเดิมเลยคือมีรูเล็กๆเกิดขึ้นค่ะแทน
00:07:00 → 00:07:03 ที่เขาจะรอจนย่อยเสร็จนะคะสิ่งที่เกิด
00:07:03 → 00:07:06 ขึ้นยังย่อยไม่เสร็จเลยแทนที่เขาจะไปคน
00:07:06 → 00:07:09 เดียวเขายังอยู่กับเขายังจับมืออยู่กับ
00:07:09 → 00:07:11 เพื่อนเขาอยู่เลยค่ะอย่างเช่นอาจจะเป็น
00:07:11 → 00:07:14 น้ำตาล 2 หรือ 3 โมเลกุลที่มุดเข้าไป
00:07:14 → 00:07:18 อย่างร่างกายของเรามุดเข้าสู่เซลล์ผนัง
00:07:18 → 00:07:21 เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ของเราค่ะซึ่งการ
00:07:21 → 00:07:23 มุดเข้าไปโดยที่เขายังไม่เป็นตัวเล็กที่
00:07:24 → 00:07:26 สุดตัวนี้เนี่ยเขาจะไปกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
00:07:26 → 00:07:29 ของเราร่างกายของเราจะดีเทคสิ่งเหล่านี้
00:07:29 → 00:07:32 ว่าเป็นแอนติเจนค่ะซึ่งจะไปกระตุ้นภูมิ
00:07:32 → 00:07:35 คุ้มกันของเราทำให้เกิดการอักเสบตามมาได้
00:07:35 → 00:07:39 และข้อที่ 5 นะคะเมื่อเราเป็นภาวะลำไส้
00:07:39 → 00:07:42 รั่วซึมนี้ต่อเนื่องการนานๆอาจจะเกิด
00:07:42 → 00:07:46 ปัญหาการขาดสารอาหารบางอย่างได้ค่ะหมอได้
00:07:46 → 00:07:49 บอกใบ้กันไปในช่วงแรกแล้วว่าสิ่งที่ควรจะ
00:07:49 → 00:07:53 ดูดซึมกันดูดซึมไม่ได้แต่ทุกสิ่งที่ไม่
00:07:53 → 00:07:55 ควรจะดูดซึมดังดูดซึมซะอย่างนั้นเลยและ
00:07:55 → 00:07:58 ไอ้เจ้าสิ่งที่มันควรจะดูดซึมแต่ดูดซึม
00:07:58 → 00:08:00 ไม่ได้สิ่งนั้นคือสารอาหารที่จำเป็นกับ
00:08:00 → 00:08:03 ร่างกายค่ะโดยปกติแล้วสารอาหารเหล่านี้
00:08:03 → 00:08:06 ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวกรด
00:08:06 → 00:08:08 อะมิโนหรือกรดไขมันสิ่งที่ร่างกายต้องใช้
00:08:08 → 00:08:11 เหล่านี้จะต้องดูดซึมผ่านเซลล์เยื่อบุ
00:08:11 → 00:08:15 ผนังลำไส้ค่ะแต่การอักเสบที่เกิดจากภาวะ
00:08:15 → 00:08:17 ลำไส้รั่วซึมนี้น่ะมันจะทำให้เซลล์ของเรา
00:08:17 → 00:08:21 นะคะมันบวมขึ้นค่ะพอมันบวมขึ้นเนี่ยสาร
00:08:21 → 00:08:23 อาหารเหล่านี้ที่ควรจะผ่านเข้าสู่ร่างกาย
00:08:23 → 00:08:26 ของเราได้ตามปกติผ่านเซลล์ตัวนี้มันดัน
00:08:27 → 00:08:29 ผ่านไม่ได้ค่ะทำให้เราดูดซึมของมี
00:08:29 → 00:08:32 ประโยชน์เหล่านี้ได้น้อยลงคนที่มีปัญหา
00:08:32 → 00:08:35 เล็กพิกัดเซนโดรมเรื้อรังโดยที่ไม่แก้ไข
00:08:35 → 00:08:38 สักทีอาจจะทำให้มีภาวะซีดเรื้อรังหรือ
00:08:38 → 00:08:41 หนักหน่อยนะคะอาจจะมีปัญหาเรื่องของ
00:08:41 → 00:08:44 กระดูกบางจากการขาดแคลเซียมได้เลยอันตราย
00:08:44 → 00:08:47 มากๆเลยนะนี่แหละค่ะที่จะเป็นปัญหาว่า
00:08:47 → 00:08:50 ภาวะลำไส้รั่วซึมนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่อง
00:08:50 → 00:08:53 ท้องอืดท้องเฟ้ออย่างเดียวเราจะต้องมาใส่
00:08:53 → 00:08:56 ใจกับปัญหานี้ให้มากๆเพื่อป้องกันอันตราย
00:08:56 → 00:08:59 ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณนะคะ
00:08:59 → 00:09:02 แล้วในคลิปถัดไปเนี่ยหมอจะมาชวนคุยกันว่า
00:09:02 → 00:09:06 เราจะแก้ภาวะริกกิ้งกันหรือภาวะลำไส้รั่ว
00:09:06 → 00:09:09 ซึมนี้ได้ยังไงบ้างซึ่งวิธีแก้นั้นบาง
00:09:09 → 00:09:12 อย่างคุณสามารถเริ่มทำด้วยตัวเองได้ตั้ง
00:09:12 → 00:09:15 แต่วันนี้เลยรอฟังกันด้วยนะคะสำหรับ
00:09:15 → 00:09:18 เพื่อนๆคนไหนนะคะที่ชอบเนื้อหาสาระดีๆแบบ
00:09:18 → 00:09:21 นี้อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด Subscribe และ
00:09:21 → 00:09:23 อย่าลืมกดกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งเอาไว้จะได้
00:09:23 → 00:09:26 ไม่พลาดเรื่องราวดีๆจากหมอนะคะแล้วพบกัน
00:09:26 → 00:09:28 ค่ะ