00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:07 Voice ลักษณะที่จะบอกได้ว่าผืนนี้เป็น
00:00:08 → 00:00:11 ผืนหลมพิษเนี่ยก็จะเป็นลักษณะผืนแดงนะคะ
00:00:11 → 00:00:15 บวมๆนูนๆนะคะแล้วก็คันซึ่งพวกเนี้ยอาจจะ
00:00:15 → 00:00:18 ขยายด้วยขยายขึ้นได้เวลาเกาพอเกาก็จะลาม
00:00:18 → 00:00:20 ออกใหญ่ขึ้นหรือบางคนอาจจะกลายเป็นเส้น
00:00:20 → 00:00:24 นูนตามรอยเกานะคะซึ่งโรครมพิษผืดพวกเนี้ย
00:00:24 → 00:00:27 จะหายได้เองค่ะคือจะยุบไปได้เองภายในเวลา
00:00:27 → 00:00:30 1 วันแต่ก็อาจจะสามารถกลับขึ้นมาใหม่
00:00:30 → 00:00:32 ซึ่งกลับขึ้นมาใหม่เนี่ยจะขึ้นที่เดิมก็
00:00:32 → 00:00:35 ได้หรือจะเปลี่ยนที่ก็ได้รูปร่างก็จะแปลก
00:00:35 → 00:00:37 แตกต่างกันไปรูปร่างอาจะไม่เหมือนกันใน
00:00:37 → 00:00:39 แต่ละที่อย่าเงี้ยค่ะก็จะเป็นผืนที่เป็น
00:00:39 → 00:00:41 เป็นหาย
00:00:41 → 00:00:45 ๆฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:45 → 00:00:49 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:49 → 00:00:52 This Is Toy PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:52 → 00:00:55 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง
00:00:55 → 00:00:59 ของโรคลมพิษนะคะว่าเอ๊ยมันเป็นยังไงนะคะ
00:00:59 → 00:01:01 ซึ่งบางทีบางทีเราอาจจะมีอาการผื่นครัน
00:01:01 → 00:01:04 หรืออะไรเงี้ยแต่เอ๊ะมันใช่ลมพิษหรือ
00:01:04 → 00:01:06 เปล่าไม่แน่ใจนะคะเดี๋ยววันนี้คุยกับรอง
00:01:06 → 00:01:09 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงปภาพิตตู้จินดา
00:01:09 → 00:01:11 อาจารย์แพทย์ประจำสาขาวิชาโรคภูมิแพ้ผิว
00:01:11 → 00:01:15 หนังและอิมมูโนภาควิชาตจวิทยาคณะแพทย์
00:01:15 → 00:01:18 ยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีค่ะค่ะคุณหมอคะ
00:01:21 → 00:01:23 คุยกันเรื่องเรื่องนี้วันนี้นะคะเกี่ยว
00:01:23 → 00:01:26 กับเรื่องของโรคลมพิษนะคะบางทีเกิดผื่น
00:01:26 → 00:01:29 แดงขึ้นมาแบบไม่รู้ว่าเอ๊ะมันเกิดจากอะไร
00:01:29 → 00:01:32 มันมายังไงเป็นๆไฮๆบ้างหรืออะไรอย่าง
00:01:32 → 00:01:35 เงี้ยนะคะก็ไม่แน่ใจบางทีอาจจะรักษาไม่
00:01:35 → 00:01:38 ถูกโรคหรือว่าหาอะไรมาทาก็แบบอาจจะไม่ถูก
00:01:38 → 00:01:41 ชนิดนะคะอ่ะมาทำความรู้จักกันก่อนว่าโรค
00:01:41 → 00:01:45 ลมพิษค่ะคืออะไรคะคุณหมอคะก่อนอื่นนะคะ
00:01:45 → 00:01:47 บอกว่าการที่เราเป็นผื่นเนี่ยไม่ได้เป็น
00:01:47 → 00:01:50 โรคลมพิษทุกคนนะคะจริงๆผื่นแดงคันเนี่ยมี
00:01:50 → 00:01:53 หลายโรคอมีหลายโรคแต่ว่าโรคลมพิษอาจจะ
00:01:53 → 00:01:55 เป็นโรคที่คนคนไขหรือคนทั่วไปประชาชนทั่ว
00:01:56 → 00:01:58 ไปอาจจะคุ้นเคยว่าอ๋อมันเป็นผื่นแดง
00:01:58 → 00:02:00 ลักษณะของลมพิษเนี่ยถ้าเราเห็นขึ้นมา
00:02:00 → 00:02:02 เนี่ยลักษณะที่จะบอกได้ว่าเผื่นนี้เป็น
00:02:02 → 00:02:05 ผืนลมพิษเนี่ยก็จะเป็นลักษณะผื่นแดงนะคะ
00:02:06 → 00:02:10 บวมๆนูนๆนะคะแล้วก็คันค่ะค่ะซึ่งพวกเนี้ย
00:02:10 → 00:02:13 อาจจะขยายดูว่าขยายขึ้นได้เวลาเกานะพอเกา
00:02:13 → 00:02:16 ก็จะลามออกใหญ่ขึ้นหรือบางคนอาจจะกลาย
00:02:16 → 00:02:19 เป็นเส้นนูนตามรอยเก่านะคะค่ะซึ่งักโรค
00:02:19 → 00:02:21 รุมพิษผืนพวกเนี้ยจะหายได้เองค่ะคือจะยุบ
00:02:22 → 00:02:25 ไปได้เองภายในเวลา 1 วันอืโดยที่ต้องไม่
00:02:25 → 00:02:28 เหลือรอยนะคะไม่มีรอยดำไม่มีรอยสะเก็ดแกะ
00:02:28 → 00:02:31 เกาไม่มีรอยแผลค่ะนะคะแต่ก็อาจจะสามารถ
00:02:31 → 00:02:33 กลับขึ้นมาใหม่ซึ่งกลับขึ้นมาใหม่เนี่ยจะ
00:02:33 → 00:02:36 ขึ้นที่เดิมก็ได้หรือจะเปลี่ยนที่ก็ได้
00:02:36 → 00:02:38 รูปร่างก็จะแปลกแตกต่างกันไปรูปร่างอาจะ
00:02:38 → 00:02:40 ไม่เหมือนกันในแต่ละที่อย่าเงี้ค่ะก็จะ
00:02:40 → 00:02:43 เป็นผื่นที่เป็นเป็นหายๆซึ่งคนไข้บางคน
00:02:43 → 00:02:45 เนี่ยนอกจากมีผื่นตามตัวแล้วเนี่ยก็อาจจะ
00:02:45 → 00:02:48 มีผื่นตามบริเวณเยื่อบุต่างๆด้วยเช่นมีตา
00:02:48 → 00:02:51 บวมมีปากบวมอมือบวมอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะ
00:02:51 → 00:02:53 เป็นลักษณะอาการที่แตกต่างกันไปในคนไข้
00:02:53 → 00:02:57 แต่ละคนค่ะค่ะแล้วทำไมถึงเป็นผืดลมพิษ
00:02:57 → 00:03:01 ขึ้นมาได้อ่ะคะไปสเหตุเนี้ยต้องสำหรับผื
00:03:01 → 00:03:03 ลมพิษเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยจะแบ่งออกมาเป็น
00:03:03 → 00:03:06 2 กลุ่มใหญ่ๆนะคะก็คือลมพิษเฉียบพลันนะ
00:03:06 → 00:03:09 คะแล้วก็ลมพิษเรื้อรังอืลมพิษเฉียบพลันก็
00:03:09 → 00:03:11 คือตามชื่อเลยคือเป็นลมพิษที่เป็นมาใน
00:03:11 → 00:03:14 ระยะเวลาสั้นๆซึ่งเราจะดูที่ระยะเวลาคือ
00:03:14 → 00:03:16 เป็นมาไม่เกิน 6 สัปดาห์หมายความว่ามี
00:03:16 → 00:03:19 ผื่นเป็นๆหายๆเนี่ยไม่เกิน 6 สัปดาห์นะคะ
00:03:19 → 00:03:21 ส่วนลมพิษเรื้อรังก็คือเป็นผื่นลมพิษเป็น
00:03:21 → 00:03:24 เป็นหายๆเนี่ย 6 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งโรค
00:03:24 → 00:03:27 ทั้ง 2 กลุ่มเยจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันคน
00:03:27 → 00:03:29 ไข้ส่วนใหญ่ที่เป็นเนี่ยมักจะเป็นลมที่
00:03:29 → 00:03:32 เฉียบพลันค่ะค่ะอืก็คือเป็นไม่น่าหรอก
00:03:32 → 00:03:36 แล้วก็หายไปเองค่ะค่ะอ๋อแต่ก็คือมันมันจะ
00:03:36 → 00:03:39 เกิดขึ้นเรื่อยๆทั้ง 2 แบบทั้งชนิดเฉียบ
00:03:39 → 00:03:42 พลันก็เรื้อรังอ่าคือเหมือนกับเฉียบพลัน
00:03:43 → 00:03:44 เนี่ยหมายกว่าบางคนอาจจะเป็นวันเดียวหาย
00:03:44 → 00:03:47 บางคนอาจจะเป็นเป็นหายๆแต่รวมแล้วเนี่ย
00:03:47 → 00:03:49 คือไม่เกิน 6 สัปดาห์อย่างเงี้ยค่ะอแต่
00:03:49 → 00:03:52 ถ้าเรื้อรางนี่คือเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป
00:03:52 → 00:03:55 ใช่ๆซึ่งบางทีไม่ทันสังเกตค่ะคุณหมอว่า
00:03:55 → 00:03:57 เฮ้ยเราเป็นมานานแล้วหรือยังแต่แบบเออพอ
00:03:57 → 00:04:00 มันเป็นแล้วหายไปเราก็เลยไม่ได้แบบว่าจะ
00:04:00 → 00:04:03 จะมาดูว่าเอ้ยมันเกินกี่วันแล้วมันเกิน
00:04:03 → 00:04:04 กี่สัปดาห์แล้วหรืออะไรอย่างเงี้ค่ะแต่
00:04:04 → 00:04:06 ว่าถ้ามันเป็นระยะยาวแล้วมันรู้สึกว่า
00:04:06 → 00:04:09 เอ้ยทำไมมันเป็นบ่อยจังหรือมันเป็นนาน
00:04:09 → 00:04:11 แล้วนะเดี๋ยวก็เป็นเดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็หาย
00:04:11 → 00:04:14 อยู่อย่างเงี้ยอันนี้ก็คือแบบต้องสังเกต
00:04:14 → 00:04:17 แล้วว่าน่าจะเรื้อรังใช่มั้คะคือ 2 อย่าง
00:04:17 → 00:04:20 นี้มันแตกต่างกันยังไงคะหมายความว่าเอ่อ
00:04:20 → 00:04:22 สาเหตุของการเกิดหรืออะไรเงี้มันมีความ
00:04:22 → 00:04:25 ต่างกันมั้ยคะจริงๆลักษณะผื่นน่ะไม่ได้
00:04:26 → 00:04:28 แตกต่างกันค่ะแต่สาเหตุหรือว่าตัวกระตุ้น
00:04:28 → 00:04:30 จะต่างกันอืเรามาคุยกันเรื่องลมพิษเรื้อ
00:04:30 → 00:04:32 รังก่อนเอ้ยลมพิเฉียบพลันก่อนนะคะเพราะ
00:04:32 → 00:04:35 เป็นอันที่คนเจอเยอะกว่าลมพิษเฉียบพลัน
00:04:35 → 00:04:37 เนี่ยคือหมายว่าคนเนี่ยมีผื่นเนี่ย
00:04:37 → 00:04:39 อาทิตย์นึง 2 วันติดต่อกันไม่เกิน 6
00:04:40 → 00:04:43 สัปดาห์นะคะคนไข้ส่วนใหญ่นะคะส่วนใหญ่เลย
00:04:43 → 00:04:46 นะคะ 2 ใน 3 เนี่ยไม่มีสาเหตุ
00:04:47 → 00:04:50 อ้าวไม่มีสาเหตุไม่รู้ว่าหาไม่หาไม่ได้
00:04:50 → 00:04:52 ว่าเกิดจากอะไรเออยู่ๆก็เป็นอย่างเงี้
00:04:52 → 00:04:55 เหรอคะเป็นขึ้นมาเองโดยที่หาทุกอย่างและ
00:04:55 → 00:04:58 อย่างเงี้ยค่ะซึ่งคนส่วนที่เหลือเนี่ยก็
00:04:58 → 00:05:00 จะมีสาเหตุใช่มั้ยคะเนี่ยที่เจอบ่อยที่
00:05:00 → 00:05:05 สุดคือติดเชื้อเช่นฟันผุท้องเสียไม่สบาย
00:05:05 → 00:05:08 เป็นหวัดเหมือนๆเป็นปฏิกิริยาค่ะของร่าง
00:05:08 → 00:05:10 กายที่มีกับการติดเชื้อก็เลยเป็นเหมือน
00:05:10 → 00:05:13 กับปฏิกิริยาขึ้นมาทำให้เป็นผืลมพิษอืนะ
00:05:13 → 00:05:17 คะซึ่งเวลาเวลาคนไข้จะไม่ได้สังเกตจริงๆ
00:05:17 → 00:05:20 ต้องบอกว่าจากประสบการณ์คนส่วนใหญ่ที่
00:05:20 → 00:05:22 เข้ามาแล้วมาด้วยเรื่องลมพิษเนี่ยจะคิด
00:05:22 → 00:05:25 ว่าตัวเองแพ้อาหารอ่าต้องแพ้อะไรสักอย่าง
00:05:25 → 00:05:27 กินอะไรสักอย่างมาแน่ๆเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:05:27 → 00:05:31 ค่ะออใช่ๆน่าจะเป็นอย่างงั้นมซึ่งอาหาร
00:05:31 → 00:05:35 เนี่ยก็เป็นสาเหตุนึงแต่เจอน้อยมากอือัน
00:05:35 → 00:05:37 นี้เนี่ยเราพูดในประเด็นของผู้ใหญ่นะคะใน
00:05:37 → 00:05:40 ของเด็กเนี่ยขอขอเว้นไปเพราะว่าของคือของ
00:05:40 → 00:05:43 เด็กก็จะมีการแบบดูแลหรือการวินิจฉัยที่
00:05:43 → 00:05:45 แตกต่างกันในส่วนของผู้ใหญ่เนี่ยเป็นน้อย
00:05:45 → 00:05:48 มากและคนที่เป็นจากอาหารเนี่ยมักจะมี
00:05:48 → 00:05:50 ประวัติมาตั้งแต่เด็กแล้วคือเขารู้ตัว
00:05:50 → 00:05:51 อยู่แล้ว
00:05:51 → 00:05:55 อ๋อค่ะอืแต่ถามว่าอ้าแล้วมีคนพึ่งมาแพ้
00:05:55 → 00:05:57 มั้ยก็มีแต่ว่าน้อยมากๆจริงๆเงี้ยค่ะค่ะ
00:05:57 → 00:06:00 ซึ่งประวัติก็ต้องสัมพันธ์กันอืเช่น
00:06:00 → 00:06:03 สมมุติว่ากินกินปุ๊บเนี่ยโดยทั่วไปแล้ว
00:06:03 → 00:06:06 เนี่ยมันจะมีผืนขึ้นภายใน 20 นาทีค่ะแต่
00:06:06 → 00:06:09 มักไม่เกิน 4 ชมอ๋อันนั้นถ้าสมมุติว่ากิน
00:06:09 → 00:06:12 เมื่อวานแล้วขึ้นวันนี้เนี่ยไม่ใช่ะไม่
00:06:12 → 00:06:15 ใช่ออเอ้อมันมันจะต่างกันจริงๆเนาะคุณหมอ
00:06:15 → 00:06:17 เพราะว่าถ้าอย่างเป็นภูมิแพ้เงี้ยหรือร
00:06:17 → 00:06:19 หรือถ้าแพ้อาหารอะไรอย่าเงี้ยมันขึ้นทัน
00:06:19 → 00:06:22 ทีนะแล้วมันมันมีอาการในระยะเวลาแค่ไม่
00:06:22 → 00:06:24 กี่ชั่วโมงเองอ่ะมันไม่ได้ข้ามวันขนาดนี้
00:06:24 → 00:06:27 ด้วยแพ้อาหารมันจะขึ้นไปลมพิษน่ะคะ้าจะมี
00:06:27 → 00:06:29 ผืนอีกอันคือเป็นภูมิแพ้ผิวหนังอืแต่คน
00:06:29 → 00:06:31 ที่เป็นแพ้อาหารส่วนหนึ่งก็จะเป็นปากบวม
00:06:31 → 00:06:34 อะไรอย่าเงี้ยค่ะซึ่งคนพวกเเขาจะทราบตั้ง
00:06:34 → 00:06:36 แต่เด็กะว่าเขาแพ้อาหารเพื่อเเจะเรี่ยง
00:06:36 → 00:06:38 เขาจะรู้ส่วนใหญ่พวกนี้เขาจะไม่ได้มาหา
00:06:38 → 00:06:41 เราถ้าไม่ได้เป็นรุนแรงค่ะอืค่ะกันแต่คน
00:06:41 → 00:06:44 ที่มาแล้วคิดว่าแพ้อาหารเนี่ยมักจะไม่ใช่
00:06:44 → 00:06:46 แต่ไม่ได้ทุกคนนะคะเราก็ต้องซักประวัติลง
00:06:47 → 00:06:49 ไปอีกก็คือต้องให้เวลาเวลาคนไข้มาต้องให้
00:06:49 → 00:06:51 เวลาในครั้งแรกเนี่ยต้องให้เวลาซัก
00:06:51 → 00:06:53 ประวัติว่าเออมีอะไรที่สัมพันธ์หรือเปล่า
00:06:54 → 00:06:58 อือีกอันนึงที่ลืมไม่ได้คือยาค่ะคือมันจะ
00:06:58 → 00:07:01 มีเรื่องแพ้ยาต้องถามคนไข้ว่าเอ๊ะช่วงที่
00:07:01 → 00:07:03 ผ่านมาเนี่ยมียาอะไรที่ไม่เคยทานแล้วมา
00:07:04 → 00:07:06 ทานมั้ยอะไรเงี้ยค่ะมันก็มีได้ว่ายาบาง
00:07:06 → 00:07:08 ตัวทำไม่เป็นลมพิษอือันนี้คือในส่วนของลม
00:07:08 → 00:07:11 พิษเฉียบพลันั้นซึ่งลมพิษเฉียบพลั้นพวก
00:07:11 → 00:07:14 นี้เนี่ยคนไข้คนไข้เวลามาเนี่ยส่วนหนึ่ง
00:07:14 → 00:07:17 จะเข้ามาเลยบอกว่าอยากเทสอยากทำทดสอบอยาก
00:07:17 → 00:07:19 รู้ว่าแพ้อะไรค่ะซึ่งถ้าเป็นลวงพีเฉียบ
00:07:19 → 00:07:21 พันธคนไข้จะก็จะผิดหวังกลับไปค่ะเพราะหมอ
00:07:21 → 00:07:23 ก็จะบอกว่าไม่ต้องทำหรอกแต่อันนี้คือต้อง
00:07:23 → 00:07:25 คุยกันนะคะเราคุยกันให้รู้เรื่องคือ
00:07:26 → 00:07:28 อธิบายให้เคฟังว่าเออมันเป็นอย่างนี้นะ
00:07:28 → 00:07:30 เราจะไม่ต้องทำนะมันไม่มันมันไม่ได้
00:07:30 → 00:07:33 สัมพันธ์กันนะอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะแต่
00:07:33 → 00:07:35 เป็นการให้ข้อมูลเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่จะ
00:07:35 → 00:07:38 โอเครับรับเอ่อเข้าใจแล้วก็จะบอกว่าเออ
00:07:38 → 00:07:41 ถ้ามันเป็นเรื้อรังต่อมาไม่หาย 6 อาทิตย์
00:07:41 → 00:07:44 ไม่หายเนี่ยให้กลับมาอืซึ่งจะมีคนแค่
00:07:44 → 00:07:47 ประมาณ 20% ค่ะที่จะไม่หายค่ะให้กลับมา
00:07:47 → 00:07:50 แล้วก็ต่อมาเต้องมาหากันใหม่ซักประวัติ
00:07:50 → 00:07:54 เพิ่มค่ะว่ามีสาเหตุอะไรที่มีได้อีกมย
00:07:54 → 00:07:56 ซึ่งมันแตกต่างกันดังนั้นเนี่ยเวลาเราดู
00:07:56 → 00:07:59 คนไข้ที่เป็นลมพิษเนี่ยเราก็จะดูแลแตก
00:07:59 → 00:08:02 ต่างกันไปแล้วแต่ระยะเวลาที่เป็นมาค่ะค่ะ
00:08:02 → 00:08:05 อคือหูต้องซักแบบประวัติกันหรือว่าแบบ
00:08:05 → 00:08:08 ย้อนกันไปว่าเออมันมีอะไรที่มันจะเป็น
00:08:08 → 00:08:10 สาเหตุได้บ้างให้มันชัดเจนไปเลยใช่มั้ยคะ
00:08:10 → 00:08:13 อันนี้มันต้องแบบใช่อืประเด็นของลมพิษ
00:08:13 → 00:08:17 ความยากของลมพิษอีกอันนึงคือว่าเวลามาหา
00:08:17 → 00:08:20 หมอเนี่ยคนไคร้มจะบอกว่าผื่นกลัวหมอคือมา
00:08:20 → 00:08:23 แล้วยุบแล้วไม่เห็นบอกไม่มันยุบไปหมดแล้ว
00:08:23 → 00:08:25 แต่ว่าเพิ่งขึ้นไปเมื่อเช้าเนี่ยมาถึง
00:08:25 → 00:08:28 กว่าจะได้ตรวจเออยุบไปแล้วอะไรอย่าเงี้ย
00:08:28 → 00:08:30 ค่ะถ้าอย่างั้นเทางที่ดีอ่ะเดี๋ยวนี้เรา
00:08:30 → 00:08:34 มีมือถือเนาะมันง่ายถ่ายรูปไว้ค่ะออ๋อ
00:08:34 → 00:08:37 ถ่ายชัดๆหน่อยนะคะจะได้ดูพอดูมันก็จะให้
00:08:37 → 00:08:39 ข้อมูลได้ง่ายขึ้นดีกว่าเราซักกันเฉยๆ
00:08:39 → 00:08:41 อะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าไม่มีมือถือลืมถ่าย
00:08:41 → 00:08:43 ก็ไม่เป็นไรมันก็ยังซักจากประวัติได้อะไร
00:08:43 → 00:08:45 เงี้ยค่ะแต่ถ่ายไว้มันก็จะช่วยในการ
00:08:45 → 00:08:47 วินิจฉัยประมาณนี้ค่ะอ๋อจะได้ไม่ต้องมา
00:08:47 → 00:08:49 อีกรอบนะคะเดี๋ยวก็รอผืนขึ้นแล้วค่อยมา
00:08:49 → 00:08:52 อีกถ้าเกิดว่าไม่หายต้องกลับ
00:08:52 → 00:08:55 มาเออเออแต่มันก็แปลกเหมือนกันนะคะพอจะมา
00:08:55 → 00:08:57 หาหมอหรือว่ามีอะไรอย่างเงี้ยมันก็มันก็
00:08:57 → 00:09:01 ทุกอย่างอาการจะดีขึ้นแบบงงๆยุพอดีค่ะนะ
00:09:01 → 00:09:03 คะอันนี้แบบเฉียบพลันอ่าทีนี้แบบเรื้อรัง
00:09:03 → 00:09:06 ล่ะคะสาเหตุมันจะเกิดจากอะไรได้บ้างคะสัง
00:09:06 → 00:09:09 พิษเรื้อรังเนี่ยก็ต้องบอกว่า 2 ใน 3 ไม่
00:09:09 → 00:09:13 รู้สาเหตุเหมือนกันออ่าเอาอีกแล้วแมันก็
00:09:13 → 00:09:16 จะแบ่งลมพิษเรืรังก็จะมีสาเหตุที่เกิดจาก
00:09:16 → 00:09:18 ปัจจัยกระตุ้นนะคะเช่นปัจจัยทางเค้าเรียก
00:09:18 → 00:09:22 ปัจจัยทางกายภาพเช่นความเย็นหมายความว่า
00:09:22 → 00:09:25 บางคนเนี่ยเข้าห้องแอร์แล้วเป็นลมพิษหค่ะ
00:09:25 → 00:09:29 อ่าจริงถือน้ำถือแก้วน้ำเย็นๆหน่อยมือบวม
00:09:29 → 00:09:33 ฮ้อมีนะคะมีจริงๆอุ้ยบางคนเกิดจากความ
00:09:33 → 00:09:36 ร้อนเช่นออกกำลังกายแล้วเป็นผื่นเอออัน
00:09:36 → 00:09:38 นี้เข้าใจได้ค่ะคุณหมอแต่ถ้าความเย็นนี้
00:09:38 → 00:09:42 กำลังคิดอยู่แบบเออไม่น่าจะเป็นเนาะมีเจะ
00:09:42 → 00:09:44 เราจะต้องซักซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่อ่ะไม่ได้
00:09:44 → 00:09:47 สังเกตอือพอเราซักปุ๊บเคก็จะเริ่มเอ๊หรือ
00:09:47 → 00:09:49 เปล่าอะไรอย่างเงี้ยเขาก็จะกลับไปสังเกต
00:09:49 → 00:09:52 เขาว่าเอ๊ะตัวที่กระตุ้นคืออะไรแต่ก็มีคน
00:09:52 → 00:09:54 ไข้บางคนที่มาถึงเราบอกเลยว่าทุกครั้งที่
00:09:54 → 00:09:57 เป็นเนี่ยนั่งอยู่แอร์เป๋าโดนแขนผื่นขึ้น
00:09:57 → 00:10:01 ที่แขนอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะค่ะอ๋อแต่ก็
00:10:01 → 00:10:04 แบบอ่ะส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ก็ไม่รู้สาเหตุไอ้
00:10:04 → 00:10:06 ที่รู้สาเหตุก็คือแค่ 1 เท่านั้นเองนิดน
00:10:07 → 00:10:10 ความเย็นมีความร้อนแสงแดดบางคนโดนแดดแล้ว
00:10:10 → 00:10:14 ไปลมพิษควร้ออ่าอ่ะมีการสั่นสะเทือนบางคน
00:10:14 → 00:10:17 เช่นแบบไปเล่นเค้าเรียกอะไรสายที่รถรถ
00:10:17 → 00:10:20 สั่นๆน่ะค่ะแล้วก็เป็นผืนขึ้นมาตรงที่โดน
00:10:20 → 00:10:23 ที่สัมผัสตำแหน่งที่สั่นหรือการกดทับค่ะ
00:10:23 → 00:10:26 อย่างเงี้ยคะการขูดขีดคแมก็จะให้ประวัติ
00:10:26 → 00:10:29 ว่าใส่เข็มขัดแรกหน่อยหรือว่านั่งค้าวแขน
00:10:29 → 00:10:31 แล้วตรงที่เท้าลงไปกับเก้าอี้เนี่ยตรงรอย
00:10:31 → 00:10:33 ที่กดก็เป็นผืนขึ้นมาอันนี้เป็นปัจจัย
00:10:33 → 00:10:37 กระตุ้นสาเหตุหนึของลมพิษค่ะอค่ะเออเป็น
00:10:37 → 00:10:39 สาเหตุที่แบบแปลกๆทั้งนั้นเลยค่ะนึกไม่
00:10:39 → 00:10:42 ถึงแล้วคาดไม่ถึงด้วยเจอเรื่อยๆนะคะจริงๆ
00:10:42 → 00:10:45 เจอบ่อยก็ไม่ได้ไม่ได้น้อยมากแต่ว่าคน
00:10:45 → 00:10:47 ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นพอเราซักปุ๊บ
00:10:47 → 00:10:50 เราก็มีการตรวจเพิ่มเติมอะไรเงี้ยก็จะเจอ
00:10:50 → 00:10:52 ว่าอ๋อมันคืออันนี้อแต่ว่าสาเหตุลมพิก็จะ
00:10:53 → 00:10:55 มีอีกนะคะเช่นการติดเชื้อต่างๆฟันผูก็ยัง
00:10:55 → 00:10:58 เป็นได้หรือการติดเชื้อเรื้อรังในร่างกาย
00:10:58 → 00:11:00 หรือว่าเป็นโรคทางพวแพ้ภูมิตัวเองโรคทาง
00:11:00 → 00:11:03 ภูมิคุมิกันเนี่ยก็เป็นลมพิษได้แต่เจอ
00:11:03 → 00:11:07 น้อยมากค่ะคือคนไข้ลมพิษที่เป็นที่มี
00:11:07 → 00:11:09 สาเหตุจากโรคภูมิคุมกันเนี่ยเจอไม่บ่อย
00:11:09 → 00:11:11 แต่เราก็ต้องซักประวัติว่ามีประวัติอะไร
00:11:11 → 00:11:14 ที่ที่เกี่ยวข้องในระบบนี้มั้ยอะไรอย่า
00:11:14 → 00:11:16 เงี้ยถ้ามีก็ต้องเจาะเลือดเพิ่มเติมร
00:11:16 → 00:11:18 เงี้ยค่ะค่ะแต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
00:11:18 → 00:11:22 มันก็มีแหละแต่แค่น้อยเฉยๆเท่านั้นเองใช่
00:11:22 → 00:11:24 งั้นเนี่ยตอนที่มาตรวจครั้งแรกเราจะมีการ
00:11:24 → 00:11:27 ถามถามประวัติถ้าประวัติไม่มีเลยเราก็ไม่
00:11:27 → 00:11:28 จำเป็นต้องตรวจไปถึงตรงนั้นเพราะเจอนอย
00:11:28 → 00:11:33 แต่ถมีก็มีการตรเพ่มทงห้องปฏิบัตการค่ะ
00:11:33 → 00:11:36 เพื่อหาว่ามีหรือไม่มีค่ะแต่ส่วนใหญ่จะ
00:11:36 → 00:11:40 ไม่มีอืแล้วอย่างทุกวันนี้ที่เผชิญกับ
00:11:40 → 00:11:42 ฝุ่น PM 2.5 ล่ะคะคุณหมอมันมันมีส่วน
00:11:42 → 00:11:45 ด้วยมยสามารถจะทำให้เกิดลมพิษอะไรอย่าง
00:11:45 → 00:11:48 งี้ด้วยได้หรือเปล่าคะคือ PM 2.5 ที่ชัด
00:11:48 → 00:11:51 ๆเลยเนี่ยคือภูมิแพ้ผิวหนังที่มีพี่มีข้อ
00:11:51 → 00:11:54 มูลมากพอที่จะบอกมันกระตุ้นค่ะส่วนลมพิษ
00:11:54 → 00:11:56 เนี่ยปัจจุบันเยข้อมูลเนี่ยเริ่มเยอะขึ้น
00:11:56 → 00:11:59 เรื่อยๆว่าอาจจะสัมพันธกันแต่เขยังหา
00:11:59 → 00:12:01 ยังกำลังอยู่ในช่วงที่แบบกำลัง
00:12:01 → 00:12:04 เอ่อเก็บข้อมูลหรือ analise กันว่าเอ๊ะ
00:12:04 → 00:12:08 มันสัมพันธ์กันทางไหนอะไรอย่างเงี้ยค่ะอื
00:12:08 → 00:12:10 ประมาณนี้โอแปลกดีเหมือนกันนะคะแล้วอย่าง
00:12:10 → 00:12:13 ถ้าเกิดสมมุติว่านอนน้อยอ่าหรืออะไรอย่าง
00:12:13 → 00:12:17 เงี้ยเกี่ยวมั้คะนอนน้อยอ่าร่างกายเครียด
00:12:17 → 00:12:20 ไม่ได้สำเครียดความเครียดทำให้เกิดลมพิษ
00:12:20 → 00:12:23 ได้แต่ลักษณะผือลมพิษจะเป็นอีกแบบนึงจ
00:12:23 → 00:12:26 ความเครียดหรือว่าแบบเหมือนกับว่าอรนลิน
00:12:26 → 00:12:29 กระตุ้นความตื่นเต้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะอื
00:12:29 → 00:12:32 หรือกินกาแฟอะไอย่างเงี้ก็มีได้ค่ะในบาง
00:12:32 → 00:12:34 คนแ่บางคนนค่ะจารเจอน้อยมากแต่ความเครียด
00:12:35 → 00:12:37 จริงๆไม่ได้สัมพันธ์กันขนาดนั้นค่ะอืแต่
00:12:37 → 00:12:40 ก็เรียกได้ว่ามันอาจจะเกิดจากหลายๆสาเหตุ
00:12:40 → 00:12:42 ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีสาเหตุที่แตกต่างกัน
00:12:42 → 00:12:45 ออกไปด้วยใช่ดังนั้นเวลามาตรวจเนี่ยเรา
00:12:45 → 00:12:47 ต้องให้เวลานิดนึงเพราะว่าต้องค่อยๆซัก
00:12:47 → 00:12:50 ประวัติเพื่อจะหาว่ามีปัญประเด็นไหนที่
00:12:50 → 00:12:53 เราต้องลงลึกเพิ่มเติมไปหรือเปล่าอะไร
00:12:53 → 00:12:55 เงี้ยค่ะค่ะเพราะฉะนั้นเวลาที่คุณหมอถาม
00:12:55 → 00:12:58 อย่าเพิ่งอย่าเพิ่งแบบโอ้ถามอะไรเยอะแยะต
00:12:58 → 00:13:00 รีบตรวจเถอะอะไรอย่างงี้ไม่ใช่ต้องต้องดู
00:13:00 → 00:13:03 ให้ชัดเจนต้องซักถามเพราะว่าเมื่อกี้คุณ
00:13:03 → 00:13:06 หมอบอกเองว่าผื่นที่เป็นลมพิษเนี่ยมันมัน
00:13:06 → 00:13:11 อาจจะมีแตกต่างกันในในสาเหตุบางอย่างด้วย
00:13:11 → 00:13:14 ใช่มั้ยคะใช่ค่ะอืแต่ว่าที่แน่ๆคือมันจะ
00:13:14 → 00:13:20 เป็นผืนนูนแดงแล้วก็คันค่ะอ๋อแล้วมันก็จะ
00:13:20 → 00:13:23 ผืแบบนูนคันส่วนใหญ่จะขึ้นส่วนไหนของร่าง
00:13:23 → 00:13:25 กายคะหรือว่ามันสามารถขึ้นได้ทั่วร่างกาย
00:13:25 → 00:13:29 เลยขึ้นได้ทุกที่ค่ะตรงไหนก็ได้อ๋อที่
00:13:29 → 00:13:31 สำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือคนไข้ส่วนใหญ่มัก
00:13:31 → 00:13:34 จะเป็นแค่ลมพิษจะมีคนไข้ส่วนน้อยนะคะส่วน
00:13:34 → 00:13:37 หนึ่งเท่านั้นที่เป็นรุนแรงหมายความว่า
00:13:37 → 00:13:40 มันมีเรื่องของปักบวมมีเรื่องของกล่อง
00:13:40 → 00:13:43 เสียงบวมทำให้หลอดลมบวมอะไรเงี้ยค่ะหายใจ
00:13:43 → 00:13:46 ไม่ออกหรือเงี้ยหรือมีความดันตกโอได้ดัง
00:13:46 → 00:13:48 นั้นเนี่ยถ้ามีอาการแบบเนี้ยไม่ต้องรอนะ
00:13:48 → 00:13:51 คะไปโรงพยาบาลเลยยากินเอาไม่อยู่แน่นอน
00:13:51 → 00:13:55 ค่ะไปไปกินจะแบบโอไม่ไปโรงพยาบาลแต่กินยา
00:13:55 → 00:13:57 แก้แพ้ก็ไม่ได้นะมันคนละส่วนกันใช่มั้ยคะ
00:13:57 → 00:14:00 คือถ้าถ้าถ้าเริ่มงี้แล้วเนี่ยมันจะไม่
00:14:00 → 00:14:02 ทันอาจจะไม่ทันค่ะแนะนำให้กินยาแก้แพะ
00:14:02 → 00:14:04 ก่อนแล้วไปเลยค่ะอย่ารอออโอเคไม่ต้องรอดู
00:14:04 → 00:14:07 ค่ะอืก็ยาแก้แพะยังพอได้อยู่แต่ไม่ใช่ว่า
00:14:07 → 00:14:09 กินยาแก้แพ้เดี๋ยวรอก่อนเดี๋ยวมันก็ยุบ
00:14:10 → 00:14:12 เองไม่ใช่นะคือถ้าเป็นรุนแรงจริงๆยาแก้
00:14:12 → 00:14:14 แพ้ไม่อยู่ค่ะแต่คนไข้บางคนเนี่ยเค้ามัน
00:14:14 → 00:14:16 ไม่ได้มันบางคนเนี่ยไม่ได้ขึ้นรุนแรงที
00:14:16 → 00:14:18 เดียวมันจะค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆงั้นกิน
00:14:18 → 00:14:20 ยาแก้แพ้ก่อนแล้วก็ให้ถ้าเริ่มมีอาการ
00:14:20 → 00:14:22 แน่นหน้าอกอย่างที่ว่าหายใจไม่ออกอะไร
00:14:22 → 00:14:26 เงี้ยให้รีบไปโรงพยาบาลค่ะอ๋อก็อันนี้คือ
00:14:26 → 00:14:29 อย่ารอนะคะอันนี้ย้ำไว้อย่ารอแล้วถ้าเกิด
00:14:29 → 00:14:32 สมมุติว่าเอ้ยมันขึ้นผื่นลมพิษขึ้นมาอะไร
00:14:32 → 00:14:36 อย่างเงี้ค่ะไปร้านขายยาซื้อยาทาได้มั้คะ
00:14:36 → 00:14:39 ง่ายๆเลยไม่อยากจะไปโรงพยาบาลไปหาหมอ
00:14:39 → 00:14:41 เพราะว่ามันไม่ได้เป็นเยอะไม่ได้มีอาการ
00:14:41 → 00:14:43 หนักอย่างงี้ได้มั้ยคะเบื้องต้นหมายถึงทา
00:14:43 → 00:14:47 ไม่กินถูกมั้ยคะอ่าทาอ่ะคือลมพิษเนี่ย
00:14:47 → 00:14:51 ต้องบอกก่อนว่าขึ้นแล้วหายเองงั้นยาทาที่
00:14:51 → 00:14:53 เราทากันเนี่ยส่วนใหญ่คนไข้ก็จะไปซื้อ
00:14:53 → 00:14:56 คารามาลมาทาใช่มั้ยคะที่เป็นเขยาๆอ่ะใช่ๆ
00:14:56 → 00:14:58 ซึ่งคามาลเนี่ยจะมีฤทธิ์คือว่าทำให้ตรง
00:14:58 → 00:15:02 นั้นเย็นพอทาไปแล้วเนี่ยพอทามันจะรู้สึก
00:15:02 → 00:15:04 เย็นตรงนั้นใช่มั้ยคะพอเย็นก็จะหหายคัน
00:15:04 → 00:15:08 ค่ะแล้วผืนกลมพิษก็จะยุบเองพอดีอืงั้นคมา
00:15:08 → 00:15:10 ไม่ได้ทำให้ผืนหายแต่ช่วยทำให้บรรเทา
00:15:10 → 00:15:13 อาการคันให้ดีขึ้นค่ะ
00:15:13 → 00:15:16 อ๋อแต่สำหรับยาแก้แพ้เนี่ยการออกิของยา
00:15:16 → 00:15:20 แก้แพ้จริงๆแล้วเนี่ยคือการไปเค้าเรียก
00:15:20 → 00:15:24 ว่าไปป้องกันไม่ให้มีผืนขึ้นใหม่อืซึ่ง
00:15:24 → 00:15:27 ผื่นขึ้นเดิมอ่ะยุบเองอยู่แล้วค่ะอย่าง
00:15:27 → 00:15:29 ที่บอกมันคือยุบใน 24 ชม
00:15:29 → 00:15:31 แต่ยาแก้แพ้เนี่ยไปกันไม่ให้มีผืนขึ้น
00:15:31 → 00:15:34 ใหม่ดังนั้นโดยรวมแล้วการรักษารมพิษแล้ว
00:15:34 → 00:15:37 ก็จะใช้ยารับประทานเป็นหลักค่ะค่ะอ๋อแต่
00:15:37 → 00:15:41 ถ้าเกิดว่ามันมันคันเราเราอึ้ยมันต้องเกา
00:15:41 → 00:15:44 ค่ะคุณหอกอันนี้ไม่ควรเกาใช่มก็ก็เกาก็จะ
00:15:44 → 00:15:47 ลมค่ะอืมันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆดังนั้น
00:15:47 → 00:15:50 เนี่ยถ้าคันมากคันย้าแคแพ้มันก็จะช่วยลด
00:15:50 → 00:15:53 อาการคันแล้วก็ช่วยป้องกันให้มีผื่นใหม่
00:15:53 → 00:15:55 ก็จะทำให้อาการดีขึ้นเร็วค่ะอ๋อแต่ว่ายัง
00:15:55 → 00:15:59 ไงคือเบื้องต้น 24 ชมับแบบเชียบพลานปกติ
00:15:59 → 00:16:03 หายหายได้แต่ว่าเดี๋ยวก็ขึ้นมาใหม่คือทุก
00:16:03 → 00:16:05 ๆทั้งเฉียบพัน์ทั้งเรื้อรังอ่ะค่ะแบบแต่
00:16:05 → 00:16:08 แต่ละผืนเนี่ยค่ะจะยุบภายใน 24 ชวมแต่แค่
00:16:08 → 00:16:11 ระยะเวลาว่านานแค่ไหนเออขึ้้นถ้ามีอะไ
00:16:11 → 00:16:13 ขึ้นใหม่ขืนใหม่ขึ้นใหม่เรื่อยๆอย่าง
00:16:13 → 00:16:15 เงี้ยค่ะค่ะซึ่งอาจจะมีอะไรมากระตุ้นก็
00:16:15 → 00:16:17 ได้หรืออาจจะไม่ได้มีอะไรมากระตุ้นก็ได้
00:16:17 → 00:16:21 ไม่รู้สาเหตุก็ได้อีกแหละเออใช่โอโหทีนี้
00:16:21 → 00:16:24 อ่ะแต่ถ้ามีอาการรุนแรงต้องรีบมาหาคุณหมอ
00:16:24 → 00:16:27 นะคะทีนี้ในส่วนของการวิธีดูแลตัวเองถ้า
00:16:27 → 00:16:30 เกิดเป็นลมพิษอ่ะอ่ะไม่เกาละ 1 เพราะว่า
00:16:30 → 00:16:35 เดี๋ยวมันลุกลามไปเอ่อพื้นที่อื่นๆด้วยอื
00:16:35 → 00:16:39 ค่ะก็ต้องสังเกตตัวเองค่ะสังเกตว่าตกลงมี
00:16:39 → 00:16:41 อะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือว่าบางคนค่าบางคน
00:16:41 → 00:16:43 อาจจะไปตรวจแล้วด้วยซ้ำแล้วก็รู้แล้วว่า
00:16:43 → 00:16:44 มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นก็ให้หลีกเลี่ยง
00:16:45 → 00:16:47 ปัจจัยกระตุ้นนั้นอือเช่นสมมุติว่าเกิด
00:16:47 → 00:16:50 จากความเย็นก็ก็อาจต้องปรับอุณหภูมิใน
00:16:50 → 00:16:53 ห้องให้มันน้อยลงหรือว่าหลีกเลี่ยงการ
00:16:53 → 00:16:55 เข้าในที่เย็นหรือเอาผ้าเสื้อหนาวอะไรก็
00:16:55 → 00:16:58 ว่าไปเงี้ค่ะหรือถ้าเกิดจากแสงแดดเราก็
00:16:58 → 00:17:00 ต้องหลบแดดอย่าเงี้ยคค่ะอืหรือเกิดถ้า
00:17:00 → 00:17:03 เกิดจากการกดทับเช่นแบบใส่เข็มขัดรัดๆเรา
00:17:03 → 00:17:05 ก็ต้องใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดมากค่ะี
00:17:05 → 00:17:08 กระเป๋าอย่างเงี้ยสมมุติคือกระเป๋าของ
00:17:08 → 00:17:10 หนักเงี้ยค่ะก็อาจจะต้องใส่เค้าเรียกใส่
00:17:10 → 00:17:15 เสื้อใช้กระเป๋าสะพายที่สายใหญ่หน่อยค่ะอ
00:17:15 → 00:17:18 นนำน้ำหนักที่กดลงมามันก็จะลดลงอืกระจาย
00:17:18 → 00:17:21 น้ำหนักตรงสายให้มันแบบว่าเออไม่ได้กดทับ
00:17:21 → 00:17:23 เกินไปอืใช่ใช่ใช่แต่อันนี้คือเรารักษา
00:17:23 → 00:17:26 แบบนี้ร่วมควบคู่ไปกับการรับประทานยานะคะ
00:17:26 → 00:17:30 ค่ะอ๋อซึ่งซึอันเนี้ยก็คือว่าเรามันมันจะ
00:17:30 → 00:17:33 ง่ายตรงที่ว่าถ้าเรารู้สาเหตุเราก็สามารถ
00:17:33 → 00:17:37 เอ่อระมัดระวังป้องกันได้ในเบื้องต้นหรือ
00:17:37 → 00:17:40 ว่าแบบไม่ไม่ทำให้มันเกินขึ้นมาเพราะเรา
00:17:40 → 00:17:43 รู้สาเหตุแลแต่ไอ้ที่ไม่รู้สาเหตุนี่สิคะ
00:17:43 → 00:17:47 คุณหมอคือในไอ้ที่มีรู้สาเหตุแล้วเนี่ย
00:17:47 → 00:17:49 มันก็มีความง่ายคือเรารู้แต่ความยากคือ
00:17:49 → 00:17:53 มันเลี่ยงไม่ได้หมดค่ะอืถูกมั้ยเหมือนกับ
00:17:53 → 00:17:55 ว่าบางทีความเย็นมันก็ยังมีอาการได้อยู่
00:17:55 → 00:17:57 อย่างเงี้ยค่ะตอนพูดกลุมๆกุเนี้ยก็ต้อง
00:17:57 → 00:18:00 รับประทานยาเหมือนกันแล้วเมื่อเวลาผ่านไป
00:18:00 → 00:18:02 คนส่วนหนึ่งจะเหมือนกับมีความทนต่อตัว
00:18:02 → 00:18:05 กระตุ้นได้มากขึ้นค่ะเช่นสมมุติว่าเดิม
00:18:05 → 00:18:10 เนี่ยความเย็นเนี่ยต้องอตซักเอ่อ 20 25
00:18:10 → 00:18:13 ถ 20 20 อุณหภูมิ 20 องศาเราขึ้นพอรักษา
00:18:13 → 00:18:16 ไปเรื่อยๆเนี่ยร่างกายก็จะคนส่วนหนึ่งก็
00:18:16 → 00:18:18 จะดีขึ้นเช่นต้องเอาดุมต่ำกว่านั้น 15
00:18:18 → 00:18:22 ถึงจะขึ้นอย่างเงี้ยค่ะอ๋อก็จะทนได้มาก
00:18:22 → 00:18:25 ขึ้นค่ะแต่ว่ามันก็ต้องใช้ระยะเวลาเพราะ
00:18:25 → 00:18:28 ว่าแบบอใช่ถูกต้องค่ะแต่ว่าถ้าเกิดว่า
00:18:28 → 00:18:31 เป็นคนไข้ที่ไม่รู้สาเหตุทั่วไปอ่ะค่ะพวก
00:18:31 → 00:18:34 นี้เราก็ต้องรับประทานยาควบคุมซึ่งโรคลม
00:18:34 → 00:18:36 พิษเนี่ยมีข้อดีคือว่าโดยทั่วไปแล้วเนี่ย
00:18:36 → 00:18:39 ลมพิษที่ไม่รู้สาเหตุเนี่ยค่ะเมื่อเวลา
00:18:39 → 00:18:44 ผ่านไปโรคจะรุนแรงลดลงเรื่อยๆและมักจะหาย
00:18:44 → 00:18:48 ได้ค่ะส่วนใหญ่จะหายใน 1-2 ปีค่ะโดยที่
00:18:48 → 00:18:50 ไม่ต้องรับประทานยานะคะหายได้คือหยุดยาไป
00:18:50 → 00:18:54 เลยอืมอันนี้คือส่วนหนึ่งแต่ก็จะมีคนไข้
00:18:54 → 00:18:56 ส่วนหนึ่งที่ยังมีผืนเป็นเป็นหายๆเกิน 5
00:18:56 → 00:19:01 ปีค่ะเงี่ค่ะประมาณนี้อ๋อแต่ก็อันนี้คือ
00:19:01 → 00:19:03 ไม่ได้เป็นอันตรายมากจนถึงแบบโอ้โหมันลุก
00:19:03 → 00:19:06 ลำไปเป็นเชื่อมโยงกับโรคอื่นได้ขนาดนั้น
00:19:06 → 00:19:10 ไม่ไม่ไม่ไม่เป็นแบบนั้นใช่มั้ยคะมีลมพิษ
00:19:10 → 00:19:14 ที่เป็นอาการแสดงของโรคอื่นด้วยค่ะอืแต่
00:19:14 → 00:19:17 ส่วนน้อยค่ะอย่างเช่นคนไข้เป็นโรคแพ้ภูมิ
00:19:17 → 00:19:19 ตัวเองเนี่ยมีผื่นมาเป็นลมพิษได้หรือว่า
00:19:19 → 00:19:22 มันต้องดูว่ามันจะมีลมพิษอีกอีกแบบนึง
00:19:22 → 00:19:24 ซึ่งลมพิษอีกแบบนึงคือเป็นลมพิษแล้วมี
00:19:24 → 00:19:27 อาการของหล่อเลือดอักเสบร่วมด้วยค่ะอย่าง
00:19:27 → 00:19:29 เงี้ยค่ะซึ่งอันเนี้ยผื่นจะแตกต่างกันไป
00:19:29 → 00:19:32 ผืนก็จะอยู่นานกว่าหายแล้วดำอย่างเงี้ย
00:19:32 → 00:19:35 ค่ะเป็นจ้ำๆเป็นสีคล้ำหลังจากหายซึ่งถ้า
00:19:35 → 00:19:38 เกิดว่ามีอาการแบบนี้เนี่ยอาจจะคนไข้บาง
00:19:38 → 00:19:41 คนอาจจะมีปวดท่อมีอาการอย่างอื่นร่วด้วย
00:19:41 → 00:19:43 อย่าเงี้ค่ะหรือว่าบางคนอาจจะมีไข้มีอะไร
00:19:44 → 00:19:46 อย่างเงี้ยก็แล้วแต่อาการแดงของแต่ละโรค
00:19:46 → 00:19:48 ซึ่งพวกนี้ก็จะต้องตรวจเพิ่มเติมก็คือจะ
00:19:48 → 00:19:51 ต้องทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพะตกลงข้าง
00:19:51 → 00:19:53 ใต้เนี่ยไม่หลอดเลือดอักเสบจริงหรือเปล่า
00:19:53 → 00:19:55 แลถ้ามีจริงเนี่ยสุเป็นรมิตที่ไม่หลอด
00:19:55 → 00:19:57 เลือดอักเสบสาเหตุก็จะต่างกันไปอีกเราก็
00:19:57 → 00:20:00 มีการซักประวัตแล้วก็ตรวจเพิ่มเติมทาง
00:20:00 → 00:20:02 ห้องปฏิบัติการเนี่ยที่แตกต่างกันไปากคุณ
00:20:02 → 00:20:04 ไข้ลมพิษทั่วไปการรักษาก็จะไม่เหมือนกัน
00:20:04 → 00:20:07 ค่ะโอ้โหละเอียดยิบเลยมิน่าถึงต้องเอด
00:20:07 → 00:20:09 นั้นถ้าเป็นแล้วเนี่ยไม่หายก็ต้องให้มา
00:20:09 → 00:20:14 ตรวจค่ะค่ะอืแล้วอย่างแบบเวลากินยาควบคู่
00:20:14 → 00:20:17 ไปกับการเ่อระมัดระวังดูแลรักษาหรืออะไร
00:20:17 → 00:20:20 ต่างๆเหล่าเยาพวกนี้มันมีผลข้างเคียงอะไร
00:20:20 → 00:20:22 กับร่างกายด้วยมคะถ้าเกิดแบบกินบ่อยๆหรือ
00:20:22 → 00:20:25 ว่าแบบใช้เพื่อการรักษาคือยาที่ใช้รักษา
00:20:25 → 00:20:28 ใช่มมคะก็ยาที่ใช้รักษาลมพิษเนี่ยมีหลาย
00:20:28 → 00:20:31 ตัวหลายกลุ่มให้เลือกใช้ซึ่งกลุ่มพื้นฐาน
00:20:31 → 00:20:35 ที่เราใช้เนี่ยค่ะอก็จะเป็นเอ่อกลุ่มพื้น
00:20:35 → 00:20:38 ฐานที่เราใช้เนี่ยก็จะเป็นยาแก้แพ้นะคะ
00:20:39 → 00:20:41 ซึ่งยาแก้แพ้เนี่ยผลข้างเกียงอาจจะไม่
00:20:41 → 00:20:43 ง่วงหรือก็แหละแต่หลังๆเนี่ยเราจะใช้ยา
00:20:43 → 00:20:46 แก้แพ้ตัวที่ไม่มีผลข้างเคียงอื่นในด้าน
00:20:46 → 00:20:49 ง่วงที่เป็นตัวใหม่ๆนะคะซึ่งอันนี้จะเป็น
00:20:49 → 00:20:51 ยาหลักแต่ก็จะมีคนไข้บางคนที่ไม่สามารถ
00:20:52 → 00:20:55 ใช้ยาแก้แพ้อย่างเดียวควบคุมได้นะคะอัน
00:20:55 → 00:20:58 นี้เนี่ยเราก็จะมีการเอ่อปรับยาจะต้องให้
00:20:59 → 00:21:02 ยากรดภูมิเพิ่มเข้าไปนะคะยากดภูมิก็มีให้
00:21:02 → 00:21:04 เลือกหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีผลข้าง
00:21:04 → 00:21:06 เคียงหรือเป็นประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป
00:21:06 → 00:21:09 อืแล้วก็หลังๆเนี่ยก็จะมียาอื่นที่เป็นยา
00:21:09 → 00:21:11 เช่นยาฉีดนะคะซึ่งยาฉีดเนี่ยเป็นเค้า
00:21:11 → 00:21:14 เรียกยามุ่งเป้าเป็นยากลุ่มที่เป็นยายา
00:21:14 → 00:21:17 กลุ่มใหม่เป็นยากลุ่ม biologic เนี่ยค่ะ
00:21:17 → 00:21:19 ซึ่งอันเนี้ยก็จะมีประสิทธิภาพดีในการ
00:21:19 → 00:21:23 รักษาลมพิษอ๋อผลข้างเคียงน้อยมากค่ะแต่มี
00:21:23 → 00:21:25 ราคาแพงดังนั้นเราก็จะไม่ได้ให้ในคนไข้
00:21:25 → 00:21:29 ทุกคนค่ะอืก็อาจจะเฉพาะคนอ่ะแต่ว่าบางบาง
00:21:29 → 00:21:31 ท่านก็ไม่ถึงกันเราต้องฉีดอ่ะเนาะแค่แบบ
00:21:31 → 00:21:34 ยาก็โอเคแล้วอะไรอย่างเงี้ยใช่ค่ะเราจะ
00:21:34 → 00:21:37 ฉีดในกรณีที่ต้องกินยากดภูมิเป็นเวลานานๆ
00:21:37 → 00:21:39 แล้วหยุดไม่ได้หรือว่ากินยากดภูมิแล้วก็
00:21:39 → 00:21:41 ยังคุมไม่ได้อยู่อย่างเงี้ยค่ะเราถึงจะ
00:21:41 → 00:21:44 ฉีดค่ะอืก็ต้องไปอ่าเค้าเรียกอะไรตามความ
00:21:44 → 00:21:47 จำเป็นเนาะไม่ใช่ว่าแบบเออมันหายง่ายมัน
00:21:47 → 00:21:50 แบบได้เนี่ยก็ฉีดอย่างเดียวเลยก็ไม่ได้ใน
00:21:50 → 00:21:53 ในในบางคนด้วยอย่างเงี้ยทนี้คุณหมอคะแล้ว
00:21:53 → 00:21:57 เอ่อเวลาที่เป็นลมพิษอย่างเงี้ยค่ะอืมเรา
00:21:57 → 00:21:59 ต้องระวังเรื่องของอาหารการกินด้วยมั้ฮะ
00:21:59 → 00:22:02 มีหรือว่ามันจะไปมีพวกอย่างที่ค่อยได้ยิน
00:22:02 → 00:22:05 บ่อยๆว่าของหมักของดองต้องระวังนะเดี๋ยว
00:22:05 → 00:22:06 มันอาจจะไปกระตุ้นหรืออะไรอย่าเงี้ย
00:22:07 → 00:22:09 เกี่ยวด้วยมั้ยคะคือจริงๆเนี่ยถ้าไม่ได้
00:22:09 → 00:22:13 แพ้อาหารเนี่ยก็คือกินได้ตามปกติค่ะแต่
00:22:13 → 00:22:16 กองอาหารหมักดองเนี่ยมันจะมีมีสารบางสาร
00:22:16 → 00:22:18 เนี่ยที่กระตุ้นทำให้เหมือนกับมีผื่นแดง
00:22:18 → 00:22:20 ขึ้นมาได้แต่ไม่ใช่ไม่ได้เป็นสาเหตุของลม
00:22:20 → 00:22:24 พิษนะคะค่ะอืประมาณนี้ก็คือทันได้อค่ะไม่
00:22:24 → 00:22:27 ได้ไม่ได้ข้ามขนาดนั้นค่ะแล้วก็แบบพยายาม
00:22:27 → 00:22:30 ที่จะแบบว่าอ่ะดูแลสุขภาพถ้าเกิดร่างกาย
00:22:30 → 00:22:33 เราแข็งแรงอ่ะอย่างงี้คุณหมอแบบโอ้โหเอ่อ
00:22:33 → 00:22:35 เป็นมาบ่อยะทีนี้ก็แบบอ่ะดูแลตัวเองรู้
00:22:35 → 00:22:39 สาเหตุหลีกเลี่ยงแลนะคะแล้วก็แบบอ้าได้
00:22:39 → 00:22:41 ออกกำลังกายพักผ่อนมากขึ้นหรืออะไรอย่าง
00:22:41 → 00:22:43 เงี้ยดูแลตัวเองมากขึ้นอันพวกเนี้ยมันก็
00:22:43 → 00:22:46 จะค่อยๆหายไปเพราะว่าร่างกายของเราแข็ง
00:22:46 → 00:22:49 แรงก็จริงๆผืลมพิษหายเองได้อยู่แล้วค่ะ
00:22:49 → 00:22:52 มันไม่ได้เกี่ยวคือคือเราก็ปกติแล้วควรดู
00:22:52 → 00:22:53 แลตัวเองไม่ว่าจะเป็นลมพิษหรือไม่เป็นลม
00:22:54 → 00:22:57 พิษถูกมั้ยคะค่ะอ่าแต่ว่าสมมติเราร่างกาย
00:22:57 → 00:23:00 แข็งแรงขึ้นปฏิมันก็จะทำให้เหมือนกับว่า
00:23:00 → 00:23:03 อยู่ที่สาเหตุอ่ะค่ะคือสมมติว่าถ้าสมมติ
00:23:03 → 00:23:04 สาเหตุเกิดจากการออกกำลังอะไรอย่าเงี้ยก็
00:23:04 → 00:23:07 อาจจะลำบากหน่อยเอออใจที่คุณหมอบอกว่ามัน
00:23:07 → 00:23:11 มีเรื่องเหงื่อเนาะความร้อนใช่เอออะไรอัน
00:23:11 → 00:23:14 อย่างเงี้ยก็เลยอาจจะทำให้รู้สึกว่าแบบ
00:23:14 → 00:23:17 ต้องระวังใช่ค่ะมันก็จะต้องระวังว่าว่า
00:23:17 → 00:23:20 มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผืนเนี่ยขึ้น
00:23:20 → 00:23:23 มาได้หรือว่าเหมือนกับว่าคือคือพอคนไข้
00:23:24 → 00:23:26 บางคนเนี่ยถ้าเกิดว่าออกจากเกิดจากออก
00:23:26 → 00:23:28 กำลังกายอ่ะค่ะเขาจะมีผืนขึ้นหลังจากออก
00:23:28 → 00:23:29 กำลัง
00:23:29 → 00:23:31 ค่ะอืิ่งที่ต้องระวังคือนอกจากบางคนที่มี
00:23:31 → 00:23:33 พื้นคึ้นหลังออกกำลังกายแล้วแต่มีอาการ
00:23:33 → 00:23:35 รุนแรงมากขึ้นอย่างเงี้ยค่ะมีเป็นลมหน้า
00:23:35 → 00:23:39 มืดเป็นลมได้แต่เจอน้อยนะคะค่ะอืเพราะ
00:23:39 → 00:23:42 ฉะนั้นก็เหมือนกับว่าถ้างั้นคือถ้ารู้
00:23:42 → 00:23:45 สาเหตุได้ยิ่งดีเลยอันเนี้ยสำคัญมากเราจะ
00:23:45 → 00:23:47 ได้หลีกเลี่ยงได้ถูกแล้วก็ไม่ต้องเป็นกัน
00:23:47 → 00:23:49 บ่อยๆหรือเกิดขึ้นไม่คือมันเกิดอยู่แล้ว
00:23:49 → 00:23:52 ต่อต่อต่อให้บอกว่าอ่ะเดี๋ยวมันก็หายเอง
00:23:52 → 00:23:55 ภายใน 24 ชั่วโมงแต่ว่าไม่เป็นดีกว่า
00:23:55 → 00:23:57 เพราะว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้อยู่แบบเค้า
00:23:57 → 00:23:59 เรียกอะไรอ่ะมันมันมันน่าจะอยู่บนแบบเออ
00:23:59 → 00:24:02 บนหน้าหรืออะไรมันอาจจะทำให้เสียความมั่น
00:24:02 → 00:24:04 ใจหรือแบบเรื่องของการแบบพบเห็นอะไรอย่าง
00:24:05 → 00:24:07 งี้ด้วยมั้ยคะมันแบบความรู้สึกถูกค่ะคน
00:24:07 → 00:24:09 ไข้ส่วนหนึ่งก็จะไม่ผื่นปัญหาคือผื่นไม่
00:24:09 → 00:24:12 รู้จะขึ้นเมื่อไหร่ค่ะแล้วก็อาจจะมีผลกับ
00:24:12 → 00:24:15 คุณภาพชีวิตอย่างเงี้ยค่ะคทำให้ผื่นเห็น
00:24:15 → 00:24:18 ตามตัวบางทีต้องไปทำงานหรืออะไรอย่าง
00:24:18 → 00:24:21 เงี้ยค่ะมันก็จะลำบากค่ะอ่าใช่อ่ะท้ายนี้
00:24:21 → 00:24:23 ค่ะคุณหมอมีอะไรฝากคุณผู้ฟังหน่อยมคะ
00:24:23 → 00:24:26 เกี่ยวกับเรื่องนี้โรคลมพิษค่ะถ้าเกิดว่า
00:24:26 → 00:24:28 อาทิตย์อันแรกก็คือว่าถ้ามีผืลมพิษนะคะ
00:24:28 → 00:24:31 ถ้ามีอาการรุนแรงให้รีบไปโรงพยาบาลค่ะ
00:24:31 → 00:24:34 อย่างที่ 2 ก็คือว่าถ้าเกิดว่ามีอาการไป
00:24:34 → 00:24:36 เป็นไหาไม่หายควรจะไปโรงพยาบาลนะคะไปตรวจ
00:24:36 → 00:24:39 เพื่อหาสาเหตุแล้วก็หลีกเลี่ยงสาเหตุที่
00:24:39 → 00:24:42 อาจจะเป็นตัวกระตุ้นนะคะซึ่งที่ทาง
00:24:42 → 00:24:45 ศิริราชเราเนี่ยคะมีศูนย์โรคลมพิษศิริราช
00:24:45 → 00:24:47 นะคะซึ่งเป็นศูนย์ที่ให้การดูแลคนไข้ด้าน
00:24:48 → 00:24:50 นี้โดยเฉพาะนะคะก็จะมีการตรวจเพิ่มเติม
00:24:50 → 00:24:53 ทางห้องปฏิบัติการหรือว่าตรวจหาสาเหตุ
00:24:53 → 00:24:56 เนี่ยในครบของเราเนี่ยเป็นที่ที่ครบตรวจ
00:24:56 → 00:25:00 ได้ครบทุกทุกทุกปใจของการเกิดลมพิษนะคะ
00:25:00 → 00:25:02 ซึ่งเราก็จะดูแลคนไข้ลมพิษอยู่เยอะหลาย
00:25:02 → 00:25:05 ๆายท่านมากๆนะคะก็อันนี้ก็ฝากไว้แต่ถ้ามา
00:25:05 → 00:25:08 ที่ศิริราชไม่ได้อะไรเงี้ยก็ไปตรวจใกล้
00:25:08 → 00:25:10 บ้านนะคะซึ่งปัจจุบันเนี่ยก็จะมีการตรวจ
00:25:10 → 00:25:13 เพิ่มเติมหรือมีการให้ยาซึ่งเราก็มีแนว
00:25:13 → 00:25:15 ทางในการรักษาคนไข้โรคลมพิษเนี่ยที่เป็น
00:25:15 → 00:25:18 มาตรฐานนะคะในประเทศไทยค่ะอืเพราะฉะนั้น
00:25:18 → 00:25:21 ก็คือบางอย่างก็ถ้ามันรุนแรงอไม่ควรปล่อย
00:25:21 → 00:25:24 ไว้นะคะแต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้อะไรแต่ว่าถ้า
00:25:24 → 00:25:26 เกิดมาวินิจฉัยก่อนมารู้ก่อนหรืออะไร
00:25:26 → 00:25:29 เงี้ยก็ก็ได้เช่นเดียวกันนะคะเพื่อจะได้
00:25:29 → 00:25:31 รู้สาเหตุเบื้องต้นแล้วเราได้มีความระมัด
00:25:31 → 00:25:35 ระวังมากยิ่งขึ้นด้วยนะคะก็วันนี้ได้ข้อ
00:25:35 → 00:25:37 มูลกันไปแล้วนะคะก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบเป็น
00:25:37 → 00:25:40 อันตรายมากยกเว้นบางปัจจัยที่ทำให้เอ่อ
00:25:40 → 00:25:43 อาจจะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ตัวเองด้วยอนะคะ
00:25:43 → 00:25:45 อันนี้คืออาจจะต้องมัดระวังด้วยวันนี้
00:25:45 → 00:25:48 ต้องขอบคุณค่ะเ่อคุณหมอประภาพิศนะคะที่มา
00:25:48 → 00:25:50 ร่วมพูดคุยในรายการโรงหมอของเราด้วยนะคะ
00:25:50 → 00:25:54 ขอบคุณค่ะคุณหมอคะขอบพระคุณค่ะคสวัสดีค่ะ
00:25:54 → 00:25:57 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้ว
00:25:57 → 00:25:59 นะคะเราจะกลับมาพบกันใหม่ครั้งหน้ากับราย
00:25:59 → 00:26:02 การโรงหมอทางไย PBS podcast ค่ะวันนี้ลา
00:26:02 → 00:26:06 ไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:26:06 → 00:26:09 podcast ทำไมารนิโคตินจึงเป็นตัวร้ายที่
00:26:09 → 00:26:12 สุดของศารกว่า 7,000 ชนิดที่อยู่ในบุหรี่
00:26:12 → 00:26:14 ศาสตราจารย์แพทยหญิงสุวรรณาเรืองกัญจนเศษ
00:26:14 → 00:26:17 จากศูนยวิจัยและการจัดการความรู้เพื่อควบ
00:26:17 → 00:26:21 คุมยาสูมาเล่าให้ฟังครับจริงๆมันมีมาก
00:26:21 → 00:26:23 กว่า 7,000 ชนิดนะคะสารที่เป็นพิษอยู่ที่
00:26:23 → 00:26:26 อยู่ในบุหรี่แต่ว่าตัวที่สำคัญที่สุดก็
00:26:26 → 00:26:28 คือนิโคติน
00:26:28 → 00:26:31 ซึ่งนิโคตินเนี่ยก็ความจริงจะเรียกว่าพระ
00:26:31 → 00:26:33 เอกก็ไม่ได้ต้องเป็นผู้ร้ายของเรื่องนี้
00:26:33 → 00:26:37 เลยนะคะเพราะว่าตัวนิโคตินเนี่ยที่ที่มัน
00:26:37 → 00:26:40 ทำให้เสพติดเนี่ยเนื่องจากมันเป็นสารเสพ
00:26:40 → 00:26:44 ติดมันทำให้ปั่งสารแห่งความสุขโดปามีน
00:26:44 → 00:26:47 เพราะฉะนั้นก็ทำให้อยากจะสูบเพราะว่าสูบ
00:26:47 → 00:26:50 แล้วผ่อนคลายนะคะอันนี้ก็เลยแล้วก็เป็น
00:26:50 → 00:26:52 สารเสพติดที่มีฤทธิ์เสพติดสูงสุดเมื่อ
00:26:53 → 00:26:55 เทียบกับเฮโรอีนเทียบกับแอมเฟตามีนหรือ
00:26:56 → 00:26:58 ว่าโคเคนนะคะเพราะฉะนั้นที่บอกว่าว่ามัน
00:26:58 → 00:27:01 ไม่เสพติดเนี่ยไม่ไม่น่าจะใช่มันเสพติด
00:27:01 → 00:27:05 มากเลยแล้วพอมันเสพติดมันก็ทำให้เสพเยอะ
00:27:05 → 00:27:08 ทีนี้นิโคตินเนี่ยมันมีอันตรายต่อร่างกาย
00:27:08 → 00:27:11 ด้วยตัวมันเองนะคะยังไม่ได้รวมสารพิษตัว
00:27:11 → 00:27:14 อื่นสารเคมีตัวอื่นที่อยู่ในบุหรีุ่
00:27:14 → 00:27:17 บุหรี่ไฟฟ้าอค่ะฤทธิ์ของมันที่เด่นที่สุด
00:27:17 → 00:27:20 ก็คือฤทธิ์ที่ทำให้มีหลอดเลือดตีบมันทำ
00:27:21 → 00:27:23 ให้หดหลอดเลือดหดตัวทั่วร่างกายเพราะ
00:27:23 → 00:27:26 ฉะนั้นมันก็เลยมีเอฟเฟคมีผลกับทุกอวัยวะ
00:27:26 → 00:27:29 ของร่างกายทำให้เหมือนกับเลือดไปเลี้ยง
00:27:29 → 00:27:33 น้อยลงอนะคะที่เราเห็นสมองขาดเลือดหัวใจ
00:27:33 → 00:27:36 ขาดเลือดเนี่ยก็เนี่ยค่ะเป็นเอฟเฟคจาก
00:27:36 → 00:27:40 เลือดไปเลี้ยงน้อยลงนะที่สมองก็จะมี
00:27:40 → 00:27:43 เหมือนจะเป็นอัมพาดอัมพฤกษ์ได้หัวใจก็
00:27:43 → 00:27:45 heart attack ที่หัวใจหยุดเต้นเพราะว่า
00:27:45 → 00:27:48 กล้ามเนื้อหัวใจเลือดไปเลี้ยงน้อยลงนะคะ
00:27:48 → 00:27:51 อันนี้ก็พบได้ในเด็กอายุน้อยลงและที่
00:27:51 → 00:27:54 สำคัญเลยก็คือที่ปอดปอดเนี่ยเอ่อเป็นตัว
00:27:55 → 00:27:58 ที่รับนิโคตินโดยตรงมันก็จะทำให้ให้เกิด
00:27:58 → 00:28:02 อาการปอดอักเสบเป็นหอผืดเยอะขึ้นเกิดการ
00:28:02 → 00:28:06 อักเสบง่ายขึ้นเช่นคนที่เป็นโควิดถ้าสูบ
00:28:06 → 00:28:09 บุหรี่ไฟฟ้าเนี่ยจะติดง่ายกว่าคนที่ไม่
00:28:09 → 00:28:12 ได้สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วก็อันตรายคือความ
00:28:12 → 00:28:15 รุนแรงจะเยอะกว่า 5-7 เท่าเลยค่ะเทียบกับ
00:28:15 → 00:28:17 คนที่ไม่สูบบุหรี่คือโอกาสจะเป็นโควิด
00:28:18 → 00:28:20 เท่าๆกันแต่ว่าถ้าเป็นแล้วจะรุนแรงมาก
00:28:20 → 00:28:24 กว่านะคะด้วยเหตุที่นิโคตินเนี่ยนอกจากทำ
00:28:24 → 00:28:27 ให้หลอดเลือดตีบแล้วเนี่ยทำให้หลอดเลือด
00:28:27 → 00:28:31 หดตัวนะคะก็ยังมีการสร้างสารที่กระตุ้น
00:28:31 → 00:28:35 ให้เกิดการอักเสบพวกอนนซึ่งมันทำให้ตัว
00:28:35 → 00:28:37 มันเองก็ไปทำให้เกิดการอักเสบแล้วที่
00:28:37 → 00:28:42 สำคัญก็คือมีอนุมูลอิสระนะคะซึ่งเราก็รู้
00:28:42 → 00:28:45 ว่าอนุมูลอิสระเนี่ยมันเป็นตัวที่ทำให้
00:28:45 → 00:28:48 เซลล์เกิดการทำลายแล้วก็การซ่อมแซมเซลล์
00:28:48 → 00:28:52 ผิดปกติไปเป็นมะเร็งหรือว่าแก่ง่ายที่เรา
00:28:52 → 00:28:55 ไปพยายามไปกินแอนตี้ออกซินเพื่อต้องการ
00:28:56 → 00:28:59 ให้ผิวพรรณดีหน้าตาดูหนุ่มแต่ตัวบุหรี่
00:28:59 → 00:29:02 เนี่ยมันสร้างตัวตรงกันข้ามก็คือเป็นตัว
00:29:02 → 00:29:06 อนุมูลอิสระเลยค่ะเพราะฉะนั้นเอฟเฟคของ
00:29:06 → 00:29:08 ทั้งร่างกายเนี่ยก็เกิดจาก 3 สิ่งนี้ก็
00:29:08 → 00:29:14 คือรอเือดตีบการอักเสบแล้วก็อนุมูล
00:29:14 → 00:29:19 อิสระ This Is Toy PBS
00:29:19 → 00:29:23 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแปลช
00:29:23 → 00:29:27 ของ thi PBS podcast spotify Sou
00:29:27 → 00:29:29 Cloud Google podcast Apple podcast
00:29:29 → 00:29:33 และ YouTube Channel Thai PBS podcast
00:29:33 → 00:29:36 Thai PBS podcast View the world
00:29:36 → 00:29:38 via The Voice
00:29:38 → 00:29:43 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:07 Voice ลักษณะที่จะบอกได้ว่าผืนนี้เป็น
00:00:08 → 00:00:11 ผืนหลมพิษเนี่ยก็จะเป็นลักษณะผืนแดงนะคะ
00:00:11 → 00:00:15 บวมๆนูนๆนะคะแล้วก็คันซึ่งพวกเนี้ยอาจจะ
00:00:15 → 00:00:18 ขยายด้วยขยายขึ้นได้เวลาเกาพอเกาก็จะลาม
00:00:18 → 00:00:20 ออกใหญ่ขึ้นหรือบางคนอาจจะกลายเป็นเส้น
00:00:20 → 00:00:24 นูนตามรอยเกานะคะซึ่งโรครมพิษผืดพวกเนี้ย
00:00:24 → 00:00:27 จะหายได้เองค่ะคือจะยุบไปได้เองภายในเวลา
00:00:27 → 00:00:30 1 วันแต่ก็อาจจะสามารถกลับขึ้นมาใหม่
00:00:30 → 00:00:32 ซึ่งกลับขึ้นมาใหม่เนี่ยจะขึ้นที่เดิมก็
00:00:32 → 00:00:35 ได้หรือจะเปลี่ยนที่ก็ได้รูปร่างก็จะแปลก
00:00:35 → 00:00:37 แตกต่างกันไปรูปร่างอาจะไม่เหมือนกันใน
00:00:37 → 00:00:39 แต่ละที่อย่าเงี้ยค่ะก็จะเป็นผืนที่เป็น
00:00:39 → 00:00:41 เป็นหาย
00:00:41 → 00:00:45 ๆฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:45 → 00:00:49 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:49 → 00:00:52 This Is Toy PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:52 → 00:00:55 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง
00:00:55 → 00:00:59 ของโรคลมพิษนะคะว่าเอ๊ยมันเป็นยังไงนะคะ
00:00:59 → 00:01:01 ซึ่งบางทีบางทีเราอาจจะมีอาการผื่นครัน
00:01:01 → 00:01:04 หรืออะไรเงี้ยแต่เอ๊ะมันใช่ลมพิษหรือ
00:01:04 → 00:01:06 เปล่าไม่แน่ใจนะคะเดี๋ยววันนี้คุยกับรอง
00:01:06 → 00:01:09 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงปภาพิตตู้จินดา
00:01:09 → 00:01:11 อาจารย์แพทย์ประจำสาขาวิชาโรคภูมิแพ้ผิว
00:01:11 → 00:01:15 หนังและอิมมูโนภาควิชาตจวิทยาคณะแพทย์
00:01:15 → 00:01:18 ยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:01:18 → 00:01:21 สวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีค่ะค่ะคุณหมอคะ
00:01:21 → 00:01:23 คุยกันเรื่องเรื่องนี้วันนี้นะคะเกี่ยว
00:01:23 → 00:01:26 กับเรื่องของโรคลมพิษนะคะบางทีเกิดผื่น
00:01:26 → 00:01:29 แดงขึ้นมาแบบไม่รู้ว่าเอ๊ะมันเกิดจากอะไร
00:01:29 → 00:01:32 มันมายังไงเป็นๆไฮๆบ้างหรืออะไรอย่าง
00:01:32 → 00:01:35 เงี้ยนะคะก็ไม่แน่ใจบางทีอาจจะรักษาไม่
00:01:35 → 00:01:38 ถูกโรคหรือว่าหาอะไรมาทาก็แบบอาจจะไม่ถูก
00:01:38 → 00:01:41 ชนิดนะคะอ่ะมาทำความรู้จักกันก่อนว่าโรค
00:01:41 → 00:01:45 ลมพิษค่ะคืออะไรคะคุณหมอคะก่อนอื่นนะคะ
00:01:45 → 00:01:47 บอกว่าการที่เราเป็นผื่นเนี่ยไม่ได้เป็น
00:01:47 → 00:01:50 โรคลมพิษทุกคนนะคะจริงๆผื่นแดงคันเนี่ยมี
00:01:50 → 00:01:53 หลายโรคอมีหลายโรคแต่ว่าโรคลมพิษอาจจะ
00:01:53 → 00:01:55 เป็นโรคที่คนคนไขหรือคนทั่วไปประชาชนทั่ว
00:01:56 → 00:01:58 ไปอาจจะคุ้นเคยว่าอ๋อมันเป็นผื่นแดง
00:01:58 → 00:02:00 ลักษณะของลมพิษเนี่ยถ้าเราเห็นขึ้นมา
00:02:00 → 00:02:02 เนี่ยลักษณะที่จะบอกได้ว่าเผื่นนี้เป็น
00:02:02 → 00:02:05 ผืนลมพิษเนี่ยก็จะเป็นลักษณะผื่นแดงนะคะ
00:02:06 → 00:02:10 บวมๆนูนๆนะคะแล้วก็คันค่ะค่ะซึ่งพวกเนี้ย
00:02:10 → 00:02:13 อาจจะขยายดูว่าขยายขึ้นได้เวลาเกานะพอเกา
00:02:13 → 00:02:16 ก็จะลามออกใหญ่ขึ้นหรือบางคนอาจจะกลาย
00:02:16 → 00:02:19 เป็นเส้นนูนตามรอยเก่านะคะค่ะซึ่งักโรค
00:02:19 → 00:02:21 รุมพิษผืนพวกเนี้ยจะหายได้เองค่ะคือจะยุบ
00:02:22 → 00:02:25 ไปได้เองภายในเวลา 1 วันอืโดยที่ต้องไม่
00:02:25 → 00:02:28 เหลือรอยนะคะไม่มีรอยดำไม่มีรอยสะเก็ดแกะ
00:02:28 → 00:02:31 เกาไม่มีรอยแผลค่ะนะคะแต่ก็อาจจะสามารถ
00:02:31 → 00:02:33 กลับขึ้นมาใหม่ซึ่งกลับขึ้นมาใหม่เนี่ยจะ
00:02:33 → 00:02:36 ขึ้นที่เดิมก็ได้หรือจะเปลี่ยนที่ก็ได้
00:02:36 → 00:02:38 รูปร่างก็จะแปลกแตกต่างกันไปรูปร่างอาจะ
00:02:38 → 00:02:40 ไม่เหมือนกันในแต่ละที่อย่าเงี้ค่ะก็จะ
00:02:40 → 00:02:43 เป็นผื่นที่เป็นเป็นหายๆซึ่งคนไข้บางคน
00:02:43 → 00:02:45 เนี่ยนอกจากมีผื่นตามตัวแล้วเนี่ยก็อาจจะ
00:02:45 → 00:02:48 มีผื่นตามบริเวณเยื่อบุต่างๆด้วยเช่นมีตา
00:02:48 → 00:02:51 บวมมีปากบวมอมือบวมอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะ
00:02:51 → 00:02:53 เป็นลักษณะอาการที่แตกต่างกันไปในคนไข้
00:02:53 → 00:02:57 แต่ละคนค่ะค่ะแล้วทำไมถึงเป็นผืดลมพิษ
00:02:57 → 00:03:01 ขึ้นมาได้อ่ะคะไปสเหตุเนี้ยต้องสำหรับผื
00:03:01 → 00:03:03 ลมพิษเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยจะแบ่งออกมาเป็น
00:03:03 → 00:03:06 2 กลุ่มใหญ่ๆนะคะก็คือลมพิษเฉียบพลันนะ
00:03:06 → 00:03:09 คะแล้วก็ลมพิษเรื้อรังอืลมพิษเฉียบพลันก็
00:03:09 → 00:03:11 คือตามชื่อเลยคือเป็นลมพิษที่เป็นมาใน
00:03:11 → 00:03:14 ระยะเวลาสั้นๆซึ่งเราจะดูที่ระยะเวลาคือ
00:03:14 → 00:03:16 เป็นมาไม่เกิน 6 สัปดาห์หมายความว่ามี
00:03:16 → 00:03:19 ผื่นเป็นๆหายๆเนี่ยไม่เกิน 6 สัปดาห์นะคะ
00:03:19 → 00:03:21 ส่วนลมพิษเรื้อรังก็คือเป็นผื่นลมพิษเป็น
00:03:21 → 00:03:24 เป็นหายๆเนี่ย 6 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งโรค
00:03:24 → 00:03:27 ทั้ง 2 กลุ่มเยจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันคน
00:03:27 → 00:03:29 ไข้ส่วนใหญ่ที่เป็นเนี่ยมักจะเป็นลมที่
00:03:29 → 00:03:32 เฉียบพลันค่ะค่ะอืก็คือเป็นไม่น่าหรอก
00:03:32 → 00:03:36 แล้วก็หายไปเองค่ะค่ะอ๋อแต่ก็คือมันมันจะ
00:03:36 → 00:03:39 เกิดขึ้นเรื่อยๆทั้ง 2 แบบทั้งชนิดเฉียบ
00:03:39 → 00:03:42 พลันก็เรื้อรังอ่าคือเหมือนกับเฉียบพลัน
00:03:43 → 00:03:44 เนี่ยหมายกว่าบางคนอาจจะเป็นวันเดียวหาย
00:03:44 → 00:03:47 บางคนอาจจะเป็นเป็นหายๆแต่รวมแล้วเนี่ย
00:03:47 → 00:03:49 คือไม่เกิน 6 สัปดาห์อย่างเงี้ยค่ะอแต่
00:03:49 → 00:03:52 ถ้าเรื้อรางนี่คือเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไป
00:03:52 → 00:03:55 ใช่ๆซึ่งบางทีไม่ทันสังเกตค่ะคุณหมอว่า
00:03:55 → 00:03:57 เฮ้ยเราเป็นมานานแล้วหรือยังแต่แบบเออพอ
00:03:57 → 00:04:00 มันเป็นแล้วหายไปเราก็เลยไม่ได้แบบว่าจะ
00:04:00 → 00:04:03 จะมาดูว่าเอ้ยมันเกินกี่วันแล้วมันเกิน
00:04:03 → 00:04:04 กี่สัปดาห์แล้วหรืออะไรอย่างเงี้ค่ะแต่
00:04:04 → 00:04:06 ว่าถ้ามันเป็นระยะยาวแล้วมันรู้สึกว่า
00:04:06 → 00:04:09 เอ้ยทำไมมันเป็นบ่อยจังหรือมันเป็นนาน
00:04:09 → 00:04:11 แล้วนะเดี๋ยวก็เป็นเดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็หาย
00:04:11 → 00:04:14 อยู่อย่างเงี้ยอันนี้ก็คือแบบต้องสังเกต
00:04:14 → 00:04:17 แล้วว่าน่าจะเรื้อรังใช่มั้คะคือ 2 อย่าง
00:04:17 → 00:04:20 นี้มันแตกต่างกันยังไงคะหมายความว่าเอ่อ
00:04:20 → 00:04:22 สาเหตุของการเกิดหรืออะไรเงี้มันมีความ
00:04:22 → 00:04:25 ต่างกันมั้ยคะจริงๆลักษณะผื่นน่ะไม่ได้
00:04:26 → 00:04:28 แตกต่างกันค่ะแต่สาเหตุหรือว่าตัวกระตุ้น
00:04:28 → 00:04:30 จะต่างกันอืเรามาคุยกันเรื่องลมพิษเรื้อ
00:04:30 → 00:04:32 รังก่อนเอ้ยลมพิเฉียบพลันก่อนนะคะเพราะ
00:04:32 → 00:04:35 เป็นอันที่คนเจอเยอะกว่าลมพิษเฉียบพลัน
00:04:35 → 00:04:37 เนี่ยคือหมายว่าคนเนี่ยมีผื่นเนี่ย
00:04:37 → 00:04:39 อาทิตย์นึง 2 วันติดต่อกันไม่เกิน 6
00:04:40 → 00:04:43 สัปดาห์นะคะคนไข้ส่วนใหญ่นะคะส่วนใหญ่เลย
00:04:43 → 00:04:46 นะคะ 2 ใน 3 เนี่ยไม่มีสาเหตุ
00:04:47 → 00:04:50 อ้าวไม่มีสาเหตุไม่รู้ว่าหาไม่หาไม่ได้
00:04:50 → 00:04:52 ว่าเกิดจากอะไรเออยู่ๆก็เป็นอย่างเงี้
00:04:52 → 00:04:55 เหรอคะเป็นขึ้นมาเองโดยที่หาทุกอย่างและ
00:04:55 → 00:04:58 อย่างเงี้ยค่ะซึ่งคนส่วนที่เหลือเนี่ยก็
00:04:58 → 00:05:00 จะมีสาเหตุใช่มั้ยคะเนี่ยที่เจอบ่อยที่
00:05:00 → 00:05:05 สุดคือติดเชื้อเช่นฟันผุท้องเสียไม่สบาย
00:05:05 → 00:05:08 เป็นหวัดเหมือนๆเป็นปฏิกิริยาค่ะของร่าง
00:05:08 → 00:05:10 กายที่มีกับการติดเชื้อก็เลยเป็นเหมือน
00:05:10 → 00:05:13 กับปฏิกิริยาขึ้นมาทำให้เป็นผืลมพิษอืนะ
00:05:13 → 00:05:17 คะซึ่งเวลาเวลาคนไข้จะไม่ได้สังเกตจริงๆ
00:05:17 → 00:05:20 ต้องบอกว่าจากประสบการณ์คนส่วนใหญ่ที่
00:05:20 → 00:05:22 เข้ามาแล้วมาด้วยเรื่องลมพิษเนี่ยจะคิด
00:05:22 → 00:05:25 ว่าตัวเองแพ้อาหารอ่าต้องแพ้อะไรสักอย่าง
00:05:25 → 00:05:27 กินอะไรสักอย่างมาแน่ๆเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:05:27 → 00:05:31 ค่ะออใช่ๆน่าจะเป็นอย่างงั้นมซึ่งอาหาร
00:05:31 → 00:05:35 เนี่ยก็เป็นสาเหตุนึงแต่เจอน้อยมากอือัน
00:05:35 → 00:05:37 นี้เนี่ยเราพูดในประเด็นของผู้ใหญ่นะคะใน
00:05:37 → 00:05:40 ของเด็กเนี่ยขอขอเว้นไปเพราะว่าของคือของ
00:05:40 → 00:05:43 เด็กก็จะมีการแบบดูแลหรือการวินิจฉัยที่
00:05:43 → 00:05:45 แตกต่างกันในส่วนของผู้ใหญ่เนี่ยเป็นน้อย
00:05:45 → 00:05:48 มากและคนที่เป็นจากอาหารเนี่ยมักจะมี
00:05:48 → 00:05:50 ประวัติมาตั้งแต่เด็กแล้วคือเขารู้ตัว
00:05:50 → 00:05:51 อยู่แล้ว
00:05:51 → 00:05:55 อ๋อค่ะอืแต่ถามว่าอ้าแล้วมีคนพึ่งมาแพ้
00:05:55 → 00:05:57 มั้ยก็มีแต่ว่าน้อยมากๆจริงๆเงี้ยค่ะค่ะ
00:05:57 → 00:06:00 ซึ่งประวัติก็ต้องสัมพันธ์กันอืเช่น
00:06:00 → 00:06:03 สมมุติว่ากินกินปุ๊บเนี่ยโดยทั่วไปแล้ว
00:06:03 → 00:06:06 เนี่ยมันจะมีผืนขึ้นภายใน 20 นาทีค่ะแต่
00:06:06 → 00:06:09 มักไม่เกิน 4 ชมอ๋อันนั้นถ้าสมมุติว่ากิน
00:06:09 → 00:06:12 เมื่อวานแล้วขึ้นวันนี้เนี่ยไม่ใช่ะไม่
00:06:12 → 00:06:15 ใช่ออเอ้อมันมันจะต่างกันจริงๆเนาะคุณหมอ
00:06:15 → 00:06:17 เพราะว่าถ้าอย่างเป็นภูมิแพ้เงี้ยหรือร
00:06:17 → 00:06:19 หรือถ้าแพ้อาหารอะไรอย่าเงี้ยมันขึ้นทัน
00:06:19 → 00:06:22 ทีนะแล้วมันมันมีอาการในระยะเวลาแค่ไม่
00:06:22 → 00:06:24 กี่ชั่วโมงเองอ่ะมันไม่ได้ข้ามวันขนาดนี้
00:06:24 → 00:06:27 ด้วยแพ้อาหารมันจะขึ้นไปลมพิษน่ะคะ้าจะมี
00:06:27 → 00:06:29 ผืนอีกอันคือเป็นภูมิแพ้ผิวหนังอืแต่คน
00:06:29 → 00:06:31 ที่เป็นแพ้อาหารส่วนหนึ่งก็จะเป็นปากบวม
00:06:31 → 00:06:34 อะไรอย่าเงี้ยค่ะซึ่งคนพวกเเขาจะทราบตั้ง
00:06:34 → 00:06:36 แต่เด็กะว่าเขาแพ้อาหารเพื่อเเจะเรี่ยง
00:06:36 → 00:06:38 เขาจะรู้ส่วนใหญ่พวกนี้เขาจะไม่ได้มาหา
00:06:38 → 00:06:41 เราถ้าไม่ได้เป็นรุนแรงค่ะอืค่ะกันแต่คน
00:06:41 → 00:06:44 ที่มาแล้วคิดว่าแพ้อาหารเนี่ยมักจะไม่ใช่
00:06:44 → 00:06:46 แต่ไม่ได้ทุกคนนะคะเราก็ต้องซักประวัติลง
00:06:47 → 00:06:49 ไปอีกก็คือต้องให้เวลาเวลาคนไข้มาต้องให้
00:06:49 → 00:06:51 เวลาในครั้งแรกเนี่ยต้องให้เวลาซัก
00:06:51 → 00:06:53 ประวัติว่าเออมีอะไรที่สัมพันธ์หรือเปล่า
00:06:54 → 00:06:58 อือีกอันนึงที่ลืมไม่ได้คือยาค่ะคือมันจะ
00:06:58 → 00:07:01 มีเรื่องแพ้ยาต้องถามคนไข้ว่าเอ๊ะช่วงที่
00:07:01 → 00:07:03 ผ่านมาเนี่ยมียาอะไรที่ไม่เคยทานแล้วมา
00:07:04 → 00:07:06 ทานมั้ยอะไรเงี้ยค่ะมันก็มีได้ว่ายาบาง
00:07:06 → 00:07:08 ตัวทำไม่เป็นลมพิษอือันนี้คือในส่วนของลม
00:07:08 → 00:07:11 พิษเฉียบพลันั้นซึ่งลมพิษเฉียบพลั้นพวก
00:07:11 → 00:07:14 นี้เนี่ยคนไข้คนไข้เวลามาเนี่ยส่วนหนึ่ง
00:07:14 → 00:07:17 จะเข้ามาเลยบอกว่าอยากเทสอยากทำทดสอบอยาก
00:07:17 → 00:07:19 รู้ว่าแพ้อะไรค่ะซึ่งถ้าเป็นลวงพีเฉียบ
00:07:19 → 00:07:21 พันธคนไข้จะก็จะผิดหวังกลับไปค่ะเพราะหมอ
00:07:21 → 00:07:23 ก็จะบอกว่าไม่ต้องทำหรอกแต่อันนี้คือต้อง
00:07:23 → 00:07:25 คุยกันนะคะเราคุยกันให้รู้เรื่องคือ
00:07:26 → 00:07:28 อธิบายให้เคฟังว่าเออมันเป็นอย่างนี้นะ
00:07:28 → 00:07:30 เราจะไม่ต้องทำนะมันไม่มันมันไม่ได้
00:07:30 → 00:07:33 สัมพันธ์กันนะอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะแต่
00:07:33 → 00:07:35 เป็นการให้ข้อมูลเนี่ยคนไข้ส่วนใหญ่จะ
00:07:35 → 00:07:38 โอเครับรับเอ่อเข้าใจแล้วก็จะบอกว่าเออ
00:07:38 → 00:07:41 ถ้ามันเป็นเรื้อรังต่อมาไม่หาย 6 อาทิตย์
00:07:41 → 00:07:44 ไม่หายเนี่ยให้กลับมาอืซึ่งจะมีคนแค่
00:07:44 → 00:07:47 ประมาณ 20% ค่ะที่จะไม่หายค่ะให้กลับมา
00:07:47 → 00:07:50 แล้วก็ต่อมาเต้องมาหากันใหม่ซักประวัติ
00:07:50 → 00:07:54 เพิ่มค่ะว่ามีสาเหตุอะไรที่มีได้อีกมย
00:07:54 → 00:07:56 ซึ่งมันแตกต่างกันดังนั้นเนี่ยเวลาเราดู
00:07:56 → 00:07:59 คนไข้ที่เป็นลมพิษเนี่ยเราก็จะดูแลแตก
00:07:59 → 00:08:02 ต่างกันไปแล้วแต่ระยะเวลาที่เป็นมาค่ะค่ะ
00:08:02 → 00:08:05 อคือหูต้องซักแบบประวัติกันหรือว่าแบบ
00:08:05 → 00:08:08 ย้อนกันไปว่าเออมันมีอะไรที่มันจะเป็น
00:08:08 → 00:08:10 สาเหตุได้บ้างให้มันชัดเจนไปเลยใช่มั้ยคะ
00:08:10 → 00:08:13 อันนี้มันต้องแบบใช่อืประเด็นของลมพิษ
00:08:13 → 00:08:17 ความยากของลมพิษอีกอันนึงคือว่าเวลามาหา
00:08:17 → 00:08:20 หมอเนี่ยคนไคร้มจะบอกว่าผื่นกลัวหมอคือมา
00:08:20 → 00:08:23 แล้วยุบแล้วไม่เห็นบอกไม่มันยุบไปหมดแล้ว
00:08:23 → 00:08:25 แต่ว่าเพิ่งขึ้นไปเมื่อเช้าเนี่ยมาถึง
00:08:25 → 00:08:28 กว่าจะได้ตรวจเออยุบไปแล้วอะไรอย่าเงี้ย
00:08:28 → 00:08:30 ค่ะถ้าอย่างั้นเทางที่ดีอ่ะเดี๋ยวนี้เรา
00:08:30 → 00:08:34 มีมือถือเนาะมันง่ายถ่ายรูปไว้ค่ะออ๋อ
00:08:34 → 00:08:37 ถ่ายชัดๆหน่อยนะคะจะได้ดูพอดูมันก็จะให้
00:08:37 → 00:08:39 ข้อมูลได้ง่ายขึ้นดีกว่าเราซักกันเฉยๆ
00:08:39 → 00:08:41 อะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าไม่มีมือถือลืมถ่าย
00:08:41 → 00:08:43 ก็ไม่เป็นไรมันก็ยังซักจากประวัติได้อะไร
00:08:43 → 00:08:45 เงี้ยค่ะแต่ถ่ายไว้มันก็จะช่วยในการ
00:08:45 → 00:08:47 วินิจฉัยประมาณนี้ค่ะอ๋อจะได้ไม่ต้องมา
00:08:47 → 00:08:49 อีกรอบนะคะเดี๋ยวก็รอผืนขึ้นแล้วค่อยมา
00:08:49 → 00:08:52 อีกถ้าเกิดว่าไม่หายต้องกลับ
00:08:52 → 00:08:55 มาเออเออแต่มันก็แปลกเหมือนกันนะคะพอจะมา
00:08:55 → 00:08:57 หาหมอหรือว่ามีอะไรอย่างเงี้ยมันก็มันก็
00:08:57 → 00:09:01 ทุกอย่างอาการจะดีขึ้นแบบงงๆยุพอดีค่ะนะ
00:09:01 → 00:09:03 คะอันนี้แบบเฉียบพลันอ่าทีนี้แบบเรื้อรัง
00:09:03 → 00:09:06 ล่ะคะสาเหตุมันจะเกิดจากอะไรได้บ้างคะสัง
00:09:06 → 00:09:09 พิษเรื้อรังเนี่ยก็ต้องบอกว่า 2 ใน 3 ไม่
00:09:09 → 00:09:13 รู้สาเหตุเหมือนกันออ่าเอาอีกแล้วแมันก็
00:09:13 → 00:09:16 จะแบ่งลมพิษเรืรังก็จะมีสาเหตุที่เกิดจาก
00:09:16 → 00:09:18 ปัจจัยกระตุ้นนะคะเช่นปัจจัยทางเค้าเรียก
00:09:18 → 00:09:22 ปัจจัยทางกายภาพเช่นความเย็นหมายความว่า
00:09:22 → 00:09:25 บางคนเนี่ยเข้าห้องแอร์แล้วเป็นลมพิษหค่ะ
00:09:25 → 00:09:29 อ่าจริงถือน้ำถือแก้วน้ำเย็นๆหน่อยมือบวม
00:09:29 → 00:09:33 ฮ้อมีนะคะมีจริงๆอุ้ยบางคนเกิดจากความ
00:09:33 → 00:09:36 ร้อนเช่นออกกำลังกายแล้วเป็นผื่นเอออัน
00:09:36 → 00:09:38 นี้เข้าใจได้ค่ะคุณหมอแต่ถ้าความเย็นนี้
00:09:38 → 00:09:42 กำลังคิดอยู่แบบเออไม่น่าจะเป็นเนาะมีเจะ
00:09:42 → 00:09:44 เราจะต้องซักซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่อ่ะไม่ได้
00:09:44 → 00:09:47 สังเกตอือพอเราซักปุ๊บเคก็จะเริ่มเอ๊หรือ
00:09:47 → 00:09:49 เปล่าอะไรอย่างเงี้ยเขาก็จะกลับไปสังเกต
00:09:49 → 00:09:52 เขาว่าเอ๊ะตัวที่กระตุ้นคืออะไรแต่ก็มีคน
00:09:52 → 00:09:54 ไข้บางคนที่มาถึงเราบอกเลยว่าทุกครั้งที่
00:09:54 → 00:09:57 เป็นเนี่ยนั่งอยู่แอร์เป๋าโดนแขนผื่นขึ้น
00:09:57 → 00:10:01 ที่แขนอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะค่ะอ๋อแต่ก็
00:10:01 → 00:10:04 แบบอ่ะส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ก็ไม่รู้สาเหตุไอ้
00:10:04 → 00:10:06 ที่รู้สาเหตุก็คือแค่ 1 เท่านั้นเองนิดน
00:10:07 → 00:10:10 ความเย็นมีความร้อนแสงแดดบางคนโดนแดดแล้ว
00:10:10 → 00:10:14 ไปลมพิษควร้ออ่าอ่ะมีการสั่นสะเทือนบางคน
00:10:14 → 00:10:17 เช่นแบบไปเล่นเค้าเรียกอะไรสายที่รถรถ
00:10:17 → 00:10:20 สั่นๆน่ะค่ะแล้วก็เป็นผืนขึ้นมาตรงที่โดน
00:10:20 → 00:10:23 ที่สัมผัสตำแหน่งที่สั่นหรือการกดทับค่ะ
00:10:23 → 00:10:26 อย่างเงี้ยคะการขูดขีดคแมก็จะให้ประวัติ
00:10:26 → 00:10:29 ว่าใส่เข็มขัดแรกหน่อยหรือว่านั่งค้าวแขน
00:10:29 → 00:10:31 แล้วตรงที่เท้าลงไปกับเก้าอี้เนี่ยตรงรอย
00:10:31 → 00:10:33 ที่กดก็เป็นผืนขึ้นมาอันนี้เป็นปัจจัย
00:10:33 → 00:10:37 กระตุ้นสาเหตุหนึของลมพิษค่ะอค่ะเออเป็น
00:10:37 → 00:10:39 สาเหตุที่แบบแปลกๆทั้งนั้นเลยค่ะนึกไม่
00:10:39 → 00:10:42 ถึงแล้วคาดไม่ถึงด้วยเจอเรื่อยๆนะคะจริงๆ
00:10:42 → 00:10:45 เจอบ่อยก็ไม่ได้ไม่ได้น้อยมากแต่ว่าคน
00:10:45 → 00:10:47 ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นพอเราซักปุ๊บ
00:10:47 → 00:10:50 เราก็มีการตรวจเพิ่มเติมอะไรเงี้ยก็จะเจอ
00:10:50 → 00:10:52 ว่าอ๋อมันคืออันนี้อแต่ว่าสาเหตุลมพิก็จะ
00:10:53 → 00:10:55 มีอีกนะคะเช่นการติดเชื้อต่างๆฟันผูก็ยัง
00:10:55 → 00:10:58 เป็นได้หรือการติดเชื้อเรื้อรังในร่างกาย
00:10:58 → 00:11:00 หรือว่าเป็นโรคทางพวแพ้ภูมิตัวเองโรคทาง
00:11:00 → 00:11:03 ภูมิคุมิกันเนี่ยก็เป็นลมพิษได้แต่เจอ
00:11:03 → 00:11:07 น้อยมากค่ะคือคนไข้ลมพิษที่เป็นที่มี
00:11:07 → 00:11:09 สาเหตุจากโรคภูมิคุมกันเนี่ยเจอไม่บ่อย
00:11:09 → 00:11:11 แต่เราก็ต้องซักประวัติว่ามีประวัติอะไร
00:11:11 → 00:11:14 ที่ที่เกี่ยวข้องในระบบนี้มั้ยอะไรอย่า
00:11:14 → 00:11:16 เงี้ยถ้ามีก็ต้องเจาะเลือดเพิ่มเติมร
00:11:16 → 00:11:18 เงี้ยค่ะค่ะแต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
00:11:18 → 00:11:22 มันก็มีแหละแต่แค่น้อยเฉยๆเท่านั้นเองใช่
00:11:22 → 00:11:24 งั้นเนี่ยตอนที่มาตรวจครั้งแรกเราจะมีการ
00:11:24 → 00:11:27 ถามถามประวัติถ้าประวัติไม่มีเลยเราก็ไม่
00:11:27 → 00:11:28 จำเป็นต้องตรวจไปถึงตรงนั้นเพราะเจอนอย
00:11:28 → 00:11:33 แต่ถมีก็มีการตรเพ่มทงห้องปฏิบัตการค่ะ
00:11:33 → 00:11:36 เพื่อหาว่ามีหรือไม่มีค่ะแต่ส่วนใหญ่จะ
00:11:36 → 00:11:40 ไม่มีอืแล้วอย่างทุกวันนี้ที่เผชิญกับ
00:11:40 → 00:11:42 ฝุ่น PM 2.5 ล่ะคะคุณหมอมันมันมีส่วน
00:11:42 → 00:11:45 ด้วยมยสามารถจะทำให้เกิดลมพิษอะไรอย่าง
00:11:45 → 00:11:48 งี้ด้วยได้หรือเปล่าคะคือ PM 2.5 ที่ชัด
00:11:48 → 00:11:51 ๆเลยเนี่ยคือภูมิแพ้ผิวหนังที่มีพี่มีข้อ
00:11:51 → 00:11:54 มูลมากพอที่จะบอกมันกระตุ้นค่ะส่วนลมพิษ
00:11:54 → 00:11:56 เนี่ยปัจจุบันเยข้อมูลเนี่ยเริ่มเยอะขึ้น
00:11:56 → 00:11:59 เรื่อยๆว่าอาจจะสัมพันธกันแต่เขยังหา
00:11:59 → 00:12:01 ยังกำลังอยู่ในช่วงที่แบบกำลัง
00:12:01 → 00:12:04 เอ่อเก็บข้อมูลหรือ analise กันว่าเอ๊ะ
00:12:04 → 00:12:08 มันสัมพันธ์กันทางไหนอะไรอย่างเงี้ยค่ะอื
00:12:08 → 00:12:10 ประมาณนี้โอแปลกดีเหมือนกันนะคะแล้วอย่าง
00:12:10 → 00:12:13 ถ้าเกิดสมมุติว่านอนน้อยอ่าหรืออะไรอย่าง
00:12:13 → 00:12:17 เงี้ยเกี่ยวมั้คะนอนน้อยอ่าร่างกายเครียด
00:12:17 → 00:12:20 ไม่ได้สำเครียดความเครียดทำให้เกิดลมพิษ
00:12:20 → 00:12:23 ได้แต่ลักษณะผือลมพิษจะเป็นอีกแบบนึงจ
00:12:23 → 00:12:26 ความเครียดหรือว่าแบบเหมือนกับว่าอรนลิน
00:12:26 → 00:12:29 กระตุ้นความตื่นเต้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะอื
00:12:29 → 00:12:32 หรือกินกาแฟอะไอย่างเงี้ก็มีได้ค่ะในบาง
00:12:32 → 00:12:34 คนแ่บางคนนค่ะจารเจอน้อยมากแต่ความเครียด
00:12:35 → 00:12:37 จริงๆไม่ได้สัมพันธ์กันขนาดนั้นค่ะอืแต่
00:12:37 → 00:12:40 ก็เรียกได้ว่ามันอาจจะเกิดจากหลายๆสาเหตุ
00:12:40 → 00:12:42 ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีสาเหตุที่แตกต่างกัน
00:12:42 → 00:12:45 ออกไปด้วยใช่ดังนั้นเวลามาตรวจเนี่ยเรา
00:12:45 → 00:12:47 ต้องให้เวลานิดนึงเพราะว่าต้องค่อยๆซัก
00:12:47 → 00:12:50 ประวัติเพื่อจะหาว่ามีปัญประเด็นไหนที่
00:12:50 → 00:12:53 เราต้องลงลึกเพิ่มเติมไปหรือเปล่าอะไร
00:12:53 → 00:12:55 เงี้ยค่ะค่ะเพราะฉะนั้นเวลาที่คุณหมอถาม
00:12:55 → 00:12:58 อย่าเพิ่งอย่าเพิ่งแบบโอ้ถามอะไรเยอะแยะต
00:12:58 → 00:13:00 รีบตรวจเถอะอะไรอย่างงี้ไม่ใช่ต้องต้องดู
00:13:00 → 00:13:03 ให้ชัดเจนต้องซักถามเพราะว่าเมื่อกี้คุณ
00:13:03 → 00:13:06 หมอบอกเองว่าผื่นที่เป็นลมพิษเนี่ยมันมัน
00:13:06 → 00:13:11 อาจจะมีแตกต่างกันในในสาเหตุบางอย่างด้วย
00:13:11 → 00:13:14 ใช่มั้ยคะใช่ค่ะอืแต่ว่าที่แน่ๆคือมันจะ
00:13:14 → 00:13:20 เป็นผืนนูนแดงแล้วก็คันค่ะอ๋อแล้วมันก็จะ
00:13:20 → 00:13:23 ผืแบบนูนคันส่วนใหญ่จะขึ้นส่วนไหนของร่าง
00:13:23 → 00:13:25 กายคะหรือว่ามันสามารถขึ้นได้ทั่วร่างกาย
00:13:25 → 00:13:29 เลยขึ้นได้ทุกที่ค่ะตรงไหนก็ได้อ๋อที่
00:13:29 → 00:13:31 สำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือคนไข้ส่วนใหญ่มัก
00:13:31 → 00:13:34 จะเป็นแค่ลมพิษจะมีคนไข้ส่วนน้อยนะคะส่วน
00:13:34 → 00:13:37 หนึ่งเท่านั้นที่เป็นรุนแรงหมายความว่า
00:13:37 → 00:13:40 มันมีเรื่องของปักบวมมีเรื่องของกล่อง
00:13:40 → 00:13:43 เสียงบวมทำให้หลอดลมบวมอะไรเงี้ยค่ะหายใจ
00:13:43 → 00:13:46 ไม่ออกหรือเงี้ยหรือมีความดันตกโอได้ดัง
00:13:46 → 00:13:48 นั้นเนี่ยถ้ามีอาการแบบเนี้ยไม่ต้องรอนะ
00:13:48 → 00:13:51 คะไปโรงพยาบาลเลยยากินเอาไม่อยู่แน่นอน
00:13:51 → 00:13:55 ค่ะไปไปกินจะแบบโอไม่ไปโรงพยาบาลแต่กินยา
00:13:55 → 00:13:57 แก้แพ้ก็ไม่ได้นะมันคนละส่วนกันใช่มั้ยคะ
00:13:57 → 00:14:00 คือถ้าถ้าถ้าเริ่มงี้แล้วเนี่ยมันจะไม่
00:14:00 → 00:14:02 ทันอาจจะไม่ทันค่ะแนะนำให้กินยาแก้แพะ
00:14:02 → 00:14:04 ก่อนแล้วไปเลยค่ะอย่ารอออโอเคไม่ต้องรอดู
00:14:04 → 00:14:07 ค่ะอืก็ยาแก้แพะยังพอได้อยู่แต่ไม่ใช่ว่า
00:14:07 → 00:14:09 กินยาแก้แพ้เดี๋ยวรอก่อนเดี๋ยวมันก็ยุบ
00:14:10 → 00:14:12 เองไม่ใช่นะคือถ้าเป็นรุนแรงจริงๆยาแก้
00:14:12 → 00:14:14 แพ้ไม่อยู่ค่ะแต่คนไข้บางคนเนี่ยเค้ามัน
00:14:14 → 00:14:16 ไม่ได้มันบางคนเนี่ยไม่ได้ขึ้นรุนแรงที
00:14:16 → 00:14:18 เดียวมันจะค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆงั้นกิน
00:14:18 → 00:14:20 ยาแก้แพ้ก่อนแล้วก็ให้ถ้าเริ่มมีอาการ
00:14:20 → 00:14:22 แน่นหน้าอกอย่างที่ว่าหายใจไม่ออกอะไร
00:14:22 → 00:14:26 เงี้ยให้รีบไปโรงพยาบาลค่ะอ๋อก็อันนี้คือ
00:14:26 → 00:14:29 อย่ารอนะคะอันนี้ย้ำไว้อย่ารอแล้วถ้าเกิด
00:14:29 → 00:14:32 สมมุติว่าเอ้ยมันขึ้นผื่นลมพิษขึ้นมาอะไร
00:14:32 → 00:14:36 อย่างเงี้ค่ะไปร้านขายยาซื้อยาทาได้มั้คะ
00:14:36 → 00:14:39 ง่ายๆเลยไม่อยากจะไปโรงพยาบาลไปหาหมอ
00:14:39 → 00:14:41 เพราะว่ามันไม่ได้เป็นเยอะไม่ได้มีอาการ
00:14:41 → 00:14:43 หนักอย่างงี้ได้มั้ยคะเบื้องต้นหมายถึงทา
00:14:43 → 00:14:47 ไม่กินถูกมั้ยคะอ่าทาอ่ะคือลมพิษเนี่ย
00:14:47 → 00:14:51 ต้องบอกก่อนว่าขึ้นแล้วหายเองงั้นยาทาที่
00:14:51 → 00:14:53 เราทากันเนี่ยส่วนใหญ่คนไข้ก็จะไปซื้อ
00:14:53 → 00:14:56 คารามาลมาทาใช่มั้ยคะที่เป็นเขยาๆอ่ะใช่ๆ
00:14:56 → 00:14:58 ซึ่งคามาลเนี่ยจะมีฤทธิ์คือว่าทำให้ตรง
00:14:58 → 00:15:02 นั้นเย็นพอทาไปแล้วเนี่ยพอทามันจะรู้สึก
00:15:02 → 00:15:04 เย็นตรงนั้นใช่มั้ยคะพอเย็นก็จะหหายคัน
00:15:04 → 00:15:08 ค่ะแล้วผืนกลมพิษก็จะยุบเองพอดีอืงั้นคมา
00:15:08 → 00:15:10 ไม่ได้ทำให้ผืนหายแต่ช่วยทำให้บรรเทา
00:15:10 → 00:15:13 อาการคันให้ดีขึ้นค่ะ
00:15:13 → 00:15:16 อ๋อแต่สำหรับยาแก้แพ้เนี่ยการออกิของยา
00:15:16 → 00:15:20 แก้แพ้จริงๆแล้วเนี่ยคือการไปเค้าเรียก
00:15:20 → 00:15:24 ว่าไปป้องกันไม่ให้มีผืนขึ้นใหม่อืซึ่ง
00:15:24 → 00:15:27 ผื่นขึ้นเดิมอ่ะยุบเองอยู่แล้วค่ะอย่าง
00:15:27 → 00:15:29 ที่บอกมันคือยุบใน 24 ชม
00:15:29 → 00:15:31 แต่ยาแก้แพ้เนี่ยไปกันไม่ให้มีผืนขึ้น
00:15:31 → 00:15:34 ใหม่ดังนั้นโดยรวมแล้วการรักษารมพิษแล้ว
00:15:34 → 00:15:37 ก็จะใช้ยารับประทานเป็นหลักค่ะค่ะอ๋อแต่
00:15:37 → 00:15:41 ถ้าเกิดว่ามันมันคันเราเราอึ้ยมันต้องเกา
00:15:41 → 00:15:44 ค่ะคุณหอกอันนี้ไม่ควรเกาใช่มก็ก็เกาก็จะ
00:15:44 → 00:15:47 ลมค่ะอืมันก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆดังนั้น
00:15:47 → 00:15:50 เนี่ยถ้าคันมากคันย้าแคแพ้มันก็จะช่วยลด
00:15:50 → 00:15:53 อาการคันแล้วก็ช่วยป้องกันให้มีผื่นใหม่
00:15:53 → 00:15:55 ก็จะทำให้อาการดีขึ้นเร็วค่ะอ๋อแต่ว่ายัง
00:15:55 → 00:15:59 ไงคือเบื้องต้น 24 ชมับแบบเชียบพลานปกติ
00:15:59 → 00:16:03 หายหายได้แต่ว่าเดี๋ยวก็ขึ้นมาใหม่คือทุก
00:16:03 → 00:16:05 ๆทั้งเฉียบพัน์ทั้งเรื้อรังอ่ะค่ะแบบแต่
00:16:05 → 00:16:08 แต่ละผืนเนี่ยค่ะจะยุบภายใน 24 ชวมแต่แค่
00:16:08 → 00:16:11 ระยะเวลาว่านานแค่ไหนเออขึ้้นถ้ามีอะไ
00:16:11 → 00:16:13 ขึ้นใหม่ขืนใหม่ขึ้นใหม่เรื่อยๆอย่าง
00:16:13 → 00:16:15 เงี้ยค่ะค่ะซึ่งอาจจะมีอะไรมากระตุ้นก็
00:16:15 → 00:16:17 ได้หรืออาจจะไม่ได้มีอะไรมากระตุ้นก็ได้
00:16:17 → 00:16:21 ไม่รู้สาเหตุก็ได้อีกแหละเออใช่โอโหทีนี้
00:16:21 → 00:16:24 อ่ะแต่ถ้ามีอาการรุนแรงต้องรีบมาหาคุณหมอ
00:16:24 → 00:16:27 นะคะทีนี้ในส่วนของการวิธีดูแลตัวเองถ้า
00:16:27 → 00:16:30 เกิดเป็นลมพิษอ่ะอ่ะไม่เกาละ 1 เพราะว่า
00:16:30 → 00:16:35 เดี๋ยวมันลุกลามไปเอ่อพื้นที่อื่นๆด้วยอื
00:16:35 → 00:16:39 ค่ะก็ต้องสังเกตตัวเองค่ะสังเกตว่าตกลงมี
00:16:39 → 00:16:41 อะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือว่าบางคนค่าบางคน
00:16:41 → 00:16:43 อาจจะไปตรวจแล้วด้วยซ้ำแล้วก็รู้แล้วว่า
00:16:43 → 00:16:44 มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นก็ให้หลีกเลี่ยง
00:16:45 → 00:16:47 ปัจจัยกระตุ้นนั้นอือเช่นสมมุติว่าเกิด
00:16:47 → 00:16:50 จากความเย็นก็ก็อาจต้องปรับอุณหภูมิใน
00:16:50 → 00:16:53 ห้องให้มันน้อยลงหรือว่าหลีกเลี่ยงการ
00:16:53 → 00:16:55 เข้าในที่เย็นหรือเอาผ้าเสื้อหนาวอะไรก็
00:16:55 → 00:16:58 ว่าไปเงี้ค่ะหรือถ้าเกิดจากแสงแดดเราก็
00:16:58 → 00:17:00 ต้องหลบแดดอย่าเงี้ยคค่ะอืหรือเกิดถ้า
00:17:00 → 00:17:03 เกิดจากการกดทับเช่นแบบใส่เข็มขัดรัดๆเรา
00:17:03 → 00:17:05 ก็ต้องใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดมากค่ะี
00:17:05 → 00:17:08 กระเป๋าอย่างเงี้ยสมมุติคือกระเป๋าของ
00:17:08 → 00:17:10 หนักเงี้ยค่ะก็อาจจะต้องใส่เค้าเรียกใส่
00:17:10 → 00:17:15 เสื้อใช้กระเป๋าสะพายที่สายใหญ่หน่อยค่ะอ
00:17:15 → 00:17:18 นนำน้ำหนักที่กดลงมามันก็จะลดลงอืกระจาย
00:17:18 → 00:17:21 น้ำหนักตรงสายให้มันแบบว่าเออไม่ได้กดทับ
00:17:21 → 00:17:23 เกินไปอืใช่ใช่ใช่แต่อันนี้คือเรารักษา
00:17:23 → 00:17:26 แบบนี้ร่วมควบคู่ไปกับการรับประทานยานะคะ
00:17:26 → 00:17:30 ค่ะอ๋อซึ่งซึอันเนี้ยก็คือว่าเรามันมันจะ
00:17:30 → 00:17:33 ง่ายตรงที่ว่าถ้าเรารู้สาเหตุเราก็สามารถ
00:17:33 → 00:17:37 เอ่อระมัดระวังป้องกันได้ในเบื้องต้นหรือ
00:17:37 → 00:17:40 ว่าแบบไม่ไม่ทำให้มันเกินขึ้นมาเพราะเรา
00:17:40 → 00:17:43 รู้สาเหตุแลแต่ไอ้ที่ไม่รู้สาเหตุนี่สิคะ
00:17:43 → 00:17:47 คุณหมอคือในไอ้ที่มีรู้สาเหตุแล้วเนี่ย
00:17:47 → 00:17:49 มันก็มีความง่ายคือเรารู้แต่ความยากคือ
00:17:49 → 00:17:53 มันเลี่ยงไม่ได้หมดค่ะอืถูกมั้ยเหมือนกับ
00:17:53 → 00:17:55 ว่าบางทีความเย็นมันก็ยังมีอาการได้อยู่
00:17:55 → 00:17:57 อย่างเงี้ยค่ะตอนพูดกลุมๆกุเนี้ยก็ต้อง
00:17:57 → 00:18:00 รับประทานยาเหมือนกันแล้วเมื่อเวลาผ่านไป
00:18:00 → 00:18:02 คนส่วนหนึ่งจะเหมือนกับมีความทนต่อตัว
00:18:02 → 00:18:05 กระตุ้นได้มากขึ้นค่ะเช่นสมมุติว่าเดิม
00:18:05 → 00:18:10 เนี่ยความเย็นเนี่ยต้องอตซักเอ่อ 20 25
00:18:10 → 00:18:13 ถ 20 20 อุณหภูมิ 20 องศาเราขึ้นพอรักษา
00:18:13 → 00:18:16 ไปเรื่อยๆเนี่ยร่างกายก็จะคนส่วนหนึ่งก็
00:18:16 → 00:18:18 จะดีขึ้นเช่นต้องเอาดุมต่ำกว่านั้น 15
00:18:18 → 00:18:22 ถึงจะขึ้นอย่างเงี้ยค่ะอ๋อก็จะทนได้มาก
00:18:22 → 00:18:25 ขึ้นค่ะแต่ว่ามันก็ต้องใช้ระยะเวลาเพราะ
00:18:25 → 00:18:28 ว่าแบบอใช่ถูกต้องค่ะแต่ว่าถ้าเกิดว่า
00:18:28 → 00:18:31 เป็นคนไข้ที่ไม่รู้สาเหตุทั่วไปอ่ะค่ะพวก
00:18:31 → 00:18:34 นี้เราก็ต้องรับประทานยาควบคุมซึ่งโรคลม
00:18:34 → 00:18:36 พิษเนี่ยมีข้อดีคือว่าโดยทั่วไปแล้วเนี่ย
00:18:36 → 00:18:39 ลมพิษที่ไม่รู้สาเหตุเนี่ยค่ะเมื่อเวลา
00:18:39 → 00:18:44 ผ่านไปโรคจะรุนแรงลดลงเรื่อยๆและมักจะหาย
00:18:44 → 00:18:48 ได้ค่ะส่วนใหญ่จะหายใน 1-2 ปีค่ะโดยที่
00:18:48 → 00:18:50 ไม่ต้องรับประทานยานะคะหายได้คือหยุดยาไป
00:18:50 → 00:18:54 เลยอืมอันนี้คือส่วนหนึ่งแต่ก็จะมีคนไข้
00:18:54 → 00:18:56 ส่วนหนึ่งที่ยังมีผืนเป็นเป็นหายๆเกิน 5
00:18:56 → 00:19:01 ปีค่ะเงี่ค่ะประมาณนี้อ๋อแต่ก็อันนี้คือ
00:19:01 → 00:19:03 ไม่ได้เป็นอันตรายมากจนถึงแบบโอ้โหมันลุก
00:19:03 → 00:19:06 ลำไปเป็นเชื่อมโยงกับโรคอื่นได้ขนาดนั้น
00:19:06 → 00:19:10 ไม่ไม่ไม่ไม่เป็นแบบนั้นใช่มั้ยคะมีลมพิษ
00:19:10 → 00:19:14 ที่เป็นอาการแสดงของโรคอื่นด้วยค่ะอืแต่
00:19:14 → 00:19:17 ส่วนน้อยค่ะอย่างเช่นคนไข้เป็นโรคแพ้ภูมิ
00:19:17 → 00:19:19 ตัวเองเนี่ยมีผื่นมาเป็นลมพิษได้หรือว่า
00:19:19 → 00:19:22 มันต้องดูว่ามันจะมีลมพิษอีกอีกแบบนึง
00:19:22 → 00:19:24 ซึ่งลมพิษอีกแบบนึงคือเป็นลมพิษแล้วมี
00:19:24 → 00:19:27 อาการของหล่อเลือดอักเสบร่วมด้วยค่ะอย่าง
00:19:27 → 00:19:29 เงี้ยค่ะซึ่งอันเนี้ยผื่นจะแตกต่างกันไป
00:19:29 → 00:19:32 ผืนก็จะอยู่นานกว่าหายแล้วดำอย่างเงี้ย
00:19:32 → 00:19:35 ค่ะเป็นจ้ำๆเป็นสีคล้ำหลังจากหายซึ่งถ้า
00:19:35 → 00:19:38 เกิดว่ามีอาการแบบนี้เนี่ยอาจจะคนไข้บาง
00:19:38 → 00:19:41 คนอาจจะมีปวดท่อมีอาการอย่างอื่นร่วด้วย
00:19:41 → 00:19:43 อย่าเงี้ค่ะหรือว่าบางคนอาจจะมีไข้มีอะไร
00:19:44 → 00:19:46 อย่างเงี้ยก็แล้วแต่อาการแดงของแต่ละโรค
00:19:46 → 00:19:48 ซึ่งพวกนี้ก็จะต้องตรวจเพิ่มเติมก็คือจะ
00:19:48 → 00:19:51 ต้องทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพะตกลงข้าง
00:19:51 → 00:19:53 ใต้เนี่ยไม่หลอดเลือดอักเสบจริงหรือเปล่า
00:19:53 → 00:19:55 แลถ้ามีจริงเนี่ยสุเป็นรมิตที่ไม่หลอด
00:19:55 → 00:19:57 เลือดอักเสบสาเหตุก็จะต่างกันไปอีกเราก็
00:19:57 → 00:20:00 มีการซักประวัตแล้วก็ตรวจเพิ่มเติมทาง
00:20:00 → 00:20:02 ห้องปฏิบัติการเนี่ยที่แตกต่างกันไปากคุณ
00:20:02 → 00:20:04 ไข้ลมพิษทั่วไปการรักษาก็จะไม่เหมือนกัน
00:20:04 → 00:20:07 ค่ะโอ้โหละเอียดยิบเลยมิน่าถึงต้องเอด
00:20:07 → 00:20:09 นั้นถ้าเป็นแล้วเนี่ยไม่หายก็ต้องให้มา
00:20:09 → 00:20:14 ตรวจค่ะค่ะอืแล้วอย่างแบบเวลากินยาควบคู่
00:20:14 → 00:20:17 ไปกับการเ่อระมัดระวังดูแลรักษาหรืออะไร
00:20:17 → 00:20:20 ต่างๆเหล่าเยาพวกนี้มันมีผลข้างเคียงอะไร
00:20:20 → 00:20:22 กับร่างกายด้วยมคะถ้าเกิดแบบกินบ่อยๆหรือ
00:20:22 → 00:20:25 ว่าแบบใช้เพื่อการรักษาคือยาที่ใช้รักษา
00:20:25 → 00:20:28 ใช่มมคะก็ยาที่ใช้รักษาลมพิษเนี่ยมีหลาย
00:20:28 → 00:20:31 ตัวหลายกลุ่มให้เลือกใช้ซึ่งกลุ่มพื้นฐาน
00:20:31 → 00:20:35 ที่เราใช้เนี่ยค่ะอก็จะเป็นเอ่อกลุ่มพื้น
00:20:35 → 00:20:38 ฐานที่เราใช้เนี่ยก็จะเป็นยาแก้แพ้นะคะ
00:20:39 → 00:20:41 ซึ่งยาแก้แพ้เนี่ยผลข้างเกียงอาจจะไม่
00:20:41 → 00:20:43 ง่วงหรือก็แหละแต่หลังๆเนี่ยเราจะใช้ยา
00:20:43 → 00:20:46 แก้แพ้ตัวที่ไม่มีผลข้างเคียงอื่นในด้าน
00:20:46 → 00:20:49 ง่วงที่เป็นตัวใหม่ๆนะคะซึ่งอันนี้จะเป็น
00:20:49 → 00:20:51 ยาหลักแต่ก็จะมีคนไข้บางคนที่ไม่สามารถ
00:20:52 → 00:20:55 ใช้ยาแก้แพ้อย่างเดียวควบคุมได้นะคะอัน
00:20:55 → 00:20:58 นี้เนี่ยเราก็จะมีการเอ่อปรับยาจะต้องให้
00:20:59 → 00:21:02 ยากรดภูมิเพิ่มเข้าไปนะคะยากดภูมิก็มีให้
00:21:02 → 00:21:04 เลือกหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีผลข้าง
00:21:04 → 00:21:06 เคียงหรือเป็นประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป
00:21:06 → 00:21:09 อืแล้วก็หลังๆเนี่ยก็จะมียาอื่นที่เป็นยา
00:21:09 → 00:21:11 เช่นยาฉีดนะคะซึ่งยาฉีดเนี่ยเป็นเค้า
00:21:11 → 00:21:14 เรียกยามุ่งเป้าเป็นยากลุ่มที่เป็นยายา
00:21:14 → 00:21:17 กลุ่มใหม่เป็นยากลุ่ม biologic เนี่ยค่ะ
00:21:17 → 00:21:19 ซึ่งอันเนี้ยก็จะมีประสิทธิภาพดีในการ
00:21:19 → 00:21:23 รักษาลมพิษอ๋อผลข้างเคียงน้อยมากค่ะแต่มี
00:21:23 → 00:21:25 ราคาแพงดังนั้นเราก็จะไม่ได้ให้ในคนไข้
00:21:25 → 00:21:29 ทุกคนค่ะอืก็อาจจะเฉพาะคนอ่ะแต่ว่าบางบาง
00:21:29 → 00:21:31 ท่านก็ไม่ถึงกันเราต้องฉีดอ่ะเนาะแค่แบบ
00:21:31 → 00:21:34 ยาก็โอเคแล้วอะไรอย่างเงี้ยใช่ค่ะเราจะ
00:21:34 → 00:21:37 ฉีดในกรณีที่ต้องกินยากดภูมิเป็นเวลานานๆ
00:21:37 → 00:21:39 แล้วหยุดไม่ได้หรือว่ากินยากดภูมิแล้วก็
00:21:39 → 00:21:41 ยังคุมไม่ได้อยู่อย่างเงี้ยค่ะเราถึงจะ
00:21:41 → 00:21:44 ฉีดค่ะอืก็ต้องไปอ่าเค้าเรียกอะไรตามความ
00:21:44 → 00:21:47 จำเป็นเนาะไม่ใช่ว่าแบบเออมันหายง่ายมัน
00:21:47 → 00:21:50 แบบได้เนี่ยก็ฉีดอย่างเดียวเลยก็ไม่ได้ใน
00:21:50 → 00:21:53 ในในบางคนด้วยอย่างเงี้ยทนี้คุณหมอคะแล้ว
00:21:53 → 00:21:57 เอ่อเวลาที่เป็นลมพิษอย่างเงี้ยค่ะอืมเรา
00:21:57 → 00:21:59 ต้องระวังเรื่องของอาหารการกินด้วยมั้ฮะ
00:21:59 → 00:22:02 มีหรือว่ามันจะไปมีพวกอย่างที่ค่อยได้ยิน
00:22:02 → 00:22:05 บ่อยๆว่าของหมักของดองต้องระวังนะเดี๋ยว
00:22:05 → 00:22:06 มันอาจจะไปกระตุ้นหรืออะไรอย่าเงี้ย
00:22:07 → 00:22:09 เกี่ยวด้วยมั้ยคะคือจริงๆเนี่ยถ้าไม่ได้
00:22:09 → 00:22:13 แพ้อาหารเนี่ยก็คือกินได้ตามปกติค่ะแต่
00:22:13 → 00:22:16 กองอาหารหมักดองเนี่ยมันจะมีมีสารบางสาร
00:22:16 → 00:22:18 เนี่ยที่กระตุ้นทำให้เหมือนกับมีผื่นแดง
00:22:18 → 00:22:20 ขึ้นมาได้แต่ไม่ใช่ไม่ได้เป็นสาเหตุของลม
00:22:20 → 00:22:24 พิษนะคะค่ะอืประมาณนี้ก็คือทันได้อค่ะไม่
00:22:24 → 00:22:27 ได้ไม่ได้ข้ามขนาดนั้นค่ะแล้วก็แบบพยายาม
00:22:27 → 00:22:30 ที่จะแบบว่าอ่ะดูแลสุขภาพถ้าเกิดร่างกาย
00:22:30 → 00:22:33 เราแข็งแรงอ่ะอย่างงี้คุณหมอแบบโอ้โหเอ่อ
00:22:33 → 00:22:35 เป็นมาบ่อยะทีนี้ก็แบบอ่ะดูแลตัวเองรู้
00:22:35 → 00:22:39 สาเหตุหลีกเลี่ยงแลนะคะแล้วก็แบบอ้าได้
00:22:39 → 00:22:41 ออกกำลังกายพักผ่อนมากขึ้นหรืออะไรอย่าง
00:22:41 → 00:22:43 เงี้ยดูแลตัวเองมากขึ้นอันพวกเนี้ยมันก็
00:22:43 → 00:22:46 จะค่อยๆหายไปเพราะว่าร่างกายของเราแข็ง
00:22:46 → 00:22:49 แรงก็จริงๆผืลมพิษหายเองได้อยู่แล้วค่ะ
00:22:49 → 00:22:52 มันไม่ได้เกี่ยวคือคือเราก็ปกติแล้วควรดู
00:22:52 → 00:22:53 แลตัวเองไม่ว่าจะเป็นลมพิษหรือไม่เป็นลม
00:22:54 → 00:22:57 พิษถูกมั้ยคะค่ะอ่าแต่ว่าสมมติเราร่างกาย
00:22:57 → 00:23:00 แข็งแรงขึ้นปฏิมันก็จะทำให้เหมือนกับว่า
00:23:00 → 00:23:03 อยู่ที่สาเหตุอ่ะค่ะคือสมมติว่าถ้าสมมติ
00:23:03 → 00:23:04 สาเหตุเกิดจากการออกกำลังอะไรอย่าเงี้ยก็
00:23:04 → 00:23:07 อาจจะลำบากหน่อยเอออใจที่คุณหมอบอกว่ามัน
00:23:07 → 00:23:11 มีเรื่องเหงื่อเนาะความร้อนใช่เอออะไรอัน
00:23:11 → 00:23:14 อย่างเงี้ยก็เลยอาจจะทำให้รู้สึกว่าแบบ
00:23:14 → 00:23:17 ต้องระวังใช่ค่ะมันก็จะต้องระวังว่าว่า
00:23:17 → 00:23:20 มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผืนเนี่ยขึ้น
00:23:20 → 00:23:23 มาได้หรือว่าเหมือนกับว่าคือคือพอคนไข้
00:23:24 → 00:23:26 บางคนเนี่ยถ้าเกิดว่าออกจากเกิดจากออก
00:23:26 → 00:23:28 กำลังกายอ่ะค่ะเขาจะมีผืนขึ้นหลังจากออก
00:23:28 → 00:23:29 กำลัง
00:23:29 → 00:23:31 ค่ะอืิ่งที่ต้องระวังคือนอกจากบางคนที่มี
00:23:31 → 00:23:33 พื้นคึ้นหลังออกกำลังกายแล้วแต่มีอาการ
00:23:33 → 00:23:35 รุนแรงมากขึ้นอย่างเงี้ยค่ะมีเป็นลมหน้า
00:23:35 → 00:23:39 มืดเป็นลมได้แต่เจอน้อยนะคะค่ะอืเพราะ
00:23:39 → 00:23:42 ฉะนั้นก็เหมือนกับว่าถ้างั้นคือถ้ารู้
00:23:42 → 00:23:45 สาเหตุได้ยิ่งดีเลยอันเนี้ยสำคัญมากเราจะ
00:23:45 → 00:23:47 ได้หลีกเลี่ยงได้ถูกแล้วก็ไม่ต้องเป็นกัน
00:23:47 → 00:23:49 บ่อยๆหรือเกิดขึ้นไม่คือมันเกิดอยู่แล้ว
00:23:49 → 00:23:52 ต่อต่อต่อให้บอกว่าอ่ะเดี๋ยวมันก็หายเอง
00:23:52 → 00:23:55 ภายใน 24 ชั่วโมงแต่ว่าไม่เป็นดีกว่า
00:23:55 → 00:23:57 เพราะว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้อยู่แบบเค้า
00:23:57 → 00:23:59 เรียกอะไรอ่ะมันมันมันน่าจะอยู่บนแบบเออ
00:23:59 → 00:24:02 บนหน้าหรืออะไรมันอาจจะทำให้เสียความมั่น
00:24:02 → 00:24:04 ใจหรือแบบเรื่องของการแบบพบเห็นอะไรอย่าง
00:24:05 → 00:24:07 งี้ด้วยมั้ยคะมันแบบความรู้สึกถูกค่ะคน
00:24:07 → 00:24:09 ไข้ส่วนหนึ่งก็จะไม่ผื่นปัญหาคือผื่นไม่
00:24:09 → 00:24:12 รู้จะขึ้นเมื่อไหร่ค่ะแล้วก็อาจจะมีผลกับ
00:24:12 → 00:24:15 คุณภาพชีวิตอย่างเงี้ยค่ะคทำให้ผื่นเห็น
00:24:15 → 00:24:18 ตามตัวบางทีต้องไปทำงานหรืออะไรอย่าง
00:24:18 → 00:24:21 เงี้ยค่ะมันก็จะลำบากค่ะอ่าใช่อ่ะท้ายนี้
00:24:21 → 00:24:23 ค่ะคุณหมอมีอะไรฝากคุณผู้ฟังหน่อยมคะ
00:24:23 → 00:24:26 เกี่ยวกับเรื่องนี้โรคลมพิษค่ะถ้าเกิดว่า
00:24:26 → 00:24:28 อาทิตย์อันแรกก็คือว่าถ้ามีผืลมพิษนะคะ
00:24:28 → 00:24:31 ถ้ามีอาการรุนแรงให้รีบไปโรงพยาบาลค่ะ
00:24:31 → 00:24:34 อย่างที่ 2 ก็คือว่าถ้าเกิดว่ามีอาการไป
00:24:34 → 00:24:36 เป็นไหาไม่หายควรจะไปโรงพยาบาลนะคะไปตรวจ
00:24:36 → 00:24:39 เพื่อหาสาเหตุแล้วก็หลีกเลี่ยงสาเหตุที่
00:24:39 → 00:24:42 อาจจะเป็นตัวกระตุ้นนะคะซึ่งที่ทาง
00:24:42 → 00:24:45 ศิริราชเราเนี่ยคะมีศูนย์โรคลมพิษศิริราช
00:24:45 → 00:24:47 นะคะซึ่งเป็นศูนย์ที่ให้การดูแลคนไข้ด้าน
00:24:48 → 00:24:50 นี้โดยเฉพาะนะคะก็จะมีการตรวจเพิ่มเติม
00:24:50 → 00:24:53 ทางห้องปฏิบัติการหรือว่าตรวจหาสาเหตุ
00:24:53 → 00:24:56 เนี่ยในครบของเราเนี่ยเป็นที่ที่ครบตรวจ
00:24:56 → 00:25:00 ได้ครบทุกทุกทุกปใจของการเกิดลมพิษนะคะ
00:25:00 → 00:25:02 ซึ่งเราก็จะดูแลคนไข้ลมพิษอยู่เยอะหลาย
00:25:02 → 00:25:05 ๆายท่านมากๆนะคะก็อันนี้ก็ฝากไว้แต่ถ้ามา
00:25:05 → 00:25:08 ที่ศิริราชไม่ได้อะไรเงี้ยก็ไปตรวจใกล้
00:25:08 → 00:25:10 บ้านนะคะซึ่งปัจจุบันเนี่ยก็จะมีการตรวจ
00:25:10 → 00:25:13 เพิ่มเติมหรือมีการให้ยาซึ่งเราก็มีแนว
00:25:13 → 00:25:15 ทางในการรักษาคนไข้โรคลมพิษเนี่ยที่เป็น
00:25:15 → 00:25:18 มาตรฐานนะคะในประเทศไทยค่ะอืเพราะฉะนั้น
00:25:18 → 00:25:21 ก็คือบางอย่างก็ถ้ามันรุนแรงอไม่ควรปล่อย
00:25:21 → 00:25:24 ไว้นะคะแต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้อะไรแต่ว่าถ้า
00:25:24 → 00:25:26 เกิดมาวินิจฉัยก่อนมารู้ก่อนหรืออะไร
00:25:26 → 00:25:29 เงี้ยก็ก็ได้เช่นเดียวกันนะคะเพื่อจะได้
00:25:29 → 00:25:31 รู้สาเหตุเบื้องต้นแล้วเราได้มีความระมัด
00:25:31 → 00:25:35 ระวังมากยิ่งขึ้นด้วยนะคะก็วันนี้ได้ข้อ
00:25:35 → 00:25:37 มูลกันไปแล้วนะคะก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบเป็น
00:25:37 → 00:25:40 อันตรายมากยกเว้นบางปัจจัยที่ทำให้เอ่อ
00:25:40 → 00:25:43 อาจจะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ตัวเองด้วยอนะคะ
00:25:43 → 00:25:45 อันนี้คืออาจจะต้องมัดระวังด้วยวันนี้
00:25:45 → 00:25:48 ต้องขอบคุณค่ะเ่อคุณหมอประภาพิศนะคะที่มา
00:25:48 → 00:25:50 ร่วมพูดคุยในรายการโรงหมอของเราด้วยนะคะ
00:25:50 → 00:25:54 ขอบคุณค่ะคุณหมอคะขอบพระคุณค่ะคสวัสดีค่ะ
00:25:54 → 00:25:57 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้ว
00:25:57 → 00:25:59 นะคะเราจะกลับมาพบกันใหม่ครั้งหน้ากับราย
00:25:59 → 00:26:02 การโรงหมอทางไย PBS podcast ค่ะวันนี้ลา
00:26:02 → 00:26:06 ไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:26:06 → 00:26:09 podcast ทำไมารนิโคตินจึงเป็นตัวร้ายที่
00:26:09 → 00:26:12 สุดของศารกว่า 7,000 ชนิดที่อยู่ในบุหรี่
00:26:12 → 00:26:14 ศาสตราจารย์แพทยหญิงสุวรรณาเรืองกัญจนเศษ
00:26:14 → 00:26:17 จากศูนยวิจัยและการจัดการความรู้เพื่อควบ
00:26:17 → 00:26:21 คุมยาสูมาเล่าให้ฟังครับจริงๆมันมีมาก
00:26:21 → 00:26:23 กว่า 7,000 ชนิดนะคะสารที่เป็นพิษอยู่ที่
00:26:23 → 00:26:26 อยู่ในบุหรี่แต่ว่าตัวที่สำคัญที่สุดก็
00:26:26 → 00:26:28 คือนิโคติน
00:26:28 → 00:26:31 ซึ่งนิโคตินเนี่ยก็ความจริงจะเรียกว่าพระ
00:26:31 → 00:26:33 เอกก็ไม่ได้ต้องเป็นผู้ร้ายของเรื่องนี้
00:26:33 → 00:26:37 เลยนะคะเพราะว่าตัวนิโคตินเนี่ยที่ที่มัน
00:26:37 → 00:26:40 ทำให้เสพติดเนี่ยเนื่องจากมันเป็นสารเสพ
00:26:40 → 00:26:44 ติดมันทำให้ปั่งสารแห่งความสุขโดปามีน
00:26:44 → 00:26:47 เพราะฉะนั้นก็ทำให้อยากจะสูบเพราะว่าสูบ
00:26:47 → 00:26:50 แล้วผ่อนคลายนะคะอันนี้ก็เลยแล้วก็เป็น
00:26:50 → 00:26:52 สารเสพติดที่มีฤทธิ์เสพติดสูงสุดเมื่อ
00:26:53 → 00:26:55 เทียบกับเฮโรอีนเทียบกับแอมเฟตามีนหรือ
00:26:56 → 00:26:58 ว่าโคเคนนะคะเพราะฉะนั้นที่บอกว่าว่ามัน
00:26:58 → 00:27:01 ไม่เสพติดเนี่ยไม่ไม่น่าจะใช่มันเสพติด
00:27:01 → 00:27:05 มากเลยแล้วพอมันเสพติดมันก็ทำให้เสพเยอะ
00:27:05 → 00:27:08 ทีนี้นิโคตินเนี่ยมันมีอันตรายต่อร่างกาย
00:27:08 → 00:27:11 ด้วยตัวมันเองนะคะยังไม่ได้รวมสารพิษตัว
00:27:11 → 00:27:14 อื่นสารเคมีตัวอื่นที่อยู่ในบุหรีุ่
00:27:14 → 00:27:17 บุหรี่ไฟฟ้าอค่ะฤทธิ์ของมันที่เด่นที่สุด
00:27:17 → 00:27:20 ก็คือฤทธิ์ที่ทำให้มีหลอดเลือดตีบมันทำ
00:27:21 → 00:27:23 ให้หดหลอดเลือดหดตัวทั่วร่างกายเพราะ
00:27:23 → 00:27:26 ฉะนั้นมันก็เลยมีเอฟเฟคมีผลกับทุกอวัยวะ
00:27:26 → 00:27:29 ของร่างกายทำให้เหมือนกับเลือดไปเลี้ยง
00:27:29 → 00:27:33 น้อยลงอนะคะที่เราเห็นสมองขาดเลือดหัวใจ
00:27:33 → 00:27:36 ขาดเลือดเนี่ยก็เนี่ยค่ะเป็นเอฟเฟคจาก
00:27:36 → 00:27:40 เลือดไปเลี้ยงน้อยลงนะที่สมองก็จะมี
00:27:40 → 00:27:43 เหมือนจะเป็นอัมพาดอัมพฤกษ์ได้หัวใจก็
00:27:43 → 00:27:45 heart attack ที่หัวใจหยุดเต้นเพราะว่า
00:27:45 → 00:27:48 กล้ามเนื้อหัวใจเลือดไปเลี้ยงน้อยลงนะคะ
00:27:48 → 00:27:51 อันนี้ก็พบได้ในเด็กอายุน้อยลงและที่
00:27:51 → 00:27:54 สำคัญเลยก็คือที่ปอดปอดเนี่ยเอ่อเป็นตัว
00:27:55 → 00:27:58 ที่รับนิโคตินโดยตรงมันก็จะทำให้ให้เกิด
00:27:58 → 00:28:02 อาการปอดอักเสบเป็นหอผืดเยอะขึ้นเกิดการ
00:28:02 → 00:28:06 อักเสบง่ายขึ้นเช่นคนที่เป็นโควิดถ้าสูบ
00:28:06 → 00:28:09 บุหรี่ไฟฟ้าเนี่ยจะติดง่ายกว่าคนที่ไม่
00:28:09 → 00:28:12 ได้สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วก็อันตรายคือความ
00:28:12 → 00:28:15 รุนแรงจะเยอะกว่า 5-7 เท่าเลยค่ะเทียบกับ
00:28:15 → 00:28:17 คนที่ไม่สูบบุหรี่คือโอกาสจะเป็นโควิด
00:28:18 → 00:28:20 เท่าๆกันแต่ว่าถ้าเป็นแล้วจะรุนแรงมาก
00:28:20 → 00:28:24 กว่านะคะด้วยเหตุที่นิโคตินเนี่ยนอกจากทำ
00:28:24 → 00:28:27 ให้หลอดเลือดตีบแล้วเนี่ยทำให้หลอดเลือด
00:28:27 → 00:28:31 หดตัวนะคะก็ยังมีการสร้างสารที่กระตุ้น
00:28:31 → 00:28:35 ให้เกิดการอักเสบพวกอนนซึ่งมันทำให้ตัว
00:28:35 → 00:28:37 มันเองก็ไปทำให้เกิดการอักเสบแล้วที่
00:28:37 → 00:28:42 สำคัญก็คือมีอนุมูลอิสระนะคะซึ่งเราก็รู้
00:28:42 → 00:28:45 ว่าอนุมูลอิสระเนี่ยมันเป็นตัวที่ทำให้
00:28:45 → 00:28:48 เซลล์เกิดการทำลายแล้วก็การซ่อมแซมเซลล์
00:28:48 → 00:28:52 ผิดปกติไปเป็นมะเร็งหรือว่าแก่ง่ายที่เรา
00:28:52 → 00:28:55 ไปพยายามไปกินแอนตี้ออกซินเพื่อต้องการ
00:28:56 → 00:28:59 ให้ผิวพรรณดีหน้าตาดูหนุ่มแต่ตัวบุหรี่
00:28:59 → 00:29:02 เนี่ยมันสร้างตัวตรงกันข้ามก็คือเป็นตัว
00:29:02 → 00:29:06 อนุมูลอิสระเลยค่ะเพราะฉะนั้นเอฟเฟคของ
00:29:06 → 00:29:08 ทั้งร่างกายเนี่ยก็เกิดจาก 3 สิ่งนี้ก็
00:29:08 → 00:29:14 คือรอเือดตีบการอักเสบแล้วก็อนุมูล
00:29:14 → 00:29:19 อิสระ This Is Toy PBS
00:29:19 → 00:29:23 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแปลช
00:29:23 → 00:29:27 ของ thi PBS podcast spotify Sou
00:29:27 → 00:29:29 Cloud Google podcast Apple podcast
00:29:29 → 00:29:33 และ YouTube Channel Thai PBS podcast
00:29:33 → 00:29:36 Thai PBS podcast View the world
00:29:36 → 00:29:38 via The Voice
00:29:38 → 00:29:43 [เพลง]