00:00:06 → 00:00:08 น้ำมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
00:00:08 → 00:00:11 ตั้งแต่ในดินชื้น ๆ และน้ำแข็งบนยอดเขา
00:00:11 → 00:00:14 ไปจนถึงในเซลล์ในร่างกายของเรา
00:00:14 → 00:00:16 ที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่ง
00:00:16 → 00:00:17 ดัชนีไขมัน
00:00:17 → 00:00:18 อายุ
00:00:18 → 00:00:19 และเพศ
00:00:19 → 00:00:23 ร่ายกายมนุษย์มีน้ำโดยเฉลี่ยระหว่าง 55-60%
00:00:23 → 00:00:27 ตอนเกิด ร่างกายทารกมนุษย์มีน้ำมากกว่า
00:00:27 → 00:00:32 ด้วยน้ำปริมาณ 75% พวกเขาว่ายน้ำคล้ายกับปลา
00:00:32 → 00:00:37 แต่องค์ประกอบน้ำในร่างกายลดลงอยู่ที่ 65% ในขวบปีแรก
00:00:37 → 00:00:40 แล้วน้ำมีบทบาทอะไรต่อร่างกายของเรานะ
00:00:40 → 00:00:44 และเราต้องดื่มน้ำมากแค่ไหน เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี
00:00:44 → 00:00:48 H2O ในร่างกายทำหน้าที่ ลดการกระแทกและหล่อลื่นข้อต่อ
00:00:48 → 00:00:49 ควบคุมอุณหภูมิ
00:00:49 → 00:00:53 และหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง
00:00:53 → 00:00:56 น้ำไม่ได้อยู่แค่ในเลือดของเรา
00:00:56 → 00:01:00 ในสมองและหัวใจของผู้ใหญ่ มีน้ำเกือบถึงสามในสี่
00:01:00 → 00:01:04 นั่นเท่ากับปริมาณความชื้นในกล้วยโดยประมาณ
00:01:04 → 00:01:08 ปอดมีความชื้นใกล้เคียงกับแอปเปิ้ล ที่ประมาณ 83%
00:01:08 → 00:01:14 และแม้แต่กระดูกมนุษย์ที่ดูแห้ง ๆ ก็มีน้ำ 31%
00:01:14 → 00:01:16 ถ้าเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่
00:01:16 → 00:01:17 และถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำ
00:01:17 → 00:01:20 ทำไมเรายังต้องดื่มน้ำตั้งมากมาย
00:01:20 → 00:01:24 นั่นก็เพราะว่า ในแต่ละวัน เราสูญเสียน้ำสองถึงสามลิตรผ่านเหงื่อ
00:01:24 → 00:01:25 ปัสสาวะ
00:01:25 → 00:01:26 และการเคลื่อนไหวของลำไส้
00:01:26 → 00:01:28 และเพียงแค่การหายใจ
00:01:28 → 00:01:30 ในขณะที่การทำงานเหล่านี้ สำคัญต่อความอยู่รอดของเรา
00:01:30 → 00:01:33 เราจึงต้องชดเชยน้ำที่เราสูญเสียไป
00:01:33 → 00:01:37 การรักษาความสมดุลของน้ำ เป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ
00:01:37 → 00:01:39 หรือการมีน้ำมากเกินไป
00:01:39 → 00:01:43 ทั้งสองแบบ จะก่อให้เกิดผลเสีย ต่อสุขภาพโดยรวมของเราได้
00:01:43 → 00:01:45 เมื่อเซนโซรี รีเซปเตอร์ ในสมองส่วนไฮโปธาลามัส
00:01:45 → 00:01:48 พบว่าระดับน้ำน้อยเกินไป
00:01:48 → 00:01:51 มันส่งสัญญาณการปลดปล่อย แอนทายไดยูรีติก ฮอร์โมน
00:01:51 → 00:01:54 เมื่อมันไปถึงไต มันสร้างอควาโพริน
00:01:54 → 00:02:00 ซึ่งเป็นช่องพิเศษที่ยอมให้เลือด ดูดซับและรักษาน้ำเอาไว้ได้มากขึ้น
00:02:00 → 00:02:03 ทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นมากขึ้น และสีเข้มขึ้น
00:02:03 → 00:02:06 การขาดน้ำที่เพิ่มมากขึ้น สามารถก่อให้เกิดการลดต่ำลงของพลังงาน
00:02:06 → 00:02:07 อารมณ์
00:02:07 → 00:02:08 ความชุ่มชื้นของผิว
00:02:08 → 00:02:10 และความดันเลือด
00:02:10 → 00:02:13 เช่นเดียวกันกับสัญญาณการรับรู้ ต่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
00:02:13 → 00:02:17 สมองที่ขาดน้ำต้องทำทำงานหนักขึ้น เพื่อทำงานเดียวกัน
00:02:17 → 00:02:18 กับที่สมองปกติสามารถทำ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้
00:02:18 → 00:02:22 และมันจะหดลงชั่วคราว เนื่องจากการขาดน้ำ
00:02:22 → 00:02:25 การมีน้ำมากเกินไป หรือไฮโปนาทรีเมีย
00:02:25 → 00:02:30 เกิดขึ้นจากการบริโภคน้ำมากเกินไป ในช่วงเวลาสั้น ๆ
00:02:30 → 00:02:33 นักกีฬามักตกเป็นเหยื่อ ของการมีน้ำมากเกินไป
00:02:33 → 00:02:36 เนื่องมาจากความซับซ้อน ในการควบคุมระดับน้ำ
00:02:36 → 00:02:39 ในสภาวะร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนัก
00:02:39 → 00:02:43 ในขณะที่การขาดน้ำในสมอง ส่งผลต่อการสร้างแอนทายไดยูรีติก ฮอร์โมน
00:02:43 → 00:02:49 สมองที่มีน้ำมากเกินไป ชะลอหรือกระทั้งหยุด การปลดปล่อยฮอร์โมนนั้นสู่กระแสเลือด
00:02:49 → 00:02:51 โซเดียม อิเล็กโทรไลท์ ในร่างกาย ถูกทำให้เจือจาง
00:02:51 → 00:02:54 ทำให้เซลล์บวม
00:02:54 → 00:02:55 ในกรณีที่รุนแรง
00:02:55 → 00:02:59 ไตไม่สามารถจัดการกับปัสสาวะ ที่มีปริมาณมากได้ทัน
00:02:59 → 00:03:01 จะทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ
00:03:01 → 00:03:03 ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว
00:03:03 → 00:03:04 อาเจียน
00:03:04 → 00:03:08 และในกรณีที่พบได้ยาก อาจเกิดการชัก หรือเสียชีวิต
00:03:08 → 00:03:10 แต่นั่นค่อนข้างจะเป็นกรณีที่รุนแรงมาก
00:03:10 → 00:03:12 ในชีวิตประจำวันโดยทั่วไป
00:03:12 → 00:03:15 การรักษาให้ร่างการมีน้ำในระดับที่ดี ไม่ใช่เรื่องยาก
00:03:15 → 00:03:19 สำหรับเราที่โชคดีพอ ที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดได้
00:03:19 → 00:03:23 นานมาแล้ว ที่เราเชื่อกันว่า ควรดื่มน้ำวันละแปดแก้ว
00:03:23 → 00:03:26 การประมาณนั้นถูกปรับ ให้เที่ยงตรงมากขึ้นมา
00:03:26 → 00:03:30 ตอนนี้ ความเห็นส่วนใหญ่ คือ ปริมาณน้ำที่เราต้องดื่ม
00:03:30 → 00:03:33 ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของเราและสิ่งแวดล้อม
00:03:33 → 00:03:39 ปริมาณแนะนำต่อวันจะแตกต่างกันไป จากระหว่าง 2.5-3.7 ลิตร สำหรับผู้ชาย
00:03:39 → 00:03:42 และประมาณ 2-2.7 ลิตร สำหรับผู้หญิง
00:03:42 → 00:03:46 ปริมาณดังกล่าวอาจสูงขึ้นหรือต่ำลง ขึ้นอยู่กับสุขภาพ
00:03:46 → 00:03:46 ความคล่องตัว
00:03:46 → 00:03:47 อายุ
00:03:47 → 00:03:49 หรือความร้อนในร่างกายของคุณ
00:03:49 → 00:03:51 ขณะที่น้ำเปล่า ให้ความชุ่มชื้นต่อสุขภาพได้ดีที่สุด
00:03:51 → 00:03:52 เครื่องดื่มอื่น ๆ
00:03:52 → 00:03:55 แม้แต่พวกที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
00:03:55 → 00:03:57 ก็ช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายเช่นกัน
00:03:57 → 00:04:02 และน้ำภายในอาหารก็คิดเป็น ประมาณหนึ่งในห้าของ H2O ที่เราดื่มต่อวัน
00:04:02 → 00:04:04 ผลไม้และผักอย่างสตรอเบอร์รี่
00:04:04 → 00:04:05 แตงกวา
00:04:05 → 00:04:08 และแม้แต่บรอคโคลี่ก็มีน้ำมากกว่า 90%
00:04:08 → 00:04:14 และสามารถทดแทนการดื่มน้ำ ในขณะที่ยังให้สารอาหารและใยอาหารอีกด้วย
00:04:14 → 00:04:17 การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ อาจมีประโยชน์ในระยะยาว
00:04:17 → 00:04:21 การศึกษาแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำที่เหมาะสม สามารถลดการเกิดเส้นเลือดแตกในสมอง
00:04:21 → 00:04:23 ช่วยจัดการกับเบาหวาน
00:04:23 → 00:04:27 และอาจลดความเสี่ยง ในโรคมะเร็งบางชนิด
00:04:27 → 00:04:32 อย่างไรก็ดี การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้คุณใช้ชีวิตที่แตกต่าง
00:04:32 → 00:04:33 ทั้งในด้านความรู้สึก
00:04:33 → 00:04:34 ความคิด
00:04:34 → 00:04:36 และการทำงานในแต่ละวัน