00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะเล่าเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:04 เรื่องของโรคเบาหวานนะครับว่าน้ำตาลใน
00:00:04 → 00:00:07 เลือดที่มันสูงจนเป็นเบาหวานแล้วเนี่ยนะ
00:00:07 → 00:00:09 ครับมันไม่ดียังไงนะครับมันสร้างผลให้
00:00:09 → 00:00:13 เกิดอะไรบ้างนะครับรวมทั้งมันไปทำอย่างไร
00:00:13 → 00:00:15 ในร่างกายจนกระทั่งเราเกิดโรคต่างๆขึ้นมา
00:00:16 → 00:00:19 นะฮะแล้วผมก็จะเล่าไปจนถึงว่าน้ำตาลสะสม
00:00:19 → 00:00:21 ของเราเนี่ยมันแปลว่าอะไรตรวจฮีโมโกลบิน
00:00:21 → 00:00:24 a1c ตรวจฟรุทสามีนมันคืออะไรกันแน่นะ
00:00:24 → 00:00:27 ครับแล้วมันแปลว่าน้ำตาลจริงๆเราเท่าไหร่
00:00:27 → 00:00:29 กันแน่นะครับก็จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะ
00:00:29 → 00:00:32 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธานีธานียาวันะ
00:00:32 → 00:00:33 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:33 → 00:00:36 อเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่า
00:00:36 → 00:00:39 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับบางคนอาจจะเห็นว่า
00:00:39 → 00:00:41 เอ๊ะผมมันเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานได้ยัง
00:00:41 → 00:00:43 ไงทั้งๆที่ผมเป็นหมอปอดนะครับเอ่อก็
00:00:43 → 00:00:45 เกี่ยวข้องมากนะครับเพราะว่าข้อแรกคือผม
00:00:45 → 00:00:48 ดูแลคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานหนักๆใน ICU
00:00:48 → 00:00:52 นะครับแล้วก็คนไข้ที่มีคนปลูกถ่ายอวัยวะ
00:00:52 → 00:00:54 โรคปอดอย่างเงี้ยนะครับที่ปลูกถดปอดไป
00:00:54 → 00:00:56 แล้วเนี่ยก็มีหลายๆคนที่เป็นเบาหวานแล้ว
00:00:56 → 00:00:58 ผมก็ต้องดูแลด้วยนะครับก็เลยเข้าใจเรื่อง
00:00:58 → 00:01:00 พวกนี้เอ่อแล้วก็ก็ยังมีความรู้ทางด้าน
00:01:00 → 00:01:03 นี้พอสมควรอยู่นะครับไม่มากก็น้อยนะฮะอ่ะ
00:01:03 → 00:01:06 ประการแรกคือเวลาที่น้ำตาลในเลือดเรานะ
00:01:06 → 00:01:09 ครับมันสูงมากๆเนี่ยครับมันก็จะไปจับกับ
00:01:10 → 00:01:13 พวกโมเลกุลหนึ่งนะครับเช่นฮีโมโกลบินนะ
00:01:13 → 00:01:14 ครับฮีโมโกลบินเนี่ยเป็นโมเลกุลที่อยู่ใน
00:01:14 → 00:01:17 แมเลือดแดงมีหน้าที่ที่จะนำเอาออกซิเจนนะ
00:01:17 → 00:01:21 ฮะไปสู่อวัยวะต่างๆของร่างกายนะครับแล้ว
00:01:21 → 00:01:24 ก็เอามาสู่ปอดด้วยเพราะว่าเวลามันสู่ปอด
00:01:24 → 00:01:26 เนี่ยมันก็จะปล่อยพวกกาสคาร์บอนไดออกไซด์
00:01:26 → 00:01:30 ต่างๆออกไปจากเ่อร่างกายเรานะครับการที่
00:01:30 → 00:01:32 ตัวเนี้ยมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆนะครับ
00:01:32 → 00:01:35 เมื่อไหร่ก็ตามที่ฮีโมโกลบินตัวนี้เนี่ย
00:01:35 → 00:01:38 จับกับน้ำตาลที่มันสูงๆแล้วมันก็จะไปทำ
00:01:38 → 00:01:40 ให้เกิดการอักเสบด้วยวิธีต่างๆเช่นเกิด
00:01:41 → 00:01:44 การอักเสบโดยมีสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นใน
00:01:44 → 00:01:47 บางบริเวณนะครับพอมีการอักเสบปุ๊บไขมัน
00:01:47 → 00:01:49 ต่างๆก็จะเริ่มมาเกาะตรงบริเวณนั้นโดย
00:01:49 → 00:01:52 เฉพาะบริเวณเส้นเลือดนะครับพอเกาะไปปุ๊บ
00:01:52 → 00:01:55 เนี่ยก็เส้นเลือดก็จะเริ่มมีปัญหาก็เรา
00:01:55 → 00:01:58 อาจจะเคยได้ยินโมเลกุลชื่อว่า ldl นะครับ
00:01:58 → 00:02:00 low density Lip โปรตีนก็เป็นไขมัน
00:02:00 → 00:02:03 ชนิดหนึ่งซึ่งเวลาที่มันไปเกาะกับหลอด
00:02:03 → 00:02:05 เลือดอะไรเนี่ยครับแล้วก็เกิดปัญหาต่างๆ
00:02:06 → 00:02:07 ขึ้นมาได้เช่นหลอดเลือดอุตันนะครับเป็น
00:02:07 → 00:02:10 กล้ามเนื้อหัวใจอ่าขาดเลือดนะครับหรือว่า
00:02:10 → 00:02:13 ไปอุดตันที่สมองก็เป็นเรื่องของอัมพฤกษ์
00:02:13 → 00:02:15 เฉียบพลันนะครับหรือว่าไปอุดตันตามเส้น
00:02:15 → 00:02:18 เลือดแดงที่ขาก็อาจจะทำให้มีการขาดเลือด
00:02:18 → 00:02:23 ที่ขานะฮะทีนี้เวลาที่น้ำตาลมันไปเกาะกับ
00:02:23 → 00:02:26 สิ่งต่างๆเหล่าเนะฮะคนที่เป็นเบาหวาน
00:02:26 → 00:02:29 เนี่ยจะมีปัญหาอยู่หลักๆเลยก็คือปัญหาที่
00:02:29 → 00:02:31 หลอดเลือดนะครับเบาหวานเนี่ยมันชอบหลอด
00:02:31 → 00:02:34 เลือดมากๆนะครับมันจะไปก่อการอักเสบทำให้
00:02:34 → 00:02:37 เกิดอันตรายต่างๆกับหลอดเลือดนะฮะแล้วที
00:02:37 → 00:02:39 นี้ท่านลองคิดดูสิครับว่าหลอดเลือดเนี่ย
00:02:39 → 00:02:41 มันมีความสำคัญเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่ง
00:02:41 → 00:02:44 นึงซึ่งจะนำเอาเลือดเอาสารอาหารนะครับที่
00:02:44 → 00:02:47 อยู่ในเลือดเอาอากาศเอาออกซิเจนไปให้
00:02:47 → 00:02:50 อวัยวะต่างๆแล้วถ้าหลอดเลือดมันมีปัญหา
00:02:50 → 00:02:52 นั่นมันหมายความว่าอวัยวะต่างๆของท่านทาง
00:02:52 → 00:02:55 ร่างกายก็จะมีปัญหาตามไปด้วยนะครับเช่น
00:02:55 → 00:02:58 อะไรบ้างอ่ะถ้ามันไม่มีปัญหาอยู่ที่เส้น
00:02:59 → 00:03:02 เลือดที่ตาเอานี้ก็จอประสาทตาก็เสียในคน
00:03:02 → 00:03:04 ที่เป็นเบาหวานได้นะครับตาบอดได้นะครับไป
00:03:04 → 00:03:06 ที่หลอดเลือดสมองหลอดเลือดสมองมีปัญหา
00:03:06 → 00:03:10 เป็นอัมพฤกษ์อัมภาตได้นะครับไปที่ไตอ้า
00:03:10 → 00:03:12 เบาหวานลงไตเนื่องจากว่าหลอดเลือดที่ไต
00:03:12 → 00:03:16 มันเสียก็เป็นไตวายจากเบาหวานได้นะครับไป
00:03:16 → 00:03:19 ที่หลอดเลือดที่ผิวหนังได้ไม่ค่อยดีพวก
00:03:19 → 00:03:21 นี้เวลาที่เกิดแผลอะไรเนี่ยมันก็จะหายาก
00:03:21 → 00:03:24 นะครับอ่าแล้วอีกอย่างนึงเวลาน้ำตาลใน
00:03:24 → 00:03:26 เลือดสูงๆบริเวณแผลเนี่ยนะครับเชืโรคมัน
00:03:26 → 00:03:28 ชอบกลิ่นนะครับอ่าแบคทีเรียพวกเนี้ยมัน
00:03:28 → 00:03:31 ชอบน้ำตาลก็ยิ่งโตง่ายใหญ่เลยนะครับก็จะ
00:03:31 → 00:03:33 แผลหายช้าแล้วบางคนก็ต้องตัดขาทิ้งไปเลย
00:03:33 → 00:03:36 เพราะว่าข้อแรกคือเลือดมันมาเลี้ยงได้ไม่
00:03:36 → 00:03:38 ค่อยดีทำให้เวลาเป็นแผลแล้วมันก็ไม่หายนะ
00:03:38 → 00:03:41 ฮะเนี่ยเป็นปัญหาแล้วก็ไม่ว่าจะไปที่ตรง
00:03:41 → 00:03:44 ไหนเช่นอ่ามีหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดใหญ่
00:03:44 → 00:03:46 ที่ออกมาจากหัวใจนะครับพวกนั้นก็จะมี
00:03:46 → 00:03:48 ปัญหาตามไปด้วยนะครับนี่คือที่มาของการ
00:03:48 → 00:03:51 ที่น้ำตาลในเลือดสูงแล้วมันไม่ดีนะครับ
00:03:51 → 00:03:54 อ่าทีนี้เรารู้แล้วมันไม่ดีนะครับแล้ว
00:03:54 → 00:03:57 เอ๊ะน้ำตาลเราเนี่ยมันควรจะเท่าไหร่ถึงจะ
00:03:57 → 00:04:01 เรียกว่าดีนะครับน้ำตาลของคนทั่วๆไปเลยนะ
00:04:01 → 00:04:03 ครับจะเลี้ยงอยู่ที่ประมาณสัก 70 ถึง
00:04:03 → 00:04:06 ประมาณ 130 นะฮะเวลาที่เราไปตรวจเลือด
00:04:06 → 00:04:08 เนี่ยจะอยู่แถวๆเนี้นะครับมันจะไม่ค่อย
00:04:08 → 00:04:10 เกินนั้นนะแล้วมันก็จะไม่ต่ำกว่านั้นถ้า
00:04:11 → 00:04:12 มันต่ำกว่านั้นเช่นต่ำกว่า 60 เนี่ยแปล
00:04:12 → 00:04:14 ว่าท่านต้องมีอะไรสักอย่างแล้วละที่มี
00:04:14 → 00:04:17 ปัญหานะครับถ้ามันสูงเกิน 140 ขึ้นไป
00:04:17 → 00:04:19 เนี่ยแปลว่าท่านอาจจะมีความเสี่ยงในการ
00:04:20 → 00:04:22 เป็นโรคเบาหวานเร็วๆนี้นะครับแล้วถ้าเกิด
00:04:22 → 00:04:25 ว่ามันอยู่ในช่วง 200 หรือมากกว่าเนี่ย
00:04:25 → 00:04:27 ยิ่งสงสัยเลยนะครับว่าเออเนี่ยน่าจะเป็น
00:04:27 → 00:04:30 น่าจะเป็นเบาหวานแน่ๆแล้วล่ะครับอ่าแต่
00:04:30 → 00:04:34 ว่าจริงๆก็มีวิธีการตรวจนะครับเช่นถ้า
00:04:34 → 00:04:37 ท่านอดอาหารนะครับมาตั้งแต่กลางคืนแล้วไป
00:04:37 → 00:04:40 ตรวจตอนเช้านะอดมา 12 ชมแล้วไปจาดเลือด
00:04:40 → 00:04:42 ถ้าเกิดว่ามันเกิน 126 ขึ้นไปเนี่ยนะครับ
00:04:42 → 00:04:45 ก็สื่อว่าท่านน่าจะเป็นเบาหวานโดยเฉพาะ
00:04:45 → 00:04:47 ถ้าท่านตรวจแล้วก็เจอเกิน 126 ทั้งหมด 2
00:04:47 → 00:04:50 ครั้งนะครับนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งนะแต่ทั้ง
00:04:50 → 00:04:53 นี้ทั้งนั้นผมอยากจะอธิบายคำๆหนึ่งก็คือ
00:04:53 → 00:04:57 คำว่าน้ำตาลสะสมนะครับน้ำตาลสะสมในที่
00:04:57 → 00:05:00 เนี้ยมันมาจากภาษาอังกฤษคำนึงเรียกว่า
00:05:00 → 00:05:03 ฮีโมโกลบิน a1c นะครับฮีโมโกลบิน a1c
00:05:03 → 00:05:06 เนี่ยก็อย่างที่ผมอธิบายตอนต้นนั้นก็คือ
00:05:06 → 00:05:09 ฮีโมโกลบินเป็นสารที่อยู่ในเมลอแดงนะครับ
00:05:09 → 00:05:12 เอาไว้นำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆตาม
00:05:12 → 00:05:15 เลือดนะครับแล้วเวลาที่น้ำตาลในคนที่เป็น
00:05:15 → 00:05:18 เบาหวานสูงเนี่ยมันก็จะไปเกาะตามโมเลกุล
00:05:18 → 00:05:21 ต่างๆถ้ามันไปเกาะกับฮีโมโกลบินเราก็จะ
00:05:21 → 00:05:24 เรียกมันว่าฮีโมโกลบิน a1c นะครับภาษาทาง
00:05:24 → 00:05:27 การแพทย์เราจะเรียกว่า glc นะครับไตก็คือ
00:05:27 → 00:05:30 เป็นการเอาโมเลกุลพวกน้ำตาลนะฮะไปเกาะกับ
00:05:30 → 00:05:33 อะไรักอย่างนะครับก็คือ glycated โลบินนะ
00:05:33 → 00:05:37 ครับเวลามันไปเกาะเสร็จแล้วเนี่ยนะฮะก็
00:05:37 → 00:05:40 อันเนี้ยจะเป็นสิ่งนึงซึ่งเราใช้ในการติด
00:05:40 → 00:05:43 ตามเบาหวานได้เพราะว่าการที่มันเกาะแล้ว
00:05:43 → 00:05:45 มันไม่ปล่อยนะครับมันก็จะเกาะอยู่อย่าง
00:05:45 → 00:05:48 นั้นนะฮะมันจะบ่งบอกอะไรเราได้บ้างนะฮะ
00:05:48 → 00:05:50 ฮีโมโกลบินเนี่ยนะครับเวลาที่มันอยู่ใน
00:05:50 → 00:05:53 ร่างกายเรามันจะอยู่มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ
00:05:53 → 00:05:55 สัก 90 วันถึง 100 วันแล้วมันก็จะสลายไป
00:05:55 → 00:05:58 ตามเม็ดเลือดแดงนะครับดังนั้นมันจึงบอก
00:05:58 → 00:06:00 ได้เลยว่าใน 90 วันหรือ 3 เดือนที่ผ่านมา
00:06:00 → 00:06:04 เนี่ยเราคุมน้ำตาลได้ดีไม่ดีแค่ไหนนะครับ
00:06:04 → 00:06:07 อ้าคุมได้เท่าไหร่นะครับแล้วตัวฮีโมโกบิน
00:06:07 → 00:06:10 a1c เนี่ยในคนที่ปกติเนี่ยมันจะอยู่ที่
00:06:10 → 00:06:14 ประมาณ 5.7 นะครับหรือต่ำกว่านะครับใน
00:06:14 → 00:06:17 กรณีเนี้ยถือว่าโอเคแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่
00:06:17 → 00:06:20 เริ่มสูงขึ้นมาเช่น 5.7 - 6.4 เนี่ยแปล
00:06:20 → 00:06:22 ว่าเรามีความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานถ้า
00:06:22 → 00:06:25 6.5 หรือสูงกว่านั้นแปลว่าเราน่าจะเป็น
00:06:25 → 00:06:29 เบาหวานนะครับอ่าอันนี้มันก็ไปเป็นตัวนึง
00:06:29 → 00:06:31 ซึ่งซึ่งเราสามารถใช้บอกคร่าวๆได้นะครับ
00:06:31 → 00:06:36 อ่าตัว a1c ตัวเนี้ยผมอยากจะบางคนก็มาถาม
00:06:36 → 00:06:39 เอ๊ะแล้ว a1c เอ่อเราไปตรวจมากับหมอเนี่ย
00:06:39 → 00:06:41 ได้ 6 มันหมายความว่าน้ำตาลเราสูงเท่า
00:06:42 → 00:06:45 ไหร่นะครับเอ๊เรามันจะน้ำตาลเราเจาะปลาย
00:06:45 → 00:06:48 นิ้วได้ 140 เราเจาะปลานิ้วได้ 200 นะ
00:06:48 → 00:06:51 ครับหรือ 140 แล้วไปเจาะ a1c แล้วได้ 6
00:06:51 → 00:06:53 ได้ 9 อะไรนี้มันหมายความว่าอะไรมัน
00:06:53 → 00:06:56 เกี่ยวอะไรกับเอ่อเราจะบอกได้ไหว่า a1c
00:06:56 → 00:06:59 เท่าไหร่แปลว่าเอ่อน้ำตาลเรามันสูงหรือ
00:06:59 → 00:07:02 ต่ำแค่ไหนยังไงนะครับอันนี้ผมก็มีสูตร
00:07:02 → 00:07:04 คร่าวๆมาให้ท่านดูเลยนะครับสูตรนี้ก็เป็น
00:07:04 → 00:07:07 สูตรที่ผมใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนนะครับอาจ
00:07:07 → 00:07:10 จะไม่เป๊ะแต่มันใช้ได้ดีนะครับคือให้เรา
00:07:10 → 00:07:13 ตั้งต้นที่ a1c ที่ 6 นะครับ a1c ที่ 6
00:07:13 → 00:07:17 เนี่ยจะเท่ากับปริมาณน้ำตาลประมาณ 120 นะ
00:07:17 → 00:07:23 ประมาณ 120 นะครับและถ้าเกิดว่าเอิ่ม a1c
00:07:23 → 00:07:25 เนี่ยเพิ่มขึ้น 1 นะครับเพิ่มขึ้น 1 เช่น
00:07:25 → 00:07:28 จาก 6 ไป 7 เนี่ยน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นประมาณ
00:07:28 → 00:07:32 30 อ่าอย่างเงี้ยนะครับมันจะง่ายมากนะฮ
00:07:32 → 00:07:35 เช่นสมมุติว่าผม a1c = ก 8 อเท่ากับ 8
00:07:35 → 00:07:38 นะครับมันเพิ่มจาก 6 มา 2 ถูกมั้ยครับอ่า
00:07:38 → 00:07:42 แล้วผมบอกว่าเวลามันเพิ่มมา 1 นะครับน้ำ
00:07:43 → 00:07:45 ตาลจะเพิ่มทีละ 30 มันหมายความว่าอะไรถ้า
00:07:45 → 00:07:49 a1c = 6 น้ำตาล 120 นะครับถ้า a1c เท
00:07:49 → 00:07:54 กับ 7 นะครับ a1c ก็เอา 30 บวไปก็เป็น 150
00:07:54 → 00:07:59 a1c = 8 นะครับอ่าก็น้ำตาลก็บวกไปอีก 3
00:07:59 → 00:08:02 30 นะครับก็เป็น 180 อย่างนี้เป็นต้นนะ
00:08:02 → 00:08:05 ครับก็คือบวกไปทีละ 30 อันเนี้ยก็จะเป็น
00:08:05 → 00:08:08 เอิ่มเป็นวิธีนึงซึ่งผมใช้นะครับแล้วก็
00:08:08 → 00:08:10 มันได้ผลได้ดีนะครับอ่าแล้วลองท่านลอง
00:08:10 → 00:08:13 คำนวณเงเล่นถ้าเกิดว่าท่านตรวจ a1c ได้ 12
00:08:13 → 00:08:18 ล่ะคืออะไรนะครับ A1 C ที่ 12 นะคือสูง
00:08:18 → 00:08:22 กว่า 6 เท่ากับ 6 ถูกไมมครับอ่าแปลว่าเอา
00:08:22 → 00:08:26 6 คูณด้วย 30 ได้ 180 แล้วเอาไปบวกกับ
00:08:26 → 00:08:31 น้ำตาล 120 ได้เท่าไหร่ครับ 300 นะฮะ a1c
00:08:31 → 00:08:34 = 12 แปลว่าน้ำตาลที่ผ่านมาทั้งหมด 3
00:08:34 → 00:08:36 เดือนของท่านเนี่ยสูงประมาณ 300 ตลอดเวลา
00:08:36 → 00:08:38 ซึ่งถือว่าสูงมากๆนะครับอย่างที่ผมบอกไป
00:08:38 → 00:08:41 ว่ามันควรที่จะต่ำกว่า 140 ในเวลาที่เรา
00:08:41 → 00:08:44 คุมนะฮะอ่าพวกเนี้ยก็คือเป็นเป็นอะไรที่
00:08:44 → 00:08:48 อันตรายได้นะครับคำถามต่อมาก็คือไอ้ a1c
00:08:48 → 00:08:51 เนี่ยมันแม่นแค่ไหนนะครับแล้วมันมีปัญหา
00:08:51 → 00:08:54 อะไรบ้างนะครับอย่างที่ผมบอกครับ a1c
00:08:54 → 00:08:57 เนี่ยฮีโมโกลบินมันจะมีชีวิตอยู่ตามชีวิต
00:08:57 → 00:09:00 ของเมเเลอแดงดังนั้นนั้นถ้าเกิดคนที่มี
00:09:00 → 00:09:02 ปัญหาของเม็ดเลือแดงเช่นมีโลหิตจางนะครับ
00:09:02 → 00:09:05 เม็ดเลือแดงแตกง่ายนะครับพวกเนี้ยมันก็จะ
00:09:05 → 00:09:08 เริ่มไม่แม่นละนะครับโอกาสที่เราจะไปเจอ
00:09:08 → 00:09:11 มันก็จะต่ำนะครับเช่นถ้าท่านมีโรคซีดโรค
00:09:11 → 00:09:14 โลหิตจางมากๆนะครับค่า a1c ของท่านเนี่ย
00:09:14 → 00:09:18 มันก็จะต่ำแต่มันต่ำแบบปลอมนะครับมันหมาย
00:09:18 → 00:09:20 ความว่าอะไรหมายความว่าจริงๆอ่ะน้ำตาลใน
00:09:20 → 00:09:23 เลือดของท่านน่ะสูงแต่ a1c ที่ตรวจมาได้
00:09:23 → 00:09:26 เนี่ยมันต่ำนะครับอ่ากรณีนี้นี่แหละครับ
00:09:26 → 00:09:29 ที่ a1c เนี่ยจะเริ่มมีปัญหาในการใช้ละ
00:09:29 → 00:09:31 เราอาจจะต้องใช้ตัวอื่นมาประกอบเช่นการ
00:09:31 → 00:09:34 เจาะเลือดดูน้ำระดับน้ำตาลจริงๆดูว่าที่
00:09:34 → 00:09:37 ผ่านมาท่านมีน้ำตาลคุมได้แค่ไหนนะครับ
00:09:37 → 00:09:40 แล้วก็มีอีกตัวนึ่งซึ่งอาจจะใช้ได้ในทาง
00:09:40 → 00:09:42 การแพทย์เราก็ใช้กันนะครับแต่ว่าเอ่อตรง
00:09:42 → 00:09:45 เนี้ยอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จักนะครับคำๆ
00:09:45 → 00:09:47 นี้ชื่อว่า
00:09:47 → 00:09:51 ฟุตซอฟุตซี่มันก็คือเป็นการที่น้ำตาลของ
00:09:51 → 00:09:54 เราเนี่ยครับไปกลับกับโปรตีนในร่างกายโดย
00:09:54 → 00:09:56 เฉพาะอัลบูมินซึ่งเป็นโปรตีนที่เจอเยอะ
00:09:56 → 00:09:59 ที่สุดในร่างกายนะครับตรงเนี้ยก็นทำหน้า
00:09:59 → 00:10:02 ที่เหมือนกับตัวของ a1c เลยนะครับแต่
00:10:02 → 00:10:05 albumin เนี่ยมันเป็นโปรตีนซึ่งมันจะ
00:10:05 → 00:10:07 อยู่ในร่างกายเราสักประมาณ 20 วันมันก็จะ
00:10:08 → 00:10:11 หมดไปนะครับแล้วมันก็สร้างใหม่นะครับถ้า
00:10:11 → 00:10:14 เราใช้ฟรุคโตสเนี่ยมันจะเป็นการบ่งบอกว่า
00:10:14 → 00:10:17 น้ำตาลที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลาประมาณ 2
00:10:17 → 00:10:20 อาทิตย์ของเรามันอยู่ที่เท่าไหร่นะครับ
00:10:20 → 00:10:24 ฟุตามิก็จะใช้ตรงนี้นะแต่ว่าฟุตามิก็จะมี
00:10:24 → 00:10:27 วิธีในการใช้เหมือนกันคือเมื่อกี้ที่ผม
00:10:27 → 00:10:32 บอกว่า A1 C6 เท่ากับน้ำตาล 120 นะครับ
00:10:32 → 00:10:34 a1c 6 เนี่ยเท่ากับ
00:10:34 → 00:10:37 ฟุตซิลนี้เดี๋ยวผมขึ้นตารางไว้ให้ท่านก็
00:10:37 → 00:10:39 ดูที่ตารางเลยนะครับ
00:10:39 → 00:10:42 อ่ามันสามารถเทียบเคียงกันได้นะครับคือ
00:10:43 → 00:10:47 240 ของ
00:10:47 → 00:10:51 ฟุตซาตินนะแล้วฟุตามิเนี่ยมันจะเพิ่มขึ้น
00:10:51 → 00:10:55 ทีละ 50 อันนี้จะงงหน่อยละนะครับเช่น 240
00:10:55 → 00:10:58 เนี่ยถ้าบวกไปอีก 50 ก็คือเป็น 290 ของ
00:10:58 → 00:11:01 ฟุตซาตินอันเนี้ยจะประมาณได้เท่ากับการ
00:11:01 → 00:11:04 เพิ่มของน้ำตาล 30 ก็คือ 120 ไปเป็น 150
00:11:04 → 00:11:07 ดังนั้นหมายความว่าฟรุตซีสูง 290 เท่ากับ
00:11:07 → 00:11:10 น้ำตาลประมาณ 150 แล้วก็อย่างนี้ไปเรื่อย
00:11:10 → 00:11:13 ๆนะครับอ่าแล้วก็ลองไปคำนวณกันเล่นๆจะได้
00:11:14 → 00:11:16 ทราบความหมายของน้ำตาลสะสมว่ามันเป็นยัง
00:11:16 → 00:11:20 ไงนะครับอ่าทีนี้ล่าสุดผมอยากจะบอกถึง
00:11:20 → 00:11:23 วิธีในการตรวจน้ำตาลอีกอย่างซึ่งเมืองไทย
00:11:24 → 00:11:26 เนี่ยมีใช้แล้วนะครับแต่ยังเจอยังไม่ค่อย
00:11:26 → 00:11:29 บ่อยเท่าไหร่นะครับนั่นก็คือคำว่า cgm
00:11:29 → 00:11:32 หรือ Continuous glucose monitoring นะ
00:11:32 → 00:11:35 ฮะปกติคนที่เป็นเบาหวานเนี่ยต้องเจาะปลาย
00:11:35 → 00:11:37 นิ้วถูกมั้ยครับเจาะแล้วเอาไปตรวจกับ
00:11:37 → 00:11:38 เครื่องเจาะแล้วไปตรวจกับเครื่องแต่ไอ้
00:11:38 → 00:11:41 เครื่อง cgm เนี่ยไม่นะฮะเครื่อง cgm
00:11:41 → 00:11:43 เนี่ยมันจะเป็นเหมือนเป็นตัวรับเป็นสี่
00:11:43 → 00:11:45 เหลี่ยมแล้วมีเข็มเล็กๆนะฮะเราแปะไว้ตรง
00:11:45 → 00:11:47 หน้าท้องหรือว่าตรงแขนหรือตรงไหนก็ได้ที่
00:11:47 → 00:11:50 เราแปะได้นะครับจิ้มเหมืออย่างงั้นเลยมัน
00:11:50 → 00:11:52 จะมีเข็มเล็กๆจิ้มเข้าไปใต้ผิวหนังของเรา
00:11:52 → 00:11:55 แล้วมันจะอ่านค่าน้ำตาลของเราตลอดเวลา 24
00:11:55 → 00:11:57 ชมเลยแลไอ้ตัวเนี้ยมันอยู่ได้ประมาณสัก
00:11:57 → 00:11:59 อาทิตย์ 1 -1 วันหรือบางคนคนก็มากกว่า
00:11:59 → 00:12:01 นั้นด้วยนะครับก็ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้อง
00:12:01 → 00:12:05 ไปเจาะบ่อยๆนะฮะแล้วมันก็ต่อสัญญาณเชื่อม
00:12:05 → 00:12:08 เข้ากับแอปพลิเคชันในตัวมือถือของเราเลย
00:12:08 → 00:12:10 นะครับบอกว่าเอ๊ะน้ำตาลของเรามันสูงเกิน
00:12:10 → 00:12:12 ไปแล้วนะเราควรจะต้องฉีดอินซูลินนะครับ
00:12:12 → 00:12:14 หรือว่าเราต้องระวังอาหารที่เราทานมื้อ
00:12:14 → 00:12:16 ต่อไปนะครับหรือถ้าน้ำตาลมันต่ำมันก็จะ
00:12:16 → 00:12:19 เตือนเราด้วยเฮ้แบบนี้น้ำตาลต่ำอันตราย
00:12:19 → 00:12:21 ท่านจะต้องหารีบรีบหาอะไรเข้าไปกินแล้วนะ
00:12:21 → 00:12:25 นะครับนี่คือเทคโนโลยีของ cgm หรือ
00:12:25 → 00:12:26 Continuous glucose monitoring ที่
00:12:26 → 00:12:29 เมืองไทยมีแล้วนะครับแต่ว่ายังไม่ค่อยเจอ
00:12:29 → 00:12:31 ใช้กันเท่าไหร่นะครับส่วนใหญ่เราจะใช้ใน
00:12:31 → 00:12:33 คนที่เ่อเป็นเบาหวานมากๆแล้วจำเป็นจะต้อง
00:12:33 → 00:12:36 ใช้อินซูลินระดับสูงนะครับทำให้การตรวจ
00:12:36 → 00:12:38 อะไรพวกเนี้ยมันจะลำบากขึ้นหรือบางคนต้อง
00:12:38 → 00:12:42 ใช้อินซูลินปั๊มนะอินซูลินปั๊มก็อาจะแตก
00:12:42 → 00:12:45 ต่างจากอินซูลินธรรมดาซึ่งอินซูลินธรรมดา
00:12:45 → 00:12:47 เนี่ยปกติเราฉีดเรื่อยๆถูกมั้ยครับ
00:12:47 → 00:12:49 อินซูลินปั๊มเนี่ยมันจะมีเข็มเข้าไปใต้
00:12:49 → 00:12:52 ใต้ผิวหนังเรานะครับแล้วมันก็จะฉีด
00:12:52 → 00:12:54 อินซูลินเข้าไปเรื่อยๆตลอดเวลาตามที่ร่าง
00:12:54 → 00:12:56 กายเราต้องการหมายความว่าเราต้องตั้ง
00:12:56 → 00:12:58 เครื่องหมอเต้องตั้งเครื่องไว้นะครับแล้ว
00:12:58 → 00:13:00 เครื่องมันก็จะจ่ายอินซูลินตามที่ร่างกาย
00:13:00 → 00:13:03 เราควรจะต้องใช้นะฮะดังนั้นนี่ก็เลยเอามา
00:13:03 → 00:13:06 คุยเล่นๆว่าเออสรุปแล้วเบาหวานเนี่ยมัน
00:13:06 → 00:13:08 เป็นโรคซึ่งทำลายเส้นเลือดเป็นหลักนะครับ
00:13:08 → 00:13:10 อวัยวะทุกอวัยวะมีเส้นเลือดดังนั้นมันจะ
00:13:10 → 00:13:13 มีปัญหาได้ทุกๆอวัยวะถ้าเกิดน้ำตาลเราคุม
00:13:13 → 00:13:15 ไม่ดีนะครับน้ำตาลในคนปกติน่าจะอยู่ที่
00:13:16 → 00:13:18 ประมาณซัก 70 -130 แถวๆนี้นะครับไม่ควร
00:13:18 → 00:13:21 เกินนี้นะครับการวินิจฉัยเบาหวานเนี่ยถ้า
00:13:21 → 00:13:23 เราอดอาหารไป 12 ชั่วโมงแล้วเราไปตรวจนะ
00:13:24 → 00:13:27 ครับก็เราจะเจอว่าน้ำตาลของเราเนี่ยไม่
00:13:27 → 00:13:30 ควรจะเกิน 126 ถ้า 126 ทั้งหมด 2 ครั้ง
00:13:30 → 00:13:32 เป็นต้นไปแปลว่าเราเป็นเบาหวานนะครับถ้า
00:13:32 → 00:13:35 เราตรวจน้ำตาลสะสมหรือฮีโมโกลบิน a1c นะ
00:13:35 → 00:13:38 ครับ 6.5 ขึ้นไปแปลว่าเราเป็นเบาหวานนะ
00:13:38 → 00:13:42 ครับแล้วก็อ่าผมขึ้นตารางไว้ให้นะครับว่า
00:13:42 → 00:13:46 ค่าฮีโมโกลบิน a1c มันมีความสัมพันธ์
00:13:46 → 00:13:48 อย่างไรกับค่าน้ำตาลทั่วๆไปที่เราเจาะนะ
00:13:48 → 00:13:53 ครับอ่าเช่นฮีโมโกลบิน a1c = 7 มันหมาย
00:13:53 → 00:13:56 ความว่าน้ำตาลของเราเนี่ยคือ 120 + 30
00:13:56 → 00:13:59 เป็น 150 หมายความว่าที่ผ่านมา 3 เดือน
00:13:59 → 00:14:02 น้ำตาลของเราอยู่ประมาณ 150 ตลอดนะครับ
00:14:02 → 00:14:05 อันนี้เป็นการใช้ a1c นะครับมันจะใช้ a1c
00:14:05 → 00:14:08 ไม่ได้ในกรณีที่เม็ดเลือดแดงของท่านมี
00:14:08 → 00:14:10 น้อยเช่นโลหิตจางต่างๆหรือเม็ดเลือดแดง
00:14:10 → 00:14:13 แตกง่ายเป็นต้นนะครับถ้าใครมีข้อสงสัย
00:14:13 → 00:14:15 อะไรก็สอบถามมาได้นะครับวันนี้เท่านี้นะ
00:14:15 → 00:14:20 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ