00:00:37 → 00:00:37 คุณหมอค่ะ
00:00:37 → 00:00:40 เดี๋ยวก่อนทีมงานค่ะขอกาแฟเย็นแก้วนึงค่ะ
00:00:40 → 00:00:43 คุณแนนเอาอีกแล้วดื่มแต่กาแฟ
00:00:43 → 00:00:44 ไม่ได้หรอคะ
00:00:44 → 00:00:46 ไม่ดีหรอกยิ่งตอนนี้ช่วงโควิดอยู่นะ
00:00:46 → 00:00:48 ควรจะดื่มน้ำอะไรที่
00:00:48 → 00:00:50 ให้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้วเพิ่มภูมิต้านทาน
00:00:51 → 00:00:52 ควรจะเป็นน้ำอะไรคะคุณหมอ
00:00:52 → 00:00:53 น้ำด่างสิคะ
00:00:53 → 00:00:54 งั้นวันนี้เราคุยเรื่องนี้หรอคะเนี้ย
00:00:54 → 00:00:55 คุยเรื่องนี้เลยค่ะ
00:00:55 → 00:00:57 อะงั้นก่อนจะคุยกันเราสวัสดีผู้ชมกันก่อน
00:00:57 → 00:00:59 สวัสดีค่ะ
00:00:59 → 00:01:00 ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ
00:01:00 → 00:01:01 คุยกับหมออัจจิมา
00:01:01 → 00:01:04 อย่างที่คุณหมอบอกไปว่าช่วงนี้เราควรจะดื่มหรือ ว่า
00:01:04 → 00:01:05 ทานอะไรที่มีประโยชน์
00:01:05 → 00:01:07 วันนี้เราพูดถึงถึงน้ำจะด่างหรอคะ
00:01:07 → 00:01:08 ใช่แล้วค่ะ
00:01:08 → 00:01:09 น้ำด่างคืออะไร
00:01:09 → 00:01:12 มีประโยชน์ยังไงแล้วเราควรจะดื่มไหมเนี่ย
00:01:12 → 00:01:13 เพราะฉะนั้นน่าสนใจมากๆ
00:01:13 → 00:01:16 วันนี้จะบอกว่ามีหลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนด้วย
00:01:17 → 00:01:18 ต้องติดตามนะคะคุณผู้ชม
00:01:35 → 00:01:37 ได้เวลาของหมอชวนคุยในสัปดาห์นี้นะคะ
00:01:37 → 00:01:38 ช่วงนี้ของเราสนับสนุนโดย
00:01:38 → 00:01:41 นวัตกรรมกันแดดใหม่สำหรับเด็กและ
00:01:41 → 00:01:42 ทารกในเฮลิโอแคร์
00:01:42 → 00:01:46 ที่ปกป้องแสงได้ทุกรังสีด้วยเฟิร์นบล็อกเทคโนโลยี
00:01:46 → 00:01:47 จะบอกว่าสำคัญมากนะคะคุณหมอ
00:01:47 → 00:01:49 สำคัญมากจะเลือกกันแดด
00:01:49 → 00:01:50 สำหรับลูกน้อยสำหรับ
00:01:50 → 00:01:53 เด็กเล็กต้องเลือกกันแดดที่มีงานวิจัย
00:01:53 → 00:01:54 นี่ไงคะ
00:01:54 → 00:01:56 เรามาเข้าช่วงเราดีกว่า
00:01:56 → 00:01:57 วันนี้เรื่องที่คุณหมอชวนคุยเนี่ย
00:01:57 → 00:01:59 น่าจะตอบข้อสงสัยของใครหลายๆคนได้
00:02:00 → 00:02:02 เพราะเราจะพูดถึงเรื่องของน้ำด่าง
00:02:02 → 00:02:04 หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ
00:02:04 → 00:02:05 อัลคาไลน์ วอเตอร์
00:02:06 → 00:02:09 ที่เรารู้จักกันเนี่ยน้ำด่างได้ยินมาเยอะมาก
00:02:09 → 00:02:10 คุณหมอค่ะเอาใน
00:02:10 → 00:02:13 ความความรู้สึกส่วนตัวที่เคยได้ยินมานะคะ
00:02:13 → 00:02:15 มันจะมีในอินเตอร์เน็ตแชร์กันเยอะมากว่า
00:02:15 → 00:02:17 ดื่มน้ำด่่างเนี่ยป้องกันหรือว่าลด
00:02:17 → 00:02:19 ความเสี่ยงโรคมะเร็ง
00:02:19 → 00:02:20 โรคเก๊าท์ เบาหวาน
00:02:20 → 00:02:22 กรดไหลย้อน นู่นนี่นั่นเยอะแยะมากมาย
00:02:22 → 00:02:23 มันจริงหรือไม่
00:02:24 → 00:02:25 วันนี้ต้องมาหาคำตอบกัน
00:02:25 → 00:02:26 ใช่แล้วค่ะ
00:02:26 → 00:02:27 แต่ก่อนอื่นนะต้องให้คุณ
00:02:27 → 00:02:29 หมอเนี่ยเล่าให้เราฟังให้ผู้ชมได้
00:02:29 → 00:02:30 ทำความรู้จักกันก่อนว่า
00:02:31 → 00:02:32 จริงๆแล้วน้ำด่าง
00:02:32 → 00:02:33 คืออะไรคะคุณหมอ
00:02:33 → 00:02:34 ต้องบอกว่า
00:02:34 → 00:02:37 น้ำด่างหรืออัลคาไลน์ วอเตอร์เนี่ยก็คือน้ำดื่ม
00:02:37 → 00:02:39 ที่มันมีความเป็นด่าง
00:02:39 → 00:02:41 คือโดยทั่วไปเนี่ยต้องบอกว่าน้ำดื่ม
00:02:41 → 00:02:43 ของเราเนี่ยจะมีลักษณะที่
00:02:43 → 00:02:44 มีค่า pH ประมาณ 7
00:02:44 → 00:02:45 หรือเป็นกลางๆ
00:02:45 → 00:02:46 ค่ะ
00:02:46 → 00:02:47 แต่ว่าในน้ำด่างเนี่ย
00:02:47 → 00:02:48 ส่วนใหญ่แล้วค่า pH มันก็จะ
00:02:48 → 00:02:50 ขึ้นไปถึง 8-9
00:02:50 → 00:02:52 ในน้ำด่างเนี่ยมันจริงๆแล้วมันมีแร่ธาตุ
00:02:53 → 00:02:55 ที่ร่างกายต้องการอยู่มากมายอย่างเช่น
00:02:55 → 00:02:56 กลุ่มของแคลเซียม
00:02:56 → 00:02:58 นะกลุ่มของโพแทสเซียม
00:02:58 → 00:02:59 กลุ่มของโซเดียม
00:02:59 → 00:03:00 กลุ่มของแมกนิเซียม
00:03:00 → 00:03:02 ซึ่งร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้เยอะมาก
00:03:02 → 00:03:03 แล้วก็มันเป็น
00:03:03 → 00:03:06 ส่วนประกอบที่เอาไป ใช้ในการทำงานใน
00:03:06 → 00:03:08 ไซเคิลต่างๆของร่างกายที่สำคัญ
00:03:09 → 00:03:10 นะแล้วก็
00:03:10 → 00:03:12 โมเลกุลของน้ำด่างเขาจะมีขนาดเล็ก
00:03:12 → 00:03:13 เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้
00:03:14 → 00:03:17 ร่างกายเนี่ยสามารถจะดูดซึมน้ำเอาไปใช้ในส่วนต่างๆ
00:03:17 → 00:03:18 ได้ง่าย
00:03:18 → 00:03:19 แล้วก็ขับออกได้ง่าย
00:03:19 → 00:03:21 นั่นก็หมายว่ามันช่วยในเรื่องของ
00:03:21 → 00:03:23 การขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
00:03:24 → 00:03:24 แต่ว่าพอเราพูด
00:03:24 → 00:03:27 ถึงในเรื่องของความเป็นกรดด่างหรือ PH เนี่ย
00:03:28 → 00:03:29 ถามว่ามันเป็นประโยชน์
00:03:29 → 00:03:31 ที่แท้จริงไหม
00:03:31 → 00:03:33 สำหรับเวลาเราพูดถึงว่า
00:03:33 → 00:03:34 เราจะต้องดื่มน้ำด่าง
00:03:34 → 00:03:35 ค่ะ
00:03:35 → 00:03:37 ถ้าถามคำถามเนี่ยจะบอกว่าไม่ใช่แล้ว
00:03:37 → 00:03:38 เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:03:38 → 00:03:40 ความเป็นกรดด่างหรือการ
00:03:40 → 00:03:42 ปรับความเป็นกรดด่างของร่างกาย
00:03:42 → 00:03:43 ไม่ได้อาศัยจาก
00:03:43 → 00:03:44 การดื่มน้ำด่าง
00:03:45 → 00:03:47 เพราะว่าร่างกายของมนุษย์เราเนี่ยเขา
00:03:47 → 00:03:48 เขามี
00:03:48 → 00:03:50 คุณสมบัติในการที่จะ
00:03:51 → 00:03:52 ปรับสมดุลของตัวเอง
00:03:52 → 00:03:53 เพื่อจะทำให้
00:03:54 → 00:03:55 PH ในร่างกายเนี่ย
00:03:55 → 00:03:56 มันอยู่ในช่วง
00:03:56 → 00:03:59 ประมาณซัก 7.35 ถึง 7.45
00:03:59 → 00:04:00 ซึ่งอันเนี้ย
00:04:00 → 00:04:02 คือร่างกายเนี่ยเขามีระบบของเขาอยู่แล้ว
00:04:02 → 00:04:04 ก็จะปรับให้มันมี
00:04:04 → 00:04:05 ความเป็นกรดด่างในร่างกายที่
00:04:05 → 00:04:07 อยู่ในภาวะที่ร่างกายทำงานได้ปกติ
00:04:08 → 00:04:09 คือสาเหตุที่
00:04:09 → 00:04:11 มีความนิยมของการ
00:04:11 → 00:04:12 ดื่มน้ำด่าง
00:04:12 → 00:04:14 เพื่อที่จะไปปรับ
00:04:14 → 00:04:15 PHเนี่ยอันนี้ไม่ใช่
00:04:16 → 00:04:18 แต่มันถูกดึงประโยงว่า
00:04:18 → 00:04:21 เวลาที่ร่างกายของมนุษย์เป็นกรดเนี่ย
00:04:21 → 00:04:22 เซลล์จะเกิดความเสื่อม
00:04:23 → 00:04:25 แล้วเซลล์จะเกิดการทำลายแล้วก็มี
00:04:25 → 00:04:27 ความเสี่ยงของการเป็นโรคที่เป็นโรค
00:04:27 → 00:04:29 เรื้อรังทั้งหลายเวลาที่ร่างกายเป็น
00:04:29 → 00:04:30 อยู่สภาวะที่เป็นกรดมากๆ
00:04:30 → 00:04:32 เนื่องจากว่าในระยะยาวเนี่ยเราพบว่า
00:04:32 → 00:04:34 ในสภาพแวดล้อมที่เป็น
00:04:34 → 00:04:37 กรดจะทำให้โครงสร้างการทำงานของเซลล์เนี่ย
00:04:37 → 00:04:40 มีความเสียหายได้ง่ายเซลล์มีความเสื่อมได้ง่าย
00:04:40 → 00:04:40 แล้วก็
00:04:41 → 00:04:41 มีการ
00:04:41 → 00:04:44 ทำลายของเซลล์ได้ง่ายแล้วเซลล์ที่ถูกทำลายเนี่ย
00:04:44 → 00:04:46 ก็จะยิ่งสร้างความเป็นกรด
00:04:46 → 00:04:47 เพิ่มเข้าไปอีก
00:04:47 → 00:04:49 แล้วก็ไปผูกว่าโอเคนะ
00:04:49 → 00:04:52 ดื่มน้ำด่างปุ๊บร่างกายคุณจะต้องเป็นด่าง
00:04:52 → 00:04:54 แต่ว่าจริงๆแล้วน้ำด่างเองมีประโยชน์
00:04:55 → 00:04:56 ถ้าสมมุติว่าเราดื่มน้ำด่างแต่
00:04:57 → 00:04:58 สภาพร่างกายของคุณ
00:04:58 → 00:05:00 ปรับไม่ได้มันก็มีประโยชน์อะไร
00:05:01 → 00:05:02 อันนี้ซึ่งจริงๆอะ
00:05:03 → 00:05:04 คำถามที่ว่า
00:05:05 → 00:05:06 ถ้าอย่างงั้นแล้วเนี่ย
00:05:06 → 00:05:08 มันส่งผลต่อร่างกายจริงๆหรือเปล่า
00:05:08 → 00:05:09 ต้องบอกว่า
00:05:09 → 00:05:10 ความเป็นกรดด่างของร่างกายของเราอ่ะ
00:05:10 → 00:05:13 จริงที่มันขึ้นอยู่กับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
00:05:13 → 00:05:15 เพราะว่ามันจะมีอาหารบางอย่าง
00:05:15 → 00:05:16 ซึ่งมีคุณสมบัติในการที่ทำให้เกิด
00:05:17 → 00:05:17 กรดในร่างกาย
00:05:18 → 00:05:19 ได้มากหรืออาหารบางอย่าง
00:05:19 → 00:05:20 ไปสร้างด่าง
00:05:20 → 00:05:23 หรืออาหารบางอย่างสร้างความเป็นกลาง
00:05:23 → 00:05:25 ในกรณีที่เราเนี่ยรับประทานอาหารที่สร้าง
00:05:25 → 00:05:26 กรดอย่างเช่น
00:05:26 → 00:05:29 รับประทานอาหารแปรรูปรับประทานอาหารเนื้อสัตว์
00:05:29 → 00:05:30 ในกลุ่มอาหารพวกเนี้ย
00:05:30 → 00:05:32 เข้าไปร่างกายก็จะมีความเป็นกรด
00:05:32 → 00:05:32 มาก
00:05:33 → 00:05:34 แต่ถ้า
00:05:34 → 00:05:38 เรามีสภาพของการทำงานของไตหรือ
00:05:38 → 00:05:39 ปอดที่ปกติ
00:05:39 → 00:05:42 มันก็จะปรับสมดุลให้ร่างกายของเรา
00:05:42 → 00:05:44 แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามภาวะตรงนี้ผิดปกติ
00:05:44 → 00:05:46 ไปร่างกายทำงานไม่ได้อย่างเช่น
00:05:46 → 00:05:48 ในกรณีของคนที่เป็นโรคเบาหวาน
00:05:49 → 00:05:50 อันนี้ก็จะมีปัญหาเพราะว่า
00:05:50 → 00:05:51 ประสิทธิภาพในการ
00:05:51 → 00:05:53 ปรับการทำงานสมดุลของร่างกาย
00:05:54 → 00:05:56 ในเรื่องของความเป็นกรดด่างมันลดลง
00:05:56 → 00:05:58 ทีนี้ต้องบอกว่าในน้ำด่างเนี่ย
00:05:59 → 00:06:00 มันมาได้จาก
00:06:00 → 00:06:02 น้ำด่างที่เป็นธรรมชาติกับน้ำด่างที่
00:06:02 → 00:06:03 ผลิตขึ้น
00:06:03 → 00:06:05 ผลิตขึ้นหรือสังเคราะห์
00:06:05 → 00:06:07 ถามว่าตัวน้ำอัลคาไลน์เนี่ยแล้วมันมี
00:06:07 → 00:06:08 ประโยชน์อย่างไรล่ะ
00:06:08 → 00:06:11 งั้นการดื่มมันจริงๆแล้วมันก็จะช่วยในการ
00:06:11 → 00:06:12 ปรับสมดุลกรด
00:06:12 → 00:06:14 เกินในร่างกายได้ประมาณนึง
00:06:15 → 00:06:16 นอกจากเนี้ยน้ำด่าง
00:06:16 → 00:06:18 เวลาที่เรารับประทานเข้าไป
00:06:18 → 00:06:20 มันจะช่วยในกลุ่มของคนไข้ที่
00:06:21 → 00:06:22 มีการสร้าง
00:06:22 → 00:06:25 ความเป็นกรดสูงอย่างเช่นในระบบย่อยอาหาร
00:06:26 → 00:06:28 มันจะไปช่วยในการลดความเข้มข้นของน้ำย่อย
00:06:29 → 00:06:31 ในกระเพาะอาหารฉะนั้นมันก็จะช่วยในกลุ่มคนไข้ที่
00:06:31 → 00:06:34 มีปัญหาในเรื่องของกรดไหลย้อนอย่างเงี้ย
00:06:34 → 00:06:36 ทีนี้แต่ว่าถ้าเราสามารถจะได้น้ำด่าง
00:06:36 → 00:06:38 ธรรมชาติได้คุณแนนง่ายมากเลย
00:06:38 → 00:06:39 สมมุติเราต้องการที่จะ
00:06:40 → 00:06:42 ดื่มน้ำด่างจากชาติคุณแนนก็เอาน้ำแล้ว
00:06:42 → 00:06:43 บีบมะนาวใส่
00:06:43 → 00:06:45 คือกลายเป็นน้ำมะนาวน้ำมะนาวเนี่ย
00:06:46 → 00:06:47 คนจะสงสัยว่ามัน
00:06:47 → 00:06:48 มันมีความเป็นกรด
00:06:48 → 00:06:49 สูงทำไมมันถึงกลายเข้าเป็น
00:06:49 → 00:06:51 ด่างได้เพราะว่ามันเปรี้ยวใช่ไหม
00:06:51 → 00:06:52 มันเหมือนกับมีฤทธิ์เป็นกรด
00:06:53 → 00:06:54 แต่เวลาที่ดื่มเข้าไปในร่างกาย
00:06:55 → 00:06:57 แร่ธาตุที่มีประจุลบในกรดของมะนาวเวลาที่
00:06:58 → 00:07:00 ดูดซึมเข้าไปในแสเลือด
00:07:00 → 00:07:01 มันจะปล่อย
00:07:02 → 00:07:03 ประจุลบให้กับกรด
00:07:03 → 00:07:04 มันก็เลยตัวมันก็เลยกลายเป็นด่าง
00:07:05 → 00:07:06 นั้นก็เลยเป็นสาเหตุว่า
00:07:06 → 00:07:07 น้ำมะนาวเนี่ย
00:07:07 → 00:07:09 จัดว่าเป็นอาหารสร้างด่าง
00:07:09 → 00:07:11 นอกเหนือจากน้ำด่างที่เราได้จากการ
00:07:11 → 00:07:13 ดื่มน้ำตามธรรมชาติ
00:07:13 → 00:07:14 ซึ่งมันผ่าน
00:07:14 → 00:07:17 หินผ่านอะไรมาแล้วก็มีแร่ธาตุต่างๆ
00:07:17 → 00:07:18 อันนั้นอาจจะหาทานยาก
00:07:19 → 00:07:21 อันนั้นก็คือน้ำพวก
00:07:21 → 00:07:23 น้ำแร่ น้ำแร่ที่เรา
00:07:23 → 00:07:27 ที่มี ราคาสูงบรรจุขายที่มีราคาสูง
00:07:27 → 00:07:28 ที่มาจากธรรมชาติอันนี้ก็
00:07:28 → 00:07:30 จัดว่าเป็นน้ำด่างธรรมชาติชนิดหนึ่ง
00:07:30 → 00:07:31 ค่ะ
00:07:32 → 00:07:34 แต่ทำง่ายเลยน้ำมะนาวเช้าๆเนี้ย
00:07:34 → 00:07:36 ที่เขาบอกว่ามันช่วยเรื่องของการขับพิษ
00:07:37 → 00:07:39 ช่วยดีท็อกซิฟิเคชั่นก็คืออันนี้แหละ
00:07:39 → 00:07:41 นะคะมันก็คือจะช่วยทำให้
00:07:41 → 00:07:42 มีการขับล้าง
00:07:42 → 00:07:44 พิษออกจากเซลล์ได้ง่ายขึ้น
00:07:45 → 00:07:46 สรุปแล้วเนี่ยเรา
00:07:46 → 00:07:47 ก็ได้ทราบแล้วว่า
00:07:47 → 00:07:49 น้ำด่างเนี่ยมันมีทั้งเกิดตามธรรมชาติ
00:07:49 → 00:07:50 แล้วก็น้ำด่างที่
00:07:50 → 00:07:51 สังเคราะห์ขึ้นแล้ว
00:07:51 → 00:07:53 ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณประโยชน์มากมาย
00:07:53 → 00:07:54 แต่มันก็จะมีคำถามมาว่า
00:07:55 → 00:07:57 จริงๆที่เขาแชร์กันในอินเตอร์เน็ตว่า
00:07:57 → 00:07:59 น้ำด่างดื่มแล้วรักษาโรค
00:07:59 → 00:08:00 นู้นนี่นั่นได้
00:08:00 → 00:08:01 จริงไหม
00:08:01 → 00:08:02 ติดตามตอนต่อไป
00:08:02 → 00:08:03 ช่วงหน้าค่ะ
00:08:03 → 00:08:04 คุยกันต่อตอนนี้พักสักครู่
00:08:04 → 00:08:06 ขอจิบน้ำด่างแป๊บนึงก่อนนะคะ
00:08:07 → 00:08:09 ช่วงสุดท้ายของหมอชวนคุยวันนี้นะคะ
00:08:09 → 00:08:11 ช่วงนี้ของเราสนับสนุนโดย
00:08:11 → 00:08:15 ออลติซินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดูแลรูปร่าง
00:08:15 → 00:08:18 ช่วงนี้อาจจะกินหนักออกกำลังกายน้อยนะคะคุณหมอ
00:08:18 → 00:08:19 ให้ตัวช่วยอย่างออลติซินดูแล
00:08:19 → 00:08:21 รูปร่างให้คุณก็แล้วกันนะคะ
00:08:21 → 00:08:23 มาค่ะคำถามเด็ด
00:08:23 → 00:08:25 ที่คุณผู้ชมอยากรู้ก็คือสรุปแล้วคุณหมอคะ
00:08:25 → 00:08:27 น้ำด่างที่ว่าคุณประโยชน์มากมายเนี่ย
00:08:28 → 00:08:30 มันช่วยรักษาโรคได้จริงไหมคะคุรหมอ
00:08:31 → 00:08:32 อันนี้จริงๆแล้วต้องบอกว่า
00:08:32 → 00:08:34 มันเป็นคอนโทรลเวอร์ซีก็คือ
00:08:34 → 00:08:36 มันมีการถกเถียงมากทางการแพทย์จริงๆมัน
00:08:37 → 00:08:39 ได้จริงไหมมันมีประโยชน์จริงๆไหม
00:08:40 → 00:08:42 จริงหรือไม่เนี่ยมันขึ้นอยู่กับstudyหรือการศึกษา
00:08:43 → 00:08:44 แต่อ่า
00:08:44 → 00:08:45 หลายๆ
00:08:45 → 00:08:47 ต่อองค์กรทางการแพทย์
00:08:47 → 00:08:49 อย่างเช่นเมโยคลินิกเนี่ยเขาก็ออกมาบอกว่า
00:08:50 → 00:08:53 จริงๆแล้วน้ำที่ดีที่สุดของร่างกายมนุษย์
00:08:53 → 00:08:55 ก็คือน้ำธรรมดานี่เอง
00:08:55 → 00:08:57 คือมันยังไม่มี
00:08:57 → 00:08:59 หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากพอ
00:09:00 → 00:09:01 นะที่จะสรุป
00:09:01 → 00:09:02 เคลมทั้งหมดที่
00:09:03 → 00:09:05 เราเห็นทางอินเตอร์เน็ตหรือข้อมูลทั้งหลาย
00:09:05 → 00:09:06 มัน
00:09:06 → 00:09:09 เป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากน้ำด่างจริงๆ
00:09:10 → 00:09:12 ตัวที่เค้าเคลมว่าน้ำด่างมันมีประโยชน์ก็จะมีเรื่อง
00:09:12 → 00:09:13 ประโยชน์ที่กระดูก
00:09:14 → 00:09:15 นะเรื่องของแคลเซียม
00:09:15 → 00:09:16 ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็ง
00:09:16 → 00:09:18 นะประโยชน์ในเรื่องของ
00:09:18 → 00:09:19 การ
00:09:19 → 00:09:21 ลดปัญหาเรื่องของกดไหลย้อน
00:09:21 → 00:09:23 นะช่วยชะลอวัยช่วยในเรื่องของ
00:09:24 → 00:09:26 ลดความดันนะเบาหวานจริงแล้ว
00:09:26 → 00:09:27 ข้อมูลที่
00:09:27 → 00:09:30 เคลมว่ามันมีประโยชน์เนี่ยมันเยอะมากๆ
00:09:31 → 00:09:32 งั้นถ้าดูในเรื่องของ
00:09:32 → 00:09:33 หลักฐานทาง
00:09:33 → 00:09:36 การแพทย์ที่เค้าทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของ
00:09:36 → 00:09:36 กระดูก
00:09:36 → 00:09:38 กับเกี่ยวกับเรื่องของการป้องกัน
00:09:38 → 00:09:39 การเกิดกระดูกพรุน
00:09:39 → 00:09:42 ก็จะพบว่าหลักฐานที่มีเนี่ยมันไม่พอ
00:09:42 → 00:09:44 คือเอฟเฟคที่เกิดขึ้นเนี่ยเอฟเฟคมันน้อย
00:09:45 → 00:09:47 แล้วก็ไม่ได้เป็นรองเทอมไม่ได้เป็นระยะยาว
00:09:47 → 00:09:48 เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:09:48 → 00:09:50 นักวิทยาศาสตร์เขาไม่คิดว่ามันจะส่งผลประโยชน์
00:09:50 → 00:09:52 ที่ช่วยในเรื่องของสุขภาพของ
00:09:52 → 00:09:54 กระดูกแล้วก็ป้องกันการเกิดกระดูกพรุน
00:09:55 → 00:09:58 นอกจากนี้เนี่ยมันก็มีเคลมอีกว่า
00:09:58 → 00:10:00 มันช่วยในเรื่องของการป้องกันมะเร็ง
00:10:01 → 00:10:02 ซึ่งจริงๆแล้วก็เหมือนกัน
00:10:03 → 00:10:05 มันไม่มีหลักฐานพบ
00:10:05 → 00:10:08 ว่ามันสามารถที่จะช่วยในการป้องกันมะเร็งได้จริง
00:10:08 → 00:10:10 การเรารู้ว่าในภาวะของร่างกาย
00:10:10 → 00:10:12 ที่มีความเป็นกรดสูง
00:10:12 → 00:10:14 จะเอื้อต่อการ
00:10:14 → 00:10:16 เจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
00:10:17 → 00:10:19 แต่ว่ามันมีการศึกษาเหมือนกันนะคะ
00:10:19 → 00:10:21 โดยเขาพบว่าจริงๆไม่จำเป็นต้องรับประทานน้ำด่าง
00:10:22 → 00:10:24 เรารับประทานอาหารที่สร้างความเป็นด่าง
00:10:24 → 00:10:26 มันก็จะช่วยเรื่องของการ
00:10:26 → 00:10:28 เพิ่มActionหรือเพิ่มการออกฤทธิ์
00:10:29 → 00:10:31 นะของยาเคมีบางตัว
00:10:31 → 00:10:33 ที่ช่วยในการรักษามะเร็ง
00:10:33 → 00:10:35 มันก็เหมือนกับเป็นการประกอบ
00:10:35 → 00:10:37 มากกว่าที่จะเป็นตัวการรักษาหลัก
00:10:38 → 00:10:40 ภาวะอื่นมีอะไรอีกก็คือ
00:10:40 → 00:10:41 การรักษาภาวะ
00:10:41 → 00:10:42 กรดไหลย้อน
00:10:43 → 00:10:43 ซึ่งก็พบว่า
00:10:43 → 00:10:45 ตัวของน้ำด่าง
00:10:45 → 00:10:47 เวลาที่เราดื่มเข้าไปเนี่ย
00:10:47 → 00:10:49 เขาจะมีการศึกษาว่ามันช่วย
00:10:49 → 00:10:51 ในการทำให้เอนไซม์ที่เป็นกรด
00:10:51 → 00:10:53 ที่หลั่งมาออกจากกระเพาะอาหารเนี่ย
00:10:53 → 00:10:54 เพราะฉะนั้นก็จะช่วยทำให้
00:10:54 → 00:10:55 ความเป็นกรดมันลดลง
00:10:55 → 00:10:58 มันก็จะช่วยลดอาการกรดไหลย้อนได้
00:10:58 → 00:11:01 แต่ต้องบอกว่าจริงๆแล้วเนี่ยความเป็นกรด
00:11:01 → 00:11:02 ของเอนไซม์มีประโยชน์
00:11:03 → 00:11:05 ความเป็นกรดของเอนไซม์เนี่ยช่วยในการฆ่าเชื้อ
00:11:06 → 00:11:07 ความเป็นกรดของเอนไซม์ช่วย
00:11:07 → 00:11:08 ทำให้ระบบย่อยมันดีขึ้น
00:11:08 → 00:11:10 แล้วช่วยในเรื่องของการดูดซึมอาหาร
00:11:12 → 00:11:13 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราจะใช้
00:11:13 → 00:11:16 น้ำด่างในการที่จะช่วยในการลดความเป็นกรด
00:11:16 → 00:11:17 ของ
00:11:17 → 00:11:18 น้ำย่อยเนี่ย
00:11:18 → 00:11:19 เราก็ควรที่จะ
00:11:19 → 00:11:21 อย่าเพิ่งไปรับประทานอย่าเพิ่งไปดื่ม
00:11:22 → 00:11:24 หลังจากที่เราทานอาหารทันที
00:11:25 → 00:11:27 แทนที่จะทำให้ระบบได้เราดี
00:11:27 → 00:11:28 ขึ้นเราอาจจะทำให้ระบบย่อยเรา
00:11:28 → 00:11:29 แย่ลง
00:11:29 → 00:11:31 นะหรือทำให้การดูดซึมสารอาหารเรายิ่งมีปัญหา
00:11:32 → 00:11:33 นอกจากนี้มันก็มี
00:11:33 → 00:11:35 มีการเคลมอีกว่ามันช่วยในเรื่องของ
00:11:35 → 00:11:37 การลดความดันแล้วก็มี
00:11:37 → 00:11:39 ในเรื่องของการช่วยลดของภาวะ
00:11:39 → 00:11:40 เบาหวาน
00:11:40 → 00:11:42 ซึ่งจริงๆเนี่ยมันเป็นการศึกษาในประเทศจีน
00:11:42 → 00:11:43 นะซึ่งเขาพบว่า
00:11:43 → 00:11:46 ถ้าสมมุติว่าเราดื่มน้ำด่างเป็นเวลา 3-6 เดือน
00:11:46 → 00:11:48 มันช่วยในการลด
00:11:48 → 00:11:50 ความดันกับช่วยในการลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:11:51 → 00:11:52 แล้วก็ช่วยลดระดับ
00:11:52 → 00:11:53 ของไขมัน
00:11:53 → 00:11:54 แต่ว่าจริงๆแล้วอันนี้เนี่ย
00:11:54 → 00:11:56 มันก็มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง
00:11:56 → 00:11:58 มันมีการศึกษาประมาณสัก 5-6 ปี ที่แล้ว
00:11:58 → 00:11:59 พบว่า
00:11:59 → 00:12:00 น้ำด่าง
00:12:00 → 00:12:02 มันช่วยในการลดความข้นหรือความหนืด
00:12:02 → 00:12:04 ของเดือนซึ่งมันก็อาจจะเป็น
00:12:04 → 00:12:06 ตัวที่ช่วยในเรื่องของการลด
00:12:07 → 00:12:07 ความเสี่ยง
00:12:07 → 00:12:08 ของการเกิด
00:12:08 → 00:12:10 โรคหลอดเลือดหัวใจ
00:12:10 → 00:12:13 Study เนี่ยถูกทำถูกสปอนเซอร์โดยบริษัท
00:12:13 → 00:12:14 ที่ผลิตน้ำด่าง
00:12:15 → 00:12:16 งั้นความน่าเชื่อถือของ
00:12:16 → 00:12:18 การศึกษาเนี่ยก็เลยลดลง
00:12:19 → 00:12:19 เข้าใจและ
00:12:20 → 00:12:21 มีนักวิทยาศาสตร์
00:12:21 → 00:12:21 ทางการแพทย์
00:12:21 → 00:12:23 คือด็อกเตอร์ออตโต้ โวลเบิร์ก
00:12:23 → 00:12:25 เนี่ยเขาจริงๆเขาได้รางวัลโนเบลนะคุณแนน
00:12:25 → 00:12:26 ซึ่งเค้าเป็นคนพบ
00:12:27 → 00:12:29 ว่าสาเหตุของการเกิดโรคร้ายเนี่ย
00:12:29 → 00:12:30 เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เกิดจาก
00:12:30 → 00:12:31 ภาวะที่ร่างกายเป็นกรด
00:12:31 → 00:12:32 อันนี้คือสาเหตุ
00:12:32 → 00:12:34 ที่ทำไมเขาถึงเอาน้ำด่างมา
00:12:35 → 00:12:37 โอเวอร์เคลมต่างๆว่าช่วยรักษา
00:12:37 → 00:12:38 ใช่เพราะว่า
00:12:38 → 00:12:39 เซลล์ปกติเนี่ยจะมี
00:12:39 → 00:12:40 ค่า pH อยู่ประมาณสัก
00:12:40 → 00:12:41 7 กว่าๆ
00:12:41 → 00:12:43 ถ้าคุณเปลี่ยนสภาวะของร่างกายให้เป็นด่าง
00:12:44 → 00:12:46 เกิน 7.5 เกิน 8
00:12:46 → 00:12:48 เซลล์มะเร็งมันตายทันที
00:12:48 → 00:12:49 นั้นก็คือสาเหตุ
00:12:49 → 00:12:51 ทำไมเขาถึงพยายาม
00:12:51 → 00:12:53 จะเคลมว่ามัน
00:12:53 → 00:12:55 ช่วยมะเร็ง มันก็เลย
00:12:55 → 00:12:57 เป็นจุดเริ่มต้นของ
00:12:57 → 00:12:59 การทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของน้ำด่าง
00:13:00 → 00:13:02 งั้นทุกอย่างถามว่ามันมีประโยชน์ไหมมีประโยชน์
00:13:03 → 00:13:03 แต่
00:13:04 → 00:13:05 มันควรจะเป็นประโยชน์ที่
00:13:06 → 00:13:06 อยู่
00:13:06 → 00:13:07 ภายในหลักฐาน
00:13:08 → 00:13:09 ทางการแพทย์
00:13:10 → 00:13:11 พอสมควรคืออย่า
00:13:11 → 00:13:12 โอเวอร์เคลมมากเกินไป
00:13:12 → 00:13:14 เพราะว่าจริงๆมันมีประโยชน์
00:13:14 → 00:13:15 แต่
00:13:15 → 00:13:16 มันก็มีโทษเหมือนกัน
00:13:16 → 00:13:18 นี่แหละต้องถามเลยค่ะ
00:13:18 → 00:13:20 ว่าแล้วจริงๆพอเราฟังไปแล้วเรามองในมุมของ
00:13:20 → 00:13:22 ประโยชน์หรือแง่ดีของมันเนี่ยก็มีเยอะ
00:13:22 → 00:13:23 ใช่
00:13:23 → 00:13:23 คนฟังว่าอุ้ย
00:13:24 → 00:13:27 น้ำด่างกินแล้วดีมีประโยชน์ฉันกินๆๆอัดๆๆเข้าไป
00:13:27 → 00:13:28 มันจะมีผลข้างเคียงหรือมี
00:13:28 → 00:13:29 โทษยังไงบ้างไหมคะคุณหมอ
00:13:29 → 00:13:30 โทษของน้ำด่าง
00:13:31 → 00:13:32 ถามว่ามีอะไร
00:13:32 → 00:13:33 ง่ายๆเลย
00:13:33 → 00:13:34 เรารู้ว่ามัน effect
00:13:34 → 00:13:36 ต่อการทำงานของเอนไซม์
00:13:36 → 00:13:37 ในการย่อยอาหาร
00:13:38 → 00:13:40 ในร่างกายที่มีภาวะ
00:13:40 → 00:13:41 ความเป็นด่างสูงเกินไป
00:13:41 → 00:13:43 อาจจะส่งผล
00:13:43 → 00:13:44 ที่จะทำให้คนไข้มีอาการ
00:13:44 → 00:13:46 ผิดปกติได้อย่างเช่นอาจจะไม่ขึ้นไส้อาเจียน
00:13:46 → 00:13:47 อาจจะมี
00:13:47 → 00:13:50 มือสั้นอาจจะมีระบบประสาทที่ผิดปกติ
00:13:50 → 00:13:51 อาจจะมีอาการมึนงง
00:13:52 → 00:13:53 ได้ถ้าเราจะ
00:13:53 → 00:13:55 รับประทานให้มันปลอดภัยก็คือให้มัน
00:13:56 → 00:13:57 พอเหมาะพอควร
00:13:57 → 00:13:58 แล้วก็รักษา
00:13:58 → 00:14:00 ร่างกายให้มันมี
00:14:00 → 00:14:01 สุขภาพร่างกายที่มัน
00:14:01 → 00:14:03 แข็งแรงมันจะได้ทำงานเป็นปกติ
00:14:03 → 00:14:04 ค่ะ
00:14:04 → 00:14:07 ให้ไตปกติ ให้ระบบทางเดินหายใจปกติ
00:14:07 → 00:14:08 เพราะว่าอันนี้ต่างหาก
00:14:08 → 00:14:09 จริงๆแล้วเนี่ยมันเป็น
00:14:09 → 00:14:11 กลไกของร่างกายที่
00:14:11 → 00:14:13 จะทำหน้าที่ในการปรับสมดุลกรดด่างให้เรา
00:14:13 → 00:14:14 ค่ะ
00:14:14 → 00:14:14 อยู่แล้ว
00:14:14 → 00:14:15 ค่ะ
00:14:15 → 00:14:16 ถ้าเราไปรับประทาน
00:14:16 → 00:14:19 แต่น้ำด่างมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำด่างที่
00:14:19 → 00:14:21 มันทำจากสังเคราะห์นะคะ
00:14:21 → 00:14:22 เพราะนั้นมันอาจจะมี
00:14:22 → 00:14:25 การขาดพวกสารอาหารบางอย่างได้
00:14:25 → 00:14:27 ในบางบริษัทเขาถึงมี
00:14:27 → 00:14:28 การเติมสารอาหารเข้าไปอีก
00:14:29 → 00:14:29 แล้วก็
00:14:30 → 00:14:31 ในความรู้สึกของเราก็คือ
00:14:31 → 00:14:32 ทำไมเราจะต้อง
00:14:33 → 00:14:35 ไปดื่มน้ำที่
00:14:35 → 00:14:36 สังเคราะห์
00:14:36 → 00:14:37 ไปดื่มน้ำสังเคราะห์
00:14:37 → 00:14:39 ที่จะต้องเติมสารอาหารเข้าไปอีก
00:14:39 → 00:14:40 เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:14:40 → 00:14:42 ถ้าเราจะรับประทานน้ำด่าง
00:14:42 → 00:14:44 มันมีจากธรรมชาติที่เราได้ง่ายๆ
00:14:45 → 00:14:47 อาหารที่เป็นด่างก็ได้นะคะ
00:14:48 → 00:14:49 น้ำดื่มที่เป็นด่าง
00:14:49 → 00:14:51 อย่างเช่นน้ำมะนาวก็ได้
00:14:51 → 00:14:52 หรือน้ำแร่
00:14:52 → 00:14:55 ก็ได้ที่มันได้รับแร่ธาตุผ่านทาง
00:14:56 → 00:14:57 ธรรมชาติ หินโขด หินต่างๆ
00:14:57 → 00:14:57 ก็ได้
00:14:57 → 00:14:59 สิ่งที่นึงที่แนนคิดตามคุณหมอตลอดเวลาที่
00:15:00 → 00:15:01 ที่ฟังคุณหมอเล่าวันนี้ก็คือ
00:15:01 → 00:15:02 บางครั้งเนี่ย
00:15:02 → 00:15:03 เราหลงเชื่อ
00:15:04 → 00:15:06 สรรพคุณผ่านการโฆษณา
00:15:06 → 00:15:06 จริงๆ
00:15:06 → 00:15:08 น้ำดางเขาดีนะ
00:15:08 → 00:15:09 แต่เขาไม่ได้ดีขนาด
00:15:09 → 00:15:12 ที่บริษัทต่างๆโฆษณาใครที่
00:15:12 → 00:15:13 กำลังแบบว่า
00:15:13 → 00:15:15 ศึกษาเรื่องนี้อยู่เนี่ยคงจะได้เห็นอย่างชัด
00:15:15 → 00:15:15 เจนจาก
00:15:15 → 00:15:17 หลายๆแง่มุมจริงๆนะคะ
00:15:17 → 00:15:18 วันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ
00:15:18 → 00:15:21 ครั้งหน้าคุณหมอจะมีเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟังแบบนี้
00:15:21 → 00:15:24 หรือจะดูผ่านทางยูทูปก็ได้นะคุณหมอขา
00:15:24 → 00:15:27 ใช่ยูทูปพอดแคสต์นะคะมี
00:15:27 → 00:15:28 หลายๆช่องทางให้เราสามารถที่จะ
00:15:28 → 00:15:30 เข้าไปดูย้อนหลังได้
00:15:30 → 00:15:32 จริงๆเราทำมาน่าจะ 6-7 ปีแล้วอ่ะ นานมาก
00:15:32 → 00:15:33 นานมากๆแล้ว
00:15:33 → 00:15:35 นับไม่ถ้วนแล้วมากๆนะคะ
00:15:35 → 00:15:37 แค่เสิร์ชชื่อการคุยกับหมออัจจิมาแบบนี้นะคะ
00:15:37 → 00:15:39 วันนี้มันเวลาแล้วคุณหมอและแนนลาไปก่อน
00:15:39 → 00:15:41 สวัสดีค่ะ